รวมเส้นทางลัด 4 ภาคทั่วไทย ในเทศกาลสงกรานต์

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 ที่กำลังจะถึงนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดและเดินทางกลับบ้าน โดยใช้รถยนต์และบริการรถทัวร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้การจราจรบนท้องถนนจะมีความหนาแน่นหลายเส้นทางเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา

ในการเดินทางช่วงสงกรานต์ 2565 นี้ CARRO จึงขอเสนอเส้นทางสู่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้อ่านได้เดินทางสะดวกขึ้น หลีกเลี่ยงรถติด ลดเวลาการเดินทาง และถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ในช่วงสงกรานต์ ซึ่งในมอเตอร์เวย์บางสาย ยังมีการเปิดให้ใช้บริการฟรีอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม >> รวมจุดพักรถ จุดช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่จอดรถฟรี ค่าผ่านทางฟรี สงกรานต์ 2565

เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคเหนือ

  • เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.พระนครศรีอยุธยา – จ.อ่างทอง – จ.สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเชีย) – อ.มโนรมย์ (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
  • เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง – สุพรรณบุรี) –จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 สุพรรณบุรี – ชัยนาท) – จ.ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้า สู่จังหวัดนครสวรรค์
  • เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป รังสิต – อ.วังน้อย – จ.สระบุรี – จ.ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก
  • เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต – ต่างระดับคลองหลวง (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – เชียงรากน้อย (ทางหลวงหมายเลข 3214) – ทางหลวงหมายเลข 347 – ทางหลวงหมายเลข32 จากนั้นมุ่งหน้าเข้าสู่ภาคเหนือ
  • เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ไปวงแหวนตะวันออก (ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9) – ต่างระดับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) – อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – ถนนโรจนะ (ทางหลวงหมายเลข 309) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่ภาคเหนือ

เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคอีสาน

  • เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – ต.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 21) – อ.ท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256) – อ.ด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) – ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
  • เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.สระบุรี – อ.ปากช่อง – อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
  • เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305) – อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051) – อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222) – อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา หรือจากอ.บ้านนาไร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าสู่อ.กบินทร์บุรีสู่อ.อรัญประเทศ
  • เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314 หรือ ทางหลวงหมายเลข 304) –
    อ.พนมสารคาม – อ.กบินทร์บุรี – อ.วังน้ำเขียว – อ.ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
  • เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.สระบุรี – อ.ปากช่อง – อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) – ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 (ทางเบี่ยงที่กม.65+200) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา

เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคตะวันออก

  • เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ชลบุรี (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สาย กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา)
  • เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา-ตราด) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท
  • เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.พนัสนิคม – จ.ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 304)
  • เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไปทางหลวงหมายเลข 34 ถนนเทพรัตน – ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา – ชลบุรี)จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท

เส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้

  • เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สมุทรสาคร – จ.สมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 35) – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.สามพราน – อ.นครชัยศรี – จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป ถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) – อ.นครชัยศรี –จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนี้ บนถนนทางหลวงยังมีการติดตั้งป้ายเส้นทางเลี่ยง หรือเส้นทางแนะนำตามถนนทุกเส้นเป็นระยะ มีการติดตั้งไฟฟ้าเพิ่มแสงสว่าง ตลอดจนเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก พร้อมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในทุกช่วงการเดินทาง

และถ้าหากผู้อ่านต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างการเดินทาง ก็สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193 อีกด้วยค่ะ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ช่วงสงกรานต์ 2565 มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! อย่าลืม ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้อง CARRO Automall

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ค่ะ

Update มาตรการล็อกดาวน์! สกัดโควิดระบาด ทางด่วน โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์

ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ เริ่มไม่สามารถควบคุมได้แล้วในหลายจังหวัด ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยที่สูงขึ้นมาก โดยรวมทั้งประเทศนับเฉียดหมื่นคนต่อวัน

ทำให้ทางรัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ต้องออกมาหาทางแก้ปัญหา ด้วยมาตรการ “Lockdown” (ล็อกดาวน์) ยกระดับมาตรการ​เคอร์ฟิว ในส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดกันอีกครั้ง หลังจากที่เคยใช้ไปในปี 2563 ที่ผ่านมา เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้าย และดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด

สำหรับมาตรการ Lockdown (ล็อกดาวน์) บังคับใช้เฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร ซึ่งจะเป็นการตั้งด่านบนถนนสายหลักๆ เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย เริ่ม 12 ก.ค. 2564 โดยขอความร่วมมือดังนี้

1. ราชการ/เอกชน WFH มากที่สุด ยกเว้นงานบริการประชาชน
2. ระบบขนส่งสาธารณะ งดดำเนินการเวลา 21.00 – 04.00 น.
3. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 – 04.00 น.
4. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดถึง 20.00 น.
5. ร้านจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เปิดถึง 20.00 น. (ห้ามบริโภคในร้าน)
6. ปิดร้านนวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
7. สวนสาธารณะ เปิดให้ออกกำลังกาย ถึง 20.00 น.
8. ห้ามรวมกลุ่มที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่เกิน 5 คน

ส่วนทางด่วนอย่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำกัดการให้บริการทางพิเศษทุกด่านฯ ทุกสายทาง เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2564 ระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. (เว้นแต่รถที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนด)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ EXAT Call Center 1543

ในส่วนของโทลล์เวย์ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางยกระดับดอนเมือง หรือ DMT จะจำกัดการให้บริการ ในระหว่างวันที่ 12 -25 กรกฎาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 21.00 -04.00 น.

โดยยกเว้นรถขนส่งผู้ป่วย หรือ บุคคลที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับบริการทางการแพทย์ รวมไปถึง รถขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภค ขนส่งขนย้ายประชาชน การให้บริการหรืออำนวยประโยชน์หรือความสะดวกแก่ประชาชน การประกอบอาชีพตามรอบเวลาหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Tollway Call Center 1233

ส่วนมอเตอร์เวย์ กรมทางหลวง แจ้งปิดการจราจรมอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9 ตั้งแต่ 3 ทุ่ม – ตี 4 เริ่ม 12 ก.ค. นี้ ขานรับมาตรการล็อกดาวน์คุมการแพร่โควิด – 19 โดยจะปิดการจราจรบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทั้ง 2 สายทางบางส่วนเป็นการชั่วคราว ได้แก่ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา – มาบตาพุด และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงบางปะอิน – บางพลี และช่วงสุขสวัสดิ์ – บางขุนเทียน ระหว่างเวลา 21.00 น. – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จะเปิดให้มีการจราจรได้ในบางช่องจราจรเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจราจรของบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 หรือได้รับการยกเว้นตามข้อ 4 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27)

สำหรับบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ ผู้ป่วยหรือผู้ปฏิบัติงานในการให้บริการด้านสาธารณสุข ผู้ขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ผู้ปฏิบัติงานขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ผู้ให้บริการหรืออำนวยประโยชน์หรือความสะดวกแก่ประชาชน และผู้ประกอบอาชีพที่จำเป็น จะต้องปฏิบัติให้เป็นตามข้อกำหนด และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทางได้

สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลการปิดการจราจรเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

M-FLOW-In-Expressway-And-Motorway

กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาจราจรบริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง (ทล.) และทางด่วน ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า จะเตรียมนำระบบเก็บค่าธรรมเนียมแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-FLOW ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจจับป้ายทะเบียนรถแบบอัตโนมัติ หรือ Automated License Plate Recognition ซึ่งผู้ใช้งานไม่ต้องชะลอความเร็วเมื่อเข้าสู่ด่านจ่ายเงิน

ซึ่งจะเริ่มใช้งานนำร่องได้ในเดือนตุลาคม 2563 โดยให้กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ไปร่วมทำงานให้เป็นระบบเดียวกัน หรือ Single Platform System เพื่อให้ใช้งานได้ทั้งมอเตอร์เวย์ และทางด่วน ได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2564

วิธีการก็จะเป็นการขับรถขึ้นทางด่วนไปตามปกติ แต่จะมีการส่งบิลใบเสร็จไปเก็บเงินเจ้าของรถทุกเดือน ในลักษณะ Post-Paid หรือ “ขึ้นก่อน จ่ายทีหลัง” คล้ายกับบิลค่าไฟฟ้า หรือบิลค่าน้ำประปา และสามารถชำระเงินตามช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก แต่ถ้ามีกรณีไม่จ่ายค่าผ่านทาง จะมีการปรับเป็นจำนวน 10-15 เท่า ของยอดที่ใช้งานจริง

ซึ่งกรมทางหลวง จะเปิดประมูลเพื่อจัดจ้างเอกชนเข้ามาติดตั้งระบบ และจัดจ้างเอกชน (Outsource) เพื่อบริหารจัดการระบบ โดยกรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้กำกับ จะต้องได้รับค่าผ่านทางครบ 100%

M-FLOW-In-Expressway-And-Motorway

ระบบกล้องตรวจจับป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ในการชำระค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หรือ Automated License Plate Recognition นี้ จะสามารถตรวจจับป้ายทะเบียนได้ชัดเจน ภายใต้ความเร็วช่วงเข้าด่านไม่เกิน 80 กม./ชม. จะรองรับรถได้สูงถึง 1,200 คัน/ชม. มากกว่าระบบอัตโนมัติ M-Pass ที่ปัจจุบันรองรับได้ราว 500-800 คัน/ชม. แต่เป้าหมายของระบบ M-FLOW จะให้สามารถรองรับความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ประกาศใช้บนทางด่วน และมอเตอร์เวย์ โดยจะสามารถรองรับรถได้สูงถึง 2,000-2,500 คัน/ช่องทาง ซึ่งจะทำให้รถเคลื่อนตัวหน้าด่านได้เร็วขึ้น และไม่มีปัญหารถติด

ทางกระทรวงคมนาคมได้วางแผนว่าจะมีการติดตั้งระบบ M-FLOW เพื่อนำร่องการใช้งานบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 (วงแหวนรอบนอก กทม. ด้านตะวันออก ช่วงบางปะอิน-บางพลี) ที่ด่านทับช้าง1, 2 และด่านธัญบุรี 1, 2 โดยเริ่มทดลองระบบการใช้งานได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ เป็นต้นไป

ในเดือนเมษายนนี้ จะลงนามสัญญากับที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียด จัดทำ TOR และกำหนดราคากลางสำหรับประมูล 2 งาน ได้แก่ งานติดตั้งระบบ และงานจัดจ้างบริหารจัดการระบบ ในเดือน มิ.ย. – ก.ค. 2563 เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบในเดือน ส.ค. – ต.ค. 2563 และเปิดใช้ระบบในเดือนตุลาคม 2563

โดยจะแก้กฎกระทรวง เรื่องค่าธรรมเนียมให้ครอบคลุมรูปแบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจูงใจให้ผู้จ่ายค่าผ่านทางด้วยเงินสดหันมาใช้ระบบ M-FLOW มากขึ้น เพราะสะดวก และรวดเร็ว เพียงแค่สมัครยืนยันตัวตนและทะเบียนรถ ส่วนช่องทางเงินสด และช่องทาง M-Pass ยังคงใช้งานได้ตามปกติ

ถ้าหากคุณร้อนเงินในเวลานี้ เพราะโดนโควิด-19 เล่นงาน สามารถมา “ขายรถ” หรือรับเงินก้อนไปใช้ ในยุคโควิด-19 ได้ง่ายๆ กับ CARRO มั่นใจ! ปลอดภัน  และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

Dangerous-Road-At-Songkran-2018

47 เส้นทางสุดอันตรายทั่วประเทศ ที่ต้องขับรถด้วยความระวัง ในช่วงสงกรานต์ 2561

กรมทางหลวง เตรียมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงสงกรานต์ 2561 ด้วยนโยบาย One Transport โดยตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุใน 77 เส้นทางที่ถูกคัดเลือกมา โดยเป็นของกรมทางหลวง 47 เส้นทาง, ทางหลวงชนบท 30 เส้นทาง โดยคัดเลือกจากพื้นที่นำร่อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism (MLIT) แห่งประเทศญี่ปุ่น จำนวน 8 เส้นทาง เส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 จำนวน 24 สายทาง เส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในรอบปี 2560 จำนวน 5 เส้นทาง เส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ประชาชนนิยมท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จำนวน 10 เส้นทาง

Highway

โดยเส้นทางดังกล่าวที่ถูกเลือก จะมีการเพิ่มความปลอดภัย เช่น ตั้งเต๊นท์อำนวยการในพื้นที่, เสริมป้าย Vinyl เตือนและรณรงค์เป็นระยะ, ติดตั้งป้ายเตือนถนนลื่นทุก 200 เมตร, ตั้งจุดเฝ้าระวังและตรวจความเร็วและคนเมาสุรา, ติดตั้งไฟกระพริบให้ลดความเร็ว เป็นต้น

Highway

เส้นทางอันตราย 47 เส้นทาง โดยกรมทางหลวง ประกอบด้วย

ลำดับที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนโนนปอแดง – ปากดง ระหว่าง กม. 386–394 จ.กำแพงเพชร

ลำดับที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนวังม่วง – แม่เชียงรายบน ระหว่าง กม. 535–540 จ.ตาก

ลำดับที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนหนองหมู – ห้วยยาง ระหว่าง กม. 276+813-295 จ.ประจวบคีรีขันธ์

ลำดับที่ 4 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนน้ำรอด-พ่อตาหินช้าง ระหว่าง กม. 425-440 จ.ชุมพร

ลำดับที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนเขาพับผ้า – พัทลุง ระหว่าง กม. 1158+1163 จ.พัทลุง

ลำดับที่ 6 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนกลางสะพานมิตรภาพแม่สอด – แม่ละเมา ระหว่าง กม. 1-6 จ.ตาก

ลำดับที่ 7 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนสูงเนิน – ท่าแร่ ระหว่าง กม. 161-167 จ.สกลนคร

ลำดับที่ 8 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนกุรุคุ – นครพนม ระหว่าง กม. 235-240 จ.นครพนม

ลำดับที่ 9 ทางหลวงหมายเลข 33 ตอนบางปะหัน – โคกแดง ระหว่าง กม. 49-62 จ.อยุธยา

ลำดับที่ 10 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนถ้ำพรรณรา – ทุ่งสง ระหว่าง กม. 264-271 จ.นครศรีธรรมราช

ลำดับที่ 11 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนสี่แยกโพธิ์ทอง – พัทลุง ระหว่าง กม. 377-382+616 จ.พัทลุง

ลำดับที่ 12 ทางหลวงหมายเลข 43 ตอนนาหม่อม – จะนะ ระหว่าง กม. 270-320 จ.สงขลา

ลำดับที่ 13 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนร้องกวาง – สวนป่า ระหว่าง กม. 283-290 จ.แพร่

ลำดับที่ 14 ทางหลวงหมายเลข 118 ตอนท่าก๊อ – ดงมะดะ ระหว่าง กม. 132+139 จ.เชียงราย

ลำดับที่ 15 ทางหลวงหมายเลข 205 ตอนโคกสวาย – ขท.นครราชสีมาที่ 1 ระหว่าง กม. 204+209 จ.นครราชสีมา

ลำดับที่ 16 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนย้อมพัฒนา – นาโพธิ์ ระหว่าง กม. 406-411 จ.มุกดาหาร

ลำดับที่ 17 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนหนองยอ – อุบลราชธานี ระหว่าง กม. 568-574 จ.อุบลราชธานี

ลำดับที่ 18 ทางหลวงหมายเลข 224 ตอนพะโค – หนองสนวน ระหว่าง กม. 90-95 จ.นครราชสีมา

ลำดับที่ 19 ทางหลวงหมายเลข 226 ตอนหัวทะเล – หนองกระทิง ระหว่าง กม. 15+20 จ.นครราชสีมา

ลำดับที่ 20 ทางหลวงหมายเลข 304 ตอนดอนขวาง – โพธิ์กลาง ระหว่าง กม. 272-278 จ.นครราชสีมา

ลำดับที่ 21 ทางหลวงหมายเลข 402 ตอนหมากปรก – เมืองภูเก็ต ระหว่าง กม. 30-35 จ.ภูเก็ต

ลำดับที่ 22 ทางหลวงหมายเลข 1084 ตอนป่าแดง – หาดชะอม ระหว่าง กม. 5-14 จ.นครสวรรค์

ลำดับที่ 23 ทางหลวงหมายเลข 2044 ตอนร้อยเอ็ด – หนองดง ระหว่าง กม. 0+184-5 จ.ร้อยเอ็ด

ลำดับที่ 24 ทางหลวงหมายเลข 3395 ตอนวัฒนานคร – โคคลาน ระหว่าง กม. 82-87 จ.สระแก้ว

ลำดับที่ 25 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนสระบุรี – ตาลเดี่ยว ระหว่าง กม. 0-5 จ.สระบุรี

ลำดับที่ 26 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนปากท่อ – สระพัง ระหว่าง กม. 123-133 จ.สมุทรสงคราม

ลำดับที่ 27 ทางหลวงหมายเลข 35 ตอนสะพานขึ้นแม่น้ำท่าจีน-ยาโคก ระหว่าง กม. 4-5 จ.สมุทรสาคร

ลำดับที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนเกาะมุกข์ – ควนรา ระหว่าง กม. 118-132 จ.สุราษฎร์ธานี

ลำดับที่ 29 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนแยกบ้านฝ้าย – ร้องกวาง ระหว่าง กม. 252–257 จ.แพร่

ลำดับที่ 30 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนพาน – สันทรายหลวง ระหว่าง กม. 916-922 จ.เชียงราย

ลำดับที่ 31 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนแม่คำ – กลางสะพานแม่น้ำสาย ระหว่าง กม. 972-976 จ.เชียงราย

ลำดับที่ 32 ทางหลวงหมายเลข 3 ตอนชลบุรี – ศรีราชา ระหว่าง กม. 98-103 จ.ชลบุรี

ลำดับที่ 33 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนคลองหวะ – พังลา ระหว่าง กม. 1258+642-1263 จ.สงขลา

ลำดับที่ 34 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนเข็กน้อย – แยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ระหว่าง กม.340–348 จ.เพชรบูรณ์

ลำดับที่ 35 ทางหลวงหมายเลข 217 ตอนวารินทร์ชำราบ – พิบูลมังสาหาร ระหว่าง กม. 22-37 จ.อุบลราชธานี

ลำดับที่ 36 ทางหลวงหมายเลข 323 ตอนแยกปากกิเลน – น้ำตกไทรโยคใหญ่ ระหว่าง กม. 110–115 จ.กาญจนบุรี

ลำดับที่ 37 ทางหลวงหมายเลข 401 ตอนบางกุ้ง – เขาหัวช้าง ระหว่าง กม. 175–180 จ.สุราษฎร์ธานี

ลำดับที่ 38 ทางหลวงหมายเลข 1009 ตอนจอมทอง – ดอยอินทนนท์ ระหว่าง กม. 0+5 จ.เชียงใหม่

ลำดับที่ 39 ทางหลวงหมายเลข 4030 ตอนถลาง – หาดราไวย์ ระหว่าง กม. 26-28+290 และ 29+790-32 จ.ภูเก็ต

สำดับที่ 40 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนขอนแก่น – หินลาด ระหว่าง กม. 343-354 จ.ขอนแก่น

ลำดับที่ 41 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน สระพระ –ห้วยทรายใต้ ระหว่าง กม. 187-193 จ.เพชรบุรี

ลำดับที่ 42 ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนบึงหลัก-หนองเขียว ระหว่าง กม. 346-351 จ.อุตรดิตถ์

ลำดับที่ 43 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนน้ำดุก – ห้วยซ้ำมะคาว ระหว่าง กม. 372-375 จ.เพชรบูรณ์

ลำดับที่ 44 ทางหลวงหมายเลข 32 ตอนไชโย – สิงห์ใต้ ระหว่าง กม. 78-83+900 จ.อ่างทอง

ลำดับที่ 45 ทางหลวงหมายเลข 340 ตอนสาลี – สุพรรณบุรี ระหว่าง กม. 55-60 จ.สุพรรณบุรี

ลำดับที่ 46 ทางหลวงหมายเลข 3312 ตอนลำลูกกา – คลองใน ระหว่าง กม. 19-21 จ.นครนายก

ลำดับที่ 47 ทางหลวงหมายเลข 4029 ตอนกระทู้ – ป่าตอง ระหว่าง กม 0.-3+236 จ.ภูเก็ต

โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนเส้นทางดังกล่าว มีหลายสาเหตุ อาทิ การขับรถเร็ว, หลับใน, เมาสุรา, ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด, ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร เป็นต้น