3-Trick-For-Prevent-Dust-PM25-In-Car

ช่วงนี้เป็นที่รู้ๆ กันว่า ในกรุงเทพฯ มีฝุ่นค่อนข้างเยอะมากๆ ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากรถยนต์ รถเมล์ รถบรรทุก ที่เครื่องยนต์ดีเซลเสื่อมสภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ปล่อยควันพิษกันออกมามาก แล้วออกมาวิ่งกันบนถนนเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการสร้างคอนโดมิเนียมในตัวเมือง ก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษ PM2.5 ขึ้นอย่างมากมาย

PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน เปรียบได้กับขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ โดยขนจมูกของมนุษย์ไม่สามารถกรองได้

หลายคนคิดว่า เฮ้ย! นั่งอยู่ในรถแล้ว ยังไงก็ปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์สมัยใหม่ มีระบบกรองอากาศ ระบบฟอกอากาศมากมาย ซึ่งบางรุ่นยังมีระบบระบบไฟฟ้าสถิตย์ ปล่อยประจุไฟฟ้าลบ เพื่อไปเกาะจับอนุภาคฝุ่นในอากาศอีกด้วย

แต่ถ้าเป็นรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีออพชั่นแบบนี้ จะทำอย่างไรถึงจะปลอดภัยจากเจ้าฝุ่น PM2.5 ขณะขับรถอยู่ในเมืองได้ล่ะ Mr.CARRO ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จาก CARRO มี 3 วิธี จะมาเล่าให้ฟัง.

3-Trick-For-Prevent-Dust-PM25-In-Car

สำหรับฝุ่น PM2.5 นั้น จัดว่าเป็นฝุ่นที่มีความอันตรายต่อร่างกาย และผู้ป่วย ซึ่งมีความหนาแน่นในชั้นบรรยากาศ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคล้ายหมอก ปกติฝุ่น PM2.5 จะเยอะในช่วงเปลี่ยนฤดูหนาวไปฤดูร้อน และช่วงฤดูฝน (ที่ฝนขาดช่วง) ก่อนจะไปสู่ฤดูหนาว

โดยฝุ่น PM2.5 มีอนุภาคที่เล็กมาก สามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอด ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ หากได้รับในปริมาณมากหรือเป็นเวลานานจะสะสมในเนื้อเยื่อปอด ทําให้การทํางานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง

วิธีการป้องกัน คือ ใส่หน้ากาก N95 หรือหน้ากากอย่างน้อย 2 ชั้น เพื่อลดจำนวนฝุ่นที่เข้าถึงปอดได้

แต่ถ้านั่งอยู่ในรถ ตามจริงแล้วก็ดูปลอดภัยจากฝุ่นอยู่พอสมควร (ถ้าหากไม่เปิดประตูรถ หรือเปิดกระจกรถในย่านที่รถติดๆ ฝุ่นเยอะๆ) จะให้ใส่หน้ากากอนามัยปิดปากตลอด บางทีก็ดูอึดอัด … วิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 เข้ารถแบบง่ายๆ มีด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่ …

กรองแอร์

3-Trick-For-Prevent-Dust-PM25-In-Car

คุณควรเลือกกรองแอร์ ชนิดแบบ HEPA Airfilter ที่สามารถกรอกฝุ่นมลพิษได้ที่ PM2.5 – PM0.3 ซึ่งปัจจุบันมีขายตามท้องตลาดทั่วไป พร้อมกับหมั่นทำความสะอาดระบบแอร์ หรือเปลี่ยนกรองแอร์อย่างน้อยปีละครั้ง หรือทุกๆ 15,000 กิโลเมตร

เปิดระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถ

3-Trick-For-Prevent-Dust-PM25-In-Car

ระบบปรับอากาศในรถ โดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 แบบ นั่นคือ รับอากาศจากข้างนอกเข้าอย่างเดียว (Fresh), อากาศหมุนเวียนเฉพาะในรถอย่างเดียว (Recirc หรือ Recirculation) และแบบผสม รับทั้งอากาศภายนอกเข้ามา และอากาศหมุนเวียนภายในด้วย

กรณีนี้ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้เฉพาะโหมด อากาศหมุนเวียนเฉพาะในรถอย่างเดียว เท่านั้น

เครื่องฟอกอากาศ

3-Trick-For-Prevent-Dust-PM25-In-Car

แต่ถ้าใครยังกังวลอยู่ล่ะก็ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติมเลยก็ได้ เพื่อความสบายใจ ซึ่งในท้องตลาดตอนนี้ก็มีให้เลือกอยู่หลากหลายยี่ห้อ เพื่อกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก กลิ่นไม่พึงประสงค์ กรองแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อโรคในอากาศ กรองควันบุหรี่ ได้ เป็นต้น

แค่ลองทำตาม 3 วิธีนี้ ก็ช่วยลดปัญหาของฝุ่น PM2.5 ไปได้เยอะแล้วล่ะครับ แต่ก็อย่าลืมตรวจเช็คสภาพรถยนต์ สภาพเครื่องยนต์ ให้ดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะไม่อย่างนั้นรถของคุณเองนั่นแหละ ที่จะเป็นตัวปล่อยฝุ่น PM2.5 ซะเอง

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือได้เงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

เมื่อพูดถึงเรื่องรถ “ควันดำ” หลายคนก็จะนึกถึงรถที่ใช้ “เครื่องยนต์ดีเซล” ของมาทันที! แล้วยิ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ที่ประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมการขนส่งทางบก และตำรวจจราจร จึงออกตั้งด่านตรวจวัดควันดำกันทั่ว ซึ่งถ้าโดนจับก็ต้องเสียเวลา เสียค่าปรับ แถมถูกห้ามใช้รถอีก

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

รถเมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง มักจะมีปัญหาเรื่องควันดำ โดยเฉพาะรถเก่าที่มีการใช้งานมานาน ซึ่งนอกจากจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ แล้ว ยังสร้างมลพิษให้กับสภาวะแวดล้อมของโลกอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่รถมีควันดำนั้นมีดังนี้

  1. เครื่องยนต์สึกหรอมาก เช่น ลูกสูบและกระบอกสูบ แหวนลูกสูบชำรุด
  2. ปั๊มฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุดและทำงานไม่ถูกต้อง หรือฉีดน้ำมันในจังหวะที่ไม่ถูกต้อง
  3. หัวฉีดน้ำมันแรงดันสูงที่จ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้ชำรุด
  4. กรองอากาศอุดตัน
  5. น้ำมันเครื่องมีอายุการใช้งานมาก
  6. เขม่าควันดำและฝุ่นละอองค้างอยู่ภายในท่อไอเสีย

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

และเมื่อพบว่ารถคุณเกิดควันดำอย่าได้นิ่งนอนใจ ควรรดำเนินการแก้ไข ดังนี้

1. ซ่อมแซมเครื่องยนต์ในส่วนที่สึกหรอ เช่น เปลี่ยนลูกสูบ แหวนลูกสูบ หรือ ทำการคว้านกระบอกสูบ แล้วเปลี่ยนลูกสูบให้ใหญ่ขึ้น
2. ทำการเช็กปั๊ม โดยนำเข้าศูนย์บริการ ทำการปรับแต่งปั๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ รวมทั้งปรับแต่งหัวฉีดน้ำมันและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งการปรับแต่งอัตราและจังหวะการฉีดน้ำมันให้ถูกต้องเป็นไปตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด
3. เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบรูณ์
4. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด
5. ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ทำงานถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสม
6. ทำการล้างท่อไอเสียโดยใช้น้ำหรือลมฉีดชะล้างเขม่า และฝุ่นละอองภายในท่อไอเสีย

มาตรฐานค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถยนต์

ปกติแล้ว การวัดควันดำของรถยนต์ จะวัดกันจอดรถยนต์จอดอยู่กับที่ ซึ่งมีกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 50 (เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบกระดาษกรอง) หรือไม่เกินร้อยละ 45 (เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง)

6-Ways-To-Fix-Car-Black-Smoke

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

รถยนต์ที่ปล่อยควันดำ เกินค่ามาตรฐาน นอกจากโดนปรับแล้ว ยังจะถูกติดสติ๊กเกอร์ หรือพ่นสีที่หน้ากระจกรถว่า “ห้ามใช้ชั่วคราว” คือ คำสั่งห้ามใช้รถยนต์เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะนำรถไปแก้ไขปรับปรุงเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีควันดำเป็นไปตามมาตรฐาน ภายในกำหนด 30 วัน

และหากยังฝ่าฝืน ไม่นำรถยนต์ไปแก้ไขปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีควันดำลดลง ภายใน 30 วัน ก็จะถูกติดสติ๊กเกอร์ “ห้ามใช้เด็ดขาด” พร้อมบันทึกหมายเลขทะเบียนลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อแจ้งไปยังนายทะเบียนของกรมขนส่งทางบกพิจารณาดำเนินการ และจะเคลื่อนย้ายรถยนต์ได้ ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก กรมควบคุมมลพิษ