Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

หลายคนเคยได้ยินว่ามนุษย์เงินเดือนที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งกับโต๊ะและใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้คนเหล่านั้นทรมานจนบางคนถึงกับทำงานไม่ได้อีกเลย เรากำลังพูดถึงโรคออฟฟิศซินโดรม และใครว่าโรคออฟฟิศซินโดรม อาการเกิดขึ้นได้เฉพาะที่ออฟฟิศเท่านั้นล่ะ? จริง ๆ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ที่บ้านของเรา

ใช่แล้ว.. เรากำลังพูดถึง การทำงานที่บ้านแบบ “Work from home” เพราะการต้องทำงานที่บ้านนาน ๆ ก็เป็นบ่อเกิดของโรคออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน รู้ใจเป็นห่วงชาวออฟฟิศทุกคนที่ต้องนั่งทำงานที่บ้านที่ทั้งเครียดและเงียบเหงา เราจึงอยากพามาเรียนรู้วิธีการทำงานที่บ้านแบบ Work from home ให้ดีต่อสุขภาพและไม่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกัน จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย!

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?

นิยามของโรคออฟฟิศซินโดรมก็คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมทั้งการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น ปวดชาปลายประสาทที่เกิดจากการกดทับ ซึ่งสาเหตุมาจากการนั่งหรืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับผู้ป่วยที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน ๆ ต่อวัน

การนั่งที่ทำให้เกิดการกดทับทั้งหลัง ขา แขน และข้อมือ เช่น การใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ สภาวะทำงานที่มีแสงน้อยหรือรับแสงจากจอในปริมาณมากเกินไปจนเกินความเจ็บปวดกับปลายประสาทในร่างกาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้มีอาการตามมา การปวดตามร่างข้อ เส้นเอ็นในร่างกาย ตาพร่ามัว ปวดหัว จนไปถึงอาการรุนแรง เช่น การวูบ หูอื้อ มึนงง ชา แม้อาการป่วยจะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้ระบบในร่างกายผิดปกติ และอาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง ทนทรมานไปตลอดชีวิต อีกทั้งมันยังส่งผลต่อสภาพจิตได้ด้วยอีกต่างหาก

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

Checklist โรคออฟฟิศซินโดรม อาการเป็นอย่างไร?

ถึงแม้จะเป็นการทำงานที่บ้าน แต่ลักษณะการทำงานของหลายคนก็ยังเหมือนการนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศอยู่ดี ดังนั้นถ้าคุณมีอาการตามลักษณะต่อไปนี้ ต่อให้ทำงานที่บ้านแบบ Work from home คุณก็ยังมีความเสี่ยง

• นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน
• ระหว่างนั่งทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ
• หลังทำงานคุณจะรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องกินยาแก้ปวด หรือบางครั้งต้องไปนวดเพื่อให้หายปวด
• บางครั้งคุณจะรู้สึกตาพร่ามัว อ่านตัวหนังสือที่หน้าจอคอมไม่ชัด

ถ้าคำตอบของคุณส่วนใหญ่คือใช่ ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายที่จะป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออาการป่วย เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานาน การจ้องจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือการไม่ค่อยออกกำลังกายของคุณ

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

นั่งทำงานที่บ้านให้ปลอดภัย ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และส่วนต่าง ๆ ที่เกิดจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน การทำงานที่บ้านน่าจะช่วยให้การเกิดอาการปวดโรคออฟฟิศซินโดรมน้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ดังนี้

  • ยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบถอยู่เสมอ การทำงานที่บ้านก็มีข้อดีที่เราจำเป็นต้องประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เสมอ แค่มีคอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปก็สามารถย้ายไปนั่งทำงานที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้สบาย ๆ เพราะอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุหนึ่งก็คือ การนั่งทำงานด้วยท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน ทางที่ดีเราควรขยับขึ้นมายืดเส้นยืดสายหรือย้ายที่ทำงานไปที่โซฟา หรือไปนอนทำงานบนเตียงก็ได้
  • ปรับการนั่งให้เหมาะกับสรีระ ซึ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะทำงานไม่สามารถย้ายได้ และบางงานจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง ไม่สามารถลุกไปยืดเส้นยืดสายได้บ่อย สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการปรับที่นั่งให้เหมาะกับสรีระ ท่านั่งควรจะไปข้างหลังเล็กน้อยให้หลังมีส่วนช่วยรับน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักกดทับไปที่ใดที่หนึ่ง ไม่ควรนั่งหลังงอมันจะทำให้หลังรับน้ำหนักมากเกินไป ความสูงของโต๊ะควรจะพอดีกับระดับแขนให้การวางแขนลงบนโต๊ะหรือคอมพิวเตอร์ สามารถวางแขนได้พอดีไม่ห่างกันมากไป ถ้าสูงไปไหล่จะต้องรับน้ำหนัก แต่ถ้าน้อยไปกลับเป็นข้อมือที่รับน้ำหนักเพียงอย่างเดียว ให้หาระยะห่างของความสูงที่สมดุล
  • ใช้หูฟังช่วยในการทำงาน เพราะการทำงานบางชนิดก็จำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อพูดคุย การใช้เป็นเวลานานต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายส่วนที่เกี่ยวข้องต้องรับภาะหนัก เช่น ข้อมือ สายตา หรือหูที่ต้องแนบกับโทรศัพท์ ดังนั้นหาหูฟังที่ช่วยให้ไม่ต้องถือโทรศัพท์และเอาโทรศัพท์แนบหู หากรู้สึกว่าจ้องจอโทรศัพท์นานเกินไปก็ต้องหาเวลาพักบ้าง
  • พักสายตาทุก 20 นาที เป็นเวลาที่เหมาะสมในการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดทำงานเป็นเวลานาน ๆ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ทุก ๆ 20 นาที ควรพักสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ หาที่สบายตามองเพื่อปรับสายตา มองต้นไม้เขียว ๆ หรือหลับตาสักพักก็ได้เพื่อให้ระบบประสาทตาไม่เครียดมากเกินไป
  • ออกกำลังกาย หลังการทำงานในทุกวัน ควรจะออกกำลังกาย เพราะเมื่อเรานั่งทำงานในออฟฟิศ ทุก ๆ วันการเดินทางกลับบ้านก็ยังมีระยะให้เราเดินให้ร่างกายได้ขยับ แต่การทำงานที่บ้าน ระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานกับเตียงนอนอาจจะใกล้เกินไป แนะนำว่าอย่าเพิ่งพุ่งตัวลงที่นอน ควรหาเวลาออกกำลังกาย เช่น ออกไปเดิน ไปวิ่ง หรือถ้าออกจากบ้านไม่ได้ก็บอดี้เวทหรือทำงานบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม รักษายังไง?

โรคออฟฟิศซินโดรม อาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนั้นความเจ็บป่วยจึงเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ ระบบ ทั้งกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ระบบประสาท ซึ่งจะรักษาทางใดทางหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะวางแผนการรักษาจากหลายวิธีด้วยกัน เพราะการรักษาจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลายถึงจะรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามากระตุ้นระบบประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด อาการชา และการอักเสบจากการทำงานที่ผิดปกติของปลายประสาท
  • คลื่นกระแทกช็อกเวฟ เป็นการใช้คลื่นกระแทกลงไปบนกล้ามเนื้อที่มีอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรังของระบบกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูก
  • การรักษาด้วยการจัดกระดูกสันหลัง ใช้เตียงจัดกระดูกสันหลังซึ่งปัจจุบันสามารถจัดกระดูกสันหลังได้แบบสามมิติ เพื่อจัดกระดูกสันหลังที่คดงอให้เข้าที่ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาการปวดหลังจากการทำงานหนักเป็นเวลานานจนแนวกระดูกสันหลังเคลื่อน
  • การรักษาด้วยความเย็นจัด เป็นการใช้ความเย็นประมาณ -110 องศา เพื่อกระตุ้นให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายตอบสนองต่อความเย็น และปรับตัวสู้กับความเจ็บป่วยและความเครียด

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ถูก หลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

โรคออฟฟิศซินโดรม อาจจะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตก็จริง แต่มันก็เป็นโรคที่ทำให้เจ็บปวดทรมานทางร่างกายและยังส่งผลต่อสุขภาพจิต แนวทางการรักษาก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสักหน่อย ไม่ให้กล้ามเนื้อหรืออวัยวะอื่นใดทำงานในแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มากเกินไป ไม่ว่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม เราควรปรับการใช้ชีวิตให้มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 20 นาที รวมไปถึงเรื่องการพักผ่อนจากงานเป็นระยะก็สำคัญด้วยเช่นกัน

และหากพบว่าร่างกายมีอาการปวด ชา ตามปลายประสาท จนน่าสงสัยว่าตัวเองจะเข้าข่ายอาการของ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็ควรจะเริ่มหันมา ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าปล่อยปละละเลยจนอาการปวดเรื้อรังรักษาไม่หายแก้ไม่ได้ ถ้าหากเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ยังไม่หายจริง ๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วแหละ

รู้ใจเป็นห่วงทุกคนที่จะต้องเผชิญทั้งการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์โรคระบาดจนต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตปกติ ถึงแม้รอดพ้นจากโรคระบาด ก็ยังต้องเสี่ยงเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรมอีก และหากคุณคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งคนที่อยู่ในความเสี่ยงของโรคนี้และกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่แน่นอน คุณสามารถมองหาประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้แบบทั่วถึง รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า ต้องที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เช็คราคาประกันออนไลน์ได้ใน 60 วิ ประหยัดสูงสุด 30% ซื้อง่ายใน 3 นาที ดูข้อมูลประกันภัยต่าง ๆ ได้เลย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

6 ข้อ เลือกรถให้คุ้มค่าเงินในงาน Motor Expo 2021

ทุกครั้งเวลาที่มีงาน Motor Expo ในช่วงปลายปี หรือในงาน Motor Show ที่จัดกันในช่วงต้นปี และในงาน BIG Motor Sale ในช่วงกลางปี มักจะมีผู้คนถามไถ่กันมาเสมอว่า ผมมีงบประมาณเท่านี้ สนใจรถแนวนี้ น่าซื้อหรือไม่? หรือฉันต้องการการรถประเภทนี้ไว้ใช้งาน เหมาะสมหรือไม่?

ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้รับมาเป็นประจำ โดยปุถุชนส่วนใหญ่นั้น การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ป้ายแดงได้สักคัน หลายคนต้องแลกหยาดเหงื่อแรงกายทำงานเก็บเงินกันนานหลายปีก็มี กว่าจะได้รถที่ตัวเองชอบและรัก จึงต้องรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่เสียไป

โดยบางคน อาจจะอยากเปลี่ยนรถที่ตัวเองมีอยู่แล้วเป็นรถใหม่ หรือบางคน อาจจะอยากซื้อรถเพิ่มใหม่อีกหนึ่งคัน … แต่จะซื้ออย่างไร ให้คุ้มค่าเงินที่คุณต้องจ่ายไป ซื้อแล้วไม่เป็นทุกข์กับการผ่อนรถ และมีความสุขกับรถใหม่ของคุณ มาดูกันครับ …

Purchase-Car-In-Motor-Expo

1. หาข้อมูล ดูกำลังทรัพย์ และ วัตถุประสงค์ในการซื้อรถ

ก่อนจะไปงาน Motor Expo หรืองาน Motor Show ต้องใช้สื่อออนไลน์ให้คุ้ม ด้วยการค้นหาข้อมูลรถที่คุณสนใจ ดูรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือเปรียบเทียบออพชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปดูรถของจริง

ไม่ว่าจะเป็นงาน Motor Expo หรืองาน Motor Show ถือเป็นการนัดพบกันระหว่างผู้อยากซื้อรถ และผู้อยากขายรถ คือคุณสามารถเดินดูรถยนต์รุ่นที่คุณสนใจได้ภายในงาน และเลือกเปรียบเทียบถึงคุณสมบัติของรถรุ่นต่างๆ ได้จนกว่าคุณจะพอใจ หลายคนมักมีรถที่สนใจอยู่หลายรุ่น ถือเป็นโอกาสดีในการทดลองนั่ง ทดลองขับ จากของจริงๆ ที่มีโชว์ภายในงาน และได้เปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะความคุ้มค่าของออพชั่น ของรถยนต์แต่ละคัน กับเงินที่ต้องจ่ายไป

สิ่งสำคัญคือกำลังทรัพย์ของคุณ ต้องวางแผนทางการเงินก่อน ประเมินรายได้ดูว่ามีความสามารถในการผ่อนรถกี่ปี (ซึ่งเดี๋ยวนี้ มีให้ผ่อนได้สูงถึง 84 งวดเลย แต่ดอกเบี้ยก็ต้องจ่ายมากตามไปด้วย) วางดาวน์เท่าไหร่ (ยิ่งดาวน์มาก ก็จะยิ่งผ่อนน้อยลง และดอกเบี้ยไม่มี 0% ตลอดไป)

และวัตถุประสงค์ในการซื้อรถนั้น ซื้อไปเพื่ออะไร เช่น ซื้อไปอวดสาว ซื้อไปขับรถแค่คนเดียว หรือคนในบ้านใช้ขับกันด้วย มีรถไว้ใช้ทำงานหาเงิน ใช้ในกิจการบริษัท ใช้ในเมือง หรือใช้ในต่างจังหวัด หรือไว้ใช้แค่ขับไปซื้อของจ่ายตลาด รับส่งลูก เป็นต้น ก็จะช่วยให้การเลือกรถนั้น “เหมาะ” กับไลฟ์สไตล์และ “ความชอบ” ของคุณยิ่งขึ้น โดยรถที่คนไทยนิยมหลักๆ ก็จะเป็นประเภท รถกระบะ, รถ SUV, รถเก๋ง และรถ Eco-Car เป็นต้น

6 ข้อ เลือกรถให้คุ้มค่าเงินในงาน Motor Expo 2021

2. ดูราคา และ โปรโมชั่น

ในช่วงงาน Motor Expo หรือในงาน Motor Show ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากมีรถใหม่ เพราะหลายบริษัทเตรียมจัดของแถมอย่างมากมาย ถือเป็นโอกาสทองของผู้อยากซื้อรถ อาทิเช่น ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี หรือดอกเบี้ยผ่อนรถที่ถูกลง รวมทั้งของแต่งรถและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ในช่วงเวลาปกติ อาจจะมีให้แค่บางอย่าง และโปรโมชั่นของสถาบันการเงินต่างๆ ที่พร้อมให้บริการภายในงานด้วย

ถ้าหากคุณสนใจที่อยากจะซื้อรถใหม่ในเวลานี้ ผมแนะนำให้รีบศึกษาข้อมูล และ ดูโปรโมชั่นรถใหม่กันแต่เนินๆ (คลิก “ดูโปรโมชั่นรถใหม่ในงาน Motor Expo 2021“) ได้เลยครับ

Purchase-Car-In-Motor-Expo

3. ค่ายรถยอดนิยม

รู้หรือไม่ว่า … แบรนด์รถ และรุ่นรถ มีผลต่อการขายต่อ เมื่อคุณเบื่อรถคันเก่าแล้ว

ค่ายรถยอดนิยมในบ้านเรา คงหนีไม่พ้นรถจากค่ายญี่ปุ่น และค่ายยุโรป (จากเยอรมนี) เป็นส่วนใหญ่ ที่ถือเป็นรถยอดนิยมของคนไทย ในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคา ราคาขายต่อตกไม่มากนัก มีศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ถ้าฟากฝั่งรถญี่ปุ่นก็ยกให้ Toyota (โตโยต้า) ที่ออกอะไรมาก็ขายได้หมด ในส่วนของรถกระบะก็ต้องยกให้ Isuzu (อีซูซุ) ถ้าความโดดเด่นของรถเก๋งก็ต้องยกให้ Honda (ฮอนด้า) ในส่วนของ Mazda (มาสด้า), Nissan (นิสสัน), Mitsubishi (มิตซูบิชิ), Suzuki (ซูซูกิ) หรือ Subaru (ซูบารุ) ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป แต่ก็ถือได้ว่าทุกค่ายนั้นมีของดีเหมือนกันหมด

ส่วนฟากฝั่งรถยุโรป ในบ้านเราต้องให้ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) และ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้านการขายกันมานาน และเป็นที่นิยมมากๆ สำหรับคนชอบรถยุโรปในบ้านเรามานาน ขับแล้วดูดีมีระดับ

ส่วนรถยนต์แบรนด์เกาหลี แบรนด์อังกฤษ แบรนด์ฝรั่งเศส แบรนด์สวีเดน แบรนด์อเมริกัน แบรนด์มาเลเซีย หรือแบรนด์จีน ก็ได้รับความนิยมรองๆ ลงไป จากผู้ใช้รถ

Purchase-Car-In-Motor-Expo

4. เลือกเซลล์ขายรถ

คนที่ทำให้ฝันของคุณเป็นจริงและราบรื่นในการซื้อรถ นั่นก็คือ “เซลล์ขายรถ” อย่าดูกันแค่เพียงความสวยหล่อ แต่ขอให้ดูสิ่งที่เซลส์ขายรถ Offer ให้กับท่านด้วย …

คุยกับ “ที่ปรึกษาการขาย” (เรียกแบบหรูๆ หน่อย) ให้แน่ชัดถึงของแถมต่างๆ หรือส่วนลดต่างๆ ที่คุณควรจะได้เมื่อตัดสินใจจองรถไปแล้ว หากเป็นไปได้ ควรจะหาเซลล์ที่มาจากโชว์รูมที่ใกล้บ้านคุณมากที่สุด เพื่อสะดวกในการรับบริการหลังการขาย

Purchase-Car-In-Motor-Expo

5. ได้ทดลองขับ

การทดลองขับหรือ Test Drive ในงาน Motor Expo หรือในงาน Motor Show หลายคนอาจกังวลเพราะความไม่คุ้นเคยกับรถ อาจจะคิดว่าต้องขับรถออกไปวิ่งถนนด้านนอก บอกได้เลยว่า ไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีสนามทดสอบชั่วคราวอยู่บริเวณด้านหลัง Hall จัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี

พร้อมกับมีเซลล์ขายรถ และ Instructor ของทางบริษัทรถยนต์ คอยอธิบายและให้คำแนะนำเกี่ยวรถยนต์ ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถ หรือระบบความปลอดภัยต่างๆ กับคุณ ในระหว่างการทดลองขับด้วย ทำให้คุณตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น เกี่ยวกับรถคันที่คุณอยากซื้อ …

Purchase-Car-In-Motor-Expo

6. อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ

ถ้าคุณกำลังจะตัดสินใจซื้อรถใหม่จริงๆ ผมแนะนำว่า ให้ไปที่งานสักสองครั้งครับ อย่ารีบตัดสินใจภายในวันเดียว เพราะเซลล์ขายรถ (ทั้งหมดก็ว่าได้) มักจะพยายามปิดการขายให้เสร็จหลังจากที่นั่งโต๊ะคุยกัน เพื่อสร้างยอดจองยอดขาย

แต่เราก็สามารถนำข้อเสนอต่างๆ ที่เซลล์ขายรถ Offer ให้มานั้น กลับไปตัดสินใจดูก่อน แล้วค่อยมาที่งานใหม่ หรือติดต่อเซลล์ขายรถที่เราคุยด้วยในภายหลังก็ได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคุณ และรถที่คุณอยากได้ ก็ยังคงไม่หนีไปไหนด้วย …

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ถ้าทุกอย่างลงตัวและสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้ ก็ถือว่าดีครับ ได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายไป

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ถ้าใครสนใจอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ หรือจะรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถนำรถคันเดิมมาขายกับ CARRO ได้เลย เราพร้อมรับซื้อรถของคุณ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Fanpage CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

สำหรับใครที่อยากซื้อรถยนต์คันใหม่ แต่ถ้ามีงบไม่พอ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนาน 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณภาพจาก:

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

ใกล้ช่วงสิ้นเดือนทีไร เหล่ามนุษย์เงินเดือนก็เริ่มลืมตาอ้าปาก กับช่วงเวลาของความปลื้มปิติปราโมทย์ ที่กำลังมาถึง … หลายต่อหลายคน ได้เงินเดือนที่ได้มา ไปใช้จ่ายต่างๆ นาๆ หรือใช้จ่ายไปกับการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนสิ่งของต่างๆ เป็นต้น

ว่าพูดถึงการผ่อนรถ เชื่อได้เลยว่า บรรดามนุษย์เงินเดือนหลายคน ที่เพิ่งเป็นเด็กจบใหม่ (First Jobber) หรือจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม หลายคนอยากได้เงินเดือนสูง อยากทำงานในบริษัทดัง อยากได้สวัสดิการที่ดี หลายคนอาจจะได้อย่างที่ใจหวังแล้ว ส่วนมากก็อยากได้สิ่งที่เป็นหน้าตาของตัวเองตามมาอย่าง “รถยนต์” ด้วยเช่นกัน

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังว่า มนุษย์เงินเดือน ต้องมีเงินเดือนแค่ไหน? ถึงจะซื้อรถมาใช้ได้

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

แม้ว่ายุคนี้ จะออกรถกันง่ายเหลือเกิน ดาวน์ 0% ก็ออกรถมามได้แล้ว แต่สถาบันทางการเงินก็ต้องพิจารณาจากเงื่อนไขหลายๆ อย่าง กับผู้ที่มาขอสินเชื่อ ตั้งแต่สลิปเงินเดือน, ใบรับรองเงินเดือน รวมไปถึงประวัติค้างชำระหนี้ย้อนหลัง รวมไปถึงความสามารถในการชำระหนี้อีกด้วย เพราะบางทีคุณอาจจะมีเงินเดือนเท่าเพื่อนคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะออกรถรุ่นเดียวกับเพื่อนคุณได้

ในส่วนของรายรับอื่นๆ เช่น ค่าคอมมิชชั่น, เงินโบนัส ฯลฯ บริษัทไฟแนนซ์บางที่ อาจไม่นำมาพิจารณา และอายุงานก็จัดว่าสำคัญ ถ้ามีการเปลี่ยนงานบ่อยๆ ไฟแนนซ์บางที่ ก็อาจจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ก็เป็นได้

ตามปกติ ไฟแนนซ์มักพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า กรณีที่รายได้ของผู้กู้แต่ละเดือน สูงกว่าค่างวด 1-1.5 เท่า ซึ่งหมายถึง หากคุณมีเงินเดือนประมาณ 15,000 บาท คุณต้องมีความสามารถผ่อนรถเดือนละประมาณ 7,500 บาท ได้ (ซึ่งไฟแนนซ์แต่ละที่ อาจประเมินต่ำกว่านี้อีก)

Mazda2

ถ้าเงินเดือนคุณอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 บาท ก็อาจจะเลือกเล่นรถระดับประมาณ Eco-Car แต่หากมีเงินเดือน 20,000 – 30,000 บาท ก็ขยับมาเล่นรถในกลุ่มของ Sub-Compact Car ได้ เพราะต้องคิดเผื่อไว้ด้วยเสมอว่า เราไม่ได้ผ่อนรถอย่างเดียว ต้องมีกินใช้อย่างอื่นด้วย แต่ถ้าฐานเงินเดือนมากกว่านั้น ก็ค่อนข้างอิสระในการเลือกรถมากขึ้นไปด้วย

แต่ถ้าคุณยอมเก็บหอมรอมริบเงิน วางดาวน์รถให้เยอะหน่อย (เช่น เงินดาวน์ 25%) ก็จะช่วยให้อัตราการผ่อนชำระนั้นน้อยลงไปด้วย รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ย จำไว้เลยว่าถ้าผ่อนน้อยปีเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเท่านั้น ยิ่งผ่อนนาน (72 เดือน, 84 เดือน) จ่ายค่างวดต่อเดือนน้อยก็จริง แต่เขาก็คิดอัตราดอกเบี้ย ที่คุณจะต้องจ่ายมากขึ้นรวมไปแล้วด้วย!

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

สมมติว่า คุณตัดสินใจซื้อรถ Sub-Compact Car รุ่นหนึ่ง ราคา 620,000 บาท ถ้าคุณวางดาวน์ 25% คุณต้องจ่ายเงินดาวน์ 155,000 บาท นั่นหมายความว่ายอดจัดของคุณจะอยู่ที่ 465,000 บาท กรณีที่คุณมีเงินเดือนอยู่ประมาณ 15,000 บาท อาจจะต้องเลือกเงื่อนไขในการผ่อนรถที่นานถึง 84 เดือน (7 ปี) โดยต้องจ่ายค่างวดประมาณ 6,733 บาท/เดือน (ในอัตราดอกเบี้ย 3.09%) ซึ่งถือเป็นค่างวดที่ไฟแนนซ์สามารถพิจารณาอนุมัติให้คุณได้

ในส่วนของโปรโมชั่น ที่ลดแลกแจกแถม และดอกเบี้ยต่ำ ก็ถือว่าน่าสนใจ โดยเฉพาะรถที่มีอายุในตลาดนานแล้ว หรืออยู่ในฤดูที่ขายรถได้น้อย บรรดาค่ายรถ ก็จะจัดโปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งดอกเบี้ยต่ำ ก็จะช่วยให้ค่างวดรถคุณต่อเดือน ลดลงไปได้รับพันบาทเลยทีเดียว

How-Much-Should-You-Spend-On-A-Car

ภาพจาก Motor Expo

แต่ก็ต้องนึกอยู่อย่างหนึ่งว่า มีรถ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ลด” สมชื่อ เพราะนอกจากค่างวดแล้ว มีรายจ่ายอย่างอื่นตามมาแน่นอนตั้งแต่ ภาษีรถ, พรบ., ประกันภัย, ค่าบำรุงรักษารถตามระยะ, ค่าน้ำมัน, ค่าแก๊ส, ค่าซ่อม, ค่าอะไหล่ ฯลฯ

สำหรับมนุษย์เงินเดือนคนไหน ที่อยากจะตัดสินใจซื้อรถสักคันแล้ว ก็ลองคำนวณรายได้รายจ่ายของแต่ละเดือนดู ว่าเรามีความสามารถในการผ่อนหรือไม่ เพราะถ้าผ่อนส่งไม่ไหว รถก็อาจจะโดนยึด เป็นหนี้กับไฟแนนซ์ ได้หมายศาล แถมยังเสียประวัติในเครดิตบูโรอีก!

การซื้อรถมาใช้สักคัน ก็ลองดูฐานะทางการเงินด้วย เพราะแทนที่จะมีความสุข เดี๋ยวจะกลายมีความทุกข์ซะงั้น ยังไงก็ลองไปคิดดูกันก่อนนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อซื้อรถคันใหม่มาใช้เร็วๆ นี้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

10-Secondhand-Cars-For-Salary-15K

“รถยนต์” ปัจจุบันถือเป็นปัจจัยที่ 5 แล้ว ซึ่งถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ การไม่มีรถขับนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ลำบากนัก เพราะยังมีระบบขนส่งมวลชนรองรับอยู่ แต่ก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ ตามที่ทราบกันดี รวมไปถึงการเดินทางที่เสียเวลาหลายต่อ ต้องมารอรถเมล์ที่กะเวลาไม่ได้ บางทีจำเป็นต้องเข้าตรอกซอยไกลๆ จะพึ่งแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ตลอดไปนั้น คงเหนื่อยหน่อย …

ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานมาหลายปีแล้ว หรือจะเป็นเด็กจบใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน แน่นอนล่ะ เห็นรถที่ออกใหม่ สวยๆ ต่างก็อยากได้ทั้งนั้น ซึ่งรถยนต์หนึ่งคัน ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าทางด่วน ค่าพรบ.รถยนต์ ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

ฐานเงินเดือนที่เด็กจบใหม่ ส่วนใหญ่ก็อาจจะเริ่มต้นกันที่ 15,000 บาท หรือบางอาชีพที่ฐานเงินเดือนไม่สูงนัก ได้เงินเดือนประมาณนี้ก็มี ถ้าหากจะไปซื้อรถป้ายแดงเลย ก็ไหวอยู่ แต่ต้องคุมค่าใช้จ่ายดีๆ เลยล่ะ แต่ถ้าจะมองรถมือสอง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า และเหมาะสมกับสภาวะทางการเงินของคุณ ที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายไม่รัดตัวจนเกินไปนัก

เงินเดือน 15,000 บาท เป็นเจ้าของรถคันไหนได้บ้าง … ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่รถมือสอง อายุ 10-20 ปี ที่เป็นแบรนด์รถตลาด เพราะรุ่นไหนที่มีคนนิยมใช้มากๆ มันจะช่วยให้คุณไม่ลำบากเวลาต้องซ่อม หรือหาอะไหล่

Carro คัดเลือกรถมือสองยอดนิยม ในปีรถที่ไม่เก่ามากนัก มาให้พิจารณากันครับ.

1.Toyota Corolla (EE100/EE101/AE101) “สามห่วง” รุ่นปี 1992-1996

Toyota-Corolla-สามห่วง

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้ Logo “Toyota” โดย Toyota สามห่วง เปิดตัวในไทยเมื่อ 13 มีนาคม 2535 มีเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 2E (และ 4E-FE ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2537) และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ให้เลือก

เป็นรถที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน 15,000 บาท มาก (หรือคนเงินเดือนมากกว่าจะซื้อใช้ก็ได้เช่นกัน!) เพราะอะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ติดแก๊ส LPG ก็ทน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด นี่คือข้อดีของรุ่นนี้

2.Toyota Corolla (AE110/AE111/AE112) “ตองหนึ่ง”, “ตูดเป็ด” และ “HI-TORQ”

Toyota-Corolla-AE111

Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรลล่า) โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2539 โดย Toyota ตองหนึ่ง ยกเลิกเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร แล้วหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE และเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A-FE ยอดฮิตเหมือนเดิม ต่อมาในช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2541 จึงเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร พร้อมคำต่อท้ายว่า “Altis” (อัลติส) และชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ “Hi-Torq” (ไฮทอร์ค) ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 7A-FE

เป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงมากในขณะนั้น ซึ่งการที่รถรุ่นนี้เคยถูกนำไปเป็นแท็กซี่ อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วิ่งได้นับล้านกิโลเมตร ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด อาจจะเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.6 GXi, 1.6 SE.G หรือ 1.8 SE.G เป็นต้น เพราะจะได้ออพชั่นมากกว่า

3.Toyota Corolla Altis (ZZE121/ZZE122) “หน้าหมู”

Toyota-Corolla-Altis

Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) โฉม “Altis หน้าหมู” นี้ เป็นรถที่ได้รับความนิยมมากมายจากแท็กซี่ หรือมวลชน เพราะขึ้นชื่อถึงเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้

เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2544 ภายใต้แนวคิด “Break Into Style” ที่พัฒนาใหม่หมดทั้งแนวคิด การออกแบบ และเทคโนโลยี พร้อมใช้พรีเซนเตอร์คนดังอย่าง “แบรด์ พิตต์” มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 3ZZ-FE 110 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 1ZZ-FE 136 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาสร้างสีสันในตลาดตามมาตลอดของอายุรถรุ่นนี้ ที่ขายมาจนถึงต้นปี 2551 สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 143,301 คัน ขอแนะนำสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บไว้อยู่มากหน่อย เนื่องจากราคาตัวรถมือสอง อยู่ที่ตั้งแต่ไม่กี่หมื่นบาท (กรณีเป็นรถแท็กซี่เก่า) ไปจนถึงหนึ่งแสนปลายๆ ถึงเกือบๆ สองแสนบาท (สำหรับรถบ้าน) แต่แลกกับตัวรถที่สดกว่า ปีใหม่กว่า

4.Toyota Soluna (AL50)

Toyota-Soluna-AL50

Toyota Soluna (โตโยต้า โซลูน่า) เป็นรถยนต์รุ่นเล็กสุดของค่ายโตโยต้าในสมัยนั้น ที่ก็ยังถือว่า เปิดตัวในเดือนมกราคม 2540 และสร้างยอดขายที่ถล่มทลายได้ในเพียงเวลาสั้นๆ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 5A-FE ที่ยกมาจากใน Corolla

ในเดือนพฤษภาคม 2541 Soluna ออกรุ่นพิเศษ “Soluna Special Version” (โซลูน่า สเปเชี่ยล เวอร์ชั่น) มีชื่อเป็นภาษาไทยและเลขไทย ติดที่ฝากระโปรงหลัง เป็นรุ่นแรกในโลกของรถโตโยต้า ที่ติดชื่อรุ่นรถและตัวเลขเครื่องยนต์เป็นภาษาท้องถิ่น หลายคนน่าจะยังจำกันได้

หลังจากปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2542 ปรับหน้าตาใหม่ กันชนใหม่ ไฟท้ายใหม่ หรือที่บรรดาเต็นท์รถมือสองเรียกกันว่า “ไฟท้ายหยดน้ำ” เป็นรถที่ได้เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือน ด้วยราคามือสองเริ่มต้นที่ไม่กี่หมื่นบาทก็ซื้อได้แล้ว อะไหล่หาง่าย ของแท้ ของเทียบ ของมือสอง มีให้เลือกเพียบ เครื่องยนต์ทนทาน ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน ช่างที่ไหนก็ซ่อมได้หมด แต่ควรเลือกรุ่นที่เกรดสูงหน่อย เช่น 1.5 GLi หรือ 1.5E และ 1,5G ในโฉมไฟท้ายหยดน้ำ เพราะจะได้ออพชั่นเยอะกว่ารุ่นล่างๆ

5.Toyota Soluna Vios (NCP42)

Toyota-Soluna-Vios

“Toyota Soluna Vios” (โตโยต้า โซลูน่า วีออส) รถรุ่นยอดนิยมที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโตโยต้า ถ้าเป็นรถในขนาด Sub-Compact โดยชื่อรุ่น “VIOS” (วีออส) มาจากภาษาลาติน “VIO” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Moving Forward” หรือ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ในภาษาไทย

เปิดตัวครั้งแรกในไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2545 ใช้ขุมพลังใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. (142 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,200 รอบ/นาที

อีกทั้งยังมีรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Turbo 143 แรงม้า ให้เลือกอีกด้วย … เป็นรถมือสองอีกหนึ่งตัวเลือก ของคนเงินเดือนน้อย ไม่ควรพลาด! เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่แรงอย่างทันใจ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม อะไหล่มือหนึ่งมือสอง ของแท้ของเทียม หาง่าย ตามสไตล์ Toyota

6.Toyota Avanza (F600)

Toyota-Avanza

 

Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง นั่งได้ 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน ค่าดูแลรักษาต่ำ

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F600) ถือเป็นรถมือสองที่คนมีฐานเงินเดือนไม่สูงนัก หรือทำงานอาชีพอิสระ แต่มีครอบครัวแล้ว ไว้ใช้ขนของในวันทำงาน หรือใช้เป็นรถพาลูกๆ ไปเที่ยวในวันหยุด ก็ลงตัวครับ …

7.Nissan Sunny NEO (N16)

Nissan-Sunny-NEO

Nissan Sunny NEO (นิสสัน ซันนี่ นีโอ) จัดว่าเป็นรถยอดนิยมจากค่ายนิสสันอีกหนึ่งรุ่น ในประเภทรถ Compact ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2543 และขายกันต่อเนื่อยาวนานหลายปี มีอยู่ 3 โฉมหลักๆ ให้เลือกในบ้านเรา (โดยปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้าย ในเดือนมีนาคม 2548) เป็นรถที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร อะไหล่หาง่าย ช่างทั่วไปซ่อมได้ ถือเป็นรถที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน 15K อีกหนึ่งรุ่น เพราะถ้าคุณมีเงินเก็บแค่ 7 หมื่นบาท ก็พอหารุ่นนี้ได้แล้ว (แต่สภาพของตัวรถ ก็อีกเรื่องนึง) …

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส QG16DE ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (ที่เริ่มแรกใช้ในชื่อ Sunny Almera – ซันนี่ อัลเมร่า) รหัส QG18DE ให้แรงม้าสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

8.Honda Civic (EK)

Honda-Civic-EK

อันนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบแต่งรถหน่อย สำหรับ Honda Civic (EK) (ฮอนด้า ซีวิค) ที่เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนตุลาคม 2538 ตามมาติดด้วยรุ่น 1.8 Si อีกทั้งยังมีรุ่น 2 ประตู คูเป้ ให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าถูกใจวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานสุดๆ แต่งบประมาณก็อาจจะต้องมีมากหน่อย (ส่วนรุ่น 4 ประตู มีเงินเก็บเพียง 5 หมื่นบาท ก็หาซื้อได้แล้ว) และในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ยังมีเพิ่มเทคโนโลยีลดมลพิษอย่าง “LEV” อีกด้วยครับ

มีเครื่องยนต์ให้เลือกกันถึง 3 แบบ … เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ถ้าอยากได้แบบแรงสั่งได้ และออพชั่นที่มากกว่า ต้องเลือกเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 127 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส B18B แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.7 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ข้างในเป็นเบาะหนังแท้โทนสีเทาดำ รุ่นนี้จะหายากหน่อยครับ

9.Honda Civic (ES)

Honda-Civic-ES

ส่วนอันนี้ เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนชอบรถเรียบๆ สไตล์คนมีครอบครัวแล้ว หรือจะแต่งซิ่งก็ได้เช่นกัน กับ Honda Civic (ES) (ฮอนด้า ซีวิค) โฉม “Dimension” ชูจุดเด่นด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร เป็นรถที่ดูดี สวยหรู อะไหล่หาได้ง่าย ทนทาน และ Civic โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำรุ่น Hybrid นำเข้ามาขายในไทยด้วย เปิดตัวในไทยเมื่อ 27 ตุลาคม 2543 ซึ่งตามหลังประเทศญี่ปุ่นเพียง 7 สัปดาห์เท่านั้น

มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ 1.7 ลิตร ที่ให้พลังแรงเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเหมือนกับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร โดยเครื่องยนต์ขนาด 1.7 ลิตร ยังแบ่งได้อีก 2 แบบ นั่นคือแบบ SOHC 120 แรงม้า และแบบ VTEC 130 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

และในเดือนมกราคม 2547 ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ เพิ่มเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร i-VTEC รหัส K20A 155 แรงม้า มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ซึ่งในโฉมไมเนอร์เชนจ์นี้จะแต่งสวยหน่อย

10.Mitsubishi Lancer Cedia

Mitsubishi-Lancer-Cedia

Mitsubishi Lancer Cedia (มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ซีเดีย) เปิดตัวในบ้านเราเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2544 พร้อมชื่อต่อท้ายคำว่า “Cedia” ที่เป็นการนำคำว่า Century + Diamond มารวมกัน นับเป็น Lancer อีกหนึ่งรุ่น ที่ขายยาวนานในตลาดบ้านเรา และมีชุดแต่งให้เล่นเยอะ (เพราะเหมือน Lancer Evolution)

มาพร้อมเครื่องยนต์รหัส 4G18 ขนาด 1.6 ลิตร 108 แรงม้า และรหัส 4G93 ขนาด 1.8 ลิตร 124 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 6 สปีด Invecs III

หลังจากนั้นในต้นปี 2547 Mitsubishi ทำการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ด้วยกระจังหน้าทรงปิระมิด พร้อมยกเลิกเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และนำเครื่องยนต์รหัส 4G63 ขนาด 2.0 ลิตร 135 แรงม้า มาแทน …

และในเดือนมีนาคม 2551 เพิ่มอีกทางเลือกคือ New Lancer E20 รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 และ Lancer CNG ติดตั้งระบบจ่ายเชื้อเพลิงสำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติอัด CNG (Compressed Natural Gas) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งที่คุ้มค่าคุ้มราคาและประหยัดรายจ่ายค่าเชื้อเพลิง ก่อนจะขายไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมี Lancer EX ออกมาจำหน่ายแล้วก็ตาม รถรุ่นนี้ ถือว่ายังเหมาะสมกับมนุษย์เงินเดือน ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานครับ

Mr.Carro หวังว่า 10 รถมือสอง ที่คนเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท น่าซื้อ! ที่นำมาเสนอนั้น หากใครสนใจ ก็ลอง Inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Carro Thailand ได้นะครับ

ถ้าคุณอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่ากับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

รถมือสอง

จะซื้อรถมือสองสักคันดีไหม ? คำถามนี้ต้องอยู่ในใจมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ

อย่างที่หลายคนรู้กันว่าระบบขนส่งสาธารณะของบ้านเรายังไม่ครอบคลุมมากนัก แถมเรื่องความสะดวกสบายนั้นไม่ต้องพูดถึง เผลอๆ การเดินทางไป – กลับจากที่ทำงานยังเหนื่อยกว่าการนั่งทำงานทั้งวันเสียอีก ! 

การมีรถเป็นของตัวเองสักคันน่าจะช่วยให้ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนชาวกรุงฯ สบายขึ้นมากทีเดียว แต่การซื้อรถมือหนึ่งอาจจะเป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไปสำหรับพนักงานเบี้ยน้อยหอยน้อย ฉะนั้นซื้อรถมือสองดีกว่า ประหยัดกว่ากันเยอะ

ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อรถรุ่นไหนดีที่เหมาะกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน CARRO ได้รวบรวมรถมือสอง 5 รุ่นขวัญใจมนุษย์เงินเดือนมาให้ชมกันแล้ว! รับรองว่าราคาไม่พาช้ำใจ ประหยัดน้ำมัน และเหมาะกับชีวิตในเมืองอย่างแน่นอน

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 5 : Mazda 2

ถือเป็นรถที่ถูกถามถึงอย่างมากมายจากคนใช้รถมือสอง เพราะเป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ดีไซน์ที่ให้ความปลอดโปร่งภายในห้องโดยสารทำให้ไม่รู้สึกไม่อึดอัด Mazda 2 เป็นรถที่ขึ้นชื่อในเรื่องช่วงล่างดี เกาะถนนแน่น ตีวงเลี้ยวได้แคบ และไม่มีหลุด อีกทั้งยังเป็นรถที่ไม่ซดน้ำมันอีกด้วย ! แต่หากต้องการรถ Mazda 2 รุ่นที่ประหยัดน้ำมันมากกว่าก็เลือกรุ่นที่เป็น Eco Car ได้เลย 

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 4 : Toyota Corolla Altis

อันดับต่อมา มาพร้อมกับราคาที่ขยับขึ้นมาอีกเล็กน้อย Altis ถือเป็นรถยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปทั้งจากมนุษย์เงินเดือนและจาก Taxi (ของเค้าดีจริง!) ข้อดีของอัลติสที่หลายคนประทับใจคือ เครื่องยนต์เล็กแต่ขับสนุก เสียงเครื่องยนต์ไม่ดังหนวกหู ภายในรถโล่งโปร่ง เบาะนั่งสบาย สาดโค้งได้ดีพอใช้ และไฟท้ายสวยโดดเด่น ที่สำคัญคือพะยี่ห้อ Toyota มาแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องศูนย์บริการและอะไหล่แน่นอน

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 3 : Nissan March

ใครชอบรถที่ดูน่ารักต้องไม่พลาด Nissan March แน่นอน! จัดว่าเป็นรถที่ได้ใจสาวๆ และหนุ่มๆ จำนวนมากทีเดียวด้วยดีไซน์ตัวถังที่กลมมนน่ารัก (แต่ March รุ่นใหม่ล่าสุดมีการเปลี่ยนดีไซน์ให้ดุขึ้นแล้ว) ห้องโดยสารกว้างโล่ง รวมถึงขนาดตัวถังที่กะทัดรัดปราดเปรียว สามารถจอดตามซอกตามหลืบได้ง่าย อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันมากอีกด้วยเพราะเป็น Eco Car แต่! ในทุกข้อดีย่อมมีข้อเสีย ข้อเสียของ March ก็คือ เป็นรถน้ำหนักเบา ไม่เหมาะแก่การสาดโค้งหรือเร่งเครื่องแรงๆ ไม่เหมาะแก่การขับแบบฮาร์ดคอร์ ขับทางไกล หรือขับขึ้นดอย และเป็นรถที่ไม่ค่อยจะเก็บเสียงอีกด้วย แต่ถ้าคุณกำลังมองหารถราคาไม่แพงไว้ขับชิลๆ ไปทำงาน มาร์ชนี่แหละใช่เลย!

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 2 : Suzuki Swift

ถ้า Nissan March ครองตำแหน่งรถน่ารัก Suzuki Swift ก็ต้องครองตำแหน่งรถสวย! Swift นั้นขึ้นชื่อมากในเรื่องของดีไซน์ ทั้งดีไซน์ตัวถัง และดีไซน์ภายในห้องโดยสาร เป็นรถที่ดูสวยแบบคลาสสิก แถมยังแต่งขึ้นด้วย! เหมาะกับคนที่มองหารถสำหรับใช้ไปยาวๆ จุดเด่นอื่นๆ ของสวิฟต์ก็คือช่วงล่างดี เข้าโค้งง่าย ไม่มีเป๋ เบาะสวยและนั่งสบาย อีกทั้งออพชั่นภายในก็จัดมาเต็มด้วย เช่น ปุ่ม Start Engine กระจกมองข้างพับไฟฟ้า ฯลฯ ถือว่าเกินคาดหมายในหลายด้านสำหรับรถ Segment นี้

รถมือสอง ยอดนิยม

อันดับ 1 : Toyota Vios

ตำแหน่งอันดับ 1 ตกเป็นของ Toyota Vios อย่างไม่มีการพลิกโผ! ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ขึ้นชื่อ ดีไซน์ตัวถังที่เรียบแต่หรู เครื่องยนต์แรง และทนทานสมชื่อโตโยต้า ศูนย์บริการและอะไหล่หาง่าย อายุการใช้งานยืนยาว อีกทั้งเป็นรถที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการรถสำหรับใช้งานนานๆ ขับขี่ประจำวันที่ไม่สมบุกสมบันมาก รวมถึงคนที่ต้องการติดแก๊สเพื่อเพิ่มความคุ้มค่า หากมองด้านความคุ้ม ความประหยัด ความทนทาน Vios คือคำตอบแน่นอน

Sale-Isuzu-D-Max-With-Carro-Express

รถมือสองทั้งหมดนี้ บอกเลยว่า เหมาะกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน! หากคุณต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพ ทาง CARRO เราก็มีรถมือสองให้เลือกหลากหลาย สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod ถ้าสนใจที่จะขายรถของคุณแบบด่วนๆ เชิญที่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือ Inbox สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage CARRO Thailand ครับ


ซื้อรถมือสองเถอะ แล้วชีวิตคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ !