5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

เทศกาลของการท่องเที่ยว ก็กลับมาพร้อมกับอากาศหนาวๆ กันอีกแล้วนะครับ สำหรับใครที่คิดจะเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ 2563 นี้ นอกจากสุขภาพร่างกายต้องพร้อมแล้ว สุขภาพรถ ก็ต้องพร้อมเช่นกันนะครับ หากท่านใดยังไม่ได้ไปตรวจสภาพรถฟรี ก็รีบนำรถไปตรวจสภาพกันได้เลย

ส่วนถ้าใครอยากจะขายรถด่วนๆ ในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อนำเงินไปดาวน์รถคันใหม่ ผ่อนรถใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ ก็นำรถมาขาย หรือตีราคารถ ที่ Carro สิ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express คลิกที่นี่เลย https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

พอได้รถมาขับกันแล้ว การขับรถยนต์นั้นต้องใช้สมาธิพอสมควร ไม่วอกแวก หรือทำนู่นทำนี่ตอนนั่งหลังพวงมาลัยไปด้วย … 5 สิ่งที่ห้ามทำ เมื่อกำลังขับรถอยู่นั้น มีอะไรบ้าง Mr.Carro จะมาเล่าทั้งหมดให้ฟัง

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

1. โทรศัพท์มือถือ อย่าเล่น!

ในโลกยุคปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าแทบทุกคนติดโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้น แต่เวลาขับรถ สมาธิหลักควรจะอยู่ที่ถนนหนทางข้างหน้ามากกว่า การเล่น Facebook หรือการแชทไลน์ ในขณะขับรถ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

ดังนั้น การขับรถทางไกล หากจำเป็นต้องคุยโทรศัพท์ ควรใช้ระบบ Bluetooth และถ้าหากต้องการดูเส้นทางจาก GPS ในมือถือ ก็ตั้งค่าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ควรหาจุดที่ติดโทรศัพท์ไว้บริเวณกระจกบานหน้ารถ ในมุมที่ง่ายต่อการดูครับ

2. ของหล่น อย่าเก็บ!

บางคนชอบเก็บของเอาไว้ในรถหลายอย่าง บางทีพอจะหยิบมาใช้ แล้วก็อาจจะวางในพื้นที่เรียบหรือลื่น เมื่อเวลารถออกตัวหรือเลี้ยว แรงเหวี่ยงของรถ อาจจะทำของกลิ้งหล่นไปที่พื้นได้ กรณีนี้ห้ามก้มลงไปเก็บของเด็ดขาดตอนกำลังขับรถอยู่ เพราะถ้าเงยหน้าขึ้นมาอีกที รถอาจเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

และการเอื้อมตัวไปเก็บของขณะขับรถ อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังบาดเจ็บได้ ทางที่ดี ควรจัดวางสิ่งของให้เรียบร้อย ก่อนนำรถออกเดินทาง และไม่วางสิ่งของไว้ในจุดที่หล่นง่าย หรือกลิ้งไปมาได้ เช่น บนแผงคอนโซลที่พื้นเรียบ ไม่มีช่องเว้าสำหรับให้วางของ เป็นต้น

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

3. รองเท้า อย่าถอด!

เป็นปัญหาที่มีมานาน ของเรื่องรองเท้าไปขัดอยู่ในแป้นเบรก หรือคันเร่ง เพราะหลายคนเวลาขับรถ ชอบถอดรองเท้าขับรถ แต่การวางรองเท้าเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เพราะรองเท้าอาจเลื่อนไหล ทำให้เบรกได้ไม่เต็มที่ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

ทางที่ดี ถอดรองเท้าแล้ว ยกไปวางไว้บริเวณที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัย

4. รองเท้าส้นสูง อย่าใส่!

การใส่รองเท้าส้นสูงขับรถนั้น ทำให้เหยียบแป้นเบรกหรือแป้นคันเร่งไม่ได้เต็มฝ่าเท้า อาจทำให้เบรกได้ไม่สนิท หรือรถไหลไปชนคันหน้าได้

ทางที่ดี ควรเปลี่ยนรองเท้าก่อนขับรถ จะช่วยให้เหยียบเบรกและคันเร่งได้มั่นใจมากขึ้นครับ

5-Things-You-Should-Never-Do-While-Driving

5. สุรายาเมา ห้ามดื่ม!

การดื่มเหล้านี่เป็นเรื่องที่แยกไม่ออกกับทุกเทศกาลเลยจริงๆ จะเทศกาลไหนพี่ไทยก็เมา แต่เมาอย่างเดียวไม่พอ ดันออกมาขับรถซะด้วยสิ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมานับไม่ถ้วน

ถ้าหากรู้ตัวว่าเมาแล้ว ห้ามขับรถเด็ดขาด! ทางที่ดี ควรให้คนที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ขับรถให้แทน หรือจอดรถทิ้งไว้ก่อน ถ้ามาคนเดียวก็ขึ้นแท็กซี่ หรือใช้ Application ที่มีบริการคนขับรถให้มาขับให้

เอาละครับ เมื่อรู้ถึงข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติกันด้วยล่ะครับ

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

นี่ก็นับเป็นปัญหาโลกแตก ของคนขับรถอีกละครับ สำหรับเรื่อง “รองเท้า”

บางคนบอก ใส่รองเท้าขับรถดีกว่า เพราะอย่างน้อย มันก็ปลอดภัยเวลาขับรถ ที่รองเท้าอาจจะไหลลื่น ไปขัดกับคลัทช์, เบรก หรือ คันเร่ง จนไม่สามารถเหยียบได้ เกิดอุบัติเหตุเมหือนที่เป็นข่าวอยู่หลายครั้ง … แต่ฝ่ายที่บอกว่า ไม่ใส่รองเท้าขับรถ เพราะว่าเวลาเหยียบคลัทช์, เบรก และคันเร่ง มันกะน้ำหนักได้มากกว่าใส่รองเท้า

ลองมาดูกันว่า เวลาขับรถ ใส่รองเท้า หรือไม่ใส่รองเท้า อันไหนดีกว่ากัน เหมาะกว่ากัน?

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยปกติแล้ว แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ออกแบบมาสำหรับให้รองรับกับรองเท้า ซึ่งการขับขี่รถยนต์โดยใส่รองเท้า นับว่าถูกต้อง แต่การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม ใส่แล้วกระชับ ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป ก็จะช่วยให้ขับรถได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้ยังมีการผลิตรองเท้าสำหรับใส่ขับรถ ออกมาขายอีกด้วยนะครับ

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

โดยรองเท้าอะไรบ้าง ที่ไม่เหมาะสมเวลาใส่ขับรถ Mr.Carro ขออธิบายดังนี้

– รองเท้าส้นสูง เพราะ ส้นของรองเท้า อาจไปติดกับเบรกหรือคันเร่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
– รองเท้าแตะ เพราะ รองเท้าแตะบางคู่ พื้นเรียบจนลื่นแล้ว อาจทำให้เหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง พลาดได้ กรณีที่เข้ามานั่งขับรถช่วงฝนตก
– รองเท้าหลวม เพราะ เท้าที่เล็กกว่ารองเท้า ทำให้การเหยียบแป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้ลำบากมากขึ้น

Drive-Wear-Shoes-Or-Without-Shoes

การขับรถโดยถอดรองเท้า ตามจริงแล้วก็ไม่ผิดนะครับ (ยกเว้นผู้ที่เป็นคนขับรถสาธารณะ ไม่สามารถถอดรองเท้าขับรถได้ เพราะผิดกฎหมาย) เพียงแต่ไม่ปลอดภัย และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ กรณีที่มีรองเท้า ไหลเข้าไปขัดอยู่ที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง

อีกทั้งการวางสิ่งของต่างๆ เช่น ขวดน้ำ กระบอกน้ำ กล่องแว่นตา กระเป๋า ไว้บริเวณที่พักเท้าด้านคนขับ ก็ยังจัดว่าอัตรายอีกด้วย! เพราะสิ่งของอาจะเลื่อนไหลไปขัดที่แป้นคลัทช์, เบรก และคันเร่ง ได้!

ถ้าคุณเกิดอยากตัดสินใจขายรถด่วนๆ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ที่ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือขับเคลื่อนธุรกิจคุณ สามารถขายรถคันเดิมกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

5-Trick-To-Manage-Luggage

ไม่ว่าเวลาไหน ก็จะต้องมีคนเดินทางไปไหนมาไหนเสมอๆ ทั้งไปเที่ยว ไปทำงาน ไปส่งสินค้า ฯลฯ ตามเหตุผลของแต่ละคน ที่ไม่จำกัดว่าจะต้องไปในฤดูกาลไหน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือ “กระเป๋าเดินทาง” นั่นเอง หลายคนมักประสบปัญหาในการจัดกระเป๋าเดินทางอยู่เสมอๆ เพราะบางทีก็ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเอาอะไรไปบ้างดี? หรือของบางอย่าง ยัดลงไปแล้วก็กินที่อีก …

Mr.Carro จะมาแนะนำ 5 วิธี ในการจัดกระเป๋าเดินทาง ให้พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ครับ

Zip-Lock

1. ถุงพลาสติก

ถุงพลาสติก หรือ “ถุงก๊อบแก๊บ” ที่เรียกกันติดปากนั้น ไว้ใช้ประโยชน์ตอนเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว หรือผ้าขนหนู เพราะป้องกันการเปียกและกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่งั้นคงเก็บกลิ่นเหม็นไปทั้งกระเป๋าเลยทีเดียว หรือจะใช้ถุงแบบ Zip-Lock (ถุงสุญญากาศ) ก็ได้เช่นกัน

2. รองเท้า

ถ้าคุณคิดจะเอารองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าหนังไปด้วย คุณควรจะยัด “ถุงเท้า” เข้าไปในรองเท้าด้วยเลยเพียงแค่ม้วนๆ เข้าไป เสร็จแล้วก็เอาถุงผ้า หรือถึงพลาสติกใส่รองเท้าเอาไว้อีกที เพื่อป้องกันไปเปื้อนสิ่งของอื่นๆ

Manage-Luggage

3. ของใหญ่ไว้ล่าง ของเล็กไว้บน

ใช้หลักการเดียวกับ “ปิรามิด” นั่นล่ะครับ ของหนักๆ เอาไว้ด้านล่างสุด ส่วนชั้นกลางๆ ก็จัดวางเป็นเสื้อยืด ใช้ม้วนๆ เอา เพื่อกันกระแทกไปด้วย แต่ในกรณีของกางเกงขายาว อันนี้เราแนะนำให้วางตามแนวยาวของกระเป๋าเลย หรือจะวางเสื้อผ้าที่ม้วนแล้วไว้ในช่องตรงกลาง จากนั้นค่อยพับขากางเกงมาไว้ตรงกลาง ก็ได้เช่นกัน

ส่วนของเบาๆ หรือของที่จำเป็นต้องหยิบออกมาใช้บ่อยๆ เช่น ยารักษาโรค ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เครื่องสำอาง หรือสบู่ เป็นต้น ก็ไว้ด้านบนๆ จะได้ง่ายต่อการหา ซึ่งก็พกติดตัวแค่เพียงพอต่อการใช้การใช้งานก็พอแล้ว ไม่ต้องแบกไปมากๆ

4. เอาเสื้อกันฝน ไปแทนร่ม

หลายคนอาจจะเอาร่มพับได้ติดกระเป๋าเดินทางไปด้วยในหน้าฝน แต่ผมคิดว่า พกเสื้อกันฝนไปดีกว่า เพราะจะช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าได้

Luggage-Tag

5. ล็อคกระเป๋า ติด Tag ป้ายชื่อ

กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ก่อนที่คุณจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง ต้องล็อคกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเก็บกุญแจไว้ที่ตัว ส่วนกระเป๋าเดินทางควรหา Tag ติดป้ายแสดง ชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ Line และจุดหมายปลายทาง เผื่อกระเป๋าเกิดไปตกหล่นระหว้างทาง จะได้สามารถตามคืนได้ภายหลัง

หรือหาสติ๊กเกอร์ เศษผ้า มาแปะ มาผูก ทำไว้เป็นสัญลักษณ์ที่กระเป๋าด้วยก็ดี เพราะถ้าหากดันมีใครทะลึ่งใช้กระเป๋าเดินทางแบบเดียวกับคุณ มีหวังหยิบผิดไปแน่นอน!

Luggage

สำหรับเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน บัตรประจำตัวต่างๆ บัตรเครดิต หรือพาสปอร์ต อันนี้ไม่ควรเก็บรวมในกระเป๋าเดินทาง เพราะการนำออกมาใช้ทีวุ่นวายยุ่งยาก ต้องเสียเวลารื้อค้น และยังต้องระวังกับโจรในเครื่องแบบ ที่คอยแอบกรีดหรืองัดกระเป๋าเดินทาง ขณะลำเลียง หรือขนส่งอีก

หากเป็นไปได้ ควรหากระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ไว้เก็บของใช้ที่สามารถหยิบได้ง่าย และเผื่อต้องใช้ในการเดินทาง อาทิ สมุดโน๊ต ปากกา เงิน บัตรเครดิต ยารักษาโรค กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ หรือ Power Bank ฯลฯ แต่ก็ควรจะมีสำรองเงินเอาไว้บ้างที่กระเป๋าเดินทาง เผื่ออาจจำเป็นต้องใช้ หากต้องไปในประเทศที่มีคนคอยกรีดกระเป๋าเยอะๆ (เช่น ในประเทศแถบยุโรปในขณะนี้ ที่แก๊งกรีดกระเป๋าอาละวาดหนักมาก)

อีกสิ่งที่สำคัญ คือ อย่าปล่อยให้กระเป๋าเดินทางมีพื้นที่ว่าง เพราะจะทำให้ของในกระเป๋าเดินทางกระจัดกระจายได้ง่ายๆ วิธีง่ายๆ คือขยำกระดาษ แล้วยัดไว้ในกระเป๋าเยอะๆ ก็ได้ หรือจะช็อปปิ้งใส่กระเป๋าเดินทางตอนขากลับก็ได้เช่นกัน