10 ทางม้าลายอันตรายใน กทม. ที่ต้องระวัง!

หลายท่านคงได้เห็นกับข่าวอันน่าเศร้าลสดกันไปแล้ว ที่ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนคุณหมอกระต่าย หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ขณะเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายจนถึงแก่ความตายบนถนนพญาไท ที่สร้างความสูญเสียอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้ สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทั้งประเทศ

จนกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมไทยอย่างมาก ถึงเรื่องที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทำผิดกฎหมายหลายอย่างเสียเอง รวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายอันย่อหย่อน และอีกหลายๆ ปัญหาที่ตามมามากมาย รวมไปถึงประสบการณ์ของผู้ที่ใช้ทางม้าลาย

ถึงแม้ว่าทาง กทม. และบางจังหวัด ได้รีบรับฟังเสียงประชาชน (หรือรีบผักชีโรยหน้า?) ปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของทางม้าลายในแต่ละจุดกันใหญ่ ตั้งแต่ทาสีขาว ทาสีแดงให้สังเกตง่ายขึ้น ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรก ปรับปรุงสัญญาณไฟ หรือไฟกระพริบ ไฟส่องสว่าง หรือทาสีเพิ่มลูกระนาด ให้รถวิ่งมาแล้วรู้สึกสะเทือนก่อนจะถึงทางม้าลาย เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพญาไท

แต่เท่าที่พบ หลายสี่แยกไฟแดง รถจักรยานยนต์ก็ยังคงจอดทับทางม้าลาย หรือรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ไม่ยอมจอดให้คนข้ามทางม้าหลายเช่นเคย หรือฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก จนเกิดอุบัติเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น แยกอโศกมนตรี ถึงแม้จะนำกล้อง AI มาใช้ในพื้นที่จับปรับบริเวณทางม้าลาย ก็ยังพบคนทำผิดกฎจราจรมากกว่า 25,000 ครั้ง

แม้ว่าในบางครั้ง คนข้ามถนน และถนน อาจจะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นด้วยก็ตาม เช่น เล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างเดินข้ามถนน หรือคิดจะข้ามก็รีบวิ่งตัดหน้ารถเลย หรือขับรถมาในเลนขวาสุด แต่มีรถเลนกลางบังคนข้ามถนนในมุมซ้ายอยู่ เป็นต้น

เรามาดูกันดีกว่า ว่า 10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ ที่คนข้ามทางม้าลายข้ามได้ยากเย็น จะมีถนนเส้นไหนบ้าง ทั้งจากประสบการณ์ตรง และจากชาวโซเชียลเล่ากันมา ไปอ่านและระวังตอนข้ามถนนได้เลยครับ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนอโศกมนตรี

1. ถนนอโศกมนตรี

ถนนอโศกมนตรี จัดได้ว่าเป็นถนนที่มีรถยนต์วิ่งจอแจมากที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ อีกทั้งช่วงกลางถนน ไม่มีพื้นที่สำหรับให้คนข้ามได้ยืนหยุดรอรถอีกฝั่ง ทำให้ข้ามถนนได้ลำบากอีกหนึ่งเส้น

เฉกเช่นเดียวกับที่เราเห็นคลิปแชร์ในสังคมออนไลน์ ที่เจอทั้งรถบีบแตรไล่ รวมถึงต้องระวังหลังอีกต่างหาก แถมยังมีรถทะลึ่ง ใช้ทางม้าลายเป็นที่กลับรถอีกต่างหาก

ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2557 บริเวณถนนอโศกมนตรี ก็เกิดเหตุรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนพนักงานสาวแกรมมี่ ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต บริเวณหน้าตึกแกรมมี่มาแล้ว

ยิ่งในเวลากลางคืน ช่วงนี้ถนนอโศกมนตรีค่อนข้างโล่ง เนื่องจากผับบาร์รอบๆ ยังปิดอยู่เยอะ ทำให้รถสามารถใช้ความเร็วได้มาก หลายคันไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ขับผ่านเลย แม้ว่าสัญญาณไฟข้ามถนนจะเป็นสีเขียวก็ตาม!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

2. ถนนประดิษฐ์มนูธรรม

ถ้าใครเคยขับรถบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งแต่ช่วงลาดพร้าว ไปจนถึงรามอินทรา จะสังเกตได้เลยว่าทางม้าลายสำหรับให้คนข้ามถนน มีน้อยมาก และสะพานลอยสำหรับให้คนข้าม ก็มีน้อยมากเช่นกัน

ซึ่งคนข้ามถนนเส้นเลียบด่วนนี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า อันตรายและรอนานมาก และมีรถยนต์วิ่งมาตลอด หรือวิ่งมาอย่างเร็ว จนหาช่วงข้ามได้ลำบากมาก ต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำริ

3. ถนนราชดำริ

ถนนราชดำริ สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นย่านที่มีศูนย์การค้า และโรงแรมรวมตัวอยู่มากมาย รวมถึงอยู่ใกล้สถานที่ค้าส่งสินค้าอย่างประตูน้ำอีกด้วย จึงมีผู้คนจอแจมากเป็นพิเศษ

แม้ว่าตรงสี่แยกราชประสงค์ จะมีทางเดินแบบ Skywalk แล้ว ช่วงหน้าห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เชื่อมต่อกับ เกษรพลาซ่า และ Big C ราชดำริ ก็มีสะพานลอยข้ามถนนอยู่แล้วถึงสองจุด จึงไม่ค่อยมีปัญหาจากคนเดินข้ามถนนเท่าไหร่ แต่ก็ข้ามได้ลำบาก เพราะไม่มีทางม้าลาย และถนนหลายเลนข้ามลำบาก

แต่จุดที่คนชอบข้ามถนนกันมาก นั่นก็คือ ช่วงสี่แยกประตูน้ำ ตรงสะพานเฉลิมโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นจุดนี้ไม่มีทางม้าลายสำหรับข้าม ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตาย มีรถวิ่งมาตลอดทั้งสองฝั่ง ฝั่งนึงหยุด ฝั่งนึงก็พุ่งมา หลายครั้งที่รถยนต์, รถจักรยานยนต์ ไม่หยุดจอดให้คนข้าม จนมีข่าวเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง

จนต้องทำทางม้าลายขึ้นมาถาวร แต่ก็ต้องข้ามถนนแบบเสี่ยงตายเหมือนเดิม

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนเพลินจิต

4. ถนนเพลินจิต

จุดนี้ก็จัดเป็นย่านท่องเที่ยวเช่นกัน มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน รวมไปถึงโรงพยาบาล ก็ขึ้นชื่อเรื่องข้ามถนนลำบาก แม้ว่าจะมีสัญญาณไฟข้ามถนนอยู่รอบด้าน

ด้วยสภาพความจอแจของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทำให้คนข้ามถนนที่จอแจมาก ต้องเสียเวลายืนรอข้ามกันนานมาก ยิ่งเป็นจุดข้ามถนนฝั่งเกษรพลาซ่า เมื่อมีสัญญานไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ ก็ดันเป็นจังหวะของรถที่มาจากถนนราชดำริ ได้ไฟเขียวให้เลี้ยวซ้ายได้วิ่งมาตรงนี้พอดี

ทำให้การข้ามถนนโดยมีสัญญานให้คนข้าม ก็ดูไม่มีความปลอดภัยเลย หลายครั้งที่มีคนข้ามถนน แล้วถูกรถชนตรงนี้!

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนชิดลม

5. ถนนชิดลม

ใครจะไปคิดล่ะว่า ถนนเส้นเล็กๆ คั่นกลางระหว่างถนนราชดำริ กับถนนวิทยุ อย่าง “ถนนชิดลม” นี้ จะมีปัญหาเรื่องการข้ามถนนเหมือนกัน!

ปกติ ถ้าเป็นช่วงรถติดแหง็กๆ ตอนเช้า ตอนเย็น ก็พอจะเดินข้ามถนนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ขณะที่รถโล่งๆ ทีนี้ล่ะลำบากหน่อย เพราะรถยนต์ที่วิ่งลงมาจากสะพานชิดลม มักใช้ความเร็วสูง และไม่ยอมชะลอหรือเบรกให้คนข้ามถนนอยู่เป็นประจำ

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชปรารภ

6. ถนนราชปรารภ

ถนนราชปรารภ ในย่านประตูน้ำ ก็จัดว่าเป็นถนนที่มีคนใช้รถเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าที่จอแจด้วยเช่นกัน

แต่ถนนสายนี้ ก็มีจุดที่ข้ามถนนได้ยากอยู่หลายจุด นับตั้งแต่ช่วงแยกจตุรทิศ ที่จะมีรถมากันอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่จะข้ามถนนในยุดอื่นก็ลำบาก เพราะไม่มีเกาะกลางถนนให้ยืนรอรถอีกฝั่งนั่นเอง หรือช่วงมุมถนนรางน้ำ เป็นต้น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนพระรามที่ 4

7. ถนนพระรามที่ 4

ถนนพระรามที่ 4 มีหลายช่วงอยู่เหมือนกันที่ข้ามถนนได้ลำบาก อาทิ ช่วงตลาดคลองเตย ที่คนนิยมข้ามถนน สะดวกกว่าข้ามสะพานลอย โดยเฉพาะคนที่ต้องหิ้วของเยอะๆ ออกมาจากตลาดคลองเตย เห็นได้ประจำ

และช่วงแยกเกษมราษฏร์ ที่ตำรวจมักจะปล่อยไฟเขียวกับถนนพระรามที่ 4 ขาไปพระโขนงนานมาก รวมถึงปล่อยให้ไฟเขียวรถเลี้ยวขวาเข้าถนนเกษมราษฏร์ด้วย

ทำให้คนที่จะข้ามถนน ต้องไปยืนคาอยู่ที่บริเวณเกาะกลางถนนนานพอสมควร และยังมีพุ่มไม้ที่ค่อนข้างสูง บังคนที่จะข้ามถนนอีกด้วย

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนลาดพร้าว

8. ถนนลาดพร้าว

ถนนลาดพร้าว อันนี้ก็จัดเป็นถนนที่มีรถยนต์คับคั่งเหมือนกัน แต่บางจุดก็ขึ้นชื่อว่าข้ามถนนได้ยาก และอันตรายอยู่ …

ถนนลาดพร้าวตอนต้น ช่วงตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว – สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว เมื่อรถที่วิ่งลงมาจากสะพานตรงห้าแยกลาดพร้าว มักใช้ความเร็วสูงหากรถโล่ง ทำให้คนเดินข้ามถนนได้ลำบาก ยิ่งสะพานลอยแต่ละจุดที่อยู่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร และไม่มีทางม้าลายบนถนนด้วย ตอนข้ามต้องวัดใจกันเลยทีเดียว

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชดำเนินกลาง

9. ถนนราชดำเนินกลาง

ถนนที่จัดได้ว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อย่าง ถนนราชดำเนินกลาง ก็จะไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเรื่องคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย แต่จุดนี้กลับเป็นจุดที่ไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้ และไฟเขียวให้รถข้ามมาได้ด้วย!

ทางม้าลายบริเวณแยกอนุสรณ์สถาน​ 14​ ตุลา​ หากต้องการข้ามไปฝั่งหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร​ พบว่า​ เมื่อสัญญาณไฟคนข้ามเป็นสีเขียว แต่ก็ยังข้ามไม่ได้​ เพราะมีรถเลี้ยวซ้ายจาก​ ถ.ตะนาว​ มาตลอดเวลา​!

แถมเมื่อถึงเกาะกลางแล้วยังต้องระวังรถด้านซ้ายมือด้วย เนื่องจากสัญญาณไฟบนถนนราชดำเนินกลาง ไฟเขียวให้รถเลี้ยวขวาเข้าถนนตะนาวได้ ช่างลำบากยากเย็น

10 ทางม้าลายอันตรายในกรุงเทพ คนข้ามถนน ต้องระวัง! / ถนนราชวิถี

10. ถนนราชวิถี

ถนนราชวิถี จัดเป็นถนนที่มีรถค่อนข้างเยอะแทบจะตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเป็นย่านที่มีคนป่วย หรือผู้สูงอายุมากันเยอะ เพราะมีโรงพยาบาลใหญ่ๆ อยู่หลายโรงพยาบาล

และทางม้าลายหลายจุด เช่น หน้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มักจะมีผู้สูงอายุข้ามกันอยู่เสมอ ทำให้คนขับรถหลายคนมักหงุดหงิด หรือรอคนข้ามถนนช้าจนรถติด จึงไม่ค่อยยอมจอดให้คนข้ามถนนไป

เป็นอย่างไรบ้างครับ ใครที่เคยมีโอกาสข้ามถนนใน 10 เส้นทางนี้ มาบอกเล่าประสบการณ์กันได้นะครับ

ถ้าจะให้ทางม้าลายในไทยใช้แล้วปลอดภัย คงต้องทำไม้กั้นแบบทางรถไฟครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

วิวัฒนาการของยางรถยนต์

สวัสดีครับ วันนี้จอร์จจากไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ กับบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ครับผม ถ้าพูดถึงยางเพื่อนๆคงอยากรู้ใช่ไหมครับ ว่ายางรถยนต์ในอนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้างมันจะยังคงหน้าตาแบบเดิมอยู่ไหม หรือ ว่าจะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ เข้ามาอีก ซึ่งจากที่จอร์จทราบมา ณ ปัจจุบันมีความพยายามมากๆ ในการพัฒนาให้ยางนั้นมีความอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้นครับ ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย การนำกลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของความอเนกประสงค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

Evolution-Of-Tires

ถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ยางก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะมีหลายๆครั้งที่อุบัติเหตุเกิดจากยางแตกทำให้รถเสียหลักจึงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องว่าจะทำอย่างไร ให้ยางที่สูญเสียลมหรือยางแตกนั้นสามารถใช้งานได้ต่อไปซึ่งถามว่าในปัจจุบันก็มี ยางรันแฟลต ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้ในระดับที่เรียกว่าดีมากแล้วสำหรับปัจจุบัน แต่ข้อเสียก็คือ หากแตกเสียหายแบบนี้ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นระยะทาง หรือว่ายางก็จะเสียหายไปเลยไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งทำให้บริษัทยางต่างๆ พยายามคิดค้นยางที่ไม่ใช้ลม (ไม่ใช่ยางตันนะครับเพื่อนๆ ที่มาทดแทน)

Evolution-Of-Tires

ซึ่งยางในอนาคตต้องมีนวัตกรรมที่มีความนุ่มเงียบ และปลอดภัยมากขึ้นเสียหายได้ยากขึ้นครับ โดยจริงๆ ปัจจุบันได้มีการนำเอายางที่ไม่ใช้ลมและโดนตะปูมาใช้จริงแล้วนะครับ แต่ว่าเป็นรถที่ใช้สำรวจบนอวกาศ ซึ่งยังมีการใช้ที่น้อยมาก แต่ว่าหลังๆเพื่อนๆ อาจจะได้เห็นว่ามีตัวอย่างยางดังกล่าวออกมาให้เห็นบ้างแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้นำมาจำหน่ายหรือขายกันครับ เพราะในเรื่องของราคาและกระบวนการผลิตต่างๆ ครับ ก็เป็นนวัตกรรมเรื่องยางอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนปลอดภัยเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ

Evolution-Of-Tires

ส่วนต่อมาถ้าพูดถึงการนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อนๆ คงสังเกตเห็นแล้วใช่ไหมละครับ ว่ากองยางที่ใช้แล้ว หรือเสียนั้น ปัจจุบันอาจเห็นได้ตามขยะ แม่น้ำลำคลองเต็มไปหมด เพราะว่ายางปัจจุบันใช้แล้วนั้นสามารถทำลายยางได้ครับ

ถ้านำไปทำลายก็มีอยู่ 2-3 วิธีการ คือ นำเอาไปแยกเส้นลวดกับยางออก แล้วนำเอาไปแปรรูปเป็นยางรองพื้นให้สัตว์เดินบ้าง เส้นลวดก็นำไปหลอมทำใหม่ต่อไป หรือ ไม่ก็นำไปเผาเพื่อให้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงใช้งานในโรงงานต่อๆ ไป ซึ่งก็ยังช่วยลดปริมาณขยะส่วนนี้ได้พอสมควร แต่จะทำยังไงให้วิธีพวกนี้หมดไป และดีต่อสภาพแวดล้อมมากที่สุด

Evolution-Of-Tires

ซึ่งบริษัทยางแต่ละที่ก็คิดพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง ถามว่าปัจจุบันมีการยืดอายุได้ยังไงก็คือก็แกะร่องดอกยางในยางรถบรรทุก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้ยางใช้ได้นานขึ้น แต่กับยางรถเก๋งนั้นไม่ค่อยนิยมทำกันครับ ดังนั้นบริษัทยางก็ต้องออกยางที่ใช้ให้ได้คุ้มที่สุด โดยทำยังไงก็ได้ให้ยางใช้ได้จนหมดอายุการใช้งานแม้โดนเบียดแตกก็ยังใช้ได้อยู่

ส่วนต่อมา วัสดุที่ใช้นั้นยังมีการคิดวิเคราะห์และค้นหาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้วัตถุดิบ สารเคมีที่นำมาทดแทนทำให้การใช้งานได้ทั้งแบบยางที่ดีและสามารถย่อยสลายได้ง่ายด้วยครับ ก็จะเป็นสองส่วนที่ทางผู้ผลิตยางยังค้นหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจอร์จคิดว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นกันครับ

ส่วนสุดท้ายก็คือ ทำยังไงให้ยางนั้นอเนกประสงค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตามที่ได้แจ้งเพื่อนๆไวตั้งแต่ในช่วงต้นบทความ โดยปัจจุบันเพื่อนๆก็เห็นยางมีหน้าที่แค่เกาะถนนกับใช้ในการขับเคลื่อนของรถใช่ไหมครับ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ยางรถนั้นอเนกประสงค์เพิ่มมากยิ่งขึ้นรองรับไลฟ์สไตล์การใช้งานหลากหลายมากขึ้นในอนาคตต่อไป จากรถที่ต้องใช้งานการขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์กลาง จะถูกปรับเปลี่ยนให้ยางแต่ละวงนั้น สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวของยางเอง ซึ่งมีรูปภาพที่ออกมาแล้วในการพัฒนารูปแบบนี้ คือจะมีเครื่องยนต์ที่ติดกับล้อแต่ละล้อเลยครับ ซึ่งจะทำให้โลกของเราลดปริมาณการใช้เครื่องยนต์อีกเป็นจำนวนมากครับ

ซึ่งยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องครับ สำหรับยางรถทุกประเภทเพื่อให้โลกเราได้ใช้ของที่ดียิ่งขึ้นไปครับ เพื่อนๆที่ต้องการหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องยางต่างๆสามารถเข้ามาหาอ่านบทความรู้ยางรถยนต์ฟรี หรือเช็กราคายางเปรียบเทียบได้ที่เว็บไซต์ www.tiresbid.com ครับเรามีความรู้เรื่องยางและรีวิวยางมากมายหลายๆรุ่นครับ พร้อมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญยางรถยนต์ทางไทร์บิดได้ฟรีที่ Line official : @tiresbid ขอขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ โอกาสหน้าติดตามบทความดีดีจากไทร์บิดใหม่ครับ

Carro-Roojai-The-Keys-To-Driving-Safety

ถ้าคุณคิดว่าการไปสอบใบขับขี่รถยนต์ ทั้งข้อเขียนและปฎิบัติ จะช่วยให้คุณรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้รถบนท้องถนนอย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็… คุณกำลังคิดผิด เพราะในความจริงการใช้รถมันมีอะไรมากกว่านั้น คุณจึงไม่ควรพลาดเนื้อหาเหล่านี้ที่เรากำลังจะบอก เพื่อให้คุณขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น

วันนี้ Roojai.com จะพาคุณไปดูสิ่งที่มากกว่าแค่เรื่อง กฎจราจร หรือสิ่งที่ได้รู้จากตอน อบรมใบขับขี่ แต่เป็นความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ต้องใช้รถในเมือง ความหนาแน่นในการจราจรมีสูง ทำให้ความเสี่ยงแปรผกผันตาม ไปดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง

The-Keys-To-Driving-Safety

1. จอดรถให้ปลอดภัย

การจอดรถใช่ว่ามีที่ว่างตรงไหนก็จอดได้ เพราะมันอาจส่งผลต่อเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถของคุณด้วย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงควรเลี่ยงจอดรถในที่เปลี่ยว หรือถ้าต้องจอดรถค้างคืนในที่ที่ไม่เคยจอด ควรเลือกจอดให้อยู่ใน “สายตา” ของกล่องวงจรปิดสักหน่อย ที่เดี๋ยวนี้มีติดอยู่ทั่วไปตามหน้าบ้านหรือร้านค้า

จอดรถในที่ปลอดภัยแล้ว เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงว่ารถของคุณจะอยู่ในอันตราย ก็ไม่ควรเก็บทรัพย์สินมีค่าใด ๆ ไว้ในรถด้วย ขโมยขโจรมันเยอะ บางทีสิ่งที่คุณคิดว่าไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย เกิดหายไปก็ไม่เสียดาย แต่ก็ต้องอย่าลืมนึกด้วยล่ะ ว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมหลังจากรถถูกงัดหรือโดนทุบไปแล้วอยู่ที่ราคาเท่าไร หลายคนก็คงไม่อยากต้องมาเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้โดยไม่จำเป็นหรอก

2. ใช้ไฟสัญญาณรถให้เป็นนิสัย

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากสัญญาณไฟมีอยู่ไม่น้อย และเรารู้ว่าตอน อบรมใบขับขี่ เขาให้ใช้ แต่คุณให้ความสำคัญกับมันมากน้อยแค่ไหน? ทั้งการเปิดไฟส่องสว่างบ้าง ไฟสัญญาณบ้าง หรือไฟเบรกที่เสีย คุณใช้มันเป็นนิสัยแล้วหรือยัง?

ควรใช้เป็นประจำไม่ว่าในซอยเล็กๆ หรือถนนใหญ่ เพราะอย่าลืมว่า คุณไม่ใช่คนเดียวที่ใช้รถใช้ถนน คนอื่น ๆ ที่เขาใช้ร่วม เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณจะเลี้ยวหรือเบรก หรือจะขับรถไปทางไหน และมันคงไม่แฟร์กับพวกเขาถ้าต้องมาสูญเสียจากอุบัติเพราะความมักง่ายไม่ใช้ไฟสัญญาณ ดังนั้นใช้ไฟสัญญาณให้เป็นนิสัยไว้ดีที่สุด

The-Keys-To-Driving-Safety

3. ถ้ารถพร้อม การขับขี่ก็ปลอดภัยกว่า

ในตอนที่ สอบใบขับขี่ หลายคนน่าจะเน้นจำในเรื่องของ กฎจราจร เป็นสำคัญ ในตอนอบรมก็มีแทรกให้ความรู้เรื่องการดูแลรถอยู่บ้าง แต่ความจริงการดูแลรถมันมีอะไรมากกว่านั้น การเป็นเจ้าของรถจริง ๆ มันก็เหมือนเป็นภาระอันใหญ่ยิ่ง และถ้ารู้จักรถที่ตัวเองใช้ให้มากกว่าแค่ทั่วไป มันจะไม่ใช่เรื่องยากเลย

ขอแนะนำให้คุณหมั่นตรวจเช็ครถในส่วนของพื้นฐานการใช้งาน ตั้งแต่ในส่วนของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ระบบหล่อเย็น เบรก ยาง และอื่น ๆ มากไปกว่านั้น คุณควรหาความรู้เกี่ยวกับรถที่ตัวเองใช้ไว้บ้างด้วย ว่าถ้ามีปัญหาจากการใช้งานตรงไหนต้องซ่อมยังไง คอยหมั่นสังเกตความผิดปกติของตัวรถ รถมีปัญหาอะไรก็รีบแก้ อย่าปล่อยให้ลุกลามไปเสียที่จุดอื่นๆ จนเสียหายใหญ่ ซ่อมแพง หรือพาให้การใช้รถของคุณต้องปลอดภัยน้อยลงจากเดิม

4. โทรศัพท์ต้องพร้อมอยู่เสมอ

จริง ๆ เราไม่แนะนำให้ใช้โทรศัพท์บนรถหรอกนะ เพราะมันจะเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งนี้ “มันก็ต้องมี” และจำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อคุณใช้รถ รถดับ รถพังกลางทาง หรือเกิดอุบัติเหตุ โทรศัพท์นี่แหละคือตัวช่วยที่ดีที่สุดแล้ว

โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนที่มีอินเทอร์เน็ต ควรมีติดตัวไว้เสมอในตอนที่ใช้รถ เมมเบอร์ฉุกเฉินไว้ด้วยทั้งเบอร์ประกันรถของคุณ เบอร์ช่าง เบอร์อู่ หรือแม้แต่เบอร์รถยก เพื่อให้ตอนที่จะใช้จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาหา และควรมีพวกสายชาร์จไว้สำหรับชาร์จไฟโทรศัพท์ในรถด้วย

The-Keys-To-Driving-Safety

5. ออกจากซอย ระวังซ้ายมากขึ้นอีกนิด

หลายคนน่าจะเจอบ่อยเวลาที่ออกจากซอย เราก็มองขวาแล้วอย่างดี แต่มักจะมีรถมอเตอร์ไซค์ประเภท “ชอบแทรก” ขอไปก่อนเพราะเห็นว่ารถตัวเองเล็กกว่า แทรกแซงไปทางซ้าย บางคนไม่ระวังหรือไม่เห็นแล้วหักเลี้ยวมากไป ก็จะไปเบียดกับรถมอเตอร์ไซค์ แนะนำคือเวลาที่จะออกจากซอยให้ระวังซ้ายสักหน่อย มองขวาเห็นแล้วว่ารถไม่มีมีก็เหลียวระวังทางซ้ายไว้เพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

6. ไม่ชัวร์ก็อย่าเปลี่ยนเลน

โดยเฉพาะสายซิ่งยิ่งต้องห้ามใจไว้สักหน่อย ทางแคบ ๆ ที่คิดว่าแซงได้หรือเคยแซงได้มันอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป ตอนสอบใบขับขี่ก็บอกอยู่ว่าถ้าจะเปลี่ยนเลนให้มั่นใจว่ารถที่ตามมาต้องอยู่ในระยะห่างพอสมควร เห็นช่องเล็ก ๆ คิดจะแซง เปลี่ยนเลน ต้องให้ชัวร์ก่อนว่ารถคันหลังขับตามมาอยู่ไกลพอให้ไป อย่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปเพราะ “ถ้าไม่พ้น” ขึ้นมาจงจำไว้ว่ามันไม่ใช่แค่คุณหรอกนะที่จะต้องสูญเสีย

The-Keys-To-Driving-Safety

7. ใจกว้างขึ้นบนถนนก็ปลอดภัยขึ้น

ดูจากคลิปมากมายของพวก “หัวร้อน” ในการใช้รถ และคิดว่าตัวเองคงไม่ทำเรื่องแบบนั้น แต่พออยู่ในสถานการณ์จริงกลับทำไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนใจกว้างในการใช้รถสักหน่อย เข้าใจว่าทุกคนมีพฤติกรรมในการใช้รถไม่เหมือนกัน บางคนนิสัยไม่ดีขี่แซงในจังหวะที่ไม่ควร แทรกรถเข้าไปทั้งที่แทรกไม่ได้

ทุกพฤติกรรมทำให้การใช้รถมีความสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น แต่ถ้าทุกคนขับขี่ด้วยน้ำใจ อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย ไม่เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าบนท้องถนนจะปลอดภัย มากขึ้นอีกเยอะ

และทั้งหมดน่าจะช่วยให้ทุกคนใช้รถกันได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น รู้ว่า ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัย  เริ่มนับที่หนึ่งจากคุณและอีกหลาย ๆ คน บนท้องถนนก็จะเป็นที่ที่มีความสุขมากขึ้นได้แล้ว ปลอดภัยมากขึ้น อุบัติเหตุที่เกิดจากรถก็จะน้อยลง และที่สำคัญรถทุกคันต้องทำประกันรถยนต์เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ เรามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้คุณอีกด้วยนะ สามารถเช็คราคาออนไลน์ พร้อมทั้งซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ซื้อง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาดี และเชื่อใจได้ ต้อง Roojai.com รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า คลิกเลย

8-Checklists-Trip-In-Songkran-Day

ในช่วงสงกรานต์นี้ CARRO มีคำแนะนำดีๆ ให้กับผู้ขับขี่รถทุกประเภท ไม่ว่าจะผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป ผู้ที่ขับรถโดยสาร รวมถึงผู้ใช้บริการรถโดยสารด้วย เพื่อการเตรียมตัวและเตรียมรถยนต์ของคุณให้พร้อม สำหรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือทริปต่างๆ ในอนาคต เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุบนถนน ถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

1. เตรียมร่างกายให้พร้อม

สำหรับคนขับรถทุกคน ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง ถึงแม้จะขับรถหรือเดินทางตอนกลางวันก็ตาม เพราะคุณสามารถเกิดอาการง่วงในช่วงบ่ายหลังจากทานข้าวเสร็จ ฉะนั้น และแม้ว่าจะนอนหลับเพียงพอก็อย่ากินเยอะจนเกินไป เพราะจะทำให้ง่วงนอนจนอาจเกิดอาการหลับใน ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

2. เช็กสภาพรถ

ก่อนการเดินทาง ควรตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อม โดยเฉพาะระบบเบรค เครื่องยนต์ แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ไฟสัญญาณ ไฟหน้า ไฟท้าย ที่ปัดน้ำฝน ลมยาง ตรวจเช็กว่าทุกส่วนทำงานปกติหรือไม่ ถ้าเป็นรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ควรตรวจสอบให้ละเอียด เนื่องจากอาจมีปัญหาหลายอย่างที่เราไม่เคยทราบ และควรเติมน้ำมันให้เต็มถัง จะได้เดินทางยาวๆ อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

3. เช็กจำนวนผู้ร่วมเดินทาง

ถ้าหากคุณเดินทางไปกับเพื่อนเป็นหมู่คณะ หรือมีสมาชิกครอบครัวจำนวนเยอะๆ การเลือกใช้รถให้เหมาะสมกับจำนวนคนก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะทุกคนจะได้มี Space ที่พอดี ไม่เบียดจนอึดอัด หรือไม่ใช้รถหลายคันเกินไป เพราะต้องขับรถรอต่อท้ายกัน ซึ่งสิ้นเปลืองน้ำมัน และทำให้การเดินทางล่าช้า

4. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ในยุคนี้ เกือบทุกคนก็คงอยากเก็บภาพความประทับใจในทุกๆทริป ไปอวดเพื่อนๆใน Social Media กันอย่างแน่นอน สิ่งที่คุณก็ต้องทำก็แค่เตรียมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้พร้อม! เช่น กล้องชนิดต่างๆ โทรศัพท์ โดรน แบตเตอรี่สำรองและเมมโมรี่การ์ด

ในยุคนี้สมัยนี้ ถ้าคุณยังไม่มี Gadgets เป็นของตัวเองก็สามารถเช่าได้! และทุกอย่างควรเตรียมให้เพียงพอกับความต้องการในการใช้งาน คุณจะได้ไม่หมดสนุกกลางคัน

5. ศึกษาเส้นทาง

ก่อนออกเดินทางทุกๆครั้ง คุณควรศึกษาเส้นทางหรือเลือกเส้นทางที่จะใช้ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะในช่วงเทศกาลปริมาณผู้คนและรถบนท้องถนนจะเยอะสุดๆ หากหลงทางจะทำให้เสียเวลาและอารมณ์เสียได้

6. ขับความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.

เพราะการขับรถเร็ว จะเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เสมอ ด้วยความเร็วที่มากเกินไปจะทำให้คุณแก้ไขสถานการณ์ไม่ทัน ซึ่งอุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ การขับรถที่ 80 กม./ชม. ก็ถือว่ามีความเร็ว แต่คุณก็ยังสามารถเบรคเพื่อแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ได้ทัน

ซึ่งถ้าคุณขับเร็วมากกว่านี้แล้วต้องหักหลบหรือเบรคกระทันหัน ก็จะทำให้ท้ายรถปัดจนเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้น อย่าขับรถเร็วเกินความจำเป็นหรือขับรถช้าเกินไป เพราะจะสร้างความรำคาญให้รถคันอื่นๆได้เช่นกัน

7. หยุดพักเป็นระยะ

เพื่อเป็นการผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง คุณอาจจะแวะปั้ม เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่น ยืดเส้นยืดสาย หรือซื้อกาแฟดื่มเพิ่มความกระฉับกระเฉงขณะขับรถ เพื่อไม่ให้เกิดอาการหลับใน แต่สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ ทานแล้วง่วงหรือใจสั่น ก็เปลี่ยนไปทานน้ำผลไม้เพิ่มความสดชื่นแทนได้ค่ะ

8. เลือกเวลาในการเดินทาง

หากเป็นไปได้คุณควรเดินทางในช่วงกลางวัน ไม่ใช่ช่วงกลางคืน เพราะตอนกลางคืนทัศนวิสัยไม่ดี คนขับมีโอกาสผิดพลาดเยอะกว่า คุณจึงควรเลือกช่วงเวลาที่คนขับรถจะขับรถได้ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง และควรเลี่ยงเวลาโพล้เพล้เพราะช่วงเวลาตี 4 ถึง 6 โมงเช้า และช่วง 5 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม เป็นช่วงที่แสงกำลังเปลี่ยนแปลงมาก ทำให้คนขับรถอาจมองสิ่งต่างๆ ผิดพลาดได้

สำหรับผู้โดยสาร

คุณควรเลือกการเดินทางที่ปลอดภัยมากกว่าราคาถูก ยิ่งถ้าได้นั่งในรถที่มีเข็มขัดนิรภัยได้จะยิ่งดี เนื่องจากเวลารถเบรก เราจะไม่กระแทกกับเบาะด้านหน้าหรือกระจก ซึ่งช่วยไม่ให้เกิดการบาดเจ็บได้ส่วนหนึ่ง และควรเลือกรถโดยสารประจำทางหรือสายการบินที่คุณไว้ใจมากที่สุด เพราะจะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้

การหาข้อมูลเปรียบเทียบข้อดี, ข้อเสียของรถแต่ละสาย หรือระหว่างสายการบิน จะเป็นตัวช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้นมากค่ะ

โอนรถอย่างไร ที่ผู้ซื้อ-ขาย และเต็นท์รถ ไม่โดนหลอก!

การซื้อขายรถแบบโอนลอย เรียกได้ว่ามีการใช้วิธีนี้มานานแล้ว เนื่องจากความสะดวกของผู้ขายรถ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ที่สำนักงานขนส่งฯ ด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าของรถคนใหม่ หรือขายรถให้กับเต็นท์รถ ตัวเจ้าของรถก็มอบชุดโอน ให้เต็นท์รถไปจัดการเอาเอง

แต่รู้หรือไม่ว่า โอนลอย อาจสร้างปัญหาให้คุณมากกว่าที่คิดได้ ถึงขั้นติดคุกติดตะราง จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อเลยทีเดียว!

บทความนี้ CARRO จะมาเปิดเผยเคล็ดลับ สำหรับผู้ซื้อ ผู้ขาย และเต็นท์รถมือสอง ที่จะช่วยให้ทุกฝ่าย ซื้อ-ขายรถไปแล้วไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนหลอก หรือถูกนำเอาเอกสารไปใช้ในทางมิชอบอีกต่อไป

เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ ดังนั้นถ้าหากคุณได้นำหลัก 5 ข้อนี้ไปใช้ ก็รับรองได้เลยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ ที่เป็นขั้นตอนสำคัญของการซื้อ-ขาย รถมือสองของคุณ จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

Carro-คนขายรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ขาย

  • เซ็นเอกสารต้องบอกจุดประสงค์
    ในการเซ็นเอกสารทุกอย่างสำหรับผู้ขาย หรือแม้แต่หนังสือมอบอำนาจที่ผู้ขายจะต้องเซ็นในช่องผู้รับโอน ทุกครั้งที่มีการลงลายเซ็นเกิดขึ้น รวมถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง แนะนำให้เขียนบอกจุดประสงค์ลงไปข้างๆ ด้วย อาทิ “การใช้เอกสารเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน … เท่านั้น” หรือ “หนังสือมอบอำนาจสำหรับการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เท่านั้น” เป็นต้น หรือจะลงวันที่กำกับไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่า คนซื้อจะไปโอนรถภายใน 15 วันหลังจากที่คุณขายรถแล้ว หากเลยวันกำหนด คนไปโอนรถโดนปรับอีก)
  • สัญญาซื้อ-ขาย ต้องห้ามหาย
    เอกสารที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ “สัญญาซื้อ-ขายรถ” เพราะถือว่าเป็นหลักฐานการซื้อขายเพียงอย่างเดียวตามกฎหมาย ห้ามหาย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซื้อรถคุณไป จะเอารถไปทำเรื่องผิดกฎหมายแบบที่เห็นเป็นข่าวหรือเปล่า เช่น ไปขนยาเสพติด ไปขนไม้เถื่อน หรือไม่ยอมโอนรถ จนใบสั่งส่งมาให้ที่บ้านเพียบ หรือมีรถฝาแฝด รถหลุดจำนำ หรือซากรถ ถูกสวมทะเบียนมาการเก็บสัญญาซื้อ-ขาย ไว้ เป็นหลักฐานสำหรับไว้ให้ตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบได้ กรณีรถของคุณขายไปแล้ว ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบทางกฎหมายส่วนเอกสารพวกสำเนาบัตรประชาชน หนังสือมอบอำนาจ หรือทะเบียนบ้าน นั้นถือเป็นแค่เอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น ( สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ >> th.carro.co/download )

Carro-คนซื้อรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ซื้อ

  • วันหมดอายุของสำเนาบัตรประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
    ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขาย เวลาที่เตรียมสำเนาบัตรประชาชน อย่าลืมดูวันหมดอายุของบัตรประชาชนให้ดี เพราะถ้าหากวันที่คุณไปดำเนินการโอนรถ เอกสารสำเนาบัตรประชาชนได้หมดอายุไปแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการโอนรถได้ต้องเสียเวลาไปตามหาเจ้าของรถคนที่เคยขายให้คุณ บางทีรถเปลี่ยนมาหลายมือ หาเจ้าของเก่าไม่เจอ ยุ่งยากวุ่นวาย รถโอนไม่ได้อีก หรือถ้าหากผู้ขาย จงใจให้สำเนาบัตรประชาชนที่หมดอายุมา แสดงว่าอาจจะเป็นเอกสารปลอมก็เป็นได้
  • แต่งรถได้แต่ห้ามผิดหลัก พรบ.
    ก่อนที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ คุณต้องแน่ใจให้ดีว่า รถคันนั้นเคยผ่านการดัดแปลงมาก่อนหรือไม่ และถ้าหากมีการดัดแปลง เจ้าของรถได้นำไปแจ้งต่อนายทะเบียนหรือเปล่า เพราะการแต่งรถบางประเภท อาจจะผิด พรบ. ก็ได้ ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเสียเวลาในการเตรียมเอกสารเพิ่ม ( อ่านต่อ เรื่องแต่งรถที่ไม่ผิด พรบ. )

Carro-เต็นท์รถ

เคล็ดลับสำหรับเต็นท์รถ

  • ห้ามระบุวันที่ถ้าหากยังไม่รู้จะไปโอนเมื่อไหร่
    การระบุวันที่ไว้ในแบบคำขอร้องขอโอนและรับโอน นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าหากคุณได้ระบุวันที่ไปแล้ว และไม่ไปทำการโอนภายใน 15 วัน ก็จะถูกปรับ และเอกสารใบนั้นจะเป็นโฆฆะ ดังนั้นถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำการโอนวันไหน หรือแม้แต่กระทั่งการโอนลอย ก็ห้ามระบุวันที่ลงไป ถ้ายังไม่แน่ใจ
  • ลายเซ็นต้องครบ
    ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารทุกอย่าง รวมไปถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง ต้องครบ และทุกลายเซ็นจะต้องเป็นชื่อเดียวกัน และลายเซ็นเดียวกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้าย ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ

TIPS: อย่าลืมตรวจว่าชื่อผู้ขาย ตรงกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายในหนังสือจดทะเบียนรถหรือเปล่า เพราะผู้ทีมีสิทธิ์ในการโอนกรรมสิทธิ์ นั้นต้องเป็นรายชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายเท่านั้น

เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว และอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของการเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง และ 3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ) ที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายรถต้องรู้!

Carro-Express

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall