ที่มา “ทางม้าลาย” สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ทุกวันนี้ ตั้งแต่กระแสสังคมมีเรื่องของ “ทางม้าลาย” สัญลักษณ์สำหรับให้คนเดินข้ามถนน เป็นที่พูดถึงกันอย่างมหาศาลในโซเชียลมีเดียอีกครั้ง จนหลายคนก็เริ่มสงสัยกันว่า ทางม้าลาย นี่เราได้ต้นแบบมาจากสีขาว-ดำ จากผิวของม้าลายจริงๆ หรือ?

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

สำหรับต้นกำเนิดของทางม้าลายนี้ ประวัติจะเป็นอย่างไร CARRO ค้นหาประวัติและรายละเอียด มาให้ได้ศึกษากันเป็นความรู้ครับ

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ทางม้าลายยุค 30 ในประเทศอังกฤษ

สำหรับทางม้าลาย (Zebra Crossing ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ หรือ Marked Crosswalk ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) มีต้นกำเนิดครั้งแรกจากการแนะนำในกฎหมายข้อ 18 ของ Road Traffic Act ปี 1934 ในสหราชอาณาจักร ที่รถทุกประเภทต้องหยุดให้คนเดินข้ามถนน พร้อมกำหนดให้จุดข้ามถนนของผู้คน ต้องมีลักษณะเป็นเส้นตรงสลับช่องในแนวขวางของถนน

ซึ่งมีการทดลองใช้สีทางม้าลายมาหลายครั้ง ด้วยความกว้าง 40 – 60 เซนติเมตร ทั้งสีเหลือง-น้ำเงิน, สีขาว-แดง และสีขาว-ดำ ก่อนจะถูกเริ่มใช้ครั้งแรกในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1949 เป็นสีเหลือง-น้ำเงิน โดยทดลองใช้อยู่ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

Leslie Hore-Belisha รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอังกฤษ และทางม้าลายแห่งแรกที่ใช้สีขาว-ดำ ในปี 1951

2 ปีต่อมา ในปี 1951 ก็มีข้อสรุปว่าจะใช้สีขาว-ดำ เป็นสัญลักษณ์ในเมืองผู้ดี เนื่องจากสีขาวกับสีดำ ตัดกับสีถนนได้ดี และมองเห็นชัดทั้งคนขับรถและคนข้ามถนน พร้อมกับเริ่มใช้ครั้งแรกบนถนนในเมือง Slough เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1951

และจะอยู่คู่กับเสาไฟสัญญาณ Belisha Beacon (เบลิชชา บีคอน) ที่เป็นไอเดียของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอังกฤษ Leslie Hore-Belisha (เลสลี ฮอร์ เบลิสชา) เพื่อใช้เป็นจุดรอสัญญาณข้ามถนน เมื่อใดที่โคมไฟสีส้มบนเสาสว่างขึ้น รถบนถนนก็จะหยุดให้คนข้าม ไม่ต่างจากทางม้าลายในปัจจุบัน

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

เสาไฟ Belisha Beacon ที่อดีตอาณานิคมของอังกฤษหลายประเทศในโลก ยังใช้ถึงทุกวันนี้

ส่วนที่มาของคำว่า “ทางม้าลาย” (Zebra Crossing) นั้นมาจาก James Callaghan อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร (1976 – 1979) ที่มองเห็นทางม้าลายแล้วบอกว่า “เห็นสีขาว-ดำสลับกันบนถนนแล้ว นึกถึงม้าลายเลยล่ะ”

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

มาเลเซีย ยังคงใช้ระบบทางม้าลาย พร้อมตีเส้นซิกแซกตามแบบอังกฤษ

ต่อมา ทางม้าลายก็ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ในยุคที่อังกฤษยังมีปกครองอาณานิคมอยู่หลายพื้นที่ในโลก ก็ได้นำเอาแนวคิดการขับรถและรูปแบบถนนของอังกฤษไปใช้ในอาณานิคมตัวเองทั่วโลก ทำให้ทางม้าลายจึงแพร่หลาย กลายเป็นสัญลักษณ์จราจรแบบสากลมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

ทั้งนี้ในประเทศอังกฤษ มีการตีเส้นถนนแบบซิกแซกก่อนถึงทางม้าลายเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการเตือนผู้ขับขี่ว่าข้างหน้าจะเป็นทางข้าม ให้ชะลอความเร็ว เตรียมหยุดรถ และห้ามขับแซง เนื่องจากเส้นซิกแซกจะช่วยให้สะดุดตา

ที่มา "ทางม้าลาย" สู่สัญลักษณ์บนถนนทั่วโลก

ส่วนทางม้าลายที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก ก็คงต้องยกให้ทางม้าลายบนถนน Abbey Road ในเขต Camden กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะถูกนำไปเป็นภาพปกอัลบั้ม Abbey Road ผลงานสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 11 ขณะสมาชิกวง The Beatles (เดอะ บีเทิลส์) เดินเรียงแถว ก้าวขาข้ามทางม้าลายไปยัง Abbey Road Studios ตั้งอยู่

ทำให้ถนนอันเงียบสงัดสายนี้ ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญของชาติ และในปี 2010 คณะกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมของอังกฤษ ได้ยกย่องให้ถนนเส้นนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติชั้นที่ 2 เลยทีเดียว!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

10 ทางม้าลายอันตรายใน กทม. ที่ต้องระวัง!

หลายท่านคงได้เห็นกับข่าวอันน่าเศร้าลสดกันไปแล้ว ที่ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนคุณหมอกระต่าย หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ขณะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายจนถึงแก่ความตายบนถนนพญาไท ที่สร้างความสูญเสียอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้ สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทั้งประเทศ

จนกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมไทยอย่างมาก ถึงเรื่องที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำผิดกฎหมายหลายอย่างเสียเอง รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายอันย่อหย่อน และอีกหลายๆ ปัญหาที่ตามมามากมาย รวมไปถึงประสบการณ์ของผู้ที่ใช้ทางม้าลาย

ถึงแม้ว่าทาง กทม. และบางจังหวัด ได้รีบรับฟังเสียงประชาชน (หรือรีบผักชีโรยหน้า?) ปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของทางม้าลายในแต่ละจุดกันใหญ่ ตั้งแต่ทาสีขาว ทาสีแดงให้สังเกตง่ายขึ้น ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรก ปรับปรุงสัญญาณไฟ หรือไฟกระพริบ ไฟส่องสว่าง หรือทาสีเพิ่มลูกระนาด ให้รถวิ่งมาแล้วรู้สึกสะเทือนก่อนจะถึงทางม้าลาย เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพญาไท

แต่เท่าที่พบ หลายสี่แยกไฟแดง รถจักรยานยนต์ก็ยังคงจอดทับทางม้าลาย หรือรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไม่ยอมจอดให้คนข้ามทางม้าหลายเช่นเคย หรือฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก จนเกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น แยกอโศกมนตรี ถึงแม้จะนำกล้อง AI มาใช้ในพื้นที่จับปรับบริเวณทางม้าลาย ก็ยังพบคนทำผิดกฎจราจรมากกว่า 25,000 ครั้ง

แม้ว่าในบางครั้ง คนข้ามถนน และถนน อาจจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นด้วยก็ตาม เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างเดินข้ามถนน หรือคิดจะข้ามก็รีบวิ่งตัดหน้ารถเลย หรือขับรถมาในเลนขวาสุด แต่มีรถเลนกลางบังคนข้ามถนนในมุมซ้ายอยู่ เป็นต้น

เรามาดูกันดีกว่า ว่า 10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ ที่คนข้ามทางม้าลายข้ามได้ยากเย็น จะมีถนนเส้นไหนบ้าง ทั้งจากประสบการณ์ตรง และจากชาวโซเชียลเล่ากันมา ไปอ่านและระวังตอนข้ามถนนได้เลยครับ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนอโศกมนตรี

1. ถนนอโศกมนตรี

ถนนอโศกมนตรี จัดได้ว่าเป็นถนนที่มีรถยนต์วิ่งจอแจมากที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ อีกทั้งช่วงกลางถนน ไม่มีพื้นที่สำหรับให้คนข้ามได้ยืนหยุดรอรถอีกฝั่ง ทำให้ข้ามถนนได้ลำบากอีกหนึ่งเส้น

เฉกเช่นเดียวกับที่เราเห็นคลิปแชร์ในสังคมออนไลน์ ที่เจอทั้งรถบีบแตรไล่ รวมถึงต้องระวังหลังอีกต่างหาก แถมยังมีรถทะลึ่ง ใช้ทางม้าลายเป็นที่กลับรถอีกต่างหาก

ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2557 บริเวณถนนอโศกมนตรี ก็เกิดเหตุรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนพนักงานสาวแกรมมี่ ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต บริเวณหน้าตึกแกรมมี่มาแล้ว

ยิ่งในเวลากลางคืน ช่วงนี้ถนนอโศกมนตรีค่อนข้างโล่ง เนื่องจากผับบาร์รอบๆ ยังปิดอยู่เยอะ ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มาก หลายคันไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ขับผ่านเลย แม้ว่าสัญญาณไฟข้ามถนนจะเป็นสีเขียวก็ตาม!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

2. ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

ถ้าใครเคยขับรถบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งแต่ช่วงลาดพร้าว ไปจนถึงรามอินทรา จะสังเกตได้เลยว่าทางม้าลายสำหรับให้คนข้ามถนน มีน้อยมาก และสะพานลอยสำหรับให้คนข้าม ก็มีน้อยมากเช่นกัน

ซึ่งคนข้ามถนนเส้นเลียบด่วนนี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า อันตรายและรอนานมาก และมีรถยนต์วิ่งมาตลอด หรือวิ่งมาอย่างเร็ว จนหาช่วงข้ามได้ลำบากมาก ต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำริ

3. ถนนราชดำริ

ถนนราชดำริ สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นย่านที่มีศูนย์การค้า และโรงแรมรวมตัวอยู่มากมาย รวมถึงอยู่ใกล้สถานที่ค้าส่งสินค้าอย่างประตูน้ำอีกด้วย จึงมีผู้คนจอแจมากเป็นพิเศษ

แม้ว่าตรงสี่แยกราชประสงค์ จะมีทางเดินแบบ Skywalk แล้ว ช่วงหน้าห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เชื่อมต่อกับ เกษรพลาซ่า และ Big C ราชดำริ ก็มีสะพานลอยข้ามถนนอยู่แล้วถึงสองจุด จึงไม่ค่อยมีปัญหาจากคนเดินข้ามถนนเท่าไหร่ แต่ก็ข้ามได้ลำบาก เพราะไม่มีทางม้าลาย และถนนหลายเลนข้ามลำบาก

แต่จุดที่คนชอบข้ามถนนกันมาก นั่นก็คือ ช่วงสี่แยกประตูน้ำ ตรงสะพานเฉลิมโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นจุดนี้ไม่มีทางม้าลายสำหรับข้าม ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตาย มีรถวิ่งมาตลอดทั้งสองฝั่ง ฝั่งนึงหยุด ฝั่งนึงก็พุ่งมา หลายครั้งที่รถยนต์, รถจักรยานยนต์ ไม่หยุดจอดให้คนข้าม จนมีข่าวเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง

จนต้องทำทางม้าลายขึ้นมาถาวร แต่ก็ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตายเหมือนเดิม

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนเพลินจิต

4. ถนนเพลินจิต

จุดนี้ก็จัดเป็นย่านท่องเที่ยวเช่นกัน มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน รวมไปถึงโรงพยาบาล ก็ขึ้นชื่อเรื่องข้ามถนนลำบาก แม้ว่าจะมีสัญญาณไฟข้ามถนนอยู่รอบด้าน

ด้วยสภาพความจอแจของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทำให้คนข้ามถนนที่จอแจมาก ต้องเสียเวลายืนรอข้ามกันนานมาก ยิ่งเป็นจุดข้ามถนนฝั่งเกษรพลาซ่า เมื่อมีสัญญานไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ ก็ดันเป็นจังหวะของรถที่มาจากถนนราชดำริ ได้ไฟเขียวให้เลี้ยวซ้ายได้วิ่งมาตรงนี้พอดี

ทำให้การข้ามถนนโดยมีสัญญานให้คนข้าม ก็ดูไม่มีความปลอดภัยเลย หลายครั้งที่มีคนข้ามถนน แล้วถูกรถชนตรงนี้!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนชิดลม

5. ถนนชิดลม

ใครจะไปคิดล่ะว่า ถนนเส้นเล็กๆ คั่นกลางระหว่างถนนราชดำริ กับถนนวิทยุ อย่าง “ถนนชิดลม” นี้ จะมีปัญหาเรื่องการข้ามถนนเหมือนกัน!

ปกติ ถ้าเป็นช่วงรถติดแหง็กๆ ตอนเช้า ตอนเย็น ก็พอจะเดินข้ามถนนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ขณะที่รถโล่งๆ ทีนี้ล่ะลำบากหน่อย เพราะรถยนต์ที่วิ่งลงมาจากสะพานชิดลม มักใช้ความเร็วสูง และไม่ยอมชะลอหรือเบรกให้คนข้ามถนนอยู่เป็นประจำ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชปรารภ

6. ถนนราชปรารภ

ถนนราชปรารภ ในย่านประตูน้ำ ก็จัดว่าเป็นถนนที่มีคนใช้รถเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าที่จอแจด้วยเช่นกัน

แต่ถนนสายนี้ ก็มีจุดที่ข้ามถนนได้ยากอยู่หลายจุด นับตั้งแต่ช่วงแยกจตุรทิศ ที่จะมีรถมากันอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่จะข้ามถนนในยุดอื่นก็ลำบาก เพราะไม่มีเกาะกลางถนนให้ยืนรอรถอีกฝั่งนั่นเอง หรือช่วงมุมถนนรางน้ำ เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพระรามที่ 4

7. ถนนพระรามที่ 4

ถนนพระรามที่ 4 มีหลายช่วงอยู่เหมือนกันที่ข้ามถนนได้ลำบาก อาทิ ช่วงตลาดคลองเตย ที่คนนิยมข้ามถนน สะดวกกว่าข้ามสะพานลอย โดยเฉพาะคนที่ต้องหิ้วของเยอะๆ ออกมาจากตลาดคลองเตย เห็นได้ประจำ

และช่วงแยกเกษมราษฏร์ ที่ตำรวจมักจะปล่อยไฟเขียวกับถนนพระรามที่ 4 ขาไปพระโขนงนานมาก รวมถึงปล่อยให้ไฟเขียวรถเลี้ยวขวาเข้าถนนเกษมราษฏร์ด้วย

ทำให้คนที่จะข้ามถนน ต้องไปยืนคาอยู่ที่บริเวณเกาะกลางถนนนานพอสมควร และยังมีพุ่มไม้ที่ค่อนข้างสูง บังคนที่จะข้ามถนนอีกด้วย

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนลาดพร้าว

8. ถนนลาดพร้าว

ถนนลาดพร้าว อันนี้ก็จัดเป็นถนนที่มีรถยนต์คับคั่งเหมือนกัน แต่บางจุดก็ขึ้นชื่อว่าข้ามถนนได้ยาก และอันตรายอยู่ …

ถนนลาดพร้าวตอนต้น ช่วงตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว – สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว เมื่อรถที่วิ่งลงมาจากสะพานตรงห้าแยกลาดพร้าว มักใช้ความเร็วสูงหากรถโล่ง ทำให้คนเดินข้ามถนนได้ลำบาก ยิ่งสะพานลอยแต่ละจุดที่อยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร และไม่มีทางม้าลายบนถนนด้วย ตอนข้ามต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำเนินกลาง

9. ถนนราชดำเนินกลาง

ถนนที่จัดได้ว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อย่าง ถนนราชดำเนินกลาง ก็จะไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเรื่องคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย แต่จุดนี้กลับเป็นจุดที่ไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ และไฟเขียวให้รถข้ามมาได้ด้วย!

ทางม้าลายบริเวณแยกอนุสรณ์สถาน​ 14​ ตุลา​ หากต้องการข้ามไปฝั่งหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร​ พบว่า​ เมื่อสัญญาณไฟคนข้ามเป็นสีเขียว แต่ก็ยังข้ามไม่ได้​ เพราะมีรถเลี้ยวซ้ายจาก​ ถ.ตะนาว​ มาตลอดเวลา​!

แถมเมื่อถึงเกาะกลางแล้วยังต้องระวังรถด้านซ้ายมือด้วย เนื่องจากสัญญาณไฟบนถนนราชดำเนินกลาง ไฟเขียวให้รถเลี้ยวขวาเข้าถนนตะนาวได้ ช่างลำบากยากเย็น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชวิถี

10. ถนนราชวิถี

ถนนราชวิถี จัดเป็นถนนที่มีรถค่อนข้างเยอะแทบจะตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเป็นย่านที่มีคนป่วย หรือผู้สูงอายุมากันเยอะ เพราะมีโรงพยาบาลใหญ่ๆ อยู่หลายโรงพยาบาล

และทางม้าลายหลายจุด เช่น หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มักจะมีผู้สูงอายุข้ามกันอยู่เสมอ ทำให้คนขับรถหลายคนมักหงุดหงิด หรือรอคนข้ามถนนช้าจนรถติด จึงไม่ค่อยยอมจอดให้คนข้ามถนนไป

เป็นอย่างไรบ้างครับ ใครที่เคยมีโอกาสข้ามถนนใน 10 เส้นทางนี้ มาบอกเล่าประสบการณ์กันได้นะครับ

ถ้าจะให้ทางม้าลายในไทยใช้แล้วปลอดภัย คงต้องทำไม้กั้นแบบทางรถไฟครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รวม 7 ปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนสูงสุดระดับโลก สาเหตุก็มาจากหลายๆ ปัญหาของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งการไม่เคารพกฎหมาย ความประมาท ความใจร้อนจนเกิดการทะเลาะวิวาท, อุบัติเหตุ ฯลฯ ซึ่งปัญหาพวกนี้แก้ไขได้ หากคุณมีสติในการขับรถ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจแก่ผู้ร่วมทาง

ในบทความนี้ CARRO จึงรวมสาเหตุหลักๆ ที่เป็นปัญหาบนท้องถนนบ้านเรามาให้ผู้อ่านทราบ เพื่อที่จะได้รับรู้และรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก lavanont

1. ไม่เคารพกฎจราจร

นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถติดหรือเกิดอุบัติเหตุทั้งหมดบนท้องถนน อย่างเช่น การขับรถฝ่าไฟแดงที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ และการละเลยป้ายเตือนข้างทาง รวมถึงคนที่ขับรถโดยไม่รู้กฎจราจรอีกด้วย

ซึ่งตามหลักกฎหมาย คุณจะไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่รู้กฎหมาย ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลด หรือต้องเสียค่าปรับ ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับกฎจราจรให้ดี และขับขี่รถอย่างถูกกฎ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

2. ขับรถเร็วและชอบแซง

คนไทยชอบใจร้อนตามอากาศ และมีนิสัยชอบขับรถเร็วและขับแซงรถคันอื่นๆ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์รถชนหรือแหกโค้งพลิกคว่ำบนถนนบ่อยๆ ซึ่งในแต่ละปีนั้น มีการสูญเสียที่เกิดจากการขับรถด้วยความใจร้อนและประมาทแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าคุณไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ควรขับรถด้วยความใจเย็น มีสติ หรือไม่ขับแซงรถคันอื่นๆ เป็นอันขาด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก โปรแกรมเมอร์ @watcharate

3. จอดล้ำเส้นทางม้าลาย / ไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย

เป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทุกวัน นั่นก็คือ รถจักรยานยนต์จอดล้ำและกีดขวางทางม้าลาย เกิดจากการขับรถมาจอดเป็นคันแรก เพื่อให้สามารถออกตัวก่อน ซึ่งทำให้ล้ำเส้นหยุด แต่ขณะเดียวกันรถยนต์ก็ไปจอดช่องรถจักรยานยนต์ ทำให้รถจักรยานยนต์ต้องจอดเลยเส้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรถติดและปัญหาอื่นตามมา ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตราย และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ด้วยค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก นู๋ปู กู้ภัยชาละวันพิจิตร

4. ไม่หลีกทางให้รถกู้ภัย

อีกปัญหาของสังคมไทยที่เป็นประเด็นข่าวอยู่บ่อยๆ นั่นคือ การขวางหรือไม่หลีกทางให้กับรถกู้ชีพ, กู้ภัยของมูลนิธิและรถฉุกเฉินโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุไม่หลีกทางให้นั้น อาจมองกว้างๆ ได้ 2 ประเด็น คือ

  • บางคนอาจขับรถโดยเหม่อลอย ขับไปเรื่อยๆ ไม่ตั้งใจขับ หรืออาจเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณไฟ
  • บางคนมีปมกับรถฉุกเฉิน เพราะเมืองไทยมีรถฉุกเฉินเยอะเกินไป ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญาณไฟหายไป คนไม่เชื่อว่ารถจะไปกู้ภัยจริงๆ จึงไม่หลีกทางให้ ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ทำให้เกิดการสูญเสียแบบที่ไม่น่าเกิด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

5. คุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ

แม้จะมีกฎหมายห้ามออกมา แต่ก็ยังมีคนที่ฝืนกฎและคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารถติดและอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากคุยโทรศัพท์จนเสียสมาธิในการขับรถ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน ทุกครั้งที่ขับรถคุณต้องไม่คุยโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด หากจำเป็นก็แนะนำให้จอดรถข้างทาง คุยธุระให้เสร็จแล้วค่อยขับรถต่อไป

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

6. เมาแล้วขับ

เป็นปัญหาโลกแตกที่หาทางแก้ไขกันมานาน แม้จะมีการรณรงค์ห้ามคนเมาแล้วขับอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ ก็ยังมีคนที่เมาแล้วขับอยู่จำนวนมาก และปัญหาที่ตามมาก็คือ การเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเช่นกัน

เพราะฉะนั้นคุณควรพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ควรขับขี่ในขณะที่กำลังเมาเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ก็ตาม อย่างน้อยก็เซฟเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง และจะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นบนท้องถนนค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก JS100 Radio

7. ขับขี่รถย้อนศร

พฤติกรรมการขับขี่รถย้อนศรอาจพบเห็นไม่บ่อยนักสำหรับคนขับรถยนต์ แต่คนขี่รถมอเตอร์ไซค์มักมีพฤติกรรมที่มักง่ายเช่นนี้ และพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย ในถนนเส้นใหญ่ที่มีทางกลับรถในระยะไกล จึงเป็นสาเหตุที่ไม่อยากไปกลับรถและเลือกที่จะขี่รถย้อนศร ทำให้ในบางครั้งคนที่ใช้ท้องถนนในเลนที่ถูกต้องกลับต้องหักหลบ หรือมองไม่เห็นรถที่ย้อนศรมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ