BMW รถยุโรปที่ติดอันดับขายดีในเมืองไทย เป็นรถใช้ดีที่สุดยี่ห้อหนึ่ง แม้ในอดีตหลายสิบปีก่อน ผู้ใช้รถ BMW จะขยาดในเรื่องค่าซ่อมบำรุงและค่าอะไหล่
แต่ปัจจุบันเมื่อบริษัท BMW ได้เข้ามาดูแลเองโดยเปิดบริษัท BMW Thailand ไม่ผ่านบริษัทตัวแทนอีกต่อไป ทำให้ผู้ใช้รถมีความมั่นใจเรื่องการบริการดูแลหลังการขายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อรถ BMW ใหม่ หรือผู้ซื้อรถ BMW มือสอง อย่างน้อยก็มั่นใจว่าจะมีคนดูแลเรื่องการซ่อมและบริการอะไหล่ให้อย่างแน่นอน
รถ BMW จึงกลับมาเป็นรถยอดนิยมอย่างรวดรวดเร็วขึ้นอีกครั้ง มีผู้ใช้มากขึ้นสังเกตได้จากการมองไปตามท้องถนนจะเห็นรถ BMW มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะรถหรูหรามีระดับอย่างรถ BMW Series 5 (บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5) มือสอง ที่แตกต่างจากรถยุโรปยี่ห้ออื่นๆ
คนไทยรู้จัก BMW Series 5 รหัส E12 รุ่นแรกมานานแล้ว รุ่นยอดนิยมคือ 520 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 115 แรงม้า จ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์
จุดเด่นของ E12 คือความปลอดภัยของห้องโดยสาร โดยมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ตัวรถออกแบบโดย Paul Bracq ชาวฝรั่งเศส
โฉมนี้ เป็นโฉมที่สร้างความสำเร็จทางด้านยอดขายอย่างถล่มทลายให้กับ BMW เลยทีเดียว
BMW Series 5 รหัส E28 มือสอง เปิดตัวในปี 2524 ยังคงเส้นสายบนตัวถังเหมือนกับตัว E12 ไว้ แต่กระจังหน้าใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนชุดไฟหน้าใหญ่ขึ้น ในบ้านเรา มีทั้งแบบกันชนเล็ก และกันชนใหญ่ พร้อมกับย้ายที่ติดน้ำมันมาอยู่ด้านข้างตัวรถ ช่วงล่างถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด
ในบ้านเราจำหน่ายโดย ยนตรกิจ จะมีรุ่นยอดนิยมอย่าง 520i ที่ถือได้ว่า ขายดีมากเลยทีเดียวในยุคนั้น และก็ยังมีตัว 528i ที่ผลิตจำนวนจำกัด มาพร้อมชุดแต่ง
BMW Series 5 รุ่นนี้ ยังเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถที่ต้องการสะท้อนตัวตนในเรื่องความภูมิฐาน ความทันสมัย แบบยุค 80
BMW Series 5 รหัส E34 มือสอง รุ่นยอดนิยมสุดๆ ในบ้านเราอีกหนึ่งรุ่น จำหน่ายโดย ยนตรกิจ เช่นเคย นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2531 ก็จะมีรุ่น 4 ประตู Sedan ยอดนิยมอย่าง 520i, 525i ซึ่งภายหลัง ยนตรกิจ ได้ประกอบขายในประเทศด้วย และรวมไปถึงรุ่น Wagon ที่มีนำเข้ามาขายเช่นกัน
ใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า และ 2.5 ลิตร 192 แรงม้า มีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 เกียร์ และเกียร์อัตโนมัติ 4 เกียร์ พร้อมโหมดปรับ Manual / Sport
ช่วงปลายปี 2535 ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ได้ฉายาจากเต็นท์รถมือสองว่า "บิ๊กโนส" เปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ กระจกมองข้างใหม่ ในรุ่น 525i ใช้เครื่องยนต์รหัส M50TU แบบ 6 สูบเรียง ที่พัฒนาระบบ Single Vanos มาใช้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติของ ZF แบบ 4 เกียร์ พร้อมระบบโอเวอร์ไดร์ฟ และโหมดปรับ Manual / Sport
ในปี 2537-2538 นำเข้ารุ่น 520i จากมาเลเซีย เพื่อทำราคาให้แข่งขันได้มากขึ้น โดยคอนโซลหน้า แผงประตูภายในรถ จะเป็นสีน้ำเงิน และยังมีรุ่น 520iS โดยได้มีการปรับจูนเครื่องใหม่ให้แรงขึ้น และเป็นรุ่นที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ จากยนตรกิจโดยตรง
BMW Series 5 รหัส E39 มือสอง เริ่มจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 2540 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ ยนตรกิจ ขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับปีที่เกิดเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อกรกฎาคม 2540 พอดี รุ่นนี้ที่ขายในไทยมีอยู่ 4 รุ่นด้วยกัน คือ 520i, 523i, 523iA และ 528i ภายหลังบริษัทแม้จากเยอรมนี จึงได้เข้ามาสานการขายต่อในปี 2541
อัดแน่นด้วย Option ล้ำยุค (ในเวลานั้น) เพียบ เช่น พวงมาลัย Multifunction, เบาะ Active Seat, และระบบ DSC
รุ่นย่อยที่ขายดีที่สุดคือ 523i และ 523iA โดยใช้เครื่องยนต์รหัส M52 และ M52TU ขนาด 2.5 ลิตร 6 สูบ 170 แรงม้า และขนาด 2.4 ลิตร 6 สูบ 184 แรงม้า
ต่อมาได้มีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมในประเทศไทยเมื่อปี 2544 โดยยกเลิกจำหน่าย 520i และ 528i ทิ้งไป และได้เปลี่ยนรุ่นย่อยจาก 528i เป็น 530i โดยรุ่นย่อยของตัวไมเนอร์เชนจ์ LCI (หรือ Life Cycle Impulse) ที่ขายในไทย ได้แก่ 523i/523iA Executive, Comfort, Sport และ 530i M Sport
ในปี 2546 E39 รุ่นปรับโฉมหรือ LCI ในไทยเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็นรหัส M52TUB24 ขนาด 2.4 ลิตร 6 สูบ 184 แรงม้า ในรุ่น 523i และ 523iA และเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบ 219 แรงม้า รหัส M54B30 ในรุ่น 530i
BMW Series 5 รหัส E60 มือสอง เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2547 เป็นผลงานการออกแบบของ "Chris Bangle" นักออกแบบรถชื่อดังของ BMW ในเวลานั้น ซึ่ง E60 นี้ ก็เป็นรุ่นที่เหล่า Bimmer มีทั้งชอบ และไม่ชอบ โดยช่วงแรกจะจำหน่ายรุ่น 525i และ 530i เป็นรุ่นนำเข้า ต่อมาได้มีการเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศในช่วงปลายปี 2547 และได้เพิ่มอีก 2 รุ่นเป็น 4 รุ่นคือ 520i, 525i, 525i-SE และ 530i
ใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 170 แรงม้า, 2.5 ลิตร 190 แรงม้า, 3.0 ลิตร 231 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ของ ZF พร้อม Steptronic
ในปี 2549 เปิดตัวรุ่น 520d ใช้เครื่องดีเซลเป็นครั้งแรก ในวันที่ 9 กันยายน 2549 โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลรหัส M47D20TU ขนาด 2.0 ลิตร Turbo รุ่นล่าสุด 163 แรงม้า กับระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Steptronic
ก่อนจะปรับปรุงรุ่น 525i ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ใหม่รหัส N52 ขนาด 2.5 ลิตร 218 แรงม้า ในช่วงกลางปี 2550 และเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือ LCI ในช่วงปลายปี 2550 ปรับแบบไฟหน้า ไฟท้าย เพิ่มแถบหรือเส้นเข้าไปอยู่ในโคมไฟ พร้อมกับเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแบบ LED ภายในห้องโดยสารปรับแต่งใหม่ สีทูโทน และยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ใส่เกียร์ไฟฟ้าแบบจอยสติกเข้ามาในรุ่น 525i
หลังจากนั้นในปลายปี 2552 ได้เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ให้กับรุ่นขายดีอย่าง 520d คือ 520d Corporate มีการใส่ระบบ iDrive เป็นอุปกรณ์มาตรฐานและระบบที่ไฮเทคขึ้นจากรุ่นก่อน เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control, เซนเซอร์ถอยจอด และระบบ Head-Up Display เป็นต้น
BMW Series 5 รหัส F10 เปิดตัวในไทยช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 ตัวรถออกแบบโดยนักออกแบบชาวฮอลแลนด์ Adrian Van Hooydonk มาพร้อมรูปทรงภายนอกที่สมดุลอย่างลงตัว ฐานล้อที่ยาว ในขณะที่แนวหลังคาที่ลาดเทลง ให้ความรู้สึกถึงรถสปอร์ตคูเป้
เส้นขอบหน้าต่างบานหลังหักมุมในแบบ "Hofmeister Kink" ตั้งชื่อตามผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ BMW - Wilhelm Hofmeister ที่เริ่มใช้ดีไซน์นี้ในรถรุ่น 1500 ตั้งแต่ปี 1961 สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็น BMW อย่างลงตัว เปิดตัวรุ่นนำเข้าทั้ง 2 รุ่นคือ BMW 535i และ BMW 530d
ใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง TwinPower Turbo ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร 245 แรงม้า และเบนซิน 3.5 ลิตร 306 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 8 สปีด พร้อม Dynamic Driving Control และ Steptronic
ต่อมาเปิดตัว BMW 523i ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ โดยมี 2 รุ่น ประกอบด้วย BMW 523i และ BMW 523i Highline มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร 204 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Dynamic Driving Control และ Steptronic
ปี 2554 เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 520d และ 525d ซึ่งเข้ามาแทนที่ 530d รุ่นนำเข้า โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นรุ่นประกอบในประเทศ พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 520i Touring Sport และ 520d Touring Sport รถแวกอนพร้อมชุดแต่ง M Sport
ปี 2555 เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ในรุ่นเครื่องเบนซินอย่าง 520i, 528i, และ 528i Sport โดยทั้ง 3 รุ่น เข้ามาจำหน่ายแทน 523i ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ผนวกกับ Double VANOS พร้อม VALVETRONIC และ Twin-Scroll Turbo 218 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
พร้อมเปิดตัวรุ่น ActiveHybrid 5 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ปี 2556 ปรับอุปกรณ์ใหม่โดยเพิ่มระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง Rear Seat Entertainment (ยกเว้นรุ่น 520d, 520i และ 528i Sport) พร้อมจอขนาด 9.2 นิ้ว 2 ตำแหน่ง แยกการแสดงผลเป็นอิสระ พร้อมรีโมทคอนโทรล สามารถดูโทรทัศน์และภาพยนตร์จากแผ่น DVD, แผนที่จากระบบนำทางผ่านดาวเทียม และแยกการฟังวิทยุผ่านทางหูฟังส่วนตัว (เป็นอุปกรณ์เสริม)
เดือนมีนาคม 2557 เปิดตัวรุ่นปรับโฉมหรือ LCI โดยมี 7 รุ่นย่อยคือ 520i, 520d, 525d M Sport, 525d Luxury, 528i M Sport, 528i Luxury และ ActiveHybrid 5 ส่วนในปี 2558 ตัดรุ่น 520d และ ActiveHybrid 5 ทิ้งไป พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่เป็นรุ่น 520d M Sport แทน 520d รุ่น base
เดือนสิงหาคม 2559 เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ 520d Elite รุ่นประกอบในประเทศ โดยตัดชุดแต่ง M Sport / ล้อ M Sport ออกไป ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วน Option พื้นฐาน และอุปกรณ์ต่างๆ ใกล้เคียงกับ 520d M Sport เดิม
BMW Series 5 รหัส G30 เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2560 มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย คือ 520d Luxury, 520d Luxury (Limited) และ 530i M Sport โดยเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคัน
ในเดือนสิงหาคม 2560 เปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศเป็น 520d Sport
พอในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 เปิดตัวรุ่น 530e Plug-in Hybrid ทั้ง 2 รุ่นย่อยคือ Luxury และ M Sport รุ่นประกอบในประเทศ แทนรุ่นนำเข้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 252 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร กินน้ำมันเพียง 17.5 กม./ลิตร
มาถึง 22 กุมภาพันธ์ 2561 เปิดตัว BMW M5 ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ M TwinPower Turbo แบบ V8 ความจุ 4.4 ลิตร 600 แรงม้า ในราคา 13.339 ล้านบาท!
ต่อมาในเดือนมีนาคม 2561 เปิดตัว 530i Touring M Sport แบบแวกอน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 252 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 250 กม./ชม.
ความต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะตอบสนองการขับขี่ที่ทรงพลัง ปลอดภัย มั่นใจในทุกการเดินทางได้ดีที่สุด BMW Series 5 เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ตอบโจทย์คนรักรถได้อย่างลงตัว จากผู้ใช้ที่ได้ทดลองขับ BMW Series 5 สรุปได้ว่า BMW Series 5 ไม่เป็นรองใครเลย หรือเรียกง่ายๆ ว่ากินขาด ด้วยเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล
และเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่เป็นรุ่น 520d M Sport โดยจำหน่ายแทนรุ่น 520d Sport เดิม กับเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ 530e Highline เพื่อมาแทนรุ่น 530e Luxury เดิม
การจะได้เป็นเจ้าของรถ BMW Series 5 สักคันนับเป็นความฝันของคนรักรถ การจะจ่ายเงินหลายล้านบาทเพื่อเป็นเจ้าของรถ BMW Series 5 ใหม่ๆ สักคันก็ต้องคิดให้รอบครอบ แต่ถ้าต้องการความคุ้มค่าและประหยัดเงิน เราสามารถเป็นเจ้าของ BMW Series 5 มือสอง ได้ง่ายกว่า เนื่องจากตลาดซื้อรถมือสองมีรถ BMW Series 5 มือสอง สภาพสวยๆ ให้เลือกมากมาย
สำหรับ BMW Series 5 สามารถเปรียบเทียบได้กับ Mercedes-Benz E-Class, Audi A6, Volkswagen Passat, Volvo S60 หรือจะเป็น Lexus GS ก็ได้เช่นกัน
BMW Series 5 มือสอง มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นตั้งแต่หมื่นกลางๆ ไปจนถึงล้านกลางๆ ตอบสนองทั้งคนเงินน้อยและเงินมากแต่ชอบรถเราได้ เลือก BMW Series 5 มือสอง รุ่นที่ถูกใจ และมองหาในเว็บไซต์ตลาดรถยนต์มือสอง เปรียบเทียบราคาและนัดดูรถพร้อมทดลองขับก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ไม่แน่ว่าเนื้อคู่คันต่อไปของคุณอาจเป็น BMW Series 5 มือสอง ก็ได้ใครจะรู้