Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

หากพูดถึงรถยนต์มือสอง แน่นอนว่าหลายๆ คน ก็มักจะเลือกซื้อใช้ เพราะเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์มือหนึ่งป้ายแดงอย่างเห็นได้ชัดเจน และรวมไปถึงเรื่องของคุณภาพ และสภาพรถยนต์มือสองทั่วไปในปัจจุบัน ก็คงสภาพได้ดีด้วยอีกด้วย ดังนั้น ไม่แปลกใจเท่าไรที่เพื่อนๆ หลายคนเลือกใช้รถยนต์มือสองกันมากขึ้น

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ใช้รถมือสอง ประกันรถยนต์ยังจำเป็นอยู่ไหม?

แน่นอนว่าอาจจะมีเพื่อนๆ หลายคนที่มักมีความคิดว่าการซื้อรถยนต์มือสองคือการซื้อขาย หรือใช้รถยนต์ต่อจากคนอื่น ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีประกันรถยนต์ก็ได้เหมือนกัน อาจจะดูเป็นความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไรนัก แต่เชื่อสิว่ายังมีคนคิดแบบนี้อยู่จริงๆ นะ ทางมาสิ ขอแนะนำให้เพื่อนๆ พักความเชื่อเหล่านี้เอาไว้ก่อน

เราอยากจะบอกว่ากับเพื่อนๆ ทุกคนว่า ประกันภัยรถยนต์ยังถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งป้ายแดงหรือมือสองก็ตาม เพราะหน้าที่หลักของการทำประกันรถยนต์ คือ การคุ้มครองทั้งตัวเราและรถยนต์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เกิดเหตุที่ไม่คาดคิด เห็นไหมว่า มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าต้องเป็นรถยนต์มือหนึ่งอย่างเดียวที่ควรทำ รถยนต์ใดๆ ก็สามารถทำประกันรถยนต์ได้ทั้งนั้น

แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อรถมือสองมาใช้งาน แล้วพบว่าไม่รู้ว่า เราควรจะเลือกทำประกันรถมือสองประเภทไหนดีถึงจะเหมาะสม วันนี้ มาสิ มีคำแนะนำดีๆ มาฝากกัน ไปดูกันว่า รถมือสอง ทำประกันรถยนต์แบบไหนดี

Carro-Masii-Auto-Insurance-And-Secondhand-Car

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีอายุรถมือสองที่ไม่เก่ามากนัก และใช้งานเป็นประกันทางเราขอแนะนำให้ทำประกันชั้น 1 ไปเลยเพราะว่า จะให้ความคุ้มครองที่มากกว่าชั้นอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยต่างๆ แต่ยังครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองกรณีรถชนไม่มีคู่กรณีอีกด้วยนะ เช่น รถชนต้นไม้ ชนกำแพง เป็นต้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากประหยัดค่าเบี้ยประกันน้อยลง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากสำหรับรถมือสอง โดยเฉพาะหากรถมือสองมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป สำหรับความคุ้มครองนั้นจะใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เลย แตกต่างตรงกันที่ชั้น 2+ จะชดเชยความเสียหายกรณีรถชนที่มีคู่กรณีเท่านั้น

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

ประหยัดได้เพิ่มขึ้นด้วยเบี้ยประกันที่ถูกลง แต่ความคุ้มครองสำหรับชั้น 3+ นั้นไม่ได้แตกต่างกับชั้น 1 และ 2+ โดยเฉพาะรถมือสองที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ประกันชั้นนี้จะเหมาะกับรถของเพื่อนๆ เลย สำหรับความคุ้มครองจะแตกต่างตรงที่ไม่ครอบคลุมถึงรถหาย และไฟไหม้รถ

เพียงเท่านี้ทาง มาสิ ก็หวังว่าเพื่อนๆ ที่มีรถมือสองอยู่น่าจะทราบและหาได้แล้วว่ารถยนต์ของเราเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้นไหน หากใครสนใจหรือมองหาประกันรถยนต์ สามารถโทรเข้ามาสอบถามเบี้ยได้เลยที่ 02-710-3100 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Carro x Frank - จะให้ดี... ควรต่อประกันรถตอนไหน

มีรถยนต์ก็ต้องดูแล! ต้องเทคแคร์อย่าให้ขาดทั้งน้ำมัน ทั้งซ่อมบำรุง ทั้งเติมลมยาง และอื่นๆ มากมาย และที่ลืมไม่ได้เลยคือการต่อประกันรถยนต์เพิ่มความคุ้มครองนอกเหนือจาก พ.ร.บ.รถยนต์

ถามว่าเราควรต่อประกันรถยนต์ตอนไหน ?

คงต้องตอบตรงๆ ว่า มีให้เลือกต่อประกันรถยนต์หลายช่วงเวลาตามนี้

1. ต่อล่วงหน้า 3 เดือนก่อนหมดอายุ
2. ต่อล่วงหน้า 1 เดือนก่อนหมดอายุ
3. ต่อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

และเพื่อชาว CARRO ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพนกวิน Frank.co.th โบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์ขออธิบายตามนี้ครับ!!

Car-Insurance-For-New-Driver

1. ต่อประกันรถล่วงหน้า 3 เดือน

คงต้องบอกว่า “หากกลัวลืม!!” และต้องการความดูแลต่อเนื่อง
เราสามารถต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือนก่อนประกันหมดอายุ

สำหรับการต่อประกันล่วงหน้ามีข้อดียังไงบ้าง ?

  • มีเวลาได้พิจารณาเงื่อนไขที่ดีที่สุด
  • มีเวลาอ่านข้อตกลง และเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยที่ต้องการ
  • มีเวลาผ่อนจ่ายยาว ๆ สบาย ๆ ไม่ตึงมือ
  • มีเวลาเคลมรถยนต์และนำเข้าซ่อมก่อนต่อประกันกับที่ใหม่
  • และที่สำคัญคือมีความคุ้มครองต่อเนื่อง

ดังนั้น การต่อประกันภัยล่วงหน้า 3 เดือนนั้น เหมาะสำหรับคนขี้ลืมและเหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนบริษัทฯ ประกันรถยนต์เป็นบริษัทใหม่ แนะนำให้ซื้อประกันล่วงหน้าเลย หากใครเงินไม่พออยากได้ประกันชั้น 1 บางโบรกเกอร์มีผ่อน 0% ให้เลือกด้วยนะ

What-Is-Excess-In-Insurance

2. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน

ไม่มากไม่น้อยครับสำหรับช่วงเวลา 1 เดือน สำหรับคนที่ต้องการต่อประกันกับเจ้าใหม่ เมินบริษัทฯ เดิม เรายังมีเวลาได้หายใจหายคอดูเบี้ยประกันภัย เทียบความคุ้มครอง เลือกทุนประกัน และมองหาบริการเสริมอื่นๆ จากโบรกเกอร์ออนไลน์เจ้าดังทั้งหลายที่พร้อมให้บริการ

ข้อดีของการต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน คือ

  • ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านานเกินไป
  • มีเวลาเคลมรอยรอบคัน หรือเคลมแห้งซ่อมกับประกันเจ้าเดิม
  • รับความคุ้มครองต่อเนื่อง (แต่ต้องตัดสินใจในทันนะ)

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

3. ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ

ถ้าเลือกเพลินเกินห้ามใจ อันนี้ก็ดีอันโน้นก็ดี ตัดใจไม่ได้สักที อันนี้ก็ต้องบอกว่าอาจเสี่ยงหน่อย ๆ ครับ สำหรับการซื้อล่วงหน้า 1 วันก่อนหมดอายุ เพราะประกันรถยนต์บางเจ้าอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบรถยนต์ก่อนรับประกันก็มี และอาจจะมีระยะเวลาดำเนินการอยู่บ้างครับ

อ่านมาถึงตรงนี้เลือกได้หรือยังครับ ? ว่าต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าแบบไหนเหมาะกับเรา ?

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก จส.100

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

ปัจจุบันนี้ รถมือสองในบ้านเราก็จัดได้ว่ามีจำนวนมาก (ซึ่งย้อนเวลาไปหลายปีก่อน รถพวกนี้ก็คือรถใหม่นั่นล่ะ) ซึ่งก็มีหลายคันที่อายุเกิน 7 ปีขึ้นไปแล้ว โดยปกติแล้วถ้าซื้อมาใช้ตั้งแต่ตอนยังเป็นป้ายแเดง ก็จะมีประกันภัยชั้น 1 ติดรถมาด้วย ซึ่งโดยปกติ ถ้าคุณต่อประกันภัยชั้น 1 กับบริษัทเดิมอย่างต่อเนื่อง และมีประวัติที่ดี ก็อาจจะต่อประกันภัยชั้น 1 ได้นานถึง 10 ปี หรือมากกว่านั้นก็ยังได้ …

ข้อดีและข้อเสียของประกันภัยชั้น 1 อย่างที่รู้ๆ กัน นั่นคือ ให้ความคุ้มครองมาก เช่น กรณีรถถูกชนแล้วหนี ซึ่งประกันภัยประเภทอื่นไม่คุ้มครอง แถมยังได้ส่วนลดทุกปี ถ้าคุณใช้รถเก๋งมือสองแบบ Compact Car ทั่วไป บางทีจ่ายค่าเบี้ยประกันไม่ถึง 1 หมื่นบาท ด้วยซ้ำ ถ้าประวัติการเคลมของคุณมีน้อยๆ นะ แต่ค่าเบี้ยประกันภัยที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

แต่รถมือสองหลายคัน อาจจะไม่ได้ต่อประภันภัยชั้น 1 มานานแล้ว เมื่อเราไปซื้อรถมือสองมาจากรถบ้าน หรือรถเต็นท์ แล้วอยากที่จะทำประกันภัยชั้น 1 ก็ลำบากซะแล้ว เพราะบริษัทประกันภัย จะรับทำประกันภัยชั้น 1 กับรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 7 ปีเท่านั้น

ประกันภัยชั้น 2+ และ 3+ จึงเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับจุดนี้ เหมาะสำหรับรถมือสองที่มีอายุเกิน 4 ปีขึ้น ไป เพราะอะไร? ลองดูคุณสมบัติกัน …

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 ต่างกันเพียงคุ้มครองแค่อุบัติเหตุ ที่เกิดจากการชนของ “รถยนต์” เท่านั้น (ซึ่ง ถ้ามีมอเตอร์ไซค์ หรือพาหนะอื่นๆ มาชน จะไม่ได้รับความคุ้มครอง) ราคาเบี้ยประกันไม่แพงมาก เหมาะสำหรับคนที่มีเคลมน้อยๆ

สำหรับความคุ้มครอง แยกออกมาได้เป็นข้อๆ ดังนี้

– ความเสียหายต่อตัวรถ เฉพาะกรณีชนกับพาหนะทางบก
– ชีวิตและร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์เอาประกันภัย
– ทรัพย์สินบุคคลภายนอก
– การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาล และการประกันตัวผู้ขับขี่
– การสูญหายและไฟไหม้ตัวรถ
– ภัยธรรมชาติ หรือ ภัยก่อการร้าย

Old-Car-Over-7-Years-With-Insurance

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ถือว่าคุ้มค่ามาก เหมาะสำหรับรถเก่าๆ หรือคนที่ไม่ได้ขับรถบ่อยๆ เท่าไหร่ เพราะเป็นประกันภัยที่เน้นจ่ายเฉพาะเราขับไปชนคนอื่นเป็นหลัก อีกทั้งถ้ารถคุณมีประวัติดี ไม่เคยเคลม เวลาต่อประกันภัย ก็ยังได้ส่วนลดประวัติอีกด้วย และเบี้ยประกันภัยก็ไม่แพงมาก

สำหรับความคุ้มครอง แยกออกมาได้เป็นข้อๆ ดังนี้

– ความเสียหายต่อตัวรถ เฉพาะกรณีชนกับพาหนะทางบก
– ชีวิตและร่างกายบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถยนต์เอาประกันภัย
– ทรัพย์สินบุคคลภายนอก
– การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาล และการประกันตัวผู้ขับขี่

ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณแล้วล่ะครับ ถ้าจะเลือกทำประกันภัยแบบไหน เอาตามงบที่มี หรือเอาตามเงื่อนไขความคุ้มครอง ล้วนแล้วดีทั้งหมดครับ

—–

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก จส.100

How-Engines-Lose-Oil-Lubricants

ปกติของรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ก็ควรหมั่นตรวจสอบดูแลรักษาบ้างอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อดูว่ามีส่วนใดผิดปกติหรือบกพร่องบ้างหรือไม่ หลายๆ คน ขับรถเป็นอย่างเดียว ดูแลรักษารถไม่เป็นเลยก็มี

เครื่องยนต์ของรถ ก็จัดเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ปกติระดับน้ำมันเครื่อง เวลาเราใช้ไปมันก็จะมีลดลงไปบ้างอยู่แล้ว จากการเผาไหม้หรือเสียดสีกับเหล็กภายในเครื่องยนต์ แต่บางกรณีเล่นหายกันแบบหมดไวมาก เหมือนโดนดูดเลย บางคนกว่าจะรู้ตัวอีกที น้ำมันเครื่องขาด น้ำมันเครื่องแห้ง ส่งผลตามมาถึงขั้นเครื่องยนต์พัง ได้ยกเครื่องใหม่เลยทีเดียว

สาเหตุอะไรบ้าง ที่ทำให้น้ำมันเครื่องหาย มาดูกันครับ …

1. เครื่องยนต์สึกหรอมาก

How-Engines-Lose-Oil-Lubricants

เครื่องยนต์สึกหรอมาก ส่งผลให้การเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ หรือในกระบอกสูบไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์ตก ควรดูว่ากระบอกสูบ ลูกสูบ และแหวนลูกสูบ สภาพเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าสึก หลวม กร่อน หรือไหม้ หรือไหลไปผสมกับเชื้อเพลิง ก่อให้เกิดปัญหาควันขาว ก็ควรเปลี่ยนใหม่

2. ซีลต่างๆ มีการรั่วซึม

How-Engines-Lose-Oil-Lubricants

ลองก้มไปดูใต้ท้องรถ หลังจากจอดรถเสร็จแล้วซิว่า มีหยดน้ำมันเครื่องสีน้ำตาลดำๆ ลงมาที่พื้นบ้างหรือไม่ ถ้ามี ลองดูตามซีลยางต่างๆ เช่น ซีลหน้าเครื่อง ซีลท้ายเครื่อง ฝาเครื่อง หรือประเก็นต่างๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน จะเกิดความร้อนและแรงดัน ทำให้น้ำมันเครื่องถูกดันผ่านปะเก็น ซีล โอริงต่างๆ ถ้าเจอจุดรั่วซึมแล้ว ก็รีบขับรถเข้าอู่เปลี่ยนใหม่เถอะ

3. วาล์วสึก วาล์วยัน

How-Engines-Lose-Oil-Lubricants

อะไรที่เกี่ยวกับวาล์วทั้งหลายแหล่ เช่น ก้านวาล์ว ร่องนำวาล์ว ยางหมวกวาล์ว (หรือ ยางตีนวาล์ว) รถยนต์ของใครที่ใช้แก๊ส LPG มักจะเป็นกันไว 2-3 ปี ก็ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะแก๊ส LPG มีความร้อนสูง ซีลต่างๆ เสื่อมเร็วกว่าพวกใช้น้ำมัน

ถ้าชิ้นส่วนวาล์วหมดสภาพ หรือยางแข็งตัวแล้ว ก็ควรเปลี่ยนซะใหม่ เพราะทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้น้ำมันเครื่องไหลผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้ วิธีแก้ก็เปลี่ยนใหม่ซะ แต่บางอาการก็อาจจะต้องจ่ายมากหน่อย เช่น วาล์วรั่ว

ทางที่ดี ถ้าคุณใช้รถมือสองอายุหลายปีแล้ว อย่าลืมตรวจเช็คน้ำมันเครื่องสัปดาห์ละครั้งนะครับ อย่างน้อยๆ ก็กันไว้ดีกว่าแก้ครับ

ขอขอบคุณภาพจาก อู่เรืองยนต์

IphoneXs-Xr-VS-UsedCar

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ 10 รถมือสอง ที่ราคาเท่า “iPhone Xr, Xs และ Xs Max

เป็นที่ทราบกันแล้วนะครับว่า สำหรับ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ไปใน USA ตั้งแต่เมื่อคืนของวันที่ 13 กันยายน 2561 (ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งมีคุณสมบัติและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น จอใหญ่ขึ้น ขยายความจุเป็น 512GB! (ถูกใจสาวก Apple กับ iPhone หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะ?)

iPhone-XR-Thai-Price

iPhone-XS-Thai-Price

iPhone-XS-Max-Thai-Price

ภาพจาก IPhoneMod.net

และแน่นอนอยู่แล้วว่าราคาของ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ต้องปรับสูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมแน่นอน ทำให้สาวก iPhone ต้องคิดแล้วล่ะว่า ตีราคาออกมาเป็นเงินไทย สูงมากเลยทีเดียว (รุ่น Top สุด ราคาเหยียบครึ่งแสนเข้าไปแล้ว! เราจะย้อนกลับไปใช้โทรศัพท์มือถือ ราคาครึ่งแสน เหมือนเมื่อ 10 กว่าปีแล้วหรือเนี่ย!)

เอาเงินนี้ ไปซื้ออย่างอื่นดีกว่าหรือเปล่า? ซื้อรถมือสองดีมั้ย?

Carro ขอแนะนำ 10 รถมือสอง ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาของ iPhone Xr / iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ว่ามือถือรุ่น Top ราคาจะสามารถซื้อรถมือสองได้ 1 คัน!

Carro จึงขอนำเสนอรถยนต์มือสอง ในช่วงประมาณยุค 90 ที่มีราคาตั้งแต่ 3 – 5 หมื่นบาท ที่มีความทนทาน ดูแลง่าย อะไหล่พอหาได้เยอะหน่อย จะมีรุ่นใดบ้าง … เชิญอ่านได้เลยครับ

Toyota Corolla 1.3 / 1.6 (EE100/AE101)

Toyota-Corolla-AE101

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) เป็น Corolla “สามห่วง” รุ่นที่ถือว่าสร้างตำนานในบ้านเราอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ถือเป็นรุ่นแรกที่ใช้ Logo “Toyota” แบบใหม่ที่เป็นสามห่วง เปิดตัวในไทยเมื่อ 13 มีนาคม 2535 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E (และ 4E-FE ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์) และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ (แค่พอวิ่งได้) ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ก็มีคนลงขายแล้วครับ แต่ถ้าจะเอาแบบสภาพดีๆ หน่อย ก็ต้องเพิ่มงบไปอยู่ที่ประมาณ 5 – 6 หมื่นบาทครับ …

Toyota Corona 1.6 (AT191/ST191)

Toyota-Corona-ST191

Toyota Corona (โตโยต้า โคโรน่า) รุ่น “ท้ายโด่ง” “ท้ายแยก” ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น และถือเป็นโคโรน่ารุ่นสุดท้ายที่ขายในไทย โฉมนี้เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2536 มาพร้อมรูปทรงอ้วนกลมน่ารัก ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE, เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 3S-FE ก่อนจะปรับโฉมกันอีกครั้ง ในภายหลังเพิ่มรุ่น Exsior ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัย พร้อมกับเปลี่ยนชุดแผงคอนโซลภายในใหม่

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงินประมาณ 4 หมื่นบาท ก็สามารถหารุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร (หรือรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สภาพโทรมๆ บางคัน) มาขับได้แล้ว แต่ถ้าอยากได้ดีกว่านี้ ก็ต้องจ่ายแพงเพิ่มขึ้นกว่านั้น

Honda Civic 1.5 / 1.6 (EG)

Honda-Civic-EG

Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) รุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปี 2535 โดยเป็นรุ่น 4 ประตูมาก่อน พอในปี 2536 ถึงจะเป็นตัวแฮทช์แบค 3 ประตู เปิดตัวตามมาทีหลัง สร้างยอดจองถล่มทลาย 10,000 คัน หลังจากเปิดตัวไปใน 7 วัน

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร คาร์บูเรเตอร์ 91 แรงม้า, 1.6 ลิตร หัวฉีด 120 แรงม้า และ 1.6 ลิตร VTEC 130 แรงม้า ที่ตามมาในภายหลัง และยังมีรุ่น 4 ประตู VTi นำเข้าจากญี่ปุ่นอีกด้วย มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด มีเงินแค่ 3 หมื่นบาทกลางๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้ 4 ประตู (ถ้าตัว 3 ประตู อาจต้องเพิ่มเงินอีกนิดนึง) มาขับได้แล้ว แต่ก็ตามสภาพนะครับ

Honda Accord 2.0 (CB)

Honda-Accord-CB

Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) รุ่นนี้มีฉายาว่า “ตาเพชร” ซึ่งก็ถือเป็นรถรุ่นแรกๆ ในไทย ที่ใช้ไฟหน้าแบบ “มัลติรีเฟล็กเตอร์” (Multi-Reflector) ที่ให้ความสว่างกว่าไฟหน้าโคมแก้วทั่วไป จนกลายมาเป็นฉายาของรุ่นนี้ โดยเปิดตัวเมื่อปี 2533 ในยุคนั้นถือว่าขายดีมาก ตั้งแต่เป็นรถครอบครัว ไปยันเป็นรถระดับผู้บริหารใช้ …

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร คาร์บูเรเตอร์ 112 แรงม้า และ 2.0 ลิตร หัวฉีด 135 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีเงินประมาณ 3 หมื่นบาทปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับเท่ๆ (กับซ่อมไปด้วย) ได้แล้ว!

Nissan Sunny 1.5 / 1.6 (B14)

Nissan-Sunny-B14

Nissan Sunny (นิสสัน ซันนี่) อีก 1 รถยอดนิยมจากค่ายสยามกลการในอดีต สำหรับ นิสสัน ซันนี่ B14 เปิดตัวในปี 2537 ออกมาในหลายโฉมมาก ขายมาจนถึงช่วงปี 2543

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส GA15DE 105 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส GA16DE 120 แรงม้า ต่อมาปรับปรุงใหม่เป็นรหัส GA16DNE 110 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด แบบตามสภาพ มีให้เลือกเยอะแยะ ตั้งแต่ราคาประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ไปจนถึง 5 หมื่นบาท

Nissan Bluebird 2.0 SSS (U13)

Nissan-Bluebird-SSS-U13

Nissan Bluebird (นิสสัน บลูเบิร์ด) “SSS” เป็น Bluebird รุ่นสุดท้ายที่ขายในบ้านเรา โดยการนำเข้าจากญี่ปุ่นของ สยามกลการ สมัยนั้น ถ้าใครที่ชอบรถนำเข้ารูปทรงสวย ดูไม่ล้าสมัย ออพชั่นเพียบ เครื่องแรง ก็ลองหาตัวนี้มาเล่นกันดูครับ (แต่ก็หาสภาพดีๆ ยากหน่อยนึง)

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส SR20DE 145 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด เอาแบบรถเน่าๆ เลยนะ 2 หมื่นกว่าบาท ก็มีคนขายให้เห็นมาแล้ว ส่วนตามสภาพ มีเงิน 3 – 4 หมื่นบาท ก็สามารถหาซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว

Mitsubishi Galant Ultima

Mitsubishi-Galant-Ultima

Mitsubishi Galant Ultima (มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติม่า) ถือเป็น Galant รุ่นสุดท้าย ที่ประกอบขายในบ้านเรา ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมจากคนชอบแต่งรถบ้าง เปิดตัวในปี 2537 ขายลากยาวกันมาจนถึงช่วงปี 2541 ได้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 4G63 140 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร V6 รหัส 6A12 155 แรงม้า

ราคาในตลาด แบบตามสภาพนะ มีเงิน 3 หมื่นกว่าบาท ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว ถือเป็นรถรุ่นใหญ่น่าใช้ ในราคามือสองที่ขายกันถูกมากๆ

Mazda 323 (BH) / 323 Astina 1.8 (BH)

Mazda-323

Mazda-323-Astina

Mazda 323 (มาสด้า 323) และ Mazda 323 Astina (มาสด้า 323 แอสติน่า) ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่มี Astina ขายพ่วงด้วย และอยู่ภายใต้การจำหน่ายของกมลสุโกศล เปิดตัวในไทยเมื่อปี 2537 และขายมาเรื่อยๆ จนถึงประมาณปี 2541 ก่อนที่ มาสด้า กมลสุโกศล จะโดนบริษัทแม่เข้ามาควบรวมกิจการไปในปี 2542

มาสด้า 323 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส B6 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ส่วนในรุ่น Astina ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส BPD 125 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ราคาในตลาด มีเงิน 3 หมื่นปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้แบบตามสภาพมาขับได้แล้ว ส่วน Astina อาจจะต้องเพิ่มเงินนิดๆ แต่จริงๆ แล้ว แค่ 4 หมื่น ก็พอหารถแบบตามสภาพได้แล้วครับ

อันสุดท้าย เผื่อคนอยากได้รถยุโรป … BMW 520i / 525i (E34)

BMW-Series-5-E34

BMW ซีรี่ส์ 5 โฉม E34 ในยุคที่บริษัท ยนตรกิจ จำกัด เป็นผู้จำหน่าย เริ่มเผยโฉมในไทยเมื่อปี 2532 มีให้เลือกทั้งรุ่น 520i, 525i, 520iS และยังมีรุ่นแวกอน นำเข้ามาตามสั่งอีกด้วย ตัวรถภายนอกดูสปอร์ต เท่ ภายในหรูหรา ถูกใจวัยรุ่นวัยเฒ่าทั้งหลาย ที่ชอบรถหรูๆ แนวผู้บริหารใช้ ในราคาที่สมัยก่อนตอนออกใหม่ซื้อไม่ไหว …

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า, เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร 192 แรงม้า … รุ่นนี้ได้ขายเรื่อยๆ ในบ้านเรา จนถึงปลายปี 2539 แล้วลากขายรถในสต๊อกจนถึงปี 2540

ราคาในตลาดยุคนี้ มีรถมือสองรุ่นนี้ โผล่มาแบบถูกอย่างเหลือเชื่อ ถ้าแบบเน่าๆ เลยนะ มีเงิน 3 หมื่นปลายๆ ก็สามารถซื้อรถรุ่นนี้มาขับได้แล้ว! สุดยอดจริงๆ! (แต่ค่าซ่อม ไม่รู้ต้องเตรียมไว้เท่าไหร่นะ …) ถ้าจะให้ดี หารุ่นนี้ราคาประมาณ 6 – 7 หมื่นบาท หรือหลักแสนดีกว่า ได้สภาพรถที่ดีกว่าด้วยครับ …

(สงวนลิขสิทธิ์)

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

“ซากรถ” ถ้าจะว่ากันตามตรง ก็คือ รถที่หมดสภาพการใช้งานแล้ว นั่นเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น รถเกิดอุบัติเหตุมา ชนจนยับ แบบว่าโครงสร้างหลักๆ ตัวรถบิดงอไป ถ้าหากซ่อมแล้วคงไม่เหมือนเดิม ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย หรือเป็นรถที่เก่ามากๆ อะไหล่หายากมากๆ เสียหรือจอดทิ้งไว้นานจนใช้การไม่ได้ หรือรถที่ถูกน้ำท่วมมา เป็นต้น

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก สตาร์ บอย

คนอยากขายซากรถ ก็เพราะรถใช้งานไม่ได้แล้ว เก็บไว้ก็รกสถานที่ กับการที่บริษัทประมูล บริษัทประกันภัย ได้ซากรถมาจากผู้เอาประกันภัยอีกที (กฎหมายมีว่า ถ้าทุนประกันเกินกว่า 80% ของราคารถ ซากรถจะเป็นของบริษัทประกันภัย) ส่วนคนซื้อ ก็ต้องการเศษชิ้นส่วนจากซากรถที่ยังพอใช้การได้ นำไปเป็นอะไหล่ใส่ให้รถของตัวเอง แกะชิ้นส่วนขาย หรือนำเศษเหล็กไปหลอมใหม่ ก็มีจะบรรดาอู่หรือป่าช้ารถต่างๆ ติดต่อขอซื้อไปทำอะไหล่กันในราคาถูกๆ

CARRO ขอแนะนำเกร็ดความรู้ต่างๆ สำหรับคนที่อยากซื้อ หรืออยากขายซากรถ ครับ.

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก Buddy Ratchasinghan

อยากซื้อซากรถ

ถ้าเป็นไปได้ หากต้องการซื้อซากรถไปปั้นใหม่ ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ควรเลือกซากรถที่ยังมีทะเบียนอยู่ แต่อาจจะหายากหน่อย (แต่บางกรณี ที่ผู้ขายก็อยากเก็บทะเบียนไว้ เพื่อป้องกันผู้ซื้อไปแล้วนำไปสวมใส่กับรถคันอื่น ในกรณีที่เป็นซากรถจากการเกิดอุบัติเหตุมา หรือป้องกันผู้ซื้อไปแล้ว ไม่ยอมไปโอนทะเบียนรถเป็นของตัวเอง และนำไปทะเบียนไปสวมรถคันอื่นใช้ก่อเรื่องก่อราว)

ที่สำคัญ แม้ว่าจะเป็นซากรถ ก็ต้องทำ “สัญญาซื้อขาย” เฉกเช่นเดียวกับการซื้อขายรถมือสอง ครับ

ถ้าหากอยากซื้อซากรถมาปั้นใหม่ ก็ต้องทำให้จบ ซ่อมแซมให้รถสภาพสมบูรณ์ วิ่งได้ เพราะถ้าสภาพเป็นซากรถ การตรวจสภาพตอนต่อภาษีประจำปี จดทะเบียนรถใหม่ แจ้งเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสี ไม่ผ่านแน่ๆ หรือการนำซากรถหัวตัด หรือท้ายตัด มาต่อกันใหม่ ก็ต้องมีวิศวกรระดับสามัญ เป็นผู้รับรองอีก ถึงจะสามารถนำรถไปตรวจสภาพ จดทะเบียนได้

ระวังซื้อรถแถมคดีมา ซากรถบางคันเป็นรถสวมทะเบียน รถขโมยมา หรือรถติดจำนำที่บ่อน ไม่มีเงินมาไถ่รถคืน รถไม่มีทะเบียน บางคัน ต่อทะเบียนได้แต่ไม่มีเล่ม สวมเล่มทะเบียน รถยำมา อาจจะโดนคดีทั้งคนซื้อเเละคนขาย

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก ช่างนนท์ เซอร์วิส บ้าพลัง

อยากขายซากรถ

การขายซากรถ (แบบเป็นรถที่จอดทิ้งจนพัง หรือซ่อมไม่คุ้ม) ควรขายพร้อมกับเล่มทะเบียนรถไปด้วย เพราะจะได้ราคาที่ดีกว่าซากรถที่ไม่มีเล่มทะเบียน เพราะหลังจากวันที่ 5 ม.ค. 2558 รถที่ยกเลิกการใช้รถในกรณีซากรถ ไม่สามารถจดทะเบียนใหม่ได้ครับ

ส่วนในกรณีที่จะขายซากรถ (แบบที่อุบัติเหตุมา ชนจนยับ ซ่อมไปก็ไม่เหมือนเดิม) ให้ระวังเรื่องทะเบียนรถอย่างเดียว หรือก่อนจะขาย (ถ้าภาษีประจำปียังไม่หมดอายุ) จะไปแจ้งยกเลิกใช้งานรถตลอดไปที่กรมการขนส่งทางบกเลยก็ได้ หรือไม่ก็ตัดเพลทเลขตัวถัง กับเก็บตัวเล่มทะเบียน ไว้ครับ กันพวกไม่หวังดี ซื้อซากไปแล้ว นำรถไปสวมทะเบียน แล้วไปต่อเรื่องก่อราว

ส่วนการขาย ก็เหมือนกับการขายรถมือสอง กรณีต้องการโอนลอย ก็เตรียมเล่มทะเบียนและหลักฐานให้พร้อม ก็สามารถขายได้แล้วครับ

ซื้อซากรถ ขายซากรถ

ภาพจาก ส.รัตกุล เอี่ยมสะอาด

สำหรับใครที่มีซากรถครอบครองอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายทิ้ง หรือเอาซากรถไปทำอะไรต่อดี เชิญมาขายได้ที่ CARRO ง่ายนิดเดียว เรารับซื้อซากรถ เพียงแค่กรอกรายละเอียดใน Link นี้ —> https://th.carro.co/sell-car/express/scrapcar หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

10-Secondhand-Cars-For-Salary-15K

“รถยนต์” ปัจจุบันถือเป็นปัจจัยที่ 5 แล้ว ซึ่งถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ การไม่มีรถขับนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ลำบากนัก เพราะยังมีระบบขนส่งมวลชนรองรับอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ ตามที่ทราบกันดี รวมไปถึงการเดินทางที่เสียเวลาหลายต่อ ต้องมารอรถเมล์ที่กะเวลาไม่ได้ บางทีจำเป็นต้องเข้าตรอกซอยไกลๆ จะพึ่งแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ตลอดไปนั้น คงเหนื่อยหน่อย …

ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานมาหลายปีแล้ว หรือจะเป็นเด็กจบใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน แน่นอนล่ะ เห็นรถที่ออกใหม่ สวยๆ ต่างก็อยากได้ทั้งนั้น ซึ่งรถยนต์หนึ่งคัน ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน ค่าพรบ.รถยนต์ ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

ฐานเงินเดือนที่เด็กจบใหม่ ส่วนใหญ่ก็อาจจะเริ่มต้นกันที่ 15,000 บาท หรือบางอาชีพที่ฐานเงินเดือนไม่สูงนัก ได้เงินเดือนประมาณนี้ก็มี ถ้าหากจะไปซื้อรถป้ายแดงเลย ก็ไหวอยู่ แต่ต้องคุมค่าใช้จ่ายดีๆ เลยล่ะ แต่ถ้าจะมองรถมือสอง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า และเหมาะสมกับสภาวะทางการเงินของคุณ ที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายไม่รัดตัวจนเกินไปนัก

เงินเดือน 15,000 บาท เป็นเจ้าของรถคันไหนได้บ้าง … ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่รถมือสอง อายุ 10-20 ปี ที่เป็นแบรนด์รถตลาด เพราะรุ่นไหนที่มีคนนิยมใช้มากๆ มันจะช่วยให้คุณไม่ลำบากเวลาต้องซ่อม หรือหาอะไหล่

Carro คัดเลือกรถมือสองยอดนิยม ในปีรถที่ไม่เก่ามากนัก มาให้พิจารณากันครับ.

1.Toyota Corolla (EE100/EE101/AE101) “สามห่วง” รุ่นปี 1992-1996

Toyota-Corolla-สามห่วง

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้ Logo “Toyota” โดย Toyota สามห่วง เปิดตัวในไทยเมื่อ 13 มีนาคม 2535 มีเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E (และ 4E-FE ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2537) และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ให้เลือก

เป็นรถที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน 15,000 บาท มาก (หรือคนเงินเดือนมากกว่าจะซื้อใช้ก็ได้เช่นกัน!) เพราะอะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊ส LPG ก็ทน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด นี่คือข้อดีของรุ่นนี้

2.Toyota Corolla (AE110/AE111/AE112) “ตองหนึ่ง”, “ตูดเป็ด” และ “HI-TORQ”

Toyota-Corolla-AE111

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2539 โดย Toyota ตองหนึ่ง ยกเลิกเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร แล้วหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ยอดฮิตเหมือนเดิม ต่อมาในช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2541 จึงเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมคำต่อท้ายว่า “Altis” (อัลติส) และชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ “Hi-Torq” (ไฮทอร์ค) ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 7A-FE

เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงมากในขณะนั้น ซึ่งการที่รถรุ่นนี้เคยถูกนำไปเป็นแท็กซี่ อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด อาจจะเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.6 GXi, 1.6 SE.G หรือ 1.8 SE.G เป็นต้น เพราะจะได้ออพชั่นมากกว่า

3.Toyota Corolla Altis (ZZE121/ZZE122) “หน้าหมู”

Toyota-Corolla-Altis

Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) โฉม “Altis หน้าหมู” นี้ เป็นรถที่ได้รับความนิยมมากมายจากแท็กซี่ หรือมวลชน เพราะขึ้นชื่อถึงเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้

เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2544 ภายใต้แนวคิด “Break Into Style” ที่พัฒนาใหม่หมดทั้งแนวคิด การออกแบบ และเทคโนโลยี พร้อมใช้พรีเซนเตอร์คนดังอย่าง “แบรด์ พิตต์” มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 3ZZ-FE 110 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FE 136 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาสร้างสีสันในตลาดตามมาตลอดของอายุรถรุ่นนี้ ที่ขายมาจนถึงต้นปี 2551 สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 143,301 คัน ขอแนะนำสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บไว้อยู่มากหน่อย เนื่องจากราคาตัวรถมือสอง อยู่ที่ตั้งแต่ไม่กี่หมื่นบาท (กรณีเป็นรถแท็กซี่เก่า) ไปจนถึงหนึ่งแสนปลายๆ ถึงเกือบๆ สองแสนบาท (สำหรับรถบ้าน) แต่แลกกับตัวรถที่สดกว่า ปีใหม่กว่า

4.Toyota Soluna (AL50)

Toyota-Soluna-AL50

Toyota Soluna (โตโยต้า โซลูน่า) เป็นรถยนต์รุ่นเล็กสุดของค่ายโตโยต้าในสมัยนั้น ที่ก็ยังถือว่า เปิดตัวในเดือนมกราคม 2540 และสร้างยอดขายที่ถล่มทลายได้ในเพียงเวลาสั้นๆ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE ที่ยกมาจากใน Corolla

ในเดือนพฤษภาคม 2541 Soluna ออกรุ่นพิเศษ “Soluna Special Version” (โซลูน่า สเปเชี่ยล เวอร์ชั่น) มีชื่อเป็นภาษาไทยและเลขไทย ติดที่ฝากระโปรงหลัง เป็นรุ่นแรกในโลกของรถโตโยต้า ที่ติดชื่อรุ่นรถและตัวเลขเครื่องยนต์เป็นภาษาท้องถิ่น หลายคนน่าจะยังจำกันได้

หลังจากปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2542 ปรับหน้าตาใหม่ กันชนใหม่ ไฟท้ายใหม่ หรือที่บรรดาเต็นท์รถมือสองเรียกกันว่า “ไฟท้ายหยดน้ำ” เป็นรถที่ได้เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือน ด้วยราคามือสองเริ่มต้นที่ไม่กี่หมื่นบาทก็ซื้อได้แล้ว อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด แต่ควรเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.5 GLi หรือ 1.5E และ 1,5G ในโฉมไฟท้ายหยดน้ำ เพราะจะได้ออพชั่นเยอะกว่ารุ่นล่างๆ

5.Toyota Soluna Vios (NCP42)

Toyota-Soluna-Vios

“Toyota Soluna Vios” (โตโยต้า โซลูน่า วีออส) รถรุ่นยอดนิยมที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า ถ้าเป็นรถในขนาด Sub-Compact โดยชื่อรุ่น “VIOS” (วีออส) มาจากภาษาลาติน “VIO” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Moving Forward” หรือ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในภาษาไทย

เปิดตัวครั้งแรกในไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2545 ใช้ขุมพลังใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. (142 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,200 รอบ/นาที

อีกทั้งยังมีรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Turbo 143 แรงม้า ให้เลือกอีกด้วย … เป็นรถมือสองอีกหนึ่งตัวเลือก ของคนเงินเดือนน้อย ไม่ควรพลาด! เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่แรงอย่างทันใจ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม อะไหล่มือหนึ่งมือสอง ของแท้ของเทียม หาง่าย ตามสไตล์ Toyota

6.Toyota Avanza (F600)

Toyota-Avanza

 

Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง นั่งได้ 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน ค่าดูแลรักษาต่ำ

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F600) ถือเป็นรถมือสองที่คนมีฐานเงินเดือนไม่สูงนัก หรือทำงานอาชีพอิสระ แต่มีครอบครัวแล้ว ไว้ใช้ขนของในวันทำงาน หรือใช้เป็นรถพาลูกๆ ไปเที่ยวในวันหยุด ก็ลงตัวครับ …

7.Nissan Sunny NEO (N16)

Nissan-Sunny-NEO

Nissan Sunny NEO (นิสสัน ซันนี่ นีโอ) จัดว่าเป็นรถยอดนิยมจากค่ายนิสสันอีกหนึ่งรุ่น ในประเภทรถ Compact ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2543 และขายกันต่อเนื่อยาวนานหลายปี มีอยู่ 3 โฉมหลักๆ ให้เลือกในบ้านเรา (โดยปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้าย ในเดือนมีนาคม 2548) เป็นรถที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร อะไหล่หาง่าย ช่างทั่วไปซ่อมได้ ถือเป็นรถที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน 15K อีกหนึ่งรุ่น เพราะถ้าคุณมีเงินเก็บแค่ 7 หมื่นบาท ก็พอหารุ่นนี้ได้แล้ว (แต่สภาพของตัวรถ ก็อีกเรื่องนึง) …

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส QG16DE ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (ที่เริ่มแรกใช้ในชื่อ Sunny Almera – ซันนี่ อัลเมร่า) รหัส QG18DE ให้แรงม้าสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

8.Honda Civic (EK)

Honda-Civic-EK

อันนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบแต่งรถหน่อย สำหรับ Honda Civic (EK) (ฮอนด้า ซีวิค) ที่เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนตุลาคม 2538 ตามมาติดด้วยรุ่น 1.8 Si อีกทั้งยังมีรุ่น 2 ประตู คูเป้ ให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าถูกใจวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานสุดๆ แต่งบประมาณก็อาจจะต้องมีมากหน่อย (ส่วนรุ่น 4 ประตู มีเงินเก็บเพียง 5 หมื่นบาท ก็หาซื้อได้แล้ว) และในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังมีเพิ่มเทคโนโลยีลดมลพิษอย่าง “LEV” อีกด้วยครับ

มีเครื่องยนต์ให้เลือกกันถึง 3 แบบ … เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ถ้าอยากได้แบบแรงสั่งได้ และออพชั่นที่มากกว่า ต้องเลือกเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 127 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส B18B แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.7 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ข้างในเป็นเบาะหนังแท้โทนสีเทาดำ รุ่นนี้จะหายากหน่อยครับ

9.Honda Civic (ES)

Honda-Civic-ES

ส่วนอันนี้ เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบรถเรียบๆ สไตล์คนมีครอบครัวแล้ว หรือจะแต่งซิ่งก็ได้เช่นกัน กับ Honda Civic (ES) (ฮอนด้า ซีวิค) โฉม “Dimension” ชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร เป็นรถที่ดูดี สวยหรู อะไหล่หาได้ง่าย ทนทาน และ Civic โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำรุ่น Hybrid นำเข้ามาขายในไทยด้วย เปิดตัวในไทยเมื่อ 27 ตุลาคม 2543 ซึ่งตามหลังประเทศญี่ปุ่นเพียง 7 สัปดาห์เท่านั้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.7 ลิตร ที่ให้พลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเหมือนกับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร โดยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร ยังแบ่งได้อีก 2 แบบ นั่นคือแบบ SOHC 120 แรงม้า และแบบ VTEC 130 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในเดือนมกราคม 2547 ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC รหัส K20A 155 แรงม้า มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ซึ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์นี้จะแต่งสวยหน่อย

10.Mitsubishi Lancer Cedia

Mitsubishi-Lancer-Cedia

Mitsubishi Lancer Cedia (มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเดีย) เปิดตัวในบ้านเราเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2544 พร้อมชื่อต่อท้ายคำว่า “Cedia” ที่เป็นการนำคำว่า Century + Diamond มารวมกัน นับเป็น Lancer อีกหนึ่งรุ่น ที่ขายยาวนานในตลาดบ้านเรา และมีชุดแต่งให้เล่นเยอะ (เพราะเหมือน Lancer Evolution)

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส 4G18 ขนาด 1.6 ลิตร 108 แรงม้า และรหัส 4G93 ขนาด 1.8 ลิตร 124 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 6 สปีด Invecs III

หลังจากนั้นในต้นปี 2547 Mitsubishi ทำการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ด้วยกระจังหน้าทรงปิระมิด พร้อมยกเลิกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และนำเครื่องยนต์รหัส 4G63 ขนาด 2.0 ลิตร 135 แรงม้า มาแทน …

และในเดือนมีนาคม 2551 เพิ่มอีกทางเลือกคือ New Lancer E20 รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ Lancer CNG ติดตั้งระบบจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติอัด CNG (Compressed Natural Gas) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งที่คุ้มค่าคุ้มราคาและประหยัดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิง ก่อนจะขายไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมี Lancer EX ออกมาจำหน่ายแล้วก็ตาม รถรุ่นนี้ ถือว่ายังเหมาะสมกับมนุษย์เงินเดือน ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานครับ

Mr.Carro หวังว่า 10 รถมือสอง ที่คนเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท น่าซื้อ! ที่นำมาเสนอนั้น หากใครสนใจ ก็ลอง Inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Carro Thailand ได้นะครับ

ถ้าคุณอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่ากับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Nostalgic2Days-2018

รวมรถ Retro รถย้อนยุค ของแต่งรถ Retro ในงาน “Nostalgic2Days”

Nostalgic2Days-2018

ประมวลภาพรถยนต์ Retro รถย้อนยุค รถดัังในอดีต และอื่นๆ ในงาน Nostalgic2Days งานแสดงรถ Retro ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2008 ถึงปัจจุบัน เป็นการจัดงานในครั้งที่ 10 …

โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ 2561 ณ Pacifico Yokohama เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น … ทาง Carro ขอเก็บตกภาพบรรยากาศ พร้อมรถ Retro รถย้อนยุค สวยๆ มาให้ชมกันครับ

Nostalgic2Days-2018

มุม Isuzu

Nostalgic2Days-2018

Datsun Skyline Coupe C10

Nostalgic2Days-2018

Datsun Bluebird

Nostalgic2Days-2018

Hino Contessa

Nostalgic2Days-2018

Mazda RX-7

Nostalgic2Days-2018

Datsun Skyline C10

Nostalgic2Days-2018

Subaru SVX

Nostalgic2Days-2018

Nissan Fairlady 240Z

Nostalgic2Days-2018

มุม Porsche

Nostalgic2Days-2018

มุม Nissan และ Dome Zero

Nostalgic2Days-2018

มุม Nissan

Nostalgic2Days-2018

Event Show

Nostalgic2Days-2018

Toyota Sprinter Trueno (AE86)

ขอบคุณภาพจาก Nostalgic2Days Fanpage

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

เมื่อพูดถึงเรื่องรถ “ควันดำ” หลายคนก็จะนึกถึงรถที่ใช้ “เครื่องยนต์ดีเซล” ของมาทันที! แล้วยิ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ที่ประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมการขนส่งทางบก และตำรวจจราจร จึงออกตั้งด่านตรวจวัดควันดำกันทั่ว ซึ่งถ้าโดนจับก็ต้องเสียเวลา เสียค่าปรับ แถมถูกห้ามใช้รถอีก

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

รถเมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง มักจะมีปัญหาเรื่องควันดำ โดยเฉพาะรถเก่าที่มีการใช้งานมานาน ซึ่งนอกจากจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ แล้ว ยังสร้างมลพิษให้กับสภาวะแวดล้อมของโลกอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่รถมีควันดำนั้นมีดังนี้

  1. เครื่องยนต์สึกหรอมาก เช่น ลูกสูบและกระบอกสูบ แหวนลูกสูบชำรุด
  2. ปั๊มฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุดและทำงานไม่ถูกต้อง หรือฉีดน้ำมันในจังหวะที่ไม่ถูกต้อง
  3. หัวฉีดน้ำมันแรงดันสูงที่จ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้ชำรุด
  4. กรองอากาศอุดตัน
  5. น้ำมันเครื่องมีอายุการใช้งานมาก
  6. เขม่าควันดำและฝุ่นละอองค้างอยู่ภายในท่อไอเสีย

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

และเมื่อพบว่ารถคุณเกิดควันดำอย่าได้นิ่งนอนใจ ควรรดำเนินการแก้ไข ดังนี้

1. ซ่อมแซมเครื่องยนต์ในส่วนที่สึกหรอ เช่น เปลี่ยนลูกสูบ แหวนลูกสูบ หรือ ทำการคว้านกระบอกสูบ แล้วเปลี่ยนลูกสูบให้ใหญ่ขึ้น
2. ทำการเช็กปั๊ม โดยนำเข้าศูนย์บริการ ทำการปรับแต่งปั๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ รวมทั้งปรับแต่งหัวฉีดน้ำมันและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งการปรับแต่งอัตราและจังหวะการฉีดน้ำมันให้ถูกต้องเป็นไปตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด
3. เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบรูณ์
4. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด
5. ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ทำงานถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสม
6. ทำการล้างท่อไอเสียโดยใช้น้ำหรือลมฉีดชะล้างเขม่า และฝุ่นละอองภายในท่อไอเสีย

มาตรฐานค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถยนต์

ปกติแล้ว การวัดควันดำของรถยนต์ จะวัดกันจอดรถยนต์จอดอยู่กับที่ ซึ่งมีกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 50 (เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง) หรือไม่เกินร้อยละ 45 (เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง)

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

รถยนต์ที่ปล่อยควันดำ เกินค่ามาตรฐาน นอกจากโดนปรับแล้ว ยังจะถูกติดสติ๊กเกอร์ หรือพ่นสีที่หน้ากระจกรถว่า “ห้ามใช้ชั่วคราว” คือ คำสั่งห้ามใช้รถยนต์เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะนำรถไปแก้ไขปรับปรุงเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีควันดำเป็นไปตามมาตรฐาน ภายในกำหนด 30 วัน

และหากยังฝ่าฝืน ไม่นำรถยนต์ไปแก้ไขปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีควันดำลดลง ภายใน 30 วัน ก็จะถูกติดสติ๊กเกอร์ “ห้ามใช้เด็ดขาด” พร้อมบันทึกหมายเลขทะเบียนลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อแจ้งไปยังนายทะเบียนของกรมขนส่งทางบกพิจารณาดำเนินการ และจะเคลื่อนย้ายรถยนต์ได้ ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก กรมควบคุมมลพิษ

Rover-LandRover-RangeRover

สิ่งที่เรากำลังจะคุยกันต่อไปนี้ น่าจะเป็นคำถามที่คนขายรถ เต็นท์รถมือสอง ไปจนถึงเซลส์ขายรถจำนวนมาก ต้องเคยถูกลูกค้าถามมาก่อน ว่า Rover (โรเวอร์), Land Rover (แลนด์ โรเวอร์) และ Range Rover (เรนจ์ โรเวอร์) (อาจรวมแบรนด์ Roewe ด้วย) เป็นรถยี่ห้อเดียวกันหรือเปล่า?

MR.CARRO แน่ใจว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ยังสับสนในเรื่องนี้ เพราะในตลาดรถยนต์บ้านเรานิยมรถญี่ปุ่นกันส่วนใหญ่ ถ้าหากถามเรื่องรถ Toyota, Honda รับรองว่าเข้าใจตรงกัน ไม่มีสับสนอย่างแน่นอน

เอาล่ะ MR.CARRO จะมาเคลียร์กันให้ชัดๆ ไปเลยครับว่า Rover, Land Rover และ Range Rover สรุปว่ามันยี่ห้อเดียวกันมั้ย?

Rover-Mini-Cooper-S-Final-Edition-UK-Spec

Rover Mini รถยอดฮิตในยุค 90 ของ Rover Group ในบ้านเรา

รถ Rover กับ Land Rover (และ Range Rover) ในปัจจุบัน ถือเป็นรถคนละยี่ห้อกัน แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกันในอดีต ดังนี้

– Land Rover เป็นชื่อยี่ห้อหรือแบรนด์ (Make) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในปี 1948
– ส่วน Range Rover เป็นชื่อรุ่น (Model) และถือกำเนิดขึ้นในปี 1970
– แต่ Rover เป็นบริษัทผู้ผลิตในอดีต! (หรือเป็นที่รู้จักในนาม Rover Company และ Rover Group) อดีตเป็นบริษัทในเครือของ BMW ปัจจุบันเป็นแบรนด์ในเครือของ TATA Motors ซึ่ง Rover ยังไม่มีผลิตรถขายในตอนนี้ …
– อีกฟากหนึ่งของโลก SAIC Motor ของจีน ได้ตัดสินใจซื้อแบรนด์ MG (MG เคยเป็นแบรนด์รถที่เคยอยู่ในเครือของ Rover Group) ในปี 2548 ช่วงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในอังกฤษล่มสลาย จากทาง BMW (ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์รถทั้งหมดของ Rover Group ในเวลานั้น) และเคยร่วมทุนประกอบรถยนต์ Rover ในเซี่ยงไฮ้ พอเมื่อรถยนต์ Rover เลิกกิจการ ทาง SAIC ก็ยังประกอบรถขายต่อ แต่ไม่ได้ซื้อแบรนด์ Rover ต่อจาก BMW จึงต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น “Roewe” (โรวี่) แทน

สรุปคือ

– Land Rover กับ Rover ในอดีตนั้น เป็นคนละยี่ห้อกัน! แต่ผลิตจากบริษัทเดียวกัน
– และ Jaguar Land Rover Corporate เป็นบริษัทที่เกิดจากรวมกันของ Jaguar และ Land Rover ภายใต้การบริหารของบริษัทแม่ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ TATA Motors

Rover-600

Rover 623 GSi อีกรุ่นยอดฮิต ของ Rover บ้านเราในอดีต

ถ้าคุณยังสับสนอยู่ Carro มี Timeline ให้คุณดู! วงจรชีวิตอันแสนสับสนวุ่นวายของ Land Rover มีดังนี้

จะเห็นได้เลยว่า Land Rover นั้นถูกส่งต่อไปหลายบริษัทมาก และสามารถสังเกตได้ในช่วงตั้งแต่ปี 1994 – 2008 จะพบว่า Land Rover และ Range Rover เคยอยู่กับ BMW ตั้งแต่ปี 1994 ต่อมาในปี 2000 BMW ได้ขายให้กับกลุ่ม Ford Premier Automotive Group (PAG) ไป

ส่วน Jaguar นั้นมาเอี่ยวด้วยในตอนท้าย เพราะ Ford ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Jaguar และ Land Rover ตัดสินใจขายบริษัทลูกทั้งสองให้กับ TATA Motors ในปี 2008 แล้ว TATA Motors ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก็จับเอา Jaguar กับ Land Rover มายัดเข้าในบริษัทลูกที่มีชื่อว่า Jaguar Land Rover Corporate

Land-Rover-Defender-110

Land Rover Defender รถรุ่นสร้างชื่อเสียงของ Land Rover ในบ้านเราตั้งแต่อดีต

หากจะพูดถึงประวัติของรถ Rover, Land Rover และ Range Rover ในไทย ก็ขอย้อนไปสักประมาณยุค 90 ในยุคนั้น กำแพงภาษีรถยนต์ถูกลดลงมา ทำให้บรรดาบริษัทรถนำเข้าได้นำเข้ามาขายในไทยกันเพียบ ซึ่งรวมถึงรถยี่ห้อ Rover, Land Rover, Range Rover และ MG ซึ่งอยู่ในเครือ Rover Group ถูกนำเข้ามาขายโดย บริษัท ไทยอัลติเมทคาร์ จํากัด (เป็นบริษัทลูกของทาง ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ ของตระกูลเผอิญโชค ปัจจุบันขายแค่รถยนต์ของ Thairung อย่างเดียว)

จากความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจเข้ามาเยือนไทยเมื่อปลายปี 2539 ทำให้ ไทยอัลติเมทคาร์ ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นปี 2540 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาระดับยอดขายเอาไว้ได้ก็ตาม

ต่อมาบริษัทก็เกิดวิกฤต จนต้องขายรถเหลือเพียงแค่แบรนด์ Land Rover และ Range Rover เท่านั้น ก่อนที่ ไทยอัลติเมทคาร์ จะเลิกขายรถที่นำเข้าจากอังกฤษไปประมาณปลายปี 2552

Range-Rover

Range Rover รถ SUV สุดหรู ยอดนิยมของผู้บริหารในบ้านเรามาตั้งแต่ยุค 90

บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือสิทธิ์แบรนด์แลนด์โรเวอร์ และเรนจ์โรเวอร์ ในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ครอบคลุม 27 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย จึงแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ 2-3 เจ้า (ซึ่งอยู่ได้ไม่นาน ก็ปิดไปเพราะปัญหาทางการเงิน) ก่อนจะมาได้ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Jaguar และ Land Rover ในปัจจุบัน

คงต้องพูดกันตรงๆ ว่า Land Rover ก็ไม่ใช่ค่ายรถที่มียอดขายรถในไทยสูงสักเท่าไหร่ ไม่เชื่อลองถามหา Land Rover รุ่นยอดนิยมสิ คนที่จะตอบคุณได้นั้น หากไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวในแวดวงยานยนต์อย่างสม่ำเสมอ ก็น่าจะเป็นคนที่เล่นรถประเภทนี้จริงๆ หรือชื่นชอบรถยุโรปเป็นทุนเดิม ซึ่งก็ไม่ใช่กลุ่มที่ใหญ่มากในประเทศไทย

เหตุปัจจัยที่น่าจะเป็นตัวการให้ Land Rover ไม่บูมในประเทศไทยเท่าที่ควร ก็คงจะเป็นราคาจำหน่ายที่สูงมาก ค่านิยม กับรถรุ่นที่ตัวแทนจำหน่ายเลือกเข้ามาขาย รวมถึงจำนวนศูนย์บริการที่มีไม่มาก นี่ไม่ใช่ปัญหาของ Land Rover เพียงค่ายเดียว แต่ยังรวมถึงค่ายรถยุโรปหลายๆ เจ้าอีกด้วย

Range-Rover-Sport-Plug-in-Hybrid-2018

Range Rover ในปัจจุบัน ในราคาบ้านเราที่สูงลิบลิ่ว

จบไปแล้วกับสาระความรู้ว่าด้วยเรื่องของ Land Rover หากคุณไม่อยากพลาดเรื่องราวข่าวสารใหม่ๆ และสนใจรับโปรเด็ดๆ ก่อนใคร กดติดตาม Fanpage CARRO Thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

แหล่งข้อมูลบางส่วนจาก: