10 ป้ายรถเมล์ในไทยและเอเซียที่น่ารอที่สุด

ในปัจจุบัน ประเทศไทยนอกจากจะคุ้นชินกับปัญหารถติดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกกันมานานแล้ว รวมไปถึงปัญหาของฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกปี ซึ่งเป็นที่วิตกของหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข หรือด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

โดยทางออกของปัญหา (ที่ผู้สมัครฯ ผู้ว่า กทม. หลายคนบอก “เราทำได้” แน่นอน!!!!!) แต่ทว่า … ระบบขนส่งมวลชนตอนนี้อยู่ในสถานะย่ำแย่ (แม้ว่าจะเปลี่ยนรถเมล์ใหม่รัวๆ แล้วก็ตาม แต่รถเมล์หลายสายก็หายไป) ไม่จูงใจให้คนมาใช้บริการ และส่วนใหญ่ออกแบบไม่เข้ากับหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design)

ป้ายรถเมล์ไทยในอดีต

ป้ายรถเมล์ไทยในอดีต (ภาพจาก Flickr)

แถมรถเมล์ที่มีบริการยังมีสภาพเก่า ควันดำ สกปรก กะเวลารอไม่ค่อยได้ บริการไม่ค่อยดีในบางคัน และไม่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ยิ่งจุดเล็กๆ อย่าง “ป้ายรถเมล์” ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ บนความไม่สำคัญ (ของคนที่ไม่ได้รอรถเมล์) ที่บั่นทอนความรู้สึกให้อยากมาใช้บริการ น้อยลงไปอีก

ป้ายรถเมล์ยุคเก่าของไทยในปัจจุบัน

ป้ายรถเมล์ยุคเก่าของไทยในปัจจุบัน  (ภาพจาก Google Map)

เมื่อเทียบกับต่างประเทศ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีผู้ใช้รถเมล์น้อยกว่าหลายประเทศ จากสำรวจผู้ใช้รถเมล์ เทียบกับประชากรเมือง ของ ดร.สุเมธ องกิตติกุล และคณะ พบว่า กรุงเทพฯ มีผู้ใช้รถเมล์เพียง 21% ของประชากรเมืองทั้งหมด ขณะที่ สิงคโปร์ มีผู้ใช้รถเมล์ 70% ฮ่องกง 81% และลอนดอน 70% ของประชากรเมืองทั้งหมด

ป้ายรถเมล์ยุคใหม่ของไทยในปัจจุบัน

ป้ายรถเมล์ยุคใหม่ของไทยในปัจจุบัน  (ภาพจาก Google Map)

MR.CARRO ขอนำเสนอข้อมูลของ “ป้ายรถเมล์” ทั้งในไทยและในเอเชีย (เอาแค่นี้ก่อน ไว้วันหลังค่อยยกของยุโรปมาให้อ่านกันต่อ) เรามาดูกันว่า ป้ายรถเมล์ที่ไหน น่ารอรถเมล์ที่สุดกันดีกว่า

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

ไทย

แม้ว่าป้ายรถเมล์ในไทย อาจจะมีป้ายรถเมล์อยู่หลากหลายสภาพ ตั้งแต่ของใหม่ล่าสุด แจ๋วสุด ใหญ่สุด (หาดูได้ตามหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ บางที่) ครบเครื่องเรื่องเทคโนโลยี

ไปจนถึงป้ายรถเมล์ตั้งแต่ยุค “ศาลาประชากรไทย” หรือศาลาตามทางหลวง ที่ใช้งานมาจนถึง 30 – 40 ปีแล้ว หรือป้ายรถเมล์แบบยุค 2000 ที่ได้บริษัท JCDecaux (ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านบิลบอร์ดระดับโลก) และ TSF – บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จํากัด (มหาชน) มาสร้างไว้เพื่อแลกกับได้สิทธิ์โฆษณาที่ป้าย ก็ยังมีใช้งานอยู่ ในความทรงจำของใครหลายๆ คน

ไม่ว่าจะเป็นสภาพเก่า หลังคารั่ว ที่นั่งไม่มี หรือป้ายรถเมล์ อยู่ใต้บันไดสะพานลอย มืด เปลี่ยว ต้นไม้รก ป้ายโฆษณาใหญ่เกิน ตัวเลขบอกเส้นทางไม่ Update ฯลฯ ก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ถ้าจะต้องมารอรถเมล์กันนานๆ

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

แต่ว่าช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 กทม. ได้เปิดตัวศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางอัจฉริยะ (Smart Bus Shelter) เช็ก ชาร์จ แชร์ ได้ฟรี และมีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมากขึ้น

สำหรับศาลารอรถเมล์อัจฉริยะรูปแบบใหม่ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบ Full Function และแบบ Light Function โดยแบบ Full Function จะมีระบบบอกสายรถเมล์ และเวลาการมาถึงของรถเมล์บนจอ LFD ขนาด 32 นิ้ว มีระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) และระบบไฟฟ้าส่องสว่าง พร้อมทั้งป้ายโฆษณาข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของ กทม. บนจอแสดงผลขนาด 55 นิ้ว

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

นอกจากนี้ ยังมีที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ และ Free Wi-Fi (ฟรีไว-ไฟ) สอดรับกับนโยบาย Smart Bus Shelter ตามแนวคิดการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งในส่วนของ Light Function จะไม่มีจอแสดงผลขนาด 55 นิ้ว และระบบ Wi-Fi Router

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

เมียนมาร์

แม้ว่าในประเทศพม่า (หรือเมียนมาร์) บนท้องถนนจะมีความงุนงงและวุ่ยวายที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากเมียนมาร์เปลี่ยนมาขับรถชิดขวามาหลายสิบปีแล้ว แต่รถยนต์พวงมาลัยขวา ที่เป็นรถเก่ามาจากญี่ปุ่น ยังคงวิ่งกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง! และป้ายรถเมล์ ศาลารอรถเมล์ส่วนใหญ่ ก็ยังเก่าๆ ไม่ต่างจากบ้านเรานัก

แต่ช่วงปี 2018 ในเมียนมาร์ ได้เปิดตัวป้ายรถเมล์ใหม่ 500 จุด ซึ่งเป็นป้ายฟรีที่เอกชนของ FMIDecaux บริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัทโฆษณาระดับโลก JCDecaux (ซึ่งก็เคยมาสร้างป้ายรถเมล์ในไทย) และ FMI บริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ของพม่า ลงทุนให้กว่า 13 ล้านเหรียญ โดยมีเงื่อนไขว่า FMIDecaux จะลงโฆษณาในป้ายรถเมล์เหล่านี้ได้ฟรีเป็นเวลา 20 ปี

พร้อมทำจุดต่อคิวเพื่อให้ขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ และเพิ่มจุดจอดให้เพียงพอต่อรถที่มาถึงด้วย

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

มาเลเซีย

สำหรับป้ายรถเมล์ในมาเลเซีย ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็มีป้ายรถเมล์ที่น่าใช้บริการอยู่

ด้วยตัวป้ายที่โล่งโปร่งตากับกระจกแบบกันลมกันฝน และก็มีป้ายบอกเส้นทางรถเมล์ พร้อมกับทางลาดสำหรับวีลแชร์ แต่ถ้าเป็นป้ายรถเมล์ในย่านในเมือง ตัวป้ายก็จะค่อนข้างใหญ่โต คล้ายๆ กับในหลายประเทศ

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

สิงคโปร์

สิงคโปร์ นับเป็นประเทศแรกๆ ใน ASEAN ที่ออกแบบและวางระบบเมืองอัจฉริยะ Smart City เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเริ่มปรับปรุงเมืองให้รองรับกับระบบดิจิทัลต่างๆ นับแต่ปี 2015 ที่รัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศให้เขตจูร่ง เป็นพื้นที่ทดสอบเมืองอัจฉริยะ

โครงการป้ายรถเมล์อัจฉริยะ Smart Bus Station ของสิงคโปร์ จัดเป็นป้ายรถเมล์ที่เป็นมิตรต่อคนทั้งมวล นับตั้งแต่มีบริการ Wi-Fi ฟรี มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ จอแสดงผลการจราจร ที่จะบอกว่ารถเมล์แต่ละสายมาถึงป้ายในเวลากี่นาที อีกทั้งยังมีต้นไม้ หนังสือ ชิงช้า และพื้นที่แสดงผลงานโดยศิลปินท้องถิ่นบริเวณหลังป้ายด้วย

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

อินโดนีเซีย

ในอินโดนีเซีย ถ้าเป็นในตัวเมืองจาการ์ต้าจะนิยมตั้งป้ายรถเมล์ไว้ที่เกาะกลางถนน (เพราะรถเมล์จะวิ่งบริเวณบัสเลน เลนขวาสุด) แลตัวป้ายรถเมล์ที่ดีไซน์ทันสมัยหน่อย บางป้ายก็อาจจะเป็นป้ายรถเมล์แบบยกสูง แบบเปิดโล่ง มีบันได ขึ้น-ลง พร้อมทางลาดสำหรับรถวีลแชร์ และมีป้ายบอกเลขสาย ชื่อป้าย และแผนที่เส้นทางเดินรถด้วย

แต่ถ้าเป็นป้ายรถเมล์ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะมีสภาพไม่ต่างไปจากประเทศอื่นๆ ในแถบ ASEAN นัก

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

ฮ่องกง

สำหรับป้ายรถเมล์ของฮ่องกง ตามป้ายรถเมล์จะมีเสาป้ายระบุชื่อป้าย หมายเลขรถเมล์ผ่าน สถานที่จอด ถ้าในตัวเมืองป้ายรถเมล์ก็จะมีขนาดใหญ่หน่อย

วิธีรอง่ายๆ แค่เข้าแถวให้ตรงเสาป้ายให้ถูกป้ายสายที่เราจะขึ้น รถเมล์จะจอดตรงป้ายเลขนั้น

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

จีน

ป้ายรถเมล์ในจีนนั้นมีค่อนข้างหลากหลายมาก ตั้งแต่ป้ายรถเมล์แบบบ้านๆ ตามเมืองรองๆ และป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ ในเมืองหลวง โดยแต่ละป้ายรถเมล์ก็จะมีข้อมูลรถเมล์แต่ละสายครบถ้วน ละเอียด ทั้งต้นทางและปลายทาง สถานที่ผ่าน และทิศทางที่จะไป

ซึ่งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ที่จีนก็มี! เช่นในเมืองตงก่วน ป้ายรถเมล์อัจฉริยะดังกล่าว จะแสดงผลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ด้วยระบบ GPS ทำให้ผู้โดยสารทราบระยะห่างจากป้ายของรถเมล์ ช่วยให้วางแผนเวลาและวิธีการเดินทางได้ง่ายขึ้น

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

ไต้หวัน

ป้ายรถเมล์ที่ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน นี่ก็ถือว่าเป็นป้ายรถเมล์ และศาลารอรถเมล์ที่น่าใช้บริการอีกจุดหนึ่ง เนื่องจากเป็นป้ายรถเมล์ที่มีบอกเลขสายแล้ว ยังบอกเวลาของรถที่จะมาถึงอีกด้วย อีกทั้งยังสะอาด ใช้งานสะดวกตามหลักอารยะสถาปัตย์

ส่วนในพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ตั้งป้ายรถเมล์ไม่สะดวก เช่นในนครนิวไทเป ได้ร่วมกับบริษัท จงหัวเทเลคอม พัฒนาป้ายรถเมล์อัจฉริยะ e-Paper (อี-เปเปอร์) หรือ กระดาษอิเล็กทรอนิกส์ บอกเวลารถเมล์มาถึง อุณหภูมิอากาศ และข้อมูลประกาศกิจกรรมต่างๆ มีแผงโซล่าเซลล์ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เมื่อชาร์ตแบตเตอรี่เต็มใช้งานได้ต่อเนื่อง 14 วัน ต้นทุนป้ายละ 1 แสนเหรียญไต้หวันเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่ามาก

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

เกาหลี

นอกจากเราจะได้ความไฮเทคในหลายอย่างที่มาจากเกาหลีใต้แล้ว ป้ายรถเมล์ของที่นี่ ก็ยังมีความไฮเทคไม่แพ้ใครในโลกอีกด้วยครับ เช่น ในกรุงโซลของเกาหลีใต้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ได้เปิดตัวป้ายรถเมล์อัจฉริยะที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมเทคโนโลยี IoT หรือ Internet of Things

ที่นอกจากจะมีกระจก กันแดดกันฝน และยังมี Wi-Fi ฟรี และมีจอแสดงเวลาโดยประมาณที่รถเมล์จะมาถึงและหน้าจอแสดงสภาพการจราจรภายนอกตามเวลาจริงแล้ว ยังช่วยปกป้องกันโควิด-19 ได้ด้วย

ซึ่งก่อนคุณจะเข้าไปในศาลารอรถเมล์ไฮเทคนี้ จะต้องยืนหน้ากล้องตรวจจับความร้อน โดยประตูจะเปิดต้อนรับผู้ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 37.5 องศาเซลเซียสเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีเครื่องจ่ายเจลล้างมือ รวมทั้งคำแนะนำให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากตลอดเวลา และเว้นระยะห่างจากกันอย่างน้อย 1 เมตร

10 "ป้ายรถเมล์" ในไทยและในเอเชีย ที่ไหนน่ารอสุด!

ญี่ปุ่น

นี่จัดว่าเป็นประเทศที่คนรอรถเมล์อยากไปรอกันเป็นอันดับต้นๆ แล้วล่ะ เพราะมีป้ายรถเมล์หลากหลายรูปแบบ ทั้งดีไซน์สวยเก๋ แต่ใช้งานได้จริงอยู่มากมาย

รวมถึงมีป้ายบอกเส้นทางรถเมล์ เลขสายรถเมล์ สถานที่ต้นทาง-ปลายทาง มีตารางเวลาเดินรถที่ต่างกัน ทั้งแบบตารางสำหรับวันธรรมดา และตารางสำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ รวมถึงความถี่การเดินรถ เช่น วันธรรมดามีรถวิ่งทุกๆ 20 นาที ส่วนวันหยุดมีรถวิ่งทุกๆ 30 นาที เป็นต้น

ส่วนถ้าเป็นในเมืองใหญ่ๆ ก็จะมีป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ที่พัฒนาให้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมจอ LCD บอกเส้นทางต่างๆ อีกด้วย

แถมรถเมล์ของญี่ปุ่น ยังจอดรถรับคนทุกป้ายด้วย! โดยที่คนรอขึ้นไม่ต้องโบกเรียกเลยทีเดียว เพียงแค่ไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์เท่านั้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก: