ในช่วงที่ตลาดรถแบบ MPV กำลังบูมในเมืองไทยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ต่างก็มีบรรดาผู้ผลิตรถหลายเจ้าให้ความสนใจและส่งรถลงสู่ตลาด ซึ่ง Proton นำโดย บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่ง Proton Exora (โปรตอน เอ็กซ์โซร่า) กับ MPV 7 ที่นั่ง ลงมาชิมลางดูบ้าง
ชูจุดเด่นมาตรฐานปลอดภัยเหนือระดับ อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และโครงสร้างเหล็ก High Tensile ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพในการเบรก เป็นต้น
Proton Exora เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 พัฒนาบนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ของโปรตอน เพื่อเจาะตลาดมินิ MPV ในภูมิภาคอาเซียน ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดรอบคอบหลายปี ขณะเดียวกันก็พยายามหยิบจับจุดเด่น-จุดด้อยของคู่แข่ง มาพัฒนาเพื่อให้ เอ็กซ์โซร่า เหนือกว่า และถูกใจลูกค้ามากที่สุด
ตัวรถภายนอก สง่างามหรูหรา ตั้งแต่กระโปรงหน้าจรดกันชนท้าย ผสานดีไซน์ตตั้งแต่กระโปรงหน้าจรดกันชนท้าย ผสานดีไซน์ตัวถังตามหลัก Aerodynamics และล้อแม็ก 15 นิ้ว ส่วนห้องโดยสารภายใน กว้างสบายเหนือระดับ ระบบปรับอากาศสำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 เย็นสบายทุกที่นั่งพร้อมความสะดวกสบายรอบคัน สะกวกสบายในการขับขี่ด้วยระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ พร้อมแสดงเบอร์โทรที่หน้าจอวิทยุ มี Music Streaming ให้คุณฟังเพลงที่เก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่าน Bluetooth ได้ รวมถึงเครื่องเล่นวิทยุ CD Audio/MP3/WMV และช่อง AUX Input เป็นต้น
มาพร้อมเครื่องยนต์ Campro CPS ขนาด 1600 ซีซี แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกี่ยร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ในโฉมแรก มีตัวเลือกรุ่นย่อยให้เลือกเพียงแค่ Meduim Line M/T และ A/T กับรุ่นย่อย High Line A/T
ต่อมาในปี 2555 Proton เพิ่มรุ่น Base Line ใน Exora แบบธรรมดา และยังเปิดตัว Exora Turbo ฉีกรูปแบบยานยนต์อเนกประสงค์แบบเดิม สะดุดตาด้วยชุดสเกิร์ตตกแต่งด้านข้าง พร้อมล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบสปอร์ต ไฟท้ายแบบรมดำ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ไฟตัดหมอก คิ้วโครเมียมตกแต่งกระจังหน้า กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต
สำหรับห้องโดยสารภายใน หรูหราด้วยเบาะหนังทูโทนลายใหม่ รวมทั้งแผงประตูด้านข้าง พนักวางแขนแถวที่ 1 และ 2 แบบพับได้ เพลิดเพลินไปกับทุกการเดินทางด้วยอุปกรณ์ให้ความบันเทิง วิทยุ CD แบบ 1 แผ่น เล่นไฟล์ MP 3/WMA พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้า เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ และระบบปรับอากาศพร้อมชุดปรับแรงลมส่วนหลัง พร้อมช่องลม สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 รวมอุปกรณ์ให้ความบันเทิงทั้งเครื่องเล่น DVD จอ LCD แบบจอสัมผัส SD/MMC/USB port เพิ่มอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยด้วยกล้องมองภาพพร้อมจอแสดงผลในกระจกมองหลัง สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System)
เร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 1.6 Turbo รหัส CAMPRO CFE (CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที
ให้สมรรถนะของเครื่องยนต์เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เพิ่มพลังในการเร่งแซงได้มากขึ้น ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และการตอบสนองของรถยนต์ ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์ไม่ลดลง อีกทั้งยังมีรุ่นติดแก๊ส LPG ให้เลือกอีกด้วย
แต่ที่ถือว่าเป็นโฉมท้ายสุดจริงๆ ของ Exora ในบ้านเรา นั่นคือ Proton Exora Prime ที่เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2555 อีกระดับของความหรูหราในรูปแบบ 6 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส แคมโปร CFE (CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 138 แรงม้า ก่อนจะหายสาบสูญจากตลาดรถเมืองไทยไป …
Proton Exora สามารถเปรียบเทียบได้กับ Toyota Wish, Honda Stream, Mitsubishi Space Wagon หรือ Kia Carens เป็นต้น