สายลุยห้ามพลาด! Honda CR-V มือสอง น่าซื้อ น่าใช้ CARRO Automall มีให้เลือกแล้ว!

November 3, 2021November 3, 2021เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Honda, Honda CR-V, Honda CRV มือสอง, Honda CRV ราคา, คาร์โร ออโต้มอลล์, คุณแม่, รถ SUV, รถมือสอง, ฮอนด้า, ฮอนด้า ซีอาร์-วี

ถ้าจะว่ากันถึงเรื่องของการใช้รถ บรรดารถ SUV นี่ถือว่ามีบทบาทสำหรับคนใช้รถในไทยมานานสามสิบปีแล้วก็ว่าได้ ทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน การบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์คนมีครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ใช้รถเดินทางไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ล้วนออกแบบมาใช้ขับง่าย ใช้งานง่าย และเพิ่มความหรูหรามากกว่าในอดีตเป็นเท่าตัว

สำหรับรถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำคนที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์มาไว้ใช้งาน โดยต้องเป็นรถที่มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ เบาะพับได้หลายรูปแบบ เครื่องยนต์พลังแรง แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

ไปรู้จักกับ Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี) เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่ทาง CARRO Automall ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

Honda CR-V เจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 จัดเป็นรถยนต์ SUV อเนกประสงค์รุ่นใหญ่เจเนอเรชั่นที่ 5 ของตระกูล CR-V ที่ออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ที่ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2561

ตามปกติแล้ว Honda CR-V จะเปิดตัวในญี่ปุ่นเป็นที่แรกๆ แต่ยกเว้นโฉมนี้ เริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นช้าหน่อย โดยกว่าจะขายก็ในวันที่ 30 สิงหาคม 2018

ตัวรถพัฒนาขึ้นโดย Mr.Takaaki Nagadome หัวหน้าทีมวิศวกร และทีมงาน Honda R&D ด้วยหลักการออกแบบ Modern Functional Dynamic ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้าด้วยระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) เป็นต้น

มิติตัวรถยาว 4,571 มม. กว้าง 1,855 มม. สูง 1,657 มม. (ส่วนรุ่น AWD 1,667 มม.) ระยะฐานล้อ 2,660 มม. (รุ่นดีเซล 2,662 มม.) น้ำหนักรถ 1,545-1,742 กิโลกรัม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายและเงียบยิ่งขึ้นในทุกการเดินทาง ออกแบบภายในหลักการที่ว่า “Urban BASE Beautility” พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 561 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) หากพับเบาะหลังลง จะเพิ่มเนื้อที่ได้มากถึง 1,123 ลิตร และ 936 ลิตร ในรุ่น 7 ที่นั่ง

มาพร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 มอบความสะดวกสบายทุกอิริยาบถตลอดการเดินทาง หรูหราด้วยแผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้ และวัสดุสี Piano Black เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อการควบคุมอันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นต้น

ในส่วนของเวอร์ชั่นไทย มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร เป็นครั้งแรก! พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ในรูปแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-DTEC Diesel Turbo ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 35.6 กก.-ม. (350 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)

เครื่องยนต์ให้อัตราเร่ง และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 18.9 กม./ลิตร โดย เครื่องยนต์ i-DTEC Diesel Turbo มีหลักสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์ ผ่านระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 จังหวะ (2-Stage Turbocharger)

ประกอบด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันสูง (High Pressure Turbo) และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันต่ำ (Low Pressure Turbo) โดยจะทำงานร่วมกันตั้งแต่รอบต้นที่ต้องการอัตราเร่งเพื่อใช้ในการออกตัว

ส่วนระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ออกแบบให้อัตราทดเกียร์รองรับใช้งานจริงทุกสภาพการขับขี่ อัตราทดเกียร์ที่มากถึง 9 สปีด จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ให้อัตราเร่งที่ดีตั้งแต่ออกตัว เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล

เมื่อต้องการกำลังในการเร่ง โดยผู้ขับขี่กดคันเร่งเพิ่ม ระบบจะคำนวณอัตราทดเกียร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนเกียร์ 2 ระดับ หรือ 1 ระดับ รูปแบบอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ การเปลี่ยนเกียร์ในรูปแบบอื่นๆ ยังคงต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่อง ผ่านการไล่ระดับเกียร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ไปยังระดับที่ต้องการได้

และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85

ทั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ใหม่ ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็ว พร้อมกับให้แรงบิดที่ล้อหลังสูงขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล พร้อมด้วยระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist – AHA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering – MA – EPS) ให้การทรงตัวขณะขับขี่ที่ดีเยี่ยม ทั้งในการเข้าโค้ง หรือทางลาดชัน เป็นต้น

สำหรับ Honda CR-V มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรุ่นย่อย ทั้งในแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง อาทิ

เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT E และรุ่น DT EL 4WD
เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S, 2.4 ES (5 ที่นั่ง) 2.4 E และรุ่น 2.4 EL 4WD (7 ที่นั่ง)

ล่วงมาจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 Honda ได้เปิดตัว Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) โฉมไมเนอร์เชนจ์ ในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยดีไซน์ภายนอกยังสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC และมาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก

อ่านเพิ่มเติม >> Honda ไม่รอช้า! เปิดตัว Honda CR-V 2020 ใหม่! สดใสขึ้นในราคา 1,369,000 – 1,759,000 บาท

ล่าสุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 Honda ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ Honda CR-V Black Edition สปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 2WD เท่านั้น ด้วยดีไซน์ภายนอกโทนสีดำแบบเอกซ์คลูซีฟรอบคัน ครั้งแรกกับราวหลังคาสีดำใหม่ (Roof Rail) แข็งแกร่งในทุกมิติด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำแบบสปอร์ต กระจังหน้าโครเมียมรมดำ กันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต พร้อมคิ้วตกแต่งโครเมียมรมดำ และกันชนหลังสีดำแบบสปอร์ต

เปิดมุมมองใหม่ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) มาพร้อมสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) ภายในห้องโดยสารเรียบหรูในดีไซน์โทนสีดำ แผงคอนโซลขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้สีดำและสีดำ Piano Black ตอกย้ำความพิเศษด้วยเบาะหนังปักโลโก้ Black Edition มาพร้อมเบาะโดยสารแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยฟังก์ชันระดับพรีเมียม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) เป็นต้น

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ต้อนรับหน้าหนาว เรามี Honda CR-V รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 1 คันครับ ได้แก่ …..

1. Honda CR-V 2.4 E ปี 2018 เลขไมล์ 61,915 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 949,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-crv-2018-G6LXK3.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Honda CR-V มือสอง (ฮอนด้า ซีอาร์วี มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Honda CR-V ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

CARRO Automall แนะนำ Nissan March รถ Eco-Car ราคาคุ้มค่า พร้อมสู้น้ำมันแพง!

October 27, 2021January 31, 2022เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Eco-Car, Nissan March, Nissan March มือสอง, คาร์โร ออโต้มอลล์, นิสสัน มาร์ช, นิสสัน มาร์ช มือสอง, รถมือสอง, รถอีโคคาร์

ยุคที่หลายๆ คน นอกจากจะมีอาชีพมนุษย์เงินเดือนแล้ว บางคนยังรู้จักหาอาชีพเสริม อาทิเช่น ขายของออนไลน์ ปลูกต้นไม้ขาย หรือทำขนม เป็นต้น ก็ต้องใช้รถยนต์ที่มีพื้นที่อเนกประสงค์ ขนของขึ้นลงได้คล่องแคล่ว รวมถึงประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อม อะไหล่ไม่แพง คุ้มค่าน้ำมันในการออกไปแต่ละครั้ง

และรถอีกรุ่นที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำให้คุณได้เลือกสรรเป็นเจ้าของกัน เป็นรถที่มีคุณสมบัติดังกล่าวหลายอย่าง เชื่อว่าหลายคนคงชอบทีเดียว ซึ่งรถรุ่นนี้ตอนออกใหม่ป้ายแดงก็ดังเปรี้ยงปร้าง เป็นรถขายดีทีเดียว ทั้งในไทยและในต่างประเทศ …

ไปรู้จักกับ Nissan March (นิสสัน มาร์ช) รถ Eco-Car 5 ประตูรุ่นแรกในไทยกันเลยครับ กับรถขายดีใน CARRO Automall มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

ย้อนกลับไปในวันที่ 12 มีนาคม 2553 บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงานฉลองการเริ่มผลิตรถยนต์ Nissan March ใหม่ มาพร้อม Concept “ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีก” โดยนิสสัน มาร์ช รุ่นใหม่นี้ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้อกำหนดรถประหยัดพลังงานสากล (อีโคคาร์) เรียบร้อย

Nissan March ผลิตบนแพลตฟอร์มเอนกประสงค์ใหม่ ที่เรียกว่า V-Platform ด้วยสไตล์โฉบเฉี่ยว รูปทรงกะทัดรัด คล่องตัวแบบแฮทช์แบค สะดุดตาด้วยรูปทรงอ้วนกลม กระจังหน้าสองชั้น ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่

มีเส้นโค้งบริเวณขอบหน้าต่าง (Arched Side Window) ที่โดดเด่น ให้พื้นที่กระจกกว้าง ดูโปร่ง สะดุดตา มีร่องรูปทรงบูมเมอแรงบนหลังคารถ ช่วยลดการสั่นสะเทือน ด้านท้ายมีเซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด และกระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ (เฉพาะรุ่น EL และ VL) เป็นต้น

มร. มาโกโตะ ยามาเน (Mr.Makoto Yamane) รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้ความเห็นว่า “รถยนต์รุ่นนี้ ต้องมีสไตล์ และกลิ่นไอของความพิถีพิถัน”

มิติตัวรถยาว 3,780 มม. กว้าง 1,665 มม. สูง 1,515 มม. ระยะฐานล้อ 2,450 มม.

ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง ขนาดเท่ากับรถขนาด 1.5 ลิตร นั่งสบาย และมีที่เก็บของอเนกประสงค์มาให้อย่างจุใจ อัดออพชั่นเพียบทั้งวิทยุแบบ Built-In ระบบแอร์แบบดิจิตอล กุญแจอัจฉริยะพร้อมระบบกันขโมย Immobilizer และปุ่ม Push Start เป็นต้น

และอุ่นใจกับระบบความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัย SRS ด้านคนขับในทุกรุ่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบควบคุมและกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และ ระบบเสริมแรงเบรก (BA)

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.8 กก.-ม. (106 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT

หลังจากนั้น นิสสัน มาร์ช ก็สร้างกระแส Talk Of The Town ตั้งแต่ในวันเปิดตัว มี 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S MT, E MT, E CVT, EL CVT, V CVT และ VL CVT แถมราคาในรุ่นเริ่มต้น (S) เพียง 375,000 บาท …

ด้วยข้อดีข้อเด่นต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้ นิสสัน มาร์ช สามารถกวาดยอดจองไปถึง 5,000 กว่าคัน หลังเปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์ และตามมาด้วยยอดขายอีกหลายหมื่นคันในเวลาไม่นานนัก

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2554 … Nissan ได้เปิดตัว March Sport Version นี้ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “มาร์ชที่ทำให้คุณแตกต่าง” และออกแบบโดย Autech Japan (ออเทค เจแปน) เพิ่มออพชั่นด้านหน้าด้วยกระจังหน้าสีดำ และกันชนสปอร์ตแบบใหม่ ด้านหลังติดสัญลักษณ์รุ่น “Sports Version” และโดดเด่นด้วยลายเบาะผ้าใหม่ สีทูโทน ดำสลับเทา

มีให้เลือกสองรุ่นคือ 1.2 EL Sports Version และ 1.2 VL Sports Version โดยทั้งสองรุ่นจะมีสีให้เลือก 3 สี คือ สีขาวไวท์เพิร์ล สีดำแบล็ก สตาร์ และ สีเงินบริลเลียนท์ ซิลเวอร์

ในเดือนมีนาคม 2555 Nissan March ได้ปรับปรุงและเพิ่มอุปกรณ์อเนกประสงค์ให้มากขึ้น คือ เพิ่มช่องเก็บของพร้อมฝาปิดบริเวณคอนโซลหน้า หมอนรองศรีษะเบาะหลัง และเบาะหลังปรับให้พับได้ 60:40 ส่วนในรุ่น Sports Version ได้รับการติดตั้งสเกิร์ตข้าง และเบาะนั่งสีดำใหม่เพื่อเพิ่มอารมณ์เข้มสไตล์สปอร์ต

นอกจากนี้นิสสัน มาร์ช รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ สีม่วง พลัม ให้เลือกด้วย

22 มีนาคม 2556 Nissan March ก็ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ให้ดูสปอร์ตขึ้น เปลี่ยนรูปแบบกระจังหน้าโครเมียมแบบใหม่ ไฟหน้าใหม่พร้อมไฟตัดหมอก ไฟท้ายแบบ LED ล้อแม็กขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมกับเพิ่ม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเขียว กรีน โอลีฟ และ สีชมพู สวีท พิงค์

ส่วนภายในเพิ่มโทนสีเบจ และแผงแสดงผลหน้าจอล้อมกรอบด้วยโครเมียม สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB ไฟในห้องเก็บสัมภาระ และวัสดุเบาะที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น พร้อมประดับแผงคอนโซลด้วยสีดำ Piano Black และเพิ่มระบบเบรก ABS, EBD และ BA ตั้งแต่ในรุ่น E เป็นต้นไป

มาถึงเดือนสิงหาคม 2557 นิสสัน ได้แนะนำ March สีใหม่อีกครั้ง คือ สีฟ้า คาปรี บลู เพื่อสร้างสีสันและเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้ากลุ่มอีโค คาร์ โดยสีฟ้า คาปรี บลู ใหม่ นี้ เป็นสีเมทาลิคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความแวววาวของน้ำทะเลเกาะคาปรี ทางตะวันตกเฉียงใต้ในประเทศอิตาลี เป็นการเสริมความสดใสใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอีก 1 สี

พอมาถึงเดือนตุลาคม 2557 นิสสัน ได้แนะนำ Nissan March Limited Edition หน้าตาแบบรุ่น Bolero ที่ส่งออกไปขายในญี่ปุ่น กระจังหน้าขนาดใหญ่ลายตาข่ายไขว้ พร้อมช่องดักลมด้านล่างดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยเส้นโครเมี่ยม มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย จำกัดจำนวนเพียง 600 คันเท่านั้น

พอมาถึงเดือนกรกฎาคม 2559 นิสสัน อีโคคาร์ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอีโคคาร์รายแรกของไทยที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแล้วกว่า 500,000 คัน ทั้ง Nissan March และ Almera … ภายใต้แนวคิด “500,000 รอยยิ้มและความสุข กับครอบครัวนิสสัน อีโคคาร์”

พร้อมแนะนำ Nissan March Limited Edition (อีกครั้ง) โดยเพิ่มชุดคิ้วกันสาดข้างประตู และไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ชุดคิ้วบันไดสแตนเลสเรืองแสง และปลายท่อไอเสียรุ่นพิเศษ

แล้วหลังจากนี้ Nissan March ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาดในบ้านเรา ขายกันไปแบบเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับรุ่นย่อยที่ลดลงเหลือแค่เพียง 4 รุ่นย่อย ได้แก่ 1.2 S MT, 1.2 E MT, 1.2 E CVT และ 1.2 EL CVT

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนมกราคม 2565 เรามี Nissan March รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 23 คันครับ ได้แก่ …..

1. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 65,501 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-D578M5.html

2. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 39,140 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-GY5308.html

3. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 37,303 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-E4JM86.html

4. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 22,638 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-GP2VPV.html

5. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 29,766 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-EN2L20.html

6. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 16,439 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 249,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-EZ20VO.html

7. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 44,441 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-GJV1P6.html

8. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 49,053 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-GP2LYV.html

9. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 26,383 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-DX273Q.html

10. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 16,581 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-E1W484.html

11. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 39,336 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-GP293Z.html

12. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 52,633 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-EN28VV.html

13. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 48,283 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 239,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-DX2LKQ.html

14. Nissan March 1.2 S ปี 2019 เลขไมล์ 27,711 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 239,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-GJV6JX.html

15. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 35,096 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-D2XLW0.html

16. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 51,189 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-DR2KY1.html

17. Nissan March 1.2 S ปี 2019 เลขไมล์ 41,433 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-DO2V34.html

18. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 58,431 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2017-EN2RV0.html

19. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 114,340 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 289,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-EZ2WZW.html

20. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 13,251 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-EN299J.html

21. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 17,034 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2018-G3Y3LJ.html

22. Nissan March 1.2 E ปี 2020 เลขไมล์ 5,487 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2020-GMYRVX.html

23. Nissan March 1.2 S ปี 2017 เลขไมล์ 1,437 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-march-2019-EKWRQP.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Nissan March มือสอง (นิสสัน อัลเมร่า มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Nissan March ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนมกราคม 2565 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Attrage รถ Eco-Car สำหรับคนหัวใจวัยรุ่น ต้องดู!

October 25, 2021January 20, 2022เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Eco-Car, Mitsubishi Attrage, Mitsubishi Attrage มือสอง, คาร์โร ออโต้มอลล์, มิตซูบิชิ แอททราจ, รถมือสอง, รถอีโคคาร์

ในยุคน้ำมันแพงแบบนี้ ทำให้หลายคนที่ใช้รถยนต์ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ หรือรถที่ไม่มีพลังงานทางเลือกอย่างแก๊ส LPG หรือ NGV พอเจอราคาน้ำมันแพงเข้าไป ก็เหงื่อออกกันเป็นแถว! (เพราะกระเป๋าตังค์แฟบ) ในยุคน้ำมันแพงขึ้น คนใช้รถยนต์คันเดิม กินน้ำมันจุๆ และต้องใช้รถบ่อย ก็อาจมีความคิดอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ที่ประหยัดขึ้น

จากคุณสมบัติของรถ Eco-Car (อีโค่คาร์มือสอง) ด้วยความที่เครื่องยนต์มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน ให้สมรรถนะพอตัว แถมตัวรถให้พื้นที่พอเหมาะ ขับขี่เข้าซอย ซอกแซกในเมืองสะดวก อีกทั้งยังทนทาน ดูแลรักษาง่าย อะไหล่ไม่แพง และของแต่งหาง่าย ถ้าขับจนเบื่อพอปล่อยออก ก็ซื้อง่ายขายคล่อง หลายคนจึงเริ่มมองหามาเป็นเจ้าของกัน

รถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นรถที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นหลายอย่าง หลายคนคงชอบทีเดียว นั่นก็คือ Mitsubishi Attrage มือสอง (มิตซูบิชิ แอททราจ มือสอง) ในรูปแบบ 4 ประตู Sedan กันครับ

สำหรับ Mitsubishi Attrage จัดเป็นรถยนต์ภายใต้โครงการ Global Small ของมิตซูบิชิ หรืออีโคคาร์ ซีดาน สำหรับตลาดในเมืองไทย เปิดตัวครั้งแรกในช่วงต้นปี 2556 ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฏาคม 2556

ชื่อรุ่น “แอททราจ (Attrage)” มาจากคำภาษาอังกฤษ ว่า Attractive (อ่านว่า แอทแทรคทีฟ หมายถึงความมีสเน่ห์ ดึงดูดใจ) เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า Mitsubishi Attrage เป็นรถยนต์นั่งที่จะสามารถดึงดูดใจผู้ใช้รถกลุ่มต่างๆ จากคุณสมบัติหลัก 3 ประการ คือ ประหยัดน้ำมันสูงสุด คล่องตัวในการขับขี่ และ ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย

หน้าตาภายนอกดูน่ารัก ลู่ลม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.29 จึงให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ง่ายต่อการขับขี่ตามแบบรถยนต์ขนาดเล็ก มาพร้อมยางลดแรงต้านทาน ประกอบกับและเทคโนโลยีการลดน้ำหนักของตัวรถ โครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น แบบ High Tensile Steel ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่ให้ความแข็งแกร่งสูงกว่าเหล็กทั่วไป

สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ “ETACS” (Electronic Time And Alarm Control System) อาทิเช่น กุญแจรีโมทพร้อมระบบควบคุมการพับและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ หรือไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์น้ำหนักเบาขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.2 กก.-ม. (100 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22 กม./ลิตร

Mitsubishi Attrage โฉมแรก มาพร้อม 4 รุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่น GLX M/T และ GLX A/T มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานและความปลอดภัยครบครัน ในขณะที่รุ่น GLS มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานใหม่เพิ่มความสะดวกสบาย ส่วนรุ่น GLS Ltd. มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เหนือกว่าไม่ว่าจะเป็น Navigator รุ่นล่าสุดพร้อมหน้าจอระบบสัมผัส กล้องมองหลัง ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เบาะหนังและระบบความปลอดภัยครบครัน

ในเดือนพฤศจิกายน 2556 Mitsubishi แนะนำ Mitsubishi Attrage Ralliart Edition มาพร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคันทั้ง ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน ชุดสปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบLED ชุดสติกเกอร์ด้านข้างตัวรถ และสัญลักษณ์ “Ralliart” ด้านท้ายรถ มีให้เลือก 2 รถรุ่น คือรุ่น GLS CVT และ GLS Ltd. พร้อม 2 สีให้เลือก คือ สีขาวมุก และสีดำ

ในเดือนมีนาคม 2558 Mitsubishi ปรับปรุง Attrage 2015 ใหม่ ให้เท่ยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าและคิ้วฝากระโปรงท้ายแบบโครเมียมรมดำ ล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว สีเงินรมดำ พร้อมสีมาตรฐานใหม่ “สีเทาไทเทเนี่ยม” โดยภายในมาพร้อมเบาะหนังสีดำเย็บด้วยด้ายสีแดง นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยที่ครบครันยิ่งขึ้น

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2559 Mitsubishi เปิดตัว Attrage 2016 ด้วยแนวคิด “เปลี่ยน…ให้ชีวิตสมาร์ทขึ้น” เพิ่มระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (FCM-LS : Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range) และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า (RMS-Forward : Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward) ซึ่งมีเป็นครั้งแรก ในรถอีโค่คาร์ ซีดาน ที่สำคัญยังประหยัดน้ำมันสูงขึ้นถึง 23.8 กม./ลิตร

30 พฤษภาคม 2560 เปิดตัว Mitsubishi Attrage 2017 ใช้ชุดกันชนหลังและไฟท้ายใหม่ ภายในเพิ่มเติมเข็มขัดนิรภัยเบาะหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ และพนักพิงศีรษะหลัง 3 ตำแหน่ง ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

เฉพาะรุ่น GLS-LTD สปอร์ตขึ้นด้วย เบาะหนังเดินด้ายแดง พร้อมพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ทั้งยังเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องต่ออุปกรณ์ USB ได้ง่ายขึ้น ด้วยการย้ายตำแหน่งมาติดตั้งที่คอลโซลเกียร์แทน

17 กรกฏาคม 2561 เปิดตัว Mitsubishi Attrage Limited Edition สะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าและคิ้วฝากระโปรงท้ายตกแต่งแบบโครเมียมรมดำ สเกิร์ตข้าง สีเดียวกับตัวรถ

พวงมาลัยหุ้มหนังเดินด้ายสีแดง พร้อมตกแต่งวัสดุแบบ Piano Black และโครเมียม หัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมเดินด้ายสีแดง รวมถึงเบาะผ้าดีไซน์สปอร์ตทูโทนสีแดง-ดำ พร้อมเดินด้ายสีแดงสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ระบบกุญแจรีโมท ระบบเซ็นทรัลล็อก สวิตช์ควบคุมการทำงานบนพวงมาลัย พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI และการเชื่อมต่อบลูทูธ ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า และราวมือจับเหนือศีรษะแบบพับได้

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและระบบเชิงปกป้องที่เด่นๆ ประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) เป็นต้น

ล่วงมาจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2561 เปิดตัว Mitsubishi Attrage 2019 (อีกแล้ว) มาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์รังผึ้ง พร้อมคิ้วฝากระโปรงท้ายตกแต่งโครเมียมรมดำ และสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สีดำขนาด 15 นิ้ว

การปรับปรุงภายใน มีทั้งเซ็นทรัลล็อก พร้อมปุ่มล็อกและปลดล็อก แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด ที่พักแขนบริเวณเบาะคนขับ และเบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และช่องเก็บของด้านหลังเบาะที่นั่งคู่หน้า และมือจับเหนือศีรษะแบบพับได้ เพิ่มสัมผัสเหนือระดับด้วยเบาะหนังสีดำ (เฉพาะรุ่น GLS-Ltd.)

และยังเพียบพร้อมด้วยติดตั้งเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย อาทิ กุญแจอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบ Cruise Control ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์รองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์บลูทูธแบบไร้สาย พร้อมจอแสดงภาพระบบสัมผัสรองรับ DVD/MP3

ในเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้เวลาปรับโฉมใหญ่สักที ….. Mitsubishi Attrage 2020 รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์ใหม่ดึงดูดทุกสายตามากยิ่งขึ้น ด้วยกระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่, กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสีแดง, กันชนหน้าใหม่, ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์, ชุดไฟตัดหมอกแบบใหม่, ไฟท้ายแบบ LED, ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว และสีขาวใหม่ White Diamond

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยลายคาร์บอน, เพิ่มจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast, เบาะลายใหม่วัสดุหนังสังเคราะห์ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) กับจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri พร้อมระบบ Bluetooth, ระบบ Cruise Control (ในรุ่นย่อย GLS-LTD), แอร์อัตโนมัติ, กุญแจอัจฉริยะ KOS, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และกล้องหลังช่วยถอยจอด

ส่วนระบบระบบความปลอดภัยจัดเต็ม อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM-LS, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า RMS-Forward, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TCL, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรค ABS-EBD-BA และระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS

รุ่นย่อยเหลือให้เลือกด้วยกันเพียง 4 แบบ นั่นคือ GLX MT, GLX CVT, GLS CVT และ GLS-LTD CVT

ล่าสุดในวันที่ 18 มีนาคม 2564 เปิดตัวรุ่นพิเศษ (เยอะจริงๆ) “Special Edition” และสีแดงพิเศษ ภายใต้ “Passion Red Edition” ฉลอง 60 ปี Mitsubishi ในประเทศไทย กับสีที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนมกราคม 2565 นี้ เรามี Mitsubishi Attrage รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 12 คันครับ ได้แก่ …

1. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS-Ltd. ปี 2018 เลขไมล์ 47,955 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2018-DONQ74.html

2. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 92,516 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2018-E47W57.html

3. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2016 เลขไมล์ 119,706 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2016-G0VN12.html

4. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS-Ltd. ปี 2016 เลขไมล์ 89,500 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 409,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2016-E1WLNY.html

5. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2020 เลขไมล์ 33,458 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2020-EZ2KLX.html

6. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 46,706 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2018-GV2R07.html

7. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2020 เลขไมล์ 6,413 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2020-DLX183.html

8. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 56,798 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2018-EN215V.html

9. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 29,180 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2019-GJVN25.html

10. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 60,660 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2018-G6LPWV.html

11. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 33,036 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2019-GY5W16.html

12. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS ปี 2019 เลขไมล์ 19,388 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-attrage-2019-EKWMMW.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Mitsubishi Attrage มือสอง (มิตซูบิชิ แอททราจ มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mitsubishi Attrage ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

CARRO Automall แนะนำ Honda Freed ยอดรถอเนกประสงค์ สำหรับครอบครัว!

October 23, 2021October 24, 2021เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Honda Freed, Honda Freed มือสอง, Honda Freed ราคา 2021, คาร์โร ออโต้มอลล์, รถ MPV, รถมือสอง, ฮอนด้า ฟรีด, ฮอนด้า ฟรีด มือสอง

สำหรับคุณลูกๆ หลายคน ที่เริ่มทำงานและพอจะมีฐานะบ้างแล้ว อยากตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่หลายคนก็อาจล่วงเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ พอจะให้ท่านได้รับความสะดวกสบายขึ้นมาบ้าง เมื่อต้องการเดินทางไปยังที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งตัวเองเป็นคุณพ่อคุณแม่แล้วก็ตาม

รถที่หลายๆ คน นึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อนึกถึงรถครอบครัว ที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ หรือผู้สูงอายุ … CARRO Automall พิจารณาดูแล้วว่า รถยนต์แบบ MPV ถือว่าเหมาะสมกับผู้สูงวัยที่สุด

เนื่องจากที่นั่งคนขับค่อนข้างสูง สามารถนั่งขับได้สะดวก ทัศนวิสัยดี หรือด้านหลังมีประตูแบบบานเลื่อนไฟฟ้า สามารถ ก้าวขึ้น-ลง จากด้านข้างตัวรถได้สะดวก มากกว่าการลุกนั่ง เข้า-ออก จากรถเก๋งทั่วไป

ซึ่งในวันนี้ CARRO Automall จะขอมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก Honda Freed มือสอง (ฮฮนด้า ฟรีด มือสอง) กันครับ ว่ามีความน่าสนใจตรงไหนบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า …

ย้อนกลับไปในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดตัว “Honda Freed” ที่ทางฮอนด้าคุยว่า เป็นรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Segment ใหม่ นั่นคือ “MUV” (หรือ Multipurpose Utility Vehicle) ออกแบบสไตล์ European ใช้รูปทรงสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยมโดดเด่นไม่เหมือนใคร

ชูจุดเด่นด้วยตัวถังขนาดกระทัดรัด ห้องโดยสารกว้างขวาง ประหยัดน้ำมัน ขับขี่ง่าย ตัวรถสั้น หาที่จอดได้ง่าย จุดเด่นข้อที่สอง มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าหากใช้วิ่งออกต่างจังหวัดยาวๆ ก็อาจกินน้ำมันนิดๆ โดย Honda Freed มือสอง ที่ขายในบ้านเรา นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย

ตัวรถออกแบบให้มี 7 ที่นั่ง แบ่งเป็น 3 แถว พื้นห้องสัมภาระแบนราบ Flat Floor เดินในรถไม่ต้องกลัวสะดุด และเดินถึงกันได้ทุกมุม ส่วนเบาะแถวสองดีไซน์แบบ Captain’s Seats ปีกเบาะโอบกระชับ คุณแม่นั่งได้สบายๆ และเบาะแถวที่ 3 พับเก็บได้ วางของได้เพียบ เมื่อพับเบาะแล้วจะมีพื้นที่มากถึง 670 ลิตร

ส่วนชุดแผงคอนโซลออกแบบสไตล์ Open Cafe เป็นแบบ 2 ชั้น กว้าง ใช้งานได้หลากหลาย จะวางอาหาร หรือเครื่องดื่มก็ได้ ซึ่งใช้งานได้จริงๆ (อย่างน้อยก็วางจานข้าว ไว้กินข้าว ตอนรถติดๆ ได้!) ส่วนเครื่องเสียงของฟรีด สามารถเชื่อมต่อ iPod ด้วย USB Port ได้

มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด และขับเคลื่อนล้อหน้า

ในเดือนสิงหาคม 2554 เพิ่มรุ่น Limited ที่ติดตั้งระบบนำทาง + เครื่องเล่น DVD และกล้องมองภาพด้านหลัง

และในส่วนของ Honda Freed มือสอง โฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อ 4 กันยายน 2555 มากับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าโครเมียม คิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียม ล้ออัลลอยลายใหม่ ในรุ่น Top อย่าง EL มีสปอยเลอร์หลัง และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว

ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่ รุ่น Top ใช้เบาะหนังแท้ เพิ่มที่วางแขนผู้โดยสารแถวหน้า และแถว 2 ส่วนชุดเครื่องเสียงแบบวิทยุ MP3 พร้อมจอ LCD ทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว มี Port USB และ AUX รุ่น Top อย่าง EL มีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth และผู้โดยสารตอนหลัง มีเครื่องเล่น DVD จอ LCD ขนาด 10 นิ้ว มาให้

ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน 2556 Honda Freed เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ด้วยการเพิ่มแอร์ที่นั่งด้านหลัง (ซึ่งเป็นรุ่นที่คนใช้รุ่นนี้เรียกร้องกันมามาก)

จึงนับว่า Honda Freed มือสอง คุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ เมื่อเทียบกับเงินที่คุณต้องจ่ายไป

เอาล่ะ สำหรับ CARRO Automall ในเดือนตุลาคม 2564 เดือนแห่งวันแม่นี้ เรามี Honda Freed รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 4 คันเลยครับ ได้แก่ …..

1. Honda Freed 1.5 SE ปี 2011 เลขไมล์ 162,039 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2011-GJ65QY.html

2. Honda Freed 1.5 SE ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 449,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2012-G0J0NX.html

3. Honda Freed 1.5 EL ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 137,624 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 439,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2012-D5KZ8W.html

4. Honda Freed 1.5 EL ปี 2019 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 28,962 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 489,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-freed-2019-EW894Q.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Honda Freed มือสอง (ฮอนด้า ฟรีด มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Honda Freed ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

CARRO Automall แนะนำ Mitsubishi Mirage รถ Eco-Car ราคาน่ารัก สู้กับน้ำมันแพง!

October 20, 2021January 18, 2022เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Eco-Car, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Mirage มือสอง, คาร์โร ออโต้มอลล์, มิตซูบิชิ มิราจ, รถมือสอง, รถอีโคคาร์

จากคุณสมบัติของรถ Eco-Car (อีโค่คาร์มือสอง) ด้วยความที่เครื่องยนต์มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน ให้สมรรถนะพอตัว แถมตัวรถไม่ใหญ่มาก ขับขี่เข้าซอย ซอกแซกในเมืองสะดวก อีกทั้งยังทนทาน ดูแลรักษาง่าย อะไหล่ไม่แพง และของแต่งหาง่าย ถ้าขับจนเบื่อพอปล่อยออก ก็ซื้อง่ายขายคล่อง หลายคนจึงเริ่มมองหามาเป็นเจ้าของกัน

รถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นรถที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นหลายอย่าง หลายคนคงชอบทีเดียว นั่นก็คือ Mitsubishi Mirage มือสอง (มิตซูบิชิ มิราจ มือสอง) ในรูปแบบ 5 ประตู Hatchback กันครับ

สำหรับชื่อของ Mitsubishi Mirage มือสอง (มิตซูบิชิ มิราจ มือสอง) เป็นที่คุ้นหูของคนเล่นรถกันมานาน (เพราะ Mitsubishi เคยขายรถรุ่นนี้ในไทยตั้งแต่ยุค 80 ก่อนจะเลิกใช้ชื่อรถรุ่นนี้ในไทย และนำกลับมาใช้ใหม่)

อ่านเพิ่มเติม >> CARRO แนะนำรถมือสอง : Mitsubishi Mirage น่ารัก ประหยัด ทนทาน ถูกใจคนทุกวัย

วันที่ 20 มีนาคม 2555 Mitsubishi จึงได้เปิดตัว Mitsubishi Mirage ในรูปแบบ Eco-Car อย่างเป็นทางการ … ซึ่งตอนนั้น ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบาย “รถยนต์คันแรก” ของรัฐบาล ได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีสูงสุดถึงประมาณ 79,000 บาท

หน้าตาภายนอกดูน่ารัก ลู่ลม ง่ายต่อการขับขี่ตามแบบรถยนต์ขนาดเล็ก มาพร้อมยางลดแรงต้านทาน ประกอบกับและเทคโนโลยีการลดน้ำหนักของตัวรถ โครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งได้ 5 คน แผงคอนโซลออกแบบได้สวยงาม มีที่วางแก้ว ที่เก็บของ ตามจุดต่างๆ รอบคัน เบาะนั่งหลังสามารถพับแบบ 60:40 ได้ (ยกเว้นรุ่น GL) นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง ปุ่ม Start เครื่องยนต์ (ในรุ่น GLS-Ltd.) ชุดวิทยุ CD MP3 DVD จอภาพแบบ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบ Navigator และช่อง USB

ในขณะที่รุ่น GLX และ GLS มาพร้อมวิทยุ CD MP3 พร้อมช่อง AUX-in และช่อง USB … ส่วนรุ่น GL ต้องไปหาซื้อมาติดเอาเอง

สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ “ETACS” (Electronic Time And Alarm Control System) อาทิเช่น กุญแจรีโมทพร้อมระบบควบคุมการพับและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ หรือไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น

มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.2 กก.-ม. (100 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22 กม./ลิตร

Mitsubishi Mirage มีให้เลือก 5 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ GL MT, GLX MT, GLX AT, GLS AT และ GLS Ltd. AT

13 มีนาคม 2556 Mitsubishi Mirage ฉลองครบรอบ 1 ปี ในไทย กับยอดขายรวม 49,296 คัน เลยออก Mitsubishi Mirage Bloom Edition เพื่อเฉลิมฉลอง ในราคา 549,000 บาท ส่วนสีขาวมุก ราคา 554,000 บาท

ภายในมาพร้อมเบาะผ้าแบบพรีเมียม พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมการตกแต่งสีเงินแบบ Silver Decoration และสัญลักษณ์ Bloom Edition ที่ประตูท้าย โดยมี 2 สีให้เลือก คือ สีม่วง (Blossom Purple) และสีขาวมุก (White Pearl)

10 กุมภาพันธ์ 2557 Mitsubishi ได้แนะนำชุดตกแต่ง “Hello Kitty” (ฮัลโหล คิตตี้) สำหรับ Mirage เพื่อคนที่ชื่นชอบความน่ารักและสดใส โดยมีชุดตกแต่งให้เลือกทั้งภายนอกและภายใน

สำหรับชุดตกแต่ง Hello Kitty มาพร้อมชุดตกแต่งสติกเกอร์ 6 ชิ้นประกอบด้วย ชุดตกแต่งฝากระโปรงหน้า ประตูข้าง 4 ประตู ประตูท้าย เพิ่มความน่ารักด้วยมือจับประตูด้านนอกสีชมพู ฝาปิดถังน้ำมันลายโบว์สีแดง และ สปอยเลอร์หลังสีชมพู ในขณะที่ชุดตกแต่งภายใน มาพร้อมผ้าคลุมเบาะพิเศษ และแผ่นรองวางของลาย Hello Kitty

11 สิงหาคม 2557 Mitsubishi ปรับโฉม Mitsubishi Mirage เฉพาะรุ่น GLS Ltd. โดยพร้อมแนวคิด “Make Life More Fun” – สนุกได้มากกว่า ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้โดดเด่นมากขึ้น ด้วยล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และเสาอากาศแบบสั้น

ตกแต่งภายในใหม่ ด้วย Piano Black และพวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มหนังตกแต่งแบบ Silver Decoration พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย แผงระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติตกแต่งโครเมียม ปรับช่องใส่ของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มช่องเก็บของบริเวณใต้คอพวงมาลัยและราวจับเหนือศรีษะ 3 ตำแหน่ง

กับระบบเครื่องเสียงพร้อม Navigator ใหม่ และจอภาพแบบ Touch Screen รวมไปถึงไฟส่องสว่างห้องสัมภาระ และฐานเกียร์พร้อมไฟแสดงตำแหน่ง เพิ่มความปลอดภัยขึ้นด้วยระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS (Emergency Stop Signal System) เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติคู่ด้านคนขับ และเหล็กกันโคลงด้านหน้า

1 กรกฎาคม 2558 Mitsubishi นำเสนอ “Mirage Pop Japan” เอาใจวัยรุ่น ด้วยชุดแต่งแท้รอบคันจากประเทศญี่ปุ่น (ยกเว้นสปอยเลอร์หลัง) จำนวนจำกัด 200 ชุด เท่านั้น

สำหรับชุดตกแต่งภายนอกประกอบด้วย ชุดตกแต่งชายกันชนหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และสปอยเลอร์หลัง มีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง, สีเขียว, สีฟ้า, สีแดง, สีบรอนซ์เงิน, สีเทาดำ และสีดำ (สปอยเลอร์หลัง มีเฉพาะรุ่น GL และ GLX เท่านั้น และไม่มีสปอยเลอร์หลังสีบรอนซ์เงิน)

6 พฤศจิกายน 2558 Mitsubishi แนะนำชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่ง Mirage ของแท้จากแรลลี่อาร์ต (RalliArt) เอาใจวัยรุ่น ประกอบด้วย สติ๊กเกอร์ติดฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า ด้านข้างรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวา และสัญลักษณ์แรลลี่อาร์ตติดท้ายรถ จะเลือกซื้อเป็นรายชิ้นก็ได้ จำนวนจำกัดเพียง 250 ชุดเท่านั้น

วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เปิดตัว Mitsubishi Mirage 2015 ด้วยการปรับโฉมหน้าตาใหม่ ตกแต่งด้านล่างกระจังหน้าแบบโครเมียม และไฟท้ายแบบ LED โดยในรุ่น GLS-LTD และ GLS มีการติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon HID ไฟหรี่แบบสเปคตรัม LED ไฟตัดหมอกหน้า และสปอยเลอร์หลังแบบใหม่พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED รวมทั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว แบบทูโทน ลายใหม่

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ แบบ Piano Black บริเวณแผงคอนโซลหน้า ฐานเกียร์ และแผงประตู โดยในรุ่น GLS-LTD และ GLS มาพร้อมเบาะผ้าสีดำลายใหม่เย็บด้ายสีเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ออกแบบใหม่ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมผสมผสานกับวัสดุสีดำแบบ Piano Black และมาตรวัดการขับขี่แบบ Semi-High Contrast (ยกเว้นรุ่น GL) รวมทั้งเพิ่มฟังก์ชั่นที่สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยมาพร้อมระบบควบคุมการสั่งงานด้วยเสียงและปุ่มรับสาย-วางสายที่พวงมาลัย ในรุ่น GLS และ GLX

ในรุ่น GLS-LTD และ GLS มีการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ถือเป็นครั้งแรก ในอีโคคาร์ นั่นคือ …

ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (FCM-LS : Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range)
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) (RMS-Forward : Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward)

พร้อมติดตั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System), ระบบเบรก ABS (ABS-Anti Lock Braking System) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist)

ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่งซึ่งในรุ่น GLS-LTD และ GLS เป็นแบบ 2 ทิศทาง (ด้านคนขับ)

ล่วงมาจนถึง 13 สิงหาคม 2562 Mitsubishi Mirage เปิดตัวรุ่นพิเศษ Limited Edition อีกรอบ พัฒนาจากรุ่นย่อยยอดนิยม GLX CVT โดยได้ยกระดับตกแต่งพิเศษ ด้วยกระจกมองข้างสีดำ ปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, เสาประตูสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ล้อแม็กสีดำขนาด 15 นิ้ว และแผงครอบตกแต่งบริเวณกันชนหลัง กับปลายท่อไอเสียโครเมียม

ส่วนภายในตกแต่งพิเศษ กับ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมเดินด้ายสีแดง ตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black และโครเมียม และหัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมเดินด้ายสีแดง อีกทั้งเบาะผ้าแบบสปอร์ตสีดำ-แดง พร้อมเดินด้ายสีแดง

ต่อมาในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 Mitsubishi ได้ปรับโฉมใหญ่ให้กับ Mirage กันอีกรอบ เสริมความหรูหราขึ้น

ภายนอกมาพร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีขาว White Diamond และสะดุดตามากขึ้นด้วย สีเหลือง Sand Yellow กับกระจังหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi, ฝากระโปรงหน้าใหม่, กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสีแดง, กันชนหน้าใหม่, ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daylight Running Light, ชุดไฟตัดหมอกแบบใหม่, ไฟท้ายแบบ LED, สปอยเลอร์หลังแบบใหม่ และล้อแม็กลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว

รุ่นย่อยเหลือให้เลือกด้วยกันเพียง 4 แบบ นั่นคือ GLX MT, GLX CVT, GLS CVT และ GLS-LTD CVT

ล่วงมาจนถึง 18 มีนาคม 2564 Mitsubishi เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ “Special Edition” และสีพิเศษ ภายใต้ “Passion Red Edition” ฉลอง 60 ปี Mitsubishi ในประเทศไทย ซึ่งมี Mitsubishi Mirage รวมอยู่ด้วย มาพร้อมสีแดง Red Metallic และหลังคาดำ พร้อมการตกแต่งพิเศษ

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนมกราคม 2565 นี้ เรามี Mitsubishi Mirage รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 15 คันครับ ได้แก่ …

1. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2013 เลขไมล์ 60,420 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 309,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2017-D5KY14.html

2. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2016 เลขไมล์ 73,660 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2016-GY76PP.html

3. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2017 เลขไมล์ 49,600 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2017-DO26X2.html

4. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2017 เลขไมล์ 52,720 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2017-G0V2J9.html

5. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 61,021 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2018-DLXJ1N.html

6. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2012 เลขไมล์ 168,257 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 199,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2012-GMYJV8.html

7. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 93,860 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2018-G0VQ68.html

8. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 34,394 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2018-DX2XJP.html

9. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 16,392 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2018-EQ2MV5.html

10. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 47,731 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2018-D8NNV1.html

11. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2017 เลขไมล์ 105,841 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2017-E1WKXP.html

12. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2019 เลขไมล์ 29,973 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2019-D2X3L8.html

13. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2017 เลขไมล์ 67,782 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2017-E1W2KV.html

14. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 22,830 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 399,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2019-D5K2MW.html

15. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2013 เลขไมล์ 134,117 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 189,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/mitsubishi-mirage-2013-GMYKMN.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Mitsubishi Mirage มือสอง (มิตซูบิชิ มิราจ มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mitsubishi Mirage ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

Honda ยัน รถซิ่งวัยรุ่น Honda Jazz จากโรงงานคันสุดท้าย เป็นภาพที่มาเลเซีย ไม่ใช่ไทย!

October 17, 2021October 19, 2021ข่าวสารยานยนต์, ข่าวเด่นประเด็นร้อนCARRO Automall, Honda Jazz, Honda Jazz 2014, Jazz GK, คาร์โร ออโต้มอลล์, ฮอนด้า แจ๊ส

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ในโลกออนไลน์ได้แชร์รูป Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ส) (ถ้าแบบฮอนด้าสะกดอย่างเป็นทางการ จะใช้คำว่า ฮอนด้า แจ๊ซ) รถ Sub-Compact รุ่นยอดนิยมของ Honda ที่เปิดตัวขายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2001 และเริ่มทำตลาดในเมืองไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2546 จวบจนถึงปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม >> CARRO แนะนำรถมือสอง : Honda Jazz (GD) ผู้เปิดตลาดรถ Sub-Compact แบบ 5 ประตู ให้กลับมานิยมในไทยอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม >> CARRO Automall แนะนำ Honda Jazz สายซิ่งห้ามพลาด แต่แม่บ้านก็ซื้อไปขับได้!

หลังจากที่ Honda ตัดสินใจเปิดตัว Honda City Hatchback (ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค) เป็นครั้งแรกในโลกที่ไทย ซึ่งเป็นการทำให้ Honda Fit (ฮอนด้า ฟิต) รุ่นใหม่ที่ขายในตลาดโลกในชื่อ Honda Jazz นับตั้งแต่ปี 2019 หมดสิทธิ์มาขายในไทยโดยปริยาย

ซึ่ง Honda Jazz คันสุดท้ายที่ผลิตจากโรงงานฮอนด้า ที่มาพร้อมป้ายร่ำลาว่า “2012 – 2021 Honda Jazz Last Production Unit BYE BYE..” ไม่ใช่เหตุการณ์ในไทยแต่อย่างไร ซึ่งทาง ฮอนด้า ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) ยันยันว่า เป็นภาพจากโรงงานในต่างประเทศ ซึ่งทาง MR.CARRO ตรวจสอบข้อมูลดูแล้วว่าเป็นภาพจากโรงงาน Honda Malaysia ในเมือง Pegoh รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย

สำหรับ Honda Jazz 2014 (ฮอนด้า แจ๊ส 2014) เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้ ยังเป็นรถขายดีอีกรุ่นของ CARRO Automall ในอันดับต้นๆ โดยเปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 5 กันยายน 2013 กับการพัฒนาในรูปแบบ “The World Best Functional Compact” พร้อมแนวคิด “Exciting H Design” แยกย่อยออกไปได้เป็น High Tech, High Tension และ High Touch

ส่วนในไทย Jazz GK เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 (วันเดียวกับที่เปิดตัว คสช. นั่นล่ะครับ) ซึ่ง Honda Jazz เป็นรถที่มียอดขายสะสมในประเทศไทยกว่า 205,000 คัน (ยอด ณ เดือนพฤษภาคม 2557)

Honda Jazz 2014 ตัวรถออกแบบใหม่หมดสไตล์สปอร์ตแบบ “Crossfade Monoform” ตั้งแต่กระจังหน้าจรดไฟท้าย สะท้อนถึงความปราดเปรียว เปี่ยมไปด้วยพลัง ด้วยการใช้เส้นสาย Character Line ลงที่ด้านข้างตัวรถแบบคมชัด เพิ่มความปราดเปรียวให้กับส่วนบน แต่ส่วนล่างยังคงความแข็งแกร่ง มั่นคง และผสานกันได้อย่างลงตัว

ห้องโดยสาร Jazz GK กว้างขวางสะดวกสบาย จากแนวคิดการออกแบบ “Futuristic Cockpit” ให้ความรู้สึกล้ำสมัย และสนุกสนานในการขับขี่ การจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ทำให้ความยาวของตัวถังรถและฐานล้อเพิ่มขึ้นถึง 2,530 มม. และจุดเด่นอย่างเบาะนั่งปรับพับได้ แบบอัลตร้า ซีท อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น

ขับสนุกเร้าใจ กับขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ขับสนุกยิ่งขึ้นด้วย Paddle Shift ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด พร้อมระบบ Cruise Control

มีให้เลือกด้วยกัน 6 รุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่น 1.5 S MT / AT, V CVT, V+ CVT, SV CVT และรุ่น Top สุด อย่าง SV+ CVT

ต่อมา … ในเดือนพฤษภาคม 2560 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ Honda Jazz 2017 มาพร้อมกับแคมเปญ Do It With My Jazz สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ทันสมัยยิ่งขึ้น อาทิ กระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED

พร้อมแนะนำรุ่น RS ที่มาพร้อมความสปอร์ตรอบคัน ส่วนห้องโดยสารสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI และสีภายนอกใหม่ สีส้มฟีนิกซ์ เฉพาะรุ่น RS

มีให้เลือกด้วยกัน 6 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 1.5 S MT / AT, V CVT, V+ CVT, RS CVT และรุ่น Top สุด อย่าง RS+ CVT

แล้วก็ผลิต Jazz GK ขายมาเรื่อยๆ ก่อนจะยุติการผลิตในวันที่ 15 ตุลาคม 2564

ส่วนใครที่คิดถึง Honda Jazz อยากซื้อ ฮอนด้า แจ๊ส มือสอง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เรามี Honda Jazz ให้คุณเลือกมากมายในคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาของภาพจาก:

Kucing Gemok Channel

CARRO Automall แนะนำ Toyota Camry รถซีดานหรู สำหรับผู้จัดการ และผู้บริหาร น่าใช้!

October 12, 2021October 14, 2021เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCamry Hybrid มือสอง, CARRO Automall, Toyota Camry, Toyota Camry Hybrid, Toyota Camry มือสอง, คัมรี่ ไฮบริด มือสอง, คาร์โร ออโต้มอลล์, รถผู้บริหาร, รถมือสอง, โตโยต้า คัมรี่

บรรดารถยอดนิยมจากผู้บริหาร เจ้าของกิจการ หรือผู้จัดการบริษัทในไทยทั้งหลาย ถ้าไม่ไปใช้รถยนต์ประเภทรถตู้ MPV ขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งก็จะนิยมรถประเภท D-Segment ที่มีขนาดใหญ่หน่อย ตกแต่งให้ดูหรูหรา ภูมิฐาน สมฐานะ อีกทั้งการดีไซน์ที่ทันสมัย ไม่เชย มีภาพลักษณ์ ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน และแบบไฮบริด

แต่บางคนอาจจะเพิ่งเริ่มธุรกิจ หรือเพิ่งตั้งบริษัทเองใหม่ๆ เรื่องงบประมาณการใช้จ่ายถือเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกรถในระดับ D-Segment แบรนด์ญี่ปุ่นในรูปแบบป้ายแดง (ที่ตอนนี้มีขายในตลาดก็เหลือแค่ 2 เจ้า ได้แก่ Toyota Camry และ Honda Accord) ก็มีราคาอยู่ที่หนึ่งล้านกว่าบาท

แต่ถ้าลองประหยัดงบมาเล่นรถ D-Segment มือสองสภาพใหม่ ในราคาไม่ถึงล้านดู น่าจะสมเหตุสมผลกว่า และเหลือเงินส่วนต่างไว้ดูแลรถ หรือไว้ใช้ในการลงทุนอื่นๆ ด้วย ก็น่าจะดี

CARRO Automall ขอพาคุณมารู้จักกับ Toyota Camry (โตโยต้า คัมรี่) / Camry Hybrid มือสอง (โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด) หรือ Camry ACV50 ในเจเนอเรชั่นที่ 9 ของตลาดญี่ปุ่น (หรือเจเนอเรชั่นที่ 5 ในไทย) กันครับ …

Toyota Camry ACV50 เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2555 ตามหลังการเปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ใน Concept “A New Era of Prestige” และพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “New Era Sedan” จัดเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางระดับหรู มีภาพลักษณ์หรูหรา ภูมิฐาน สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ระบบความปลอดภัย มั่นใจในการขับขี่

ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมด้านข้าง และระบบป้องกันการบาดเจ็บที่กระดูกต้นคอ WIL

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 148 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร/4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT แบบ Sequential Shift และรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Sequential Shift และรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

และในรุ่น Hybrid … ผสานความล้ำหน้าแห่งเทคโนโลยี Atkinson Cycle พร้อมระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i กับเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT (Electrically-Controlled Continuously Variable Transmission)

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ชนิดมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 650 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 1,500 รอบ/นาที กับแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel–Metal Hydride) น้ำหนักเบาขึ้น ทนทานยิ่งขึ้น ให้แรงดันไฟฟ้า 245 โวลต์ จำนวนโมดูล 34 โมดูล 204 เซลล์ และความจุไฟฟ้า 6.5 แอมป์ (3 ชั่วโมง) รวมกำลังสูงสุดทั้งระบบ 205 แรงม้า

เลือกเป็นเจ้าของความเหนือระดับ ด้วย 5 รุ่นย่อย 2 ขนาดเครื่องยนต์ ได้แก่ 2.0G, 2.5G, 2.5L Hybrid CD, 2.5L Hybrid DVD และ 2.5L Hybrid Navigator

เดือนพฤศจิกายน 2555 เปิดตัวรุ่นพิเศษ Toyota Camry 2.0G Extremo ใส่ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน ไฟหน้าและไฟท้ายรมดำเข้ม (สำหรับรุ่นภายในเบาะหนังสีดำ) พรมปูพื้นลายพิเศษ และเครื่องเล่น DVD 1 แผ่น หน้าจอแบบสัมผัส มีสีภายนอกให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวมุกและสีดำ ส่วนภายในมี 2 โทนสีให้เลือก ทั้งเบจและดำ

วันที่ 5 มีนาคม 2557 Toyota Camry 2.0G และ 2.5G ปรับปรุงใหม่ พร้อมรุ่นพิเศษ 2.0G Extremo โดยเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry), ระบบ Cruise Control, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC

พร้อมกับ Toyota Camry 2.0G Extremo ชุดแต่งใหม่ สเกิร์ตรอบคัน, สปอยเลอร์หลัง, ระบบไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Lights, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55/R17, เครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัส, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth), กล้องมองหลัง, ไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้า และพรมปูพื้นสีดำ

วันที่ 11 มีนาคม 2558 จึงได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ “คัมรี ใหม่…The New Icon of Elegance” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น Camry Hybrid มือสอง ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี

ภายนอก ได้เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ตามแบบ Keen Look เพิ่มอารมณ์แห่งความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และออกแบบไฟท้ายใหม่ เพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อม 2 สีใหม่ อาทิ Grayish Blue Mica Metallic และ Dark Brown Mica Metallic ส่วนสีขาว White Pearl Crystal และ True Blue Mica Metallic มีเฉพาะในรุ่นไฮบริดเท่านั้น

ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รหัส 6AR-FSE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-iW พร้อมหัวฉีดใหม่ D-4S ให้แรงม้าสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย 2 ขนาดเครื่องยนต์ ได้แก่ 2.0G, 2.0G Extremo, 2.5G, 2.5L Hybrid CD, 2.5L Hybrid DVD, 2.5L Hybrid Navigator และ 2.5L Hybrid Premium

11 มิถุนายน 2558 Toyota ได้เปิดตัว Toyota Camry ESport (โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต) คือเวอร์ชั่นแบบอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย โดยรุ่นที่ขายในไทย นำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ดีไซน์มาเพื่อเอาใจคนรักความสปอร์ตโดยเฉพาะ ใช้ช่วงล่างใหม่แบบ Sport Suspension และท่อไอเสียแบบคู่ กับ Concept ในการโฆษณาว่า “Life Is Thrilling”

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Sequential Shift พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift และรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

ในเดือนสิงหาคม 2559 โตโยต้า คัมรี่ ยังครองอันดับหนึ่งในตลาดรถซีดานขนาดกลาง มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 11,199 คัน (ข้อมูลถึง 31 กรกฎาคม 2559) ได้ปรับปรุงใหม่ หรูขึ้น ทั้งภายนอกและภายในทุกรุ่นย่อย

ด้านนอกใช้กระจังหน้าสีดำ มีหนังหุ้มเกียร์ หรูหราด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในหลายรุ่น ทั้งระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ

รวมถึงการเพิ่มสีใหม่ สีขาวมุก (White Pearl) ในรุ่น 2.5G และสีแดง Super Red V ในรุ่น ESPORT นอกจากนี้ ยังแนะนำรุ่น 2.0G Extremo ที่ใช้ชุดแต่งดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ใหม่ด้วยกระจังหน้าดีไซน์หรู และในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ยังรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้

11 กรกฎาคม 2560 ปรับโฉมกันครั้งสุดท้าย … แนะนำ 2.0G Extremo ชุดแต่งใหม่ มาพร้อมล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่ ไฟหน้า LED Dual Projector และภายในลายไม้ใหม่ Carbon Wood

ส่วนรุ่นอื่นๆ ปรับโฉมตามมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2560 กับ Camry 2.0G, 2.5G และ 2.5HV Hybrid เปลี่ยนเบาะหนังแท้เป็นสีน้ำตาล Kogane ภายในเปลี่ยนสีดำตัดครีม เป็น สีดำ เปลี่ยนตะเข็บด้ายบนแดชบอร์ดเป็นสีน้ำตาล Kogane เปลี่ยนลายไม้ใหม่ Carbon Wood, พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน เป็น 3 ก้านแบบ Extremo และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว พ่น Hi-Gloss (เฉพาะรุ่น Hybrid)

ต่อมา Toyota เปิดตัว Toyota Camry รุ่นปัจจุบันในเดือนตุลาคม 2561 ด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา ผ่านการออกแบบอย่างพิถิพิถัน จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ …

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 6AE-FBS 167 แรงม้า, ขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FKB 209 แรงม้า และแบบ Hybrid เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS 178 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Lithium-ion ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า และแรงบิด 202 นิวตันเมตร โดยทั้งสองระบบ ให้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Link นี้ >>> เจาะลึกจุดเด่น! + ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์ Toyota Camry ใหม่

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เรามี Toyota Camry มือสอง และ Camry Hybrid มือสอง รถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 9 คันครับ ได้แก่ …..

1. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD ปี 2012 เลขไมล์ 135,509 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 479,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2012-D590XO.html

2. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2013 เลขไมล์ 152,020 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 479,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2013-GJ6ML4.html

3. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2015 เลขไมล์ 141,853 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 615,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2015-EZQL6X.html

4. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Navi ปี 2015 เลขไมล์ 162,596 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 579,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2015-EWN29Q.html

5. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2016 เลขไมล์ 150,220 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 635,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2016-E71JXM.html

6. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Premium ปี 2016 เลขไมล์ 104,363 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 689,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2016-G03NY7.html

7. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Premium ปี 2017 เลขไมล์ 185,382 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 729,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2017-GJ68WY.html

8. Toyota Camry 2.0 G ปี 2018 เลขไมล์ 26,578 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 979,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2018-G0VRP9.html

9. Toyota Camry Hybrid 2.5 Hybrid ปี 2018 เลขไมล์ 70,351 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 1,069,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-camry-2018-GP1VRJ.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Toyota Camry มือสอง (โตโยต้า คัมรี่ มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Toyota Camry ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

CARRO Automall แนะนำ Nissan Almera ขวัญใจคนรักความกว้างขวาง และประหยัดน้ำมัน!

October 10, 2021January 25, 2022ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเรา, เกี่ยวกับ CarroAlmera Nismo, CARRO Automall, Nismo, Nissan Almera, Nissan Almera มือสอง, Sportech, คาร์โร ออโต้มอลล์, นิสสัน อัลเมร่า, นิสสัน อัลเมร่า มือสอง, รถมือสอง

ยุคที่หลายๆ คน นอกจากจะมีอาชีพมนุษย์เงินเดือนแล้ว บางคนยังรู้จักหาอาชีพเสริม อาทิเช่น ขายของออนไลน์ ปลูกต้นไม้ขาย หรือทำขนม เป็นต้น ก็ต้องใช้รถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างๆ หน่อย จะได้ขนของได้มาก รวมถึงประหยัดน้ำมัน ค่าซ่อม อะไหล่ไม่แพง คุ้มค่าน้ำมันในการออกไปแต่ละครั้ง

แต่ถ้าหากมีลูกเล็กๆ ด้วย ก็ย่อมต้องการเนื้อที่มากหน่อย เพื่อไว้วางคาร์ซีทให้เด็กนั่ง หรือสัมภาระต่างๆ ที่ต้องใช้ดูแลลูก เผื่อไว้เวลาไปรับ-ส่งที่โรงเรียน หรือจะไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว (อันนี้ต้องรอให้โควิด-19 หายไปเร็วๆ ก่อนนะ)

รถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกสรรเป็นเจ้าของกัน เป็นรถที่มีคุณสมบัติดังกล่าวหลายอย่าง เชื่อว่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงชอบทีเดียว …

ไปรู้จักกับ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) รถ Eco-Car 4 ประตูรุ่นแรกในไทยกันเลยครับ กับรถขายดีใน CARRO Automall มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

ชื่อของ Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) หลายคนอาจจะเคยคุ้นหูกันมาบ้าง ตั้งแต่ช่วงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในฐานะรถเก๋งของค่ายนิสสัน ที่เป็นคู่แฝดกับ Sunny NEO แต่มีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งขายแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนชื่อนี้จะหายไปจากตลาด แล้วกลับมาในรูปแบบของรถอีโค่คาร์ 4 ประตู ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554

สำหรับ Nissan Almera ที่จะมาแนะนำในวันนี้นั้น มาพร้อมเส้นสายการออกแบบที่ดูหรูหรา ดูแปลกตา จากฝากระโปรงพุ่งทะยานสู่หลังคา พร้อมสปอยเลอร์หลังทุกรุ่น ให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง Cd.= 0.29 เท่านั้น บนตัวรถขนาด B-Segment ที่ใหญ่แทบจะมีขนาดเกือบเท่ารถยนต์ขนาดกลางเลยทีเดียว และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ดูลงตัวกับตัวรถ (เฉพาะรุ่น V และ VL)

มีมิติตัวรถยาว 4,425 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. สูง 1,500 มม. และระยะฐานล้อยาวสะใจ 2,600 มม.

ห้องโดยสารภายใน บอกเลยว่าใหญ่กว่าชาวบ้าน ทำให้ได้เปรียบในเรื่องการโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่ในเบาะหลัง พื้นที่วางขามากถึง 636 มม. รวมไปถึงความยาวห้องโดยสารมากถึง 1836 มม. เทียบชั้นกับรถหรูหลายๆ รุ่นได้ ใช้พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมที่ควบคุมเครื่องเสียง ระบบแอร์อัตโนมัติ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (เฉพาะรุ่น VL) ส่วนด้านท้ายรถ ห้องสัมภาระท้ายจุได้ 490 ลิตร

ขุมพลังใช้แบบเดียวกับในรุ่น March ทำให้เรื่องการดูแลรักษาไม่ลำบากเลย มีรหัส HE12DE ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมัน 20 กม./ลิตร

ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด (เฉพาะรุ่น S และ E) และเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT ที่มาพร้อมระบบ Idling Stop หรือระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์รอบเดินเบาชั่วคราว (แต่รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ก็ต้องเอาออกไป เพราะบ้านเรารถติดบ่อยเหลือเกิน ดับเองจนเบื่อ แม้ว่าจะปิดระบบได้ก็ตาม)

มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S MT, E MT, E CVT, ES CVT, V CVT และ VL CVT

ล่วงมาจนถึง 27 มกราคม 2557 ก็ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ แต่งหน้าทาปากให้ดูหรูหราขึ้น ด้วยกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าใหม่ พร้อมกันชนหน้าและไฟตัดหมอก ตกแต่งโครเมียม พร้อมล้อแม็กลายใหม่

ภายในห้องโดยสาร หรูด้วยแผงคอนโซลตกแต่งสีดำ Piano Black แผงประตูและมือจับตกแต่งโครเมียม เบาะสีดำบุผ้าลายใหม่ พวงมาลัย 3 ก้านสไตล์สปอร์ตดีไซน์ใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย หน้าปัทม์แสดงข้อมูลการขับขี่ Multi Information Display (MID) แบบเรืองแสงสีขาว พร้อมระบบนำทาง, เครื่องเล่น DVD, กล้องมองหลัง และสัญญาณเตือนถอยหลัง 3 จุด เป็นต้น

มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S MT, E MT, E CVT, EL CVT, V CVT และ VL CVT

มาจนถึงเดือนมีนาคม 2558 Nissan เปิดตัว Nissan Almera Sportech (นิสสัน อัลเมร่า สปอร์ตเทค) ด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมช่องกันชนล่างลายรังผึ้งแบบสปอร์ต กระจังหน้าแบบโครเมียมรมดำ สเกิร์ตด้านข้างและหลัง ไฟหน้าฮาโลเจนภายในสีโครเมียม รมดำ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ล้ออัลลอยด์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว สีรมดำพิเศษ โลโก้รุ่นด้านท้าย Sportech และพวงมาลัยหุ้มหนัง ในรุ่นย่อย E และรุ่น VL

เดือนกันยายน 2558 Nissan Almera เพิ่มไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Diamond LED Daytime Running Lights เพิ่มคิ้วโครเมียมขอบประตู ขณะที่ภายในห้องโดยสาร

เดือนมีนาคม 2559 เปิดตัว Nissan Almera Nismo (นิสสัน อัลเมร่า นิสโม) กับชุดแต่ง NISMO Performance Package และ Aero Package ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้าสีเทาแดง, สเกิร์ตด้านข้างสีเทาแดง, สเกิร์ตหลังด้านล่างสีเทา-แดง, สปอยเลอร์หลัง และแถบสีแดงบนฝาครอบกระจกมองข้าง

มาพร้อมช่วงล่างพิเศษ ปรับค่าสปริงและช็อคแอบซอร์เบอร์ให้เหมาะสม ลดความสูงด้านหน้า-หลัง รวมถึงเปลี่ยนขนาดล้อและยางใหม่ เป็นล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/50 R16 ส่วนในชุด Performance Package เปลี่ยนท่อไอเสียใหม่แบบ S-Flow ให้เสียงสปอร์ต ดุดันมากขึ้น ใช้วัสดุสเตนเลสสตีลเงางาม พร้อมโลโก้ NISMO

มาถึงเดือนกรกฎาคม 2559 ออกรุ่น Limited Edition ฉลองยอดการผลิต Eco-Car ในไทย ทะลุ 500,000 คัน เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่ง อาทิ ไฟเลี้ยวกระจกมองข้าง, ชุดคิ้วกันสาดประตู, ชุดคิ้วบันไดสแตนเลสเรืองแสง, และปลายท่อไอเสียดีไซน์พิเศษ เป็นต้น

ในเดือนเมษายน 2562 ออกรุ่นทิ้งทวน นำฟังก์ชั่นระบบไฟหน้า “Follow-me-home” ใหม่ พร้อมกระจกมองข้างใหม่ พร้อมไฟเลี้ยว ส่วนภายในมาพร้อม Display Audio แบบจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อบลูทูธ การเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และจอแสดงภาพด้านหลังหรือ Rear View Monitor และรุ่นพิเศษ E Sportech เพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมากขึ้น กับเพิ่มอุปกรณ์ชุดแต่งแบบสปอร์ตใหม่มากมาย กับรุ่น SV

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนมกราคม 2565 เรามี Nissan Almera รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 33 คันครับ ได้แก่ …..

1. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 35,668 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-G97Z85.html

2. Nissan Almera 1.2 E ปี 2015 เลขไมล์ 51,816 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2015-D87XY4.html

3. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2015 เลขไมล์ 54,348 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-D8N6Q8.html

4. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 42,094 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-GP28RJ.html

5. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 40,736 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-DR2XK3.html

6. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2016 เลขไมล์ 110,608 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2016-G6LOWR.html

7. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2017 เลขไมล์ 75,494 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2017-E4JMR7.html

8. Nissan Almera 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 16,788 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EQ2WXV.html

9. Nissan Almera 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 31,901 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EZ29RX.html

10. Nissan Almera 1.2 E ปี 2012 เลขไมล์ 43,776 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 209,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2012-G3Y2NR.html

11. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 69,286 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-E4J2JM.html

12. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 74,739 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EN2KXV.html

13. Nissan Almera 1.2 V Sportech ปี 2016 เลขไมล์ 181,139 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2016-EKWZQ7.html

14. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 102,510 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-DR2N8P.html

15. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2019 เลขไมล์ 78,212 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-GV2RP6.html

16. Nissan Almera 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 69,882 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 289,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-G6L0L3.html

17. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2015 เลขไมล์ 64,602 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2015-D2X6K6.html

18. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 53,593 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 319,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EW83V1.html

19. Nissan Almera 1.2 ES ปี 2019 เลขไมล์ 35,018 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 399,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-DX2ORQ.html

20. Nissan Almera 1.2 ES ปี 2018 เลขไมล์ 41,597 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EKW1PP.html

21. Nissan Almera 1.2 ES ปี 2019 เลขไมล์ 23,007 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-D8N0KQ.html

22. Nissan Almera 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 42,965 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2017-GJVNK4.html

23. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2019 เลขไมล์ 52,704 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-G3YM8N.html

24. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2017 เลขไมล์ 58,611 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2017-GMY60Q.html

25. Nissan Almera 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 11,192 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-DLX626.html

26. Nissan Almera 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 8,707 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-G9OQR8.html

27. Nissan Almera 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 23,215 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 335,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-EN29ON.html

28. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2017 เลขไมล์ 31,061 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2017-E1W3KV.html

29. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2019 เลขไมล์ 31,513 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2019-E1W33V.html

30. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 34,861 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2018-E7MO3Y.html

31. Nissan Almera 1.0 VL Turbo ปี 2020 เลขไมล์ 13,786 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 509,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2020-GV24W4.html

32. Nissan Almera 1.0 EL Turbo ปี 2021 เลขไมล์ 7,399 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2021-G9OW96.html

33. Nissan Almera 1.0 V Turbo ปี 2020 เลขไมล์ 21,122 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/nissan-almera-2020-G0VYVQ.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Nissan Almera มือสอง (นิสสัน อัลเมร่า มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Nissan Almera ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

CARRO Automall แนะนำ Toyota Altis อัลติสมือสอง รถสุดคุ้ม ทนทาน ในราคาสุดแจ่ม

October 9, 2021October 14, 2021เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Toyota Altis, Toyota Altis 2014, Toyota Altis มือสอง, Toyota Corolla, คาร์โร ออโต้มอลล์, คุณแม่, รถมือสอง, อัลติสมือสอง, โตโยต้า อัลติส, โตโยต้า อัลติส มือสอง

ในยุคที่รถมือสองขายค่อนข้างดี ในงบประมาณที่ไม่มาก แต่ได้รถปีไม่เก่า แถมคุณภาพดีไม่แพ้รถป้ายแดง กับรถที่ได้ชื่อว่าทนทาน ดูแลรักษาง่าย เป็นที่นิยมของคนทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือทำงานอาชีพอิสระ เป็นนายตัวเอง หาเงินเลี้ยงลูกและครอบครัว และในหลายอาชีพ ที่ต้องใช้รถยนต์เป็นตัวกลางในเดินทางไปทำงาน ส่งของ หรือติดต่อธุรกิจ ขายดีมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับรถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำให้คนที่กำลังมองหารถคันใหม่ หรือต้องการซื้อรถไว้ใช้ในธุรกิจเพิ่มอยู่พอดี (หรือจะไว้เป็นรถแท็กซี่ ใช้หาเงินช่วงหลังโควิดหมดก็ได้) ได้รู้จักกับรถยนต์ที่มีคุณสมบัติข้างต้น รวมไปถึงราคาขายต่อก็ดี ไม่ตก ซึ่งเชื่อว่าหลายคงถูกใจทีเดียว

ไปรู้จักกับ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) เจนเนอเรชั่นที่ 11 กันครับ กับรถขายดียอดนิยมใน CARRO Automall มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

Toyota Altis มือสอง (โตโยต้า อัลติส มือสอง) ในเจเนอเรชั่นที่ 11 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 Toyota Altis มือสอง (โตโยต้า อัลติส มือสอง) ในเจเนอเรชั่นที่ 11 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอัลติสมือสองรุ่นนี้ ยังคงครองความนิยมในฐานะรถยนต์นั่ง ที่เคียงคู่สังคมไทยมาโดยตลอด ครองความเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 754,685 คัน* (ยอดขายถึง ณ เดือนตุลาคม 2559)

Toyota Altis มือสองโฉมนี้ ออกแบบใหม่หมดจดตลอดคัน ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว สวยล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น โดยมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาจากแนวคิดแบบ *Waku Doki* สร้างความพึงพอใจเหนือความคาดหมายของลูกค้า (*ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง จังหวะการเต้นของหัวใจ เมื่อเกิดความรู้สึกตื่นเต้นสนุกสนาน) เน้นความเฉียบคมไปในตัว โดยสะท้อนออกมาเป็น Concept ในการสื่อสารครั้งนี้ว่า “All New Corolla ALTIS…So Excited”

มาพร้อมชุดไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light และไฟท้าย LED แบบ Surface illumination ดีไซน์ใหม่ที่ดูเรียวงามคมเข้ม พร้อมล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว

ส่วนมิติตัวรถ Toyota Altis 2014 เพิ่มความยาวช่วงล้อเป็น 2,700 มม. (ยาวกว่าเดิม 100 มม.) ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 4,629 มม. (ยาวกว่าเดิม 80 มม.) และกว้าง 1,775 มม. (กว้างกว่าเดิม 15 มม.) ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลังเพิ่มขึ้นเป็น 960 มม. (มากกว่าเดิม 75 มม.)

โดยพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กว้างสบายยิ่งขึ้น แถมมีให้เลือกถึง 3 โทนสี ได้แก่ สีดำ, สีเบจ และ สีเทา

พร้อมการจัดวางในตำแหน่งต่างๆ ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของผู้ขับขี่ อาทิ แผงคอนโซลหน้าแบบ Cyber Carbon บุด้วยวัสดุแบบนุ่ม, พวงมาลัยดีไซน์ใหม่, มาตรวัดเรืองแสง Optitron, ระบบนำทางเนวิเกเตอร์, กระจกมองหลังอัตโนมัติพร้อมแสดงภาพจากกล้องมองหลัง, กุญแจรีโมทแบบพับได้ดีไซน์ใหม่, ม่านบังแดดด้านหลัง, แผงปรับอากาศดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ตลอดจนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมายครบครัน

ขุมพลังยังคงใช้ต่อเนื่องมาจาก Altis โฉมเจเนอเรชั่นที่ 9 เริ่มตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซิน DOHC Dual VVT-i 4 สูบแถวเรียง ที่มีให้เลือกครบครัน ทั้งขนาด 1.6 ลิตร รหัส 1ZR-FE 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 154 นิวตันเมตร / 1.6 ลิตร ติดตั้งก๊าซ CNG 122 แรงม้า และ 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 แรงม้า รองรับการใช้เชื้อเพลิง E85

โดยทั้งคู่ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เฉพาะรุ่น 1.6 J M/T และ 1.6 J M/T CNG) และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Super CVT-i พร้อม Sequential ที่ถูกปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มอารมณ์การขับแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

Toyota Altis 2014 มีให้เลือกด้วยกันมากถึง 8 รุ่น ได้แก่ … รุ่น 1.6 J M/T, 1.6 J CNG M/T, 1.6 E CNG CVT, 1.6 G CVT, 1.8 E CVT, 1.8 S CVT, 1.8 G CVT และ 1.8 V Navi CVT

ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 หลังจากการเปิดตัว Altis 2014 ไปไม่ถึงเดือน Corolla Altis ESPORT (โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต) ก็ตามมาติดๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ ชื่อรุ่นย่อยเริ่มจากตัว E นั้นย่อมาจากคำว่า Excellent Extreme Exciting ซึ่งจะใช้ตัวอักษร E เพียงอักษรเดียว มาทำการสื่อสารถึงความยอดเยี่ยม ความเป็นที่สุด และความเร้าใจจากภาพลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน

คำที่สองมาจากคำว่า Sporty แต่ใช้ย่อว่า Sport เพื่อบ่งบอกถึงสมรรถนะความเร้าใจในการขับขี่ที่น่าหลงไหล ดังนั้น Corolla Altis ESPORT จึงหมายถึง รถยนต์สไตล์สปอร์ตทั้งดีไซน์และสมรรถนะ โดยเฉพาะช่วงล่างใหม่ ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่

ตกแต่งภายนอกด้วยกระจังหน้าโครเมียมพร้อมแถบ Gun Metallic, สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง ท่อไอเสียแบบสปอร์ตและสปอยเลอร์หลัง, ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ LED Day Time Running Lights และไฟท้าย LED แบบ Surface illumination และล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์เข้ม

ส่วนภายในสีดำสไตล์สปอร์ต, เบาะหนังคู่หน้าแบบ Bucket Seat, วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้าแบบ Cyber Carbon ลายสปอร์ต พร้อมบุด้วยวัสดุแบบนุ่ม, มาตรวัดเรืองแสง 3 วง, พวงมาลัยหุ้มหนังปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift, กุญแจรีโมทแบบพับได้ และแอร์แบบอัตโนมัติ เป็นต้น

ต่อมาในวันที่ 20 มีนาคม 2558 Toyota เผยโฉม Toyota Corolla Altis ESPORT Nurburgring Edition (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต นูร์เบอร์กริง เอดิชั่น) ตอกย้ำไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่รักความท้าทาย ดุดันด้วยกระจังหน้า Piano Black พร้อมแถบ Gun Metallic ส่วนภายในเบาะหนังคู่หน้าแบบ Bucket Seat ปั้มโลโก้ ESPORT และเดินด้ายแดง ตกแต่งแผงคอนโซลหน้าแบบ Piano Black พร้อมแถบสีแดง, แผงประตูสีแดง, พวงมาลัยหุ้มหนังตะเข็บแดง และเครื่องเล่น DVD หน้าจอขนาด 7 นิ้ว พร้อมรองรับระบบนำทางอัจฉริยะ Smart G-BOOK

9 พฤศจิกายน 2559 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ So Excited Ever… พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Futuristic Prestige เพื่อยกระดับความโดดเด่น ทันสมัย ด้านดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมยกเลิกรุ่น 1.8G และแนะนำรุ่นใหม่ ESPORT Option ด้วยรูปลักษณ์ที่สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ดุดันมากขึ้น ด้วยชุดแต่งรอบคันและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ช่วงล่างพัฒนาใหม่ เบาะนั่งด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมสวิตช์การขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode)

อีกทั้งยังมีถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่งทุกรุ่น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-star Assist Control) และกระจกมองข้างพร้อมระบบ Auto Reverse Link เป็นต้น

Toyota Altis 2016 มีให้เลือกด้วยกันมากถึง 7 รุ่น ได้แก่ … รุ่น 1.6 J M/T, 1.6 E CNG CVT, 1.6 G CVT, 1.8 E CVT, 1.8 ESPORT CVT, 1.8 ESPORT Option CVT และ 1.8 V Navi CVT

15 พฤษภาคม 2561 ปรับปรุงโฉมกันอีกรอบ เพิ่มรุ่น 1.8 S ใหม่ ใช้ชุดไฟหน้า Bi-Beam LED Projector ปรับระดับไฟสูง–ต่ำ แบบอัตโนมัติ พร้อมกล้องบันทึกภาพหน้ารถยนต์ และล้ออัลลอย 17 นิ้ว. กับแนะนำอัลติสในรุ่น 1.8V ที่เพิ่มระบบเชื่อมต่อรถและผู้ใช้ T-Connect Telematics สุดทันสมัย

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนตุลาคม 2564 เรามี Toyota Altis รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 12 คันครับ ได้แก่ …..

1. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 138,454 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-D26456.html

2. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 128,822 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม Hot Deal! ลดราคา! เหลือ 369,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-GM98Z2.html

3. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 75,064 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-G0346Q.html

4. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 108,013 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-E154OK.html

5. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 99,766 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-G906J8.html

6. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 153,796 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม Hot Deal! ลดราคา! เหลือ 369,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-DL18QY.html

7. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 212,083 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม Hot Deal! ลดราคา! เหลือ 359,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-G607J0.html

8. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2016 เลขไมล์ 121,753 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 369,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-E717KM.html

9. Toyota Corolla Altis 1.8 E ปี 2018 เลขไมล์ 79,644 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 389,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-E157X0.html

10. Toyota Corolla Altis 1.6 G ปี 2014 เลขไมล์ 173,662 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2014-EN2NQ1.html

11. Toyota Corolla Altis 1.8 G ปี 2016 เลขไมล์ 83,032 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2016-DR1PVN.html

12. Toyota Corolla Altis 1.8 E ปี 2017 เลขไมล์ 140,911 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 419,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-corolla-2017-DLXZO6.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Toyota Altis มือสอง (โตโยต้า อัลติส มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Toyota Altis ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

CARRO Automall แนะนำ Toyota Yaris รถ Eco-Car ราคาประหยัด สู้กับน้ำมันแพง!

October 5, 2021October 17, 2021เกี่ยวกับ Carro, ซื้อ-ขายรถมือสอง, บริการของเราCARRO Automall, Eco-Car, Toyota Yaris, Toyota Yaris มือสอง, คาร์โร ออโต้มอลล์, รถมือสอง, รถอีโคคาร์, โตโยต้า ยาริส, โตโยต้า ยาริส มือสอง

ในยุคน้ำมันแพงแบบนี้ ทำให้หลายคนที่ใช้รถยนต์ (แบบไม่มีพลังงานทางเลือกอย่างแก๊ส LPG หรือ NGV) พอเจอราคาน้ำมันแพงเข้าไป ก็ร้องจ้ากกันเป็นแถว! เพราะรายได้อาจจะไม่ได้มาก แต่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม เมื่อน้ำมันแพงขึ้น คนใช้รถยนต์ก็เดือดร้อนตามไปด้วย

ใครที่จำเป็นต้องใชัรถยนต์ในการทำงาน หรือใช้ในการเดินทางไปทำงาน ไปธุระ ส่งของ ฯลฯ จึงหันมาเลือกรถ Eco-Car (อีโค่คาร์มือสอง) กันมากขึ้น ด้วยความที่เครื่องยนต์มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน ให้สมรรถนะพอตัว แถมตัวรถไม่ใหญ่มาก ขับขี่ในเมืองสะดวก อีกทั้งยังทนทาน ดูแลรักษาง่าย อะไหล่ไม่แพง และของแต่งหาง่าย ถ้าขับจนเบื่อพอปล่อยออก ก็ซื้อง่ายขายคล่อง หลายคนจึงเริ่มมองหามาเป็นเจ้าของกัน

รถยนต์ที่ CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) จะมาแนะนำในวันนี้ เป็นรถที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นหลายอย่าง หลายคนคงชอบทีเดียว นั่นก็คือ Toyota Yaris มือสอง (โตโยต้า ยาริส มือสอง) ในรูปแบบ 5 ประตู Hatchback ไงครับ

เริ่มต้นด้วยคำว่า “Yaris” หลายคนสงสัยมาชื่อนี้มีความหมายว่าอะไร? อันนี้มาจากการรวมคำว่า “Ya” ในภาษาเยอรมันที่ตรงกับภาษาอังกฤษ “Yes” ที่แปลว่า “ใช่เลย” ส่วนอีกคำคือ Charis เป็นชื่อของเทพแห่งความงามและความหรูหราของตำนานกรีกโบราณ มารวมกัน …

ในส่วนของ Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่เวอร์ชั่นบ้านเรา อิงกับเวอร์ชั่นจีน ต่างไปจาก Yaris รุ่นที่ขายในตลาดโลก และขายในบ้านเราแบบ Eco-Car เปิดตัวในวันที่ 22 ตุลาคม 2556 มาในรูปแบบรถ Eco-Car (รถอีโค่คาร์) เป็นครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Value Beyond Belief” คุ้มค่าเหนือราคา สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ เน้นไลฟ์สไตล์แบบคนยุค Gen Y

ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ที่ดูสปอร์ตล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ภายนอกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) ติดตั้ง “Fin” หรือ “ครีบ” ที่บริเวณกระจกมองข้างและไฟท้าย ช่วยให้กระแสลมไหลผ่านบริเวณด้านข้างตัวรถขณะกำลังวิ่ง สามารถไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้น และโครงสร้างตัวถังได้เพิ่มจุดเชื่อม เพื่อความแข็งแรงยิ่งขึ้น

พื้นที่ภายในของห้องโดยสาร ถูกออกแบบให้กว้างที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยเพิ่มความยาวฐานล้อเป็น 2,550 มม. (ยาวกว่าเดิม 90 มม.) ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดความยาวเพิ่มขึ้น ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง เพิ่มขึ้นเป็น 912 มม. (มากกว่าเดิม 46 มม.) พื้นที่วางเท้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลังมีความยาวถึง 663 มม. (ยาวกว่ารุ่นเดิม 77 มม.)

แผงพนักพิงเบาะหลังกว้างขวางขึ้นขนาด 1,310 มม. (มากกว่ารุ่นเดิม 10 มม.) เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลัง ระยะห่างจากจุดกึ่งกลางล้อหลัง – กันชนหลัง มีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 690 มม. (ยาวกว่ารุ่นเดิม 110 มม.) ทำให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีความยาวถึง 734 มม. (ยาวกว่าเดิม 140 มม.) และทำให้มีปริมาตรความจุถึง 326 ลิตร สามารถเก็บสัมภาระได้มากกว่าเดิม

ขับง่าย สบาย ด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ที่ปรับเปลี่ยนน้ำหนักของพวงมาลัยอัตโนมัติ ตลอดจนระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้า และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ (Pre-tensioner & Force limiter) ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น

ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลและมั่นคง ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบเกียร์มีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

มีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่นย่อย นั่นคือรุ่น 1.2J ECO A/T, 1.2J A/T, 1.2E A/T และ 1.2G A/T

ขายกันมาเรื่อยๆ จนถึงในเดือนพฤศจิกายน 2557 Toyota เปิดตัว Toyota Yaris TRD Sportivo ในงาน Motor Expo 2014 โดยมาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอก, ชุดสเกิร์ตรอบคัน พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 15 นิ้ว ปลายท่อไอเสียสแตนเลส และเซ็นเซอร์ถอยหลัง

ส่วนห้องโดยสารภายในของ Yaris TRD Sportivo ใช้เบาะนั่งหนังแท้ทรงสปอร์ต พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ชุดแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าสีเงิน ติดตั้งเครื่องเล่น DVD แบบ 1 แผ่น พร้อมระบบนำทางและช่องต่อ AUX รองรับบริการ smart G-BOOK

ในเดือนมีนาคม 2559 Toyota เปิดตัว Toyota Yaris TRD Sportivo ปรับโฉมสดใหม่อีกรอบ กับสีส้ม พร้อมชุดแต่ง TRD Sportivo รอบคัน และล้ออัลลอยดีไซน์เท่ขนาด 15 นิ้ว ภายในใช้โทนสีดำสลับส้ม และเบาะหนังดีไซน์ใหม่ สีดำสลับกับสีส้ม เป็นต้น

ในเดือนพฤศจิกายน 2559 Toyota เปิดตัว Toyota Yaris TRD Sportivo กับสีเหลืองใหม่ (Limited Edition) พร้อมชุดแต่ง TRD Sportivo รอบคัน และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ภายในใช้โทนสีดำสลับเหลือง และเบาะหนังสีดำเดินด้ายสีเหลือง เป็นต้น

ต่อมาในวันที่ 14 กันยายน 2560 Toyota ก็ได้ปรับโฉม Toyota Yaris สักหน่อย กับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน ภายนอกดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายในสวยสะดุดตา กว้างขวางสะดวกสบาย ในนิยาม “New YARIS…YES, THAT’S RIGHT!” ที่สุดของความใช่ ในสไตล์คุณ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้ >> Toyota เปิดตัว Yaris Minorchange ใหม่ ราคาเริ่มต้น 479,000 บาท

16 ตุลาคม 2561 Toyota Yaris เพิ่มรุ่น Yaris G+ ที่ตกแต่งดูคมเข้มขึ้น กับกระจังหน้าสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงาพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ปัดเงาสีทูโทน และภายในตกแต่งสีดำเปียโนแบล็ค เบาะนั่งหุ้มหนัง ตกแต่งด้ายสีแดง กับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมจอ LCD เป็นต้น

จัดชุดเครื่องเสียง พร้อม DVD หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อ Bluetooth, USB, HDMI และ Micro SD Card กับลำโพง 6 ตำแหน่ง และกล้องมองหลังมาให้

มาถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 Toyota เข็น Toyota Yaris “รุ่นปรับปรุงใหม่” พร้อมชุดแต่ง Yaris Cross สไตล์ CROSSOVER รอบคัน ออกมาทำตลาด

เครื่องยนต์ใหม่ รหัส 3NR-FKE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-iE พร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i และฟังก์ชัน S Mode ขับสนุกมากยิ่งขึ้น (Fun-To-Drive) มอบแรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.3 กม./ลิตร รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

และยังมาพร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System) กับระบบ ABS, EBD, BA, VSC, TRC และ HAC มาตรฐานความปลอดภัยครบครัน พร้อมถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 7 ตำแหน่ง และกล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง

19 สิงหาคม 2563 Toyota ปรับโฉม Toyota Yaris “รุ่นปรับปรุงใหม่” (อีกแล้ว) ปรับดีไซน์ใหม่ให้โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟังก์ชันความปลอดภัย Toyota Safety Sense โดยเฉพาะระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (LDA) ที่มีครั้งแรกในตลาดรถยนต์นั่งอีโคคาร์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้ >> Toyota เผยโฉม New Yaris และ New Yaris ATIV ใหม่! ในราคา 539,000 – 684,000 บาท

15 กุมภาพันธ์ 2564 Toyota แนะนำ Toyota Yaris รุ่นพิเศษ “Play” (Limited Edition) จำนวนจำกัดเพียง 1,500 คัน ด้วยสีภายนอกใหม่ “Ice Pink Metallic” พร้อมกระจังหน้าด้านบนสีดำเงา และล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน “Dark Mulberry” ลายใหม่ ตกแต่งภายในห้องโดยสารโทนสีใหม่ “Dark Mulberry” และเบาะหนังสีทูโทนขาว-ดำ ตกแต่งด้วยด้ายสี “Dark Mulberry” และเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ

และล่าสุด … 20 กันยายน 2564 Toyota (โตโยต้า) เผยโฉม Eco-Car (อีโคคาร์) ยอดนิยมรุ่นปรับปรุงใหม่ Toyota Yaris 2022 (โตโยต้า ยาริส) (อีกแล้ว!) พร้อม Toyota Yaris รุ่นพิเศษ Sport Premium X และ Sport X ที่เหมาะกับการติดตั้งชุดตกแต่งพิเศษ X-URBAN โดดเด่น สไตล์ Crossover

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้ >> Toyota ปรับโฉม Toyota Yaris และ Yaris ATIV 2022 ใหม่! ในราคา 539,000 – 684,000 บาท

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เรามี Toyota Yaris รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 15 คันครับ ได้แก่ …..

1. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2014 เลขไมล์ 148,751 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2014-G60JRK.html

2. Toyota Yaris 1.2 G ปี 2014 เลขไมล์ 195,461 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2014-D80Q27.html

3. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2015 เลขไมล์ 112,604 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 289,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-D593X5.html

4. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2015 เลขไมล์ 91,639 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-GJ6KYQ.html

5. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2015 เลขไมล์ 178,815 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-E1WQ44.html

6. Toyota Yaris 1.2 G ปี 2015 เลขไมล์ 161,774 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-DXO139.html

7. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2015 เลขไมล์ 141,397 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-GJVJO6.html

8. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2015 เลขไมล์ 232,943 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 289,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2015-EZ2LRL.html

9. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2016 เลขไมล์ 89,184 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 299,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2016-G907Z8.html

10. Toyota Yaris 1.2 G ปี 2017 เลขไมล์ 57,201 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2017-D26KWQ.html

11. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2017 เลขไมล์ 56,626 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2017-DR1XY9.html

12. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 72,245 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2018-DL10R6.html

13. Toyota Yaris 1.2 J ปี 2018 เลขไมล์ 40,074 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2018-GM934N.html

14. Toyota Yaris 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 28,027 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 419,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2019-E1WQLP.html

15. Toyota Yaris 1.2 MID ปี 2019 เลขไมล์ 29,526 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 469,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-yaris-2019-DO2QX2.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Toyota Yaris มือสอง (โตโยต้า ยาริส มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Toyota Yaris ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

Previous page 1 2 3 4 Next page

Tag : คาร์โร ออโต้มอลล์

1. Honda CR-V 2.4 E ปี 2018 เลขไมล์ 61,915 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 949,000 บาท!

1. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 65,501 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

2. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 39,140 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

3. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 37,303 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

4. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 22,638 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

5. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 29,766 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

6. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 16,439 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 249,000 บาท!

7. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 44,441 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

8. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 49,053 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

9. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 26,383 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

10. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 16,581 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

11. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 39,336 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

12. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 52,633 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

13. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 48,283 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 239,000 บาท!

14. Nissan March 1.2 S ปี 2019 เลขไมล์ 27,711 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 239,000 บาท!

15. Nissan March 1.2 E ปี 2019 เลขไมล์ 35,096 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

16. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 51,189 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

17. Nissan March 1.2 S ปี 2019 เลขไมล์ 41,433 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

18. Nissan March 1.2 E ปี 2017 เลขไมล์ 58,431 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

19. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 114,340 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 289,000 บาท!

20. Nissan March 1.2 S ปี 2018 เลขไมล์ 13,251 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

21. Nissan March 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 17,034 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

22. Nissan March 1.2 E ปี 2020 เลขไมล์ 5,487 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

23. Nissan March 1.2 S ปี 2017 เลขไมล์ 1,437 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

1. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS-Ltd. ปี 2018 เลขไมล์ 47,955 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

2. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 92,516 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

3. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2016 เลขไมล์ 119,706 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

4. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS-Ltd. ปี 2016 เลขไมล์ 89,500 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 409,000 บาท!

5. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2020 เลขไมล์ 33,458 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

6. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 46,706 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

7. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2020 เลขไมล์ 6,413 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

8. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 56,798 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

9. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 29,180 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

10. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 60,660 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

11. Mitsubishi Attrage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 33,036 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

12. Mitsubishi Attrage 1.2 GLS ปี 2019 เลขไมล์ 19,388 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 379,000 บาท!

1. Honda Freed 1.5 SE ปี 2011 เลขไมล์ 162,039 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ลดราคา! เหลือ 379,000 บาท!

2. Honda Freed 1.5 SE ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 100,299 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 449,000 บาท!

3. Honda Freed 1.5 EL ปี 2012 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 137,624 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 439,000 บาท!

4. Honda Freed 1.5 EL ปี 2019 (โฉมไมเนอร์เชนจ์) เลขไมล์ 28,962 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ฟรีดาวน์! ราคา 489,000 บาท!

1. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2013 เลขไมล์ 60,420 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 309,000 บาท!

2. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2016 เลขไมล์ 73,660 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

3. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2017 เลขไมล์ 49,600 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

4. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2017 เลขไมล์ 52,720 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 319,000 บาท!

5. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 61,021 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

6. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2012 เลขไมล์ 168,257 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 199,000 บาท!

7. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 93,860 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

8. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 34,394 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

9. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2018 เลขไมล์ 16,392 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

10. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2018 เลขไมล์ 47,731 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 269,000 บาท!

11. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2017 เลขไมล์ 105,841 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

12. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2019 เลขไมล์ 29,973 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 369,000 บาท!

13. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2017 เลขไมล์ 67,782 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 259,000 บาท!

14. Mitsubishi Mirage 1.2 GLX ปี 2019 เลขไมล์ 22,830 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 399,000 บาท!

15. Mitsubishi Mirage 1.2 GLS ปี 2013 เลขไมล์ 134,117 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 189,000 บาท!

1. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD ปี 2012 เลขไมล์ 135,509 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 479,000 บาท!

2. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2013 เลขไมล์ 152,020 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 479,000 บาท!

3. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2015 เลขไมล์ 141,853 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 615,000 บาท!

4. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Navi ปี 2015 เลขไมล์ 162,596 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 579,000 บาท!

5. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV CD ปี 2016 เลขไมล์ 150,220 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 635,000 บาท!

6. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Premium ปี 2016 เลขไมล์ 104,363 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 689,000 บาท!

7. Toyota Camry Hybrid 2.5 HV DVD Premium ปี 2017 เลขไมล์ 185,382 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 729,000 บาท!

8. Toyota Camry 2.0 G ปี 2018 เลขไมล์ 26,578 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 979,000 บาท!

9. Toyota Camry Hybrid 2.5 Hybrid ปี 2018 เลขไมล์ 70,351 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ลดราคา! เหลือ 1,069,000 บาท!

1. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 35,668 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 339,000 บาท!

2. Nissan Almera 1.2 E ปี 2015 เลขไมล์ 51,816 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

3. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2015 เลขไมล์ 54,348 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

4. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 42,094 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 359,000 บาท!

5. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 40,736 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

6. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2016 เลขไมล์ 110,608 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

7. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2017 เลขไมล์ 75,494 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

8. Nissan Almera 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 16,788 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 329,000 บาท!

9. Nissan Almera 1.2 E ปี 2018 เลขไมล์ 31,901 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 299,000 บาท!

10. Nissan Almera 1.2 E ปี 2012 เลขไมล์ 43,776 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 209,000 บาท!

11. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 69,286 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 349,000 บาท!

12. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 74,739 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 309,000 บาท!

13. Nissan Almera 1.2 V Sportech ปี 2016 เลขไมล์ 181,139 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 279,000 บาท!

14. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2018 เลขไมล์ 102,510 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 319,000 บาท!

15. Nissan Almera 1.2 E Sportech ปี 2019 เลขไมล์ 78,212 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!