สิ่งที่คุณควรทำ-เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้!

มีรถยนต์ แต่จอดทิ้งไว้ ควรทำอย่างไร?

ความจำเป็นในการใช้งานรถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนที่ใช้งานรถยนต์แทบทุกวันก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าถ้ารถเกิดปัญหาอะไรขึ้น คุณจะรู้ได้ในทันที และสามารถส่งรถไปซ่อมก่อนจะนำมาขับอีกครั้ง แต่สำหรับรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หากรถเกิดมีปัญหาขึ้น หรือมีอะไรเสีย คุณก็คงจะไม่ทราบว่ารถเป็นอะไร เพราะแทบจะไม่ได้ใช้รถเลย

ซึ่งการจอดรถทิ้งนานๆ หลายเดือน มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้รถยนต์ของคุณเกิดปัญหาขึ้นได้ ทำให้เวลานำกลับมาขับใช้งานใหม่ รถอาจจะเกิดอาการสั่นทั้งคัน จนอาจทำให้คุณตกใจ และคิดว่ารถเสีย เครื่องยนต์พัง ฯลฯ

แท้จริงแล้วสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถของคุณสั่นทั้งคัน เกิดจากยางรถยนต์นั่นเอง เพราะน้ำหนักของตัวรถจะกดทับยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้น ในมุมเดิมเป็นระยะเวลานาน จนทำให้ยางเกิดการเปลี่ยนรูปทรง ไม่กลม เสียทรง แถมโครงสร้างยางยังเสียหาย และยุบอีกด้วย

จอดรถทิ้งไว้

แต่ถ้าคุณไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ ให้คุณนำรถไปเติมลมยางเผื่อเอาไว้จากปกติที่เติมสัก 5 – 10 ปอนด์ และถ้าพอมีเวลาคุณควรไปขยับรถเดินหน้า-ถอยหลังบ้าง อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้งก็ยังดี เพื่อกระจายน้ำหนัก และเปลี่ยนมุมการกดทับไปยังจุดอื่นๆ บ้างนั่นเอง

ซึ่งการจอดรถที่ไว้นาน มันก็จะมีผลเสียเกิดขึ้นกับรถของคุณอย่างแน่นอน ถ้าต้องนำกลับมาใช้อีกครั้ง คุณควรที่จะหาเวลาเพื่อมาตรวจเช็กสภาพรถด้วย เช่น แบตเตอรี่ ของเหลวภายในรถ ฯลฯ และถ้าคุณอยากรู้วิธีเช็กรถเบื้องต้นสำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน อ่านต่อ คลิก

แต่ถ้ารถที่ไม่ได้ใช้งาน คุณควรแจ้งกับกรมการขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินการไม่ยุ่งยาก มีความสะดวก และรวดเร็ว จะได้ไม่โดนการเรียกเก็บภาษีประจำปี เพราะเมื่อไม่ชำระภาษีรถเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับทันที โดยมีขั้นตอนตามนี้

กรณีแจ้งว่าไม่ได้ใช้งานรถ สามารถทำได้ใน 2 กรณี ได้แก่

1. แจ้งไม่ใช้รถชั่วคราว มีอายุ 2 ปี สำหรับรถชำรุด แต่สามารถซ่อมแซมเพื่อกลับไปใช้งานต่อได้
2. แจ้งไม่ใช้รถตลอดไป สำหรับรถหายหรือชำรุดจนไม่สามารถซ่อมแซมได้

ส่วนเอกสารที่ต้องใช้ มีดังนี้

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
2. สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3. แผ่นป้ายทะเบียนรถ
4. แบบคำขอแจ้งไม่ใช้รถ กรอกรายการและลงลายมือชื่อ
5. หนังสือมอบอำนาจและบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี)

ขั้นตอนการดำเนินการ มีดังนี้

1. ยื่นคำขอแจ้งไม่ใช้รถ พร้อมหลักฐาน และแผ่นป้ายทะเบียนรถ
2. ชำระค่าธรรมเนียม
3.รั บใบเสร็จรับเงิน และใบคู่มือจดทะเบียนรถ

จอดรถทิ้งไว้

อัพเดต กรมการขนส่งทางบก ได้ขยายช่องทางการรับชำระภาษีรถ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยการชำระภาษีรถทั่วประเทศไทย

และในส่วนของ พ.ร.บ.รถยนต์ ได้ขยายช่องทางเพิ่มขึ้น เช่น การรับชำระผ่านห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี 13 สาขา, ห้างเซ็นทรัลรามอินทรา, ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค ในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.

การรับชำระภาษีรถที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น.

การรับชำระภาษีรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th, ชำระภาษีรถผ่าน ตรอ., ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่นอีเลฟเว่น กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ

และชำระภาษี บนมือถือผ่านเครือข่าย AIS ซึ่งเจ้าของรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.การขนส่งทางบกสามารถชำระภาษีรถได้ล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนหมดเขตอายุภาษี และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่ Call Center 1584.

อ้างอิง กรมขนส่ง

ต่อทะเบียนออนไลน์

การต่อทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ง่ายๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต

การต่อทะเบียนรถยนต์ เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มีรถยนต์ต้องรับรู้และปฏิบัติตาม เพราะกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องต่อทะเบียนทุกปี ซึ่งคุณสามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ แต่ไม่เกิน 3 เดือน โดยจัดเตรียมเอกสารให้พร้อม และไปต่อทะเบียนรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด

แต่ถ้าหากคุณลืมหรือต่อทะเบียนล่าช้า ก็จะถูกปรับ 1% ต่อเดือนของค่าต่อทะเบียน และถ้าขาดต่อทะเบียนเกิน 3 ปี รถก็จะถูกระงับการใช้งาน (ดูวิธีต่อทะเบียน กรณีที่ขาดจ่ายเกิด 3 ปี คลิก) ต้องเสียค่าปรับย้อนหลังและทำเรื่องจดทะเบียนรถใหม่ ซึ่งไม่คุ้มค่าเงินและเวลาแน่นอน 

แต่ในปัจจุบัน การต่อทะเบียนรถยนต์เป็นเรื่องง่ายมากๆ แค่มีเน็ตก็ทำได้แล้ว  เพราะทางกรมการขนส่งทางบก ได้ให้บริการ “การต่อภาษีรถยนต์แบบออนไลน์” โดยการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ให้คุณต่อทะเบียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งง่ายและประหยัดแบบของจริง! โดยมีขั้นตอนปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

 

1. ตรวจสอบรถที่สามารถใช้บริการออนไลน์ได้

  • ต้องเป็นรถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
  • รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ จดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จดทะเบียนไม่เกิน 5 ปี

เป็นรถจดทะเบียนจังหวัดใดก็ได้ และรถที่ค้างชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี สมัครเข้าใช้บริการออนไลน์ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th หรือ www.dlt.go.th เพื่อลงทะเบียนขอรับรหัสผ่าน

DLT-1

2. กรอกรายละเอียด

เมื่อได้รับรหัสผ่านแล้ว ให้ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับรถ, หลักฐานการเอาประกัน ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 (กรณียังไม่มี สามารถเลือกซื้อบนเว็บไซด์จากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการได้) รวมถึงกรอกหลักฐานหนังสือรับรองการตรวจและทดสอบฯ กรณีเป็นรถใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (CNG)

 

3. เลือกวิธีชำระเงิน

มีให้เลือกหลายช่องทาง เช่น หักบัญชีเงินฝาก โดยจะต้องมีบัญชีเงินฝากและเป็นสมาชิกใช้บริการโอนเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตกับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ หรือชำระด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ต้องเป็นผู้ถือบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA, MASTER พิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีรถแล้วนำไปชำระ ณ เคาน์เตอร์หรือตู้ ATM ของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ (เช็กช่องทางการชำระเงิน คลิก)

 

4. ผู้ใช้บริการตรวจสอบธนาคาร หรือเคาเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการได้ที่หน้าเว็บไซต์

โดยทางกรมการขนส่งทางบก จะบวกค่าบริการเป็นค่าจัดส่งเอกสาร รายการละ 40 บาท ค่าธรรมเนียมธนาคาร รายการละ 20 บาท ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิต) ร้อยละ 2 รวม Vat 7% ของค่าธรรมเนียม

หลังจากนั้นก็รอแค่ทาง กรมการขนส่งทางบกส่งใบเสร็จรับเงิน, เครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และกรมธรรม์ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มาให้ทางไปรษณีย์ จากนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของรถสามารถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปบันทึก ณ หน่วยงานทะเบียนกรมการขนส่งทางบกได้ทั่วประเทศค่ะ

ต่อภาษีออนไลน์

ตรวจสภาพรถ, ยางรถยนต์, ผ้าเบรค, พรบ รถยนต์

เทคนิคในการขับขี่อย่างปลอดภัย ทุกสภาวะถนน

ประเทศไทยของเรานั้น ประกอบไปด้วย 3 ฤดู คือ หน้าร้อน หน้าฝน และหน้าหนาว แต่ในปัจจุบัน สภาพอากาศเริ่มแปรปรวนมากขึ้นจนไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะในบางวัน ก็ทั้งอากาศร้อนและฝนตกในวันเดียวกัน! ด้วยเหตุนี้ Carro จึงขอแนะนำ เคล็ด(ไม่)ลับในการขับขี่อย่างปลอดภัย ในทุกสภาพอากาศมาฝากผู้อ่านกันค่ะ

1.ตรวจเช็คสภาพรถเสมอ

คุณควรตรวจเช็คทุกๆ ส่วน โดยเฉพาะดอกยางรถ ยางใบปัดน้ำฝน ระดับน้ำหม้อพักฉีดกระจก ไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟเลี้ยว และผ้าเบรก ว่าสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อเตรียมรถให้พร้อมใช้งานแม้ในวันที่ฝนตก และทุกสภาวะถนน

2.ลดความเร็วในการขับขี่

โดยปกติเราไม่ควรขับรถเกินความเร็วมาตรฐานอยู่แล้ว และควรลดความเร็วลงอีกในขณะที่ฝนตก เนื่องจากจะช่วยให้ระยะในการเบรกยาวขึ้น เพราะพื้นถนนที่เปียกจะทำให้ลื่นและอันตราย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้อีกด้วย

3.หลีกเลี่ยงเส้นทางที่น้ำท่วม

การที่ฝนตกหนักหรือตกเป็นเวลานาน อาจทำให้น้ำท่วมถนนได้ และเมื่อน้ำท่วมถนน คุณก็จะคาดเดาไม่ได้ว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน ซึ่งอันตรายต่อรถ เพราะเราไม่ทราบว่าสภาพพื้นถนนที่เรากำลังขับขี่อยู่เป็นอย่างไร และหากน้ำเข้าท่อไอเสียและเครื่องยนต์ ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณดับกลางคันด้วย

4.ขับช้าๆ แม้ฝนหยุดตกแล้ว

หลังจากฝนตก จะมีคราบน้ำมันที่ตกค้างบนพื้นถนนก่อตัวขึ้นมาใหม่ ทำให้พื้นถนนลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งคราบน้ำมันจากรถยนต์จะมีมากบริเวณสี่แยกหรือไฟจราจร เพราะฉะนั้น คุณยังคงต้องขับรถอย่างระมัดระวังแม้ฝนหยุดตกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการลื่นไถลบนพื้นถนนนั่นเอง

5.อย่าลืมเปิดไฟหน้ารถ

เมื่อต้องขับรถในช่วงกลางคืน การเปิดไฟหน้ารถคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณมองเห็นได้ชัดเจน และรถคันอื่นๆ จะได้มองเห็นรถคุณด้วย และหากต้องขับขี่บนถนนลูกรังหรือเส้นทางเปลี่ยว อย่าลืมเปิดไฟสูงขณะขับขี่และลดไฟต่ำลงเมื่อมีรถขับสวนมา

6.ไม่ขับขี่เมื่อมีอาการง่วงหรือมึนเมา

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขับขี่ในช่วงกลางคืนอันตรายกว่ากลางวัน คือ ผู้ขับขี่มีอาการง่วงหรือมึนเมา ซึ่งผู้ขับขี่เหล่านี้มักจะละเมิดกฏจราจร บางครั้งถึงขั้นเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟ! ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุในช่วงกลางคืนได้ ก็คือ หากเห็นรถยนต์คันอื่นมีท่าทีการขับขี่ที่อันตราย คุณควรเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันดังกล่าวและขับให้ช้าลง

และที่สำคัญก็คือ คุณไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับขี่ซะเอง ถ้าหากมีอาการง่วงหรืองัวเงีย ก็ควรจอดแวะพักที่ปั๊ม ล้างหน้าล้างตาหรือนอนพักสักหน่อย แล้วตั้งสติก่อนสตาร์ท หากปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ ก็จะปลอดภัยทั้งคนทั้งรถอย่างแน่นอนค่ะ

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

อย่างที่รู้กันว่า “พ.ร.บ.รถยนต์” ที่คุณต้องควักเงินจ่ายทุกปี เมื่อต่อภาษีป้ายทะเบียนนั้น เป็นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับประเภทที่สาม แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเจ้า พ.ร.บ.รถยนต์ มันมีสิทธิประโยชน์อย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และคุณสามารถเบิกในกรณีใดได้บ้าง ซึ่งวันนี้ CARRO จะมาอธิบายเป็นข้อๆ ให้คุณเข้าใจได้ไม่ยากดังนี้

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

ภาพจาก ภาพจาก พลหฤษฏ์ จันทกล มิตรแท้ประกันภัย

ใครมีหน้าที่ต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. รถยนต์?

ได้แก่ เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถในฐานะผู้เช่าซื้อรถ และผู้นำรถที่จดทะเบียนในต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศ การฝ่าฝืนไม่จัดให้มีประกันภัย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กฎหมายกำหนดโทษปรับไว้ไม่เกิน 10,000 บาท

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

ภาพจาก @Ammye_my

ใครที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.รถยนต์?

ผู้ประสบภัย หมายถึง บุคคลที่ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย ก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.รถยนต์

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

ภาพจาก ขุนเทียน 322 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

แล้วถ้าเกิดกรณี เมาแล้วขับ พ.ร.บ. รถยนต์ จ่ายหรือไม่?

คำตอบคือ พ.ร.บ.รถยนต์ ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะเมามากแค่ไหน และถึงแม้ว่าในขณะนั้นคุณจะไม่มีใบขับขี่ก็ตาม แต่ พ.ร.บ.รถยนต์ จะคุ้มครองแค่ตัวบุคคลเท่านั้น กรณีรถยนต์เสียหายจะไม่รับผิดชอบ

ถึงอย่างไรก็ตาม เวลาเมาก็ไม่ควรขับขี่รถ เพราะถ้าพูดถึงโทษตามกฎหมายกับค่าเสียหายที่จะได้รับ ถ้าเทียบแล้วมันไม่คุ้มกันเสียเลย

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

ภาพจาก NOILAB55

ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คุ้มครองคุณด้วยจำนวนเงินเท่าไร และกรณีใด?

ผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองในความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ และเป็นค่าปลงศพในกรณีเสียชีวิต โดยที่ไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด โดยชดใช้ให้แก่ผู้ประสบภัย หรือทายาทของผู้ประสบภัย ภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับคำร้องขอค่าเสียหายดังกล่าว เรียกว่า “ค่าเสียหายเบื้องต้น” โดยมีจำนวนเงิน ดังนี้

1. กรณีบาดเจ็บ จ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อหนึ่งคน

2. ส่วนกรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย (ทุพพลภาพ) อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน 35,000 บาท ต่อหนึ่งคน

(ก) ตาบอด
(ข) หูหนวก
(ค) เป็นใบ้หรือเสียความสามารถในการพูด หรือลิ้นขาด
(ง) สูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์
(จ) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว
(ฉ) เสียอวัยวะอื่นใด
(ช) จิตพิการอย่างติดตัว
(ซ) ทุพพลภาพอย่างถาวร

3. กรณีบาดเจ็บตาม ข้อ 1. และต่อมาทุพพลภาพตาม ข้อ 2. รวมกันแล้วจะไม่เกิน 65,000 บาท ต่อหนึ่งคน

4. กรณีเสียชีวิตจะได้รับการชดใช้เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการจัดการศพ จำนวน 35,000 บาท ต่อหนึ่งคน

5. กรณีเสียชีวิตภายหลังการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงตามข้อ 1 รวมกันไม่เกิน 65,000 บาท ต่อหนึ่งคน

ส่วนกรณีเกิดรถเสียหายตั้งแต่ 2 คันขึ้นไป จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นอย่างไรบ้าง?

กรณีรถตั้งแต่ 2 คันขึ้นไปที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (เฉี่ยวชนกัน) เป็นเหตุให้ผู้ซึ่งอยู่ในรถไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารก็ตาม หากได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคันที่ทำ พ.ร.บ. แต่ถ้าผู้ประสบภัยเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่ในรถคันใดคันหนึ่ง โดยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยโดยเฉลี่ยจ่ายในอัตราส่วนที่เท่ากัน

ประกันภัยรถยนต์ตาม พ.ร.บ. เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

ภาพจาก กรมทางหลวง

เคลมง่าย เซฟขั้นตอนไว้เลย จะได้ไม่พลาด!

1. แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน

2. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (เมื่อการรักษาเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมขอเอกสารจากโรงพยาบาลด้วยนะ)

  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบเสร็จรับเงิน

3. นำส่งเอกสารต่อบริษัทประกันภัยที่ซื้อ พ.ร.บ. เพื่อขอเบิกค่ารักษาพยาบาล ดังนี้

  • บันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบเสร็จรับเงิน
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีในส่วนค่าสินไหมทดแทน และสำรองจ่ายอีกด้วย ทำให้รู้ว่า พ.ร.บ. ที่เราจ่ายทุกๆ ปีนั้น สำคัญแค่ไหน แล้วอย่าลืมไปต่อ พ.ร.บ. กันด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ พ.ร.บ. หาซื้อได้ง่ายมาก แม้แต่ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์ ก็ยังมีให้เลือกซื้อกันเพียบ เพราะถ้าไม่ต่ออาจเจอโทษปรับหลายพันบาทเมื่อคุณตำรวจขอดูเอกสารนะจ๊ะ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

หากใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ค่ะ

แหล่งที่มาข้อมูลจาก: