Driver-License-2018

ปรับเงื่อนไขในการขอใบขับขี่ใหม่ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น

Driving-License

กรมการขนส่งทางบก บังคับใช้ “ใบรับรองแพทย์” แบบ 2 ท่อน ให้ผู้ขอลงนามร่วมกับแพทย์ เวลาขอทำใบขับขี่ เริ่ม 1 มี.ค. นี้ พร้อมกำหนด 5 โรคต้องห้าม โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคเรื้อน พิษสุราเรื้อรัง และโรคติดยาเสพติดให้โทษ ด้านรองเลขาธิการแพทยสภา ระบุ ออกแบบและบังคับใช้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพื่อความเป็นธรรม แต่บางแห่งยังไม่มีผู้ป่วยรับรองตนเอง

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า แพทยสภาได้กำหนดแบบมาตรฐานของใบรับรองแพทย์ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ออกให้กับผู้ขอรับบริการตรวจสุขภาพ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ เนื่องจากแต่เดิมไม่มีมาตรฐานเดียวกัน แต่ได้กำหนด 5 โรคต้องห้าม ได้แก่ โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคเรื้อน พิษสุราเรื้อรัง และโรคติดยาเสพติดให้โทษ

Driving-License

โดยรายละเอียดใบรับรองแพทย์แบบมาตรฐานใหม่แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ของผู้ขอรับใบรับรองสุขภาพกรอกประวัติโรคประจำตัว ประวัติอุบัติเหตุและการเข้ารับการผ่าตัด ประวัติเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามความจริง

ส่วนที่ 2 ของแพทย์รับรองผู้ขอรับบริการตรวจสุขภาพ ว่า ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไม่ปรากฏอาการของโรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน หรือปัญญาอ่อน ไม่ปรากฏอาการของการติดยาเสพติดให้โทษ และอาการของโรคพิษสุราเรื้อรัง และไม่ปรากฏอาการและอาการแสดงของโรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม

Driving-License

ส่วนกรณีผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใช้ใบรับรองแพทย์ไม่เป็นไปตามแบบมาตรฐานดังกล่าว ให้นายทะเบียนแจ้งผู้ยื่นคำขอไปดำเนินการขอใบรับรองแพทย์ใหม่ให้ถูกต้องก่อนรับดำเนินการ รวมทั้งให้สำนักงานขนส่งจังหวัดประสานสถานพยาบาลในพื้นที่ให้ออกใบรับรองแพทย์ตามแบบที่ถูกต้องเพื่อการคัดกรองผู้ขับรถที่มีความรู้และทักษะการขับรถได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และไม่เป็นภัยอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น

สำหรับโรคประจำตัวบางกลุ่ม แม้ตามกฎหมายจะยังไม่กำหนดให้เป็นโรคต้องห้ามที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถ เช่น โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง แต่กรณีผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถไปแล้วอาการของโรคกำเริบขณะขับรถจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง นายทะเบียนอาจพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนรวม

Driving-License

ส่วนความคืบหน้าการปรับปรุงร่างกฎกระทรวงขณะนี้อยู่ในระหว่างหารือร่วมกับแพทยสภาเพื่อกำหนดรายละเอียดของใบรับรองแพทย์ให้สามารถกลั่นกรองผู้ที่มีโรคในกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อการขับรถเพิ่มเติม เช่น โรคเบาหวานระยะที่ต้องฉีดอินซูลิน โรคความดันโลหิตสูง โรคลมบ้าหมูหรือลมชัก ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทางสมอง ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายที่ผ่านการผ่าตัดหัวใจ หรือขยายเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นอุปสรรคต่อการขับรถ และอาจพิจารณาให้มีการตรวจรับรองโรคเป็นระยะ สำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกจะประกาศยกเลิกการออกใบอนุญาตขับรถตลอดชีพเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 เพื่อคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ใบรับรองแพทย์

ตัวอย่างใบรับรองแพทย์แบบใหม่

ด้าน พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ชี้แจงว่า แพทยสภาได้รับรองใบรับรองแพทย์ ชนิดที่มี 2 ท่อน เพื่อแก้ปัญหาข้อกฎหมาย โดยให้คนไข้รับรองตนเอง ในโรคที่แพทย์ไม่มีทางทราบได้จากการตรวจปกติ ในท่อนแรก คู่ขนานกับการที่แพทย์รับรองเฉพาะโรคที่ตรวจได้และระบุตามกฎหมาย ในท่อนที่ 2 เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบ ในส่วนที่ตนเองไม่สามารถทราบได้จากการตรวจปกติมานานแล้ว โดยเพิ่มข้อมูลสัญญานชีพ เลขที่บัตรประชาชน ประวัติต่างๆ ที่แพทย์อาจพลาดถ้าคนไข้ไม่บอก และให้คนไข้รับรองประวัติตนเอง ไม่ใช่แพทย์รับรอง เพราะไม่มีทางรู้ แพทย์รับรองเฉพาะที่ตรวจที่เห็นเท่านั้น เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ใบรับรองแพทย์รูปแบบดังกล่าว ออกประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. 2551 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตามมติการประชุมกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 8/2551 วันที่ 14 ส.ค. 2551 โดยได้แจ้งให้มีการปรับใหม่ ลงจดหมายข่าวแพทยสภา และประกาศทางเว็บไซต์ เพื่อให้ สถานพยาบาลทุกแห่งนำมาใช้ให้เข้าเกณฑ์ตามข้อกฎหมาย และ ให้ดาวน์โหลดได้ที่ เว็บไซต์แพทยสภา เพื่อเป็นต้นแบบ

“สถานพยาบาลส่วนใหญ่ได้นำไปใช้แล้ว แต่ยังพบว่าบางสถานพยาบาลยังคงใช้แบบท่อนเดียว โดยไม่มีผู้ป่วยรับรองตนเอง ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงในการรับรองสุขภาพ จึงขอแจ้งมาอีกครั้งให้พิจารณาปรับปรุงเป็นใบรับรองแพทย์ 2 ท่อน ที่แพทยสภารับรองแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงของสถานพยาบาล และให้สอดคล้องกฎหมายต่อไป โดยทางกรมขนส่งทางบกจะใช้ฟอร์มนี้ตั้งแต่ 1 มี.ค. 2561 เป็นต้นไป” พล.อ.ต.นพ.อิทธพร กล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก MGR Online

ยิ่งลักษณ์

โครงการ “รถคันแรก” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
มีทั้งข้อดี และพิษร้ายเรื้อรัง

หลายวันก่อนได้มีข่าวออกมาว่า มีกลุ่มคนได้รับความเดือดร้อนจากโครงการในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ผ่านมา เจ้าของรถหลายรายได้เดินทางไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอโอนรถให้กับบุคคลอื่น เนื่องจากครอบครองรถมาเกินระยะเวลา 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ของโครงการแล้ว แต่กลับโอนไม่ได้!!

วันนี้ คาร์โร จึงจะมาสรุปเป็นข้อๆไปตามลำดับเหตุการณ์ พร้อมทั้งวิธีการดำเนินการการคืนเงินภาษี ดังนี้

1. ในปัจจุบันปรากฏว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยเลยที่ไม่สามารถโอนรถให้กับบุคคลอื่นได้ แม้จะครอบครองรถมาเกินระยะเวลา 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ของโครงการรถคันแรกแล้ว เพราะเป็นรถที่ได้รับแจ้งว่าอยู่ในข่ายถูกตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ว่าอาจทำผิดเงื่อนไขโครงการ เช่น มีการเปลี่ยนมือเจ้าของรถก่อน หรือมีการขายก่อน 5 ปี บางรายที่อยู่ในข่ายไม่ควรได้รับเงินคืนภาษีมาตั้งแต่ต้น

2. ล่าสุด ตามรายงานข่าวระบุว่า มีรถที่เข้าข่ายติดปัญหาการโอนอยู่ประมาณ 40,000 คัน

3. สาเหตุที่ติดปัญหาไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากผู้ใช้สิทธิ์มีการยื่นเอกสารมาให้กรมล่าช้ากว่าที่ระเบียบกำหนดในสิ้น เดือน ธ.ค. 2555 จึงทำให้ สตง. ตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นเอกสารมาล่าช้าอาจไม่ตรงกับหลักเกณฑ์การได้รับสิทธิ์รถคันแรกตามที่มีมติ ครม.หรือไม่ จึงให้มีการชะลอการโอนสิทธิ์ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาตัดสินชัดเจน คาดว่าจะหาข้อยุติปัญหาได้ภายใน 2 สัปดาห์

4. โครงการรถคันแรกเป็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ตามโครงการนี้ ด้วยการคืนภาษีสรรพสามิตให้ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท

5. ตัวอย่างของการทำผิดเงื่อนไข และต้องคืนเงิน เนื่องจากได้มีการตรวจสอบจากสำนักงานสรรพสามิตในหลายพื้นที่ได้มีการแก้ไขปัญหาตามที่ สตง.รายงาน

ไม่ว่าจะเป็น กรณีเอกสารประกอบไม่ครบถ้วน รวมถึงการติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ขอใช้สิทธิที่ทำผิดเงื่อนไข อาทิ ชื่อตามใบจองรถยนต์เป็นคนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ อายุผู้ขอใช้สิทธิ์ไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ ในช่วงจองรถยนต์ เป็นต้น

ตัวอย่าง ในพื้นที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ราชบุรี กรณีนายกองใจ ขอใช้สิทธิคืนเงินรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน จำนวน 10,946 บาท ซึ่งกรมสรรพสามิต ทำการอนุมัติสิทธิคืนเงินให้ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบเอกสารภายหลัง พบว่า ชื่อในใบจองเป็นคนละชื่อกับผู้ใช้สิทธิ

สำนักงานสรรพสามิต พื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 กรณีนายชวนินทร์ อายุไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ตอนจองรถยนต์ และรับรถยนต์ไม่ตรงรุ่น/หมายเลขเครื่องยนต์ และใบจองรถยนต์คนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ ซึ่งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กทม.4 ได้ดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากนายชวนินทร์ แล้ว ฯลฯ

6. เงินที่ใช้ซื้อรถคันแรกไปแล้ว 1 ล้านคันในยุคนั้น นับเป็นการใช้ดีมานด์ล่วงหน้าไปหลายปี และถูกล็อกไว้ด้วยว่า 5 ปี ต้องถือครองรถ จะขายต่อไม่ได้หลังโครงการตลาดรถยนต์จึงซึมระยะยาว ทั้งรถใหม่ รถมือสอง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เคยสรุปผลจากนโยบายรถคันแรกว่า โครงการรถคันแรก มีผลดีตรงที่ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยอดการผลิตปี 2556 ขยับขึ้นเป็นปีละกว่า 2 ล้านคัน

แต่ผลเสียก่อให้เกิดหนี้ครอบครัว จากการเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคหดตัวลงทุกประเภทสินค้า (หลังมีโครงการรถคันแรก)

นอกจากนี้ในรายงานการตรวจสอบของ สตง. ได้ระบุถึงผลกระทบของโครงการที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องไว้ด้วย ระบุว่า “การดำเนินโครงการฯ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

ผลกระทบโดยตรง

โครงการรถคันแรกสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา รัฐยังสามารถเก็บภาษีต่อเนื่องได้เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องมีการเติบโตได้ระยะหนึ่ง แต่ขาดความยั่งยืน โดยเป็นการดึงอุปสงค์ (Demand) ในอนาคต คือ ความต้องการซื้อล่วงหน้ามาใช้ จึงส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการผลิตรถยนต์

ผลกระทบโดยอ้อม

จากการที่ยอดการผลิตรถยนต์ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเลิกจ้างแรงงานบางส่วน มีการยึดรถขายทอดตลาดจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งมีรถยนต์มือสองค้างในสต๊อกจำนวนมาก โดยมีเต็นท์รถยนต์มือสองหลายแห่งต้องปิดกิจการ

นอกจากนี้ ปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อปัญหาการจราจรและปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากผู้ซื้อรถยนต์คันแรกยังขาดความรู้ความชำนาญในการขับรถยนต์เพียงพอ

วิธีดำเนินการการคืนเงินภาษี

1. ผู้ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย

-หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี

-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

2. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครอง รถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อเมื่อครอบครองครบ 1 ปี โดยจ่ายเป็นเช็คให้ในครั้งเดียว

 

กรณีรถถูกยึดเนื่องจากไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้

ปลดล็อคเงื่อนไข ห้ามโอนภายใน 5 ปี กรณีผู้ซื้อรถ(ผ่อน)ผิดนัดไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ ไฟแนนซ์ก็สามารถยื่นเรื่องให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบ ว่าเป็นจริง เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ซื้อรถผิดนัดไม่ผ่อนชำระต่อจริง ก็จะแก้เงื่อนไขกรณีห้ามโอนภายใน 5 ปี ให้สามารถนำรถไปขายทอดตลาดได้

และจะเรียกเงินภาษีจากผู้ที่ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ คืนกลับให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนที่ได้รับไป (ผู้ซื้อรถไปแล้วแต่ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จะต้องคืนเงินให้กรมสรรพสามิตเท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับการคืนภาษีรถยนต์คันแรก)

สุดท้าย สะท้อนให้เห็นว่าโครงการดำเนินการไม่รัดกุม มุ่งเอาคะแนนนิยมเฉพาะหน้ามากกว่า จะทำเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ แต่ฝากปัญหาไว้กับระบบอุตสาหกรรมรถยนต์ และยังทิ้งภาระเป็นเสมือนพิษร้ายไว้กับผู้ร่วมโครงการอีกยาวนาน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : naewna.com

ทะเบียนรถยนต์-เลขสวย

อย่าหลงเชื่อ หรือเสียเงินให้ใคร!!
จองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

กรมการขนส่งทางบก​ออกมาแจ้งเตือนเรื่อง การจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องเสียใช้จ่ายในการจองใด ๆ หากพบเจอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เรียกเก็บเงิน สามารถแจ้งเบาะแสเพื่อดำเนินการทางวินัยและอาญาเด็ดขาดทันที! โทรแจ้ง 1584

โดยปัจจุบันสามารถจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ของกรุงเทพมหานครผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ได้ในวันและเวลาราชการ (วันจันทร์-ศุกร์) ตั้งแต่ 10.00-16.00 น.

ขั้นตอนการจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ดังนี้

  1. เข้าเว็บไซต์ ‭tabienrod.com‬ สามารถเข้าผ่านได้ทั้งคอมพิวเตอร์ หรือมือถือสมาร์ทโฟน
  2. เลือกเมนู จองเลขทะเบียนรถ หลังจากนั้นกดยอมรับหลักเกณฑ์
  3. หากยังไม่รู้ว่า เลขทะเบียนที่เปิดให้จองถึงไหนแล้ว ให้เข้าไปเช็กดูตรงคำว่า “ตารางจองเลข”
  4. กรอกข้อมูล ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขทะเบียนการค้าของเจ้าของรถ หรือเลขหนังสือเดินทาง เลข​แชสซีรถ
  5. จากนั้นกรอกข้อมูลเลขทะเบียนรถที่ต้องการ บันทึกหน้านี้ไว้เป็นหลักฐาน

จองเลขทะเบียน

ซึ่งหมายเลขบัตรประชาชน 1 คน สามารถจองได้เพียง 1 หมายเลข และคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (1 IP Address) สามารถจองได้เลขเดียวในวันนั้น ๆ

เมื่อจองเลขทะเบียนที่ต้องการได้แล้วต้องดำเนินการจดทะเบียนรถให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหมายเลขทะเบียนที่จองได้จะไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเป็นชื่อผู้อื่นได้

ทั้งนี้การจองหมายเลขทะเบียนรถทางระบบอินเทอร์เน็ตมีความโปร่งใส เปิดให้จองเป็นแบบวันต่อวัน โดยให้สิทธิ์แก่ผู้ที่เข้าระบบและกรอกข้อมูลสำเร็จก่อน (First come first serve) ทำให้มีโอกาสจองหมายเลขทะเบียนรถที่ตนต้องการได้อย่างเท่าเทียมกัน

อีกทั้งยังสามารถทราบผลการจองได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเองไม่กี่ขั้นตอน จึงไม่จำเป็นต้องติดต่อผ่านบุคคลภายนอก ซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่แอบอ้างอาสารับดำเนินการแทนมีโอกาสสูญเสียเอกสารและทรัพย์สิน สามารถตรวจผลการจองเลขได้ที่หน้าผลการจองดังกล่าวได้ทันที และต้องจดทะเบียนก่อนวันที่กรมกำหนด หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวสิทธิ์ในหมายเลขนั้นจะตกไป

แต่กรณีที่จองได้แล้ว เปลี่ยนใจไม่นำรถไปจดทะเบียนภายในเวลาที่กำหนด ต้องรอให้พ้นระยะเวลาหลังจากจองครั้งแรกไปแล้ว 3 เดือน จึงจะสามารถจองเลขทะเบียนใหม่ได้

ส่วนกรณีรถใหม่ต้องได้รับรถยนต์มาแล้วจึงจะจองเลขทะเบียนได้ ส่วนรถที่มีป้ายทะเบียนอยู่แล้วสามารถจองได้ทันที สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการขนส่งทางบก อาคาร 2 ชั้น 5 โทรศัพท์ ‭0-2271-8704-7‬ หรือ Call Center 1584

สุดท้ายขอเตือนเพิ่มเติมว่า มีเว็บที่พยายามทำ url ให้คล้ายเว็บกรมขนส่งทางบก โปรดตรวจสอบให้ดีอีกครั้งหนึ่งว่าใช่เว็บไซต์หลักของกรมขนส่งหรือไม่

ภาพจาก car.kapook.com

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : car.kapook.com

Driving-License

สิ่งที่จำเป็นสำหรับคนขับรถยนต์ และคนขี่รถจักรยานยนต์ ที่ต้องมีพกติดตัวไว้ตลอดเวลาของการขับขี่ นั่นคือ “ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์” ซึ่งใบขับขี่ ก็ยังแบ่งออกเป็นได้อีกหลายๆ ประเภท รวมไปถึงคุณสมบัติต่างๆ ที่สำคัญว่ามีอะไรบ้าง

สำหรับในอดีต กรมการขนส่งทางบก ยังได้มีการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพให้ แต่ถูกยกเลิกไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546 (ซึ่งหากใครที่มีใบขับขี่ประเภทตลอดชีพอยู่ สามารถไปเปลี่ยนบัตรเป็นแบบสมาร์ทการ์ดได้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงประเภทของใบขับขี่ใดๆ) จึงทำให้มีการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคลแบบปัจจุบัน คือ มีอายุครั้งละ 5 ปี บังคับใช้ทั้งในรถยนต์ส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ทาง CARRO ขอแนะนำวิธีการสอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ให้ทุกท่านได้อ่านและปฏิบัติกันครับ.

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

เริ่มแรก ไปทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้านท่าน …

*สำหรับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณทล มี 5 พื้นที่ ได้แก่

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 (ถ.พหลโยธิน ตรงข้ามตลาดนัดจตุจักร)
โทร. 02-271-8888 ต่อ 4201-4 หรือ 1584

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 (ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล)
โทร. 02-415-7337 ต่อ 204-205

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 (ถ.สวนผัก ตลิ่งชัน)
โทร. 02-433-4773

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 (ถ.สุขุมวิท ตรงข้าม ซ.สุขุมวิท 62/1)
โทร. 02-333-0035

สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 (ถ.สุวินทวงศ์ หนองจอก)
โทร. 02-543-5512

ผู้ที่ภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ยื่นคำขอที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา หรือกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งเขตใดเขตหนึ่งก็ได้ (เพราะมีระบบออนไลน์ถึงกันหมด) สามารถค้นหารายละเอียดได้ที่ http://www.dlt.go.th

หรือ สอบใบขับขี่กับโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

1. การขอทำใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว (2 ปี)

– ผู้ขอทำใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
– ผู้ขอทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 90 ซีซี ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
– เป็นผู้ที่ไม่มีร่างกายบกพร่อง เช่น ตาบอด ตาบอดสี หรือหูหนวก เป็นต้น

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

1. บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)
3. ใบรับรองแพทย์ ซึ่งตรวจไว้ไม่เกิน 1 เดือน

จากนั้น ทำการยื่นคำขอพร้อมหลักฐานเอกสารประกอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและลงทะเบียนรับ เสร็จแล้วรับคืนเอกสารฉบับจริง

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. อบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรทางบก เครื่องหมายพื้นทาง ป้ายบังคับ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ มารยาทและจิตสำนึก เทคนิคขับรถให้ปลอดภัย บำรุงรักษารถ การรับรู้สถานการณ์อันตรายและรูปภาพจราจรต่างๆ
3. สอบภาคทฤษฏี (ทดสอบข้อเขียน) ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (E-Exam) ซึ้งต้องผ่าน 90% จำนวนข้อสอบทั้งหมด 50 ข้อ ต้องให้ได้ 45 ขึ้นขึ้นไป เนื้อหาข้อสอบ ดูรายละเอียดได้ใน Link นี้ – http://apps.dlt.go.th/e_exam/
4. สอบภาคปฏิบัติ (ทดสอบขับรถ) ตามชนิดใบขับขี่ (รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว)
5. เสียค่าธรรมเนียมกรณีสอบผ่านทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ (รถยนต์ชั่วคราว 2 ปี 205 บาท รถจักรยานยนต์ชั่วคราว 2 ปี 105 บาท)
6. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

2. การขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (5 ปี)

ผู้ที่ขอทำใบขับขี่ส่วนบุคคล 5 ปี เป็นผู้ที่ได้รับใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และสามารถยื่นก่อนใบขับขี่หมดอายุไม่เกิน 60 วัน

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (5 ปี)

1. ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว แล้วแต่กรณี ที่ยังไม่หมดอายุ
2. สำเนาใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว แล้วแต่กรณี จำนวน 1 ฉบับ
3. บัตรประจำตัวประชาชน
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ (เซ็นสำเนาถูกต้อง พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ)
5. ใบรับรองแพทย์ ซึ่งตรวจไว้ไม่เกิน 1 เดือน

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. เสียค่าธรรมเนียม (รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 505 บาท รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 255 บาท)
3. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

*กรณีเอกสารหลักฐานประกอบ ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว สิ้นอายุแล้วเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายและทดสอบข้อเขียน ผ่านตามเกณฑ์ จึงสามารถรับใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล 5 ปีได้
**แต่ถ้าใบอนุญาตขับขี่ชนิดชั่วคราว สิ้นอายุแล้วเกินกว่า 3 ปี ต้องเข้ารับการอบรม ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถด้วย เหมือนกรณีมาขอทำใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ชั่วคราว

สอบใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ... ง่ายนิดเดียว

3. การต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

การต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ชนิด 5 ปี มาเป็น 5 ปี สามารถยื่นก่อนใบอนุญาตขับขี่สิ้นอายุไม่เกิน 3 เดือน

หลักฐานเอกสารประกอบ เพื่อต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

1. ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลหรือใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลเดิม แล้วแต่กรณี
2. บัตรประจำตัวประชาชน
3. ใบรับรองแพทย์

ขั้นตอนอบรมและทดสอบ เพื่อขอต่อใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล 5 ปี

1. ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ได้แก่ ทดสอบการมองเห็นสีที่จำเป็นในขณะขับรถ ความลึกของการมองเห็น ลานกว้างของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อเห็นสีไฟจราจร
2. อบรม 1 ชั่วโมง
3. เสียค่าธรรมเนียม (รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 505 บาท รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี 255 บาท)
4. ถ่ายรูป พิมพ์บัตร แล้วรอรับใบอนุญาตขับขี่

*กรณีใบขับขี่เดิมสิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี เพิ่มขั้นตอนการสอบข้อเขียน
**กรณีใบขับขี่เดิมสิ้นอายุเกิน 3 ปี ต้องทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถ

Sign

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับรายละเอียดการทำใบขับขี่ที่ทาง CARRO นำมาให้ได้ศึกษากัน ในส่วนของใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ หรือใบขับขี่ส่วนบุคคลชนิดที่ 2, 3 และ 4 (รถบรรทุก รถพ่วง) ทางเราจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไปครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Modify-Suspension

ดัดแปลงช่วงล่างต้องแจ้งขนส่งก่อนใช้งาน หากตรวจเจอว่าไม่แจ้ง ปรับสูงสุด 5,000 บาท

Modify-Suspension

            กรมการขนส่งทางบก แนะ การแก้ไขดัดแปลงระบบช่วงล่าง ทั้งระบบรองรับน้ำหนัก ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถก่อนนำไปใช้งาน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมขนส่งทางบกและแก้ไขรายละเอียดในคู่มือจดทะเบียนก่อนใช้งาน เพื่อความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้งาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท

Nissan-Navara

นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขดัดแปลงระบบช่วงล่าง ทั้งระบบรองรับน้ำหนัก การเสริมแหนบ ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถก่อนนำไปใช้งาน

โดยแสดงหลักฐาน ได้แก่ การได้มาของอุปกรณ์ที่นำมาดัดแปลงรถ หรือบันทึกถ้อยคำรับรองว่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้มาโดยถูกต้องและสุจริต เช่น ใบเสร็จค่าชิ้นส่วน อุปกรณ์ ค่าแรง และหนังสือรับรองความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการใช้รถ จากวิศวกรสาขาเครื่องกลหรือยานยนต์ หลักฐานประจำตัวเจ้าของรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือสำเนา ในกรณีที่นายทะเบียนพิจารณาแล้วว่ารถนั้นปลอดภัยในเวลาใช้งาน จะบันทึกรายการในใบคู่มือจดทะเบียนรถไว้เป็นหลักฐาน ส่วนกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่ารถที่แก้ไขดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายในการใช้งาน ให้เจ้าของรถดำเนินการแก้ไขก่อนนำรถเข้าตรวจสภาพ

Leaf-Spring

ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบการแก้ไขดัดแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ โดยไม่มีการนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพและแก้ไขรายละเอียดลักษณะรถในใบคู่มือจดทะเบียนรถ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 60 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ส่วนกรณีเป็นรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบของรถ ให้ผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนดำเนินการ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ต้องระวางโทษตามมาตรา 149 ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

I-tim-Light

จับปรับจริง! ไฟท้ายไอติม หรือไฟ LED ที่สว่างจ้าเกินไป

ไฟไอติม

เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มานานหลายปีแล้ว สำหรับการเปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) ซึ่งพบว่ามีความสว่างมากกว่าปกติ นิยมติดกันในรถเก๋ง รถกระบะ และรถบัสขนส่งผู้โดยสาร

ไฟไอติม

ตามกฎหมายสากลทั่วโลก กำหนดไว้ว่า ไฟหรี่หน้ารถต้องเป็นสีเหลือง ไฟเบรกต้องเป็นสีแดง และไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลือง หรือสีเหลืองอำพัน (หรือสีแดงก็ได้ ในสหรัฐอเมริกา) โดยไฟหรี่หน้ารถ และท้ายรถ กฎหมายระบุไว้ชัด ให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเท่านั้น หากไปใช้ไฟหรี่สีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย

ไฟไอติม

กรณีพบรถโดยสารสาธารณะ ฝ่าฝืนดัดแปลงอุปกรณ์ส่องสว่างในลักษณะดังกล่าว เป็นความผิดตามตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขเรียบร้อย

ไฟไอติม

ในส่วนของรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่มีการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีอื่น หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทำให้แสงมีความสว่างจ้ามากเกินไป มีความผิดตามมาตรา 12 ฐานเพิ่มเติมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ไฟไอติม

หากท่านพบเจอรถที่เปลี่ยนไฟหรี่ หรือไฟเลี้ยวท้ายรถเป็นสีฟ้า (หรือที่เรียกกันว่า “ไฟไอติม”) หรือไฟ LED แบบอื่นๆ ที่มีความสว่างจ้ามากเกินไป สามารถแจ้งร้องเรียนไปที่ 1584 กรมการขนส่งทางบก ได้ตามช่องทางต่อไปนี้

– Facebook : “1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”
– Line ID : “1584dlt”
– E-Mail : [email protected]

ไฟไอติม

โดยต้องแนบหลักฐานเป็นภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว ระบุสถานที่ เวลาที่พบเหตุ ชื่อและข้อมูลผู้แจ้งเรื่องร้องเรียน เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ใบขับขี่

กรมการขนส่งทางบก เตรียมออกใบขับขี่โฉมใหม่รูปแบบ Smart card
ยกระดับสู่มาตราฐานสากล มีความไฉไลอย่างไรบ้างมาดูกัน

 

ใบอนุญาตขับรถแบบใหม่ จะเป็นบัตรพลาสติกที่มีความทนทานกว่าแบบเดิม มีความปลอดภัยน่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วยจัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อย่าง แทบข้อมูลแม่เหล็ก และเทคโนโลยี QR Code ซึ่งรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ GPS Tracking เป็นเครื่องมือในการใช้บันทึกข้อมูลการขับรถทุกประเภทตามที่กรมการขนส่งทางบกประกาศบังคับใช้แล้ว

 

 

นอกจากนี้ ใบขับขี่ยังปรากฏข้อมูลของเจ้าของบัตร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กัน สามารถนำไปใช้ขับขี่ได้ในประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา โดยไม่ต้องทำใบอนุญาตขับรถสากลตามความตกลงร่วมกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกของการเตรียมปรับรูปแบบใบขับขี่สู่มาตรฐานสากล กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดยกเลิกการออกใบอนุญาตขับรถรูปแบบกระดาษ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 60 เป็นต้นไป โดยประชาชนจะได้รับใบอนุญาตขับรถ Smart card รูปแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 100 บาท

ดังนั้น กรณีที่ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว จากอัตราเดิมคือ 305 บาท จะเสียเฉพาะค่าธรรมเนียมและค่าคำขอรวม 205 บาท กรณีเป็นใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล จากอัตราเดิมคือ 605 บาท จะเสียเฉพาะค่าธรรมเนียมและค่าคำขอรวม 505 บาท

ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2560 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกจะเริ่มดำเนินการออกใบขับขี่ Smart card รูปแบบใหม่ ที่มีเทคโนโลยี QR Code ให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถทั้งตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยกรมการขนส่งทางบก เพียงรูปแบบเดียว

ทั้งนี้ ใบขับขี่ทั้งรูปแบบกระดาษและสมาร์ทการ์ดที่ออกก่อนวันที่ 4 กันยายน 2560 จะยังคงสามารถใช้งานได้ตามกำหนดอายุการใช้งานของใบอนุญาตนั้น แต่หากชำรุด สูญหาย หรือขอออกบัตรใหม่ หลังวันที่ 4 กันยายน 2560 เป็นต้นไป จะได้รับใบอนุญาตขับขี่รูปแบบใหม่ที่มี QR Code เท่านั้น

 

 

Source : thairath.co.th

ดูดวง

ดูดวงก่อนถอยรถ ด้วยศาสตร์เลขทะเบียน

เชื่อว่า .. คนไทยหลายบ้านมีความเชื่อเรื่องดูดวงในศาสตร์ต่างๆ ก่อนที่จะลงมือทำการใหญ่อะไรสักอย่าง เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะดูดวงของฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังต้องดูศาสตร์ของตัวเลขอีกด้วย ส่วนในวันนี้ที่ Carro จะมาพูดถึงคือ การดูดวงด้วยศาสตร์ของเลขทะเบียนรถ เพราะ รถ เป็นยานพาหนะที่ในทางโหราศาสตร์ก็คือ บริวารในรูปแบบหนึ่ง นั้นเอง ! 

เอาล่ะ !
ได้เวลามาคำนวณตัวเลขกันแล้ว

 

ตามตำราเลขศาสตร์

ดูดวง

ตัวเลขต่างๆเป็นตัวแทนดาวพระเคราะห์ และดาวพระเคราะห์แต่ละดวงก็จะส่งผลดี-ผลร้าย แก่เจ้าของชะตาแตกต่างกัน สำหรับดาวพระเคราะห์แทนตัวเลขต่างๆ มีดังนี้ 1 – อาทิตย์ , 2 – จันทร์ , 3 – อังคาร , 4 – พุธ , 5 – พฤหัส ,6 – ศุกร์ , 7 – เสาร์ , 8 – ราหู , 9 – พระเกตุ และ 0 – มฤตยู

ตำราดูดวงส่วนใหญ่ทั้งเลขศาสตร์และโหราศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่า เลข 3 – 7 – 0 เป็นเลขที่ร้าย เลข 3 จะหมายถึง การทะเลาะเบาะแว้ง เลข 7 คือ ความทุกข์ยาก และเลข 0 คือ อุบัติเหตุ และความสูญเสียต่างๆ ในบางตำรามองว่า เลข 8 เป็นเลขที่ร้ายเช่นเดียวกัน เพราะหมายถึง ราหู แต่ก็นับว่าความร้ายแรง ยังเป็นรอง เลข 3 – 7 – 0 อยู่มากทีเดียว

บางตำรากลับเชื่อว่า เลข 8 เป็นเลขแห่งความร่ำรวย เป็นเลขที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยให้นิยามว่า ดาวราหู หมายถึง พระเจ้าแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ผู้มั่งคั่งร่ำรวยไปด้วยอำนาจ และทรัพย์สิน

 

ตัวเลขที่คนไทยนิยม

ดูดวง

 

เลขทะเบียนรถที่ดีควรจะ อยู่ในกฎเหล่านี้ คือ

ดูดวง

 

  1. เลขทุกตัวบวกรวมกันแล้วได้ตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ยิ่งได้เลข 9 ถือว่าดีมาก เช่น 2223 รวมกัน = 9 เลขคู่หน้าและคู่หลัง บวกรวมกันได้ตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ถ้าได้ 9 ถือว่าดีมาก เช่น 8127 คู่แรก 8 + 1 = 9 คู่หลัง 2+7 = 9 ถือว่าก้าวหน้าก้าวหลัง เจริญดี
  2. ตัวเลขตัวแรกบวกตัวสุดท้ายได้ 5 ขึ้นไป ถ้าได้ 9 ถือว่าดีมาก เช่น 8181 ถือว่าเป็นเลข ที่ดีมากๆ เพราะเข้าข่าย 2 ประเด็น คือได้ 9 ทุกทิศทาง ถือว่าก้าวหน้า ก้าวหลัง เจริญดี
  3. เลขทุกตัวต้องรวมกันแล้วไม่ได้ 13 เพราะถือเป็นเลขมรณะ เช่น 9400 เลขคู่หน้าและคู่หลังรวมกัน ไม่ควรเป็นเลข 13 เพราะถือว่ามรณะ เช่น 9476 คือ 9+4 = 13 และ 7+6 = 13 ถือว่ามรณะทั้งไปหน้าและกลับหลัง
  4. เลขตัวแรกและตัวสุดท้ายรวมกันไม่ควรเป็น 13 เพราะถือว่ามรณะ เช่น 4419 คือ 4+9=13 มรณะ ตัวเลขทั้งหมดไม่ควรถูกคร่อมด้วยเลข 1 เพราะเปรียบเหมือนเป็นโลงศพ เช่น 1771 หรือ 1001 หรือ 1641 เป็นต้น
  5. ตัวเลขคู่กันไม่ควรเป็นเลข 1 ทั้งคู่ เพราะเปรียบเป็นโลงศพ เช่น 1178 หรือ 4311

 

ทำไมเลขทะเบียนรถถึงมีความสำคัญ ?

เพราะป้ายทะเบียนเป็นเลขประจำตัว ที่บ่งบอกภาพรวมของชะตารถว่าเป็นอย่างไร มีความคล่องตัวหรือเกิดปัญหาเรื่องใดบ้าง ซึ่งมันจะส่งผลกับผู้ครอบครองหรือผู้ดูแลโดยตรง และการดูดวงด้วยศาสตร์ของเลขทะเบียนรถผลรวมทุกเลขเป็นเลขดี แต่บางเลขอาจเหมาะสำหรับการใช้งานบางอย่าง ซึ่งอาจพิจารณาประกอบกับอาชีพของผู้ครอบครองเพิ่ม บวกกับลักษณะใช้งานเป็นหลัก เพื่อเกื้อหนุนกันให้ดีๆยิ่งขึ้นไปอีก

 

!! จบแล้วจ้า !!


ส่งท้าย : เร็วๆ นี้จะมีการประมูลป้ายทะเบียนรถหมวดอักษรพิเศษ 5 กก กรุงเทพมหานคร “5 กก 5 มหาสุข” จำนวน 301 หมายเลข เปิดประมูลวันที่ 9-10 กันยายน 2560 ณ อาคาร 6 ชั้น 7   กรมการขนส่งทางบก 

กรมการขนส่งทางบก

 

การดูดวงเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อาจจะมีที่ไม่ตรงกันบ้าง
ซึ่งการดูดวงในศาสตร์ต่างๆ มันไม่มีผิดถูก
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของความสบายใจ
ว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแล้ว

 

Source :
meemodel.com
กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขบ. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมเข้ามากำกับดูแลรถป้ายแดง โดยจะดำเนินการตรวจจับปรับรถส่วนบุคคลที่ใช้ป้ายแดงในการขับขี่ ในส่วนของรถส่วนบุคคลที่ซื้อตั้งแต่ 1 ต.ค. 2560 – 31 ธ.ค. 2560 หากซื้อรถใหม่ป้ายแดงจะต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกภายใน 60 วันนับแต่รับรถ และหากซื้อรถตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป จะต้องจดทะเบียนกับ ขบ. ภายใน 30 วันนับแต่รับรถ

หากไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดในช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องถูกตำรวจตรวจจับและปรับทันที โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท ดังนั้นช่วงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ค. 2560 ขบ. จะเร่งประชาสัมพันธ์ และทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้รับทราบข้อมูลดังกล่าว และเข้าใจกฎระเบียบ กฎหมาย ที่ขบ.จะประกาศออกไปเพื่อให้เข้าใจตรงกันและจะได้ไม่ต้องประสบกับปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ ขณะตรวจจับ

นายสนิทกล่าวอีกว่า การดำเนินการ ดังกล่าวขณะนี้ทาง ขบ. อยู่ในขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายรถป้ายแดง และขณะนี้ผ่าน ขั้นตอนของกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้วรอเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช. ให้พิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขบ. มั่นใจว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวนั้นเป็น การรักษาสิทธิของประชาชนที่เป็นเจ้าของ รถที่ซื้อรถใหม่จากศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ มีการดำเนินการให้จดทะเบียนรถถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อให้ป้ายแดงที่ ขบ. ออกไปอย่างถูกกฎหมายกว่า 100,000 ป้ายทั่วประเทศ หมุนเวียนในระบบ รวมถึงป้องกันปราบปรามรถผิดกฎหมายที่วิ่งบนท้องถนนด้วย ประกอบกับการเข้ามาจดทะเบียนรถถูกต้องตามกำหนดเวลาก็จะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขอขอบคุณภาพจาก jacky2008

ทางกรมการขนส่งทาทงบกระบุอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถส่วนบุคคลจากป้ายแดง เป็นป้ายดำ หากเป็นขั้นตอนของ ขบ. ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็แล้วเสร็จ ที่ผ่านมามีรถป้ายแดงจำนวนมากที่ไม่เปลี่ยนป้าย หรือเปลี่ยนป้ายช้า ส่วนหนึ่งมาจากขั้นตอนเอกสารของบริษัทรถยนต์ และ ดีลเลอร์ขายรถ ซึ่งหากถึงกำหนดเวลาตามเงื่อนไข ทางดีลเลอร์ต้องเร่งเวลาเรื่องเอกสารให้ได้ตามกำหนดของ ขบ.

สำหรับรถยนต์ ป้ายแดงที่ซื้อในช่วงก่อนหน้านี้ หรือก่อนวันที่ 1 ต.ค. แล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียน หากถึงกำหนดวันที่ 1 ต.ค.ที่เริ่มกวดขัน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจคู่มือรถแล้วพบว่ารับรถมาเกิน 2 เดือนแล้วยังไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียนจะถูกจับปรับเช่นกัน โดยช่วงแรกจะเน้นการประชาสัมพันธ์ หรือปรับอัตราต่ำสุดคือ 1,000 บาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสด