รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

Toyota Vios (โตโยต้า วีออส) เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือที่เต็นท์รถมือสองให้ฉายาว่ารุ่น “เห็บหมา” (เพราะรูปทรงเหมือนเห็บหมา?) ถือเป็นรถมือสอง รุ่นยอดฮิตของคนไทยอีกรุ่น ที่โตโยต้าภาคภูมิใจนำเสนอ และจัดเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ของโตโยต้า ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด 1.5 ลิตร อีกทั้งยังส่งออกไปขายในแถบ ASEAN อีกด้วย …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

โฉมที่สองของ Vios เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า “Toyota Belta” (โตโยต้า เบลต้า) และทยอยเปิดตัวในทั่วโลกช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ “Toyota Yaris Sedan” (โตโยต้า ยาริส ซีดาน) ส่วนในแถบ ASEAN ใช้ชื่อว่า “Toyota Vios” (โตโยต้า วีออส) เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม 2550 ที่สยามพารากอน

Vios ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2545 จนถึงในช่วงเดือนมีนาคม 2550 มากกว่า 178,000 คัน และยอดขายรวมทั้งหมด 847,910 คัน *(ยอดขายถึงเดือนธันวาคม 2559) นับเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 40%

สำหรับ โตโยต้า วีออส (Gen.2 โฉมแรก) มือสองรุ่นนี้มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ทำไมผ่านมา 13 ปีแล้ว ยังยอดฮิตในตลาดรถมือสอง และในหมู่คนขายรถกันอยู่ Carro จะมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ.

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

วีออส โฉมนี้ มีจุดขายหลัก 3 ประการ คือ

  • การออกแบบที่สวยงามโดดเด่น ทั้งภายนอกและภายใน
  • สมรรถนะ ความปลอดภัย
  • ความกว้างขวาง สะดวกสบาย รวมถึงประโยชน์ใช้สอย

มีรุ่นย่อยหลักๆ ให้เลือก 5 รุ่น คือ รุ่น J เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน กลุ่มรถเช่า รถบริษัท (รถ Fleet) รุ่น E เจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานหลายปีแล้ว และพิจารณาความคุ้มค่าในการตัดสินใจซื้อ รุ่น G เจาะกลุ่มเจ้าของกิจการหนุ่มสาว หรือนิสิตนักศึกษา

ส่วนรุ่น S-Limited เป็นรุ่นเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต และรุ่น G-Limited ซึ่งเพิ่มเติมอุปกรณ์แบบหรูหรา

  • Vios รุ่น J เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA / กระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ไฟตัดหมอกหลัง กระเป๋าเก็บเอกสารหลังผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้า
  • Vios รุ่น E เป็นรุ่นกลาง เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น J มากขึ้นคือ ระบบป้องกันการโจรกรรม TDS พร้อมรีโมทที่ด้ามกุญแจ ล้อแม็กอัลลอยด์ 5 ก้าน ขนาด 15 นิ้ว ไฟตัดหมอกหลัง และห้องโดยสารภายในสามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบ คือ สีครีม (Ivory) และ สีเทาดำ (Dark Grey) และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
  • Vios รุ่น E Safety เป็นเกรดรองสูงสุด เพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้า และและเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เหมือนรุ่น E
  • Vios รุ่น G เป็นเกรดสูงสุด เพิ่มอุปกรณ์ภายใน เช่น เครื่องเสียงแบบ 6 ลำโพง หน้าปัดแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีฟ้า ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า ภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยหนัง สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey) ที่พักแขนพร้อมหลุมวางแก้วน้ำบริเวณผู้โดยสารตอนหลัง และเบาะหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60:40

และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่

  • Vios รุ่น S-Limited เพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งจากโรงงานรอบคัน พร้อมปรับแต่งโช้คอัพ และสปริงให้มีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่น หน้าปัดแบบออปติตรอนพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีส้ม ส่วนภายในแบบสปอร์ตสีเทาควันบุหรี่ ทั้งเบาะหุ้มหนัง พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ รวมถึงเบาะผู้โดยสารตอนหลังสามารถพับทะลุไปห้องเก็บสัมภาระได้ ในอัตราส่วน 60/40 ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon ปรับระดับสูง – ต่ำ แปรผันอัตโนมัติตามน้ำหนักรถ เปลื่ยนระบบเบรกหลังจากดรัมเป็นดิสก์เบรก
  • Vios รุ่น G-Limited เพิ่มอุปกรณ์จากรุ่น G เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Entry เปิด – ปิดประตูแบบสัมผัส พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่อง หรือ Push Start และระบบป้องกันการโจรกรรมกุญแจเลียนแบบหรือ Immobilizer สามารถเลือกโทนสีได้ 2 แบบคือ สีครีม (Ivory) และ สีดำ (Dark Grey)
  • Vios รุ่น GT Street โดยการนำรุ่น J มาตกแต่งในรูปแบบพิเศษ สเกิร์ตรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์และสติกเกอร์ GT Street ที่ฝากระโปรงหลัง ท่อไอเสียพร้อมฝาครอบสแตนเลส และสติกเกอร์ด้านข้างดีไซน์สปอร์ต ส่วนภายในใช้โทนสีแดงดำ ทั้งผ้าเบาะ สีแดงกับสีดำ รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายสีแดง คอนโซลหน้าสุดสปอร์ตสีดำ-แดง และเปลี่ยนล้อกระทะ เป็นล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกันกับ Yaris ไมเนอร์เชนจ์รุ่นย่อย G, E) โดยผลิตเพียง 1,000 คัน
  • ต่อมาจึงออกรุ่นพิเศษ Vios TRD Sportivo ให้เลือกกันอีกหลายเวอร์ชั่น และรุ่นพิเศษอื่นๆ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

เกริ่นข้อมูลรายละเอียดกันไปพอสมควร ก็มาถึงดีไซน์การออกแบบ รวมไปถึงมิติขนาดตัวรถกันบ้าง โดยมองรวมๆ รูปลักษณ์ของรถรุ่นนี้จะเป็นแบบกลมๆ ฝากระโปรงบรรจบกันเป็น U-Shape จากฝากระโปรงหน้า จรดกระจังหน้า ไปจนถึงกันชน ไฟหน้าที่ดูปราดเปรียว ด้านท้ายรถไฟหลังโค้งนูน 3 มิติ ฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ตำแหน่งล้อทั้ง 4 ถูกวางไว้ที่มุมกันชนทั้ง 4 ด้าน ของรถได้อย่างลงตัว ทำให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

โตโยต้า วีออส มีขนาดความยาว 4,300 มม. ความกว้าง 1,700 มม. และความสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. น้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,020 -1,065 กก. (แต่ละรุ่นน้ำหนักจะแตกต่างกันเล็กน้อย)

เครื่องยนต์ 1NZ-FE ใน Toyota Vios

เครื่องยนต์ยังคงเป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ–FE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด ที่ 141 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 หรือออกเทน 91 ขึ้นไป ระบบส่งกำลังมีให้เลือก ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด สามารถติดแก๊สได้ ไม่มีปัญหา …

แม้ว่า Vios ตัวนี้ จะยังคงใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE แบบเดิม เกียร์อัตราทดเท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ แต่ปรับเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ เพื่อให้สอดรับกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ทำให้ได้อัตราเร่งที่ดีมากยิ่งขึ้น

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 10.4 วินาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 12.2 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ทำความเร็วได้สูงสุด 190 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 180 กม./ชม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ

รุ่นนี้เพิ่มโครงเหล็กยึดหม้อน้ำเลื่อนตัวได้ ช่วยซับแรงกระแทก และเลื่อนหม้อน้ำไปด้านหลัง ป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนที่มีราคาสูงเสียหาย พร้อมติดตั้งฉนวนกันเสียงหลายจุด ตัดเสียงรบกวนจากภายนอก และแผงเหล็กพื้นผิวโค้ง และเหล็กแผ่นเสริมความแกร่งที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งพื้นด้านหน้า ลดอาการสั่นเข้าห้องโดยสาร

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรก หลังดิสก์เบรก (ดรัมเบรก เฉพาะรุ่น J และ E)

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

มาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง เสาเอที่ลาดเทไปด้านหน้าขึ้น ทำให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขึ้นทั้งหน้าและหลัง โดดเด่นด้วยมาตรวัดตั้งตรงอยู่ตรงกลางแผงคอนโซล หลายๆ คน อาจจะไม่ถูกใจนัก เพราะดูล้ำยุคไปหน่อย เวลาขับต้องมองมาตรวัดแบบเฉียงๆ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

มองมาตรงชุดวิทยุ ดีไซน์ออกมาแบบ Built-In ที่มีแผง LCD รูปทรงแนวตั้ง ส่วนที่ปรับแอร์รูปทรงกราฟฟิค แบบมือหมุน 3 ลูก ดูแปลกตา (คล้ายกับมิคกี้เมาส์) พวงมาลัย 3 ก้าน หุ้มหนังแท้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และที่วางขวดน้ำบริเวณช่องแอร์ สามารถวางขวดน้ำเป่าแอร์เย็นๆ ดื่มน้ำเย็นๆ ได้ตลอดเวลา …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ช่วยให้น้ำหนักพวงมาลัยเบา ขับขี่คล่องตัวเมื่อความเร็วต่ำ และค่อยๆ มั่นคงขึ้นตามความเร็วของรถ เบาะนั่งระบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) ดีไซน์พิเศษ ช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกต้นคอ

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ในรถมี 6 ลำโพง อัดแน่นด้วยระบบเพิ่มคุณภาพเสียง ทั้ง DSP (Digital Signal Processor), LIVE-ACS (Live Acoustic) และโดดเด่นกว่ารถในระดับเดียวกัน (ถือเป็นรถ B-Segment รุ่นแรกเลย ที่มีให้) นั่นคือ ASL (Speed Auto Sound Levelizer) ที่ช่วยปรับระดับความดังของเสียงตามความเร็วของรถ นอกจากนี้ยังสามารถเล่นแผ่น MP3 และไฟล์ WMA ได้ (รุ่น J/E 4 ลำโพง, รุ่น G 6 ลำโพง)

เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จัดว่านั่งได้สบาย ไม่อึดอัด ระยะเบาะหน้าที่สามารถเลื่อนเบาะนั่งได้ 255 มม. ความสูงของเบาะนั่งที่สามารถปรับได้ 45 มม. ปรับระดับสูงต่ำพวงมาลัย 30 มม. พื้นรถด้านหลังแบบเรียบ ไม่มีอุโมงค์ด้านหลังให้เกะกะเท้า สำหรับคนนั่งตรงกลาง …

ส่วนตรงคันเกียร์ ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ดูหรูหราด้วยคันเกียร์แบบ Gate-Type เข้าเกียร์ง่าย …

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ที่เก็บสัมภาระด้านหลังใหญ่พิเศษ จุได้เต็มที่ ขนาดความจุ 475 ลิตร กว้างขวางกว่ารุ่นเดิมถึง 19% เบาะหลังพับลงได้ในสัดส่วน 60:40 (เฉพาะรุ่น G)

มาตรฐานความปลอดภัยมาแบบจัดเต็ม ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรค (EBD) และระบบเสริมแรงเบรค (BA) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นต้น พอหลังจากรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในปีหลังๆ โตโยต้าจึงจัดมาให้ครบในทุกรุ่นย่อย

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

บอกได้เลยว่า Vios เป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง เป็นที่นิยมของคนทุกวัย รวมไปถึงยังเป็นรถที่ไว้ใช้งานประจำบริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ เป็นแท็กซี่รุ่นเก่าก็มี มีให้เห็นกันตลอดเวลา ของแต่งรถก็มีให้เลือกเพียบ

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

รุ่นนี้จัดว่าเป็นรถที่คุ้มค่าสำหรับคนใช้รถอีกรุ่น ทั้งประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊สใช้งานได้เลย ไม่จุกจิก เสียช่างที่ไหนก็ซ่อมได้ เครื่องยนต์กับเกียร์เซ็ทมาให้ทำงานได้สัมพันธ์กัน พวงมาลัยไม่หนัก ขับแล้วไหลลื่น อัตราเร่งดี ออฟชั่นที่ให้มาก็คุ้มค่า ระบบความปลอดภัยมีให้ทุกรุ่นย่อย

รีวิว Toyota Vios มือสอง รุ่น "เห็บหมา" กับข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้าง?

ส่วนจุดด้อยที่หลายคนพูดถึง ก็จะมีอย่างมาตรวัดตรงกลาง (แบบตั้งตรงกลาง ไม่หันหน้าเข้าคนขับแบบรุ่นเก่า) ที่ไม่ชินต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่อย่างแรง ขับแล้วมองไม่ถนัดตา กับ Vios รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้คันเร่งไฟฟ้าแล้ว เวลาเหยียบแบบหนักๆ อาจไม่ทันใจนักกว่าคันเร่งแบบใช้สาย ระบบช่วงล่างที่ขับเร็วๆ แล้ว จะเริ่มบิน …

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด ราคาอะไหล่ไม่แพง เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Vios โฉมปี 2007 – 2013 มีราคามือสองอยู่ที่ 130,000 – 280,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2565 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

Download Catalogue Toyota Vios คลิกที่นี่ >>> Toyota-Vios-10-2010-Brochure

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall Toyota Vios / โตโยต้า วีออส

สำหรับใครที่รักรถ Toyota Vios และอยากเป็นเจ้าของ Toyota Vios สภาพเยี่ยมสักคัน Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เรามี โตโยต้า วีออส ให้คุณเลือกมากมาย คุณสามารถจองรถ Toyota Vios ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง โตโยต้า วีออส ทุกคัน ผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ส่วนลดประวัติดีของประกันรถยนต์-คืออะไร-ทำไมต้องรู้

รู้ไว้ไม่เสียหาย อะไรคือ ส่วนลดประวัติดีของประกันรถยนต์

พูดถึงประกันรถยนต์ แน่นอนว่าการรู้จริง รู้รอบ รู้ลึก โดยเฉพาะส่วนลดประวัติดี หรือ No Claim Bonus ย่อสั้น ๆ ว่า NCB ซึ่งเป็นส่วนลดที่มอบให้กับผู้ซื้อประกันที่ไม่มีแจ้งเคลม และขับขี่ปลอดภัยมาตลอด เอาจริง ๆ ส่วนลดประวัติดีนั้นเหมือนกับการให้รางวัลคนทำดีล่ะครับ ขับดีก็ต้องได้ส่วนลดดี ๆ ถูกไหม ?

 

ทำอย่างไรถึงจะได้ส่วนลดประวัติดี ?

พูดง่าย ๆ เพียงแค่คุณขับดีไม่มีเคลม ไม่มีประวัติการเคลมว่าเป็นฝ่ายผิด หรือเกิดอุบัติเหตุจากการกระทำของคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกที่ขับมาชนคุณ ซึ่งคุณจะต้องแจ้งบริษัทฯ ได้ว่า “ผู้ก่อเหตุคือใคร” เพื่อให้บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายได้นั้นเอง

และการที่จะรับส่วนลดประวัติดีได้อย่างต่อเนื่องคุณจะต้องซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทฯ ที่เดิมเท่านั้นนะครับ หรือตามภาษากฎหมายที่ว่าความคุ้มครองต่ออายุเท่านั้น ถึงจะได้รับส่วนลดนี้ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้มากโขเลยล่ะค่ะ

 

คำนวณค่าเบี้ยส่วนลดประวัติดียังไง?

สำหรับส่วนลดประวัติดีจะคำนวณจากเบี้ยประกันภัยของปีที่ผ่านมา เช่น

  • เบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ปีที่ผ่านมาเป็นเงิน 13,000 บาท แต่เบี้ยประกันภัยของปีที่ต่ออายุเป็นเงิน 10,000 บาท
  • กรณีที่ผู้ซื้อประกันได้ส่วนลดประวัติดี 20% ก็จะได้ส่วนลดเท่ากับ 2,000 บาท ซึ่งคำนวณส่วนลดประวัติดี 20% ของ 10,000 บาท ไม่ใช่คำนวณจากเบี้ยประกันของปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ส่วนลดประวัติดีของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามปีที่คุณใช้ประกันภัย ซึ่งมีส่วนลดสูงสุด 50% แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องซื้อประกันจากบริษัทฯ จากที่เดิมอย่างต่อเนื่องนะคะ

 

อธิบายกันอีกทีว่าส่วนลดประวัติดีแบ่งออกเป็น ดังนี้

  • ขั้นที่ 1 ลด 20% เมื่อไม่มีการเคลมรถยนต์ในปีแรก
  • ขั้นที่ 2 ลดเพิ่มอีก10% จากปีที่แล้วเป็น 30% เมื่อไม่มีการเคลมใน 2 ปีติดต่อกัน
  • ขั้นที่ 3 ลดเพิ่มอีก10% จากปีที่แล้วเป็น 40% เมื่อไม่มีการเคลมใน 3 ปีติดต่อกัน
  • ขั้นที่ 4 ลดเพิ่มอีก10% จากปีที่แล้วเป็น 50% เมื่อไม่มีการเคลมใน 4 ปีติดต่อกัน หรือมากกว่านั้น

ทั้งนี้ในการให้ส่วนลดประวัติดีนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละบริษัทฯ ประกันด้วยล่ะครับ เป็นไงบ้างค่ะ เข้าใจส่วนลดประวัติดีมากขึ้นใช่ไหมครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th

รถสตาร์ทไม่ติด

รถสตาร์ทไม่ติด พยายามบิดกุญแจยังไงก็สตาร์ทไม่ได้

หลาย ๆ คนที่มีรถอาจเคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง และถ้าหากเป็นเวลาเร่งรีบด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หงุดหงิดใจแน่นอน สำหรับปัญหาหลักของอาการสตาร์ทไม่ติด ส่วนมากจะมาจาก 4 สาเหตุ นั่นก็คือ

1. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะแบตเตอรี่เสื่อม

อาการแบตเตอรี่เสื่อมเพราะตัวแบตไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าไว้ได้นาน มีการรั่วไหลของแบตจนหมดในระยะเวลาอันสั้น อาการเสื่อมก็มีหลายระดับไม่เท่ากัน เสื่อมน้อยก็อาจจอดทิ้งเกิน 8 ชม. ขึ้นไปเริ่มสตาร์ทยาก ถ้าแบตเสื่อมมากเพียงแค่ 2-3 ชม. ก็อาจสตาร์ทรถไม่ติดเลย สัญญาณเตือนอาการแบตเสื่อมเบื้องต้นคือ รถเริ่มสตาร์ทยาก มีเสียงแชะ ๆ ลากยาวกว่าจะสตาร์ทติด หลังการจอดรถทิ้งไว้ แก้ปัญหาเบื้องต้นคือขอพ่วงแบตกับคันอื่น

2. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะไดชาร์จเสื่อม

หากไดชาร์จเสื่อมไม่มาก เมื่อจอดทิ้งเอาไว้แล้วสตาร์ทรถไม่ติดเช่นกัน แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการพ่วงแบต แต่เราเช็กไดชาร์จเสื่อมได้ง่าย ๆ โดยให้รถสตาร์ททิ้งไว้สักครู่ แล้วถอดขั้วแบตออกสักหนึ่งข้าง หากรถดับทันทีหรือมีอาการไฟตก รถกระตุก ชัดเจนว่าสาเหตุจากไดชาร์จเสื่อม เพราะหน้าที่ของไดชาร์จคือปั่นกระแสไฟเลี้ยงรถยนต์และชาร์จเก็บเข้าแบตเตอรี่ หากถอดขั้วแบตออกไฟจากไดชาร์จก็ยังเลี้ยงระบบไฟรถได้คือยังปรกตินั่นเอง

รถสตาร์ทไม่ติด
3. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะมอเตอร์สตาร์ทเสื่อม

หากสตาร์ทรถไม่ติดเลย ลองพ่วงแบต หรือนำแบตเตอรี่ลูกใหม่มาเปลี่ยนก็ไม่หาย แต่เข้าไปดูที่แผงหน้าปัดก็มีไฟติด สตาร์ทแล้วยังมีเสียงแชะ ๆ (หรือเงียบสนิทก็ได้) ให้พุ่งเป้าไปที่มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา เตรียมควักเงินในกระเป๋ามากกว่าปรกติแน่นอน เพราะต้องพึ่งรถลาก หรือบริการซ่อมนอกสถานที่

4. รถสตาร์ทไม่ติด เพราะระบบไฟฟ้ารถมีปัญหา

ความจริงแล้วระบบไฟฟ้ารถมีปัญหานั้นเกิดยากสักหน่อย แต่ก็เป็นไปได้ อาการก็ดูง่าย ๆ ว่าบิดกุญแจแล้วไฟที่แผงหน้าปัดไม่มีอะไรขึ้นเลย หากก่อนหน้านี้จอดทิ้งรถไว้นาน ๆ มีกรณีหนูเข้ามากัดสายไฟมาแล้ว
เมื่อเกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดก็อย่าลืมตรวจเช็คปัญหาของรถยนต์ให้ครบถ้วนนะคะ และทางที่ดีอย่าลืมดูแลรักษารถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ถ้าหากว่าคุณไม่ต้องการเป็นกังวลในเรื่องของรถยนต์สตาร์ทไม่ติด สามารถใช้บริการเช่ารถยนต์กับ Drivemate ได้ทันทีเพราะเรามีรถยนต์คุณภาพไว้คอยให้บริการ

อ้างอิงข้อมูลจาก : car.kapook.com,

Shopping-Tire-For-Nation

ช็อปช่วยชาติ 2561 – 2562 เลือกยางรถยนต์แบบไหน ถึงจะได้ลดหย่อนภาษี

สินค้า-ช็อปช่วยชาติ

เป็นที่รู้กันละครับว่า เศรษฐกิจตอนนี้ มันช่างฝืดเคืองเสียยิ่งกะไร การจับจ่ายใช้สอยก็ไม่คล่องตัวเอาซะเลย รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง จึงต้องหามาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้นก็คือ “ช็อปช่วยชาติ” ที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายปี

โดยในปีนี้ เริ่มขึ้นในระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2561 – 16 ม.ค. 2562 ซึ่งปีนี้เงื่อนไขการซื้อของ มีการเปลี่ยนแปลงต่างจากปีที่แล้วมากพอสมควร มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน …

Tire

เงื่อนไขแรก การซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 15 – 31 ธันวาคม 2561 ใช้ลดหย่อนภาษีปี 2561 เท่านั้น หากคุณซื้อสินค้าบริการตั้งแต่ 1 มกราคม – 16 มกราคม 2562 ใช้ลดหย่อนภาษีปี 2562 (สามารถใช้สิทธิ์เพียงปีใดปีหนึ่ง 15,000 บาท หรือเลือกใช้สิทธิทั้ง 2 ปีภาษีรวมกัน แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท)

เงื่อนไขที่สอง ปีนี้กำหนดสินค้าเอาไว้แค่ 3 หมวด เท่านั้น ได้แก่ ยางรถยนต์, หนังสือ (รวม E-Book) และสินค้า OTOP (โอทอป) อย่างอื่นไม่ร่วมด้วยนะครับ

ทีนี้ เรามาดูกันว่า จะเลือกยางรถยนต์อย่างไร ให้ได้ลดหย่อนภาษีคืน และคุ้มค่าเงินคุณ …

ซื้อยางรถยนต์แบบไหน ถึงจะได้ลดหย่อนภาษี?

คูปองยาง-ช็อปช่วยชาติ

คูปองยาง สำคัญ! ถ้าไม่มี ลดหย่อนภาษีไม่ได้!

ต้องเป็นยางรถยนต์, ยางรถจักรยานยนต์, ยางจักรยาน หรือยางประเภทใดก็ได้ ที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องเป็นยางที่มีส่วนผสมยางพาราภายในประเทศเท่านั้น และต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้ซื้อวัตถุดิบยางจากการยางแห่งประเทศไทย

โดยยางที่เข้าข่ายลดหย่อนภาษีนั้น ต้องมีคูปองจากสรรพากรมาพร้อมกับยางด้วย จำไว้เลยนะครับว่า ถ้าไม่มีคูปอง คุณจะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งคูปอง 1 ใบ ต่อล้อยาง 1 เส้น โดยค่าบริการเปลี่ยน หรือซ่อมยางรถยนต์ ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

สำหรับยางรถยนต์ และยางรถจักรยานยนต์ จริงๆ แล้ว เกือบทุกยี่ห้อผลิตในประเทศไทย แต่จะมีแค่ยี่ห้อ Otani, Maxxis, Deestone, ND Rubber และ IRC เท่านั้น ที่เข้าร่วมในโครงการ “ช็อปช่วยชาติ” นี้

ตารางลดหย่อนภาษี-ช็อปช่วยชาติ

เงินได้สุทธิ, อัตราภาษี และค่าลดหย่อน (ภาพจาก https://taxteller.blogspot.com/)

หลักฐานที่ใช้ยื่นลดหย่อนภาษี

คุณต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ซึ่งจะต้องมีการระบุข้อความดังนี้

1. คำว่า “ใบกำกับภาษี” ต้องเห็นได้เด่นชัด

2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี

3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)

5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ

6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือ ของบริการให้ชัดแจ้ง

7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ

กรมสรรพากร-ช็อปช่วยชาติ

ถ้าหากใครที่กำลังจะเปลี่ยนยางรถยนต์ในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี แต่ก็ต้องเลือกยางรถยนต์ที่อยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดด้วยนะครับ เดี๋ยวเลือกผิดไป หรือเลือกร้านที่ไม่ได้ร่วมกับทางช็อปช่วยชาติ ไม่ได้ลดหย่อนภาษีคืนนะครับ จะบอกให้ …

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร. 1161 หรือที่ http://www.rd.go.th/ กรมสรรพากร เต็มที่ เต็มใจ ให้ประชาชน

รวมราคารถใหม่ Subaru (ซูบารุ) ทุกรุ่น Update 19/1/2022

CARRO นำเสนอราคารถใหม่ 2022 Subaru (ซูบารุ) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ครบถ้วน

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ มาซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ที่ CARRO Automall สิ! โทร. 02-508-8690 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้ที่ Facebook CARRO Automall – รถบ้านมือสอง ถ้าสะดวก Add Line @carroautomall

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Subaru XV 2021 / ซูบารุ เอ็กซ์วี 2021

XV

  • 2.0i ราคา 970,000 บาท
  • 2.0i-P ราคา 1,015,000 บาท
  • 2.0i-P EyeSight ราคา 1,299,000 บาท
  • 2.0i-P GT ราคา 1,389,000 บาท

Subaru WRX 2017 / ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์

WRX

  • 2.0 6MT ราคา 2,220,800 บาท
  • 2.0 CVT ราคา 2,320,800 บาท

Subaru BRZ 2019 / ซูบารุ บีอาร์แซด 2019

BRZ

  • 2.0 6MT ราคา 1,850,800 บาท
  • 2.0 6AT ราคา 1,920,800 บาท

Subaru Outback 2021 / ซูบารุ เอาท์แบ็ค 2021

New Outback 2021

  • 2.5 i-T EyeSight ราคา 2,265,200 บาท ราคา Option Pack 433,800 บาท

Subaru Forester 2019 / ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2019

Forester

  • 2.0i-L ราคา 1,030,000 บาท
  • 2.0i-S ราคา 1,060,000 บาท
  • 2.0i-S Eyesight ราคา 1,130,000 บาท

ดูราคา Subaru ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://www.subaru.asia/th/th/home/

ดูโปรโมชั่น Subaru ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/subaru-car-price-list/

Car-Pawn-For-Sale

รถหลุดจำนำ ราคาถู้กถูก แต่ขับแล้ว ไม่รู้จะโดนตำรวจจับเมื่อไหร่!!!

Car-Pawn-For-Sale

“รถหลุดจำนำ” ที่หลายต่อหลายคน เห็นมีการประกาศลงขายในกลุ่ม Facebook มากมายนั้น ราคามันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน! กับรถที่สภาพยังดูใหม่ บางคันมีเอกสารด้วย แต่ประกาศขาย ในราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ!!!

ใช่ครับ แต่ … เพราะถ้ารถโอนได้ปกติ ราคาขายคงไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ ขนาดรถย้อมแมว หรือรถอุบัติเหตุมาทำใหม่ ยังขายไม่ได้ราคาแบบนี้เลย

เรามารู้กันดีกว่าครับว่า รถหลุดจำนำ คือรถอะไร ประเภทไหน และถูกกฎหมายหรือไม่ …

Car-Pawn-For-Sale

รถหลุดจำนำ คือ รถที่เจ้าของรถมีปัญหาด้านการเงิน จึงเอารถไปจำนำกับคนที่รับจำนำ หรือปล่อยตามบ่อน โดยทำสัญญากันเพียงแค่โอนลอย และต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไถ่ถอนคืนได้ทั้งหมด เหมือนเราเอาของไปเข้าโรงรับจำนำนั่นล่ะครับ พอเจ้าของรถไม่มาไถ่ถอนตามเวลาที่กำหนด รถยนต์คันนั้นจะกลายเป็นรถหลุดจำนำทันที พ่อค้าที่จำนำรถไว้ก็เอารถมาขายทอดตลาดอีกที

หรือ รถหลุดจำนำชื่อบุคคล มีเอกสารหน้าเล่ม กับสัญญารับจำนำ หรือ รถที่ถูกขโมยมา

คนที่ซื้อรถหลุดจำนำมาใช้ จะเรียกได้ว่า เป็นรถที่ผิดกฎหมายก็ไม่เชิง คือสามารถซื้อได้ขายได้ แต่แทบจะร้อยทั้งร้อย ไม่สามารถโอนได้ แม้ว่าพ่อค้าจะรับจำนำรถที่มีเอกสารถูกต้อง

Car-Pawn-For-Sale

โดยหลักแล้ว รถหลุดจำนำ จะมีเอกสารดังกล่าวนี้

  • สำเนาหน้าเล่มทะเบียนรถยนต์
  • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
  • สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรถ
  • เอกสารโอนลอยรถยนต์ (เจ้าของรถเซ็นชื่อไว้เรียบร้อย)
  • เอกสารมอบอำนาจ (เจ้าของรถเซ็นชื่อไว้เรียบร้อย)

Car-Pawn-For-Sale

เพราะรถหลุดจำนำรถส่วนใหญ่ มัก “ติดไฟแนนซ์” ยังผ่อนไม่หมด กรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถ (ในเล่มทะเบียน) ก็ยังเป็นของไฟแนนซ์อยู่ การต่อ พ.ร.บ. หรือการทำประกันภัยต่างๆ ก็คงไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะมีแค่รถ และกุญแจที่เป็นของเราเท่านั้น โดยกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถและชื่อผู้ครอบครองยังเป็นของเจ้าของคนเดิมอยู่

บางคันแจ๊คพอต ดันเป็นรถที่ถูกขโมยมา หรือนำซากรถมาสวมทะเบียน เพื่อให้ตามจับได้ยาก โดยใช้รถที่มีสี รุ่น และปีเดียวกัน มาสวมทะเบียน และมีการดัดแปลงเลขตัวถังให้ตรงกัน เอาทะเบียนรถคันอื่นมาสวม ดังที่เป็นข่าวเรื่อง “รถฝาแฝด” อยู่บ่อยๆ นั่นล่ะครับ

Car-Pawn-For-Sale

รถฝาแฝด รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน และทะเบียนเหมือนกัน!

คนที่ซื้อรถหลุดจำนำไป ก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้ครับ เพราะเหมือนเอาของที่ยังผ่อนไม่หมดไปขายต่อ ถ้าไฟแนนซ์และตำรวจตามรถจนเจอ ก็จะโดนยึดรถ ถ้ามีการฟ้องร้อง หรือมีคนแจ้งรถหายไว้ (ในกรณีที่เป็นรถถูกขโมยมา) คนที่ซื้อไป อาจจะโดนข้อหารับของโจรไปอีกกระทง

และยังเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นที่ขายรถพวกนี้ รู้กันกับคนมีสีไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว อาจถูกตำรวจไปตามยึดรถ หลังจากซื้อมาขับเพียงไม่กี่เดือน พร้อมข่มขู่เอาเงินคุณก็ได้ หากคุณไม่ยอมก็จะถูกจับดำเนินคดี จนต้องยอมจ่ายไป

Car-Pawn-For-Sale

รถฝาแฝด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือเรื่องจริง!

ทางที่ดี อย่าไปเล่นเลยครับรถประเภทนี้ ถึงจะราคาถูกมากๆ ก็เถอะ ได้ไม่คุ้มเสียหรอกครับท่าน

ซื้อรถทั้งที เราควรจะวางแผนทางการเงินดีๆ มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย เหลือเก็บใช้หนี้ (แบบที่คุณน้าวีระ ธีรภัทร ชอบพูดในรายการวิทยุบ่อยๆ นั่นละครับ) ซื้อรถที่มีเอกสาร มีเล่มทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง ก็ตาม …

ถ้าคุณอยากซื้อ-ขายรถแบบปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องรถหลุดจำนำ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สวพ.91

Carro-The-10-Best-In-Motor-Expo-2018

10 “ที่สุด” ในงาน Motor Expo ที่คุณยังไม่รู้ หรืออาจจะรู้ไม่หมด!

งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” หรือ “Motor Expo 2018” นอกจากจะมีการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รถมือสอง รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อุปกรณ์ตกแต่ง โปรโมชั่น และพริตตี้สาวสวยที่หลายๆ คนชื่นชอบนั้น …

ภายในงานยังถือได้ว่ามีเรื่องราว “ที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ทั้งหลายที่นำมาโชว์ด้วย Carro ขอรวบรวม 10 ที่สุด ที่เกี่ยวกับรถยนต์ในงาน “Motor Expo 2018” มาให้ทุกท่านได้รับทราบกันครับผม

ถูกที่สุด

TATA-Super-Ace-Mint

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Expo 2018 ยังคงเป็น “TATA Super Ace Mint” (ทาทา ซูเปอร์ เอช มินท์) รถกระบะขนาดเล็กของแดนภารตะ ที่มาในราคาเพียง 365,000 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.4 ลิตร แบบ 4 สูบ คอมมอนเรล Di Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 70 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-2,750 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

แพงที่สุด

Rolls-Royce-Phantom

รถที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Expo 2018 นั่นก็คือ “Rolls-Royce Phantom” (โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม) รถยนต์นั่งสุดหรูจากโรลส์-รอยซ์ ในราคา 53,500,000 บาท! มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 6.6 ลิตร แบบ V12 Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 563 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 910 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 รอบ/นาที ประดุจดั่งนั่งพรมวิเศษเลยทีเดียว

เร็วที่สุด

Mercedes-AMG-GT-R

เร็วที่สุดในงาน Motor Expo 2018 ต้องยกให้ “Mercedes-AMG GT R” (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที อาร์) จัดเป็นอสูรกายแห่ง Green Hell พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของ AMG ในการพัฒนารถยนต์จากรถแข่งสู่สุดยอดรถสปอร์ต ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ระบบไดเรคอินเจคชั่น 585 แรงม้า และระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด ทำให้ Mercedes-AMG GT R น่าตื่นตาตื่นใจด้วยความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม. และการเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.6 วินาที

รถ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ถูกที่สุด

Fomm-One

รถ EV ที่ถูกที่สุดในงาน Motor Expo 2018 ครั้งนี้ ต้องยกให้กับรถไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง “FOMM One” (ฟอมม์ วัน) เป็นรถไฟฟ้า 4 ที่นั่ง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมาก จดทะเบียนได้ ชาร์จไฟเพียงครั้งละ 6 ชม. สามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 160 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 80 กม./ชม. เลยทีเดียว สนนราคาเริ่มอยู่ที่ 599,000 บาท

เก่าที่สุด

Lancia-Aprillia

รถเก่าที่สุดในงาน อยู่ที่บูธ สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย นั่นคือ “Lancia Aprillia” (แลนเซีย อาพริเลีย) ซึ่งผลิตระหว่างปี 1937-1939 จำนวนผลิตรวม 14,704 คัน เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ Vincenzo Lancia ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ใช้เครื่องยนต์ V4 ขนาด 1,352 ซีซี 46 แรงม้า ถือเป็นรถที่เก่าที่สุดในงานครับ

ใหญ่ที่สุด

Thairung-Traveller

ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Expo 2018 ครั้งนี้ ต้องยกให้ “Thairung TRaveller” (ไทยรุ่ง ทราเวลเลอร์) หรือ “ไทยรุ่ง มินิบัส” ยาว 7 เมตร มี 20 + 1 ที่นั่ง ผลิตโดยไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการออกแบบ ดัดแปลงรถยนต์ มากว่า 50 ปี ด้วยเครื่องยนต์คุณภาพจาก Isuzu และตัวรถแบบเดียวกับ Toyota Coaster รุ่นเก่า ในราคา 2,150,000 บาท

รถ SUV เร็วที่สุด

Lamborghini-Urus

รถ SUV ที่เร็วที่สุดในงาน Motor Expo 2018 นั่นคือ Lamborghini Urus (ลัมโบร์กินี อูรูส) ในราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 23,420,000 บาท กับ Super SUV คันแรกของโลก ที่ถ่ายทอด DNA ของลัมโบร์กินีอย่างแท้จริง ผสมผสานกับความเอนกประสงค์ของรถ SUV ที่มาพร้อมคำนิยามว่า “Since We Made It Possible” ด้วยเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ให้พละกำลัง 650 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ ชม. ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดกว่า 300 กม./ ชม. 

รถ SUV แพงที่สุด

Rolls-Royce-Cullinan

รถ SUV แพงที่สุดในงาน Motor Expo 2018 ต้องยกให้ “Rolls-Royce Cullinan” (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน) โดยรถรุ่นนี้ตั้งชื่อตามเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดที่เคยถูกค้นพบ จัดเป็น SUV รุ่นแรกจากค่าย โรลส์-รอยซ์ จับกลุ่มลูกค้าชาวไทยอายุน้อย ที่มีรายได้สูง มาพร้อมเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ V12 Twin-Turbo ขนาด 6.75 ลิตร ที่ปรับปรุงใหม่ (แรงบิด 850 นิวตันเมตรที่ 1,600 รอบ/นาที) และเกียร์ 8 สปีดที่นุ่มนวลที่สุดในโลก สำหรับการขับขี่ออฟโรด ในราคาสูงสุดที่ 32,900,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

Harley-Davidson-CVO-Limited-2019

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Expo 2018 ต้องยกให้ “Harley-Davidson CVO Limited” (ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ซีวีโอ ลิมิเต็ด) เช่นเคย ในราคา 3,124,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์ถูกที่สุด

Lifan-Vintage-LF110

รถมอเตอร์ไซค์ถูกที่สุดในงาน Motor Expo 2018 นั่นคือ “Lifan Vintage LF110” (ลี่ฟาน วินเทจ แอลเอฟ110) ในราคา 28,000 บาท

Motor-Expo-2018-Booking

บริษัท สื่อสากล จำกัด เผยยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2018 ที่ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมเฉกเช่นทุกปี กับยอดจองรถของแต่ละค่ายที่น่าพึงพอใจ เม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 5.6 หมื่นล้าน รถหรู รถเก๋ง รถ SUV Crossover ขายดี เกือบ 45,000 คัน สวนกระแสเศรษฐกิจ!!!

สำหรับยอดขายรถยนต์จาก 36 ผู้ผลิต มีจำนวนทั้งสิ้น 44,189 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.9% โดย 5 อันดับสูงสุดได้แก่ อันดับ 1 Honda 6,842 คัน อันดับ 2 Mazda 6,509 คัน อันดับ 3 Toyota 5,907 คัน อันดับ 4 Isuzu 4,437 คัน และอันดับ 5 Mitsubishi 3,619 คัน

รถเก๋งได้รับความสนใจสูงสุด มีสัดส่วนยอดขาย 38.9% ใกล้เคียงปีก่อน (38.7%) แบ่งเป็นเก๋งซีดาน 25.4% และแฮทช์แบค 13.5% โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ Honda Civic, Honda City, Mazda2, Honda Jazz และ MG3

Motor-Expo-2018-View

ขณะที่รถ SUV มีสัดส่วน 34.3% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย (33.9%) 5 อันดับแรก ได้แก่ Mitsubishi Pajero Sport, MG ZS, Honda CR-V, Honda HR-V และ Ford Everest

รถกระบะมีสัดส่วน 17.2% ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย (17.9%) 5 อันดับแรก ได้แก่ Ford Ranger, Isuzu D-Max, Mitsubishi Triton, Toyota Hilux Revo และ Nissan Navara

ส่วนรถหรู มียอดขายรวม 4,213 คัน โดย 5 แบรนด์ ที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ Mercedes-Benz, BMW, Volvo, Audi และ Porsche

รถจักรยานยนต์จาก 23 ผู้ผลิต ยอดขายรวม 9,169 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ อันดับ 1 ได้แก่ Honda 1,531 คัน อันดับ 2 Yamaha 1,111 คัน อันดับ 3 Lambretta 1,012 คัน อันดับ 4 Kawasaki 775 คัน และ อันดับ 5 Vespa 605 คัน

ราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงานเพิ่มขึ้นเป็น 1,286,898 บาท (ปีก่อน 1,271,837 บาท) เงินหมุนเวียนภายในงานราว 56,000 ล้านบาท ผู้เข้าชมงานจำนวน 1,534,961 คน เพิ่มขึ้น 12.8%

สรุป

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2561 44,189 คัน (หากรวมยอดรถมอเตอร์ไซค์ด้วย เป็น 53,358 คัน)

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 29 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2560 39,832 คัน

ยอดจองรถยนต์ วันที่ 30 พ.ย. – 12 ธ.ค. 2559 32,422 คัน

ยอดจองรถยนต์ 10 อันดับแรกของ Motor Expo 2018 วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2561 (CARRO Update ล่าสุดทุกวัน)

1. Honda 6,842 คัน

Honda-CR-V-5-Seats

2. Mazda 6,509 คัน

Mazda-CX-3

3. Toyota 5,907 คัน

Toyota-Camry-TRD-Sportivo

4. Isuzu 4,437 คัน

Isuzu-D-Max-Stealth

5. Mitsubishi 3,619 คัน

Mitsubishi-Triton-Minorchange

6. MG 2,369 คัน

MG3-Limited-Edition

7. Mercedes-Benz 2,294 คัน

Mercedes-AMG-CLS53

8. Nissan 2,212 คัน

Nissan-Teana-Minorchange

9. Ford 1,914 คัน

Ford-Ranger-Raptor-Motor-Expo

10. Suzuki 1,805 คัน

Suzuki-Swift-2018

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Motor Expo

ดูสรุปยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2017 ได้ที่นี่ >> http://th.carro.co/blog/motor-expo-2017-booking/

สำหรับผู้ที่ซื้อรถใหม่ในงาน Motor Expo 2018 ไปแล้ว แต่ยังหนักใจว่าจะขายรถคันเดิมที่ไหนดี ให้ CARRO เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ “ขายรถง่ายๆ ได้ราคาดี กับ CARRO Thailand” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “CARRO Thailand” ครับผม

10-สัญญาณเตือน-ว่าคุณควรเปลี่ยนยางได้แล้ว

 

ยางรถยนต์ที่ดี ถือเป็นอีกหัวใจหนึ่งของการขับขี่ให้ปลอดภัย และช่วยให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายได้ตามต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากยางรถยนต์ เช่น ยางเกิดการเสื่อมสภาพจนระเบิด จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้ให้ข้อแนะนำที่น่าสนใจ แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนเกี่ยวกับเรื่องของยางรถยนต์ ดังนี้

ลักษณะของยางรถยนต์ที่เสื่อมสภาพ

จะมีเนื้อยางแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น แรงดันลมยางอ่อนกว่าค่าที่กำหนด ส่งผลให้รถมีอาการสั่น ควบคุมและบังคับทิศทางได้ยากกว่าปกติ

10 สัญญาณชี้ที่คุณควร “เปลี่ยนยาง” ได้แล้ว!

  1. ยางมีความร้อนสูง จากการบรรทุกน้ำหนักหรือของบนรถมากเกินไป ทำให้หน้ายางบิดตัวและสัมผัสพื้นผิวถนนมากกว่าปกติ ทำให้ยางร้อนได้ง่าย
  2. ดอกยางสึกหรอ จอดรถอยู่กับที่เป็นเวลานาน เป็นสาเหตุของการที่หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินไป จนเกิดการสึกหรอได้
  3. ยางมีรอยปริแตก สาเหตุเกิดจากจอดรถกลางแดดเป็นเวลานาน รังสียูวีจะทำให้น้ำมันและสารเคมีในยางเสื่อมสภาพ ส่งผลให้เกิดรอยแตกที่เนื้อยาง
  4. มีเสียงดังแปลกๆ เช่น เสียงหอนของยาง มักเกิดจากหน้ายางสึกหรอไม่เท่ากัน หรือขณะขับรถเกิดเสียง ปัง ปัง คล้ายยางแตกและรถมีอาการกระตุก อาจเกิดจากลูกปืนล้อแตกค่ะ
  5. รู้สึกสั่นสะเทือนผิดปกติ หากคุณเริ่มสังเกตเห็นการสั่นสะเทือนมากขึ้นกว่าปกติผ่านล้อของคุณ อาจเป็นเพราะเกิดช่องว่างระหว่าง ดุมล้อ กับ ล้อแม็ก หรือเกิดจากตัวยางที่เสื่อมสภาพบิดเบี้ยวไม่สมดุล และชุดขับเคลื่อนช่วงล่างหลวม
  6. รถไถลไปข้างใดข้างหนึ่งขณะที่ปล่อยพวงมาลัย สาเหตุเกิดได้ทั้งจากยาง ศูนย์ล้อ เพลงล้อ และลูกหมาก ทางที่ดีควรเอารถเข้าศูนย์แล้วให้ศูนย์เช็กค่ะ
  7. การสึกหรอของยางไม่สม่ำเสมอ เกิดจากการพองตัวของยางที่ร้อนเกินไป จะทำให้มีการสึกหรอที่ด้านในของดอกยางมากกว่ารอบขอบ
  8. ลมยางอ่อนเร็วผิดปกติ อย่าชะล่าใจนะค่ะ เพราะอาจถึงขั้นยางระเบิดได้ทีเดียว ลองดูที่หน้ายางว่ามีอะไรตำยางอยู่หรือไม่
  9. รถแฉลบ ตอนที่ลุยแอ่งน้ำตื้นๆ กรณีนี้อาจเกิดจากดอกยางตื้นกว่ามาตรฐานหรือดอกยางหมด ควรดูที่สะพานยาง ภ้าช่องของดอกยางนั้นเสมอเท่ากับสะพานยาง แสดงว่าดอกยางของเรานั้นตื้นเกินไป
  10. ไม่ได้เปลี่ยนยางมานานกว่า 5 ปี

10-สัญญาณเตือน-ว่าคุณควรเปลี่ยนยางได้แล้ว

วิธีถนอมยางรถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ

  • เลือกใช้ยางที่มีขนาดพอดีกับเส้นรอบวงของยาง โดยมีขนาดใกล้เคียงกับมาตรฐานเดิม หรือขนาดของล้อแม็ก หากเปลี่ยนเป็นล้อเล็ก ให้เพิ่มขนาดแก้มยาง แต่หากเป็นล้อใหญ่ ให้ลดขนาดแก้มยาง
  • กรณีใช้งานบนถนนเรียบ ควรใช้ยาง ที่มีดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับหน้าถนน จะช่วยยึดเกาะถนน และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำมากขึ้น
  • กรณีใช้งานบนถนนขรุขระ หรือลุยโคลน ควรใช้ยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่ และร่องยางห่าง เพื่อช่วยสลัดโคลน หิน หรือน้ำไม่ให้เข้าไปติดตามดอกยาง และร่องยาง
  • หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางอยู่เสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือประมาณเดือนละครั้ง กรณีเดินทางไกล ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 3 – 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
  • ตรวจสอบแรงดันลมยางด้วยเกจ์วัดลมที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรตรวจสอบด้วยสายตา เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้
  • เติมแรงดันลมยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งาน ลมยางมากกว่ามาตรฐาน 3 – 4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้นำมาใช้งานได้ทันที โดยลดค่าแรงดันลมยางให้อยู่ในค่าปกติ เติมแรงดันลมยางตามค่ามาตรฐานที่กำหนดในขณะที่ยางเย็นตัว จะได้ค่าแรงดันลมยางที่ถูกต้อง (หากเติมหลังขับรถหรือในขณะที่ยางยังมีความร้อน จะได้ค่าแรงดันลมยางสูงกว่าปกติ)
  • ไม่เติมแรงดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะหน้ายางจะยุบตัว และสัมผัสพื้นผิวถนนมากกว่าปกติ ทำให้แก้มยางฉีกขาด ไหล่ยางเกิดความร้อนสูง และสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น
  • สลับยางรถยนต์ทุกระยะทาง 10,000 กิโลเมตร จะช่วยลดการสึกหรอ และทำให้หน้ายางเรียบเสมอกันทั้ง 4 เส้น พร้อมปรับแรงดันลมยางของล้อหน้า และล้อหลังให้มีค่ามาตรฐานตามที่กำหนด
  • หมั่นตรวจสอบระบบช่วงล่าง และตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้สมดุล เพื่อป้องกันแรงเสียดทาน และการลื่นไถล รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุล ทำให้ยางได้รับความเสียหายได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก GoBear 

ซื้อประกันภัยออนไลน์ ช่วงเวลาไหน เบี้ยดีที่สุด

รู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์ เพื่อให้ได้เบี้ยที่ดีที่สุด

ไม่ว่าคุณจะกำลังซื้อรถใหม่เอี่ยม หรือซื้อรถมือสอง สิ่งที่ Chauffeur ทั้งหลายจะต้องรู้คือ การซื้อประกันรถยนต์ เพื่อให้ได้เบี้ยที่ดีที่สุดจะต้องซื้อช่วงไหนกันนะ 

ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2+ หรือประกันชั้น 3+ ก็ตาม เราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับเรา ถูกไหม โดยเฉพาะเบี้ยรถที่จ่ายไหว ไม่แรงเกินไปตรงนี้สำคัญมาก ๆ บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินว่า ต่อประกันกับที่เดิม หรือบริษัทฯ ประกันเจ้าเก่าเจ้าประจำจะได้เบี้ยดีกว่า เพราะหากขับดีไม่มีเคลม ก็ได้รับส่วนลดประวัติดี ๆ ประมาณ 20-30% มีรายละเอียดประมาณนี้จ้า

ส่วนลดประวัติดี

    • ขั้นที่ 1 ลด 20% เมื่อไม่มีการเคลมรถยนต์ในปีแรก
    • ขั้นที่ 2 ลดเพิ่มอีก 10% จากปีที่แล้วเป็น 30% เมื่อไม่มีการเคลมใน 2 ปีติดต่อกัน
    • ขั้นที่ 3 ลดเพิ่มอีก 10% จากปีที่แล้วเป็น 40% เมื่อไม่มีการเคลมใน 3 ปีติดต่อกัน
    • ขั้นที่ 4 ลดเพิ่มอีก 10% จากปีที่แล้วเป็น 50% เมื่อไม่มีการเคลมใน 4 ปีติดต่อกัน หรือมากกว่านั้น

 

  • แต่ทั้งนี้ในการให้ส่วนลดประวัติดีนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละบริษัทประกันด้วย

ซื้อประกันภัยออนไลน์-ช่วงเวลาไหน-เบี้ยดีที่สุด-(๑)

 

ต่อประกันรถยนต์จะให้ดีต้องช่วงไหน ?

“ซื้อได้หมดถ้าเราสะดวก” พูดง่าย ๆ เลยคือ ซื้อตอนไหนก็ได้ตามความสะดวกของคุณ เราสามารถต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าได้ตั้งแต่

  • ซื้อล่วงหน้า 6 เดือน จะทำให้เราผ่อนยาว ๆ สบาย ๆ เพราะเบี้ยรถยนต์โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการซื้อประกันออนไลน์บางเจ้าจะมีบริการผ่อน 0% สูงสุดถึง 10 เดือน ให้ด้วยทำให้เราบริหารการเงินได้ง่ายขึ้น และยังมีของแถม มีส่วนลด ที่สำคัญเรามีเวลาตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ดีที่สุดด้วย
  • ซื้อล่วงหน้า 3 เดือน ต่อประกันล่วงหน้าก็มีข้อดีคือผ่อนชำระสบาย ๆ ไม่กดดันเกิน แต่เราอาจะมีเวลาตัดสินใจน้อยกว่าการซื้อล่วงหน้า 6 เดือน เพื่อให้ความคุ้มครองรถยนต์ต่อเนื่องแบบไม่มีตกร่องล่ะค่ะ
  • ต่อประกันล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนหมดความคุ้มครอง ค่อนข้างกระชันชิค่ะ แต่ก็ยังถือว่าโอเค ลองหาข้อมูลออนไลน์เปรียบเทียบซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนดี เลือกเบี้ยที่ใช้ พร้อมกับจ่ายเงินเต็ม ๆ เพื่อรับความคุ้มครองประกันที่ใช่สำหรับคุณได้เลย
  • หรือแม้กระทั่ง 1 วัน ก่อนหมดความคุ้มครองประกันรถยนต์ก็ยังได้ แต่มีความเสี่ยงหน่อย ๆ คือ ความคุ้มครองอาจจะไม่ครอบคลุม หากเกิดเหตุในวันที่เราไม่มีประกันรถยนต์ อาจจะต้องจ่ายเองนะคะ 

ด้วยข้อแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ซึ่งเป็นประกันภาคสมัครใจจะไม่มีค่าปรับเหมือน พ.ร.บ.รถยนต์ (อย่าลืมต่อพ.ร.บ.ก่อนซื้อประกันรถยนต์) แต่อย่างไร อย่าปล่อยให้ขาดต่อประกันรถยนต์นะคะ เพราะคุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองหากเกิดเหตุการณ์บนท้องถนน เช่น รถชน รถหาย ฯลฯ

ในที่นี่คุณสามารถเลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) 1,000 – 5,000 บาทเพื่อรับส่วนลดเบี้ยประกันได้ด้วยนะคะ หรือจะให้ประหยัดลงอีกสามารถทำประกันรถยนต์แบบระบุชื่อคนขับ 2 คนก็จะได้รับเบี้ยราคาจ่ายสบาย พร้อมกับติดกล้องหน้ารถยนต์ก็ได้ส่วนลดเบี้ยด้วยเหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th