Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี) ใหม่ ครั้งแรกในโลก ยนตรกรรมซิตี้คาร์แฮทช์แบ็กฟูลไฮบริด ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของ Line-Up Hybrid ของฮอนด้าไปอีกขั้น และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ The City Series (เดอะ ซิตี้ ซีรีส์)

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มาพร้อมจุดเด่นเทคโนโลยี Full Hybrid อันทรงพลัง กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda SENSING” (ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง) พร้อมด้วยเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน เสริมเอกลักษณ์ยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV

พร้อมแนะนำสีใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ กับ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ด้วยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV RS 849,000 บาท

All-New-Honda-City-Hatchback-2021

เมื่อปลายปี 2563 ฮอนด้า ได้เปิดตัว Honda City Hatchback 2020 ใหม่ และได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้า โดยมีจุดเด่นคือการผสานการขับขี่ที่สนุกสนานและความอเนกประสงค์ สไตล์แฮทช์แบ็กไว้อย่างลงตัว

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มูฟอย่างมีสไตล์ สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตไฮบริดรอบคัน ด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้าและสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สปอร์ตยิ่งขึ้นกับดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าและหลังสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED และ ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต ปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ผสานฟังก์ชันการใช้งานและเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ไว้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งแถบสีแดง รองรับการใช้งานในทุก Movement ด้วยเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) ที่สามารถแยกพับแบบ 60:40 และปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมด้วยห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
  • Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว เป็นต้น

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มาในครั้งนี้ ได้นำเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอันทรงพลังและล้ำสมัย กับระบบฟูลไฮบริด และเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ผนวกกับเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมสไตล์แฮทช์แบ็ก

พร้อมมูฟไปกับพลังเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอันล้ำสมัย กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน

มอบสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก แรงเกินคลาส โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดเพื่อตอบรับกับทุกการใช้งาน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบ/นาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27 กม./ลิตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มูฟได้อย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มูฟไปทุกที่อย่างไร้กังวล ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเทคโนโลยีระดับพรีเมียมในค่าบำรุงรักษาสไตล์ซิตี้คาร์ ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์* (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

มูฟไปตามใจคิด เปี่ยมไปด้วยพลังใหม่ในแบบของคุณ กับ City Hatchback ราคา

  • รุ่น e:HEV RS ราคา 849,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เฉพาะซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี เท่านั้น สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น กับ ดอกเบี้ย 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ Honda City Hatchback e:HEV ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 – 31 กรกฎาคม 2564 รับฟรีหูฟัง Skullcandy True Wireless Earbuds รุ่น Sesh Evo สี Deep Red มูลค่า 3,590 บาท

สัมผัส Honda City Hatchback e:HEV ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

Honda เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ครั้งแรกในโลก

เสริมความสปอร์ตพรีเมียมในทุก Movement ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Modulo (โมดูโล) ที่มาพร้อมแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันไดสแตนเลส LED ราคา 4,400 บาท แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ ราคา 900 บาท กล้องวิดีโอติดรถยนต์ ราคา 3,850 บาท

หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Modulo Aero Sport Package ราคา 21,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง
  • Modulo Aero Package ราคา 16,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น

ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city-hatchback-eHEV

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัว Maserati Ghibli Hybrid (มาเซราติ กิบลี ไฮบริด) ใหม่ เป็นยนตรกรรม Mild Hybrid ที่ใช้การขับเคลื่อนแบบผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล ในราคาเร้าใจ 5,990,000 บาท!

Maserati Ghibli Hybrid นับเป็นหนึ่งใน Project สุดท้าทายของค่ายตรีศูล ซึ่งเป็นเสมือนการก้าวสู่ยุคอนาคตอย่างเต็มตัว

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

Maserati Ghibli ถูกเจาะจงให้เป็นรถสายพันธุ์แรกที่เริ่มใช้ขุมพลังไฮบริด เพราะเป็นรุ่นมียอดจำหน่ายสูงสุดกว่า 100,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวช่วงปี 2013 โดยความท้าทายของโปรเจ็กต์นี้ คือ ผลิตรถไฮบริดอย่างไร ไม่ให้กระทบกับตัวตนของแบรนด์ ทำให้ Maserati Ghibli Hybrid เป็นหนึ่งในรถไฮบริดที่ดีสุดในโลก และคงเอกลักษณ์เสียงคำรามอันดุดันไว้ได้อย่างครบถ้วน

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

ตัวรถภายนอก Ghibli Hybrid ผ่านการออกแบบใหม่โดย Centro Stile Maserati ทั้งภายนอกและห้องโดยสาร ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยสิ่งที่แสดงถึงความเป็นรุ่นไฮบริดก็คือ การนำสีน้ำเงินมาใช้ เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีไฮบริดและโลกแห่งอนาคต โดยสีน้ำเงิน นำมาตกแต่งช่องระบายอากาศด้านข้าง 3 ช่อง และสัญลักษณ์สายฟ้า ของโลโก้ตรีศูลบริเวณเสา C

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

ขณะที่เบาะในห้องโดยสาร ก็ผ่านการเย็บด้วยตะเข็บสีน้ำเงิน ส่วนกระจังหน้าก็ผ่านการออกแบบใหม่ ซี่กระจังมีลักษณะคล้าย “ส้อมเสียง” (Tuning Fork) เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีเสียงใสชัด

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

พร้อมเชื่อมต่อโลกดิจิทัลครบวงจร ผ่านโปรแกรม Maserati Connect และ Maserati Intelligent Assistant โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจาก Android Automotive ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับ พร้อมอัปเดตฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ โดยอัตโนมัติ

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

ในส่วนของเทคโนโลยีไฮบริด ใช้การสะสมพลังงานกลขณะลดความเร็วหรือเบรก เพื่อนำมาแปลงเป็นไฟฟ้าและชาร์จเข้าแบตเตอรี่ พร้อมติดตั้งท่อไอเสีย ที่ปรับแต่งเสียงคำรามตามแบบฉบับของยนตรกรรม มาเซราติ

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

นวัตกรรมขุมพลังไฮบริดสุดล้ำ เป็นผลลัพธ์จากมันสมองของทีมวิศวกรและฝ่ายเทคนิคของ มาเซราติ Innovation Lab ที่เมืองโมเดนา โดยผสานเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 2.0 ลิตร เข้ากับ Altenator 48 โวลต์ และ Electronic Supercharged (e-Booster) พร้อมแบตเตอรี่รองรับ ให้แรงม้าสูงถึง 330 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 255 กม./ชม. พร้อมติดตั้งแบตเตอรี่บริเวณท้ายรถ เพื่อความสมดุล และมีน้ำหนักโดยรวมเบากว่า Ghibli Diesel ประมาณ 80 กิโลกรัม

New-Maserati-Ghibli-Hybrid-2021

มาเซราติ กิบลี ไฮบริด ใหม่ นับเป็นก้าวแรกสู่การทำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับรถรุ่นอื่นๆ ในอนาคต อีกทั้งยังมีแผนเปิดตัวรุ่น กรันทูริสโม (GranTurismo) และ กรันคาบริโอ (GranCabrio) ขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนในปี 2021

ส่วนใครที่อยากขายรถ ไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน รถมือสอง ก็สามารถปรึกษากับทางเราดูก่อนได้ เพียงแค่คุณขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothai หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

All-New-Toyota-Corolla-Cross-2020

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย Toyota Corolla Cross (โตโยต้า โคโรลล่า ครอส) ใหม่ A New Journey…ให้ชีวิตเดินทาง พร้อมเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้ชีวิตเพื่อที่สุดของความสะดวกสบาย

ด้วยภายนอกดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว และแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “ความกะทัดรัดที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย” (Compact yet Comfortable) และ “ความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของความภูมิฐานสำหรับชีวิตในเมือง” (Dignity Urban Vogue)

All-New-Corolla-Cross-2020

และรุ่นนี้ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย โดย Toyota Corolla Cross จะถูกส่งออกจากโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ถือเป็นรถรุ่นที่สร้างขึ้นโดยฝีมือคนไทย และส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ภายใต้ฝีมือการผลิตของคนไทย

อีกทั้งยังมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) โดยใช้แพลตฟอร์มของโคโรลล่า ซีดาน ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense)

All-New-Corolla-Cross-2020

ด้าน มร.ไดโซะ คาเมะยามา หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงแนวคิดของรถคันนี้คือ “การนำ DNA ของรถยนต์โคโรลล่า มาพัฒนาให้เกิดเป็นรถยนต์อเนกประสงค์”

ทั้งนี้ Corolla คือรุ่นรถที่ขายดีที่สุดในโลกของโตโยต้า กล่าวคือ Corolla ก็คือ Toyota นับตั้งแต่การเปิดตัวรถโคโรลล่ารุ่นแรกในประเทศญี่ปุ่นในปี 2509 และเป็นรถที่ขายดีที่สุดของโตโยต้า ปัจจุบันขายมาแล้ว 150 ประเทศทั่วโลก ด้วยยอดขายสะสม 48 ล้านคัน

All-New-Corolla-Cross-2020

แต่คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของ โคโรลล่า ครอส คือ ความหรูหรา พร้อมประโยชน์ใช้สอยที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า “ความแข็งแกร่งสำหรับชีวิตในเมือง” (Urban Toughness) ซึ่งเห็นได้ชัดจากดีไซน์ และการออกแบบฐานล้อที่กว้าง

All-New Toyota Corolla Cross…A NEW JOURNEY มี 5 จุดขายหลักๆ ที่นับได้ว่าเป็นจุดเด่น ได้แก่

All-New-Corolla-Cross-2020

1. ด้านการออกแบบ

  • A New Outstanding Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…โดดเด่นด้วยดีไซน์เหนือระดับ

ตัวรถภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว หรูหราแข็งแกร่ง มาพร้อมหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคา ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

มิติตัวรถยาว 4,460 มม. กว้าง 1,825 มม. สูง 1,620 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 161 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร

  • A New Satisfying Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…พื้นที่ที่ตอบทุกความต้องการ

ภายในใช้โทนสีแดงใหม่ Terra Rossa จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) ขนาด 7 นิ้ว

All-New-Corolla-Cross-2020

2. สมรรถนะการขับขี่

  • A New Energetic Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อน

เครื่องยนต์ เริ่มต้นด้วยรุ่นเบนซินรหัส 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร (18.05 กก.-ม.) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT-i พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 150 กรัม/กม.

ส่วนรุ่น Hybrid มากับชุดระบบไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ที่พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร 53 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แพคชนิด Ni-MH (นิคเกิล-เมทัล ไฮไดรด์) แบบใหม่ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock และเลือกโหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง EV, Sport และ Eco

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัม/กม.

All-New-Corolla-Cross-2020

  • A New Confident Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ควบคุมได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง

ด้วยแพลตฟอร์ม TNGA มาใช้ควบคู่กับช่วงล่างแบบคานแข็งที่ได้รับการพัฒนาใหม่ เพื่อปรับช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนนที่ดี แต่ยังนุ่มนวลสะดวกสบายในทุกระดับ เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวทั้งการขับขี่ทางตรงและในขณะเข้าโค้ง ทำให้การขับขี่ปราดเปรียว มั่นใจ ทัศนวิสัยดีขึ้น

All-New-Corolla-Cross-2020

3. ด้านความสะดวกสบาย

  • A New Convenient Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…ความสะดวกสบายทุกเส้นทาง

เน้นประโยชน์ใช้สอยที่โดดเด่นด้วยพื้นที่จุสัมภาระได้มากถึง 487 ลิตร นอกจากนี้ ในส่วนของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยประตูด้านหลังขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีการออกแบบที่ว่างเหนือศีรษะให้สูงพอดี มีความโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด

มาพร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Kick Activated เพิ่มความสะดวกสบายในการเก็บสัมภาระ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พนักพิงด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา พนักวางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ช่องระบายอากาศและช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

All-New-Corolla-Cross-2020

4. ด้านความปลอดภัย

  • A New Protected Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…มาตรฐานความปลอดภัย

มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) อาทิ

  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)
  • ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist)
  • ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
    รวมทั้ง …
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS 7 ตำแหน่ง (Air Bags)

All-New-Corolla-Cross-2020

5. ด้านการเชื่อมต่อ

  • A New Connected Journey – ให้ชีวิตเดินทาง…เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ด้วยความเชื่อมั่น ปลอดภัย ไร้กังวล

สะดวกสบายไปกับหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ T-Connect ที่มาพร้อมคุณสมบัติ 3 อย่างหลักๆ ได้แก่

1. Always located and protect : บริการ Find My Car, ระบบติดตามการโจรกรรม TheftTrack, ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และ ระบบกำหนดขอบเขตปลอดภัย หรือ Geo-fencing

2. Telematics CARE : บริการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา Maintenance Reminder รวมถึงการนัดหมายออนไลน์, บริการข้อมูลรถและการขับ Vehicle Information, ประกันภัย “ขับดีลดให้” Toyota Care PHYD (Pay How You Drive) ส่วนลดจากการวิเคราะห์ข้อมูลการขับ… หากขับดี ขับปลอดภัย จะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันต่ออายุ ต่อแรก ส่วนลดประวัติดีในปีที่ 2 : 20% พร้อมลดเพิ่มอีกสูงสุด 25%

3. Happiness Mobility : บริการผู้ช่วยส่วนตัว Concierge Services

เพื่อตอบสนอง A New Journey ของทุกคนที่แตกต่างกัน นอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว เรายังมีรุ่นตกแต่ง ณ จุดขาย ที่จะมาเพิ่มความสุขและความสนุกให้มากขึ้น

  • Urban sport style เพิ่มความสปอร์ต ตกแต่งด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคัน และคิ้วตกแต่งประตูหลัง
  • Adventure style เพิ่มดีไซน์ให้ดุดัน พร้อมลุยได้ทุกที่ ตอบโจทย์คนที่ชอบการเดินทาง ท่องเที่ยว ตกแต่งด้วยชุดสปอยเลอร์รอบคัน และคิ้วตกแต่งประตูหลัง

โดยลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบที่ชอบ โดยจ่ายเพิ่มไม่เกิน 500 บาท ต่อเดือนในยอดการผ่อนชำระรายเดือนเท่านั้น (คำนวณจากการเช่าซื้อนาน 60 เดือน) ซึ่งลูกค้าสามารถติดต่อผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ

All-New-Corolla-Cross-2020

ราคาของ Toyota Corolla Cross ใหม่

ราคารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ

  • รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท**

ราคาพิเศษ 959,000 บาท (ณ วันเปิดตัว – 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)

ราคารุ่น Hybrid

  • รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท**
  • รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท**

All-New Toyota Corolla Cross มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย

– Metal Stream Metallic – Red  Mica Metallic
– Attitude Black Mica – Celestite Gray Metallic
– Platinum White Pearl* – Nebula Blue
– Graphite Metallic

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม

สีภายใน 2 สี

  • Terra Rossa (เฉพาะรุ่น Hybrid Premium Safety, Hybrid Premium ที่มีสีภายนอก Attitude Black Mica / Celestite Gray Metallic / Platinum White Pearl)
  • Black

พิเศษสำหรับลูกค้าซื้อ All-New Corolla Cross วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2563

  • เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.85% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care
  • ขยายระยะเวลารับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. ฟรีค่าแรงเช็กระยะจนถึง 100,000 กม. มูลค่ากว่า 34,000 บาท
  • Toyota Privilege More ข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะลูกค้าโตโยต้า

ส่วนใครที่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของรถยนต์ Toyota Corolla Cross 2020 สักคัน ก็ลองขายรถคันเดิมแล้วเอาเงินไปซื้อ Toyota Corolla Cross มาใช้ดู เพียงลงขายรถคันเดิมง่ายๆ ได้ที่ Link นี้เลย https://th.carro.co/sell-car/express ให้ราคาดี รับเงินไว ปิดการขายได้ใน 24 ชั่วโมง หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand คลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว Toyota Corolla Altis (โคโรลล่า อัลติส) ใหม่ ที่เร้าใจ ด้วยดีไซน์ภายนอกอันโดดเด่นเหนือใคร เส้นสายหนักแน่นเด่นชัดรอบคัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ภายในกว้างขวาง ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง ให้ความรู้สึกเรียบหรู อีกทั้งยังออกแบบ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

ด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นเกินใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ (Fun-to-drive) สร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

มั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้ารุ่นล่าสุด (Toyota Safety Sense) และยิ่งไปกว่านั้นถือเป็นครั้งแรกของโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ที่มาพร้อมระบบไฮบริดรุ่นล่าสุด ในเจเนอเรชั่นที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพในอัตราการเร่งที่ดีขึ้น และสามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุด

“Corolla (โคโรลล่า)” ได้สร้างตำนานในฐานะรถยนต์โตโยต้ามาแล้วมากกว่า 50 ปี นับตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด เรายังคงรักษาไว้ซึ่งพื้นฐานอันสำคัญทางด้านคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ โดยโคโรลล่ารุ่นแรก เริ่มผลิตในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2509 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในประเทศญี่ปุ่น

จึงทำให้กลายเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดภายใน 3 ปี และได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมียอดขายสะสมมากกว่า 47 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งรถยนต์โคโรลล่าหนึ่งคัน จะถูกขายทุกๆ 15 วินาที ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดสำหรับโตโยต้าทั่วโลก

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

ในประเทศไทย โคโรลล่า เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2509 ด้วยเช่นกัน จากผลตอบรับอย่างท่วมท้นของลูกค้าชาวไทย ในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โคโรลล่า ครองความนิยมในฐานะรถยนต์นั่งที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยยอดขายสะสมกว่า 800,000 คัน ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในประเทศไทย

โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ในรุ่นที่ 12 ซึ่งรถรุ่นนี้ จะเปลี่ยนความคิดของทุกท่าน ที่มีต่อโคโรลล่าอย่างสิ้นเชิง

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

และในโคโรลล่า อัลติส รุ่นใหม่นี้ ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมีประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 23 กม./ลิตร โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่น และรถรุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบเต็มรูปแบบคันแรกในตลาดนี้ สำหรับประเทศไทย และเมื่อไม่นานมานี้ เราเพิ่งฉลองความสำเร็จ 10 ปีของรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดในประเทศไทย พร้อมกับการเปิดตัวโครงการการบริหารจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดใช้แล้วแบบครบวงจร ความรับผิดชอบของเราในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด รวมไปถึงการเดินทางสาธารณะอีกด้วย

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

นอกจากนี้ ยังเปิดตัวรุ่นสปอร์ตใหม่ “Corolla Altis GR-Sport” ที่พัฒนาภายใต้แนวคิด “Gazoo Racing Sport” โดยรุ่น GR-Sport มาพร้อมแพ็คเกจพิเศษ ซึ่งจะเพิ่มแอโรไดนามิก และมอบความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่สูงสุด

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้มี 5 จุดขายหลัก ได้แก่

1. ด้านการออกแบบ – ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Shooting Robust” กับเส้นสาย ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ให้ความหนักแน่น ภายในได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Clean & Wide” ตัวรถกว้างขวาง คำนึงถึงการใช้งานจริง เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย

2. ด้านประสิทธิภาพของการขับขี่ – สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถโดยรวมลดลง เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวทั้งการขับขี่ทางตรงและในขณะเข้าโค้ง ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut และช่วงล่างด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ Double Wishbone เพิ่มความนุ่มนวลในขณะโดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงและ การสั่นสะเทือนในตำแหน่งต่างๆ สร้างความผ่อนคลายให้กับผู้โดยสารตลอดการเดินทาง

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

3. ระบบ ไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 4 – ครั้งแรกกับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ รถยนต์รุ่นเดียวในตลาด C-Segment ที่ใส่ระบบ Full hybrid system ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

สำหรับรุ่น 1.6G
– เครื่องยนต์ 1ZR-FBE ขนาด 1.6 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift

สำหรับรุ่น GR SPORT
– เครื่องยนต์ 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

สำหรับรุ่นไฮบริด
– เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น

นอกเหนือจากเครื่องยนต์ไฮบริด โคโรลล่า อัลติส ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและ 1.6 ลิตร เบนซิน เพื่อตอบสนองต่อทุกความต้องการในทุกกลุ่มลูกค้า โดยมีการปรับจูนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้มีอัตราเร่งตอบสนองที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานทั่วไป

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

4. ระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า

  1. ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Active Safety) ได้เพิ่มระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) และระบบช่วยเตือนในขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) อีกทั้งยังคงมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น
  2. ระบบความปลอดภัยหลังการชน (Passive Safety) โดยตัวรถเสริมโครงสร้างด้านหน้า เพื่อช่วยถ่ายเทแรงกรณีที่เกิดการปะทะ และโครงสร้างด้านข้างแบบวงแหวน ช่วยลดการยุบตัวจากการชน รวมทั้งมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
  3. Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด มีระบบการทำงานเพิ่มเติม คือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์ คันหน้าและระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าในขณะขับขี่

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

5. ระบบการเชื่อมต่อ – สะดวกสบายไปกับ Apple CarPlay และ T-Connect Telematics เพื่อช่วยให้ไม่พลาดในทุกการเชื่อมต่อ ทุกที่ และทุกเวลา

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ก็คือ กลุ่มคนวัยทำงานที่มองหารถยนต์ที่มีดีไซน์เรียบหรู มีระดับ และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมฟังก์ชันครบครัน ทดแทนกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เพื่อตอบรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

โดยแนวทางการสื่อสารของ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ใช้สโลแกน All New Corolla Altis, “Make A New High” “ข้ามสู่ขีดสุดที่เหนือกว่า”

พร้อมทั้งแนะนำพรีเซนเตอร์คนล่าสุด ณเดชน์ คูกิมิยะ นักแสดงยอดนิยม ที่สะท้อนภาพลักษณ์ ที่บ่งบอกถึงความหรูหรา มีระดับ ของโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และหลังจากนี้เราจะจัดกิจกรรมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ ในวันที่ 13-15 กันยายนนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ

นอกจากนั้น ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท ต่อเดือน

All-New-Toyota-Corolla-Altis-2019

และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โคโรลล่า อัลติส ใหม่ มีแพ็คเกจการขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพและฟรีค่าแรงเช็คระยะ อีกทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด มีแพ็คเกจการรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่ ระบบไฮบริด และการรับประกันราคาขายต่อที่โตโยต้า ชัวร์ เช่นเดียวกับ C-HR และ Camry Hybrid โดยได้วางเป้าหมายการขาย ไว้ที่ 2,300 คัน ต่อเดือน

โคโรลล่า อัลติส ใหม่ มีให้เลือก 6 รุ่น และ 7 สี

– White Pearl* – Phantom Brown
– Super White II – Attitude Black Mica
– Silver Metallic – Red Mica Metallic
สีใหม่ 1 สี
– Celestite Gray

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด

– Hybrid Entry เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท***
– Hybrid Mid เกียร์อัตโนมัติ ราคา 989,000 บาท***
– Hybrid High เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท***

(*สำหรับสีพิเศษ White Pearl มีเฉพาะรุ่น Hybrid และเครื่องยนต์ 1.8 GR-Sport เพิ่ม 10,000 บาท)

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน

– Limo เกียร์อัตโนมัติ ราคา 829,000 บาท***
– 1.6G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 869,000 บาท***
– 1.8 GR-Sport** เกียร์อัตโนมัติ ราคา 999,000 บาท***
(**มี 3 สี White Pearl, Red Mica Metallic, Attitude Black Mica)

***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า All-New Corolla Altis ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท ต่อเดือน หรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 48 เดือน

ถ้าคุณอยากซื้อ All-New Corolla Altis ใหม่ สามารถขายรถคันเก่ากับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Toyota-C-HR-Price

Toyota C-HR ใหม่ ราคา 979,000 – 1,159,000 บาท ยอดจองกว่า 3 พันคันแล้ว!

Toyota-C-HR

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยราคาจำหน่ายของซับคอมแพคเอสยูวีรุ่นใหม่ Toyota C-HR (Coupe High Rider) โดยมีผลเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม ศกนี้

นับตั้งแต่ Toyota C-HR ได้แนะนำสู่สาธารณชนในช่วงงาน Motor Expo 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ที่ไร้ขีดจำกัด และเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และ ไฮบริด

Toyota-C-HR

Toyota C-HR ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจนทำให้มียอดลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้ากว่า 3,000 คัน เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 คัน* บัดนี้โตโยต้า พร้อมประกาศราคาจำหน่ายรถรุ่นดังกล่าว โดยมั่นใจว่าราคาที่นำเสนอนั้นเป็นราคาที่คุ้มค่า และทุกท่านสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ นอกจากนั้นเรายังพร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้า ดังนี้

– Custom Name Plate สำหรับลูกค้าที่ทำการจองรถตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561
– ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม.
– พิเศษสำหรับรุ่นไฮบริด รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง

Toyota-C-HR

โดย Toyota C-HR มีเป้าหมายการขายในปี 2561 อยู่ที่ 2,000 คัน/เดือน สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียน จองสิทธิ์ล่วงหน้าตั้งแต่งาน Motor Expo 2017 ทางบริษัทฯ จะเริ่มส่งมอบรถให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป”
*(ข้อมูลยอดลงทะเบียนจองสิทธิ์เป็นเจ้าของล่วงหน้า Toyota C-HR ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 – วันที่ 12 มกราคม 2561)

Toyota-C-HR

Toyota C-HR มาพร้อมแนวคิด “Live Alive…ออกไปใช้ชีวิต” ด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร อีกทั้งการออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำ สะท้อนถึงรูปแบบพื้นผิวของอัญมณีที่มีความประณีตในการเจียระไน นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมไปด้วย 4 เทคโนโลยีใหม่ อันได้แก่

– New Generation of Hybrid ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ พัฒนาให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง แต่เก็บประจุไฟฟ้าได้มากขึ้น ทนทานและประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น โดยประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กม./ลิตร ด้วยการย้ายตำแหน่งของแบตเตอรี่ ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น

– โครงสร้าง TNGA (Toyota Global New Architecture) ถูกพัฒนาขึ้นโดยการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ให้แข็งแกร่ง (Body rigidity) และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง (Low center of gravity) ลดการโคลงตัวของตัวถัง เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพการเกาะถนน (Stablility) คล่องตัวในทุกจังหวะการขับขี่ (Agility) รวมถึงการออกแบบห้องโดยสาร เพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้กว้างขึ้นโดยลดจุดอับสายตา (Visibility) นอกจากนี้ Toyota C-HR มาพร้อมกับช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) ที่นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนแล้วยังเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่อีกด้วย

Toyota-C-HR

– Toyota Safety Sense ระบบความปลอดภัยใหม่ของรถโตโยต้ามาตรฐานระดับโลกรวมเอาระบบความปลอดภัยขั้นสูงไว้ด้วยกัน อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)

Toyota T-Connect Telematics ระบบที่เชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถยนต์ ผ่าน Smart phone และ Apple watch พร้อมทั้งเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อรับข้อมูลและความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง T-Connect Telematics บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม สัญญาณ Wi-Fi ในรถยนต์ และการลดเบี้ยประกันด้วยโปรแกรม Pay As You Drive insurance เป็นต้น

Toyota-C-HR-Price

เลือกเป็นเจ้าของ Toyota C-HR 4 รุ่น 6 สี สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด
(Premium Red/Black Roof, Blue Metallic/Black Roof, Radiant Green Metallic/Black Roof, White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic, Attitude Black Mica)
และ 3 สี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
(White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic, Attitude Black Mica)

รุ่น 1.8 Entry ราคา 979,000 บาท**
รุ่น 1.8 Mid ราคา 1,039,000 บาท**
รุ่น HV Mid ราคา 1,069,000 บาท**
รุ่น HV Hi ราคา 1,159,000 บาท**

Toyota-C-HR

(สำหรับสีพิเศษได้แก่ Premium Red, Blue Metallic และ Radiant Green Metallic พร้อมหลังคาสีดำเพิ่ม 10,000 บาท สี White Pearl Crystal เพิ่ม 10,000 บาท)
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว

Live-Alive-VibeSpace

พร้อมเปิดประสบการณ์ไปกับโตโยต้า “Live Alive Vibe Space”
พบกับยนตรกรรมใหม่ Toyota C-HR และ 4 เทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้ชีวิตของคุณไปได้ไกลกว่า ซึ่งจะยกขบวนไปพบกับลูกค้าโตโยต้าทั่วประเทศ

4-8 มกราคม 2561 เซ็นทรัลลาดพร้าว
19-23 มกราคม 2561 เซ็นทรัล โคราช
7-11 กุมภาพันธ์ 2561 เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่
15-19 กุมภาพันธ์ 2561 เซ็นทรัล ภูเก็ต
23-27 กุมภาพันธ์ 2561 เซ็นทรัล ชลบุรี
7-11 มีนาคม 2561 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมศึกษาได้ที่ http://www.toyota.co.th/model/c-hr/specification

Toyota-C-HR

สำหรับผู้ที่สนใจมองหาและซื้อ Toyota C-HR ใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่า จะขายรถคันเดิมที่ไหนดี ให้ Carro เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ “ซื้อ ขาย รีไฟแนนซ์ รถยนต์อย่างมืออาชีพกับ Carro Thailand” หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ใน Fanpage “Carro Thailand” ครับผม

Suzuki-Spacia

2 บุคลิก 2 สไตล์ เหมาะสำหรับวัยรุ่น และคุณแม่บ้านไว้ขับรถไปรับลูก หรือจ่ายตลาด

“Suzuki Spacia” (ซูซูกิ สปาเซีย) และ “Suzuki Spacia Custom” (ซูซูกิ สปาเซีย คัสตอม) ถึงเวลาปรับโฉมโมเดลเชนจ์ ขวัญใจคนรักรถ K-Car โดยเปิดตัวไปตั้งแต่ในงาน Tokyo Motor Show 2017 ที่ผ่านมา และทุกแบบยังเป็นเครื่องยนต์ Hybrid เอาใจคนรักความประหยัดด้วย

Suzuki-Spacia-Styling

Suzuki-Spacia-Styling

หากย้อนไปดูที่มาของ “Suzuki Spacia” ตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก เริ่มผลิตขายกันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2013 โดยมาแทนที่รุ่น Palette ที่เลิกจำหน่ายไป จนถึงเจเนอเรชั่นที่ 2 (MK53S) นี้ ออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ประตูข้างแบบบานเลื่อนด้วยไฟฟ้า โดย Spacia หน้าตามาแนวน่ารักสดใส เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงและคนที่มีครอบครัว

Suzuki-Spacia-Custom-Styling

Suzuki-Spacia-Custom-Styling

ส่วน “Spacia Custom” หน้าตาดุดัน มีการใช้สีดำตัดกระจกมองข้างและหลังคา เอาใจวัยรุ่น หรือคนวัยทำงานที่ชอบรถขนาดเล็ก

Suzuki-Spacia-Interior

ห้องโดยสารภายใน แผงคอนโซลหน้าดูเหลี่ยมๆ แต่แฝงไปด้วยออพชั่นทันสมัยเพียบ ใช้วัสดุดูแพง ปรับปรุงจุดเก็บของต่างๆ ให้ดูอเนกประสงค์และสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดย Spacia มีให้เลือกทั้งโทนสีเบจ และโทนสีเทา-ดำ ส่วน Spacia Custom มีเฉพาะโทนสีดำเท่านั้น

Suzuki-Spacia-Custom-Interior

Suzuki-Spacia-Custom-Interior

ในส่วนของระบบความปลอดภัย บอกได้คำเดียวว่าจัดเต็ม ซูซูกิ ให้มาทั้ง ระบบเตือนและป้องกันการชนด้านหน้า Dual Sensor Brake Support, ระบบหลีกเลี่ยงการปะทะทั้งหน้า-หลัง ระบบป้องกันการชนด้านหลังขณะถอยหลัง Back-up Brake Support ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ K-Car แถมติดตั้งกล้องมองภาพรอบคัน และระบบ Head-Up Display เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

Suzuki-Spacia-Safety

Suzuki-Spacia-Safety

Suzuki-Spacia-Safetyสำหรับเครื่องยนต์ … มาพร้อมเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 660 ซีซี รหัส R06A แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 52 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 5.1 กก.-ม. (50 นิวตันเมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) สูงสุด 28.2 กม./ลิตร

Suzuki-Spacia-Engine

ในส่วนของแบบ Custom มีเครื่องยนต์เป็น Hybrid Turbo ให้เลือกเพิ่ม แบบ 660 ซีซี รหัส R06A แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VVT Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 64 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 6.1 กก.-ม. (60 นิวตันเมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) สูงสุด 25.6 กม./ลิตร

ทั้ง 2 รุ่น ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า WA05A ให้แรงม้าสูงสุด 3.1 แรงม้า ที่ 1,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 50 นิวตันเมตร ที่ 100 รอบ/นาที (Mild Hybrid) พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบขับเคลื่อนที่มีทั้งล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ

Suzuki-Spacia-Safety

มีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Hybrid X, Custom Hybrid XS และ Custom Hybrid XS Turbo ในราคาตั้งแต่ 1,409,400 – 1,908,360 เยน

ส่วนในไทย โอกาสที่จะนำเข้ามาขายนั้น คงบอกได้แต่เพียงว่า ต้องพึ่งผู้นำเข้าอิสระอย่างเดียว แต่จะใครซื้อหรือไม่ อันนี้ไม่รู้ครับ เพราะราคารวมภาษีแล้ว ราคาประมาณหนึ่งล้านกว่าบาท

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.suzuki.co.jp/

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR รุ่นพิเศษ สำหรับคนชอบ LED

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR (โตโยต้า ซี-เอชอาร์) รถ Crossover SUV แบบ Sub-Compact ที่มีข่าวว่าจะมาขายในประเทศไทยในปี 2560 แต่ก็ยังไม่มาซะทีซะที ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่ามาแน่ๆ ล่ะ … แต่ก็ต้องรอดูในช่วงต้นปีหน้านี้ ที่ทางโตโยต้า ประเทศไทย จะเริ่มตัดสินขายรถรุ่นนี้

โดยในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ได้เปิดตัวไปกันตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ก่อนจะทยอยเปิดตัวไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ต้นปี 2560 … และที่ผ่านมาในญี่ปุ่นเอง ก็เพิ่งออกรุ่นพิเศษ สี Two-Tone เอาใจสาวก C-HR ที่อยากได้รุ่นนี้แบบสีทูโทนไปกันเมื่อเร็วๆ นี้

Toyota-C-HR-LED-Edition

ชื่อรุ่นของ Toyota C-HR นั้นย่อมาจากคำว่า Compact High Rider, Cross Hatch Runabout หรือ Coupé High–Rider ที่ออกแบบตัวถังลงบนแพลตฟอร์มใหม่ของ Toyota TAGA (Toyota New Global Architecture) ในรูปแบบ 4 ประตู แต่ดูคล้ายรถสปอร์ตคูเป้ มีที่เปิดประตูด้านหลัง ถูกซ่อนไว้บริเวณเสา C

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota-C-HR-LED-Edition

สำหรับ Toyota C-HR LED Edition ภายนอกยังคงเดิม เพิ่มเติมด้วยไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ พ่วงด้วยไฟหน้าแบบ LED Daytime Running Light กับไฟเลี้ยวบริเวณกระจกมองข้างแบบ LED ชุดไฟ LED Clearance และไฟท้ายแบบ LED รวมถึงที่จับประตูแบบโครเมี่ยม และล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว คู่กับยาง 215/60R17

Toyota-C-HR-LED-Edition

ภายในไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะออพชั่นต่างๆ ก็มีมาให้อย่างเพียงพอแล้ว อาทิ เครื่องเสียงหน้าจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว พร้อมลำโพง 9 ตัว กำลังขับ 576 วัตต์ ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน และเบาะนั่งหลังพับได้แบบ 60:40

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 8NR-FTS แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D-4T Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 5,200-5,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 18.9 กก.-ม. (185 นิวตันเมตร) ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 15.4 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

และเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 8NR-FTS แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. (142 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้แรงม้าสูงสุด 72 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม. (163 นิวตัน-เมตร) ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (ตามโหมด JC08) ได้มากถึง 30.2 กม./ลิตร และส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

Toyota-C-HR-LED-Edition

Toyota C-HR LED Edition มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น S, G, S-T และ G-T ในราคา 2,540,400 – 2,929,200 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 739,000 – 852,000 บาท