How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

ใกล้ช่วงสิ้นเดือนทีไร เหล่ามนุษย์เงินเดือนก็เริ่มลืมตาอ้าปาก กับช่วงเวลาของความปลื้มปิติปราโมทย์ ที่กำลังมาถึง … หลายต่อหลายคน ได้เงินเดือนที่ได้มา ไปใช้จ่ายต่างๆ นาๆ หรือใช้จ่ายไปกับการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนสิ่งของต่างๆ เป็นต้น

ว่าพูดถึงการผ่อนรถ เชื่อได้เลยว่า บรรดามนุษย์เงินเดือนหลายคน ที่เพิ่งเป็นเด็กจบใหม่ (First Jobber) หรือจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม หลายคนอยากได้เงินเดือนสูง อยากทำงานในบริษัทดัง อยากได้สวัสดิการที่ดี หลายคนอาจจะได้อย่างที่ใจหวังแล้ว ส่วนมากก็อยากได้สิ่งที่เป็นหน้าตาของตัวเองตามมาอย่าง “รถยนต์” ด้วยเช่นกัน

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังว่า มนุษย์เงินเดือน ต้องมีเงินเดือนแค่ไหน? ถึงจะซื้อรถมาใช้ได้

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

แม้ว่ายุคนี้ จะออกรถกันง่ายเหลือเกิน ดาวน์ 0% ก็ออกรถมามได้แล้ว แต่สถาบันทางการเงินก็ต้องพิจารณาจากเงื่อนไขหลายๆ อย่าง กับผู้ที่มาขอสินเชื่อ ตั้งแต่สลิปเงินเดือน, ใบรับรองเงินเดือน รวมไปถึงประวัติค้างชำระหนี้ย้อนหลัง รวมไปถึงความสามารถในการชำระหนี้อีกด้วย เพราะบางทีคุณอาจจะมีเงินเดือนเท่าเพื่อนคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะออกรถรุ่นเดียวกับเพื่อนคุณได้

ในส่วนของรายรับอื่นๆ เช่น ค่าคอมมิชชั่น, เงินโบนัส ฯลฯ บริษัทไฟแนนซ์บางที่ อาจไม่นำมาพิจารณา และอายุงานก็จัดว่าสำคัญ ถ้ามีการเปลี่ยนงานบ่อยๆ ไฟแนนซ์บางที่ ก็อาจจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ก็เป็นได้

ตามปกติ ไฟแนนซ์มักพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า กรณีที่รายได้ของผู้กู้แต่ละเดือน สูงกว่าค่างวด 1-1.5 เท่า ซึ่งหมายถึง หากคุณมีเงินเดือนประมาณ 15,000 บาท คุณต้องมีความสามารถผ่อนรถเดือนละประมาณ 7,500 บาท ได้ (ซึ่งไฟแนนซ์แต่ละที่ อาจประเมินต่ำกว่านี้อีก)

Mazda2

ถ้าเงินเดือนคุณอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 บาท ก็อาจจะเลือกเล่นรถระดับประมาณ Eco-Car แต่หากมีเงินเดือน 20,000 – 30,000 บาท ก็ขยับมาเล่นรถในกลุ่มของ Sub-Compact Car ได้ เพราะต้องคิดเผื่อไว้ด้วยเสมอว่า เราไม่ได้ผ่อนรถอย่างเดียว ต้องมีกินใช้อย่างอื่นด้วย แต่ถ้าฐานเงินเดือนมากกว่านั้น ก็ค่อนข้างอิสระในการเลือกรถมากขึ้นไปด้วย

แต่ถ้าคุณยอมเก็บหอมรอมริบเงิน วางดาวน์รถให้เยอะหน่อย (เช่น เงินดาวน์ 25%) ก็จะช่วยให้อัตราการผ่อนชำระนั้นน้อยลงไปด้วย รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ย จำไว้เลยว่าถ้าผ่อนน้อยปีเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเท่านั้น ยิ่งผ่อนนาน (72 เดือน, 84 เดือน) จ่ายค่างวดต่อเดือนน้อยก็จริง แต่เขาก็คิดอัตราดอกเบี้ย ที่คุณจะต้องจ่ายมากขึ้นรวมไปแล้วด้วย!

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

สมมติว่า คุณตัดสินใจซื้อรถ Sub-Compact Car รุ่นหนึ่ง ราคา 620,000 บาท ถ้าคุณวางดาวน์ 25% คุณต้องจ่ายเงินดาวน์ 155,000 บาท นั่นหมายความว่ายอดจัดของคุณจะอยู่ที่ 465,000 บาท กรณีที่คุณมีเงินเดือนอยู่ประมาณ 15,000 บาท อาจจะต้องเลือกเงื่อนไขในการผ่อนรถที่นานถึง 84 เดือน (7 ปี) โดยต้องจ่ายค่างวดประมาณ 6,733 บาท/เดือน (ในอัตราดอกเบี้ย 3.09%) ซึ่งถือเป็นค่างวดที่ไฟแนนซ์สามารถพิจารณาอนุมัติให้คุณได้

ในส่วนของโปรโมชั่น ที่ลดแลกแจกแถม และดอกเบี้ยต่ำ ก็ถือว่าน่าสนใจ โดยเฉพาะรถที่มีอายุในตลาดนานแล้ว หรืออยู่ในฤดูที่ขายรถได้น้อย บรรดาค่ายรถ ก็จะจัดโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งดอกเบี้ยต่ำ ก็จะช่วยให้ค่างวดรถคุณต่อเดือน ลดลงไปได้รับพันบาทเลยทีเดียว

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

ภาพจาก Motor Expo

แต่ก็ต้องนึกอยู่อย่างหนึ่งว่า มีรถ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ลด” สมชื่อ เพราะนอกจากค่างวดแล้ว มีรายจ่ายอย่างอื่นตามมาแน่นอนตั้งแต่ ภาษีรถ, พรบ., ประกันภัย, ค่าบำรุงรักษารถตามระยะ, ค่าน้ำมัน, ค่าแก๊ส, ค่าซ่อม, ค่าอะไหล่ ฯลฯ

สำหรับมนุษย์เงินเดือนคนไหน ที่อยากจะตัดสินใจซื้อรถสักคันแล้ว ก็ลองคำนวณรายได้รายจ่ายของแต่ละเดือนดู ว่าเรามีความสามารถในการผ่อนหรือไม่ เพราะถ้าผ่อนส่งไม่ไหว รถก็อาจจะโดนยึด เป็นหนี้กับไฟแนนซ์ ได้หมายศาล แถมยังเสียประวัติในเครดิตบูโรอีก!

การซื้อรถมาใช้สักคัน ก็ลองดูฐานะทางการเงินด้วย เพราะแทนที่จะมีความสุข เดี๋ยวจะกลายมีความทุกข์ซะงั้น ยังไงก็ลองไปคิดดูกันก่อนนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อซื้อรถคันใหม่มาใช้เร็วๆ นี้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน