บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2563 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2564
สำหรับยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายลดลง 21.4% โดยมียอดขายอยู่ที่ 792,146 คัน”
สถิติการขายรถยนต์ในประเทศปี 2563 | ยอดขายปี 2563 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2562 |
ปริมาณการขายรวม | 792,146 คัน | -21.4% |
รถยนต์นั่ง | 274,789 คัน | -31.0% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 517,357 คัน | -15.1% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 409,463 คัน | -16.8% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 364,887 คัน | -15.5% |
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2564 คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกครั้งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เนื่องจากยังคงต้องเผชิญกับหลายปัจจัย จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การพัฒนาวัคซีน และการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ ดังนั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว จึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 850,000 – 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7-14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 | ยอดขาย
ประมาณการปี 2564 |
เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการขายรวม | 850,000 – 900,000 คัน | + 7-14% |
รถยนต์นั่ง | 290,000 – 318,000 คัน | + 5-15% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 560,000 – 582,000 คัน | + 8-13% |
สำหรับยอดขายโตโยต้า ในปี 2563 ยอดขายรวมลดลง 26.5% หรือคิดเป็นจำนวน 244,316 คัน อย่างไรก็ตาม แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 30.8% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เนื่องจากมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Corolla Cross, Yaris ATIV, Fortuner Legender, Hilux Revo และ Innova Crysta ส่งผลให้โตโยต้าสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2563 | ยอดขายปี 2563 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2562 |
ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายโตโยต้า | 244,316 คัน | -26.5% | 30.8% |
รถยนต์นั่ง | 68,152 คัน | -42.1% | 24.8% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 176,164 คัน | -17.9% | 34.1% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 149,635 คัน | -21.9% | 36.5% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 129,893 คัน | -21.5% | 35.6% |
สำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปี 2564 โตโยต้ามีเป้าหมายการขายอยู่ระหว่าง 280,000 – 300,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 15 – 23% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 33.3%
ปริมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 | ยอดขาย
ประมาณการปี 2564 |
เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ส่วนแบ่งตลาด |
ปริมาณการขายโตโยต้า | 280,000 – 300,000 คัน | + 15-23% | 33.0% |
รถยนต์นั่ง | 82,500 – 92,000 คัน | + 21-35% | 29.0% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 197,500 – 208,000 คัน | + 12-18% | 36.0% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 168,500 – 181,000 คัน | + 13-21% | 38.0% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 144,000 – 153,000 คัน | + 11-18% | 38.0% |
ด้านการส่งออกในปี 2563 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 215,277 คัน ลดลง 18.7% ปริมาณการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 442,822 คัน ลดลง 22.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้าปี 2563 |
ปริมาณปี 2563 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2562 |
ปริมาณการส่งออก | 215,277 คัน | -18.7% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 442,822 คัน | -22.4% |
ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 254,000 คัน เพิ่มขึ้น 18% จากปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากภูมิภาคหลัก เช่น เอเชียและโอเชียเนีย
ทั้งนี้โตโยต้าตั้งเป้าการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 527,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 19% จากปี 2563 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายของทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
และการผลิตของโตโยต้าปี 2564 |
ปริมาณปี 2564 | เปลี่ยนแปลง
เทียบกับปี 2563 |
ปริมาณการส่งออก | 254,000 คัน | 18% |
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ | 527,000 คัน | 19% |
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2563
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 104,089 คัน เพิ่มขึ้น 11.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 33,197 คัน | เพิ่มขึ้น 12.6% | ส่วนแบ่งตลาด 31.9% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ |
22,917 คัน | เพิ่มขึ้น 45.3% | ส่วนแบ่งตลาด 22.0% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 10,075 คัน | เพิ่มขึ้น 5.6% | ส่วนแบ่งตลาด 9.7% |
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 38,130 คัน เพิ่มขึ้น 3.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 8,811 คัน | ลดลง 12.6% | ส่วนแบ่งตลาด 23.1% |
อันดับที่ 2 ฮอนด้า | 8,378 คัน | เพิ่มขึ้น 22.4% | ส่วนแบ่งตลาด 22.0% |
อันดับที่ 3 มาสด้า | 3,475 คัน | ลดลง 3.1% | ส่วนแบ่งตลาด 9.1% |
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 65,959 คัน เพิ่มขึ้น 16.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 24,386 คัน | เพิ่มขึ้น 25.7% | ส่วนแบ่งตลาด 37.0% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 22,917 คัน | เพิ่มขึ้น 45.3% | ส่วนแบ่งตลาด 34.7% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 4,595 คัน | เท่าเดิม | ส่วนแบ่งตลาด 7.0% |
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 51,516 คัน เพิ่มขึ้น 14.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 21,566 คัน | เพิ่มขึ้น 46.9% | ส่วนแบ่งตลาด 41.9% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 20,123 คัน | เพิ่มขึ้น 17.5% | ส่วนแบ่งตลาด 39.1% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 4,595 คัน | เท่าเดิม | ส่วนแบ่งตลาด 8.9% |
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 7,512 คัน
อีซูซุ 2,806 คัน – โตโยต้า 2,709 คัน – มิตซูบิชิ 1,118 คัน – ฟอร์ด 856 คัน – นิสสัน 23 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 44,004 คัน เพิ่มขึ้น 11.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ | 18,760 คัน | เพิ่มขึ้น 34.9% | ส่วนแบ่งตลาด 42.6% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า | 17,414 คัน | เพิ่มขึ้น 16.4% | ส่วนแบ่งตลาด 39.6% |
อันดับที่ 3 ฟอร์ด | 3,739 คัน | ลดลง 3.9% | ส่วนแบ่งตลาด 8.5% |
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2563
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 792,146 คัน ลดลง 21.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า |
244,316 คัน | ลดลง 26.5% | ส่วนแบ่งตลาด 30.8% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 181,194 คัน | เพิ่มขึ้น 7.7% | ส่วนแบ่งตลาด 22.9% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า |
93,041 คัน | ลดลง 26.1% | ส่วนแบ่งตลาด 11.7% |
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 274,789 คัน ลดลง 31.0%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า | 77,419 คัน | ลดลง 19.5% | ส่วนแบ่งตลาด 28.2% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
68,152 คัน | ลดลง 42.1% | ส่วนแบ่งตลาด 24.8% |
อันดับที่ 3 นิสสัน | 27,120 คัน | ลดลง 24.3% | ส่วนแบ่งตลาด 9.9% |
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 517,357 คัน ลดลง 15.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ | 181,194 คัน | เพิ่มขึ้น 7.7% | ส่วนแบ่งตลาด 35.0% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
176,164 คัน | ลดลง 17.9% | ส่วนแบ่งตลาด 34.1% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 35,046 คัน | ลดลง 29.0% | ส่วนแบ่งตลาด 6.8% |
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 409,463 คัน ลดลง 16.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ |
168,467 คัน | เพิ่มขึ้น 10.0% | ส่วนแบ่งตลาด 41.1% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
149,635 คัน | ลดลง 21.9% | ส่วนแบ่งตลาด 36.5% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ |
35,046 คัน | ลดลง 29.0% | ส่วนแบ่งตลาด 8.6% |
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 44,576 คัน
โตโยต้า 19,742 คัน – มิตซูบิชิ 9,342 คัน – อีซูซุ 8,139 คัน – ฟอร์ด 5,343 คัน – นิสสัน 1,338 คัน – เชฟโรเลต 672 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 364,887 คัน ลดลง 15.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ |
160,328 คัน | เพิ่มขึ้น 11.6% | ส่วนแบ่งตลาด 43.9% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
129,893 คัน | ลดลง 21.5% | ส่วนแบ่งตลาด 35.6% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ |
25,704 คัน | ลดลง 28.2% | ส่วนแบ่งตลาด 7.0% |
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: