suzuki-ciaz

Review Suzuki Ciaz – หรูหราเหนือระดับฉีกคำนิยาม ECO Car

Suzuki Ciaz (ซูซูกิ เซียส) แม้จะเป็นอีโคคาร์ 4 ประตู แต่ด้วยขนาดที่เห็นแล้ว ต้องบอกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารถขนาดบี-เซ็กเมนต์เลยแม้แต่น้อย  แถมยังอาจจะใหญ่กว่าในบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ เครื่องยนต์ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร บล็อกเดียวกับซูซูกิ สวิฟท์ จะนำพาขนาดที่ใหญ่โตกว่าเยอะไปได้หรือ หลังจากขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมออกเดินทาง

กำลังในช่วงออกตัวดูดีน่าสนใจ บางจังหวะกดแรงไปนิด ถึงกับหลังติดเบาะ เพิ่มน้ำหนักที่คันเร่งมากขึ้น ความเร็วตามมาในทันที ไต่ระดับความเร็วขึ้นไปจนถึง 120 กิโลเมตต่อชั่วโมง ได้แบบชิล ชิล ด้วยความไหลลื่นของเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคง เลยมั่นใจเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก แต่กาลกลับกลายว่า ช่างล่างค่อนข้างลอย จนต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งเพิ่มน้ำหนักที่มือ  เพื่อควบคุมตัวรถให้ไปไม่สั่นไหวจนเกินไป เกียร์อัตโนมัติ CVT ทำงานได้ค่อนข้างราบรื่นในจังหวะทำความเร็วไปเรื่อยๆ

ไม่มีอาการกระตุกให้ได้รู้สึก จะมีตอนถอนคันเร่งในช่วงรอบเดินเบา ความเร็วต่ำ มีอาการสะอึกนิดหนึ่ง คราวแรกไม่แน่ใจ ลองดูใหม่ ยังคงเป็นอยู่ แสดงว่าเป็นบุคลิกจริง  แม้จะรูปร่างใหญ่โต แต่ความคล่องตัวในการใช้ในตัวเมือง ยังคงมีให้อย่างเต็มที่ ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่เรียกมาใช้ในช่วงตีนต้นได้ดี และช่วงล่างที่ให้ความมั่นคงในการเปลี่ยนเลน หลบหลีกเพื่อนร่วมทางได้ค่อนข้างดี ดีไซน์ของ ซูซูกิ เซียส เน้นความโอ่อ่าภูมิฐาน สอดคล้องกับขนาดที่ใหญ่โต ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ สอดรับกับกระจังหน้าแถบห้าเส้น ที่มีโลโก้ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก เส้นสายด้านข้างไหลลื่นต่อเนื่องถึงท้าย

ไฟท้ายเรียบหรู บางมุมดูคล้ายรถซีดานหรู ภายในออกแบบให้ดูเรียบเนียน อาจจะด้วยเพราะลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เพื่อไม่ต้องละสายตาจากถนน ชุดเครื่องเสียงรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก ผ่านช่องเชื่อมต่อ AUX  และ USB ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร แม้ช่องแอร์หลังไม่มีก็ตาม เข้าไปนั่งด้านหลังเป็นผู้โดยสาร อนุมานตัวเองว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มมาดเท่ พื้นที่วางเท้ามีให้อย่างเหลือเฟือ ขนาดภายนอกทีมองว่าใหญ่

บอกเลยว่างานนี้ซูซูกิ เซียส ใหญ่จริง เพราะมีหลายครั้งหลายคัน ที่ดูภายนอกใหญ่โตมโหฬาร แต่พอเข้าไปนั่งด้านหลัง กลับอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เบาะนั่งนุ่มสบาย แต่สั้นไปนิดรองรับต้นขาไม่เต็มที่ นั่งระยะทางนานๆ อาจมีเมื่อย พนักพิงเบาะนั่งหลังตรงกลาง มีท้าวแขนให้ดึงออกมาใช้งาน และยังเป็นที่วางแก้วน้ำอีกด้วย

เติมเต็มความสบาย และหรูหราได้มากยิ่งขึ้น  ความนุ่มนวลของซูซูกิ เซียส ด้วยช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สัน สตรัท หลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นการขับผ่านหลุมบ่อ เนินลูกระนาด หรือคอสะพาน  เบาะนั่งด้านหลังไม่มีอาการกระเด้งกระดอนเลยแม้แต่น้อย และรวมถึงจังหวะเลนเชนจ์ ที่แม้จะมีอาการเหวี่ยงอยู่บ้าง แต่ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับความยาวของตัวรถด้วยความซนส่วนตัว ระหว่างนั่งเบาะหลังว่างๆ เลยล้วงแคะแกะเกาไปเรื่อย ปรากฎว่าพบกับสิ่งที่น่าสงสัย ทำไมถึงไม่ทำให้เนียนกว่านี้ คือกำมะหยี่ที่ปิดหลังคาด้านในช่วงลาดเสาซี หรือตรงรอยต่อกระจกหลัง
เมื่อลองกดดูมีอาการยุบตัว ประมาณว่าไม่เป็นเนื้อเดียวกับเหล็กหลังคา เหมือนจุดอื่นๆ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ติดตั้งผิดพลาด เพราะไม่ได้ล่อนหลุดออกมา

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

“โอนรถ” หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่หลังจากนี้คุณจะไม่ต้องงงอีกต่อไป เพราะบทความนี้ CARRO จะพาทุกคนไปรู้จักกับการโอนรถให้มากกว่าเดิม …

“การโอนกรรมสิทธิ์รถ คืออะไร?” คำถามที่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า ทำไมต้องโอนรถ? แล้วถ้าไม่โอนรถจะได้ไหม? เรามาหาคำตอบกันเลยดีกว่า …

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

การโอนกรรมสิทธิ์รถ คือ การโอนทะเบียนรถเพื่อเปลี่ยนเจ้าของ โดยที่ ผู้ซื้อ-ผู้ขายรถ จะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนหลังจากที่มีการโอนรถ (วันที่ที่ระบุในใบคำขอโอนและรับโอน) ไม่เกิน 15 วัน เพราะถ้าหากว่าเกินวันที่กำหนดก็จะโดนปรับนั่นเอง

ดังนั้น การโอนกรรมสิทธิ์รถจึงสำคัญมากสำหรับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการซื้อขายรถมือสอง เพราะถ้าหากยังไม่มีการโอนรถ ผู้ซื้อก็จะไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถคันนั้นโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่า ผู้ซื้อก็จะยังไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของรถคันนั้นโดยสมบูรณ์ หรือถ้าหากรถคันนั้นเกิดติดคดีความ ชื่อของผู้ถือกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้าย ก็อาจจะต้องถูกตรวจสอบ

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

ประเภทของการโอนกรรมสิทธิ์รถ

การโอนกรรมสิทธิ์รถนั้นมีหลากหลาย อาทิ การโอนโดยตรง โอนโดยคำสั่งของศาล หรือแม้กระทั่งการโอนรถจากการได้รับมรดก เป็นต้น

แต่ในบทความนี้ CARRO จะพูดถึงการโอนหลักๆ แค่ 2 ประเภท ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในการ ซื้อ-ขาย รถยนต์มือสอง คือ การโอนตรง และ การโอนลอย

Review-Transfer-LPG-Powered-Car

การโอนตรง

คือ การที่ผู้ขาย และผู้ซื้อ สามารถไปทำการโอนกรรมสิทธิ์โดยตรงต่อหน้านายทะเบียน ณ สำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียนแจ้งใช้อยู่

TIPS: ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถไปทำการโอนได้ ผู้ขายสามารถเซ็นใบมอบอำนาจให้ผู้ซื้อไปดำเนินการเองได้ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ใน ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

การโอนลอย

คือ การที่เจ้าของรถได้ทำการโอนรถโดยไม่ได้ระบุชื่อของผู้รับโอน และยังไม่ได้ไปทำการโอนกรรมสิทธิ์รถโดยตรงต่อหน้านายทะเบียน แต่เมื่อผู้ขายได้รับเอกสารแล้ว ก็ต้องทำการไปโอนกรรมสิทธิ์รถด้วยตัวเอง ซึ่งการโอนลอยส่วนใหญ่ มักจะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการรถมือสอง เพราะว่าถ้าหากคุณขายรถให้กับเต็นท์รถ หรือโชว์รูม จะต้องทำการเซ็นเอกสารโอนลอย เพราะผู้ขายจะยังไม่ทราบชื่อของผู้ซื้อ แต่ผู้ขายควรระวัง ในกรณีที่เซ็นเอกสารโอนลอย ถ้าหากมีคนนำรถไปทำอะไรที่ไม่ดี คนที่จะถูกตรวจสอบคนแรก คือ ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายนั่นเอง

TIPS: ควรตรวจสอบชื่อของผู้ขายในเอกสารทั้งหมดให้ดี ว่าถูกต้องตรงกันทั้งหมด และชื่อของผู้ขายจะต้องเป็นชื่อของผู้มีกรรมสิทธิ์รถคันนั้นเป็นคนสุดท้าย ซึ่งมีข้อควรระวังหลายอย่างสำหรับการโอนลอย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การโอน

ชุดโอน

ขั้นตอนในการโอนรถ

หลายคนอาจจะเข้าใจผิดมาตลอดว่า การโอนกรรมสิทธิ์รถ นั้นยุ่งยาก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ยากอย่างที่คิด เพราะว่ามีแค่ 4 ขั้นตอนตามนี้เท่านั้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หรืออาจจะใช้เวลาเกือบทั้งวัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมเอกสารของคุณ เพราะถ้าคุณเตรียมเอกสารครบ ก็อาจจะใช้เวลาไม่นาน

  1. กรอกแบบฟอร์มคำขอและรับโอน ที่ส่วนงานทะเบียนสำนักงานขนส่ง
  2. เราต้องนำรถเพื่อรับการตรวจสภาพรถ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด
  3. เมื่อตรวจสภาพรถเสร็จ ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ และชำระค่าธรรมเนียมที่งานทะเบียนรถ
  4. รับคู่มือจดทะเบียนรถ ใบเสร็จ เครื่องหมายเสียภาษีประจำปี หรือแผ่นป้ายทะเบียนรถ

TIPS: อย่าลืมที่จะทำการตรวจสอบว่ารถคันนั้นมีสมุดใบคู่มือทะเบียนรถยนต์ (เล่มรถสีฟ้า) หรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มี ก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะซื้อ เพราะนั้นอาจจะเท่ากับว่ารถคันนั้นผิดกฎหมาย หรือเป็นรถหนีไฟแนนซ์ ซึ่งมันอาจจะเกิดเป็นปัญหาตามมาที่หลังได้

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Mitsubishi Pajero Sport น่าใช้ เครื่องแรง ภายในกว้างขวาง กับตำนานของรถ SUV

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

สำหรับ Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต) โฉมนี้! ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจเดินเกม ที่น่าจะ “ถูกต้อง” ของทีมผู้บริหาร นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในโลกในไทย เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 เพราะเมื่อสินค้าออกแบบและพัฒนามาได้โดนใจลูกค้าชาวไทย หน้าตาที่กระเดียดไปทางเอสยูวีหรู ของ ปาเจโร สปอร์ต ถือว่าออกแบบมาได้ “ลงตัว” บ่งบอกถึงความดูดีมีสไตล์ของ “ผู้ขับ”

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

หน้าตา ของรถคันนี้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ดูเท่ มองมุมไหนก็สวยคมทุกมุม จะยกเว้นก็เพียงไฟท้ายที่หลายคนขัดหูขัดตา หากจะมองให้ดี คือ การยกแท่งไฟท้ายของรถวอลโว่ ตระกูล XC มากลับหัว ให้กับ ปาเจโร สปอร์ต คันนี้ ซึ่งขนาดความยาวของแท่งไฟท้าย ยังเลื้อยลงมาจนสุดปลายของฝากระโปรงท้าย ซึ่งบอกได้ชัดๆ ว่า “ไม่สวย” หากออกแบบไฟเบรกสีแดงให้เลื้อยไปจบกับกรอบไฟเลี้ยว น่าจะลงตัวกว่า

มิติตัวถังยาว 4,875 มม. กว้าง 1,815 มม. สูง 1,800 มม. (รุ่น 4WD 1,805 มม.) และระยะฐานล้อ 2,800 มม.

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์คลีนดีเซล MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ถือว่าทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งเครื่องของความเงียบ และการทำงานประสานกันของระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการกระตุก สังเกตุได้ของรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ ส่วนขุมกำลังของเครื่องยนต์ในช่วงการออกตัว หรือจังหวะกดคันเร่ง ต้องการเรียกความเร็วนั้น การตอบสนองการปลุกกำลังของเครื่องยนต์ อาจจะรู้สึกว่ากำลังของเครื่องยนต์นั้นมาช้าเกินไป…

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

เมื่อเทียบกับรถพื้นฐานตอนเป็นรถปิกอัพ ไทรทัน เพราะปาเจโรสปอร์ตคันนี้จะต้องเเบกรับ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกค่อนข้างมาก สำหรับคนที่ต้องการให้ทันอกทันใจ อาจจะต้อง ทำใจ หรือ ทำความเข้าใจกับบุคลิกของรถเล็กน้อยแต่เมื่อวิ่งไปได้ระดับหนึ่งพละกำลัง ของ “ม้าทั้งตัว” พร้อมทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่มีเหน็ดมีเหนื่อย…

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport ส่วนเครื่องของช่วงล่าง รถคันนี้ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนมิตซูบิชิ เซ็ตค่อนข้างนุ่มนวลเเต่โดยส่วนตัวความรู้สึกตลอดระยะเวลาของการทดสอบ ยังคง “ก้ำกึ่ง” ว่า จะชอบ หรือไม่ชอบดี เพราะช่วงล่างรถคันนี้ น่าจะถูกอกถูกใจผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่ หรือคุณสุภาพสตรี ในเรื่องของความนุ่มนวล เเต่โดยส่วนตัวเเล้ว หากมิตซูบิชิ เติมความหนึบหนับ เอาอารมณ์ความดื้อ และกระด้างของช่วงล่าง “ไทรทัน” มาใส่ ไว้น่าจะทำให้รถคันนี้ขับได้สนุก และมีชีวิต ชีวา …

และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ SS4-II (Super Select 4WD–II) ที่ทำให้ผู้ขับขี่ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่จากถนนปกติ ในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ มาเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ภายนอกและภายใน รุ่น GT 2WD

ส่วนความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารถือว่ามิตซูบิชิจัดวางมาไว้ให้อย่างครบครัน เเต่เมื่อเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน ที่มีเพิ่มทั้งช่องเสียบไฟขนาด 220 โวล์ท ซี่งไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะเชื่อว่าน้อยครั้ง ที่เราจะมีโอกาสได้ใช้

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ภายนอกและภายใน รุ่น GT Premium 4WD

แต่สิ่งที่ขาดหายไปแล้วน่าเสียดายคือ ประตูเปิด – ปิด ฝาท้ายอัตโนมัติ ที่หากมีเพิ่มมาให้ ปาเจโร สปอร์ต คันนี้น่าจะช่วยเติมเต็ม ผลักดันให้รถคันนี้ขึ้นมาเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ในเซ็กเมนต์ได้แบบไร้คู่เเข่ง ถามว่ารถคันนี้ จะเหมาะสมสำหรับการการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขี่ขับขี่ในเมืองหรือไม่

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ตอบได้แบบไม่ลังเลว่า … ปาเจโร สปอร์ต พร้อมตอบสนองรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย (มีให้เลือกหลายรุ่นย่อย อาทิ GLS-Ltd., GT และ GT Premium ในแบบ 2WD และ 4WD) เเม้เเต่การขับขี่ในเมื่องที่สภาพการการจราจรหนาเเน่น การควบคุม รถคันนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หมดปัญหาเรื่องของขนาดใหญ่เพราะทั้งน้ำหนัก และพวงมาลัยที่เบาให้ความเเม่นยำทำให้การความคุมเป็นไปได้ดังใจ

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

และเมื่อถามว่ารุ่นไหนน่าสนใจระหว่าง 3 รุ่น 3 ค่าย เลขเรียงลำดับ ความน่าสนใจโดยรวมแล้ว คงยกให้ ปาเจโร คันนี้มา เป็นที่หนึ่งส่วนอันดับสอง ระหว่างฟอร์จูนเนอร์ และ เอเวอเรสต์ คงต้องเปรียบเทียบ ความคุ้มค่าคุ้มราคา ว่าคันไหนตรงกับจริตมากที่สุด เอาแค่ตัวขับเคลื่อนสองล้อ ตัวพื้นฐานก็พอ …

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานใหม่ หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ เป็นรถรุ่นมีวิ่งให้เห็นกันเกลื่อนเมือง วิ่งทางฝุ่นก็ได้ไม่ขวยเขิน ลุยน้ำท่วมก็ได้ ขนของมากๆ ไปกัน 5-7 คน ก็ดี และ Option ที่ให้มามากกว่าคู่แข่ง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร VG Turbo Intercooler 181 แรงม้า ตัวเดียวกับใน Triton ที่ให้ความแรงสะใจ

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

เป็นรถที่ขับสนุก ระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 สปีด + ระบบ INC (Idle Neutral Control) + G-Sensor และ Sport Mode ดีมาก พร้อมกับ Paddle Shift ให้เปลี่ยนที่พวงมาลัยด้วย พ่วงด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า ช่วงล่างนุ่มนวล ทนทาน เกาะถนน ถ้าเจอทางลูกรังก็ลุยไหว พวงมาลัยไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ห้องโดยสารหรูหรา อเนกประสงค์ในการใช้งาน เบาะแถวที่ 3 สามารถปรับพับให้เรียบได้

วิ่งในเมือง รถติดบ้างโล่งบ้าง ประมาณ 10 กม./ลิตร ได้ หากวิ่งนอกเมือง ทำได้ 14-15 กม./ลิตร

ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง ตรงเบาะหลังแถวที่ 3 ที่นั่งค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ใหญ่ที่ตัวใหญ่ โดยเหมาะไว้สำหรับให้เด็กๆ หรือคนตัวเล็กนั่ง มากกว่าครับ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตอนซ่อม ตอนเข้าศูนย์ ราคาอะไหล่รับได้ ตัวรถไม่จุกจิก ทนทาน ประหยัด เตรียมงบไว้สำหรับดูแลตามปกติ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Mitsubishi Pajero Sport โฉมปี 2015 – ปัจจุบัน มีราคามือสองอยู่ที่ 960,000 – 1,250,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2561 – 2562 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ) ซึ่งรุ่นนี้ ยังมีโฉมปัจจุบันขายอยู่ด้วยนะครับ

Download Mitsubishi Pajero Sport (คลิกที่ภาพ)

Review-Mitsubishi-Pajero-Sport

อยากขายรถติดไฟแนนซ์

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ผู้ขายรถส่วนใหญ่อยากรู้ สำหรับเศรษฐกิจยุคนี้ เสียงส่วนใหญ่ของคนใช้รถคือ “ผ่อนรถไม่ไหว” และโทรมาปรึกษากันบ่อยมากๆ ถ้าหากคุณผ่อนรถต่อไม่ไหว และรถคันนั้นยังอยู่ในไฟแนนซ์ จะขายเป็นรถมือสองได้ไหม? ในบทความนี้ CARRO มีคำตอบ

อันดับแรก สิ่งที่ผู้ขายทุกคนควรทราบเอาไว้ ว่าถ้าหากคุณได้ทำการกู้สินเชื่อรถยนต์ผ่านไฟแนนซ์ และอยากจะทำการขายรถ โดยที่คุณยังผ่อนไม่ครบงวด ชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของรถยนต์คันนั้น ยังเป็นชื่อของไฟแนนซ์อยู่ นั่นเท่ากับว่าคุณมีฐานะเป็นแค่ “ผู้เช่าซื้อรถยนต์” เท่านั้น

ซึ่งถ้าหากคุณตัดสินใจแล้วว่าต้องการขายรถยนต์ เราขอแนะนำให้ปฎิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้

Know-10-Thai-Words-About-Used-Car

1. สิ่งที่ควรทำก่อนการซื้อขายรถยนต์

หลังจากที่มีคนสนใจมาซื้อรถคุณแล้ว หรือตกลงกับทางดีลเลอร์รถมือสองเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปก็คือ

1.1 นำเงินไปปิดไฟแนนซ์

วิธีแรก คือ การนำเงินไปปิดไฟแนนซ์ที่เหลือให้หมด ซึ่งวิธีการนี้ผู้ซื้อและผู้ขาย ควรตกลงกันก่อน ว่าจะนำเงินของฝ่ายใดไปปิดไฟแนนซ์ เพราะหลังจากที่คุณนำเงินไปปิดไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้ว สมุดคู่มือทะเบียนรถ รวมถึงกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถ จะถูกโอนมาเป็นของผู้ขาย จากนั้นผู้ขาย จึงทำการโอนให้ผู้ซื้ออีกทีหนึง

TIPS: ส่วนใหญ่ถ้านำเงินไปปิดไฟแนนซ์ จะมีข้อดี ตรงที่ได้ส่วนลดค่าดอกเบี้ย จากทางบริษัทไฟแนนซ์

1.2 เปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ (คนผ่อนรถ) ให้เป็นชื่อผู้ซื้อ

ถ้าหากผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะใช้เงินใครไปปิดไฟแนนซ์ แนะนำว่าให้ไปที่บริษัทไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถคันนั้น และให้โอนชื่อจากผู้ขาย ไปเป็นชื่อผู้ซื้อ ให้ผู้ซื้อเป็นคนจ่ายค่างวดผ่อนรถต่อแทน แต่อาจจะต้องมีการจ่ายค่ารถด้วยในกรณีที่ผู้ขาย ต้องการค่ารถทั้งหมดที่เคยผ่อนมา ผู้ขายย่อมไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ จีงเป็นที่มาของคำว่า “ขายดาวน์”

TIPS: ข้อดีของการโอนชื่อผู้เช่าซื้อ คือคุณไม่ต้องกังวล ในกรณีที่ไม่มีการส่งค่างวดไฟแนนซ์ต่อ เพราะถือว่าผู้ขายได้โอนกรรมสิทธิ์ผู้เช่าซื้อให้ผู้ซื้อที่ซื้อรถต่อจากคุณเรียบร้อยแล้ว

Toyota-Vios-Carro-Express

2. เลือกว่าจะขายรถให้ใคร

2.1 ขายให้ดีลเลอร์รถมือสอง (เต็นท์รถมือสอง)

ข้อดีของการขายรถให้ “ดีลเลอร์รถมือสอง” คือ สะดวก รวดเร็ว ได้เงินทันใจ เพราะถ้าหากคุณรีบใช้เงินจริง ทางเต็นท์รถอาจจะสามารถนำเงินไปปิดไฟแนนซ์ให้คุณได้เลย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตกลง ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รวมไปถึงราคารับซื้อ ที่อาจไม่ถูกใจคุณนัก

2.2 ขายให้กับ CARRO (คาร์โร)

ข้อดีจะคล้ายกับขายให้ดีลเลอร์รถมือสอง (เต็นท์รถมือสอง) แต่ข้อแตกต่างคือ มีความรวดเร็วกว่า และสะดวกกว่าต้องที่ไม่ต้องออกเดินทางไปโชว์รูมเอง แค่กรอกข้อมูล กับจำนวนเงินที่ต้องการ หลังจากนั้น คาร์โร จะดำเนินการให้ จนสามารถขายรถได้ในระยะเวลาอันสั้น และได้ราคาที่ดีที่สุดแน่นอน

TIPS: ซึ่งถ้าหากคุณอยากขายรถแบบด่วนๆ สามารถใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express (หรือคลิกที่รูปก็ได้) หรือโทร. 02-508-8425

Carro-Express

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ แล้วเราจะติดต่อกลับโดยด่วนที่สุด—> เพิ่มเพื่อน

วิธีการขายก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่กรอกข้อมูล ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ ของรถคุณ พร้อมราคารถที่คุณต้องการขาย และอย่าลืม! รูปภาพรถหลายๆ มุม ทั้งภายนอกและภายใน

พอเจ้าหน้าที่ของ CARRO ตรวจสอบข้อมูลเสร็จ ก็จะติดต่อกลับมาหาคุณภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าข้อมูลมีไม่เพียงพอ แต่ถ้ามีข้อมูลครบถ้วน ก็จะนัดตกลงราคา ตรวจสภาพรถของคุณ พร้อมเซ็นสัญญาซื้อขาย และปิดการขายได้ทันที รับเงินสดกลับบ้านได้เลยจ้า

Carro-Express-Instruction

2.3 ขายรถเองไม่ผ่านคนกลาง

หรือถ้าหากใครไม่รีบร้อน ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ โดยการไปประกาศขายรถด้วยตัวเอง แบบไม่ผ่านคนกลาง แต่ก็จะมีข้อเสียคือ อาจจะต้องรอจนกว่าจะมีผู้ซื้อสนใจมาดูรถ ซึ่งอาจจะช้าหรือเร็วก็ได้ แต่การขายด้วยวิธีนี้ คุณจะต้องมั่นใจว่า คนที่ซื้อต่อรถคุณไป เขาจะไปเปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ หรือไปปิดไฟแนนซ์จริงๆ ไม่อย่างนั้นก็จะมีคดีแพ่งที่คุณต้องมาตามล้างตามเช็ด จ่ายหนี้แบบไม่ได้ใช้รถต่ออีก

และต้องระวังเรื่อง “สัญญาซื้อขาย” เพราะจะเป็นหลักฐานในกรณีที่คุณนำรถไปขายเอง เพราะคุณต้องรู้ว่า รถติดไฟแนนซ์ เป็นทรัพย์สินในสัญญาเงินกู้ คุณยังไม่ได้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ หากคนซื้อเกิดเบี้ยวขึ้นมา ทางไฟแนนซ์สามารถฟ้องได้ทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา (ฐานยักยอกทรัพย์) นะครับ

TIPS: ซึ่งถ้าหากคุณอยากขายรถแบบไม่รีบร้อน สามารถไปโพสต์ประกาศขาย “โพสต์ขายออนไลน์” ได้ฟรี! บนเว็บไซต์ของ CARRO เพียงแค่คุณลงทะเบียนเบอร์ OTP สำเร็จ ก็สามารถใช้งานได้ทันที!

Carro-Express

3. ทำการซื้อ-ขาย รถยนต์ และไปโอนกรรมสิทธิ์รถ

หลังจากที่คุณได้จัดการเรื่องไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถไปซื้อ-ขาย รถยนต์ และไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ได้

– ซึ่งถ้าหากคุณได้นำเงินไปปิดไฟแนนซ์แล้ว คุณจะได้เล่มสมุดคู่มือทะเบียนรถมา และสามารถไปโอนได้ที่กรมการขนส่ง *สามารถดูรายละเอียดการเตรียมเอกสารได้ ที่นี่

– แต่ถ้าหากคุณได้เลือกวิธีที่สอง คือการโอนชื่อผู้เช่าซื้อ สมุดคู่มือทะเบียนรถ และกรรมสิทธิ์รถคันนั้นจะยังเป็นของไฟแนนซ์ ซึ่งผู้ขายต้องจัดเตรียมเอกสารของรถคันนั้นทั้งหมด เพื่อส่งต่อให้ผู้ซื้อไปดำเนินการเอง เมื่อส่งค่างวดไฟแนนซ์ครบเรียบร้อย

Beware-While-Transfer-Car

ข้อควรระวัง: ถ้าหากคุณต้องการขายรถที่ติดไฟแนนซ์ ไม่แนะนำให้ขายรถไปทั้งๆ ที่ยังไม่ปิดไฟแนนซ์ หรือชื่อผู้เช่าซื้อรถยนต์ยังเป็นชื่อผู้ขายอยู่ เพราะตามกฎหมายแล้ว ผู้เช่าซื้อมีสิทธิครอบครองเท่านั้น ไม่มีสิทธินำไปขายต่อให้ผู้อื่น มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ไม่ว่าจะเป็นการขายให้เต็นท์ หรือขายเอง

สรุปว่า หากคุณทำตามขั้นตอนในบทความนี้ รถที่ยังติดไฟแนนซ์ของคุณ ก็จะสามารถขายต่อได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย และยังเป็นการป้องกันการโดนโกงได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปเลือกใช้

และสำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่า ขายรถที่ไหนดี? หรือขายรถติดไฟแนนซ์ได้ที่ไหน ก็อย่าลืมนึกถึง CARRO นะครับ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425 หรือจะ Inbox มาสอบถามก็ได้ ที่ Facebook CARRO Thailand

3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ)

หลังจากที่คุณได้ทำการซื้อ – ขายรถมือสองเรียบร้อยแล้ว นี่คือ 3 ขั้นตอนต่อไป !

ข้อมูลในบทความนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และถือเป็นหัวใจหลักของการโอนรถเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากคุณได้เตรียมขั้นตอนเหล่านี้ครบทั้งหมดแล้ว ก็สามารถเตรียมตัวไปดำเนินการโอนได้ทันที

ซึ่งสำหรับทั้งมือเก่าและมือใหม่หัดขับทุกคน รวมไปถึงผู้ซื้อ – ขายรถมือสอง ทุกคน ที่ยังคงสับสนเรื่องการเตรียมเอกสาร หรือการเตรียมตัวสำหรับการไปโอนกรรมสิทธิ์รถ แนะนำว่าให้ลองทำตาม 3 ขั้นตอนนี้ แล้วรับรองว่าการโอนกรรมสิทธิ์รถที่ใครว่ายากนั้น จะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย ประกอบไปด้วย

การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร

ขั้นตอนแรก คือ “เตรียมเอกสาร”

เอกสารนั้นสำคัญไฉน ? ต้องขอบอกเลยว่า สำคัญมาก เพราะถ้าหากเอกสารไม่ครบ ก็จะไม่สามารถไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ได้นั่นเอง ซึ่งเอกสารหลักๆ จะประกอบไปด้วย

  • สำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง
  • สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง
  • เอกสารแบบคำขอโอน และรับโอน
  • หนังสือมอบอำนาจ ในกรณีโอนลอย และผู้ขายไม่ได้มาทำการโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเอง
  • สัญญาซื้อขาย
  • สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียนรถสีฟ้า)
  • หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล

TIPS: ถ้าหากผู้ขายได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เอกสารทุกอย่างที่มีลายเซ็นจำเป็นต้องมีตราประทับบริษัทอยู่ด้วย

แต่สำหรับรถที่ยังติดไฟแนนซ์ ผู้ขาย หรือเจ้าของรถ จะต้องนำเงินไปปิดไฟแนนซ์ก่อนเป็นอันดับแรก โดยจะใช้เงินใครปิดนั้น เป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จากนั้นให้ไฟแนนซ์โอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ขาย และผู้ขายจึงโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้ออีกที

TIPS: ก่อนที่จะทำการซื้อรถ ผู้ซื้อต้องตรวจสอบเอกสารให้ดี เพราะถ้าหากผู้ขายไม่มีเจ้าของเล่มทะเบียนจดทะเบียน แล้วนำรถมาขายให้คุณในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ให้ระวังจะเป็นรถหนีไฟแนนซ์

เลือกซื้อรถ

ขั้นตอนการเตรียมเอกสารสำหรับผู้ซื้อ-ขาย

เช็ก List เอกสารที่จะต้องเตรียม

  • สำหรับผู้ซื้อ-ขาย แบบโอนตรง
  • สำหรับผู้ซื้อ-ขาย แบบโอนลอย

ดาวน์โหลดเอกสาร: แบบคำขอโอนและรับโอนรถยนต์ / หนังสือมอบอำนาจ / สัญญาซื้อ-ขาย

ชุดโอน

ขั้นตอนที่ 2 คือ “เตรียมค่าธรรมเนียมโอนรถ”

หลังจากที่คุณได้เตรียมเอกสารที่จะนำไปทำการโอนรถเรียบร้อยแล้ว การเตรียมเงินไปให้พอจ่ายค่าธรรมเนียมก็เป็นข้อสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เพราะถ้าหากคุณเตรียมเงินไปไม่พอ ก็อาจจะทำให้เสียเวลาได้ ดังนั้นเราจะจึงได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมมาให้คุณอย่างคร่าวๆ

  • ค่าคำขออื่นๆ 5 บาท
  • ค่าธรรมเนียมคำขอโอนรถ 5 บาท
  • ค่าโอนรถ 100 บาท

ค่าอากรซื้อขาย ร้อยละ 0.5 บาท ซึ่งเทียบได้กับ 100,000 ละ 500 บาท โดยทางกรมการขนส่งทางบก จะมีการประเมินราคารถของคุณ ซึ่งมีหลักเกณฑ์จาก

  • ปีที่รถคันนั้นจดทะเบียน
  • ราคากลางทั่วไปที่ซื้อ-ขาย รถ
  • สภาพรถ

*แต่ในกรณีที่มีการโอนปิดบัญชีเพื่อเช่าซื้อ หรือการนำเงินไปปิดไฟแนซ์เพื่อโอนชื่อรถมาเป็นของตน ไม่ต้องมีการเสียค่าอากรซื้อขาย เนื่องจากได้คิดรวมกับยอดเงินสุทธิที่ต้องจ่ายไปแล้ว

3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ)

ขั้นตอนสุดท้าย คือ “การตรวจสอบสถานที่โอนกรรมสิทธิ์รถ”

หลังจากที่คุณเตรียมพร้อมที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์รถแล้วนั้น แนะนำให้เปิดดูที่หน้า 18-19 ในคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ เพื่อดูว่ามีการแจ้งขอใช้พื้นที่ในเขตใดจังหวัดใด สำหรับการโอนรถ เนื่องจากคุณไม่สามารถไปโอนรถได้ในทุกเขตขนส่ง หรือถ้าหากคุณไม่แน่ใจ ก็สามารถตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานขนส่งจังหวัดต่างๆ

3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ)

สำหรับในกรุงเทพฯ โอนรถที่ไหน …

  • กรมการขนส่งทางบก, สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5

1032 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 02-272-3100

รับผิดชอบในเขตพื้นที่ ป้อมปราบศัตรูพ่าย ปทุมวัน ดุสิต บางซื่อ บางเขน ดินแดง จตุจักร ลาดพร้าว สายไหม สัมพันธวงศ์ บางรัก พญาไท ห้วยขวาง บางกะปิ ดอนเมือง ราชเทวี หลักสี่ และวังทองหลาง

  • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1

1005 ถ.บางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 โทร. 02-415-7337

รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เขตบางขุนเทียน บางคอแหลม จอมทอง ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ คลองสาน สาทร ทุ่งครุ บางบอน และยานนาวา

  • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2

51 ถ.สวนผัก แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 โทร. 02-882-1620-35

รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เขตตลิ่งชัน บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ หนองแขม พระนคร บางแค และทวีวัฒนา

  • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3

2479 ถ.สุขุมวิท (ตรงข้าม ซ.สุขุมวิท 62/1) แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260 โทร. 02-332-9688-91

รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เขตพระโขนง ประเวศ สวนหลวง คลองเตย บางนา วัฒนา และบางจาก

  • สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4

34 หมู่ 6 ถ.ร่วมพัฒนา แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กรุงเทพฯ 10530 โทร. 02-543-5500-2

รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เขตมีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง บึงกุ่ม สะพานสูง คันนายาว และคลองสามวา

3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ)

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Carro-Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris … ยาวกว่าพี่ กว้างกว่าพี่ ก็ไม่มีแล้วน้อง!!!

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) อีโคคาร์จากค่ายพี่ใหญ่อย่าง Toyota (โตโยต้า) โดยรถรุ่นนี้ทำการเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยไม่น้อย ถึงขนาดที่ว่าโตโยต้าเคลมว่า ยาริส อีโคคาร์ เป็นรถที่ขายที่ดีที่สุดในกลุ่มรถแฮทช์แบ็ค

มาดูกันว่าทำไม ยาริส อีโคคาร์ ถึงมียอดขายดี เริ่มกันที่รูปทรงโดยรวมก็ต้องบอกว่าใหญ่จริงอะไรจริง ดูจะออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยอย่างมาก เพราะรถมีขนาดที่ใหญ่ – ยาว เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นแฮทช์แบ็คอีโคคาร์ เหมือนกันก็ถือว่าใหญ่ที่สุด

ด้วยมิติตัวถัง ยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม.

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เมื่อไล่เรียงสายตามาดูถึงการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก – ภายใน จะพบว่าดีไซน์ด้านหน้ามีความโดดเด่นที่ดึงดูดสายตามากกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมกันชนและสเกิร์ต ที่จะมีสีตัดกับตัวกระโปรงรถ ดูแล้วให้อารมณ์สปอร์ต ส่วนไฟหน้าถือเป็นพระเอกที่ถูกใจมาก เพราะรูปทรงสวย มีขนาดใหญ่ โดยไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ในรุ่น G และ TRD Sportivo แต่ในรุ่นรองลงมา จะเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ด้านข้างตัวบอดี้จะเห็นเส้นสายการออกแบบ ไล่ระดับสายตาลงมาด้านล่างจะเห็นล้ออัลลอยแบบเรียบๆขนาด 15 นิ้ว ส่วนด้านหลังตรงกระโปรงรถมีคิ้วฝากระโปรงโครเมียม ดูแล้วให้ความรู้สึกพรีเมียมนิดๆ ใกล้ๆ กันมีที่ปัดน้ำฝน ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ขณะที่ภายในห้องโดยสาร แว็บแรกที่เปิดประตูเข้ามาดูโดยรวมๆเรียกว่าดูดี วัสดุที่ใช้ในการประกอบดูมีราคา ตัวคอนโซลหน้าก็ยกชุดคอนโซลจาก วีออส มาใช้ เป็นสีดาร์กซิลเวอร์ในรุ่นปกติ แต่ถ้าเป็นรุ่นแต่งพิเศษจะเป็นแบบเปียโนแบล็ค ตัวพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง-ต่ำได้ ควบคุมระบบเครื่องเสียงได้ ส่วนมาตรวัดจะเป็นแบบอนาล๊อก ด้านเครื่องเสียงความบันเทิงต่างๆก็รองรับทั้งวิทยุ, MP3 ช่องต่อ USB, ช่องต่อ AUX และถ้าใครเลือกรุ่นแต่งพิเศษก็สามารถใช้สมาร์ท G-Book ได้

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

มาลองนั่งในห้องโดยสารกันดูบ้าง โดยตัวเบาะนั่งจะเป็นผ้าสีดำ แต่ถ้าใครชอบเบาะหนังก็เลือกรุ่นแต่งพิเศษ  ซึ่งความรู้สึกที่ได้นั่งในรถรุ่นนี้ถือว่าโอเค!! กว้างขวาง ไม่ติดขา ไม่ติดหัว นั่งสบาย ทั้งเบาะนั่งด้านหน้า และฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนี้สามารถพับเก็บได้ 60:40 ดังนั้นไม่ต้องห่วงพื้นที่ในการจัดเก็บของรับรองมีเหลือเฟือ เหนือรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

และที่คงเอกลักษณ์ของยาริสรุ่นก่อนมาก็ต้องยกให้ที่วางแก้วจัดมาสามจุดใหญ่ทั้งด้านหน้าฝั่งคนขับและคนนั่งคู่ ส่วนตรงคอนโซลกลางหลังเกียร์ก็มีที่วางแก้วอีกหนึ่งจุด

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เรียกได้ว่าเป็นอีโคคาร์รุ่นแฮทช์แบ็ค ที่เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ จริงๆ ในแง่ของความใหญ่โตโอฬาร และดีไซน์ที่ดูพอเหมาะพอเจาะ ไม่ดูแก่ไป ไม่ดูวัยรุ่นไป ใครที่ชื่นชอบรถในสไตล์แบบนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันก็อาจจะทำให้ใครหลายคนต้องพิจารณากันอย่างหนัก เอาเป็นว่าก่อนจะตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ก็ควรจะทดลองขับ และดูความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนดูว่าเป็นอย่างไร

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่ปรับลดขนาดมาจากรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้เป็น Eco-Car เต็มตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ที่ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 เกียร์อัตโนมัติ CVT

ระบบช่วงล่างของ ยารีส เหมือนกับ วีออส นุ่มนวล เกาะถนน ควบคุมง่าย น้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้ากำลังดี ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ขับทางไกลให้ความมั่นใจมากกว่ารุ่นเดิม และตัวรถที่ความสูง 1,475 มม. ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง อาการโยนตัวเมื่อเข้าโค้งก็น้อยลง

ในตอนออกมาใหม่ๆ ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของการปรับราคา ให้น่าสนใจกว่าคู่แข่งค่าย H แต่ก็ต้องแลกกับพละกำลังที่ลดลงเพื่อความประหยัดน้ำมันเช่นกัน และถ้าพิจารณาแล้ว รู้สึกว่ารถคันนี้แหละที่ตอบโจทย์ ก็เชิญไปเลือกสีเลือกรุ่นกันได้เลย

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก นับตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ที่พอมีกำลังผ่อนรถต่อเดือนหลักพันไหว หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ เป็นรถรุ่นมีวิ่งให้เห็นกันเกลื่อนเมือง ใช้งานได้หลากหลาย ขนของได้ ขับออกต่างจังหวัดก็ได้

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

เป็นรถที่ขับสนุกใช้ได้ ช่วงล่างดี เกาะถนน พวงมาลัยไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม Eco-Car ออพชั่นก็ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งาน

ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง บางคนอาจจะไม่ชอบหน้าตาของรุ่นนี้ ไม่ชอบชุดไฟท้าย หรือกำลังเครื่องยนต์ ที่ขับแล้วรู้สึกอืด ไม่มันส์เวลาจะเร่งแซงต้องกดคันเร่งมากๆ ทำให้กินน้ำมันมาก (แทบจะเท่ากับ Vios) ตามไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นรถ Eco-Car มันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกรุ่นละครับ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตอนซ่อม ตอนเข้าศูนย์ ราคาอะไหล่ไม่แพง ตัวรถไม่จุกจิก อาจจะต้องเตรียมงบไว้สำหรับดูแล อย่างน้อยๆ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Yaris โฉมนี้ มีราคามือสองอยู่ที่ 340,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2561 – 2562 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

โดย ยาริส มีให้เลือกตั้งแต่รุ่น J ECO, รุ่น J, รุ่น E, รุ่น G และรุ่น TRD Sportivo

มีสีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีส้ม Orange Metallic, สีแดง Red Mica Metallic, สีฟ้า Frozen Blue Metallic, สีขาว Super White II, สีบรอนซ์เงิน Silver Metallic, สีเทาดำ Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

Download Catalogue Toyota Yaris (คลิกที่ภาพ)

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Motor-Expo-2017-Analysis

Motor Expo ปีนี้ มั่นใจยอดจองรถยนต์ 40,000 คัน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่อง

Motor-Expo-2016

เป็นที่ทราบกันดีสำหรับคนรักรถยนต์นะครับ ว่า ในบ้านเราตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา มีงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของคนที่ชอบรถต้องไปเดินเที่ยวในงานสม่ำเสมอ นั่นคืองานต้นปีอย่าง “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ของค่ายกรังด์ปรีซ์ และงานปลายปี “มหกรรมยานยนต์” ของค่ายสื่อสากล และภายหลังก็มีงานกลางปีของ “BIG Motor Sale” หรืองาน “มหกรรมยานยนต์ เพื่อขายแห่งชาติ” จากค่ายยานยนต์ …

Motor-Expo-2016

และก็ยังมีงานยิบย่อยต่างๆ ที่จัดโชว์รถยนต์กันตามห้างบ้าง หรือตามภูมิภาคต่างๆ แทบทุกเดือน ขอร่วมลงมาแบ่งเค้กก้อนนี้จากการจัดงาน Event ด้วยคน …

แต่ฉันใดก็ฉันนั้น ยามเศรษฐกิจดี เงินสะพัด ผู้คนก็กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย กล้าที่จะซื้อรถมือหนึ่ง แต่เมื่อยามเศรษฐกิจซบเซา การปล่อยสินเชื่อและราคาของรถใหม่ และสถานะทางการเงิน ย่อมทำให้ผู้ที่ตัดสินใจซื้อต้องคิดหนัก ตัวเลือกอย่างรถมือสองในตลาด จึงเป็นที่หมายปองและสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน …

Motor-Expo-2016

สำหรับงาน Motor Expo นั้น จาก Concept ของการจัดงานแต่แรกเริ่มในปี 2527 “มหกรรมยานยนต์” เน้นโชว์รถยนต์และเทคโนโลยีเป็นหลัก ภายหลังจึงพัฒนามาเป็นงาน Thailand International Motor Expo คือเป็นทั้งงานโชว์รถยนต์ รถต้นแบบ และนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก และรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ต่างพร้อมใจกันขายรถอย่างดุเดือด จัดเต็มทั้งแคมเปญและโปรโมชั่น นับเป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ และรถมือสอง ได้เข้ามาเลือกชมรถที่ตัวเองชอบ ได้ทดลองขับรถดูภายในงาน ก่อนจะตัดสินใจจองรถ หรือซื้อรถใหม่ภายในงาน

Motor-Expo-2017-Poster

แนวคิดของงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34” คือ “ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง” หรือ “New Age Vehicles … A Distant Dream Come True” เพื่อให้ผู้บริโภคได้ชมยานยนต์ที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่พวกเขาเคยฝันไว้ และเพื่อยืนยันว่า ทุกความฝันเป็นจริงได้ในโลกยานยนต์ …

ภายรวมของงาน Motor Expo 2016 ที่ผ่านมานั้น แม้ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามากของประเทศไทย แต่งานนี้ แสดงถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในงานรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

Pretty-Mazda

อีกทั้งการแต่งกายของพริตตี้ในงาน มีความเรียบหรู เรียบร้อยกว่าปีก่อนๆ และเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองกับวัฒนธรรมที่งดงามของไทยอีกด้วย คาดว่าในงาน Motor Expo 2017 บรรดาน้องๆ พริตตี้ ก็ยังคง Concept ของความเรียบร้อย (คือไม่แต่งตัวโป๊) ไปมากจนเกินไปเฉกเช่นปีที่ผ่านมา

Motor-Expo

ด้านยอดจองรถในงานปีที่ผ่านมาของ Motor Expo 2016 มีตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ รถยนต์มียอดจองรวมอยู่ที่ 32,422 คัน ลดลงจากปีก่อน 17.1% เนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า รวมทั้งรถใหม่หลายรุ่นที่ประชาชนสนใจได้เลื่อนการเปิดตัวออกไป อย่างไรก็ตามในส่วนของรถจักรยานยนต์ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดจองสูงถึง 7,942 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 98.6 % ด้านราคาเฉลี่ยรถที่ขายได้ในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,177,393 บาท เนื่องจากปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคให้ความสนใจรถเก๋งหรู รถ SUV และรถกระบะ เพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้เข้าชมงานจำนวน 1,191,718 คน ลดลง 19.3%

Motor-Expo

สำหรับในงาน Motor Expo 2017 ตลาดรถยนต์บ้านเราปีนี้จะสดใสขึ้นเหมือนฟ้าหลังฝน แต่ทางผู้จัดงานก็คาดการณ์ยอดจองรถยนต์ในงานไว้สูงถึง 40,000 คัน! และยอดจองรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน ส่วนจำนวนผู้ชมคาดว่าจะสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซึมๆ ทรงตัวอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีปัจจัยทางตรงที่ช่วยให้ตลาดรถปลายปีนี้คึกคักขึ้น อาทิ การสิ้นสุดเงื่อนไขครอบครอง 5 ปี ของผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่เวลานั้นยังไม่ส่งผลต่อตลาด เนื่องจากเป็นช่วงทุกข์โศกของคนไทยทั้งประเทศพอดี พอปี 2560 นี้ เจ้าของรถคันแรกที่พ้นเงื่อนไข บางส่วนก็จะมองหารถใหม่กัน และปัจจัยทางอ้อม จากราคาสินค้าเกษตรหลายอย่าง มีราคาดีขึ้น

และในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ มีรถยนต์ที่รอเปิดตัวกันอยู่หลายรุ่น ซึ่งหนักไปทางรถแนว SUV หลายรุ่นจากค่ายญี่ปุ่นและค่ายยุโรป รอให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้ยอดขายรถปลายปีนี้ คึกคักมากยิ่งขึ้น

ยอดขายรถยนต์ในงาน Motor Expo 2017 ที่ตั้งไว้ 40,000 คัน และยอดขายรถจักรยานยนต์ 7,000 คัน คาดว่าจะทำได้ถึงเป้า … หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปครับ

Easy-Buy-Secondhand-Car

ทุกวันนี้ การตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองสักคันของผู้บริโภค ย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันไป เช่น งบประมาณที่มี ความชอบในรูปร่างหน้าตาของตัวรถ สมรรถนะเครื่องยนต์ ราคาขายต่อ วัตถุประสงค์การใช้งานต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อ

มุมมองของคนที่ซื้อรถมือสอง มีความคิดเห็นว่า ตลาดรถมือสองยังตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้รถได้ดี แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขณะนี้ เพราะรถมือสองอายุไม่กี่ปีที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด ยังมีคุณภาพดีและน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่มือหนึ่ง และมีราคาถูกกว่ารถมือหนึ่งถึงหลายแสนบาทในบางรุ่น แถมสามารถลดภาระค่างวดได้อีกมาก เมื่อเทียบกับการผ่อนรถยนต์ใหม่ป้ายแดง

ถ้าจะบอกว่า อยู่ในกรุงเทพฯ หาดูรถมือสองได้ง่าย เพราะมีหลายย่านที่เป็นแหล่งรวมรถมือสองจำนวนมาก แต่ในต่างจังหวัดก็อาจจะหาดูรถมือสองลำบากหน่อย ในกรณีที่อยากดูรถคันจริงๆ ไม่ใช่ดูในออนไลน์ เพราะส่วนมากจะอยู่กระจายกัน ไม่ค่อยรวมกันเป็นย่านแบบในจังหวัดใหญ่ๆ หรือในกรุงเทพฯ

แล้วเขาทำธุรกิจกันอย่างไรล่ะ? ทั้งในมุมคนซื้อ และในมุมคนขาย MR.CARRO จะเล่าให้ฟัง

Carro-Sell-Car-In-Hatyai

ตลาดรถยนต์มือสองหลักๆ ของรถเต็นท์ในต่างจังหวัด ประมาณ 80% ยังเป็นกลุ่มลูกค้าเกษตรกร ที่ใช้รถกระบะเพื่อบรรทุกสินค้าทางด้านเกษตร และการเดินทางที่เน้นประหยัดน้ำมัน เน้นขนคนนั่งได้เยอะๆ ส่วนตลาดรถเก๋ง 20% เป็นลูกค้ากลุ่มข้าราชการ และคนทำงานในบริษัทท้องถิ่นนั้น

รถมือสองในตลาดต่างจังหวัด โดยมากแล้วมักจะเป็นรถที่ตัดมาจากเต็นท์รถใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ที่อาจจะขายมานานแล้วแต่ขายไม่ได้สักที หรือว่าเป็นรถที่ทางเต็นท์ต่างจังหวัดต้องการ เลยมาขอตัดไป

อีกส่วนหนึ่ง เป็นรถที่มาจากลานประมูลต่างๆ หรือไฟแนนซ์ต่างๆ ขายทอดตลาดในกรุงเทพฯ อาจจะซื้อมาขายไปบวกกำไรต่อ

และรถรุ่นปีเก่าๆ หน่อย อาจจะซื้อมาจากรถบ้าน รถที่ลูกค้ามาเทิร์นที่เต็นท์ หรือผู้ใช้งานในจังหวัดนั้นๆ นำมาขาย และเป็นรถที่คนเมืองส่วนมากมักไม่นิยมกัน แต่ในต่างจังหวัดยังเป็นที่นิยม เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยาว์ ซื้อเงินสดได้เลยไม่ต้องผ่อน และบางผู้ประกอบการอาจใจดีให้ผ่อนเป็นกรณีพีเศษด้วย

รถแบบไหนที่ขาย? ส่วนมากก็จะเป็นรถราคาตามสภาพ บางเต็นท์ก็อาจจะมีเก็บงานให้นิดๆ หน่อยๆ หรือซ่อมเฉพาะในส่วนที่เสียหนักๆ ให้ใช้การได้ เพราะตลาดต่างจังหวัด ผู้คนส่วนมากรายได้อาจไม่สูงนัก ทำให้รถราคาหลักหมื่นยังเป็นที่ต้องการมาก แต่ด้วยราคาที่ถูก รถแทบทั้งหมดจึงเป็นรถตามสภาพ มีเสีย มีซ่อม เปลี่ยนนู่นนี่เป็นเรื่องปกติ ว่าแต่คุณรับได้หรือเปล่าล่ะ?

แต่ก็ไม่ใช่ว่า ต่างจังหวัด ตามเต็นท์รถจะมีแต่รถเก่าเสมอไป รถมือสองราคาหลักแสน หลักล้าน ก็ขอบอกได้ว่า มีอยู่เยอะเช่นกันครับ

Easy-Buy-Secondhand-Car

เคล็ดลับควรรู้ ในการเลือกซื้อรถมือสอง

ควรดูรถในที่กลางแจ้ง มีแสงสว่างหรือแดดจ้า เส้นสายตัวถังตัวรถ กับทรงของรถต้องเรียบเดิม ไม่เบี้ยวหรือยับ หรือผุมาก สภาพสีต้องสม่ำเสมอกันทั้งคัน ดูรอยอาร์ค ตะเข็บตามจุดต่างๆ น็อตต่างๆ ต้องเรียบร้อย ไม่มีรอยบาก รอยงัด รอยถอดออกมา ควรตรวจเช็คระบบไฟทั้งภายนอกและภายในรถ ภายในเครื่องยนต์ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ ระบบสายพานต่างๆ ระบบแอร์ ท่อยาง วาล์ว หัวเทียน การทำงานของเครื่องยนต์ เป็นต้น ทางที่ดี ควรเลือกรถที่เดิมๆ หรือสภาพใกล้เคียงที่สุดจากโรงงาน

ภายในห้องโดยสาร ตรวจดูสภาพขององค์ประกอบต่างๆ ภายในทั้งหมด ว่ามีจุดใดกรอบแตก หรือหมดสภาพแล้วหรือไม่ เบาะนั่งที่ดีควรแข็ง นิ่ม ไม่ยวบยาบหรือขาด ดูระบบทำงานภายในรถทั้งหมด ที่ปัดน้ำฝน ไฟสัญญาณต่างๆ กระจกไฟฟ้า วิทยุ ฯลฯ มีตรงไหนใช้ไม่ได้หรือเปล่า และมีกลิ่นเหม็นๆ กลิ่นอับ ภายในรถหรือไม่

จากนั้นก็ลองทดสอบขับ เสียงเครื่องยนต์เป็นอย่างไรเวลาเร่งเครื่อง ตอนเลี้ยวซ้าย-ขวา ถอยหลัง มีเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ จากตัวรถหรือไม่ สภาพช่วงล่าง โช็คอัพ วิ่งแล้วมียวบยาบ สะดุด หรือมีเสียงดังหรือไม่ ก่อนจะตรวจดูใต้ท้องรถด้วย มีหยดน้ำมันหรือของเหลว รั่วออกมาจากส่วนต่างๆ หรือไม่

Easy-Buy-Secondhand-Car

การซื้อเลือกสักคันนั้น ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง เช่น

รถอีโคคาร์ (Eco-Car) เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีเครื่องยนต์ประมาณ 1.0 – 1.2 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับขับในเมือง เช่น Toyota Yaris, Nissan March, Mitsubishi Mirage หรือ Suzuki Swift เป็นต้น

รถเก๋ง 4 ประตู หรือที่เรียกว่ารถซีดาน มีในตลาดหลายแบบ เช่น แบบ Sub-Compact (เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร), แบบ Compact (เครื่องยนต์ 1.6 – 2.0 ลิตร) และแบบ Mid-Size (เครื่องยนต์ 2.0 – 2.5 ลิตร) เหมาะที่จะขับในเมืองหรือนอกเมือง ให้กำลังมาก เช่น Toyota Altis, Honda Civic, Mazda3 หรือ Nissan Sylphy เป็นต้น

รถ SUV หรือรถ PPV (แบบที่คนไทยเรียก Toyota Fortuner, Isuzu MU-X, Chevrolet Trailblazer หรือ Mitsubishi Pajero Sport เป็นต้น) เป็นรถนั่งอเนกประสงค์ขนาด 7-8 ที่นั่ง มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ใช้งานในเมืองก็ได้ หรือขับลุยทางลูกรังในต่างจังหวัดก็ได้

รถ MPV เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7-13 ที่นั่ง เน้นกลุ่มครอบครัวใหญ่ สำหรับใช้งานหรือในเมือง หรือใช้งานในต่างจังหวัด พอลุยได้บ้างนิดหน่อย เช่น Toyota Innova, Honda Freed, Suzuki Ertiga หรือ Mitsubishi Space Wagon เป็นต้น

รถกระบะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้บรรทุกของจำนวนมาก ลุยป่าฝ่าดง หรือใช้ในกิจการขนส่งต่างๆ และธุรกิจต่างๆ เช่น Toyota Hilux, Nissan Navara, Mitsubishi Triton, Mazda BT-50, Isuzu D-Max หรือ Chevrolet Colorado เป็นต้น

Easy-Buy-Secondhand-Car

ความสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถมือสอง ถ้าคุณไม่ได้ซื้อรถมือสองด้วยเงินสด คุณจะต้องผ่อนรถทุกเดือนต่อเนื่องกันเป็นปี และยังต้องมีค่าซ่อมบำรุงรถต่างๆ (ที่จำเป็นต้องจ่ายประจำทุกปีอยู่แล้ว) อาทิ ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าเปลี่ยนผ้าเบรก ค่าช่วงล่าง ค่าปรับจูนเครื่องยนต์ ฯลฯ รวมถึงค่าน้ำมันในระหว่างเดือนอีกด้วย เพราะฉะนั้น วางแผนการเงินของคุณให้รอบคอบ ทั้งเงินดาวน์ ยอดผ่อน รวมถึงค่าจิปาถะต่างๆ และยังต้องกันงบไว้ส่วนนึงไว้ สำหรับซ่อมแซม หรือดูแลรักษารถ

หากคุณสนใจที่จะขายรถมือสองในช่วงเวลานี้ แต่อาจจะพักอาศัย หรือทำงานในต่างจังหวัด CARRO เรามีบริการรับซื้อรถยนต์ของคุณถึงที่ โดยที่คุณจะไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการเรื่องขายรถยนต์ สามารถมาขายได้ที่ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

3-Truly-About-Home-Car

หลายคนที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงรถยนต์มือสองคงได้มีงงกับคำว่า “รถบ้านมือสอง” กันบ้างแน่ๆ จริงๆ แล้วคำว่า “รถบ้าน” คืออะไร? แบบเดียวกับรถแคมป์เคลื่อนที่ที่สามารถลากไปจอดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้หรือเปล่า? คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะในวงการรถยนต์มือสอง คำว่า “รถบ้านมือสอง” หมายถึงรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป และเจ้าของรถนำมาขายต่อ ซึ่งอาจจะประกาศขายเอง หรือนำมาลงขายตามเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วก็ได้

ปัจจุบันนี้ รถบ้านถือเป็นรถประเภทที่ผู้สนใจซื้อรถยนต์มือสองจำนวนมากมองหา เพราะเชื่อมั่นว่าจะได้รถที่มีสภาพดีกว่า รวมถึงคาดหวังถึงการใช้งานที่ทะนุถนอมมากกว่าด้วย

แต่รู้ไหมว่า มีความจริงเกี่ยวกับรถบ้านมือสองหลายข้อทีเดียวที่หลายคนยังคงเข้าใจผิด! ที่อาจจะทำให้บางคนมองรถบ้านมือสองในแง่ลบไปอย่างน่าเสียดาย มาดูกันว่า 3 ข้อที่คนไทยมักเข้าใจผิดเรื่องรถบ้านมือสองมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

3-Truly-About-Home-Car

1. False: รถบ้านมักมีราคาแพง

    True: รถบ้านก็มีทั้งถูกและแพงตามสภาพ แถมต่อรองราคากับคนขายได้โดยตรงด้วย !

รถบ้านที่ราคาถูกมากๆ ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของรถรีบใช้เงิน คนซื้อก็จะยิ่งได้เปรียบเพราะมักจะได้รถทีี่มีคุณภาพเกินราคา ปกติแล้วรถบ้านที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ผู้ขายก็จะขายกันตามสภาพ รถสภาพดีก็ย่อมมีราคาสูงที่ขึ้น ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่หลายคนน่าจะยอมรับได้ นอกจากนี้ การซื้อรถบ้านยังดีตรงที่คนซื้อสามารถต่อรองราคากับผู้ขายได้โดยตรงด้วย! ถ้าเจอคนขายใจดี คุณก็มีโอกาสจะได้ส่วนลดอีกมากเลย

3-Truly-About-Home-Car

2. False: รถบ้านจัดไฟแนนซ์ยาก

    True: ความยากง่ายในการจัดไฟแนนซ์ขึ้นอยู่กับประวัติการชำระหนี้ของผู้ขอจัดล้วนๆ !

เรื่องการขอสินเชื่อรถยนต์เป็นสิ่งที่ผู้ที่สนใจซื้อรถบ้านหลายคนกังวลมาก กลัวว่ารถบ้านจะจัดไฟแนนซ์ยาก ไปจนถึงกลัวว่าจะเจอดอกเบี้ยสูง อันที่จริงแล้วการขอจัดไฟแนนซ์รถบ้านนั้น โอกาสที่จะผ่านหรือไม่ผ่านขึ้นอยู่กับเครดิตทางการเงินของผู้จัดเอง ส่วนดอกเบี้ยก็ควรเปรียบเทียบกันให้ดีระหว่างองค์กรที่ให้สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่หากผู้ซื้อที่ไม่มีปัญหาด้านเครดิต รวมถึงสามารถบริหารจัดการการเงินของตัวเองได้ดีก็มักไม่มีปัญหาใดๆ กับการจัดไฟแนนซ์รถบ้าน

3-Truly-About-Home-Car

3. False: คนขายรถบ้านชอบหมกเม็ด ไม่บอกว่าอะไรเสียบ้าง

    True: ไม่จริงเสมอไป ตรวจสภาพรถก่อนซื้อเท่านั้นคือคำตอบ !

ต้องยอมรับว่าในสังคมคนรักรถบ้าน ก็มีทั้งคนดี และมิจฉาชีพ ซึ่งฝ่ายแรกแม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ฝ่ายหลังมักสร้างกระแสทางลบให้บ่อยครั้ง ผู้ซื้อรถบ้านสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้ง่ายๆ ด้วยการขอตรวจสอบสภาพรถก่อนทำการตกลงซื้อขาย โดยทำการตรวจกับองค์กรที่เชื่อถือได้ โดยปัจจุบันเว็บไซต์สื่อกลางขายรถบ้านมือสองหลายแห่ง ก็มีบริการตรวจสภาพรถบ้านให้กับผู้ซื้อเช่นกัน

เรื่องรถจะถูกมิจฉาชีพนำมาย้อมแมวขายหรือไม่นั้น มักไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเมื่อผู้ซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ก็ต้องไปทำการโอนรถที่กรมการขนส่งทางบก เจ้าพนักงานก็จะต้องทำการตรวจสอบรถให้อยู่แล้ว รถที่มีการสวมทะเบียน ปลอมเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ หรือปลอมแปลงเอกสาร จึงไม่น่าจะเล็ดลอดกระบวนการนี้ไปได้ (รายละเอียดการตรวจสอบสภาพรถของกรมขนส่งทางบกสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ )

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่รอบคอบกว่าหากผู้ซื้อรถบ้านขอนำรถเข้าตรวจสอบสภาพก่อนซื้อ เพื่อเช็คความพร้อมในการขับขี่จริงบนท้องถนน และยังเป็นการเตรียมความปลอดภัยเพื่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ซื้อรถเองด้วย

แต่ก็ต้องทำใจไว้อย่างหนึ่ง ถ้าหากคุณซื้อรถบ้านนั้น ส่วนใหญ่เป็นการขายรถ “ตามสภาพ” ซึ่งผู้ขายส่วนใหญ่มักไม่มีรับประกันอะไรให้ นอกเสียจากว่าความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ถ้าเกิดมีอะไรเสียขึ้นมา ก็ต้องควักกระเป๋าเงินซ่อมเอง แต่ถ้าหากเป็นรถมือสองปีใหม่ๆ (บางคัน) อาจจะยังมีการประกันตัวรถจากทางผู้ผลิตเหลืออยู่ ถ้าหากเกิดมีอะไรชำรุด หรือบกพร่องขึ้นมาในระยะรับประกัน ก็ยังสามารถเคลมกับทางศูนย์บริการได้

ส่วนใครที่สนใจซื้อรถบ้าน แต่ยังคงกังวลเรื่องราคา การจัดไฟแนนซ์ รวมถึงไม่มั่นใจเรื่องสภาพรถ ลองเข้าไปเลือกชมรถบ้านมือสองได้ที่ th.carro.co ศูนย์รวมรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีที่ให้ความมั่นใจกับคุณได้เรื่องสภาพรถที่มีคุณภาพสูง เป็นที่ปรึกษาในด้านการขอสินเชื่อรถมือสอง และมีรถบ้านมือสองจำนวนมากในหลายระดับราคา ให้คุณเลือกสรรอย่างจุใจแน่นอน

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อนำเงินไปใช้ในช่วงโควิด-19 ระบาด CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน