ปกติของรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ก็ควรหมั่นตรวจสอบดูแลรักษาบ้างอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เพื่อดูว่ามีส่วนใดผิดปกติหรือบกพร่องบ้างหรือไม่ หลายๆ คน ขับรถเป็นอย่างเดียว ดูแลรักษารถไม่เป็นเลยก็มี
เครื่องยนต์ของรถ ก็จัดเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ปกติระดับน้ำมันเครื่อง เวลาเราใช้ไปมันก็จะมีลดลงไปบ้างอยู่แล้ว จากการเผาไหม้หรือเสียดสีกับเหล็กภายในเครื่องยนต์ แต่บางกรณีเล่นหายกันแบบหมดไวมาก เหมือนโดนดูดเลย บางคนกว่าจะรู้ตัวอีกที น้ำมันเครื่องขาด น้ำมันเครื่องแห้ง ส่งผลตามมาถึงขั้นเครื่องยนต์พัง ได้ยกเครื่องใหม่เลยทีเดียว
สาเหตุอะไรบ้าง ที่ทำให้น้ำมันเครื่องหาย มาดูกันครับ …
1. เครื่องยนต์สึกหรอมาก
เครื่องยนต์สึกหรอมาก ส่งผลให้การเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ หรือในกระบอกสูบไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์ตก ควรดูว่ากระบอกสูบ ลูกสูบ และแหวนลูกสูบ สภาพเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าสึก หลวม กร่อน หรือไหม้ หรือไหลไปผสมกับเชื้อเพลิง ก่อให้เกิดปัญหาควันขาว ก็ควรเปลี่ยนใหม่
2. ซีลต่างๆ มีการรั่วซึม
ลองก้มไปดูใต้ท้องรถ หลังจากจอดรถเสร็จแล้วซิว่า มีหยดน้ำมันเครื่องสีน้ำตาลดำๆ ลงมาที่พื้นบ้างหรือไม่ ถ้ามี ลองดูตามซีลยางต่างๆ เช่น ซีลหน้าเครื่อง ซีลท้ายเครื่อง ฝาเครื่อง หรือประเก็นต่างๆ ของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน จะเกิดความร้อนและแรงดัน ทำให้น้ำมันเครื่องถูกดันผ่านปะเก็น ซีล โอริงต่างๆ ถ้าเจอจุดรั่วซึมแล้ว ก็รีบขับรถเข้าอู่เปลี่ยนใหม่เถอะ
3. วาล์วสึก วาล์วยัน
อะไรที่เกี่ยวกับวาล์วทั้งหลายแหล่ เช่น ก้านวาล์ว ร่องนำวาล์ว ยางหมวกวาล์ว (หรือ ยางตีนวาล์ว) รถยนต์ของใครที่ใช้แก๊ส LPG มักจะเป็นกันไว 2-3 ปี ก็ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะแก๊ส LPG มีความร้อนสูง ซีลต่างๆ เสื่อมเร็วกว่าพวกใช้น้ำมัน
ถ้าชิ้นส่วนวาล์วหมดสภาพ หรือยางแข็งตัวแล้ว ก็ควรเปลี่ยนซะใหม่ เพราะทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้น้ำมันเครื่องไหลผ่านเข้าไปในกระบอกสูบได้ วิธีแก้ก็เปลี่ยนใหม่ซะ แต่บางอาการก็อาจจะต้องจ่ายมากหน่อย เช่น วาล์วรั่ว
ทางที่ดี ถ้าคุณใช้รถมือสองอายุหลายปีแล้ว อย่าลืมตรวจเช็คน้ำมันเครื่องสัปดาห์ละครั้งนะครับ อย่างน้อยๆ ก็กันไว้ดีกว่าแก้ครับ
ขอขอบคุณภาพจาก อู่เรืองยนต์