โอนรถอย่างไร ที่ผู้ซื้อ-ขาย และเต็นท์รถ ไม่โดนหลอก!

การซื้อขายรถแบบโอนลอย เรียกได้ว่ามีการใช้วิธีนี้มานานแล้ว เนื่องจากความสะดวกของผู้ขายรถ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ที่สำนักงานขนส่งฯ ด้วยตนเองพร้อมกับเจ้าของรถคนใหม่ หรือขายรถให้กับเต็นท์รถ ตัวเจ้าของรถก็มอบชุดโอน ให้เต็นท์รถไปจัดการเอาเอง

แต่รู้หรือไม่ว่า โอนลอย อาจสร้างปัญหาให้คุณมากกว่าที่คิดได้ ถึงขั้นติดคุกติดตะราง จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อเลยทีเดียว!

บทความนี้ CARRO จะมาเปิดเผยเคล็ดลับ สำหรับผู้ซื้อ ผู้ขาย และเต็นท์รถมือสอง ที่จะช่วยให้ทุกฝ่าย ซื้อ-ขายรถไปแล้วไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง ไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนหลอก หรือถูกนำเอาเอกสารไปใช้ในทางมิชอบอีกต่อไป

เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ ดังนั้นถ้าหากคุณได้นำหลัก 5 ข้อนี้ไปใช้ ก็รับรองได้เลยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ ที่เป็นขั้นตอนสำคัญของการซื้อ-ขาย รถมือสองของคุณ จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

Carro-คนขายรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ขาย

  • เซ็นเอกสารต้องบอกจุดประสงค์
    ในการเซ็นเอกสารทุกอย่างสำหรับผู้ขาย หรือแม้แต่หนังสือมอบอำนาจที่ผู้ขายจะต้องเซ็นในช่องผู้รับโอน ทุกครั้งที่มีการลงลายเซ็นเกิดขึ้น รวมถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง แนะนำให้เขียนบอกจุดประสงค์ลงไปข้างๆ ด้วย อาทิ “การใช้เอกสารเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน … เท่านั้น” หรือ “หนังสือมอบอำนาจสำหรับการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เท่านั้น” เป็นต้น หรือจะลงวันที่กำกับไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่า คนซื้อจะไปโอนรถภายใน 15 วันหลังจากที่คุณขายรถแล้ว หากเลยวันกำหนด คนไปโอนรถโดนปรับอีก)
  • สัญญาซื้อ-ขาย ต้องห้ามหาย
    เอกสารที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ “สัญญาซื้อ-ขายรถ” เพราะถือว่าเป็นหลักฐานการซื้อขายเพียงอย่างเดียวตามกฎหมาย ห้ามหาย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ซื้อรถคุณไป จะเอารถไปทำเรื่องผิดกฎหมายแบบที่เห็นเป็นข่าวหรือเปล่า เช่น ไปขนยาเสพติด ไปขนไม้เถื่อน หรือไม่ยอมโอนรถ จนใบสั่งส่งมาให้ที่บ้านเพียบ หรือมีรถฝาแฝด รถหลุดจำนำ หรือซากรถ ถูกสวมทะเบียนมาการเก็บสัญญาซื้อ-ขาย ไว้ เป็นหลักฐานสำหรับไว้ให้ตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบได้ กรณีรถของคุณขายไปแล้ว ถูกนำไปใช้ในทางมิชอบทางกฎหมายส่วนเอกสารพวกสำเนาบัตรประชาชน หนังสือมอบอำนาจ หรือทะเบียนบ้าน นั้นถือเป็นแค่เอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น ( สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ >> th.carro.co/download )

Carro-คนซื้อรถ

เคล็ดลับสำหรับผู้ซื้อ

  • วันหมดอายุของสำเนาบัตรประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ
    ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขาย เวลาที่เตรียมสำเนาบัตรประชาชน อย่าลืมดูวันหมดอายุของบัตรประชาชนให้ดี เพราะถ้าหากวันที่คุณไปดำเนินการโอนรถ เอกสารสำเนาบัตรประชาชนได้หมดอายุไปแล้ว ก็จะไม่สามารถดำเนินการโอนรถได้ต้องเสียเวลาไปตามหาเจ้าของรถคนที่เคยขายให้คุณ บางทีรถเปลี่ยนมาหลายมือ หาเจ้าของเก่าไม่เจอ ยุ่งยากวุ่นวาย รถโอนไม่ได้อีก หรือถ้าหากผู้ขาย จงใจให้สำเนาบัตรประชาชนที่หมดอายุมา แสดงว่าอาจจะเป็นเอกสารปลอมก็เป็นได้
  • แต่งรถได้แต่ห้ามผิดหลัก พรบ.
    ก่อนที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ คุณต้องแน่ใจให้ดีว่า รถคันนั้นเคยผ่านการดัดแปลงมาก่อนหรือไม่ และถ้าหากมีการดัดแปลง เจ้าของรถได้นำไปแจ้งต่อนายทะเบียนหรือเปล่า เพราะการแต่งรถบางประเภท อาจจะผิด พรบ. ก็ได้ ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเสียเวลาในการเตรียมเอกสารเพิ่ม ( อ่านต่อ เรื่องแต่งรถที่ไม่ผิด พรบ. )

Carro-เต็นท์รถ

เคล็ดลับสำหรับเต็นท์รถ

  • ห้ามระบุวันที่ถ้าหากยังไม่รู้จะไปโอนเมื่อไหร่
    การระบุวันที่ไว้ในแบบคำขอร้องขอโอนและรับโอน นั้นสำคัญมาก เพราะถ้าหากคุณได้ระบุวันที่ไปแล้ว และไม่ไปทำการโอนภายใน 15 วัน ก็จะถูกปรับ และเอกสารใบนั้นจะเป็นโฆฆะ ดังนั้นถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำการโอนวันไหน หรือแม้แต่กระทั่งการโอนลอย ก็ห้ามระบุวันที่ลงไป ถ้ายังไม่แน่ใจ
  • ลายเซ็นต้องครบ
    ลายเซ็นที่อยู่บนเอกสารทุกอย่าง รวมไปถึงการเซ็นสำเนาถูกต้อง ต้องครบ และทุกลายเซ็นจะต้องเป็นชื่อเดียวกัน และลายเซ็นเดียวกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้าย ในหนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ

TIPS: อย่าลืมตรวจว่าชื่อผู้ขาย ตรงกับชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายในหนังสือจดทะเบียนรถหรือเปล่า เพราะผู้ทีมีสิทธิ์ในการโอนกรรมสิทธิ์ นั้นต้องเป็นรายชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์รถคนสุดท้ายเท่านั้น

เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบแล้ว และอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมของการเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> การโอนรถ โอนตรง โอนลอย คืออะไร? มีขั้นตอนอะไรบ้าง และ 3 ขั้นตอนการโอนรถ (เอกสาร ค่าธรรมเนียม สถานที่โอนรถ) ที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายรถต้องรู้!

Carro-Express

ถ้าใครอยากขายรถตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Easy-Buy-Secondhand-Car

ทุกวันนี้ การตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองสักคันของผู้บริโภค ย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกันไป เช่น งบประมาณที่มี ความชอบในรูปร่างหน้าตาของตัวรถ สมรรถนะเครื่องยนต์ ราคาขายต่อ วัตถุประสงค์การใช้งานต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อ

มุมมองของคนที่ซื้อรถมือสอง มีความคิดเห็นว่า ตลาดรถมือสองยังตอบสนองผู้ที่ต้องการใช้รถได้ดี แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขณะนี้ เพราะรถมือสองอายุไม่กี่ปีที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด ยังมีคุณภาพดีและน่าใช้ไม่แพ้รถใหม่มือหนึ่ง และมีราคาถูกกว่ารถมือหนึ่งถึงหลายแสนบาทในบางรุ่น แถมสามารถลดภาระค่างวดได้อีกมาก เมื่อเทียบกับการผ่อนรถยนต์ใหม่ป้ายแดง

ถ้าจะบอกว่า อยู่ในกรุงเทพฯ หาดูรถมือสองได้ง่าย เพราะมีหลายย่านที่เป็นแหล่งรวมรถมือสองจำนวนมาก แต่ในต่างจังหวัดก็อาจจะหาดูรถมือสองลำบากหน่อย ในกรณีที่อยากดูรถคันจริงๆ ไม่ใช่ดูในออนไลน์ เพราะส่วนมากจะอยู่กระจายกัน ไม่ค่อยรวมกันเป็นย่านแบบในจังหวัดใหญ่ๆ หรือในกรุงเทพฯ

แล้วเขาทำธุรกิจกันอย่างไรล่ะ? ทั้งในมุมคนซื้อ และในมุมคนขาย MR.CARRO จะเล่าให้ฟัง

Carro-Sell-Car-In-Hatyai

ตลาดรถยนต์มือสองหลักๆ ของรถเต็นท์ในต่างจังหวัด ประมาณ 80% ยังเป็นกลุ่มลูกค้าเกษตรกร ที่ใช้รถกระบะเพื่อบรรทุกสินค้าทางด้านเกษตร และการเดินทางที่เน้นประหยัดน้ำมัน เน้นขนคนนั่งได้เยอะๆ ส่วนตลาดรถเก๋ง 20% เป็นลูกค้ากลุ่มข้าราชการ และคนทำงานในบริษัทท้องถิ่นนั้น

รถมือสองในตลาดต่างจังหวัด โดยมากแล้วมักจะเป็นรถที่ตัดมาจากเต็นท์รถใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ที่อาจจะขายมานานแล้วแต่ขายไม่ได้สักที หรือว่าเป็นรถที่ทางเต็นท์ต่างจังหวัดต้องการ เลยมาขอตัดไป

อีกส่วนหนึ่ง เป็นรถที่มาจากลานประมูลต่างๆ หรือไฟแนนซ์ต่างๆ ขายทอดตลาดในกรุงเทพฯ อาจจะซื้อมาขายไปบวกกำไรต่อ

และรถรุ่นปีเก่าๆ หน่อย อาจจะซื้อมาจากรถบ้าน รถที่ลูกค้ามาเทิร์นที่เต็นท์ หรือผู้ใช้งานในจังหวัดนั้นๆ นำมาขาย และเป็นรถที่คนเมืองส่วนมากมักไม่นิยมกัน แต่ในต่างจังหวัดยังเป็นที่นิยม เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยาว์ ซื้อเงินสดได้เลยไม่ต้องผ่อน และบางผู้ประกอบการอาจใจดีให้ผ่อนเป็นกรณีพีเศษด้วย

รถแบบไหนที่ขาย? ส่วนมากก็จะเป็นรถราคาตามสภาพ บางเต็นท์ก็อาจจะมีเก็บงานให้นิดๆ หน่อยๆ หรือซ่อมเฉพาะในส่วนที่เสียหนักๆ ให้ใช้การได้ เพราะตลาดต่างจังหวัด ผู้คนส่วนมากรายได้อาจไม่สูงนัก ทำให้รถราคาหลักหมื่นยังเป็นที่ต้องการมาก แต่ด้วยราคาที่ถูก รถแทบทั้งหมดจึงเป็นรถตามสภาพ มีเสีย มีซ่อม เปลี่ยนนู่นนี่เป็นเรื่องปกติ ว่าแต่คุณรับได้หรือเปล่าล่ะ?

แต่ก็ไม่ใช่ว่า ต่างจังหวัด ตามเต็นท์รถจะมีแต่รถเก่าเสมอไป รถมือสองราคาหลักแสน หลักล้าน ก็ขอบอกได้ว่า มีอยู่เยอะเช่นกันครับ

Easy-Buy-Secondhand-Car

เคล็ดลับควรรู้ ในการเลือกซื้อรถมือสอง

ควรดูรถในที่กลางแจ้ง มีแสงสว่างหรือแดดจ้า เส้นสายตัวถังตัวรถ กับทรงของรถต้องเรียบเดิม ไม่เบี้ยวหรือยับ หรือผุมาก สภาพสีต้องสม่ำเสมอกันทั้งคัน ดูรอยอาร์ค ตะเข็บตามจุดต่างๆ น็อตต่างๆ ต้องเรียบร้อย ไม่มีรอยบาก รอยงัด รอยถอดออกมา ควรตรวจเช็คระบบไฟทั้งภายนอกและภายในรถ ภายในเครื่องยนต์ ว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ ระบบสายพานต่างๆ ระบบแอร์ ท่อยาง วาล์ว หัวเทียน การทำงานของเครื่องยนต์ เป็นต้น ทางที่ดี ควรเลือกรถที่เดิมๆ หรือสภาพใกล้เคียงที่สุดจากโรงงาน

ภายในห้องโดยสาร ตรวจดูสภาพขององค์ประกอบต่างๆ ภายในทั้งหมด ว่ามีจุดใดกรอบแตก หรือหมดสภาพแล้วหรือไม่ เบาะนั่งที่ดีควรแข็ง นิ่ม ไม่ยวบยาบหรือขาด ดูระบบทำงานภายในรถทั้งหมด ที่ปัดน้ำฝน ไฟสัญญาณต่างๆ กระจกไฟฟ้า วิทยุ ฯลฯ มีตรงไหนใช้ไม่ได้หรือเปล่า และมีกลิ่นเหม็นๆ กลิ่นอับ ภายในรถหรือไม่

จากนั้นก็ลองทดสอบขับ เสียงเครื่องยนต์เป็นอย่างไรเวลาเร่งเครื่อง ตอนเลี้ยวซ้าย-ขวา ถอยหลัง มีเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ จากตัวรถหรือไม่ สภาพช่วงล่าง โช็คอัพ วิ่งแล้วมียวบยาบ สะดุด หรือมีเสียงดังหรือไม่ ก่อนจะตรวจดูใต้ท้องรถด้วย มีหยดน้ำมันหรือของเหลว รั่วออกมาจากส่วนต่างๆ หรือไม่

Easy-Buy-Secondhand-Car

การซื้อเลือกสักคันนั้น ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง เช่น

รถอีโคคาร์ (Eco-Car) เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีเครื่องยนต์ประมาณ 1.0 – 1.2 ลิตร ประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับขับในเมือง เช่น Toyota Yaris, Nissan March, Mitsubishi Mirage หรือ Suzuki Swift เป็นต้น

รถเก๋ง 4 ประตู หรือที่เรียกว่ารถซีดาน มีในตลาดหลายแบบ เช่น แบบ Sub-Compact (เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร), แบบ Compact (เครื่องยนต์ 1.6 – 2.0 ลิตร) และแบบ Mid-Size (เครื่องยนต์ 2.0 – 2.5 ลิตร) เหมาะที่จะขับในเมืองหรือนอกเมือง ให้กำลังมาก เช่น Toyota Altis, Honda Civic, Mazda3 หรือ Nissan Sylphy เป็นต้น

รถ SUV หรือรถ PPV (แบบที่คนไทยเรียก Toyota Fortuner, Isuzu MU-X, Chevrolet Trailblazer หรือ Mitsubishi Pajero Sport เป็นต้น) เป็นรถนั่งอเนกประสงค์ขนาด 7-8 ที่นั่ง มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ใช้งานในเมืองก็ได้ หรือขับลุยทางลูกรังในต่างจังหวัดก็ได้

รถ MPV เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7-13 ที่นั่ง เน้นกลุ่มครอบครัวใหญ่ สำหรับใช้งานหรือในเมือง หรือใช้งานในต่างจังหวัด พอลุยได้บ้างนิดหน่อย เช่น Toyota Innova, Honda Freed, Suzuki Ertiga หรือ Mitsubishi Space Wagon เป็นต้น

รถกระบะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้บรรทุกของจำนวนมาก ลุยป่าฝ่าดง หรือใช้ในกิจการขนส่งต่างๆ และธุรกิจต่างๆ เช่น Toyota Hilux, Nissan Navara, Mitsubishi Triton, Mazda BT-50, Isuzu D-Max หรือ Chevrolet Colorado เป็นต้น

Easy-Buy-Secondhand-Car

ความสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถมือสอง ถ้าคุณไม่ได้ซื้อรถมือสองด้วยเงินสด คุณจะต้องผ่อนรถทุกเดือนต่อเนื่องกันเป็นปี และยังต้องมีค่าซ่อมบำรุงรถต่างๆ (ที่จำเป็นต้องจ่ายประจำทุกปีอยู่แล้ว) อาทิ ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่าเปลี่ยนผ้าเบรก ค่าช่วงล่าง ค่าปรับจูนเครื่องยนต์ ฯลฯ รวมถึงค่าน้ำมันในระหว่างเดือนอีกด้วย เพราะฉะนั้น วางแผนการเงินของคุณให้รอบคอบ ทั้งเงินดาวน์ ยอดผ่อน รวมถึงค่าจิปาถะต่างๆ และยังต้องกันงบไว้ส่วนนึงไว้ สำหรับซ่อมแซม หรือดูแลรักษารถ

หากคุณสนใจที่จะขายรถมือสองในช่วงเวลานี้ แต่อาจจะพักอาศัย หรือทำงานในต่างจังหวัด CARRO เรามีบริการรับซื้อรถยนต์ของคุณถึงที่ โดยที่คุณจะไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการเรื่องขายรถยนต์ สามารถมาขายได้ที่ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ราคาตก-กดราคา

นี้คือความจริง! ของราคารถมือสอง

ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงการกดราคารถยนต์มือสอง เต็นท์รถมักจะกลุ่มแรกๆ ที่ถูกโจมตี ทั้งที่ความจริงแล้ว สาเหตุที่ทำให้รถมือสองบางคันขายได้ราคาไม่ดีนั้น ไม่ได้เป็นเพราะเต็นท์รถกดราคากับคนขาย อย่างที่หลายคนชอบกล่าวหาแต่อย่างใด

ความเป็นจริงอาจจะแสลงใจเจ้าของรถมือสองที่นำรถมาประกาศขายอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่ารถมือสองหลายรุ่นนั้นราคาตกรวดเร็วมากโดยไม่ได้มีใครไปกดราคาเพื่อหาผลประโยชน์ใดๆ

คำว่า “ราคาตก” ในที่นี้ต่างกับคำว่า “กดราคา” เพราะการกดราคาก็เท่ากับว่า รถมือสองคันที่ขายมีมูลค่าจริงสูงกว่า แต่ถูกซื้อด้วยราคาที่ต่ำกว่าจริง แต่ราคาตก แปลว่า มูลค่าของรถมือสองนั้นลดลงด้วยปัจจัยหลายประการ และมีกลไกการตลาดมาเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับเหตุผลทำให้รถมือสองบางคันราคาตกนั้น Carro ได้เคยวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถยนต์มือสองได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควรไว้ 10 ประการ ซึ่งในบทความนี้จะขอยกมาอธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ

  1. ความนิยมต่อแบรนด์

ตอนซื้อรถมือหนึ่ง คนซื้อมักคิดว่าชอบแบรนด์ไหน รุ่นอะไรก็ซื้อคันนั้น แต่เมื่อนำมาขายต่อเป็นรถยนต์มือสองแล้ว ความนิยมที่ผู้คนมีต่อแบรนด์นั้นๆ จะส่งผลโดยตรงต่อราคาที่ขายได้ จะเห็นได้ว่ารถตลาดอย่าง Honda , Toyota รถมักจะขายต่อได้ไว และราคาไม่ตกมากนัก แต่หากเป็นยี่ห้อที่คนไทยไม่คุ้นหู (แม้จะดังระดับโลกก็ตาม) การขายต่อก็จะยากกว่าเดิม และราคาก็จะตกลงมากด้วย

ตัวอย่าง หากคุณซื้อรถ Honda City และ MG6 พร้อมกันในวันนี้ อีก 1 ปีข้างหน้า Honda City อาจจะราคาตกลงไป 30% แต่ MG6 อาจจะราคาตกลงไป 50% หรือมากกว่านั้น!

สาเหตุก็เป็นเพราะคนไทยรู้จัก Honda ดีมาก ต่างกับ MG ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ยังไม่ติดหูคนไทยมากนัก มีการสำรวจความคิดเห็นโดย Carro ที่พบว่า คนไทยมักจะรู้สึกดีกับรถตลาดมากกว่า ไม่ใช่เพราะความชื่นชอบในตัวแบรนด์เท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องความสะดวกในการซ่อมบำรุง เช่น มีศูนย์เยอะ เข้าถึงง่าย หาอะไหล่ได้ง่าย เป็นต้น ซึ่งรถตลาดมักจะตอบโจทย์ในข้อนี้ได้ดีกว่า

 

  1. อายุของรถ

ปกติแล้วรถยิ่งใหม่ก็ยิ่งมีโอกาสจะขายได้ไว และในทางกลับกัน รถยิ่งมีอายุการใช้งานมากก็ยิ่งส่งต่อยาก เพราะผู้ซื้อมีความกังวลว่ารถอาจชำรุดหรือมีอุปกรณ์สึกหรอ ทำให้ต้องรับภาระในการซ่อมบำรุงต่อไป

อีกเหตุผลหนึ่งคือ การซื้อรถยนต์ที่มีอายุมากมักจะขอจัดไฟแนนซ์ได้ยาก เพราะรถที่สถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินกู้ให้นั้นจะต้องเป็นรถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี

ฉะนั้นกลุ่มผู้ซื้อก็จะยิ่งแคบลงอีก คือต้องเป็นกลุ่มที่ไม่มีปัญหากับการซ่อมบำรุงในอนาคต ขณะเดียวกันก็ต้องไม่มีปัญหากับการวางเงินดาวน์สูงๆ หรือสามารถซื้อสดได้ เป็นเหตุให้ราคารถที่อายุการใช้งานมากตกลงนั่นเอง

 

  1. สภาพรถ

รถยิ่งสภาพดียิ่งขายได้ไว! แต่หากรถผ่านอุบัติเหตุหนักมาก่อน หรือมีการชำรุดที่โครงสร้างสำคัญ รถจะขายออกได้ยากมาก และทำให้ราคาดิ่งลงมากด้วยเช่นกัน เนื่องจากสภาพรถมีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ คนส่วนใหญ่ยินดีจะซื้อรถที่มีอายุการใช้งานมาก ดีกว่าซื้อรถที่ถอยป้ายแดงออกมาจากศูนย์ไม่ได้นาน แต่เพิ่งไปชนหนักมา

 

  1. เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือ มีประวัติความเป็นมาที่ชวนให้ไม่สบายใจ

อีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยมักกังวลคือ “สิ่งลี้ลับ” ฉะนั้น รถคันไหนมีประวัติความเป็นมาชวนให้กังวล (เช่น เจ้าของรถคนก่อนเสียชีวิตในรถ เคยชนคน ฯลฯ) ผู้ซื้อก็จะหลีกเลี่ยงไว้ก่อน ทำให้รถคันนั้นราคาตก

ราคาตก กดราคา

  1. ไมล์

แม้ว่าจะเป็นที่กังขาว่าไมล์สามารถเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะไมล์รถสามารถกรอได้ แต่ไมล์ก็มักจะถูกนำมาพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเสมอ เพราะเป็นจุดที่จะบอกว่ารถคันดังกล่าวผ่านการใช้งานมามากหรือน้อย และรถมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพมากน้อยแค่ไหน

ตัวอย่าง รถ Toyota Altis ของนาย A อายุการใช้งาน 1 ปี วิ่งมาแล้ว 80,000 กม. กับรถ Toyota Altis ของนาย B อายุการใช้งาน 3 ปี วิ่งมาแล้ว 40,000 กม. ในสายตาของคนที่สนใจซื้อ Toyota Altis มือสอง รถของนาย B จะน่าสนใจมากกว่าและได้ราคาดีกว่า เพราะรถที่ใช้งานมาน้อยก็จะเยินน้อย ในขณะที่รถของนาย A แม้จะเป็นรถใหม่แต่เจ้าของรถใช้งานอย่างสมบุกสมบันมาก รถก็จะเยินมากกว่า และราคาตกมาก

 

  1. รุ่นย่อย

รุ่นย่อยของรถก็มีผลต่อความสูง – ต่ำของราคาที่ขายได้เช่นกัน ปกติแล้วรถรุ่นท็อปจะขายได้ราคาดีกว่ารถรุ่นพื้นฐาน (รุ่นที่ราคาถูกที่สุด) เพราะรุ่นท็อปจะมาพร้อมกับออฟชั่นต่างๆ ที่ครบครัน รวมถึงมาพร้อมกับข้าวของที่ได้รับการลดแลกแจกแถมมาจากเซลส์ที่ศูนย์ตอนออกป้ายแดงอีกด้วย

ส่วนรถรุ่นพื้นฐานนั้น ในเมื่อซื้อป้ายแดงมาราคาถูกกว่า ขายต่อมือสองก็ย่อมขายได้ในราคาต่ำกว่าอยู่แล้ว อีกทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีให้ไม่มากนัก

ผู้ซื้อรถยนต์มือสองจำนวนมากจึงสนใจรุ่นท็อปมากกว่า เป็นเหตุให้รถรุ่นพื้นฐานไม่ว่าของแบรนด์ใดก็ตามมักจะมีราคาตกลง เมื่อเอาไปเทียบกับรถรุ่นที่สูงขึ้นมา ปีเดียวกัน สภาพใกล้เคียงกัน ก็จะเห็นความแตกต่างได้ชัด

 

  1. รถแต่ง / รถซิ่ง

ปกติแล้วรถมือสองที่ขายได้ราคาดีคือรถที่คงสภาพไว้ใกล้เคียงวันที่ถอยป้ายแดงออกมาจากศูนย์มากที่สุด แม้ว่าคุณจะเอารถไปแต่งมาอย่างสวยงาม หมดเงินค่าแต่งรถไปเป็นหลักล้าน แต่มูลค่ารถเมื่อนำไปขายต่อก็จะไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด (ในบางกรณีควรเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมก่อนขายต่อด้วยซ้ำ)

ส่วนรถซิ่งนั้น หากเป็นรถที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักซิ่งอย่างจริงจัง (เช่น รถ Mitsubishi Evolution เป็นต้น) ราคาก็จะไม่ตก และจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีกในประเภทที่เลิกผลิตแล้วหรือหาได้ยาก แต่หากเป็นรถตลาดอย่าง Toyota Vios Honda Civic ฯลฯ ที่ผ่านการแต่งซิ่งมา ราคาจะดิ่งลงเหวและขายต่อยากอย่างแน่นอน เพราะรถซิ่งต่างๆ มักถูกรีดเค้นสมรรถนะเครื่องยนต์อย่างหนัก รวมถึงมีการเปลี่ยนนั่นเติมนี่อยู่บ่อยๆ

 

  1. รถติดแก๊ส

รถที่ติดแก๊สนั้น แม้จะเป็นรุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน ไมล์ไม่ต่างกัน แต่ราคาจะต่ำกว่ารถที่ไม่ติดแก๊สอย่างแน่นอน เพราะคนส่วนใหญ่มักกังวลว่าการติดแก๊สจะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ อีกทั้งยังส่งผลด้านความรู้สึกอีกด้วย เพราะคนซื้อมักคิดว่ารถที่ติดแก๊สมา คือรถที่เจ้าของใช้งานมาเยอะ จึงรู้สึกกังวลว่าสภาพรถอาจแย่กว่ารถที่ไม่ติดแก๊ส

 

  1. สี

ปกติแล้วสีรถยอดนิยมของคนไทยคือ สีดำ สีขาว สีบรอนซ์ สีเทา ด้วยความเป็นสียอดนิยม รถที่มีสีเหล่านี้ก็จะขายต่อง่าย ได้ราคาดี ขณะเดียวกัน รถที่สีไม่ค่อยได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่ เช่น สีแดง สีเหลือง จึงมักจะขายต่อได้ในราคาที่ต่ำกว่า

 

  1. Book service

คือ สมุดพกที่ศูนย์มอบให้เจ้าของรถตั้งแต่วันที่ซื้อ (หรือวันที่เข้าศูนย์ครั้งแรก) นั่นเอง ใน Book Service จะมีข้อมูลการใช้รถ ข้อมูลการซ่อมบำรุง ซึ่งจะบ่งบอกถึงสภาพรถ และความทะนุถนอมของเจ้าของรถ เช่น มีการนำรถเข้าศูนย์ตามระยะหรือไม่ เคยประสบอุบัติเหตุแล้วส่งเข้าศูนย์มากี่ครั้ง เป็นต้น

รถที่มีบุ๊กเซอร์วิส และมีประวัติการซ่อมบำรุงดีมาตลอดจึงมักจะขายได้ราคาดี ในขณะเดียวกัน หากไม่มีบุ๊กเซอร์วิส หรือข้อมูลในบุ๊กบอกความไม่เอาใจใส่ ไม่เข้าศูนย์ตามระยะ ราคาที่ขายได้ก็จะลดลง

ในการซื้อ – ขายรถยนต์มือสองนั้น ทางที่ดีควรจะตกลงขายในราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายรู้สึกพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีโอกาสที่รถยนต์มือสองดีๆ อาจจะขายได้ราคาต่ำกว่าที่ควร เพราะผู้ซื้อรู้สึกว่าราคาที่ผู้ขายตั้งไว้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ผู้ซื้อจะได้รับจึงขอต่อรองราคาลงมา (แต่ก็มีผู้ซื้อประเภทที่ไม่ว่ายังไงก็ขอต่อไว้ก่อนเช่นกัน) ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ขายจะตัดสินใจไม่ขายก็ได้ หากรู้สึกว่าราคาที่ได้ไม่ยุติธรรมกับตนเอง

อย่างไรก็ตาม มีผู้ขายบางคนที่มีความต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วนจึงยอมขายรถแม้จะได้ราคาต่ำ แต่กรณีแบบนี้เรียกว่า “กดราคา” (แถมคนขายยอมให้กดด้วย) ไม่ใช่ “ราคาตก”

ราคาตก กดราคา

หลายคนอาจจะกังวลว่า แล้วจะขายรถมือสองอย่างไรให้ราคาไม่ตก และไม่ถูกกดราคา ? ในส่วนนี้เว็บไซต์ Carro ของเรามีบริการขายรถแบบด่วนอย่าง Carro Express ที่สามารถขายออกได้จริง รวดเร็ว ภายใน 1 วันเท่านั้น ซึ่งมีไม่กี่เจ้าที่หลังจากปิดการขายได้รับเงินสดทันที แต่หากคุณกำลังกังวลว่าขายด่วนอาจโดนกดราคา ทาง Carro ขอยืนยันว่าคุณจะได้ราคาดีไม่ถูกกดราคาอย่างแน่นอน