Carro-Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris … ยาวกว่าพี่ กว้างกว่าพี่ ก็ไม่มีแล้วน้อง!!!

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) อีโคคาร์จากค่ายพี่ใหญ่อย่าง Toyota (โตโยต้า) โดยรถรุ่นนี้ทำการเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ถือเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยไม่น้อย ถึงขนาดที่ว่าโตโยต้าเคลมว่า ยาริส อีโคคาร์ เป็นรถที่ขายที่ดีที่สุดในกลุ่มรถแฮทช์แบ็ค

มาดูกันว่าทำไม ยาริส อีโคคาร์ ถึงมียอดขายดี เริ่มกันที่รูปทรงโดยรวมก็ต้องบอกว่าใหญ่จริงอะไรจริง ดูจะออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยอย่างมาก เพราะรถมีขนาดที่ใหญ่ – ยาว เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นแฮทช์แบ็คอีโคคาร์ เหมือนกันก็ถือว่าใหญ่ที่สุด

ด้วยมิติตัวถัง ยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม.

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เมื่อไล่เรียงสายตามาดูถึงการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก – ภายใน จะพบว่าดีไซน์ด้านหน้ามีความโดดเด่นที่ดึงดูดสายตามากกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมกันชนและสเกิร์ต ที่จะมีสีตัดกับตัวกระโปรงรถ ดูแล้วให้อารมณ์สปอร์ต ส่วนไฟหน้าถือเป็นพระเอกที่ถูกใจมาก เพราะรูปทรงสวย มีขนาดใหญ่ โดยไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ในรุ่น G และ TRD Sportivo แต่ในรุ่นรองลงมา จะเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ด้านข้างตัวบอดี้จะเห็นเส้นสายการออกแบบ ไล่ระดับสายตาลงมาด้านล่างจะเห็นล้ออัลลอยแบบเรียบๆขนาด 15 นิ้ว ส่วนด้านหลังตรงกระโปรงรถมีคิ้วฝากระโปรงโครเมียม ดูแล้วให้ความรู้สึกพรีเมียมนิดๆ ใกล้ๆ กันมีที่ปัดน้ำฝน ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ขณะที่ภายในห้องโดยสาร แว็บแรกที่เปิดประตูเข้ามาดูโดยรวมๆเรียกว่าดูดี วัสดุที่ใช้ในการประกอบดูมีราคา ตัวคอนโซลหน้าก็ยกชุดคอนโซลจาก วีออส มาใช้ เป็นสีดาร์กซิลเวอร์ในรุ่นปกติ แต่ถ้าเป็นรุ่นแต่งพิเศษจะเป็นแบบเปียโนแบล็ค ตัวพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับสูง-ต่ำได้ ควบคุมระบบเครื่องเสียงได้ ส่วนมาตรวัดจะเป็นแบบอนาล๊อก ด้านเครื่องเสียงความบันเทิงต่างๆก็รองรับทั้งวิทยุ, MP3 ช่องต่อ USB, ช่องต่อ AUX และถ้าใครเลือกรุ่นแต่งพิเศษก็สามารถใช้สมาร์ท G-Book ได้

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

มาลองนั่งในห้องโดยสารกันดูบ้าง โดยตัวเบาะนั่งจะเป็นผ้าสีดำ แต่ถ้าใครชอบเบาะหนังก็เลือกรุ่นแต่งพิเศษ  ซึ่งความรู้สึกที่ได้นั่งในรถรุ่นนี้ถือว่าโอเค!! กว้างขวาง ไม่ติดขา ไม่ติดหัว นั่งสบาย ทั้งเบาะนั่งด้านหน้า และฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนี้สามารถพับเก็บได้ 60:40 ดังนั้นไม่ต้องห่วงพื้นที่ในการจัดเก็บของรับรองมีเหลือเฟือ เหนือรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

และที่คงเอกลักษณ์ของยาริสรุ่นก่อนมาก็ต้องยกให้ที่วางแก้วจัดมาสามจุดใหญ่ทั้งด้านหน้าฝั่งคนขับและคนนั่งคู่ ส่วนตรงคอนโซลกลางหลังเกียร์ก็มีที่วางแก้วอีกหนึ่งจุด

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

เรียกได้ว่าเป็นอีโคคาร์รุ่นแฮทช์แบ็ค ที่เหนือกว่ารุ่นอื่นๆ จริงๆ ในแง่ของความใหญ่โตโอฬาร และดีไซน์ที่ดูพอเหมาะพอเจาะ ไม่ดูแก่ไป ไม่ดูวัยรุ่นไป ใครที่ชื่นชอบรถในสไตล์แบบนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ อย่างไรก็ตามด้วยราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันก็อาจจะทำให้ใครหลายคนต้องพิจารณากันอย่างหนัก เอาเป็นว่าก่อนจะตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ก็ควรจะทดลองขับ และดูความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนดูว่าเป็นอย่างไร

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่ปรับลดขนาดมาจากรุ่นก่อนหน้า เพื่อให้เป็น Eco-Car เต็มตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ที่ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3NR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 11.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับแก๊สโซฮอล์ E20 เกียร์อัตโนมัติ CVT

ระบบช่วงล่างของ ยารีส เหมือนกับ วีออส นุ่มนวล เกาะถนน ควบคุมง่าย น้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้ากำลังดี ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป ขับทางไกลให้ความมั่นใจมากกว่ารุ่นเดิม และตัวรถที่ความสูง 1,475 มม. ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง อาการโยนตัวเมื่อเข้าโค้งก็น้อยลง

ในตอนออกมาใหม่ๆ ยิ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของการปรับราคา ให้น่าสนใจกว่าคู่แข่งค่าย H แต่ก็ต้องแลกกับพละกำลังที่ลดลงเพื่อความประหยัดน้ำมันเช่นกัน และถ้าพิจารณาแล้ว รู้สึกว่ารถคันนี้แหละที่ตอบโจทย์ ก็เชิญไปเลือกสีเลือกรุ่นกันได้เลย

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย Mr.Carro …

ความคุ้มค่าตอนซื้อ

รุ่นนี้ในตลาดรถมือสอง ถือว่าได้รับความนิยมมาก นับตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ ที่พอมีกำลังผ่อนรถต่อเดือนหลักพันไหว หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ เป็นรถรุ่นมีวิ่งให้เห็นกันเกลื่อนเมือง ใช้งานได้หลากหลาย ขนของได้ ขับออกต่างจังหวัดก็ได้

ความคุ้มค่าตอนใช้งาน

เป็นรถที่ขับสนุกใช้ได้ ช่วงล่างดี เกาะถนน พวงมาลัยไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม Eco-Car ออพชั่นก็ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งาน

ส่วนข้อเสียก็มีอยู่บ้าง บางคนอาจจะไม่ชอบหน้าตาของรุ่นนี้ ไม่ชอบชุดไฟท้าย หรือกำลังเครื่องยนต์ ที่ขับแล้วรู้สึกอืด ไม่มันส์เวลาจะเร่งแซงต้องกดคันเร่งมากๆ ทำให้กินน้ำมันมาก (แทบจะเท่ากับ Vios) ตามไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นรถ Eco-Car มันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกรุ่นละครับ

ความคุ้มค่าตอนซ่อม

ตอนซ่อม ตอนเข้าศูนย์ ราคาอะไหล่ไม่แพง ตัวรถไม่จุกจิก อาจจะต้องเตรียมงบไว้สำหรับดูแล อย่างน้อยๆ ปีละ 5,000 – 10,000 บาท (กรณีดูแลรักษาทั่วไป ถ้ามีเช็คระยะใหญ่ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินไว้เพิ่ม) ครับ

ความคุ้มค่าตอนขายต่อ

สำหรับ Toyota Yaris โฉมนี้ มีราคามือสองอยู่ที่ 340,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาในตลาดรถปี 2561 – 2562 โดยประมาณ และขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย กับ สภาพของตัวรถ)

โดย ยาริส มีให้เลือกตั้งแต่รุ่น J ECO, รุ่น J, รุ่น E, รุ่น G และรุ่น TRD Sportivo

มีสีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีส้ม Orange Metallic, สีแดง Red Mica Metallic, สีฟ้า Frozen Blue Metallic, สีขาว Super White II, สีบรอนซ์เงิน Silver Metallic, สีเทาดำ Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

Download Catalogue Toyota Yaris (คลิกที่ภาพ)

Review-Toyota-Yaris-Eco-Car

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

ไม่มีกล้องโปร ก็ถ่ายรูปรถสวยได้

ในปัจจุบันการขายรถออนไลน์เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ รูปถ่ายของรถคันนั้นๆ วันนี้ คาร์โร จะพาไปดูว่าควรจะเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการถ่ายรูป ลองไปดูกันเลย!!

1) ทำความสะอาดรถยนต์

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

Source: redhawkcarwash.com

เริ่มกันก่อนเลยคือ การทำความสะอาดรถ ควรทำความสะอาดรถยนต์ทั้งด้านนอก ด้านในให้สะอาด และจัดเก็บสิ่งของต่างๆในรถให้เรียบร้อยและดูน่าใช้ คงไม่มีใครชอบรถที่ไม่สะอาด เช่นเดียวกันรูปรถที่ไม่สะอาดจะทำให้คนให้ความสนใจรถคันนั้นน้อยลง และทำให้ขายได้ยากขึ้น รู้แบบนี้แล้วก่อนเริ่มถ่ายรูปรถ เราก็ควรเริ่มจากการทำความสะอาดกันก่อนเลย

2) เลือกสถานที่ถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

สถานที่ถ่ายรูปเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ว่าจะถ่ายรูปอะไรก็ตาม ยิ่งเป็นรถแล้ว การหาสถานที่เหมาะสมก็เป็นไปได้ยากขึ้น

  • ไม่แนะนำ ให้ถ่ายรูปในหรือหน้าบ้าน เพราะอาจจะทำให้รูปส่วนตัวที่หลุดไปให้คนแปลกหน้าเห็นได้
  • แนะนำให้ ไปถ่ายรูปที่ตามสถานที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะหรือลานจอดรถ ถ้าหากมีต้นไม้หรือน้ำเป็นองค์ประกอบในรูปจะทำให้รถของคุณเด่นขึ้นและสวยขึ้นมาเลยทีเดียว

สรุปคือควรเลือกสถานที่ที่ทำให้รถยนต์เด่นและมีองค์ประกอบอื่นให้น้อยที่สุด เพื่อให้คนซื้อสนใจแต่รถของคุณ

3) ช่วงเวลา

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

 

ควรหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปตอนกลางคืนหรือในช่วงที่ฝนตก เพราะจะทำให้รูปรถไม่ชัดเจน ควรเลือกวันที่แดดออกและควรให้พระอาทิตย์อยู่ด้านหลังคุณเวลาถ่ายรูป เพื่อเวลาถ่ายรูปจะไม่ย้อนแสง ทำให้ถ่ายรูปง่ายขึ้นและเห็นรถของคุณอย่างชัดเจนด้วย

4) มุมถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

มุมถ่ายรูปเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้คนซื้อเห็นรถของคุณอย่างครบถ้วนทำให้ตัดสินใจซื้อรถได้ง่ายขึ้น ควรถ่ายรูปให้ได้มากที่สุดที่สามารถลงขายได้ การถ่ายรูปควรเริ่มจากการถ่ายด้านนอกรถ โดยเริ่มจากการถ่ายประมาณ 3/4 ของหน้ารถ, หน้ารถเต็ม และหมุนไปเรื่อยๆจนรอบคัน

จากนั้นให้ถ่ายด้านในรถ ควรถ่ายรูปจากประตูคนขับเข้าไป และหน้าปัดรถยนต์ โดยทริคการถ่ายรูปหน้าปัดคือนั่งที่เบาะหลังและถ่ายเข้าไปที่หน้าปัดในรูปเดียว จากนั้นให้ถ่ายรูปเครื่องยนต์และข้างในกระโปรงหลัง ถ้าหากรถของคุณมีฟังก์ชั่นพิเศษควรถ่ายมาเพิ่มเช่นกัน โดยรวมๆจะได้ประมาณ 10-20 รูป ไปลองหามุมถ่ายกันเลย

5) กล้องถ่ายรูป

5 วิธีง่ายๆ ถ่ายรูปรถให้สวย

Source:CNET

ถ้าหากเป็นเมื่อหลายปีก่อน ก็คงแนะนำให้ใช้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลและขาตั้งกล้อง เพื่อให้ได้รูปที่ชัดเจน แต่กล้องมือถือในปัจจุบันก็พัฒนาขึ้นมามาก จนสามารถใช้ถ่ายรูปรถยนต์ได้ค่อนข้างชัดเจนและสวยงามกันเลยทีเดียว

ข้อควรระวังหลักคือเรื่องแสงและการสั่นของภาพ เพราะภาพที่ไม่ชัดเจนจะทำให้คนสนใจรถคุณน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว และไม่แนะนำให้อัพโหลดรูปขึ้นจากมือถือเลย ควรตรวจดูจากคอมพิวเตอร์ก่อน เพื่อให้ได้รูปที่คมชัดและแสงสีดีที่สุด

เป็นอย่างไรกันบ้าง 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณถ่ายรูปรถยนต์ให้สวยงาม รูปยิ่งสวย คนก็จะยิ่งให้ความสนใจมาก และทำให้รถขายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ลองไปใช้กันดูนะ ซึ่งถ้าใครถ่ายรูปรถเสร็จแล้วกำลังมองหาที่ลงขายรถ สามารถมาขายรถกับที่คาร์โรได้นะ ให้ราคาดี ไม่กดราคา รวดเร็วทันใจ ได้รับเงินสดทันที คลิกที่ลิงค์เลย > th.carro.co/sell-car/express

 

อย่ามองข้าม สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์

เวลาที่รถมีปัญหา หรือฟังก์ชั่นบางอย่างถูกเรียกใช้งาน สัญลักษณ์ไฟจะโชว์ขึ้นมาที่หน้าปัดรถยนต์ ซึ่งอาจจะหมายถึงเรื่องเล็กๆ เช่น ไม่ได้ขาดเข็มขัดนิรภัยไป จนถึงไปเรื่องที่ร้ายแรง เช่น เครื่องพัง ก็ได้

ซึ่งในวันนี Carro จะพาไปดูสัญลักษณ์ 14 อันที่คุณควรรู้ความหมายเวลาขึ้นแจ้งเตือนบนหนัาปัดรถ ดังนี้

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 1

1) น้ำมันเครื่องพร่อง
ความหมาย: น้ำมันเครื่องพร่อง และอยู่ในระดับต่ำ
ควรทำอย่างไร: ควรหยุดรถและดับเครื่อง เและเข้ารับบริการให้เร็วที่สุด

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 2

2) ระบบไดชาร์จมีปัญหา
ความหมาย: หลายคนอาจคิดว่าแบตเตอรี่หมด แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นปัญหาที่รุนแรงกว่านั้นคือระบบไดชาร์จมีปัญหา และรถต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่เท่านั้น
ควรทำอย่างไร: ควรดับเครื่อง และลงมาดูว่าสายพานไดชาร์จขาดหรือไม่ ถ้าไม่ขาดจะสามารถขับต่อไปประมาณ 5 กม. ซึ่งควรรีบนำรถเข้าให้ช่างดูโดยเร็ว

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

3) ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย
ความหมาย:
มีคนบนรถไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ควรทำอย่างไร: 
คาดเข็มขัดนิรภัย

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 3

4) ไฟเตือนถุงลมนิรภัย
ความหมาย:
ระบบถุงลม, เข็มขัดนิรภัย, ระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องมีปัญหา
ควรทำอย่างไร:
สามารถขับต่อได้ แต่ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบนิรภัยโดยเร็ว

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์ 4

5) ไฟเตือนอุณภูมิเครื่องยนต์
ความหมาย: เครื่องยนต์ทำงานในสภาวะความร้อนสูง อาจมีสิ่งผิดปกติกับระบบระบายความร้อน
ควรทำอย่างไร:  ควรหยุดรถและไม่เปิดหม้อน้ำโดยเด็ดขาด และเข้ารับบริการ

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

6) ไฟเตือนระบบ ABS
ความหมาย:  ระบบ ABS มีปัญหา
ควรทำอย่างไร:  รีบเข้าบริการเพื่อเช็คระบบ ABS

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์
7) ไฟเตือนน้ำที่ปัดน้ำฝน
ความหมาย:  น้ำที่ปัดน้ำฝนต่ำ
ควรทำอย่างไร:  เติมน้ำที่ปัดน้ำฝน

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

8) ไฟเตือนน้ำมันรถ
ความหมาย: ระดับน้ำมันต่ำ กำลังใช้น้ำมันสำรอง
ควรทำอย่างไร: เติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

9) ไฟแสดงไฟสูง
ความหมาย:: กำลังเปิดไฟสูง
ควรทำอย่างไร: ไฟสูงมีประโยชน์ในที่มีแสงสว่างน้อย แต่ในการวิ่งที่ปกติ แสงไฟจะอยู่ในระดับสายตาของผู้ขับคันอื่นซึ่งเป็นอันตรายมาก ควรจะใช้ไฟปกติแทน

Car Door

10) ไฟแสดงสถานะประตู
ความหมาย: ประตูรถปิดไม่สนิท
ควรทำอย่างไร: ปิดประตูรถให้สนิท และให้ไฟแจ้งเตือนดับก่อนขับรถออก

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

11) ไฟแสดงสถานะไฟตัดหมอก
ความหมาย: ไฟตัดหมอกทำงาน
ควรทำอย่างไร: ควรใช้ในสภาวะที่หมอกลงจัดเท่านั้น

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์
12) ไฟแสดงสถานะระบบความปลอดภัย
ความหมาย: ระบบกันขโมยมีปัญหา หรือรถไม่ได้ล็อกแต่กุญแจไม่ได้อยู่ในจุดที่สตาร์ทเครื่องได้
ควรทำอย่างไร: ตรวจเช็คว่ามีกุญแจรถอยู่กับตัวก่อนสตาร์ทรถ

หน้าปัดรถ ไฟรถยนต์

13) ไฟแสดงสถานะระบบกันลื่นไถล
ความหมาย: ระบบกันลื่นไถลมีปัญหาหรือไม่ทำงาน
ควรทำอย่างไร: ขับขี่ด้วยความระมัดความระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่ถนนลื่น

ไฟเตือนหน้าปัดรถ

14) ระบบแจ้งเตือนลมยาง
ความหมาย: ลมยางในล้อใดล้อหนึ่งต่ำ
ควรทำอย่างไร: หาที่จอดรถและตรวจสอบว่ายางรั่วหรือไม่ แล้วเขัารับบริการปะหรือเติมลมยาง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับไฟเตือนสถานะบนหน้าปัดรถยนต์ ควรศึกษาให้ดีเพราะบางไฟเตือนเป็นอันตรายกับการขับขี่เป็นอย่างมาก