ขายรถ, ประกันภัย

Carro และ frank.co.th
ขอมอบสิทธิพิเศษให้สำหรับคุณลูกค้าคนพิเศษ

กรุงเทพฯ: (31 กรกฎาคม 2561) frank.co.th สานต่อบริการให้ครบเครื่องมากยิ่งขึ้น คุณฮัรเปรม ดูวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท แฟรงค์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือเว็บไซต์  www.frank.co.th ผู้ให้บริการประกันออนไลน์แนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์, ประกันเดินทาง, ประกันอุบัติเหตุ และมีบริการรับต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.จักรยานยนต์ออนไลน์

จับมือกับ คุณมานิต โกการ์ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด หรือเว็บไซต์ th.carro.co ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสำหรับการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีคุณภาพสูง โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ต้องการเปลี่ยนให้การซื้อ-ขายรถเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับทุกคน จึงคิดค้นบริการขายด่วนอย่าง Carro express ที่ให้บริการสำหรับผู้ขายรถให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุด รวมทั้งรวดเร็ว ทันใจ และพร้อมให้บริการโดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น

ส่งต่อสิทธิพิเศษเพื่อลูกค้าคนพิเศษ โดยเฉพาะมีสิทธิพิเศษดังนี้ : ลูกค้า Frank ลงทะเบียนขายรถผ่าน QR Code ปิดการขายกับ Carro ได้รับเงิน 1,000 บาท ทันที!

ส่วนลูกค้า Carro รับส่วนลด 15% เมื่อซื้อประกันภัยทุกประเภท กับ frank ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Penguin Privilege (www.frank.co.th/penguin-privilege)

 

ขายรถ, ประกันภัย

 

เกี่ยวกับ: บริษัท แฟรงค์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (frank.co.th)

frank.co.th เป็นผู้นำแพลตฟอร์มให้บริการประกันออนไลน์ในเประเทศไทย ที่เน้นด้านการให้บริการลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง และยังมี ประกันออนไลน์ที่หลากหลายให้บริการ ได้แก่ ประกันรถยนต์ พ.ร.บ.รถยนต์, พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์, ประกันการเดินทาง และประกันอุบัติเหตุ รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า Frank อย่าง Penguin Privileges ซึ่งมีสิทธิพิเศษส่วนลดและโปรโมชั่นมากมาย

ซื้อประกันภัยออนไลน์

ต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ดีจริงหรือ ต้องพิจารณาปัจจัยใดบ้าง ?

ยุคออนไลน์ที่โซเชียลและอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ผู้ขับขี่รถยนต์คงมีคำถามว่าเลือกต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี เพราะมีบริษัทฯ ประกันรถยนต์ออนไลน์หลายแบรนด์ให้เลือกมากมายเต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูก แบบนี้จะต้องพิจารณาซื้อประกันรถยนต์จากอะไร

อย่าเพิ่งกังวลไปเพราะเรารวบรวมเทคนิคเลือกประกันรถยนต์ออนไลน์มาให้ชาว Carro แล้ว

 

1. พิจารณาจากความมั่นคง และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ

เพราะการซื้อประกันรถยนต์สักกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2/2+ หรือประกันชั้น 3/3+ แน่นอนว่าผู้ซื้อย่อมต้องการความคุ้มครองสูงสุด มีความคุ้มค่าดูแลชีวิตและทรัพย์สิน หากประสบกับเหตุไม่คาดฝัน นอกจากพิจารณาที่เบี้ยประกันราคาไม่แพง หรือมีราคาเหมาะสมแล้ว

การเลือกต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดีคุณจะต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ประกันภัยออนไลน์ กล่าวคือ ต้องมองหาเลขที่ใบอนุญาตตัวแทนนายหน้าประกันวินาศภัยที่บริษัทประกันนั้น ๆ ได้รับจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (ค.ป.ภ.) ซึ่งต้องระบุอย่างชัดเจน เช่น (OIC license for non-life insurance registration number : XXXXX/XXXX) บนเว็บไซต์ประกันออนไลน์นั้น ๆ ลองสังเกตดูให้ดีก่อนซื้อหรือต่อประกันรถยนต์นะ

 

2. พิจารณาการดูแลของบริษัทฯ

เนื่องจากการต่อประกันรถยนต์ คือ การซื้อการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เช่น รถชน, รถไฟไหม้, รถยนต์สูญหาย หรือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมจนรถเสียหายสตาร์ทไม่ติด เป็นต้น เพื่อให้ได้รับกรมธรรมคุ้มครองอุบัติเหตุเบื้องต้น

  • ดูแลค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ มีความจำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งทุพพลภาพถาวรและชั่วคราวจากอุบัติเหตุ
  • ชดเชยกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล ตามเงื่อนไขประกันรถยนต์ที่ระบุไว้
  • คุ้มครองหากเกิดคดีฟ้องร้อง และผู้เอาประกันเป็นฝ่ายถูก ประกันรถยนต์มีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีตามเงื่อนไขในกรมธรรม์

นอกจากพิจารณาเงื่อนไขกรมธรรม์เบื้องต้นที่เล่ามาแล้ว ก่อนต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ เราจะต้องพิจารณาจากบริการอื่น ๆ ที่มีเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น คือ มีบริการเสริมที่แตกต่างดูแลเราดีแค่ไหน เช่น บริการรถใช้ระหว่างซ่อมสำหรับประกันชั้น 1 จาก Frank หากประสบอุบัติเหตุ และมีความจำเป็นต้องส่งรถซ่อมในศูนย์หรือซ่อมอู่ ในเงื่อนไขที่รถยนต์คันนั้นไม่สามารถขับเคลื่อนได้  

ต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ที่ไหนดี3. พิจารณาจากรีวิวลูกค้า

จะต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ทั้งที ยุคมาร์เก็ตติ้ง 4.0 ที่สื่อโซเชียลมาแรงเช่นนี้ การรีวิวจากลูกค้าที่ใช้จริง หรือคะแนนความพึงพอใจเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อประกันต้องพิจารณาร่วมด้วย โดยพิจารณาจากการเสิร์ซหาข้อมูล เช่น “ประกันรถยนต์ที่ไหนดี” อ่านคอมเมนต์ตามเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เว็บไซต์ และบล็อกพันทิป ฯลฯ เพื่อตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์หรือต่อประกันรถออนไลน์ ว่าประกันแบรนด์นั้น ๆ มีบริการเป็นอย่างไรดีแค่ไหน ก็จะช่วยให้การตัดสินใจต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  

4. พิจารณาสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

ไม่มีใครอยากโชคร้าย ดังนั้น การต่อประกันติดรถยนต์ไว้ ถือเป็นการป้องกันภัยเบื้องต้น ดั่งสุภาษิตไทยที่ว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” หลาย ๆ คนอาจจะมีความคิดว่า “เราจะต่อประกันรถยนต์ไปทำไมในเมื่อก็ขับขี่ปลอดภัย และไม่ได้เบิกเคลมอยู่แล้ว” หากใครที่คิดเช่นนี้ เราอยากจะบอกว่า การที่เราไม่ได้เบิกเคลมประกันรถยนต์นั้นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ

ฉะนั้น การต่อประกันรถยนต์สักกรมธรรม์เราควรมองหาสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่ให้มากกว่าการคุ้มครองดูแลคุ้มครองด้านอุบัติเหตุ เช่น ของแถม, การให้ส่วนลดต่าง ๆ, ดีลพิเศษ พร้อมกับโปรโมชันดี ๆ ที่ตรงใจสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคุณ นี่ถือเป็นเรื่องโอเค ดีต่อใจ และคุ้มค่ากับกับการจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละปีไงล่ะจ้ะ

หลังจากอ่านจบแล้ว หวังว่าชาว Carro คงจะมีไอเดียต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กันแล้วนะครับ

 

ข้อมูลจาก Frank.co.th

Mazda-CX-3-2018-Collection

SUV Crossover โฉมล่าสุดจากมาสด้า ในราคา 879,000 – 1,189,000 บาท

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัว Compact SUV “Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection” (มาสด้า ซีเอ็กซ์–3 ใหม่ 2018 คอลเลคชั่น)  มาพร้อมแนวคิดที่แตกต่าง Drive Your Attitude นิยามใหม่ เลือกเป็น…ในแบบที่เป็นคุณ นอกจากนี้ ยังประกาศปรับราคารุ่น Top ลง แต่ใส่อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเข้าไปจนล้นคัน

Mazda-CX-3-2018

การเปิดตัว Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection ในครั้งนี้ มาสด้ากำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปที่กลุ่ม Liberating Explorers คือเป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีเอกลักษณ์ของตัวเอง มีสไตล์ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

Mazda-CX-3-2018

นอกจากนี้ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection ยังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้า Urban Millennials ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ มีการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น

Mazda-CX-3-2018

เป็นรถที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถอเนกประสงค์ Compact SUV ที่ได้รับการออกแบบภายใต้รูปลักษณ์ความเป็นสปอร์ตระดับพรีเมี่ยม และโดนใจด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยระดับโลก มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน

Mazda-CX-3-2018

– ดีไซน์ภายนอกและภายในใหม่หมด ฟังก์ชั่นครบครัน

– ขนาดรูปทรงและรูปแบบที่เหมาะสม ใช้งานง่าย สะดวกสบาย

Mazda-CX-3-2018

– การขับขี่ที่สนุก คล่องตัวสูง ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร และสกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร

– ครบครันด้วยอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก

– ห้องโดยสารใหม่หมด พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย เป็นที่สุดในคลาส (One Class Above)

Mazda-CX-3-2018

เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ใน Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection

– ระบบ Advanced Blind Spot Monitoring (ABSM) & Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ระบบตรวจจับยานพาหนะจากด้านข้างและด้านหลังที่กำลังใกล้เข้ามาบริเวณจุดบอด พร้อมทั้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่จะทำการเปลี่ยนเลน RCTA จะช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง

– ระบบ Lane Departure Warning System (LDWS) ระบบคาดการณ์การเบี่ยงออกนอกเลน และเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายผ่านทางเสียง

– ระบบ Adaptive LED Headlamps (ALH) ระบบปรับการทำงานของไฟหน้าสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้ายขวาอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพถนน ตำแหน่งรถคันหน้า รวมถึงรถที่วิ่งสวนมา

– ระบบ Driver Attention Alert (DAA) ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้า โดยส่งเสียงและสัญญาณไฟเตือนให้หยุดพัก เมื่อตรวจพบพฤติกรรมเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่

– ระบบ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ช่วยควบคุมความเร็ว และรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าอัตโนมัติ

– ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง หรือ 360o View Monitor พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View

– ระบบ Smart City Brake Support (SCBS) และระบบ Smart City Brake Support-Reverse (SCBS-R) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะเดินหน้าและถอยหลัง

– ระบบ Smart Brake Support (SBS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ

Mazda-CX-3-2018

ราคาของ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection มีดังนี้ / Mazda CX-3 Price. Shown in Thai Baht.

– รุ่น 2.0 E เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 879,000 บาท
– รุ่น 2.0 C เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 955,000 บาท
– รุ่น 2.0 S เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 1,029,000 บาท
– รุ่น 2.0 SP เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ราคา 1,083,000 บาท
– รุ่น 1.5 XDL เครื่องยนต์คลีนดีเซล Skyactiv-D ขนาด 1.5 ลิตร ราคา 1,189,000 บาท

Mazda-CX-3-2018

สีตัวถังภายนอก

สำหรับสีตัวถังภายนอกของ Mazda CX-3 ใหม่ 2018 Collection ประกอบด้วย 2 สีใหม่ ที่เพิ่มเติมเข้ามา ได้แก่ สีเทา แมชชีน เกรย์ และ สีแดงโซลเรด คริสตัล

โดยสีใหม่นี้ดูเจิดจรัส มีพลังและมิติความลึก แวววาว อันเนื่องจากเทคโนโลยีการพ่นสีแบบ Takuminuri ของมาสด้า โดยสีนั้นจะอิ่มตัวขึ้น 20% และดูมีความลึก 50% มากกว่าสีแดงเดิม มีความแวววาว สะท้อนแสงมากยิ่งขึ้น

Mazda-CX-3-2018

ส่วนสีอื่นๆ ที่มีให้เลือกนอกจากนี้ ได้แก่
• สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช
• สีดำ เจ็ท แบล็ก
• สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล
• สีขาว เซรามิก เมทัลลิค
• สีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู

Mazda-CX-3-2018

Police-Can-Seize-Driver-License

เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมานานแล้ว สำหรับ “ใบขับขี่” หรือ “ใบอนุญาตขับรถ” ที่ต้องเป็นของคู่กายนักขี่ หรือนักบิดกันทุกคน หากเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจ ต้องการขอตรวจใบขับขี่ เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ อะไรก็แล้วแต่ คุณต้องแสดงให้ตำรวจดู …

แต่หลายท่านอาจทราบกันไปแล้วว่า พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 2562 มีบางมาตราที่บัญญัติ ให้ยกเลิกความในมาตราเดิม และบัญญัติใหม่ โดยมีสาระสำคัญในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานจราจร นั่นหมายถึง ตำรวจยังสามารถ “ยึด” และ “ไม่ยึด” ใบขับขี่ของคุณได้อยู่

แต่เงื่อนไขว่า ตำรวจสามารถยึดได้ เพราะอะไร และยึดใบขับขี่ไม่ได้ เพราะเหตุใดนั้น มาอ่านคำตอบกัน …

Police-Can-Seize-Driver-License

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140

มาตรา 140

เมื่อปรากฏแก่เจ้าพนักงานจราจร ไม่ว่าพบด้วยตนเอง หรือโดยการใช้เครื่องอุปกรณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใดว่า ผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ที่เป็นความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว หรือมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนและมีโทษปรับ เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้นั้นชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบก็ได้

ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่ ให้ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถที่ผู้ขับขี่สามารถเห็นได้ง่าย หากไม่สามารถติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื่อให้ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดในใบสั่งนั้น ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด

ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง แต่ไม่อาจทราบตัวผู้ขับขี่ด้วยโดยอนุโลม

เกณฑ์การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบและแบบของใบสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด

Police-Can-Seize-Driver-License

มาตรา 140/2

ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้ใด ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไป อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจ ยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ดังกล่าว หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ และให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่หรือยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้ เมื่อผู้ขับขี่น้ันอยู่ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถ ในขณะที่อยู่ในสภาพดังกล่าว ทั้งนี้ ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนด

มาตรา 150

“ผู้ใด
(1) ไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือประกาศที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 8 วรรคสอง หรือมาตรา 14 วรรคสอง
(2) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดตามมาตรา 13 วรรคสอง
(3) ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 18
(4) ขัดคำสั่งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งสั่งตามมาตรา 113 หรือ
(5) ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรซึ่งสั่งตามมาตรา 140/2 หรือมาตรา 140/3 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ในการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ มาตรา 31/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว

ดังนั้นการแสดงใบอนุญาตขับขี่ในขณะขับรถ ผู้ขับขี่สามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

Police-Can-Seize-Driver-License

ส่วนใบขับขี่ เป็น “ทรัพย์สิน” ที่คนอื่นไม่สามารถเอาไปได้โดยไม่มีสิทธิ ย่อมมีความผิดในฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ซึ่งวางหลักว่า “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์” โดยการเอาไปในที่นี้ ต้องเป็นการเอาไปโดยไม่มีสิทธิ หรือไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ดังนั้น หากผู้เอาไปซึ่งทรัพย์สินมีสิทธิหรืออำนาจตามกฎหมาย ผู้เอาไป ย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ตามกฎหมายไทย เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ย่อมเป็นผู้ที่มีอำนาจแห่งกรรมสิทธิ์ในการจำหน่าย จ่าย โอน ทรัพย์สิน รวมถึงทำลายทรัพย์สินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ บัญญัติไว้ว่า

“มาตรา ๑๓๓๖ ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย”

Police-Can-Seize-Driver-License

สรุป

ตำรวจ ยังสามารถใช้อำนาจในการขอเรียกดูใบขับขี่ได้ ตามมาตรา 140 และมาตรา 140/2 ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ซึ่งจะทำได้ 2 ทาง คือ

1) ตักเตือน

2) ออกใบสั่งค่าปรับตามข้อหา

ส่วนใบขับขี่ เป็นดุลยพินิจของตำรวจ ซึ่งอาจจะเรียกเก็บ ในกรณีที่คุณไม่พร้อมสำหรับการชับรถ (แต่ต้องออกใบสั่งก่อนยึดด้วย)

ตำรวจ จะบันทึกข้อมูลความผิดเขียนลงใบสั่ง แล้วส่งต้นขั้วไปสถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง เพื่อทำการตัดแต้มผู้ขับรถ โดยใบขับขี่จะมีทั้งหมด 12 แต้ม ถ้าถูกตัดครบ 12 แต้ม จะถูกพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน ผู้ขับขี่ต้องไปอบรมการขับขี่ และสอบอีกครั้ง ที่กรมการขนส่งทางบก

ถ้าผ่านจะได้รับ 12 แต้มคืน ภายใน 3 ปี แต่ถ้าผู้ขับขี่ถูกพักใช้ใบขับขี่ถึงครั้งที่ 3 จะทำให้ถูกพักใช้ใบขับขี่ 1 ปี ระหว่าง 1 ปีนี้ ถ้าทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบขับขี่ทันที และถ้าหากผู้ขับขี่ไปทำใบขับขี่ใหม่ ก็จะเป็นการผิดกฎหมายอีกด้วย

ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณภาพ และข้อมูลบางส่วนจาก

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจ ให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ด้วยวีธีอัพเกรดรถเหล่านี้

ในทุกวันนี้ สิ่งที่อาจดูเป็นอันตรายและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากที่สุดในแต่ละวันของเรา ก็อาจเป็นเพียงแค่การขับรถไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งถ้าใครเป็นเจ้าของรถรุ่นใหม่ใหม่ก็ถือว่าโชคดีไป เพราะว่ามักจะมีฟังชั่นเจ๋งๆไว้เพิ่มความปลอดภัยให้รถ เช่น เทคโนโลยีการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยถอยรถเข้าซอง และระบบอัจฉริยะที่ป้องกันการพุ่งชนสิ่งกีดขวางได้ทันท่วงทีเป็นต้น

แต่ถ้าหากเพื่อนๆยังคงรักรถเก่าคู่ใจของเรา และยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนรถใหม่ เพื่อนๆก็ยังสามารถอัพเกรดรถคู่ใจของเราให้สามารถขับขี่ปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องซื้อรถใหม่ แถมยังอาจช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถได้เพิ่มขึ้นด้วยค่ะไปดูกันเลยว่ามีวิธีใดบ้าง

1) อัพเกรดยางรถ

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

การที่เราจะขับขี่ปลอดภัยบนถนนได้นั้น ก็เริ่มจากการที่เราใส่ใจเรื่องยางรถยนต์เป็นอันดับแรก เพราะเป็นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับท้องถนนโดยตรง ซึ่งถ้าหากรถคู่ใจของเพื่อนๆ ไม่มีระบบเบรคที่ทันสมัยแต่อยากขับขี่ปลอดภัย ก็ให้เริ่มต้นที่ยางค่ะ ถ้าหากยางดี ก็จะช่วยให้เราสามารถเบรคได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงยางที่ดีจะทำให้ควบคุมศูนย์ถ่วงและควบคุมทิศทางได้ดียิ่งขึ้นด้วย

แม้ว่ายางที่ได้มาตอนซื้อรถจะถือว่าดีในระดับหนึ่งที่ทำให้เราขับขี่ปลอดภัย แต่การอัพเกรดยางให้ดียิ่งขึ้นจะทำให้เพื่อนๆสามารถขับขี่บนท้องถนนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น โดยยางควรมีดอกยางที่ลึกเพื่อรับกับสภาพเปียกชื้นบนท้องถนน และเดี๋ยวนี้ผู้ผลิตยางหลายเจ้าก็มีเครื่องมือออนไลน์เอาไว้ให้เราเลือกยางที่เหมาะสมกับรถของเรา หรือจะเข้าไปที่อู่ซ่อมรถและอู่เปลี่ยนยางเพื่อปรึกษาดูก็ได้ค่ะ

2) จัดระเบียบอุปกรณ์ และสายระโยงระยาง

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ถ้าเพื่อนๆใช้ระบบสเตริโอรถรุ่นเก่า การที่เราอยากจะฟังเพลง mp3 หรือเพลงจากมือถือของเรา ก็ต้องใช้วิธีโมระบบรถด้วยการต่อสายระโยงระยางต่างๆ พอเราแต่งเติมสิ่งของเหล่านี้มากๆเข้า ก็ยิ่งทำให้มีสายระโยงระยางมากขึ้น ทำให้อาจบดบังทัศนวิสัย รวมไปถึงรบกวนการขับรถของเราได้ ทางที่ดีถ้าอยากขับขี่ปลอดภัย ก็ให้อัพเกรดอุปกรณ์เป็นดังนี้ค่ะ

  • ที่เสียบ usb แบบ 2 หัว: เหตุผลที่ควรมี 2 หัว ก็เพื่อว่าเวลาเราต้องการเสียบ usb เข้ากับหลายๆอุปกรณ์จะได้ไม่ต้องมาคอยถอดสายอันนึงแล้วเสียบเข้าไปใหม่ระหว่างขับรถนั่นเองค่ะ
  • สาย usb แบบยืดหดได้: สาย usb เช่นนี้จะทำให้เพื่อนๆสามารถปรับความยาวของสายให้ไม่มาเกะกะเราตรงที่นั่งคนขับได้ค่ะ
  • ที่ตั้งโทรศัพท์มือถือ: ให้เพื่อนๆล็อคโทรศัพท์มือถือเอาไว้กับที่ตั้งตรงส่วนหน้าปัดรถ หรือตรงช่องแอร์ก็ได้ จะทำให้เพื่อนๆสามารถเปิดแผนที่ดูเส้นทางจากโทรศัพท์มือถือได้อย่างง่ายดายค่ะ

3) ติดตั้งกล้องมองหลัง

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

ในขณะที่ปัจจุบันรถรุ่นใหม่ก็มักจะมีระบบที่สามารถแสดงภาพจากด้านหลังของรถได้ แต่สำหรับรถเก่าของเรา ถ้าหากอยากขับขี่ปลอดภัย ก็ควรติดตั้งกล้องมองหลังเอาไว้ด้วยเช่นกันค่ะ เพราะถ้าหากเราพึ่งกระจกมองหลังแต่เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวางต่างๆที่หลังรถได้อย่างทั่วถึงค่ะ

ด้วยกล้องมองหลังถือเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากผู้ขับขี่บนท้องถนนกว่าครึ่ง เคยเจอประสบการณ์ที่เกือบถอยรถชนสิ่งกีดขวางหรือชนคน เราจึงควรขับขี่ปลอดภัยและป้องกันเอาไว้ก่อนค่ะ

 

4) ติดตั้งระบบเตือนในมุมอับ

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

รถทุกคันมักจะมีมุมอับ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อเรากำลังขับรถและมองไปข้างหน้า หรือแม้แต่ตอนที่เรามองกระจกส่องทาง นั่นทำให้ผู้ขับรถส่วนใหญ่ต้องการมองในมุมอับก็จะต้องหันหัวไปที่มุมนั้นเพื่อระแวดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และแม้ว่าเพื่อนๆจะหันไปเช็กเอง ก็อาจจะไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากทัศนวิสัยอาจจะไม่ดีได้ค่ะ

ทางที่ดี การติดตั้งระบบเตือนในมุมอับจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถเปลี่ยนเลนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งระบบเตือนเหล่านี้จะใช้เซ็นเซอร์ที่จะคอยตรวจจับอย่างอัตโนมัติว่ามียานพาหนะอื่นๆ เข้ามาอยู่ในมุมอับของเราหรือไม่ และถ้ามีก็จะส่งสัญญาณบอกเราให้ทราบ จึงทำให้เราสามารถขับขี่ปลอดภัยและโฟกัสไปที่ถนนทั้งข้างหน้าได้อย่างหมดห่วงค่ะ

 

5) ถอดกันชนแบบ Bull Bar ออก

5 วิธีอัพเกรดรถยนต์คู่ใจให้ขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง

สิ่งนี้น่าจะเป็นเหมือนการอัพเกรดให้น้อยลงเพื่อการขับขี่ปลอดภัยมากกว่านะค่ะ โดยกันชนแบบ Bull Bar นี้สามารถพบเห็นได้ตามรถขนาดใหญ่เช่นรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งจริงๆแล้วกันชนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่ในเส้นทางกันดารหรือในป่าเขาที่มีโอกาสขับชนสัตว์ป่าเอาได้ง่ายๆ และสร้างความเสียหายแก่ตัวรถยนต์

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าหากเพื่อนๆขับรถในตัวเมืองหรือตามย่านที่อยู่อาศัย การมีกันชนแบบ Bull Bar ก็อาจสร้างความเสียหายและทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บได้ง่ายกว่าถ้าหากเราขับรถไปชนคนเข้าค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าหากอยากขับขี่ปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง ก็ควรเอากันชนเช่นนี้ออกค่ะ

 

เห็นไหมค่ะว่า ไม่ว่ารถของเพื่อนๆจะเก่าหรือใหม่ เราก็มีทางอัพเกรดรถยนต์ให้เราสามารถขับขี่ปลอดภัยได้เสมอ อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีราคาไม่สูงมากค่ะ หรือถ้าเพื่อนๆมองว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนรถคันใหม่จริงๆ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง สามารถนำรถคันเก่าของเพื่อนๆ มาขายได้ที่ คาร์โร นะคะ จะได้นำเงินไปดาวน์เพื่อซื้อรถคันใหม่ค่ะ (ขายรถ คลิกที่ลิงค์ > th.carro.co/sell-car/express )

นอกจากนี้ ถ้าหากเพื่อนๆอยากขับขี่ปลอดภัยและอุ่นใจตลอดทุกเส้นทาง ก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ติดไว้ด้วยค่ะ เพื่อจะได้นำมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับรถของเราได้ค่ะ เพื่อนๆสามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยนะค่ะ

ร้อนเงิน!-อยากขายรถด่วน-ขายรถไว-ต้องที่-Carro!

การซื้อ-ขาย รถมือสอง ในปัจจุบัน ถือว่าง่ายกว่าในอดีตมากๆ อีกทั้งช่องทางการขาย ก็มีมากมายกว่าแต่ก่อน

แต่การขายรถมือสองแต่ละครั้งนั้น คุณอาจจะต้องเสียเวลาในการประกาศขาย และรอคนติดต่อมา หรือขับรถไปให้ตามเต็นท์รถต่างๆ ตีราคา ซึ่งโอกาสที่คุณจะได้ราคาที่พึงพอใจนั้น ก็อาจจะไม่มากก็น้อย

แต่ถ้าคุณเกิดร้อนเงิน! จะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะขายรถมือสอง ได้แบบขายด่วนๆ ขายได้เร็ว ไว … CARRO Thailand ขอแนะนำ “CARRO Express” วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

ปัจจุบันเว็บไซต์ที่มีให้ลงประกาศขายรถบ้านมือสองด้วยตัวเองนั้น มีจำนวนมาก มีทั้งแบบให้ลงฟรีๆ หรือแบบต้องจ่ายเงินรายเดือน ทำให้ผู้ที่ต้องการขายรถบ้าน มีทางเลือกใหม่ๆ มากมาย

หนึ่งในเว็บไซต์ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ขายรถบ้านอย่างสูง ก็คือเว็บไซต์ CARRO (คาร์โร) ที่โดดเด่นในธุรกิจรถมือสองออนไลน์มายาวนาน เป็นบริษัท Startup ระดับยูนิคอร์นของสิงคโปร์ มีสาขาอยู่ทั้งในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และยังมีจำนวนรถบ้านมือสอง ลงประกาศขายอยู่บนเว็บไซต์จำนวนนับหลายพันคัน พร้อมนำเสนอรถมือสองคุณภาพเยี่ยมโดย CARRO Automall ที่มีให้คุณเลือกซื้อมากมาย

ทำให้ “คาร์โร” เป็นเว็บไซต์อันดับแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะสามารถขายรถบ้าน ได้อย่างรวดเร็ว ขายได้ราคาดีที่สุด ไม่มีค่าธรรมเนียมการขาย และรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง! ทำให้ความกังวลหลายๆ ข้อ ของผู้ที่ต้องการประกาศขายรถบ้านมือสองหมดไป

CARRO ทำให้การประกาศขายรถมือสองของคุณด่วนๆ ได้อย่างไร?

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

คุณสามารถ “ขายรถด่วน” เพียงกรอกแบบฟอร์มลงประกาศขายรถ ซึ่งเราออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และสะดวก (คลิกที่นี่) https://th.carro.co/sell-car/express

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

กรอกเบอร์โทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ และรายละเอียดรถ (เลือกยี่ห้อ/รุ่นรถ) และเลือกจุดนัดดูรถเสร็จ ให้กด “ดำเนินการต่อ”

ขั้นตอนต่อไป คือ อัพโหลดรูปภาพรถ ที่คุณต้องการลงประกาศขาย (รูปภาพที่แนะนำ คือ ด้านหน้าตรงของรถ, ด้านข้างตัวรถ, ด้านหลังตัวรถ, มุมเฉียงของตัวรถ, ห้องเครื่องยนต์, แผงคอนโซลด้านหน้า แผงหน้าปัด เบาะที่นั่ง และด้านในฝากระโปรงท้าย) เสร็จแล้วจากนั้นจึงกด “ยืนยันการขาย”

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

เมื่อคุณกด “ยืนยันการขาย” เรียบร้อยแล้ว ให้ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ของคุณด้วยรหัส OTP 6 หลัก อีกครั้ง เพื่อดำเนินการต่อ เมื่อเสร็จขั้นตอนจะปรากฎข้อความ “ขอบคุณที่ขายรถกับเรา”

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

โดยคุณสามารถนำเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ ไป Tracking เพื่อติดตามสถานะการขาย ได้ตาม Link นี้ https://th.carro.co/tracking

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

เมื่อเสร็จขั้นตอนเหล่านี้แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่จากคาร์โร ก็จะติดต่อกลับมาหาคุณภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หากรายละเอียดที่คุณส่งมายังมีไม่เพียงพอ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะติดต่อคุณกลับไปอีกครั้ง

หรือขอรูปภาพรถยนต์ในมุมต่างๆ เพิ่มเติม เช่น ภาพน็อตยึดกระโปรงหน้า – ฝากระโปรงหลัง ชุดคานหน้า เบ้าโช๊คหน้า รอยปั้ม รอยอาร์ค หรือขอดูสภาพรถโดยรวม ฯลฯ เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ต่อมาเราจะนัดคุณเพื่อทำการเช็กรถของคุณ ว่าสภาพเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในกรณีที่คุณอยู่ต่างจังหวัด ทางเราจะส่งทีมงานไปดูรถของคุณถึงที่ เพราะเรายังคง Concept ที่ว่า ต้องการเปลี่ยนให้การซื้อขายรถ เป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับทุกคน

เมื่อทางดีลเลอร์ที่เข้าร่วมประมูลรถ สนใจรถของคุณ และเสนอราคารถของคุณได้สูงสุด ทาง CARRO ก็จะนัดคุณมาทำการตกลงระหว่างกันอีกที

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

เมื่อคุณขายรถกับทาง CARRO เมื่อตกลงราคากันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการเซ็นสัญญาซื้อขาย มอบเอกสารต่างๆ พร้อมปิดการขาย แล้วคุณก็รับเงินสดกลับบ้านไปได้เลย!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

หากคุณสนใจอยากขายรถกับ CARRO นอกจากจะสามารถกรอกแบบฟอร์มตามข้างต้นแล้ว ยังสามารถติดต่อกับทาง CARRO ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-508-8425 หรือจะ Inbox ขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Ford-Everest-2018

Everest ใหม่ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Ford-Everest-2018

Ford Everest (ฟอร์ต เอเวอเรสต์) ใหม่ โดดเด่นสะดุดตาด้วยดีไซน์กระจังหน้าใหม่ และไฟหน้า HID ที่ส่องสว่างกว่าไฟหน้าทั่วไป พร้อมล้อแมกซ์อัลลอยแบบก้านคู่ (Split-Spoke) ขนาด 20 นิ้ว ที่ช่วยเสริมให้รถดูดุดันและหรูหราอย่างมีระดับ

Ford-Everest-2018 Ford-Everest-2018

ห้องโดยสารของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ตกแต่งด้วยโทนสีดำ มอบความหรูหราให้แก่ห้องโดยสาร และยังเสริมความโดดเด่นด้วยเส้นสายรอบคัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลของจุดสัมผัสต่างๆ ในห้องโดยสาร เพื่อความรู้สึกหรูหราและสะดวกสบายในการใช้งาน

Ford-Everest-2018

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-turbo และระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้แรงม้าสูงสุดถึง 213 แรงม้า เพื่อการขับขี่ที่คล่องตัวและนุ่มนวลยิ่งขึ้น พร้อมลดเสียงรบกวนจากการทำงานของเครื่องยนต์ไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ เครื่องยนต์ไบเทอร์โบ ยังสามารถกระจายแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งกำลังและเร่งความเร็ว ช่วยให้การขับรถบนทางลาด เช่น การขับรถขึ้นภูเขาที่ลื่นและลาดชันง่ายดายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Ford-Everest-2018

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนี่ยม พลัส ใหม่ มาพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนของฟอร์ด ซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

Ford-Everest-2018

ภายในของรุ่น Trend

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ พร้อมมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น ระบบตรวจจับลมยาง (Tire Pressure Monitoring System) ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนฟรี กุญแจรีโมทอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

Ford-Everest-2018

ภายในของรุ่น Titanium Plus Bi-Turbo

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ทุกรุ่น ได้รับการติดตั้งระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) ซึ่งรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถ เมื่อออกนอกพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย

Ford-Everest-2018

ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียง และระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทย เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) คือ ระบบ SYNC® ที่ได้รับการพัฒนามาขึ้นอีกขั้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธด้วยระบบ SYNC® และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉิน

Ford-Everest-2018

ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancellation) มอบห้องโดยสารที่ปราศจากเสียงรบกวน ในขณะที่กระบวนการวิศวกรรมออกแบบให้ความสำคัญกับการลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์และระบบเกียร์ พร้อมพัฒนาซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสารให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย

Ford-Everest-2018

ราคาของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ / New Ford Everest Price, Shown in Thai Baht.

– รุ่น Trend เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,299,000 บาท

– รุ่น Titanium เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,439,000 บาท

– รุ่น Titanium Plus เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,599,000 บาท

– รุ่น Titanium Plus เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ราคา 1,799,000 บาท

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี รวมถึงสีใหม่ Diffused Silver Metallic และสีมาตรฐาน ได้แก่ Aluminum Metallic, Absolute Black Metallic, Arctic White, Sunset Metallic และ Blue Reflex Metallic

Big-Motor-Sale-2018

Big Motor Sale 2018 ปีนี้ 9 วันเต็ม 18-26 สิงหาคม ศกนี้

Big-Motor-Sale-2018

บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป ผู้จัดงาน “Big Motor Sale 2018” (Bangkok International Grand Motor Sale 2018) มหกรรมยานยนต์เพื่อขายแห่งชาติ งานซื้อขายรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ใหญ่สุดในไตรมาส 3 ของปี เผยความพร้อมเกิน 100% ระดมค่ายรถ จัดโปรโมชั่นสุดเด็ดแบบจัดหนัก

พร้อมการเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ และเพิ่มสีสันงานให้ครบเครื่องยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มพื้นที่พิเศษ Show My Big จัดแสดงรถที่ผ่านการตกแต่งอย่างสวยงามและดุดันตามสไตล์นักเลง ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 101-106 ตั้งแต่วันที่ 18-26 สิงหาคม ศกนี้ คาดเงินสะพัดในงานกว่า 35,000 ล้านบาท

โดยในปีนี้ Big Motor Sale 2018 ตอกย้ำแนวคิด “เปิดโลกยานยนต์สรรสร้าง” ไฮไลท์ในงานหลักๆ คือ การนำเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจแบบ “จัดหนักจัดเต็ม” จากค่ายรถยนต์ชั้นนำที่เลือกให้งาน Big Motor Sale เป็นเวทีของการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นใหม่หลากรุ่น

Big-Motor-Sale-2018

ในปีนี้ มีผู้ประกอบการค่ายรถ 24 แบรนด์ ที่มาร่วมงาน ได้แก่ Aston Martin, Audi, Bentley, BMW, Ford,  Honda, Hyundai, Isuzu, Jaguar, KIA, Land Rover, Mazda, Mercedes-Benz, MG, MINI, Mitsubishi, Nissan, Porsche, Rolls-Royce, Subaru, Suzuki, TATA, Toyota และ Volvo

และค่ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์อีก 20 แบรนด์ ได้แก่ Aprilia, Benelli, BMW, Ducati, Hanway, Harley-Davidson, Honda, Husqvarna, Kawasaki, Moto Guzzi, Piaggio, Peugeot, Ryuka, Royal  Enfield, Scomadi, Stallions, Suzuki, Triumph, Vespa, Yamaha ที่จะนำรถเข้ามาร่วมจำหน่าย รวมทั้งจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานนี้อีกด้วย

Big-Motor-Sale-2018

พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มเซคชั่นใหม่ “Show My Big” รถที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษเหนือธรรมดา พร้อมเชิญชวนทุกท่านร่วมรับฟังการเสวนาเทคนิคยานยนต์ และสาระน่ารู้ในการเลือกซื้อเลือกใช้รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ จากทีมเทคนิคกองบรรณาธิการ ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป กิจกรรมสาธิตด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม การแสดงและความบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย

มั่นใจมากว่าจะสามารถสร้างยอดจำหน่ายเพิ่มเติมในช่วงกลางปีให้กับรถยนต์ รถอเนกประสงค์ และ มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ถึง 35,000 คัน สร้างกระแสเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าร่วมจำหน่ายในงาน ไม่รวมเงินลงทุนในด้านสถานที่ การตกแต่ง การจัดเตรียมต่างๆ ส่วนจำนวนประชาชนผู้เข้าชมงาน คาดมีประมาณการไว้ราว 1,300,000 คน

ภายในงานยังมีการมอบรางวัล Big Best Car และ Big Best BigBike of The Year 2017-2018 เพื่อแสดงถึงจุดดีเด่นยอดเยี่ยมของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อรถยนต์คันใหม่ในงาน ที่เชื่อได้ว่าจะต้องคุ้มค่าจริงๆ

Big-Motor-Sale-2018

กำหนดการจัดงาน

สามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม – วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม ศกนี้ รวม 9 วัน

พร้อมโบนัสพิเศษ! สำหรับผู้เข้าชมงานทุกท่านมีสิทธิ์ลุ้นโชคจากการซื้อบัตรเข้าชมงาน เพียง 100 บาท แต่ได้ลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท ได้แก่  รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ Hi-Lander 1.9 Ddi Blue Power รุ่น Z-Prestige A/T จำนวน 1 รางวัล และมอเตอร์ไซค์ Yamaha MT-07 จำนวน 1 รางวัล

รถกระบะ

รู้หรือไม่ว่า
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้รถกระบะมากที่สุดในโลก

เพราะไม่ว่าคุณจะหันไปทางไหน ก็เห็นแต่รถกระบะเต็มไปหมด คุณคงสงสัยล่ะสิ ว่าทำไมรถกระบะถึงได้รับความนิยมในไทยมากมายขนาดนั้น

วันนี้ Carro เลยขอรับอาสาออกไปตะลุยหาเหตุผลมาให้เพื่อนๆ ดูกันว่า ทำไมรถกระบะถึงมีคนใช้กันแพร่หลาย และมันเหมาะกับคนไทยยังไง มาฝากจ้าาาาา

รถกระบะ

5 เหตุผลทำไม “รถกระบะ” ถึงเหมาะกับคนไทย

  • มีตัวเลือกที่หลากหลาย

รถกระบะ มีให้คุณได้เลือกกันมากมายหลายยี่ห้อ อีกทั้งยังมีไลน์อัพสินค้ามากถึง 30 ไลน์อัพเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายยังไงล่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยังไม่รวมรุ่นเครื่องยนต์ขนาดเล็กใหญ่ และการตบแต่งพิเศษอีกด้วยนะ

 

  • รถกระบะมีราคาค่อนข้างถูก

เนื่องจากกฎข้อบังคับทางด้านการลงทุนของรัฐบาล และด้วยการสนับสนุนดังกล่าว ทำให้มีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศบ้าง ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รถกระบะมีราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับรถเก๋ง หรือรถอเนกประสงค์อื่นๆ ที่ไม่ได้มีการส่งเสริมการลงทุน หรือสนับสนุนในลักษณะนี้

 

  • ประหยัดน้ำมันมากกว่า

ข้อดีของรถกระบะในบ้านเรา คือ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมดทุกรุ่น ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซลเหล่านี้สมัยก่อนอาจจะเสียงดังน่ารำคาญ แต่ในปัจจุบันศักยภาพในการขับขี่ได้พัฒนาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่า แถมราคาน้ำมันดีเซลก็ถูกว่าเบนซินอีกด้วย

รถกระบะ

 

  • ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย

รถกระบะเป็นรถที่แปลก คือ ไม่ว่าคุณจะขับรถอย่างไร หรือมีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบไหน มันก็ลงตัวกับคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าคุณจะขับรถทุกวัน เดินทางไกลเป็นประจำ ความประหยัดของเครื่องยนต์ดีเซล ก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มาก หรือถึงคุณจะไม่ขับรถทุกวัน แต่ชอบเที่ยวในวันว่าง รถกระบะก็พร้อมพาคุณ และเพื่อนๆ เดินทางเปิดโลกกว้าง แถมยังมีความสามารถในการลุยมากกว่า รถเก๋ง หรืออเนกประสงค์บางรุ่นอีกด้วย

 

  • ปลอดภัยกว่า

เรื่องธรรมชาติของความปลอดภัย คือ เรื่องมวล และน้ำหนัก ซึ่งรถกระบะมีขนาดใหญ่กว่า มีการทรงตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถเก๋ง รวมถึงหากเกิดอุบัติเหตุ เกิดการชนขึ้นมาจริงๆ รถใหญ่จะได้รับความเสียหายน้อยกว่า ตามหลักการพื้นฐานของฟิสิกส์ เรื่องมวลรถ ตลอดจนหากชนกับรถเก๋ง มันก็ยังปกป้องคุณได้มากกว่าอีกด้วยล่ะค่ะ

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้ติดที่รูปร่างลักษณะของรถยนต์ เราก็อยากให้คุณได้ลองขับรถกระบะดู แล้วคุณจะรู้ว่า รถกระบะนั้นตอบสนองต่อชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ (เลือกซื้อรถกระบะมือสอง คลิก> https://th.carro.co/taladrod/pickup )

Ford-Ranger-2018

มาแน่นอน เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร Turbo ใหม่! ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ความดุดันของ Ford Ranger Raptor ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

Ford-Ranger-2018

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ใหม่ นอกจากกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ ไฟตัดหมอกใหม่แล้ว ยังมีเครื่องยนต์ใหม่ และ เกียร์ใหม่ อีกด้วย!

แต่รายละเอียดที่คาดว่า จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันครับ …

Ford-Ranger-2018

ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะที่สร้างนิยาม “เกิดมาแกร่ง” สานต่อศักยภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างลงตัว

Ford-Ranger-2018

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 20 รุ่น ซึ่งรวมถึงรุ่นไวล์ดแทรค XLT, XLS, XL กระบะฐานล้อสั้น (Short Wheel Base) และรุ่นใหม่ “ลิมิเต็ด” (Limited) และยังรวมถึง Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ที่ผลิตจากโรงงานรุ่นแรกและรุ่นเดียวของเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

Ford-Ranger-2018

รูปลักษณ์ของเรนเจอร์ใหม่ เริ่มจากกระจังหน้าที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่มีมิติที่เด่นชัด และกันชนล่างปรับให้ช่องนำอากาศกว้างขึ้นด้วยดีไซน์ที่ลงตัว เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค และรุ่น Limited มาพร้อมไฟเดย์ไลท์ LED และไฟหน้า HID เพื่อทัศนวิสัยที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ แต่ละรุ่นยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันชัดเจน ด้วยสีและการตกแต่งที่สื่อถึงลักษณะที่โดดเด่นของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่พร้อมรองรับทุกงานหนัก เช่น เรนเจอร์ XL XLS หรือรุ่น Wildtrak ที่พร้อมลุยไปทุกที่

Ford-Ranger-2018

การตกแต่งเส้นสายด้วยโครเมียมในเรนเจอร์ XLT และ Limited รวมไปถึงการตกแต่งแบบโดดเด่นในเรนเจอร์ ไวล์ดแทรค สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี เรนเจอร์ ไวล์ดแทรค ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่เฉพาะรุ่น นั่นคือสี ‘เซเบรอ’ สีส้มประกายบลอนด์ ซึ่งตัดกันอย่างงดงามกับกระจังหน้าสีเทาเข้ม สปอร์ตบาร์และล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยังช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี

Ford-Ranger-2018

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มอบความสะดวกสบายด้วยกุญแจอัจฉริยะ (PEPS) และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Limited และรุ่นไวล์ดแทรค

Ford-Ranger-2018

ภายในห้องโดยสารของ Ford Ranger ใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน ตกแต่งในโทนสีดำ พร้อมพื้นผิววัสดุตรงจุดสัมผัสที่ทนทาน พร้อมเพิ่มความหรูหรา ด้วยโครเมียมและการเดินด้ายสีเงิน

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความบันเทิงสูงสุด เพิ่มระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation) ในรุ่น Wildtrak ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อีกด้วย

Ford-Ranger-2018

ระบบซิงค์ 3 (SYNC 3) รองรับ Apple Carplay และ Andriod Auto พร้อมบลูทูธ จอทัชสกรีน ฟูลคัลเลอร์ ขนาด 8.0 นิ้ว และกล้องมองหลัง ผู้ขับขี่ยังสามารถใช้งาน Apple Maps และระบบแผนที่นำทางด้วยดาวเทียมซึ่งติดตั้งมากับรถเมื่อออกนอกพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นอกจากนี้ ระบบซิงค์ 3 ยังมาพร้อมระบบจดจำเสียงและระบบสั่งงานเสียงด้วยภาษาไทยเพื่อการใช้งานที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

ระบบซิงค์ 3 ยังครอบคลุมไปถึงระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) ซึ่งจะทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธภายในรถ เพื่อติดต่อไปยังหมายเลข 1669 ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงานหรือระบบตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบช่วยโทรฉุกเฉินนี้จะติดตั้งมากับรถฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ทุกคันที่ใช้ระบบซิงค์ 3

Ford-Ranger-2018

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร Bi-Turbo เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร Turbo และเครื่องยนต์ Duratorq ขนาด 2.2 ลิตร Turbo ที่ผ่านบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งมาแล้ว

เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo (ใหม่!)

เครื่องยนต์ Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ใช้ระบบ Sequential Turbocharging ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้ง 2 ตัว โดยเทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวแรก เป็นแบบเทอร์โบแปรผัน (Vartiable Turbocharger) ช่วยเร่งการตอบสนองของคันเร่ง และลดช่วงการรอรอบ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดและแรงม้าสูง แม้ตอนใช้ความเร็วต่ำ ในขณะที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวที่สอง ซึ่งเป็นระบบเทอร์โบ Fixed-Geometry จะรับหน้าที่ต่อเพื่อเพิ่มกำลังและความเรียบลื่นให้กับเครื่องยนต์ขณะใช้ความเร็วสูง

ด้วยแรงม้าสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์ Bi-Turbo มอบแรงบิดที่เหนือกว่า และอัตราทดเกียร์ที่แคบลงของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด จะช่วยเพิ่มพลังและแรงเร่ง ทำให้การไต่เขาที่ลื่นและสูงชันง่ายดายยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน Ford Ranger Raptor และ Wildtrak ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ให้สมรรถนะที่เหนือชั้นในการบรรทุกและลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กิโลกรัม

และมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ ด้วยระบบคอมมอนเรล หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น ท่อร่วมไอดี และสายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง

เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Turbo (ใหม่!)

ในขณะเดียวกัน Ford Ranger และ Wildtrak ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1750 – 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด สำหรับรุ่น Limited ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกอีกด้วย

ส่วนรุ่น XLT XLS และ XL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ มอบกำลัง 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Ford-Ranger-2018

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะด้านหน้า และจะช่วยเบรกจนหยุดนิ่งเมื่อระบบพบว่าคนขับไม่สามารถตอบสนองได้ทัน โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กม./ชม. ขึ้นไป

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) และระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน (Lane Departure Warning) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เช่นเดิม

เทคโนโลยีช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน ยังรวมถึงระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ (Active Park Assist – APA) ช่วยให้การเทียบจอดรถข้างทางเป็นเรื่องง่าย โดยระบบกึ่งอัตโนมัติจะบังคับทิศทางของรถให้เข้าสู่ช่องจอด ผู้ขับขี่เพียงควบคุมคันเร่งหรือเบรกเท่านั้น

นอกจากนี้ Ranger รุ่น Wildtrak และ LTD มาพร้อมระบบผ่อนแรงฝากระบะท้าย (Easy Lift Tailgate) ครั้งแรกในตลาดรถกระบะ ด้วยกลไกซึ่งช่วยผ่อนแรงของผู้ใช้ลง 70%

พิเศษสุด Ford Ranger ยังเพิ่มระบบพวงมาลัยไฟฟ้าในรุ่น XL และ XLS ถือเป็นครั้งแรกของตลาดรถกระบะระดับเดียวกัน ที่อุปกรณ์นี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถฟอร์ด

Ford-Ranger-Raptor-2018

ส่วน Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ใหม่ พร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าที่จองไว้แล้ว

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ผสมผสานดีเอ็นเอของ ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) เข้ากับนิยาม “เกิดมาแกร่ง” ของฟอร์ด เรนเจอร์ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ด้วยช่วงล้อที่กว้างขึ้น ความสูงที่เพิ่มขึ้น แก้มข้างรถที่ขยายออก โช้คอัพของ FOX Racing Shox รวมถึงล้อและยางที่ใหญ่ขึ้น

Ford-Ranger-Raptor-2018

สำหรับห้องโดยสารภายใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมความประณีตขั้นสูง รายละเอียดบริเวณคอนโซลหน้ารถ ไม่ว่าจะเป็นการเดินด้ายสีน้ำเงินและการเลือกใช้วัสดุหนัง ซึ่งรวมถึงแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Centre Marker ที่เป็นแถบสีแดงด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้นักขับออฟโรดทราบถึงตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะลอยอยู่ในอากาศหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง

Ford-Ranger-Raptor-2018

พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบา

Ford-Ranger-Raptor-2018

มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่อัตราทดเกียร์แคบลง มอบขุมกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร

Ford-Ranger-Raptor-2018

ราคาของ Ford Ranger ใหม่ / New Ford Ranger Price, Shown in Thai Baht.

XL
– Standard Cab 2.2L XL 6MT ราคา 559,000 บาท
– Open Cab 2.2L XL 6MT ราคา 599,000 บาท

XL+
– Open Cab 2.2L XL+ Hi-Rider 6MT ราคา 649,000 บาท

XLS
– Open Cab 2.2L XLS 6MT ราคา 659,000 บาท
– Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคา 699,000 บาท
– Open Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6AT ราคา 739,000 บาท
– Double Cab 2.2L XLS Hi-Rider 6MT ราคา 789,000 บาท

XLT
– Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT ราคา 749,000 บาท
– Open Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT ราคา 789,000 บาท
– Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6MT ราคา 829,000 บาท
– Double Cab 2.2L XLT Hi-Rider 6AT ราคา 869,000 บาท

Limited
– Open Cab 2.0L Turbo Limited 4×4 6MT ราคา 889,000 บาท
– Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 6MT ราคา 899,000 บาท
– Double Cab 2.0L Turbo Limited Hi-Rider 10AT ราคา 949,000 บาท
– Double Cab 2.0L Turbo Limited 4×4 10AT ราคา 1,029,000 บาท

Wildtrak
– Double Cab 2.0L Turbo Wildtrak Hi-Rider 10AT ราคา 1,029,000 บาท
– Double Cab 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10AT ราคา 1,265,000 บาท

รุ่น Raptor 2.0L Bi-Turbo ราคา 1,699,000 บาท

Ford Ranger ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีใหม่ 2 สี นั่นคือ สีส้มเซเบรอ (เฉพาะรุ่น Wildtrak) และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue)

และสีมาตรฐาน ได้แก่ สีเงินอะลูมิเนียม เมทัลลิค (Aluminuim Metallic) สีดำแอพโซลูท แบล็ค เมทัลลิค (Absolute Black Metallic) สีเทาเมทีออร์ เกรย์ เมทัลลิค (Meteor Grey Metallic) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีแดงทรู เร้ด (True Red)

Ranger Raptor มีสีภายนอกให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ซึ่งเป็นสีใหม่เฉพาะแร็พเตอร์เท่านั้น และสีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) และสีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)