สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องอ่าน!

กระแสของ “กัญชา” ในเดือนนี้ต้องบอกได้เลยว่ามาแรงจริงๆ! นับตั้งแต่การปลดล็อกกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งมีผลในวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวสายเขียวได้เฮกันเป็นแถว ซึ่งจุดมุ่งหมายของปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด คือเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ

แต่สายเขียวบางคนกลับคิดไปว่า งานนี้ ได้กัญชาเสรีเพื่อสันทนาการ การสูบ และการเสพ ได้ไม่มีขีดจำกัด ถูกใจกลุ่มคนที่อยากดูด พี้ ปุ้น เมากัญชาทั้งวันจนเข้าโรงพยาบาล บางคนอาการหนักถึงขั้นถึงชีวิตเลยก็มี

ขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นแล้วว่า ถ้าจะให้กัญชาเสรีเกินไปในช่วงสุญญากาศตอนนี้ สังคมไทยก็จะลำบาก เพราะร่าง พ.ร.บ. กัญชาฉบับใหม่ ยังไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลยังไม่มีกฎหมายกำกับควบคุมการปลูกกัญชา การใช้กัญชา และการเสพกัญชาครบวงจร มาตรการห้ามคนสูบกัญชาขับรถ หรือห้ามขายกัญชาให้ผู้อายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามเด็กเยาวชนเสพกัญชา ฯลฯ ยังไม่มีกำหนดโทษความผิดอย่างชัดเจน

สำหรับคนสูบกัญชามาแล้ว จะขับรถได้ไหม ผิดกฎหมายหรือเปล่า Mr.Carro ค้นหาคำตอบจากหลายๆ ที่ มาให้พิจารณากัน …

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

สูบกัญชา นอกจากเมา แถมทำให้ง่วงได้!

ตามจริงแล้ว ในกัญชาจะมีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ในดอกกัญชานั้นมีฤทธิ์ทำให้ “เมา” หรือสายเขียวชอบเรียกว่า “ลอย” หรือ High ซึ่งลดทอนประสาทสัมผัสและการรับรู้ได้ชัดเจน ซึ่งถ้าขับรถก็อาจเป็นอันตรายต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางได้

อีกทั้งเมื่อหากร่างกายได้รับสาร THC จากในกัญชามากเกินไป ก็เกิดผลค้างเคียงได้อย่างชัดเจน โดยอาการที่สามารถพบได้ มีตั้งแต่ อาการปากแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า ตาแดง หรือความทรงจำลดลง เหล่านี้ล้วนเป็นผลของการได้รับ THC ที่มากเกินไปแทบทั้งสิ้น

ส่วนกัญชาที่ใช้รักษาโรค หรือใส่อาหาร ซึ่งมีปริมาณสาร THC ต่ำ ก็จะมีค่า CBD (Cannabidiol) สูงแทน ซึ่งสาร CBD จะนิยมใช้ในกลุ่มผู้ป่วยนอนไม่หลับ เครียด หรือวิตกกังวล ซึ่งจะช่วยออกฤทธิ์ให้ “ง่วง” และเคลิ้บเคลิ้ม แน่นอนว่าเป็นอันตรายต่อการขับรถเช่นกัน

ข้อมูลในงานวิจัยที่ฝรั่งเศส ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Plos One พบว่าการสูบกัญชาแล้วขับ จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุถึงตายสูงกว่าจากปกติเมื่อไม่สูบไม่ดื่มอะไรเลย 1.6 เท่า

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ถ้าทานขนมเค้ก หรืออาหารที่ผสมกัญชา ขับรถได้หรือไม่?

ตามปกติ กัญชาที่ผสมลงไปในอาหาร หรือขนมเค้ก คุ๊กกี้ มักจะใช้ใบเป็นส่วนประกอบ ซึ่งใบกัญชาจะมีสาร THC และ CBD ต่ำมาก ซึ่งในอดีต (และปัจจุบัน) หลายร้านนิยมนำใบกัญชามาใส่ลงในหม้อก๋วยเตี๋ยว เพื่อให้น้ำซุปออกมามีรสชาติดี กลิ่นหอม เหมือนใส่ผง “นัว” อร่อยนั่นเอง

ซึ่งการกินเข้าไป จนถึงขั้นออกฤทธิ์ให้เกิดง่วงซึมได้ นั่นอาจจะเป็นการผสม “ดอก” กัญชาเข้าไปมาก ซึ่งก่อนจะกินก็ลองตรวจดูส่วนผสมจากผู้ปรุงหรือผู้ผลิตให้ดีก่อนละกัน

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

แล้วทำไมใบกระท่อม คนขับรถถึงนิยมเคี้ยวกัน?

พืชอีกชนิดอย่าง “กระท่อม” ที่ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษจากกลุ่มสารเสพติดประเภทที่ 5 เช่นเดียวกับกัญชาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำไมบางคนบอกใช้เคี้ยวตอนขับรถได้?

ก็เพราะว่าใบกระท่อม จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทเพียงอย่างเดียว อาการหลังเคี้ยวใบกระท่อมไปประมาณ 5-10 นาที จะมีอาการกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว สามารถทำงานได้นาน ซึ่งไม่กระตุ้นประสาทและกดประสาทพร้อมกันแบบกัญชานั่นเอง

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ด้านความเห็นของคุณหมอ …

ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ออกมาเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวตนห่วงใยถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบกัญชาแล้วขับรถ เนื่องจากกัญชามีผลต่อสมอง ทำให้สมรรถนะการขับขี่ลดลงเหมือนเมาสุราแล้วขับ ฐานะที่ทำงานรณรงค์เมาไม่ขับมากว่า 30 ปี เรื่องนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอย่างมาก

เพราะจากนี้บนท้องถนนนอกจากเจอคนเมาแล้วขับร่วมทางแล้ว คนไทยยังต้องเผชิญกับคนเมา (กัญชา) แล้วขับอีก ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งกับประชาชน เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายลงโทษคนเมา (กัญชา) แล้วขับ เป็นอันตรายทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางบนท้องถนน

ขณะที่ นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ แนะนำว่าหากคุณสูบกัญชามา ไม่ควรขับรถ หรือ ทำงานกับเครื่องจักรกล เป็นเวลา 6 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยครับ

สายเขียวต้องรู้ สูบกัญชา ขับรถได้หรือไม่!

ด้านความเห็นของกรมการขนส่งทางบก …

กรมการขนส่งทางบก ก็อยู่ระหว่างการผลักดันห้ามผู้ขับรถสาธารณะใช้กัญชา หากตรวจเจอจะมีความผิดฐานเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขับรถ

เท่าที่ทราบขณะนี้ ทางขนส่งกำลังออกข้อกำหนดในการตรวจอยู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ขับรถนั้น คาดว่าจะมีการออกกฎหมายหรือข้อกำหนดตามมา แต่เนื่องจากไม่ใช่กฎหมายที่กระทรวงสาธารณสุขออกเอง จึงยังต้องติดตามต่อไป

ส่วนกฎหมายที่มีอยู่ตอนนี้คือ พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 เกี่ยวกับกลิ่นควันเป็นเหตุรำคาญตามมาตรา 25 มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งทางที่ดี แม้ว่าตอนนี้เราจะมีกัญชาเพื่อใช้ในประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจแล้ว ก็อย่าสรรหานำมาสูบ พี้ หรือปุ้น ระหว่างขับรถไปด้วยเลยครับ เพราะอาจเป็นอันตรายกว่าที่คาดคิดไว้ครับ ทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

ในอดีต การสูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะใครๆ ก็สูบกัน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าดาราดัง ก็สูบกันเป็นเรื่องปกติ ในรถยนต์ ที่จุดบุหรี่ กับที่เขี่ยบุหรี่ ก็มีติดมาจากโรงงานให้พร้อม บนรถเมล์ก็สูบได้ ในรถแท็กซี่ ก็สูบได้ ตามสถานที่ต่างๆ ก็ล้วนมีมุมสำหรับคนสูบบุหรี่ หรือที่เขี่ยบุหรี่ จัดให้ชาวสิงห์อมควันพร้อมทั้งนั้น

แต่ในยุคที่คนตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ ทำให้การสูบบุหรี่ ไม่ใช่เรื่องที่โก้เก๋อีกต่อไป เป็นภัยต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดสารพัดโรค และภาครัฐต้องใช้งบประมาณในการดูแลสุขภาพไปมากมาย แม้แต่ที่จุดบุหรี่ในรถ ก็ยังทำเป็นฝาปิดแทนที่

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

ยิ่งหลายคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับขับรถ เช่น ขับรถแท็กซี่ ขับรถผู้บริหาร ขับรถส่งของ ฯลฯ แล้วยังสูบบุหรี่อยู่ คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ที่ต้องนั่งไปด้วย ก็คงไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ที่ยังติดแน่นทนนานอยู่ในรถนัก

เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก Mr.Carro จะมาแนะนำ 5 วิธีการกำจัดกลิ่นบุหรี่ภายในรถยนต์ เพื่อบรรยากาศที่ดีกับผู้ร่วมทาง หรือผู้ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ครับ

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

1. แอปเปิ้ลเขียว

แอปเปิ้ลเขียว เป็นผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ หลากหลายชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงเส้นใยอาหาร เป็นผลไม้ที่บำรุงสายตา บำรุงเส้นผมหนังศีรษะ ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ไขมันต่ำ เสริมภูมิคุ้นกัน ให้ให้กระดูกและฟันแข็งแรง และเหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก ฯลฯ

ที่สำคัญ แอปเปิ้ลเขียว ยังช่วยแก้ปัญหากลิ่นบุหรี่ติดรถได้ด้วย เพราะแอปเปิ้ลเขียวสามารถดูดซับกลิ่นได้ เพียงนำแอปเปิ้ลเขียวผ่าซีกวางไว้ในรถ จะช่วยดูดซับกลิ่นบุหรี่ที่ติดในรถของคุณได้ดีเลย

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

2. ถ่านหุงข้าว

การใช้ถ่านดูดกลิ่นบุหรี่ ก็เป็นวิธีกำจัดกลิ่นบุหรี่ในรถที่ได้ผล เพียงวางถ่านใส่กะละมังไว้ในรถ หรือใส่ถุงผ้าแขวนไว้เพื่อดักจับกลิ่นก็ได้ ซึ่งถ่านหุงข้าวนี้ยังมีประโยชน์ ใช้ดับกลิ่นเหม็น กลิ่นหืน กลิ่นอับ ภายในบ้าน หรือตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วยครับ

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

3. เบกกิ้งโซดา

เบกกิ้งโซดา มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาด และดูดซับกลิ่นได้อีกด้วย! แค่นำเบกกิ้งโซดาใส่ภาชนะไว้ในรถ ตรงจุดที่มีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ จะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับ และช่วยดูดกลิ่นบุหรี่ได้

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

4. สเปรย์ปรับอากาศ / น้ำหอม

การใช้สเปรย์ปรับอากาศ หรือน้ำหอม นับได้ว่าง่ายและสะดวกที่สุด และยังมีหลากหลายกลิ่น แต่ก็ต้องเลือกให้ดี เพราะกลิ่นน้ำหอมบางชนิด อาจไม่ถูกกับจมูกใคร ถึงขั้นสูดดมเข้าไปพร้อมกลิ่นบุหรี่ อาจวิงเวียนศีรษะได้ทีเดียว

5 วิธีจัดการกลิ่นบุหรี่ในรถให้ได้ผล!

5. ล้างแอร์

กรณีที่ยังมีกลิ่นบุหรี่ ลอยออกมาจากช่องแอร์ในรถยนต์ ก็อาจต้องลงทุนล้างแอร์รถยนต์ ให้ช่างจัดการล้างระบบแอร์ หรือล้างตู้แอร์ให้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายเยอะหน่อย แต่ก็จัดว่าได้ผลอยู่

ซึ่งวิธีการล้างแอร์ปัจจุบัน ก็มีทั้งแบบถอดทั้งแผงคอนโซล หรือล้างแบบไม่ต้องถอดตู้ แต่ถ้าจะเอาให้สะอาดจริงๆ ควรล้างแบบถอดตู้ดีกว่า

เอาเป็นว่า ถ้าคุณลองวิธีกำจัดกลิ่นบุหรี่แล้ว รู้สึกว่ากลิ่นบุหรี่ในรถยังไม่หมดไปเสียที เราแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ดีกว่าครับ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง และคนในครอบครัวด้วยครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

หลายคนเคยได้ยินว่ามนุษย์เงินเดือนที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งกับโต๊ะและใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้คนเหล่านั้นทรมานจนบางคนถึงกับทำงานไม่ได้อีกเลย เรากำลังพูดถึงโรคออฟฟิศซินโดรม และใครว่าโรคออฟฟิศซินโดรม อาการเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ออฟฟิศเท่านั้นล่ะ? จริง ๆ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ที่บ้านของเรา

ใช่แล้ว.. เรากำลังพูดถึง การทำงานที่บ้านแบบ “Work from home” เพราะการต้องทำงานที่บ้านนาน ๆ ก็เป็นบ่อเกิดของโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน รู้ใจเป็นห่วงชาวออฟฟิศทุกคนที่ต้องนั่งทำงานที่บ้านที่ทั้งเครียดและเงียบเหงา เราจึงอยากพามาเรียนรู้วิธีการทำงานที่บ้านแบบ Work from home ให้ดีต่อสุขภาพและไม่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกัน จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย!

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

นิยามของโรคออฟฟิศซินโดรมก็คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมทั้งการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น ปวดชาปลายประสาทที่เกิดจากการกดทับ ซึ่งสาเหตุมาจากการนั่งหรืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับผู้ป่วยที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ๆ ต่อวัน

การนั่งที่ทำให้เกิดการกดทับทั้งหลัง ขา แขน และข้อมือ เช่น การใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ สภาวะทำงานที่มีแสงน้อยหรือรับแสงจากจอในปริมาณมากเกินไปจนเกินความเจ็บปวดกับปลายประสาทในร่างกาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้มีอาการตามมา การปวดตามร่างข้อ เส้นเอ็นในร่างกาย ตาพร่ามัว ปวดหัว จนไปถึงอาการรุนแรง เช่น การวูบ หูอื้อ มึนงง ชา แม้อาการป่วยจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ระบบในร่างกายผิดปกติ และอาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง ทนทรมานไปตลอดชีวิต อีกทั้งมันยังส่งผลต่อสภาพจิตได้ด้วยอีกต่างหาก

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

Checklist โรคออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร?

ถึงแม้จะเป็นการทำงานที่บ้าน แต่ลักษณะการทำงานของหลายคนก็ยังเหมือนการนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศอยู่ดี ดังนั้นถ้าคุณมีอาการตามลักษณะต่อไปนี้ ต่อให้ทำงานที่บ้านแบบ Work from home คุณก็ยังมีความเสี่ยง

• นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
• ระหว่างนั่งทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ
• หลังทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องกินยาแก้ปวด หรือบางครั้งต้องไปนวดเพื่อให้หายปวด
• บางครั้งคุณจะรู้สึกตาพร่ามัว อ่านตัวหนังสือที่หน้าจอคอมไม่ชัด

ถ้าคำตอบของคุณส่วนใหญ่คือใช่ ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายที่จะป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออาการป่วย เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานาน การจ้องจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือการไม่ค่อยออกกำลังกายของคุณ

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

นั่งทำงานที่บ้านให้ปลอดภัย ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และส่วนต่าง ๆ ที่เกิดจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน การทำงานที่บ้านน่าจะช่วยให้การเกิดอาการปวดโรคออฟฟิศซินโดรมน้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดังนี้

  • ยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ การทำงานที่บ้านก็มีข้อดีที่เราจำเป็นต้องประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เสมอ แค่มีคอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปก็สามารถย้ายไปนั่งทำงานที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้สบาย ๆ เพราะอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุหนึ่งก็คือ การนั่งทำงานด้วยท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ทางที่ดีเราควรขยับขึ้นมายืดเส้นยืดสายหรือย้ายที่ทำงานไปที่โซฟา หรือไปนอนทำงานบนเตียงก็ได้
  • ปรับการนั่งให้เหมาะกับสรีระ ซึ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะทำงานไม่สามารถย้ายได้ และบางงานจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง ไม่สามารถลุกไปยืดเส้นยืดสายได้บ่อย สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการปรับที่นั่งให้เหมาะกับสรีระ ท่านั่งควรจะไปข้างหลังเล็กน้อยให้หลังมีส่วนช่วยรับน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักกดทับไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ควรนั่งหลังงอมันจะทำให้หลังรับน้ำหนักมากเกินไป ความสูงของโต๊ะควรจะพอดีกับระดับแขนให้การวางแขนลงบนโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์ สามารถวางแขนได้พอดีไม่ห่างกันมากไป ถ้าสูงไปไหล่จะต้องรับน้ำหนัก แต่ถ้าน้อยไปกลับเป็นข้อมือที่รับน้ำหนักเพียงอย่างเดียว ให้หาระยะห่างของความสูงที่สมดุล
  • ใช้หูฟังช่วยในการทำงาน เพราะการทำงานบางชนิดก็จำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อพูดคุย การใช้เป็นเวลานานต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายส่วนที่เกี่ยวข้องต้องรับภาะหนัก เช่น ข้อมือ สายตา หรือหูที่ต้องแนบกับโทรศัพท์ ดังนั้นหาหูฟังที่ช่วยให้ไม่ต้องถือโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์แนบหู หากรู้สึกว่าจ้องจอโทรศัพท์นานเกินไปก็ต้องหาเวลาพักบ้าง
  • พักสายตาทุก 20 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมในการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดทำงานเป็นเวลานาน ๆ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ทุก ๆ 20 นาที ควรพักสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ หาที่สบายตามองเพื่อปรับสายตา มองต้นไม้เขียว ๆ หรือหลับตาสักพักก็ได้เพื่อให้ระบบประสาทตาไม่เครียดมากเกินไป
  • ออกกำลังกาย หลังการทำงานในทุกวัน ควรจะออกกำลังกาย เพราะเมื่อเรานั่งทำงานในออฟฟิศ ทุก ๆ วันการเดินทางกลับบ้านก็ยังมีระยะให้เราเดินให้ร่างกายได้ขยับ แต่การทำงานที่บ้าน ระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานกับเตียงนอนอาจจะใกล้เกินไป แนะนำว่าอย่าเพิ่งพุ่งตัวลงที่นอน ควรหาเวลาออกกำลังกาย เช่น ออกไปเดิน ไปวิ่ง หรือถ้าออกจากบ้านไม่ได้ก็บอดี้เวทหรือทำงานบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม รักษายังไง?

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นความเจ็บป่วยจึงเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ ระบบ ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ระบบประสาท ซึ่งจะรักษาทางใดทางหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะวางแผนการรักษาจากหลายวิธีด้วยกัน เพราะการรักษาจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลายถึงจะรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากระตุ้นระบบประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด อาการชา และการอักเสบจากการทำงานที่ผิดปกติของปลายประสาท
  • คลื่นกระแทกช็อกเวฟ เป็นการใช้คลื่นกระแทกลงไปบนกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรังของระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูก
  • การรักษาด้วยการจัดกระดูกสันหลัง ใช้เตียงจัดกระดูกสันหลังซึ่งปัจจุบันสามารถจัดกระดูกสันหลังได้แบบสามมิติ เพื่อจัดกระดูกสันหลังที่คดงอให้เข้าที่ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาการปวดหลังจากการทำงานหนักเป็นเวลานานจนแนวกระดูกสันหลังเคลื่อน
  • การรักษาด้วยความเย็นจัด เป็นการใช้ความเย็นประมาณ -110 องศา เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายตอบสนองต่อความเย็น และปรับตัวสู้กับความเจ็บป่วยและความเครียด

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาจจะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตก็จริง แต่มันก็เป็นโรคที่ทำให้เจ็บปวดทรมานทางร่างกายและยังส่งผลต่อสุขภาพจิต แนวทางการรักษาก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสักหน่อย ไม่ให้กล้ามเนื้อหรืออวัยวะอื่นใดทำงานในแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มากเกินไป ไม่ว่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม เราควรปรับการใช้ชีวิตให้มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 20 นาที รวมไปถึงเรื่องการพักผ่อนจากงานเป็นระยะก็สำคัญด้วยเช่นกัน

และหากพบว่าร่างกายมีอาการปวด ชา ตามปลายประสาท จนน่าสงสัยว่าตัวเองจะเข้าข่ายอาการของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็ควรจะเริ่มหันมา ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าปล่อยปละละเลยจนอาการปวดเรื้อรังรักษาไม่หายแก้ไม่ได้ ถ้าหากเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ยังไม่หายจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วแหละ

รู้ใจเป็นห่วงทุกคนที่จะต้องเผชิญทั้งการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์โรคระบาดจนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตปกติ ถึงแม้รอดพ้นจากโรคระบาด ก็ยังต้องเสี่ยงเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรมอีก และหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในความเสี่ยงของโรคนี้และกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่แน่นอน คุณสามารถมองหาประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้แบบทั่วถึง รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า ต้องที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เช็คราคาประกันออนไลน์ได้ใน 60 วิ ประหยัดสูงสุด 30% ซื้อง่ายใน 3 นาที ดูข้อมูลประกันภัยต่าง ๆ ได้เลย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บ้าน คือสถานที่ที่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยที่สุด ทุกมุมของบ้านผู้เป็นเจ้าของบ้านย่อมรู้สึกคุ้นเคย การอยู่บ้านของเราเองย่อมทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่บ้านของเราอาจจะปกป้องเราจากภัยภายนอกได้ แต่ภายในบ้านยังมีหลายอย่างให้เราต้องระวัง รู้ใจจะบอกสิ่งที่เรารู้ให้ทุกคนได้หายสงสัยว่าไม่ว่าจะอยู่บ้านเฉย ๆ หรือทำงานที่บ้าน (Work From Home) ก็เสี่ยงอุบัติเหตุได้

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการอยู่บ้าน มีอะไรบ้าง

สถิติการเกิดอุบัติเหตุ สิ่งอันตรายในบ้าน จนบาดเจ็บ พิการหรือเสียชีวิต เชื่อหรือไม่ว่า กว่า 70% เกิดขึ้นในบ้านมากกว่าบนถนนหรือที่อื่น ๆ หลายคนอาจจะไม่เชื่อ ถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานอาจคิดว่า การอยู่บ้าน จะมีอุบัติเหตุได้อย่างไร แต่ถ้าบอกว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับเด็กและคนแก่มากกว่าล่ะ ?

เริ่มเข้าเค้าแล้วใช่มั้ย แต่อย่าคิดว่าถึงจะเป็นคนหนุ่มสาวแล้วจะรอด เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กและคนแก่อยู่บ้านคนเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะคนเหล่านี้ใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าคนวัยอื่น แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากภัยลึกลับในบ้านเหมือนกันหมด ฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ มาทำความรู้จักกับความเสี่ยงอุบัติเหตุในบ้านกันเถอะ

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

บันไดพิฆาต

บันไดติดอันดับสถานที่ทำให้บาดเจ็บอันดับต้น ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนไทยสมัยก่อนอยู่บ้านยกใต้ถุนเพื่อหนีน้ำท่วม บันไดก็สูงเป็นเรื่องปกติ ตกบันไดได้รับบาดเจ็บก็เรื่องปกติเช่นกัน บ้านสมัยใหม่เองก็เช่นกัน บางบ้านบันไดสูง บ้านที่มีดีไซน์ออกแนวลอฟ ก็ไม่มีที่กั้นบันไดกันซะงั้น แล้วจะไม่ให้มีอุบัติเหตุได้ยังไง บันไดปกติก็ดูอันตรายสำหรับเด็กและคนแก่แล้ว วันรุ่นวัยทำงานที่บ้าน (Work from home) ก็มีสิทธิเจ็บตัวเพราะเกิดสะเพร่าวางของไว้เกะกะบันได อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

พื้นบ้านสไลเดอร์

ใครจะคิดว่าพื้นบ้านปกติที่เราเดินอยู่ทุกวัน อาจจะสร้างความลำบากให้เราได้ พื้นบ้านในปัจจุบันไม่ใช่ไม้นิ่ม ๆ อีกต่อไปแล้ว กลับเป็นปูน เป็นกระเบื้องแข็ง ที่ถ้ามีใครล้มลงไปแรง ๆ ล่ะก็ เจ็บหนักแน่ จริงแล้วความแข็งของพื้นบ้านไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับเป็นองค์ประกอบอื่นที่ทำให้เกิด อันตรายที่เกิดขึ้นในบ้านง่าย ๆ

  • ทิ้งของเกะกะ อุปนิสัยของหลายคนนั่นเองที่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของตัวเอง ชีวิตที่ไร้วินัย ไม่สนใจเก็บของเข้าที่ เมื่อเข้าบ้านก็วางกระเป๋าไว้บนพื้น สิ่งนี้เองที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • พื้นลื่น การทำน้ำหกก็เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ดังนั้นเมื่อเห็นน้ำหกที่ไหนต้องรับเช็ดให้แห้งทันที เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะมีเด็กหรือคนแก่มาเหยียบจนลื่นล้มได้
  • พื้นเก่า อาจจะดูไม่มีอะไร แต่พื้นเก่าที่มีรอยแตกเกิดขึ้น ไม่ว่าจะพื้นปูนหรือกระเบื้อง หากพบรอยดังกล่าวต้องรีบซ่อมทันทีไม่อย่างนั้นอาจเกิดบาดแผลขึ้นได้ แต่หากอยากปลอดภัยไว้ก่อน ใส่รองเท้าภายในบ้านจะปลอดภัยกว่า

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ของมีคมบาด

อันตรายจากของมีคม ขึ้นชื่อว่าของมีคมย่อมมากับอันตรายอยู่แล้ว แต่แปลกที่หลายคนไม่ระวังกับมัน อาจจะเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน มีดเป็นอุปกรณ์ที่เรียกเลือดจากเราได้ทุกที ไม่ใช่แค่ในครัวเท่านั้น มีดคัทเตอร์ก็ยิ่งอันตรายถ้าไม่ระวัง หรือถ้าไม่ใช่มีด ของจำพวกเข็มก็เสี่ยงทำให้บาดเจ็บได้ ของมีคมไม่ใช่แค่มีดและเข็มเท่านั้น ในเครื่องปั่นเครื่องบดก็มีใบมีดที่อันตรายเช่นกัน เพราะเป็นของที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เป็นสิ่งอันตรายในบ้านได้ ดังนั้นเวลาใช้งานก็มีสติให้มาก เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็ต้องมีวินัยในการเก็บมันเข้าที่ไม่ให้ใครบาดเจ็บเพราะมัน

ไฟฟ้าช็อต

อันตรายจากของใช้ในบ้าน อุบัติเหตุจากไฟฟ้าเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงมากที่สุด และเป็นอุบัติเหตุที่เกิดได้ง่ายที่สุด แค่ไม่ระวังปล่อยให้มือเปียกไปแตะสวิตช์ไฟก็อาจจะทำให้ไฟช็อตได้ ประมาทเพียงนิดเดียวอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นนอกจากความไม่ประมาทแล้วเราสามารถติดตั้งตัวตัดไฟเซฟตี้ ที่จะทำหน้าที่ตัดไฟทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุไฟฟ้ารั่ว ทำให้ลดการสูญเสียได้มาก นอกจากนี้เราควรตรวจตราจุดแยก จุดจ่ายไฟฟ้าในบ้านให้ดีว่ามีตรงไหนชำรุดบ้าง เพื่อที่เราจะทำการปรับปรุงซ่อมแซมได้ทันท่วงทีก่อนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

สัตว์ประหลาด

อย่าเพิ่งตกใจว่ากำลังอยู่ในหนัง Sci-fi รึเปล่า แต่สัตว์ที่ว่ารวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในบ้านและสัตว์ที่มีพิษ อุบัติเหตุเหล่านี้มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังไว้ให้ดี เพราะถึงแม้จะเป็นน้องตูบหรือเจ้านายของบ่าวอย่างเจ้าเหมียว ถ้ามันได้กัดได้ข่วนจนมีเลือดแล้วล่ะก็ ยังไงก็ต้องไปหาหมอฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือบาดทะยัก เพราะฉะนั้นจะเล่นกับมันยังไงก็ต้องระวังไว้ด้วย

อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือสัตว์แมลงและสัตว์มีพิษ สัตว์พวกนี้จะชอบเข้ามาหาที่หลบในที่ที่อบอุ่นและมีอาหาร เพราะฉะนั้นควรจะจัดบริเวณรอบบ้านให้ดี ไม่ให้รกหรือมีที่ซ่อนของสัตว์ และอย่าลืมกำจัดเศษอาหารเหลือทิ้งทุกวันไม่ให้ดึงดูดสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาในบ้านเรา เพราะพิษของสัตว์พวกนี้ไม่ว่างูหรือตะขาบ หากแพ้ขึ้นมาไปโรงพยาบาลไม่ทันก็อันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกัน

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

สารเคมีในบ้าน

อันตรายจากสารเคมี ก็น่ากลัว ! เคยมีอุบัติเหตุที่ไม่น่าเชื่ออย่างการเอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปใส่ในขวดน้ำดื่ม แล้วมีคนเผลอมากิน หรือมีคนล้างห้องน้ำด้วยไฮเตอร์ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำจนเกิดก๊าซไฮโดรคลอไร ทำลายระบบทางเดินหายใจจนเสียชีวิต อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากความไม่รู้ ดังนั้นก่อนจะใช้สารเคมีอะไรในบ้าน ศึกษาให้ดีก่อน เพราะสารอันตรายเหล่านี้ทำอันตรายต่อคนในบ้านได้มากทีเดียว

อุบัติเหตุเกี่ยวกับการกิน

การอยู่บ้านสบาย กินได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ อาจจะกลายเป็นฝันร้ายเอาก็ได้ถ้าไม่ระวัง การเคี้ยวอาหารแล้วเศษอาหารพลาดไปติดหลอดลมก็เป็นอุบัติเหตุชนิดหนึ่งที่คร่าชีวิตเราได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นจะกินอะไรก็ต้องระวัง เคี้ยวอย่างมีสติถึงจะเคี้ยวไปดูซีรีส์ไปก็ต้องระลึกไว้เสมอว่าอันตรายอาจจะมาพร้อมกับความอร่อย แต่ถึงอย่างไรอาการเศษอาหารติดหลอดลมก็มีวิธีปฐมพยาบาลได้ง่าย แต่มีข้อแม้คืออย่าอยู่คนเดียว เพราะการปฐมพยาบาลต้องมีคนช่วย

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ไฟไหม้

อุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟไหม้ก็เกิดขึ้นได้บ่อย ถึงแม้จะมีคนอยู่เต็มบ้านก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิด แต่เพราะการทำงานที่บ้าน (Work from home) นี่แหละอาจทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าเกินพิกัดจนลัดวงจรได้ สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจจะมาจากการเผาใบไม้ทำสวน กระแสลมอาจทำให้ไฟลุกลาม หรือเตาแก๊สในบ้านระเบิดก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เป็นประจำ ดังนั้นไฟไหม้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่พรากทุกอย่างไปจากเราได้แบบหมดสิ้น

อุบัติเหตุจากการซ่อมบ้าน

ช่วงเวลากักตัว Work from home แบบนี้ หลายคนอาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะทำการซ่อมบ้านครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะซ่อมแซมแต่ก็อาจจะทำอันตรายให้กับคนในบ้านได้ด้วย แต่ก่อนที่จะซ่อมแซมอะไร จุดอันตรายในบ้าน ต้องตรวจดูอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นสว่าน เลื่อยไฟฟ้า หรือบันไดปีนหลังคา เพราะอุปกรณ์ที่สึกหรอเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของการเจ็บตัวได้ ในต่างประเทศมีหลายคนมากที่ต้องพิการเพราะตกจากหลังคาเวลาขึ้นไปซ่อมบ้านของพวกเขาเอง

คนอยู่บ้านหรือ Work From Home ใครว่าไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ ที่เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุ มันสามารถเกิดจากอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และในเมื่อมันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน การเตรียมพร้อมไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด รู้มั้ย รู้ใจมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal accident) ไว้คุ้มครองคุณหากเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผล กระดูกหัก สูญเสียอวัยวะ พิการหรือเสียชีวิต เราดูแลด้วยทุนประกันที่สูงและแผนความคุ้มครองที่สามารถเพิ่มหรือปรับแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง เราหวังว่าในช่วงที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน หรือบางคนทำงานที่บ้าน (Work from home) แบบนี้ ทุกคนจะมีแผนเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องไม่คาดคิดเสมอ ด้วยความปรารถนาดีจาก รู้ใจ ประกันออนไลน์ รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

4 เคล็ดลับดับกลิ่นทุเรียนในรถ

ช่วงนี้ จัดได้ว่าเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลทุเรียนของไทย ซึ่งจะมีทุเรียนออกมามากมายหลายสายพันธุ์ให้ชิมกันเยอะเป็นพิเศษ แม้ว่าปัจจุบันชาวสวนจะพัฒนาทุเรียนบางสายพันธุ์ ให้ออกผลได้เกือบทั้งปีแล้วก็ตาม เราจึงเริ่มเห็นทุเรียนตามท้องตลาด ตามสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ขายมากมายเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ทุเรียนเลิฟเวอร์หลายคน ต้องขับรถออกไปซื้อกันเลยทีเดียว

แต่หลายคนก็เกิดอาการเซ็งเพราะไม่ชอบ “กลิ่น” ของทุเรียนที่รุนแรงและกำจัดได้ยาก ยิ่งถ้ากลิ่นติดอยู่ในรถยิ่งพาให้ปวดหัว ในวันนี้ Carro จึงมีวิธีที่จะช่วยดับกลิ่นทุเรียนในมาฝากผู้อ่านกันจ้า

4 เคล็ดลับดับกลิ่นทุเรียนในรถ ไร้กลิ่นกวนใจ

1. กาแฟ

ไม่ว่าจะเป็นแบบผงหรือสำเร็จรูป หรือเป็นกากกาแฟยิ่งดี (ขอได้ตามร้านกาแฟสดทั่วไป) นำมาใส่ในกล่อง ไม่ต้องปิดฝา แล้วใส่ไว้ในรถ ประมาณ 2-3 วัน กาแฟจะช่วยดูดกลิ่นให้จางหายไป

4 เคล็ดลับดับกลิ่นทุเรียนในรถ ไร้กลิ่นกวนใจ

2. ถ่านหุงข้าว

ถ่านหุงข้าว นับว่าเป็นวัตถุดิบที่ให้ประสิทธิภาพในการดับกลิ่นได้ดี เพียงนำถ่านสัก 3-4 ก้อน นำใส่กระป๋องแล้วใส่ไว้ในรถ ในตู้เย็น หรือในบ้านก็ได้ ถ่านจะช่วยลดกลิ่นทุเรียนได้ภายใน 2-3 วัน

4 เคล็ดลับดับกลิ่นทุเรียนในรถ ไร้กลิ่นกวนใจ

3. ใบชา, ถุงชา

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีฤทธิ์ช่วยสะกดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ดีมาก เพียงใส่ใบชาลงไปในซองหรือกล่องพลาสติกเจาะรู หรือใช้ถุงชาที่ใช้แล้วก็ได้ ยิ่งใช้หลายๆ ซองยิ่งได้ผลไวขึ้น นำไปวางไว้ในรถ ทิ้งไว้สักพักหรือสัก 1 วัน จะช่วยบรรเทากลิ่นทุเรียนได้อย่างดี

4 เคล็ดลับดับกลิ่นทุเรียนในรถ ไร้กลิ่นกวนใจ

4. ใบเตย

คุณสามารถไปซื้อใบเตยที่พับเป็นดอกให้แล้วจากตลาด หรือถ้าที่บ้านมีต้นใบเตยก็เด็ดมาล้าง แล้วเอาพับหรือม้วนเป็นช่อ แล้ววางไว้ในรถ เพียง 1-2 วัน ก็จะไม่มีกลิ่นกวนใจในรถหลงเหลืออยู่

และนี่ก็คือวิธีดับกลิ่นทุเรียนอย่างง่ายๆ ที่ปลอดภัยต่อรถและสุขภาพ เพราะใช้แต่วัตถุดิบจากธรรมชาติมาช่วยดับกลิ่น ไร้สารเคมีตกค้างในรถอย่างแน่นอน หรือถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก่อนนำทุเรียนขึ้นรถ ควรนำทุเรียนใส่กล่องมีฝาปิดมิดชิด หรือใส่ถุง 2 ชั้น แล้วปิดปากถุงอย่างแน่นหนา ก็จะช่วยไม่ให้กลิ่นกระจายไปทั่วรถได้ในระดับนึงค่ะ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

Burnout Syndrome ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ใช่โรคซึมเศร้า แค่หมดไฟในการทำงาน

เคยเป็นไหมในตอนทำงานกับอาการ “เปื่อย” แม้รู้ดีว่ารีบแค่ไหนแต่ไฟในการทำงานมันเหมือนมอดดับลง แบบนั้นเรียกว่าคุณกำลังอยู่ในอาการ Burnout Syndrome เรื่องราวของการเจ็บป่วยที่แอบแฝงอยู่กับชีวิตการทำงานที่หลายคนไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ป่วย “ภาวะหมดไฟในการทำงาน!”

โรคนี้เกิดขึ้นจากไหน มีลักษณะอย่างไร น่ากลัวแค่ไหนต่อร่างกาย และเราสามารถป้องกันการเจ็บป่วยในรูปแบบนี้ได้หรือไม่ หรือว่ามีวิธีการรักษาดูแลอาการอย่างไร มาทำความรู้จักกับการต่อยอดของ ออฟฟิศ ซินโดรม สู่ Burnout Syndrome กันดีกว่า ซึ่งมีผลต่อคุณมากเลยทีเดียว

รู้จักกับ Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟในการทำงาน

Burnout Syndrome คืออะไร? อาการเจ็บป่วยที่เรียกว่า ภาวะหมดไฟในการทำงาน ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากแต่เดิม มนุษย์เราทำงานในวิถีกสิกรรม ก่อนยกระดับมาเป็นการทำงานในภาคอุตสาหกรรมพร้อมทั้งการทำงานด้านเอกสารและ IT ที่ต้องขลุกอยู่แต่ในออฟฟิศตลอดเวลา และการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เหล่านี้กลายเป็นที่มาของปัญหาที่เรียกอาการเหล่านี้ว่า “หมดไฟในการทำงาน”

ซึ่งทาง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหานี้มาก เพราะเจ้าโรคอุบัติใหม่ตัวนี้กำลังเป็นเนื้อร้ายที่กัดกร่อนพลังความสามารถของมนุษย์ทั่วไปที่โหมทำงานหนักมากเกินจนเกิดภาวะตื้อตันจนไม่อยากทำอะไรอีกต่อไป และมันกลายเป็นเหมือนเชื้อไฟที่พากันลุกลามจนเป็นสาเหตุก่อให้เกิดปัญหาโรคซึมเศร้า

โดยประเทศที่ถูกภาวะหมดไฟในการทำงานโจมตีอย่างหนักได้แก่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่พนักงานบริษัททำงานหนักยิ่งกว่าหนูถีบจักร มีภาวะบีบคั้นทางอารมณ์สูงมากจึงก่อให้เกิดปัญหา Burnout Syndrome ตามมา และกลายเป็นบทสรุปที่น่าเศร้าในหลายต่อหลายครั้ง

ซึ่งในปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ได้ลุกลามเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ไม่เพียงแต่ผู้คนในวัยทำงานที่ประสบกับปัญหานี้เท่านั้น ยังรวมไปถึงเด็กนักเรียนที่ถูกเคี่ยวเข็ญให้เรียนหนังสืออย่างหนักก็มีสิทธิ์ที่จะมีภาวะหมดไฟลงไปได้เช่นกัน ซึ่งทุกคนควรหันมาใส่ใจกับภาวะเหล่านี้

Burnout Syndrome ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ใช่โรคซึมเศร้า แค่หมดไฟในการทำงาน

สาเหตุหลักของอาการ “หมดไฟในการทำงาน”

สำหรับอาการเจ็บป่วยในรูปแบบของ Burnout Syndrome เป็นอาการเจ็บป่วยจากสภาพจิตใจเป็นหลัก โดยปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากการหักโหมทำงานหนักมากจนเกินไป รวมถึงปริมาณงานที่มีมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว งานที่ดูเหมือนไม่มากแต่มีความละเอียดและซับซ้อนของโครงสร้างสูงก็สามารถก่อให้เกิดภาวะนี้ได้

นอกจากนั้นแล้ว การได้รับมอบหมายงานที่เยอะ หรือยุ่งยาก แต่มีความเร่งด่วนสูงย่อมก่อให้เกิดปัญหานี้ตามได้ด้วยเช่นกัน โดยการเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานจะมาในรูปแบบของความเครียดสะสม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับสังคมไทยที่หลาย ๆ บริษัทในทุกวันนี้เลือกจ้างคนทำงานเพียงน้อยนิดแต่ต้องรับผิดชอบเนื้องานจำนวนมากจนเกิดภาวะความเครียดสะสมแบบนี้ขึ้นมานั่นเอง

การเร่งรีบแข่งขันกันทางด้านการศึกษา เป็นการผลักดันให้เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่เกิดภาวะความตึงเครียดทางด้านอารมณ์จากการเรียนที่ไม่มีวันสิ้นสุดนับตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เกิดอาการหมดไฟไม่อยากทำอะไร และต่อยอดต่อมาจนกลายเป็นอาการของโรคซึมเศร้าที่เป็นผลพวงของภาวะการเจ็บป่วยในรูปแบบนี้ ดังนั้นเรื่องของ Burnout Syndrome เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามโดยเด็ดขาด

Burnout Syndrome ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ใช่โรคซึมเศร้า แค่หมดไฟในการทำงาน

อาการไหนที่บ่งชี้ว่าคุณอยู่ในภาวะ Burnout Syndrome หรือเปล่า?

Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ

ผลกระทบจากภาวะเครียดสะสมที่เกิดขึ้นจากการทำงานหรือการหมกมุ่นจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะเบื่อ ไม่อยากทำงานอีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มีการแบ่งระดับของภาวะ Burnout Syndrome เป็น 3 ระดับใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้

  • ระดับเหนื่อยล้า

เมื่อนาฬิกาปลุกดังขึ้น มันคือความยากลำบากที่จะลุกไปทำงาน ระหว่างการเดินทางไปสู่ที่ทำงานเป็นเวลาอันแสนขมขื่น เมื่อไปถึงที่ทำงานแล้วเกิดภาวะตื้อ ตัน คิดอะไรไม่ออก เบื่อหน่ายในทุกสิ่งและทำงานแบบซังกะตาย ทั้งหมดนี้คือสัญญาณเริ่มต้นของภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome แม้ว่ายังคงสามารถประคับประคองให้ทำงานต่อไปได้ แต่ถึงกระนั้นประสิทธิภาพสำหรับการทำงานจะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไป งานเริ่มส่งช้า หรือไม่มีคุณภาพ ซึ่งถ้าไม่แก้ไขตั้งแต่ต้นย่อมมีผลต่อตัวบุคคลผู้กำลังเจอกับปัญหา Burnout Syndrome และองค์กรที่รับพวกเขาเข้าทำงานด้วย

  • ระดับทัศนคติเชิงลบ

เมื่อเริ่มมีความขุ่นข้องหมองใจในการทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือทัศนคติต่าง ๆ ที่มีเกี่ยวกับงานจะตกต่ำลง ผู้ป่วยเริ่มมองทุกอย่างในแง่ลบทั้งสิ้น แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็กลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ได้ รวมไปถึงการมองผู้ร่วมงานคนอื่นในแง่ร้าย การมองดูที่ทำงานในมุมลบ ทั้งหมดนี้จะหล่อหลอมให้เกิดความรู้สึกห่อเหี่ยวภายในจิตใจ จนในท้ายที่สุดคือไม่ต้องการทำอะไรอีกต่อไปแล้ว

  • ระดับวิกฤต

ระดับนี้ถือเป็นระดับอันตรายที่สุดเพราะมีปัญหาเกี่ยวกับบุคลิกภาพและอารมณ์อย่างรุนแรง และมักมีปัญหาในเรื่องของอาการโรคซึมเศร้าเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย โดยในช่วงวิกฤตนี้จะมีปัญหาในการกระทบกระทั่งกันทางอารมณ์สูงมาก อาการโมโหเกรี้ยวกราด ไม่พอใจในสิ่งต่าง ๆ สูงขึ้นจนไม่อาจที่จะทำงานกับใครต่อไปได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาโดยทั่วไปคือการปลดพนักงานคนนั้นออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่เป็นการดึงพนักงานคนนั้นออกมาแก้ไขปัญหา จนกลายเป็นการโยนปัญหาไปยังตัวผู้ป่วยในท้ายที่สุด

Burnout Syndrome ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ใช่โรคซึมเศร้า แค่หมดไฟในการทำงาน

การตรวจสอบว่าคุณกำลังหมดไฟในการทำงานหรือ Burnout หรือไม่?

เพื่อไม่ให้คุณต้องติดกับดักของการทำงานมากเกินไปจนหมดไฟในการทำงาน ลองเช็กตัวเองสักนิดเพื่อเป็นการประเมินผลตัวเองเบื้องต้นว่าเรากำลังมีความเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งถ้าเรากำลังเข้าข่ายของผู้มีความเสี่ยงแล้วจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ที่นี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าเข้าข่ายคนที่กำลังจะหมดไฟ ต้องเช็กลิสต์ตรวจสอบสภาวะการ Burnout ซึ่งอาการมีดังนี้

  • หงุดหงิด โมโหง่าย
  • เริ่มไม่พอใจในที่ทำงาน
  • มองเพื่อนร่วมงานในแง่ลบ
  • ปัดปัญหา ไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • ขาดความกระตือรือร้น
  • ส่งงานสาย
  • งานถูกแก้ไขอยู่บ่อยครั้ง
  • มีงานที่ไม่เสร็จค้างสะสมอยู่มากเกินไป
  • ไม่อยากไปทำงาน

ถ้ามีอาการทั้งหมดหรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของภาวะเหล่านี้ นั่นคือคุณกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา Burnout Syndrome เข้าให้แล้ว ดังนั้นการจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้คือวิธีการที่ดีที่สุดก่อนที่มันจะกำเริบกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นต่อมาในอนาคต

แล้วภาวะหมดไฟในการทำงานรวมถึงการเรียน มีวิธีแก้อย่างไร?

อาการ Burnout แก้ไขได้ หากผู้ที่กำลังเผชิญปัญหาเข้าใจกับสถานการณ์ของตนเอง ซึ่งมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ หัวใจสำคัญสำหรับการแก้ไขปัญหาทั้งหมดคือการพักผ่อนที่ดี แม้ในความเป็นจริง การ Burnout นั้นมีผลกระทบที่ตามมาคือการนอนไม่หลับ ดังนั้นการฝึกตัวเองให้นอนเป็นเวลาย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้ว่าไม่หลับ แต่การได้นอนพักสายตาย่อมทำให้ความเครียดและความวิตกกังวลลดลงไปได้
  2. แบ่งเวลาให้เหมาะสม การทำงานที่ดีคือการจัดสรรเวลาให้ถูกต้อง การหอบงานกลับมาทำที่บ้านแบบหามรุ่งหามค่ำคือทางเลือกที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นการทำงานที่เต็มพิกัดแล้ว ควรเลือกที่จะพักผ่อน เพื่อให้คุณสามารถจัดสรรเวลาการทำงานและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  3. ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ การปรึกษาแพทย์นับเป็นทางเลือกที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อแพทย์จะได้ทำการวินิจฉัยสำหรับการรักษาไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปแบบการใช้ชีวิต หรือการรับประทานยาเพื่อการรักษา เป็นต้น

ภาวะ Burnout Syndrome คือ เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม รู้เท่าทันปัญหาและรีบจัดการอย่างทันท่วงที จะทำให้คุณสามารถคงรักษาพลังในการทำงานได้อย่างมีความสุข และเพื่อให้การป้องกันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ เมื่อหมดไฟในการทำงานอาจทำให้คุณต้องเสี่ยงใกล้อุบัติเหตุมากขึ้น การมองหาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ “รู้ใจ” ย่อมตอบโจทย์ความคุ้มครองที่ดีที่สุดให้กับคุณได้ ปรึกษาเราในเรื่องประกันจะช่วยให้คุณอุ่นใจในทุกเวลาแห่งการใช้ชีวิตได้เสมอ เพราะเราทำให้ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาดี และเชื่อถือได้!

ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เลย

รีบทำความสะอาดเถอะ! กับ 4 จุดในรถยนต์ ที่สกปรกกว่าส้วมสาธารณะ!

ทุกวันนี้ เราคงห้ามปฏิเสธแล้วล่ะว่า “ความสะอาด” คือสิ่งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่เจ้าโควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา อุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตไปแล้ว

อ่านเพิ่มเติม >> 5 วิธี ป้องกัน “โควิด-19” (COVID-19) สำหรับผู้ใช้รถ ปลอดภัยทั้งคนขับและผู้โดยสาร

อ่านเพิ่มเติม >> 5 วิธี ป้องกันกองทัพหนู และแมลงสาบ บุกยึดรถยนต์ของคุณ!

แม้แต่ในรถยนต์เองก็เช่นกัน ความสะอาดก็เป็นสิ่งที่ห้ามละเลย บางคนอาจจะต้องใช้รถยนต์ทั้งวัน หรือใช้งานแทบทุกวัน แน่นอนล่ะว่าอาจจะมีสิ่งสกปรกปกเปื้อนเข้ามา จนเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้อยู่แล้ว

เพราะหลายคนอาจมีกินขนม กินข้าว หรือเปิดกระจกขับรถ ทำให้บรรดาเศษอาหาร เศษผม เศษฝุ่นผงต่างๆ (รวมถึงฝุ่น PM 2.5) สามารถปลิวเข้ามาในรถ หรือระบบแอร์ดูดเข้ามาได้

และคุณจะเชื่อหรือไม่ว่า 4 จุดในรถยนต์นี้ สกปรกกว่าที่รองนั่งชักโครกในห้องน้ำสาธารณะเสียอีก! แต่จะมีจุดไหนบ้าง MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

รีบทำความสะอาดเถอะ! กับ 4 จุดในรถยนต์ ที่สกปรกกว่าส้วมสาธารณะ!

1. พวงมาลัยรถ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พวงมาลัยรถที่เราจำเป็นต้องจับอยู่ตลอดเวลาของการขับรถนั้น กลายเป็นจุดที่สกปรกที่สุดภายในห้องโดยสาร โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ Carrentals แห่งสหรัฐอเมริกา ที่มีผลวิจัยจากผู้ใช้รถชาวอเมริกันกว่า 1,000 คัน

พบว่า พวงมาลัยรถยนต์มีค่าความสกปรกมากถึง 629 CFU (CFU คือ Colony-Forming Unit คือวิธีการตรวจนับจุลินทรีย์ แบคทีเรีย ยีสต์ หรือ รา ตามมาตรฐาน) สกปรกกว่าส้วมสาธารณะถึง 6 เท่า (172 CFU) แถมสกปรกกว่าปุ่มกดลิฟต์ถึง 2 เท่า (313 CFU)

รีบทำความสะอาดเถอะ! กับ 4 จุดในรถยนต์ ที่สกปรกกว่าส้วมสาธารณะ!

2. ที่วางแก้วน้ำ

ที่วางแก้วน้ำ หลายยังใช้เป็นที่วางของอื่นๆ อีกด้วย นับตั้งแต่เหรียญ, โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงเศษอาหารที่กินเหลือเวลาขับรถ ที่ต้องเจอกับความชื้นและสิ่งสกปรกบ่อยครั้ง มีค่าความสกปรกอยู่สูงถึง 506 CFU ซึ่งสกปรกกว่าฝาชักโครกส้วมห้องน้ำสาธารณะด้วยซ้ำไป

รีบทำความสะอาดเถอะ! กับ 4 จุดในรถยนต์ ที่สกปรกกว่าส้วมสาธารณะ!

3. เข็มขัดนิรภัย

เข็มขัดนิรภัยนี่ก็เป็นแหล่งรวมความสกปรกเอาไว้ใช่ย่อย นับตั้งแต่บริเวณปุ่มกดตัวล็อก, ตัวล็อก และสายเข็มขัดนิรภัย ซึ่งถูกม้วนเก็บอยู่ด้านในของเสากลางตัวรถ หรือเสาหลังรถ หรือใต้เบาะนั่ง จึงเป็นที่สะสมของเชื้อโรคมากมาย ด้วยค่าเฉลี่ยความสกปรกมากถึง 403 CFU

รีบทำความสะอาดเถอะ! กับ 4 จุดในรถยนต์ ที่สกปรกกว่าส้วมสาธารณะ!

4. ที่เปิดประตูรถยนต์

จุดสัมผัสที่บ่อยที่สุดของรถทุกคัน นั่นคือที่เปิดประตูรถยนต์ทั้งภายนอก-ภายใน มือคุณต้องจับตรงนี้เป็นจุดแรกๆ เมื่อจะขึ้นรถหรือลงรถ กลับเป็นสิ่งที่คนละเลยการทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ มีค่าเฉลี่ยความสกปรกมากถึง 256 CFU เรียกว่าฝารองนั่งโถส้วมยังสะอาดกว่า

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว รีบทำความสะอาดโถส้วม เอ๊ย! ภายในรถกันเลยนะครับ แล้วอย่าลืมล้างมือบ่อยๆ ก่อนจะใช้รถ เพื่อที่ทุกจุดในรถของคุณ จะได้สะอาดปลอดเชื้อโควิด-19 หรือเชื้อโรคอื่นๆ ยังไงล่ะครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาจาก:

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

เป็นที่ทราบกันดีว่าในปี 2564 นี้ โควิด-19 (Covid-19) ยังคงสร้างผลกระทบไปยังทุกภาคส่วนของสังคมโลกใบนี้ แม้แต่ในประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล ต่างต้องปรับตัวกันในยุค New Normal กันทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่การจัดงาน Event ด้วยเช่นกัน

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิดดั้งเดิม อย่าง สายพันธุ์อู่ฮั่น หรือสายพันธุ์ใหม่อย่าง สายพันธุ์อัลฟ่า, เบต้า, เดลต้า หรือสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดอย่างสายพันธุ์ “Omicron” (โอไมครอน) หรือ B.1.1.529 ซึ่งเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีพันธุกรรมกลายพันธุ์ไปมากถึง 50 ตำแหน่ง ที่ระบาดจากประเทศบอสสวานา ในทวีปแอฟริกาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

รวมรถเด่น รถใหม่ รถเปิดตัวล่าสุด ในงาน Motor Expo 2021

สำหรับงาน “Motor Expo 2021” หรือ “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” ในปีนี้จัดงานภายใต้แนวคิด “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์-TIME to ENJOY!” และได้นำมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) D M H T T A มาใช้ป้องกันการระบาดของ COVID-19

โดยผู้เกี่ยวข้องในการจัดงานทุกคนต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่เป็นประจำ ส่วนบุคคลทั่วไปที่จะเข้าชมงานต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม (Sinovac 2 เข็ม, Sinopharm 2 เข็ม, AstraZeneca 2 เข็ม, Pfizer 2 เข็ม, Moderna 2 เข็ม หรือ Sinovac + AstraZeneca, AstraZeneca + Pfizer เป็นต้น หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วระหว่าง 21- 90 วัน

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

หรือผ่านการตรวจ RT-PCR หรือตรวจ ATK มีใบรับรอง ภายใน 72 ชั่วโมง หากใครที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม จะต้องรับการตรวจ ATK หน้างาน โดยตรวจ ATK ค่าใช้จ่ายเพียง 99 บาท/ท่าน เท่านั้น (ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ไม่ต้องตรวจ ATK)

หากใครไม่มั่นใจ หรือไม่รู้ว่ามีขั้นตอนการตรวจอย่างไรบ้าง MR.CARRO ขอพามาชมรีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021 กันครับ …

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

เมื่อคุณมาถึงที่งาน Motor Expo 2021 แล้ว ให้เดินเข้ามาทางชั้นสองของ อิมแพ็ค ชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ บริเวณช่วงทางเข้า Drop-Off Challenger 2 จะเห็นจุดตรวจ ATK (ATK Testing Service) ตั้งอยู่ ให้บริการตั้งแต่ 9.00-21.00 น.

ซึ่งมีทั้งแบบลงทะเบียนล่วงหน้า ของ Finno Health และแบบลงทะเบียนหน้างาน ของ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 พร้อมให้บริการ ให้รอรับบัตรคิวตรวจ ATK บริเวณหมายเลข 1

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

ให้รอรับบัตรคิวตรวจ ATK บริเวณหมายเลข 1 บริเวณจุดลงทะเบียน และชำระเงินจำนวน 99 บาท/ท่าน

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

เมื่อชำระเงินเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกเข้าไปยังจุดตรวจ ซึ่งอยู่บริเวณประตูด้านหน้าทางเข้างาน

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

จากนั้นให้นั่งรอผลตรวจ ATK ประมาณ 15 นาที

ฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ต้องกังวล! รีวิวจุดตรวจ ATK ที่งาน Motor Expo 2021!

เมื่อผลตรวจออกมาแล้ว คุณจะได้ ATK-Passport (ใบรับรองแพทย์) ถึงผลการตรวจ ATK ของคุณ สามารถใช้ยื่นใบรับรอง (ผ่านระบบออนไลน์ หรือหน้างาน) เข้างานได้ทันที

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ จะได้ผ่อนดาวน์กันน้อยลง มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนาน 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กิโลเมตร อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

คิดได้แต่อย่าทำ! เอาพลาสติกคลุมรถกันน้ำท่วม เสี่ยงราขึ้นทั้งคัน!

ในช่วงที่ประเทศเกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา ตามบรรดาสื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างๆ มีการลงโฆษณาขายถุงพลาสติกสำหรับคลุมรถทั้งคัน เพื่อป้องกันน้ำเข้ารถหากน้ำท่วม กรณีไม่สามารถย้ายรถไปไว้ที่อื่นได้

ทำให้หลายฝ่ายที่เคยมีประสบการณ์ช่วงน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ต่างออกมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับถุงพลาสติกสำหรับคลุมรถทั้งคัน ถึงแม้ว่าจะช่วยป้องกันน้ำเข้ารถได้ แต่ไม่สามารถกันความชื้นได้ ซึ่งทำให้เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในรถ (ซึ่งรถยุคใหม่นี้ ภายในรถมักเน้นใช้วัสดุที่เป็นหนังแท้ หรือผ้าต่างๆ ซึ่งเชื้อราชอบเลย)

และเผลอๆ ตอนห่อหุ้มรถ ภายในถุงเกิดมีอากาศมากพอที่จะทำให้ถุงลอยน้ำได้ ก็ยกรถทั้งคันลอยไปกับน้ำได้ด้วย!

คิดได้แต่อย่าทำ! เอาพลาสติกคลุมรถกันน้ำท่วม เสี่ยงราขึ้นทั้งคัน!

ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ (อาจารย์เจษฎา) อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีห่อรถด้วยถุงพลาสติกแล้วราขึ้น ระบุว่า …

“ใครที่คิดจะซื้อถุงพลาสติกขนาดยักษ์ ที่เอาไว้หุ้มรถ เผื่อจะป้องกันน้ำท่วมรถได้ ขอให้ใช้ด้วยความระมัดระวังนะครับ เพราะจากประสบการณ์ที่มีคนใช้กัน เมื่อน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และมีรถที่ห่อถุงแบบนี้ไว้ จอดจมน้ำกันไว้หลายคัน กลายเป็นว่า แกะออกมาแล้วเชื้อราขึ้นเต็มรถเลย !!

คิดได้แต่อย่าทำ! เอาพลาสติกคลุมรถกันน้ำท่วม เสี่ยงราขึ้นทั้งคัน!

ภาพจาก Healthfoods Share

ที่เกินคาดไปกว่านั้นคือ แม้ว่ารถจะหนักมาก แต่ด้วยอากาศที่อยู่ในถุง กลับทำให้ลอยน้ำได้ แล้วก็ลอยไปจากจุดที่จอดไกลทีเดียว จึงไม่สนับสนุนให้ใช้ถุงห่อรถแบบนี้นะครับ วิธีที่เหมาะสมมากกว่าคือ รีบหาที่สูง ไปจอดรถเก็บเอาไว้หนีน้ำท่วม

แต่ถ้าใครคิดจะใช้จริงๆ อย่างแรก คงต้องหาทางถ่วงน้ำหนักของถุงเอาไว้ ไม่ให้ลอยได้ … อย่างที่สองคือ คงต้องหาพวกกล่องสารเคมีดูดความชื้น มาใส่ไว้ในถุงด้วยเยอะๆ งั้นได้กินเห็ดฟรี หลังน้ำลดแน่ๆ ฮะๆ”

คิดได้แต่อย่าทำ! เอาพลาสติกคลุมรถกันน้ำท่วม เสี่ยงราขึ้นทั้งคัน!

ภาพจาก Healthfoods Share

“เพราะแม้ว่าถุงจะกันน้ำได้ 100% แต่ถุงกักเก็บอากาศไว้ภายใน เวลากระแสน้ำพัด ก็จะทำให้ถุงลอยไปกับน้ำ หอบเอารถของเราไปด้วย หากใครจะใช้ ก็ควรหาอะไรมาถ่วงในถุงไว้ด้วย

นอกจากนี้ ปัญหาเวลาน้ำลด คือ รถที่คลุมถุงแช่อยู่อย่างนั้นเป็นแรมเดือน พอแกะถุงออกมา พบว่ามีเชื้อราเกาะเต็มรถ ตามเบาะ พวงมาลัย หรือวัสดุผ้าต่างๆ เพราะตัวรถเองมีความชื้นอยู่แล้ว พอเอาถุงห่อไว้ก็ไม่มีอากาศถ่ายเท ความชื้นจึงทำให้เกิดเชื้อรา เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ลุกลามไปทั่วรถ จึงไม่อยากส่งเสริมให้ใช้วิธีนี้” อาจารย์เจษฎา กล่าว

อ่านเพิ่มเติม >> 3 วิธีเคลมประกันภัย เมื่อรถถูกน้ำท่วม

คิดได้แต่อย่าทำ! เอาพลาสติกคลุมรถกันน้ำท่วม เสี่ยงราขึ้นทั้งคัน!

ภาพจากคุณ Shinnachot Limprayoon

และปัญหาจากเชื้อราในรถ ที่เป็นดวงๆ ดำๆ และมีกลิ่นเหม็นแล้ว หากสปอร์ของเชื้อราเข้าสู่ร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองดวงตา น้ำตาไหล หรือตาแดง และผิวหนัง เกิดไอ จาม ภูมิแพ้ หอบหืด หรือปอดอักเสบได้

และยังส่งผลให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาท แถมอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้! ยิ่งในเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

บางคนอาจบอกว่าราขึ้น ดีกว่ารถจมน้ำทั้งคัน แต่ผมว่าทางที่ดี พยายามหาที่จอดรถไว้ในที่สูงๆ ดีกว่าครับ!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาข้อมูลจาก:

Update มาตรการล็อกดาวน์! สกัดโควิดระบาด ทางด่วน โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์

ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ เริ่มไม่สามารถควบคุมได้แล้วในหลายจังหวัด ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยที่สูงขึ้นมาก โดยรวมทั้งประเทศนับเฉียดหมื่นคนต่อวัน

ทำให้ทางรัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ต้องออกมาหาทางแก้ปัญหา ด้วยมาตรการ “Lockdown” (ล็อกดาวน์) ยกระดับมาตรการ​เคอร์ฟิว ในส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดกันอีกครั้ง หลังจากที่เคยใช้ไปในปี 2563 ที่ผ่านมา เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้าย และดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด

สำหรับมาตรการ Lockdown (ล็อกดาวน์) บังคับใช้เฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร ซึ่งจะเป็นการตั้งด่านบนถนนสายหลักๆ เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย เริ่ม 12 ก.ค. 2564 โดยขอความร่วมมือดังนี้

1. ราชการ/เอกชน WFH มากที่สุด ยกเว้นงานบริการประชาชน
2. ระบบขนส่งสาธารณะ งดดำเนินการเวลา 21.00 – 04.00 น.
3. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 – 04.00 น.
4. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดถึง 20.00 น.
5. ร้านจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เปิดถึง 20.00 น. (ห้ามบริโภคในร้าน)
6. ปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
7. สวนสาธารณะ เปิดให้ออกกำลังกาย ถึง 20.00 น.
8. ห้ามรวมกลุ่มที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่เกิน 5 คน

ส่วนทางด่วนอย่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำกัดการให้บริการทางพิเศษทุกด่านฯ ทุกสายทาง เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2564 ระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. (เว้นแต่รถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนด)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ EXAT Call Center 1543

ในส่วนของโทลล์เวย์ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางยกระดับดอนเมือง หรือ DMT จะจำกัดการให้บริการ ในระหว่างวันที่ 12 -25 กรกฎาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 21.00 -04.00 น.

โดยยกเว้นรถขนส่งผู้ป่วย หรือ บุคคลที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับบริการทางการแพทย์ รวมไปถึง รถขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ขนส่งขนย้ายประชาชน การให้บริการหรืออำนวยประโยชน์หรือความสะดวกแก่ประชาชน การประกอบอาชีพตามรอบเวลาหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Tollway Call Center 1233

ส่วนมอเตอร์เวย์ กรมทางหลวง แจ้งปิดการจราจรมอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9 ตั้งแต่ 3 ทุ่ม – ตี 4 เริ่ม 12 ก.ค. นี้ ขานรับมาตรการล็อกดาวน์คุมการแพร่โควิด – 19 โดยจะปิดการจราจรบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทั้ง 2 สายทางบางส่วนเป็นการชั่วคราว ได้แก่ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา – มาบตาพุด และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงบางปะอิน – บางพลี และช่วงสุขสวัสดิ์ – บางขุนเทียน ระหว่างเวลา 21.00 น. – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จะเปิดให้มีการจราจรได้ในบางช่องจราจรเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจราจรของบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 หรือได้รับการยกเว้นตามข้อ 4 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27)

สำหรับบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ ผู้ป่วยหรือผู้ปฏิบัติงานในการให้บริการด้านสาธารณสุข ผู้ขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ผู้ปฏิบัติงานขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ผู้ให้บริการหรืออำนวยประโยชน์หรือความสะดวกแก่ประชาชน และผู้ประกอบอาชีพที่จำเป็น จะต้องปฏิบัติให้เป็นตามข้อกำหนด และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทางได้

สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลการปิดการจราจรเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall