แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

ความสะอาดถือเป็นสุขอนามัยที่สำคัญมองข้ามไม่ได้สำหรับการใช้รถ โดยเฉพาะความสะอาดภายในห้องโดยสารที่มีผลต่อสุขภาพผู้ใช้รถโดยตรง การปล่อยปละละเลยการทำความสะอาดห้องโดยสารย่อมก่อให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้น รวมไปถึงโอกาสแพร่กระจายของเชื้อ โควิด 19 ได้ง่าย ๆ ตัวอันตรายสำหรับสุขภาพอนามัยในยุคปัจจุบัน รู้ใจจึงอยากพาคุณไปตรวจหา “จุดซ่อนเร้น” ที่ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดภายในรถกันสักหน่อย รวมถึงวิธีการทำความสะอาด ใช้อะไรเช็ดภายในรถ รูปแบบต่าง ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีภายในห้องโดยสาร ไม่เป็นจุดเสี่ยงรวมเชื้อโรคภายในรถ ปราศจากโอกาสที่เชื้อโควิด 19 จะมากล้ำกรายทุกคน

จุดรวมสิ่งสกปรกภายในรถ พร้อมวิธีดูแลรถยนต์ให้ไกลจากโควิด 19

ด้วยความใส่ใจในสุขภาพช่วงเวลาภาวะวิกฤตโควิด 19 การระบาดของโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่เจ้าเชื้อร้ายนี้สามารถแฝงเร้นอยู่ภายในรถคันโปรดของคุณได้ อีกทั้งยังมีอายุในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ยาวนานถึง 8-24 ชั่วโมง การมองหาจุดละเลยต่าง ๆ ที่อยู่รอบคันรถเราจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้จัดการปัญหาทุกอย่างได้อย่างราบรื่น

นอกจากเชื้อโควิด 19 จะห่างไกลไปจากทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ยังเป็นการป้องกันและรักษาสุขอนามัยภายในรถได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย และนี่คือ “5 จุดเสี่ยงภายในรถ” ที่ต้องใส่ใจในเรื่องความสะอาด มีตรงไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

1.เบาะนั่งรถยนต์

ถือเป็นจุดที่ต้องดูแลใส่ใจอย่างเป็นพิเศษเพราะเบาะนั่งรถยนต์เป็นพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ถูกจับและสัมผัสมากที่สุด อีกทั้งเรายังต้องฝังตัวนั่งอยู่ในบริเวณตำแหน่งที่นั่งต่าง ๆ เป็นเวลานานตามระยะทางการเดินทางของเรา ซึ่งกลิ่นอับชื้นและเชื้อโรคต่าง ๆ มักฝังตัวอยู่ตามเบาะที่นั่งจากการสัมผัสและปนเปื้อนของสิ่งไม่พึ่งประสงค์เหล่านี้ ดังนั้นพื้นที่เบาะโดยสารจึงควรเป็นพื้นที่ที่ต้องเอาใจใส่มากเป็นจุดแรกสำหรับการดูแลรักษาทำความสะอาดให้เกิดสุขอนามัยที่ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้นและเป็นการทำลายแหล่งเพาะตัวของเชื้อโควิด 19 อีกด้วย

สำหรับการทำความสะอาดเบาะรถนั้นต้องพิจารณาจากวัสดุที่ใช้ทำเบาะด้วย โดยทั่วไปเบาะรถยนต์จะใช้วัสดุในการหุ้มอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่เบาะผ้า เบาะหนังซึ่งมีทั้งหนังแท้และหนังสังเคราะห์ รวมไปถึงเบาะกำมะหยี่ ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

• การทำความสะอาดเบาะผ้า เป็นพื้นที่ที่คราบฝังแน่นต่าง ๆ เกาะติดง่ายที่สุด แต่ถึงกระนั้นการทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายที่สุดด้วยเช่นกัน วิธีการง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ โดยทุกครั้งที่จอดพักรถควรจอดรถเปิดประตูให้รถได้ถูกแสงแดดในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ นอกจากนั้นการใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ ผสมน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดอยู่เป็นประจำก็ทำให้เบาะรถของเราห่างไกลจากสิ่งสกปรกไปได้มากทีเดียว
• การทำความสะอาดเบาะหนัง สามารถใช้น้ำผสมสบู่เช็ดเบาะหลังจากการใช้งาน เพียงเท่านี้ทั้งกลิ่นอับและเชื้อโรคก็พร้อมจากไกลไปจากรถคุณอย่างแน่นอน
• การทำความสะอาดเบาะผ้ากำมะหยี่ ต้องใช้ผงซักฟอกแบบพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลเวอร์นาโน ช่วยฆ่าและยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ด้วยการผสมน้ำและใช้แปรงปัดถูกเบา ๆ ไปให้ทั่ว เพียงเท่านี้เบาะรถก็จะสะอาดเงางามและปราศจากเชื้อโรคอย่างแน่นอน

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

2.ช่องแอร์ภายในตัวรถ

ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนบุคคล หรือรถโดยสารขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถอเนกประสงค์ SUV ช่องแอร์ที่มีอยู่อย่างมากมายรอบคันรถ ถ้าหากดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีจะเป็นอุปกรณ์ที่สร้างอากาศที่ดียอดเยี่ยมให้กับคุณ แต่ถ้าขาดการบำรุงดูแลรักษา และเอาใจใส่อย่างเหมาะสมก็จะกลายเป็นสถานที่พักเชื้อรวมไปถึงเชื้อโควิด 19 ที่พร้อมกระโดดออกมาทำร้ายทุกคนที่คุณรักได้ด้วย ดังนั้นการทำความสะอาดช่องแอร์ รวมไปถึงระบบแอร์ภายในรถจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลระบบแอร์และช่องแอร์ภายในรถคือการหมั่นเช็ดทำความสะอาดในส่วนของบานพับแอร์ต่าง ๆ รวมไปถึงจุดที่สามารถสัมผัสได้เป็นประจำไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิดปิดแอร์ ปุ่มปรับอุณหภูมิ ในเวลานี้การเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสามารถทำได้ในทุกเวลาที่ต้องการ ระมัดระวังการใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นในการเช็ดทำความสะอาดเพราะความแรงของแอลกอฮอล์นั้น จะทำให้สีหลุดลอกออกมาได้ง่าย
และอีกหนึ่งวิธีการดูแลช่องแอร์แบบง่าย ๆ คือการไม่นำอาหารหรือสิ่งที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในรถเพราะจะทำให้ระบบแอร์ทำงานหนัก ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศและการฟอกอาการทำได้อย่างไม่เต็มที่ และควรตรวจสอบระบบการทำงานของแอร์รถทุก ๆ 6 เดือนอีกด้วย

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

3.จุดวางของภายในรถ

ถือเป็นจุดที่ถูกละเลยอยู่เป็นประจำ จุดวางของที่เล็กและไม่เป็นที่สังเกตจึงถูกหมางเมินไม่ให้ความใส่ใจในการทำความสะอาดมากนัก ส่วนใหญ่จุดเหล่านี้จะถูกทำออกมาในรูปแบบของลิ้นชักหรือบานพับที่ซ่อนตัวในโครงสร้างรถได้อย่างลงตัว นอกจากทำให้ดูไม่เกะกะตาแล้ว ยังคงทำให้คุณไม่สามารถมองดูได้อย่างถ้วนถี่ว่าทำความสะอาดดีแล้วหรือไม่ และเมื่อถึงคราวฉุกเฉินที่ต้องการเก็บของยามใด การเปิดใส่ของเข้าไปโดยไม่สำรวจตอบสอบให้ดี ยิ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่สำหรับการหมักหมมของกลิ่นอับและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไปอีกด้วย

ดังนั้นหลังจาก การใช้รถ ทุกครั้ง ใช้เวลาซักนิดตรวจสอบลิ้นชักเล็ก ๆ รวมไปถึงจุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อวางของต่าง ๆ ภายในรถให้ดี การใช้ทิชชู่เปียก หรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดฝุ่นในรถ ทำความสะอาดอยู่เป็นประจำจะเป็นการทำลายแหล่งเพาะเชื้อและหมักหมมของฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมไปถึงเชื้อโควิด 19 ที่อาจแฝงตัวมาอยู่ในบริเวณนั้นด้วยก็เป็นได้

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

4.ที่จับเปิด-ปิดประตู และกระจกรถ

อีกหนึ่งสิ่งของที่ถูกใช้งานมากที่สุด แต่ถูกละเลยมากที่สุดเช่นกัน สิ่งสกปรกต่าง ๆ มักเข้าไปแฝงเร้นซ้อนตัวอยู่อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในภาวะเร่งรีบที่ทุกคนต่างนำอาหารขึ้นมากินบนรถ เมื่อมือเปื้อนพร้อมกับทำความสะอาดได้ไม่ดีมากนัก เมื่อถึงจุดหมายทุกคนต่างจับบานพับปลดล็อก เปิดประตู พร้อมกับนำคราบสกปรกต่าง ๆ ไปฝังตัวอยู่ในบริเวณนั้น ยิ่งรถคันใดผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานมักจะเกิดเป็นรอยบุ๋มลึกลงไปยากต่อการทำความสะอาดและยังเป็นแหล่งรวมความสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ดังนั้นทุกครั้งหลังจากการใช้งานแล้ว คุณควรไล่ เช็ดฝุ่นรถ อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่เสมอโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมน้ำเช็ดตามบานพับและจุดที่เป็นร่องรูต่าง ๆ ตามพื้นที่เปิด-ปิดประตูรวมไปถึงสวิตซ์เปิดกระจกให้สะอาดไม่มีคราบสกปรกสะสมอยู่ตลอดเวลา

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

5.ปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัย

เชื่อแน่ว่าเป็นชุดอุปกรณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการถูกจับและสัมผัสจนกลายเป็นแหล่งรวมสิ่งสกปรก จุดหมักหมม รวมไปถึงการเกิดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด 19 ผ่านทางปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัยนี้ เรียกว่า นอกจากบานพับเปิด-ปิดประตูรถแล้ว เจ้าปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัยจะเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ผ่านมือคนมากที่สุด ได้รับการสัมผัสบ่อยที่สุด และแน่นอนความพลั้งเผลอจึงเป็นการนำเชื้อโรคไวรัสไปเกาะติดรอให้ผู้ใช้งานคนอื่นมาสัมผัสและรับเชื้อไปจากจุดสัมผัสเหล่านั้น

เนื่องจากปุ่มสัมผัสเหล่านี้เป็นพลาสติกแข็งทำความสะอาดได้ง่าย การเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอยู่เป็นประจำย่อมเพียงพอต่อการ ดูแลสุขอนามัยภายในรถ ของคุณให้ห่างไกลจากกลิ่นเหม็นอับในจุดที่ถูกละเลย รวมไปถึงการจัดการแหล่งเพาะเชื้อของโควิด 19 ให้ห่างไกลจากทุกคนในรถของคุณให้มากที่สุด

ใช้อะไรเช็ดภายในรถ กับจุดอับที่คุณมักนึกไม่ถึงว่าจะเป็นแหล่ง “สะสม” ของสิ่งสกปรก กลิ่นเหม็นอับ และเชื้อโรคโดยเฉพาะโควิด 19 ที่แฝงเร้นมาอยู่ในรถคันเก่งของคุณ รู้ใจ อยากให้คุณเอาใจใส่ทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ให้ดี ด้วยรูปแบบการทำความสะอาดที่เหมาะสม มั่นใจว่าสะอาดชัวร์ รวมไปถึงการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของทุกคนในรถคู่ไปกับการมองหารูปแบบการคุ้มครองจากประกันสุขภาพซึ่งที่ รู้ใจ มาพร้อมกับประกันโควิดออนไลน์ให้คุณเลือก ซื้อง่าย สบายใจกว่า! ให้คุณและคนที่คุณรักพร้อมสู้โรคโควิด ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจไม่มีสะดุด

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ คราบหินปูน

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ถ้าหากคุณยังไม่ได้ Word From Home หรือทำงานที่บ้านเป็นหลัก คุณอาจต้องใช้รถยนต์ในช่วงนี้มากหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เพราะเสี่ยงกับโควิด-19 มาก

แต่ในช่วงหน้าฝน ต้องขับรถลุยฝนกันเป็นประจำ ยิ่งตามร้าน Car Care ก็ยังติด Lockdown หลายเจ้าก็ยังปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายคนต้องสลัดความขี้เกียจ ขยันทำความสะอาดรถกันบ่อยหน่อย

ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในเวลาขับรถ นั่นคือ “ทัศนวิสัยที่ดี” แต่กระจกรถเขรอะไปด้วยคราบน้ำ ฝุ่น ขี้นก หรือรอยน้ำยางจากต้นไม้ ฯลฯ แบบนี้จะไหวหรือ? MR.CARRO เลยขอมาแนะนำ 3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ ตลอดช่วงหน้าฝน กันครับ

ก่อนอื่นเลย … เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ทั้งผ้าแห้งสะอาด หรือหนังสือพิมพ์ (ยุคนี้คงแทบไม่มีใครซื้ออ่านกันแล้ว แต่ถ้ามีก็ใช้ได้) ฟองน้ำเช็ดกระจกรถ หรือแปรงเช็ดกระจก แว็กซ์สำหรับเช็ดรถ และถังน้ำ

3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ คราบหินปูน

1. กรณีเช็ดกระจกรถ ด้วยแชมพูล้างรถ

นำเกลือหรือแชมพูล้างรถ มาผสมกับน้ำสะอาด แล้วเช็ดทำความสะอาดกระจกให้ทั่ว ซึ่งจะช่วยให้ขจัดคราบสกปรก กระจกมัว คราบน้ำ คราบฝุ่น ออกได้

หรือจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ เช็ดด้วยเบคกิ้งโซดาผสมน้ำหรือน้ำส้มสายชู เช็ดกระจกก็ได้เช่นกัน

3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ คราบหินปูน

2. กรณีเช็ดกระจกรถ ด้วยแว็กซ์สำหรับเช็ดรถ

หลายคนอาจไม่ทราบว่า แว็กซ์สำหรับเช็ดรถ (ควรเลือกแบบไม่มีผงขัด เพราะอาจทำให้กระจกรถเป็นรอยขนแมวได้) ก็เช็ดกระจกรถให้เงาวาวได้ กับเคล็ดลับง่ายๆ เพียงใช้แว็กซ์เช็ดรถผสมกับน้ำ คนให้เข้ากัน แล้วก็เอาฟองน้ำไปเช็ดบริเวณกระจก แว็กซ์นอกจากจะช่วยให้ผิวกระจกรถคุณเงางามแล้ว ชั้นฟิล์มบางๆ ของแว็กซ์ ยังช่วยให้น้ำไม่เกาะตัวกันบริเวณกระจกรถอีกด้วยครับ

3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ คราบหินปูน

3. ลบรอยขีดข่วน หรือคราบน้ำ คราบหินปูน

กรณีรถคุณมีรอยขีดข่วนมากที่กระจกรถ ลองใช้กลีเซอรีนหรือยาสีฟัน โดยนำมาเช็ดจนทั่วกระจกแล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดออก ก็ช่วยให้รอยขีดข่วนน้อยลงไปได้

และในส่วนของรถเก่าๆ บางคัน อาจจะมีรอยคราบน้ำที่แห้งกรัง ฝังแน่นติดบริเวณเนื้อกระจก ซึ่งสาเหตุอาจมาจากการใช้น้ำประปา หรือใช้น้ำบาดาลมาล้างรถ ซึ่งมีแร่ธาตุหลากหลายชนิด โดยเฉพาะแคลเซียม และแมกนีเซียม ทำให้น้ำมีความกระด้างสูง ถ้าใช้รถไปนานๆ แล้วไม่เคยเช็ดกระจก ก็จะเกิดคราบหินปูนขึ้นมา

คราบหินปูนอาจเช็ดออกยากหน่อย ขั้นต้นให้ลองใช้น้ำส้มสายชู เจือกับน้ำ ลองค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดดู ถ้ายังไม่ออก ลองเปลี่ยนมาใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำบนกระจกรถ กรดเกลือ หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีส่วนผสมของกรดเกลืออย่างน้อย 10 – 20% แต่ถ้ายังไม่ออกอีก ให้ใช้มีดโกนขูดกระจก หรือไปให้ร้านที่มีเครื่องขัดผิวกระจกขัดออกโลด …

3 เคล็ดไม่ลับ วิธีเช็ดกระจกใสไร้ฝุ่น ไร้คราบน้ำ คราบหินปูน

ทุกครั้งของการเช็ดกระจกรถยนต์ หรือขจัดคราบหินปูนบนกระจกรถ ต้องระวังอย่าให้บรรดาแว็กซ์ น้ำส้มสายชู หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ กระเด้นเข้าตา ปาก หรือผิวหนัง และอย่าให้น้ำยาล้างห้องน้ำสัมผัสกับตัวรถ และส่วนอื่นๆ ของรถยนต์เด็ดขาด เพราะอาจไปกัดสีรถยนต์ของคุณแทนนะครับ

เพียงแค่ลองทำตามดู แค่นี้รถของคุณ ก็จะมีกระจกสวยใส พร้อมขับรถไปตลอดหน้าฝนแล้วล่ะครับ

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

อย่าทิ้งของมีค่า

อย่า! เก็บของมีค่าไว้ในรถ จอดที่ไหนก็เสี่ยง!

เชื่อว่าทุกคนมีความกังวลไม่มากก็น้อย ในเรื่องของ “รถหาย”!! จึงคอยระแวดระวังกัน เพราะทุกวันนี้มี “โจรชุม” เหมือนยุง แต่สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นภัยใกล้ตัวของคนมีรถยนต์ นอกจากรถหายเพราะถูกโจรกรรมแล้ว ก็หนีไม่พ้น “โจรทุบกระจกฉกทรัพย์” ซึ่งไม่ใช่ภัยรูปแบบใหม่ แต่เป็นภัยที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ มีทั้งโจรหน้าเก่า หน้าใหม่ สลับกันก่อเหตุ

กระจกห้องโดยสารของรถ ถือเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของรถ สามารถถูกทำลายได้โดยง่าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที คนร้าย ก็สามารถเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินของมีค่า ที่เจ้าของเก็บไว้ภายในรถอย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมามีผู้เคราะห์ร้ายทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคนดัง ศิลปิน ดารา นักร้อง นักกีฬา นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ขาย พนักงานออฟฟิศ หรือแม้แต่ตำรวจก็ไม่ได้รับการละเว้นจากบรรดาโจรทุบกระจกรถ บางรายสูญทรัพย์สินเป็นจำนวนหลักแสน หรือมากกว่า บางรายก็โชคร้ายถึงขั้นถูกขโมยรถยนต์ไปด้วย

ถึงแม้หลังเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นตำรวจในแต่ละท้องที่ได้ “ล้อมคอก” เพิ่มการตรวจตราระมัดระวัง ส่งสายตรวจเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น แต่คนร้าย ก็ยังสามารถหาช่องโหว่ รอจังหวะสบโอกาสก่อเหตุอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะคนร้ายก็พยายามคิดค้นหาวิธีหลบเลี่ยงการทำงานของตำรวจได้อยู่เสมอ

จากสถิติการเกิดคดีอาชญากรรม ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เคยทำเอาไว้ พบว่า ถนน 4 เส้นทางในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถ.เกษตร-นวมินทร์ ถ.วิภาวดีรังสิต ถ.พหลโยธิน และ ถ.รัชดาภิเษก โดยเฉพาะ แยกห้วยขวาง เกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ขโมยทรัพย์สินมากที่สุด อาจเป็นเพราะย่านนี้ มีร้านอาหารริมทางเปิดให้บริการอยู่จำนวนมาก ประชาชนจึงจอดรถไว้ริมทางโดยไม่ระวัง คนร้ายจึงฉวยโอกาสลงมือได้ง่าย

แถม “วิวัฒนาการโจร” ทุกวันนี้ ได้ลามเข้าไปก่อเหตุตามลานจอดรถห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัย มีทั้ง รปภ.และกล้องวงจรปิดทุกซอกมุม ยังไม่รอด!

โจรทุบกระจกรถเหล่านี้ พฤติการณ์ส่วนใหญ่แล้ว สายตาจะคอยหารถยนต์เป้าหมายที่มีทรัพย์สินมีค่าอยู่ภายในรถ เช่น กระเป๋าเงิน เครื่องคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป ฯลฯ

ดังนั้น การจอดรถในแต่ละครั้ง แต่ละสถานที่ ควรจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ให้ลับตาคน อย่าเปิดเผย อย่าแต่งตัวล่อตาล่อใจแก่ผู้พบเห็น สำหรับสิ่งของ หากสามารถนำติดตัวไปด้วย ก็จะปลอดภัยเพิ่มขึ้น

 

วิธีป้องกันโจรขโมยของทุบกระจกรถ มีอยู่ 4 ข้อหลัก คือ

1. อย่าจอดรถในที่มืด ไม่ว่าจะจอดชั่วคราวหรือจอดทั้งคืน เนื่องจากการจอดรถ เปรียบเหมือนการฝากทรัพย์สินที่สำคัญ ควรจะจัดหาที่จอดรถที่เหมาะสม และถ้าเป็นไปได้ หาที่จอดรถที่มีแสงสว่าง และไม่ควรอยู่ห่างจากบ้านตัวเอง เพื่อที่จะได้รับรู้กรณีมีเหตุฉุกเฉิน

2.อย่าอยู่ในที่เปลี่ยว หรือลับตาคนเป็นอันขาด แต่ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ ให้จอดรถโดยอย่าให้ด้านผู้โดยสารอยู่ด้านนอกถนน และจัดการล็อกรถให้ดี เป็นไปได้ควรออกมาตรวจสอบรถบ่อยเท่าที่จะทำได้

3.รถไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ตู้เซฟ ไม่ควรวางหรือเก็บของมีค่าเอาไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องยอมรับว่าของมีค่าเป็นสิ่งล่อตาล่อใจโจร แม้หลายครั้งที่โจรทุบกระจกจะเป็นการเดาสุ่ม แต่ก็ต้องเป็นการเดาสุ่มแบบมีความเป็นไปได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากการเคยรู้เคยเห็น ดังนั้นจึงไม่ควรนำทรัพย์สินไว้ในรถ

4.สัญญาณกันขโมย เมื่อมีแล้วต้องใช้ให้เป็น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสามารถป้องกันโจรได้ หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ควรปรับตั้งค่าให้มีความอ่อนไหวสูง แต่ไม่ต้องถึงขั้นหมาเห่าหรือรถวิ่งผ่านยังดัง ควรให้ช่างช่วยปรับตั้งในระดับที่เอามือแปะกระจกแรงๆ แล้วดังก็พอ แม้สัญญาณกันขโมยอาจไม่ช่วยกันแบบ 100% แต่ก็พอจะช่วยประวิงเวลาโจร หรืออย่างน้อยมันอาจจะตกใจ หนีไปก็ได้

แม้แนวป้องกันอาจจะเป็นเพียงวิธีพื้นฐาน แต่หลายคนยังละเลยที่จะปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการวางของมีค่าไว้ในรถ ส่วนหนึ่งมาจากความมักง่าย ที่ไม่ชอบนำของมีค่าลงไปจากรถ แม้จะชั่วครู่ชั่วคราว จนทำให้เป็นที่หมายตาโจร ดังนั้น “กันไว้ดีกว่าแก้” น่าจะดีที่สุด..!!

 

Ref : komchadluek.net