8 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเด่น ในงาน Big Motor Sale 2022

ในปี 2022 นี้ “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ Electric Vehicle (รถ EV) ยังคงความมาแรงสุดๆ ในไทยและในวงการยานยนต์โลก แม้ว่าในขณะนี้ทั่วโลกจะยังขาดแคลน Chip Semiconductor (ชิปเซมิคอนดักเตอร์) และ Silicon (ซิลิคอน) ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้า

เพราะชิป ใช้เป็นสารกึ่งตัวนำในชิ้นส่วนยานยนต์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่, มอเตอร์ และที่สำคัญที่สุดคือในระบบ Inverter ซึ่งทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่ ให้กลายเป็นกระแสสลับแล้วส่งเข้าสู่มอเตอร์

ในยุคที่ราคาน้ำมันแพงไปทั่วโลกขณะนี้ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีอย่างมาก รวมไปถึงการที่ค่ายรถ (บางแบรนด์) ลงนาม MOU บันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมสรรพสามิต ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% พร้อมทั้งรัฐบาลมอบเงินอุดหนุนส่งเสริมรถ EV ตามขนาดแบตเตอรี่รถยนต์ให้ 70,000 – 150,000 บาท ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า (บางแบรนด์) ถูกลงกว่าเดิม จนรถขายดีขาดตลาดไปหลายเจ้า

และในงาน Big Motor Sale 2022 (บิ๊กมอเตอร์เซล 2022) ที่จัดขึ้นในเวลานี้ รถพลังงานไฟฟ้ายอดฮิต ก็ยังมีนำมาโชว์กันหลายรุ่น แม้ว่าจะไม่ครบทุกรุ่นที่มีขายในไทยก็ตาม

Mr.Carro ขอพาทุกท่านไปชม รถยนต์ไฟฟ้า ภายในงาน Big Motor Sale จะมีรถรุ่นเด่นๆ ที่น่าสนใจ รุ่นไหนบ้าง? เราขอจัดเต็ม (เฉพาะรุ่นที่มีขายในงาน มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ) มาให้เลือกดูกัน 8 รุ่นเลยครับ …

Volt City EV / โวลต์ ซิตี้ อีวี

1. VOLT City EV

VOLT City EV (โวล์ต ซิตี้ อีวี) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมือง ขนาดตัวถังกะทัดรัด สไตล์ Minimal ปรับแต่งช่วงล่าง ให้เข้ากับสภาพถนนในไทย ขับง่าย ขับสบาย มีทั้งในแบบ 3 ประตู และ 5 ประตู ใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่จับต้องได้ รูปลักษณ์ที่ถูกใจในทุกเพศทุกวัย

ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง โปร่งสบาย ใช้โทนสีแบบทูโทน วัสดุแผงคอนโซลเป็นพลาสติกขึ้นรูปที่ดูสวยมีสไตล์ โดยในรุ่น Top มาพร้อมจอแสดงข้อมูล Multi-Function แบบ Double Screen ปุ่มควบคุมเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย กล้องมองขณะถอยหลัง เกียร์เป็นแบบปุ่มกดสไตล์รถ EV คอนโซลดูเรียบหรูทันสมัย ตัดขอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินด้าน เบาะหนังใช้โทนสีแบบทูโทนเช่นกัน

ส่วนการชาร์จกระแสไฟฟ้าจะเป็นแบบ Normal Charge เท่านั้น โดยจะใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถขับได้ไกล 160 – 200 กิโลเมตร เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองอยู่เพียงแค่กิโลเมตรละ 30 สตางค์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากในภาวะราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน และทำความเร็วสูงสุดได้ 105 กม./ชม.

ราคาช่วงแนะนำเริ่มต้น 325,000 บาท สำหรับรุ่น VOLT FOR-TWO และ 385,000 บาท สำหรับรุ่น VOLT FOR-FOUR สำหรับลูกค้าที่จองรถไปแล้วในโปรโมชั่นพิเศษ 1,000 คันก่อนหน้า สามารถรอรับรถได้ในเดือนตุลาคม 2565

Neta V / เนต้า วี

2. NETA V

Neta V (เนต้า วี) เป็นรถยนต์ไฟฟ้า “Touchable Smart EV” ในรูปแบบ Crossover ขนาดเล็กแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ตัวรถภายนอกได้แรงบันดาลใจมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนปากโลมา ด้านข้างมีสันนูน เน้นความลู่ลม

ส่วนภายในห้องโดยสารดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แผงคอนโซลแบบเล่นระดับตกแต่งลายไม้ เบาะนั่งหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้าน มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล หน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง แอร์อัตโนมัติ และระบบกรองอากาศ N95 ส่วนเบาะหลังพับได้ พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาด 335 ลิตร

สำหรับเวอร์ชั่นไทย คาดว่ามาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ติดตั้งไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium (จาก CATL) ขนาดความจุ 38.54 kWh แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ประมาณ 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)

รองรับการชาร์จไฟแบบ AC จาก 0-100% ในเวลา 8 ชั่วโมง และระบบ Fast Charging สามารถชาร์จด่วนแบบ DC จาก 30-80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ผ่านช่องชาร์จไฟแบบ CCS2

ในราคาประมาณการ 570,000 บาท!

Nissan Leaf / นิสสัน ลีฟ

3. Nissan Leaf

Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) “Simply Amazing” เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า “100%” และมีอัตราการปล่อยมลพิษเป็น “0” และถือเป็นรถค่ายญี่ปุ่นเจ้าแรก ที่กระโดดลงมาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างจริงจัง แม้ว่าตอนนี้กระแสรถ EV ค่ายนี้จะดูถดถอยไปก็ตาม

Nissan Leaf ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.9 วินาที รองรับการขับขี่เป็นระยะทาง 311 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC

ติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุ 40 kWh สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟขนาด 3.6 kW ได้ในเวลา 12 ชั่วโมง และกำลังไฟขนาด 6.6 kW ในเวลา 6 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ได้ในเวลา 40 นาที

รับประกันทั้งระบบ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

Nissan Leaf มาในราคา 1,990,000 บาท! (ส่วนราคา 959,000 บาท เป็นรถ Display มีเพียง 40 คันเท่านั้น)

Mercedes-Benz EQS 450+ AMG Premium / เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส

4. Mercedes-Benz EQS 450+ AMG Premium

Mercedes-Benz EQS 450+ (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส 450+) จัดว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่นำมาโชว์ในงาน Big Motor Sale 2022 ซึ่งเป็นการปรับตัวของ Mercedes-Benz จากเน้นผลิต “รถยนต์ไฟฟ้านำ” (Electric-First) เป็นการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น” (Electric-Only) ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2030

โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายใน

มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 107.8 kWh ให้แรงม้าสูงสุด 333 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม. ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 770 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง

สำหรับ The New EQS 450+ AMG Premium วางจำหน่ายในราคา 8,570,000 บาท และ The New EQS 450+ Edition 1 วางจำหน่ายในราคา 8,870,000 บาท

BMW iX3 M Sport / บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3 เอ็ม สปอร์ต

5. BMW iX3 M Sport

BMW iX3 M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3 เอ็ม สปอร์ต) ตัวรถเอกลักษณ์สุดล้ำ ประสานประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับความหนาแน่นและความจุพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่แรงดันสูง มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า เทคโนโลยีการชาร์จ และแบตเตอรี่แรงดันสูงรุ่นล่าสุด ที่ได้รับการยกระดับในด้านสมรรถนะการทำงาน การใช้พลังงานไฟฟ้า และระยะทางในการขับขี่ อีกทั้งยังเพิ่มความหนาแน่นและศักยภาพของกำลังไฟฟ้าด้วยการรวมมอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเกียร์ไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน เช่นเดียวกับ BMW iX

ระบบขับเคลื่อนรุ่นใหม่ใน BMW iX3 M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ซึ่งโดดเด่นว่ามอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นอื่นๆ ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

ขับขี่สนุกอย่างอุ่นใจด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-Actuator Wheel Slip Limitation) ปริมาตรความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การติดตั้งและน้ำหนัก ส่วนความจุพลังงานรวมอยู่ที่ 80kWh เพื่อขับเคลื่อนให้ BMW iX3 ขับขี่ได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

สนนราคา 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี และแท่นชาร์จ BMW i Wallbox จำนวนจำกัด)

Mini Electric / มินิ อิเล็คทริค

6. Mini Electric

MINI Cooper SE (มินิ คูเปอร์ เอสอี) ใหม่ สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตู ในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า

ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นและชัดเจน สะท้อนถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ล้ำสมัย มาพร้อมไฟหน้า LED พร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Power Spoke พร้อมยางรันแฟลตพิเศษเฉพาะ ฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของมินิ 3 ประตู บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric

ขุมพลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่ BMW Group ได้พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 kWh ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า และมอบแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กม./ชม. ได้ภายใน 3.9 วินาที โดยมอบพลังหากชาร์จเต็มหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ระยะทาง 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)

ตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง ทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่นๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถและพื้นถนน จึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่นๆ 18 มิลลิเมตร

MINI Cooper SE ยังติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะรุ่นเท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ โดยทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะถูกปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากเกิดการชน

มาในราคา 2,290,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

Porsche Taycan TechArt / ปอร์เช่ ไทคานน์ เทคอาร์ต

7. Porsche Taycan TechArt

Porsche Taycan  (ปอร์เช่ ไทคานน์) ใหม่ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ Porsche ที่มาโชว์ในงาน Big Motor Sale 2022 ครั้งนี้ จัดเต็มกับชุดแต่งจาก TechArt มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท!

ตัวรถภายนอกมาพร้อมชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งแบบเคลือบเงารอบคันรถ รวมไปถึงบริเวณกระจกมองข้าง และช่องดักอากาศ โดดเด่นด้วยล้อขนาด 22 นิ้ว จาก TechArt

ส่วนการตกแต่งภายใน Porsche Taycan มีการตกแต่งด้วย Alcantara พร้อมเล่นลวดลายกราฟฟิคบนพวงมาลัยพร้อมโลโก้ TechArt และแดชบอร์ด เป็นต้น

Tesla Model Y / เทสลา โมเดล วาย

8. Tesla Model Y

Tesla Model Y (เทสลา โมเดล วาย) รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังที่สุดในโลก ในรูปแบบ Crossover 5 ที่นั่งรุ่นล่าสุด สร้างบนพื้นฐานของ Tesla Model 3 กับราคาที่จับต้องได้ ที่แม้ว่าในบ้านเรา Tesla ยังไม่ได้เข้ามาทำตลาดด้วยตัวเอง แต่ก็มีผู้จำหน่ายอิสระได้นำเข้ามาขายกันหลายเจ้าเลยทีเดียว และคันนี้ก็เช่นกัน เป็น UK Spec ที่นำเข้ามาขายในบ้านเราครับ

ภายนอกโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย มาพร้อมล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว ส่วนภายในตกแต่งเรียบง่ายด้วยโทนสีขาว และแฝงไปด้วยความทันสมัยและมีหน้าจอ 15 นิ้ว สำหรับการควบคุมตัวรถ

ขุมพลังเป็นแบบ Dual Motor ที่มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Standard Plus, Long Range และ Performance เป็นแบบขนาด 75 kWh

ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที (Standard Plus), 5 วินาที (Long Range) และ 3.3 วินาที (Performance) ทำความเร็วได้สูงสุด 217 กม./ชม. (Standard Plus, Long Range) และ 250 กม./ชม. (Performance) ให้ระยะทางวิ่ง 455 กิโลเมตร (Single Motor), 542 กิโลเมตร (Dual Motor) และ 528 กิโลเมตร (Performance) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน WLTP) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

รวมรถเด่นในงาน Big Motor Sale 2022

“Big Motor Sale 2022” (บิ๊กมอเตอร์เซล 2022) หรือ Bangkok International Grand Motor Sale จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 28 สิงหาคม 2565 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดย ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป

กับขบวนรถจัดมาลดทุกแบบ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ชอบแบบไหนต้องได้แบบนั้น!! ลองขับได้ด้วยน้า พร้อมจัดเต็มกิจกรรมความสนุกให้หายคิดถึง

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ รถเด่นๆ และรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวกันตั้งแต่ก่อนงาน และในงาน Big Motor Sale 2022 แม้ว่าในปีนี้ บริษัทรถยนต์หลายค่าย อาจจะมีรถใหม่มาเผยโฉมกันไม่มากนัก … เอาล่ะ Carro ขอแนะนำรถในงาน Big Motor Sale 2022 ให้ทุกคนได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ กันเลยจ้า …

All-New Toyota Yaris ATIV 2022 / โตโยต้า ยาริส เอทีฟ

Toyota Yaris ATIV

Toyota (โตโยต้า) เปิดตัวรถไฮไลท์อย่าง All-New Toyota Yaris ATIV (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) “นี่แหละ…รถของเรา” รถยนต์ Compact sedan รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้ปรัชญา “People beloved car” หรือ “รถยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน” อันเป็นผลสำเร็จจากการศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงในทุกด้าน

โดดเด่นด้วยตัวถัง “Fastback Style” ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียงแค่ 0.284 นอกจากนี้ทุกรุ่นจะมาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED ล้ออัลลอยด์ Two Tone ขนาด 16 นิ้ว และยังมีไฟท้ายแบบ Full LED Light-Guiding ไฟเลี้ยว Sequential ใหม่

ดีไซน์ภายในเรียบหรูเหนือระดับด้วยการเป็น Brand แรกที่มีเบรคมือไฟฟ้า EPB รวมทั้งไฟ “Ambient Light” สร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร สามารถปรับได้ถึง 64 เฉดสี รวมถึงและหน้าปัด Full Digital ด้านสมรรถนะการขับขี่

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-iE 94 แรงม้า และเกียร์ CVT ใหม่ ปรับจูนเครื่องยนต์ที่ส่งผลให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ทรงตัวดี นุ่มนวล อัตราเร่งดีขณะออกตัว และขับขี่ในเมืองได้ดี พวงมาลัยน้ำหนักเบาขึ้นในความเร็วต่ำ ขับง่าย คล่องตัวขึ้น ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม./ลิตร

ห้องโดยสารเงียบ ด้วยการเพิ่มจุดเชื่อมตามตำแหน่งต่างๆ เพื่อลดเสียงรบกวนจากห้องเครื่องยนต์ ลดเสียงลมภายนอก และลดแรงสั่นสะเทือน ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน Airbag 6 ตำแหน่ง ระบบ ABS / EBD / BA / VSC / TRC และ Toyota Safety Sense

มีให้เลือกใน 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Sport, Smart, Premium และ Premium Luxury ในราคา 539,000 – 689,000 บาท

New Toyota Hilux Revo D 2022 / โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ดี

Toyota Hilux Revo

สำหรับในงาน Big Motor Sale 2022 Toyota ส่งรถกระบะ Toyota Hilux REVO (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ที่ปรับโฉมใหม่ไปหมาดๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานำมาโชว์ในงาน นั่นคือ …

Toyota Hilux REVO-D 4 ประตู ยกสูง (High Floor) ปรับรูปลักษณ์ภายนอกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วย “Trapizoidal Face Design” และเพิ่มไฟหน้า LED ในรุ่น Entry รวมทั้งเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐาน

เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน และการพักผ่อนช่วงวันหยุด รวมทั้งกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มผู้หญิง หรือเจ้าของกิจการรุ่นใหม่ ซึ่งตอบรับการออกแบบที่เพิ่มความเท่ห์ ผสมผสานความนุ่นนวลในการขับขี่ และประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม

และ Toyota Hilux REVO-D 4 ประตู Z-Edition (Lo-Floor) ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และคนทำงานกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเน้นการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางมาทำงาน และการใช้ชีวิตสันทนาการหลังเลิกงาน

เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เกาะถนนหนึบ นุ่มนวล และความสบายในการขับขี่มากยิ่งขึ้น จึงเพิ่มชุดช่วงล่างใหม่ที่เกิดขึ้นจากปรัชญาการพัฒนารถแข่งระดับโลก Gazoo Racing นั่นคือ “GR Sport” ที่ลดความสูงของช่วงล่างลง 23 มม. พร้อมปรับขนาดล้ออัลลอยด์จากเดิม 16 นิ้ว เป็น 17 นิ้ว

และเพิ่มความนุ่มนวล เกาะถนน ด้วยการใช้ยาง Radial สมรรถนะสูงขนาด 215/55R17 ทำให้สามารถควบคุมพวงมาลัยได้ดั่งใจ และสนุกสนานในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

สำหรับ Toyota Hilux REVO ใหม่ มาในราคา 554,000 – 1,324,000 บาท

New Toyota Fortuner 2022 / โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

Toyota Fortuner

ในงาน Big Motor Sale 2022 ครั้งนี้ Toyota นำ Toyota Fortuner Leader (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ลีดเดอร์) ใหม่ “ผู้นำที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์” จุดเริ่มต้นของ “Leader Generation” รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ยอดนิยมของคนไทย นั่งสบาย ดีไซน์หรู ทนทาน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และฟังก์ชั่นความปลอดภัยครบครัน สำหรับผู้นำที่มองหารถคันใหญ่ ด้วย Design อันเป็นที่ชื่นชอบ และคุ้มค่าสูงสุด

และ Toyota Fortuner Legender (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนด์เดอร์) “ผู้นำที่โดดเด่นนำหน้าทุกคน” ผสมผสานทุกความเป็นที่สุดของ Fortuner ไว้ในหนึ่งเดียว โดดเด่นด้วย Premium Design สะดวกสบายด้วย Spec สูงสุด และระบบความปลอดภัย Safety Sense สำหรับผู้นำที่มองหาความเป็นที่สุด ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบที่หรูหรา มาโชว์ในงาน

มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร, เครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ทั้งสองเครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

และ Sigma 4 System ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคุมรถได้ดั่งใจ ตอบรับกับทุกสถานการณ์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

New Toyota Fortuner 2022 มาในราคา 1,371,000 – 1,899,000 บาท

และในโอกาส Toyota ครบรอบ 60 ปี ยังมีรถรุ่น Limited มาโชว์ในงานครั้งนี้ด้วย ได้แก่ Hilux REVO D และรุ่นสมาร์ทแค็บ ที่มีให้เลือกทั้ง Rocco Prerunner และ Z-Edition โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยสีขาวมุกหลังคาดำ พร้อมด้วยฟอร์จูนเนอร์ Legender ที่มาพร้อมชุดตกแต่งพิเศษที่ออกแบบสำหรับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปีเท่านั้น

โดยรถทุกคันจะได้รับการติดตั้งระบบ T-Connect เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทันสมัย พร้อมรับกล่องกุญแจภายในบรรจุ Certificate, Apple Air Tag และพวงกุญแจสำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี ผลิตจำนวนจำกัดในวาระพิเศษนี้เท่านั้น

Toyota Land Cruiser 300 Sahara 2022 / โตโยต้า แลนด์ ครุยเซอร์ 300 ซาฮาร่า

Toyota Land Cruiser

ส่วนอีกหนึ่งรถยักษ์ใหญ่ภายในงานนี้ คงต้องขอยกให้ Toyota (โตโยต้า) สิงห์ทะเลทรายที่เป็นที่รู้จักของคนรักรถออฟโรด เจเนอเรชั่นที่ 9 ที่ผู้จำหน่ายอิสระ B Autohaus นำเข้า Toyota Land Cruiser 300 Sahara (โตโยต้า แลนด์ ครุยเซอร์ 300 ซาฮาร่า) ที่สุดของ SUV แข็งแกร่ง ดุดัน สปอร์ต สร้างขึ้นจากพื้นฐาน TNGA-F มาโชว์ในงานครั้งนี้

หน้าตาและชุดกันชนหน้าสุดดุดัน กับกระจังหน้าพร้อมโลโก้ Toyota ขนาดใหญ่ประกบด้วยไฟหน้า LED 3 ดวง พร้อมไฟ LED DRL ขนาดใหญ่รูปตัว L ในโคมเดียวกัน พร้อมไฟท้าย LED ฝาท้ายเปิดได้ 2 ส่วน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และช่วงล่างพัฒนาใหม่ Electronic Kinetic Dynamic Suspension System หรือ E-KDSS ทั้งไต่และลุยดีขึ้นกว่าเดิม

ภายในเป็นแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่งปรับไฟฟ้า ออฟชั่นเพียบ ทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดเรืองแสง MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว คอนโซลกลางใช้งานง่ายขึ้น มีจอ Infotainment ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และ ลำโพง JBL รอบคัน พร้อมช่องต่อ USB และมีแอร์แยกอิสระสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เป็นต้น

มาพร้อมครื่องยนต์ดีเซลรหัส F33A-FTV ขนาด 3.3 ลิตร V6 Twin Turbo 309 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร และยังมีเครื่องยนต์เบนซินรหัส V35A-FTS ขนาด 3.5 ลิตร V6 Twin Turbo 415 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรให้เลือก

ทั้งคู่ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Direct Shift-10AT มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และโหมดการขับขี่ 4 โหมดทั้ง โหมด Sport S, Sport S+, Comfort และ Customize

All-New Honda BR-V 2022 / ฮอนด้า บีอาร์วี

Honda BR-V

Honda (ฮอนด้า) เปิดตัว All-New Honda BR-V (ฮอนด้า บีอาร์-วี) ใหม่ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม แต่แข็งแกร่งสไตล์ SUV

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายทุกที่นั่ง หรูด้วยวัสดุตกแต่งแบบ Piano Black และเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ในทุกรุ่นย่อย มาพร้อมแอร์อัตโนมัติ และช่องแอร์ผู้โดยสารหลัง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ปรับพับเพิ่มพื้นที่ได้หลายรูปแบบ

ครบครันด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อผู้ใช้งานกับรถให้เป็นหนึ่งเดียว อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดแอร์ด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ใช้ขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC 121 แรงม้า และระบบเกียร์ CVT ด้วยสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับขึ้นทุกด้าน ทั้งสมดุลในการขับขี่ ระบบช่วงล่างและการควบคุมรถ

มีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น E และ รุ่น EL ในราคา 915,000 – 973,000 บาท

All-New Subaru WRX 2022 / ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์

Subaru WRX

ด้านค่ายดาวลูกไก่อย่าง Subaru (ซูบารุ) เปิดตัว The All-New Subaru WRX (ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์) และ WRX Wagon เจนเนอเรชั่นที่ 5 ใหม่ ในงาน Big Motor Sale 2022

สำหรับ Subaru WRX ใหม่ พร้อมจุดประกายความรู้สึกของคุณ ตั้งแต่ภายนอกที่สวยงามและภายในระดับพรีเมียม ไปจนถึงสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ BOXER Turbo ขนาด 2.4 ลิตร รวมทั้งเทคโนโลยีช่วยขับขั้นสูง EyeSight 4.0

การนำ Subaru Global Platform มาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่และการควบคุมรถ พร้อมการประกอบโครงสร้าง Full Inner Frame ทนต่อแรงบิดโดยรวมเพิ่มขึ้น 28% ติดตั้งระบบกันสะเทือนเพิ่มขึ้น 75% ระยะชักของระบบกันสะเทือนที่ยาวขึ้น เพิ่มเสถียรภาพของรถและการยึดเกาะด้านข้างบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ เหล็กกันโคลงด้านหลัง ซึ่งตอนนี้ติดตั้งเข้ากับตัวรถโดยตรง (เทียบกับเฟรมย่อย) ทำงานได้ดีมากขึ้นและช่วยลดอัตราการหมุนเมื่อเข้าโค้ง

มีดีไซน์ลำตัวกว้าง ให้ท่วงท่าที่ดุดันและรูปลักษณ์ใหม่โดดเด่น ด้านหน้า กระจังหน้าหกเหลี่ยมเอกลักษณ์ของ Subaru ทำงานร่วมกับไฟหน้า LED และสกู๊ปฝากระโปรงหน้ากว้างเน้นรูปลักษณ์ที่กว้างและต่ำ ลายเส้นที่โดดเด่นทั้งคัน บังโคลนหน้าแบบอะลูมิเนียม ช่วยลดน้ำหนักของรถได้ ฝากระโปรงหลังมีสปอยเลอร์หลังทรงเตี้ยในตัว และไฟท้ายด้านหลังได้รับการออกแบบให้เรืองแสงคล้ายกับลาวาภูเขาไฟ

ส่วนภายในโทนสีดำเย็บด้วยด้ายสีแดงตัดกัน และลายคาร์บอนไฟเบอร์ที่เน้นย้ำถึงสมรรถนะของตัวรถ จอแสดงผลข้อมูลส่วนกลางแบบ Full HD ขนาด 11.6 นิ้ว สไตล์ Tablet สำหรับควบคุม EyeSight 4.0 พร้อมระบบเครื่องเสียง Harman Gardon 11 จุด

โดย The All-New WRX ใช้เครื่องยนต์ Subaru BOXER Turbo 2.4 ลิตร ให้กำลัง 275 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ปรับปรุงเกียร์ใหม่ หรือ Subaru Performance Transmission มีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว เพื่อรักษาอัตราส่วนที่เหมาะสมเมื่อในทางโค้ง

ในขนะเดียวกัน การทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ สามารถปรับให้เข้ากับความชอบของผู้ขับขี่ด้วย SI-Drive Performance Management System ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมีส่วนร่วมกับรถได้มากขึ้นด้วย Paddle Shift 8 สปีด

The All-New WRX มาในราคา 2,959,000 – 3,099,000 บาท (ราคารวม Option Pack)

Mitsubishi Triton S-Limited Edition 2022 / มิตซูบิชิ ไทรทัน เอส-ลิมิเต็ด เอดิชั่น

Mitsubishi Triton S-Limited Edition

ด้านค่ายสามเพชรอย่าง Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เปิดตัว Mitsubishi Triton S-Limited Edition (มิตซูบิชิ ไทรทัน เอส-ลิมิเต็ด เอดิชั่น) กระบะแต่งพิเศษใหม่ ในงาน Big Motor Sale 2022 กับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยด้วยรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมยกระดับห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตภายใต้แนวคิด Café Racer

แนวคิด Café Racer กำเนิดขึ้นในกลุ่มนักบิดชาวอังกฤษที่มีจิตวิญญาณแห่งนักแข่งกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยในลอนดอนในช่วงปี 2503 ภายนอกถูกตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์สีแดงและสีเงินที่ฝากระโปรงหน้า ด้านข้างตัวรถและฝากระบะท้าย พร้อมแถบตกแต่งสีแดงที่บันไดข้างและกันชนหลัง มีชุดแต่งใต้กันชนหน้าสีแดง และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว

หัวใจหลักของการออกแบบภายใน คือการเดินตะเข็บด้ายสีแดงสไตล์สปอร์ต บนเบาะหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ พร้อมด้วยเบาะคนขับปรับไฟฟ้า ก้านเบรกมือ พวงมาลัย และแผงประตู เพื่อความเร้าใจอย่างสมบูรณ์แบบจากสีแดงที่สื่อถึงสไตล์และสมรรถนะในสนามแข่ง

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Active Traction Control) และระบบเสริมแรงเบรก BA ซึ่งเพิ่มแรงเบรกด้วยการช่วยส่งแรงเบรกที่ล้อขณะเบรกฉุกเฉิน และระบบ Hill Start Assist เพื่อป้องกันรถไหลลงเมื่อออกตัวบนทางชัน เป็นต้น

ขุมพลังของ Triton S-Limited Edition ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรล Di พร้อม Turbo แปรผันและ Intercooler 181 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

Mitsubishi Triton S-Limited Edition ใหม่ มีราคาเริ่มต้นที่ 875,000 บาท ภายนอกมี 2 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond และสีดำ Jet Black Mica

New MG VS HEV 2022 / เอ็มจี วีเอส เอชพีวี

MG VS HEV

MG (เอ็มจี) เผยโฉมรถ Sport Hybrid SUV รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมประสบการณ์ใหม่ของไฮบริดที่ขับสนุกและเร้าใจอย่าง New MG VS HEV (เอ็มจี วีเอส เอชพีวี) อย่างเป็นทางการในงาน Big Motor Sale 2022

สำหรับ New MG VS HEV มาพร้อมกับแนวคิด ABSOLUTE เป็นตัวตนขั้นสุด หลุดจากทุกมิติเดิมๆ ยกระดับด้วยภาษาดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอก-ภายใน

เสริมความสะดวกสบายด้วย Dual Widescreen Cockpit หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แบ่งเป็นจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ความคมชัดระดับ HD ขนาด 12.3 นิ้ว และโหมด Navigation คู่กับหน้าจอแบบ Touch Screen ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะi-SMART ควบคุมการทำงานผ่าน ILLUMINATED TOUCH PANEL และฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้งานทุกไลฟ์สไตล์

มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Hybrid พละกำลังรวมสูงสุดที่ 177 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport ระบบไฮบริดมาพร้อมด้วย KERS MODE ตั้งค่าได้ 3 ระดับ ช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ

ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลแห่งความภาคภูมิใจของ เอ็มจี ที่จะส่งมอบทั้งเทคโนโลยี ความทันสมัย และความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค ในราคา 859,000 – 919,000 บาท

Jeep Wrangler Rubicon 2022 / จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน

Jeep Wrangler Rubicon Adventure Package

ด้านรถสุดลุยอย่าง Jeep (จี๊ป) ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) นำ Jeep Wrangler Rubicon (จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน) ที่นำมาโชว์ 4 สไตล์เริ่มจาก Jeep Wrangler Rubicon สีไฟร์แครกเกอร์เรด 2 ประตู, Jeep Wrangler Rubicon สีซิลเวอร์ซีนิท 4 ประตู

พร้อมไฮไลท์ในงาน คือ Jeep Wrangler Rubicon 4 ประตู ตกแต่งด้วยลายพรางดิจิทัล ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ Jeep Willys (จี๊ป วิลลี่) พาหนะประจำกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่กำเนิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสุดว้าวกับ แรงเลอร์ รูบิคอน ที่มาในชุดแต่งจาก Mopar ในชื่อ “Adventure Package”

สำหรับ Adventure Package ที่จะปลุกให้ จี๊ป คันเก่ง โดดเด่น พร้อมลุย ประกอบด้วย

  • กันชนหน้าเหล็กกล้าออฟโรด สาหรับ Wrangler Rubicon
  • กระจังหน้าสีดำซาติน
  • โรลบาร์ออฟโรด ติดตั้งบนกระจังหน้า
  • สปอตไลท์ LED ออฟ-โรด ขนาด 7 นิ้ว (ความสว่าง 8,000 ลูเมน)
  • บันไดข้างสีดำ
  • หลังคา Soft Top อะคริลิคแบบพรีเมียม พร้อมหน้าต่างแบบใส
  • สติ๊กเกอร์ตกแต่ง Jeep Performance Parts
  • ชุดแผงสวิตช์มัลติฟังก์ชัน

พร้อมกันนี้ แฟนของรถยนต์ จี๊ป ยังจะได้พบกับไอเดียเท่ๆ ในการจัดเก็บหลังคาและประตูที่สามารถถอดออกได้อย่างง่ายดาย ของรถยนต์ จี๊ป แรงเลอร์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์อีกด้วย

Chevrolet Corvette Stingray 2022 / เชฟโรเลต คอร์เวตต์ สตริงเรย์

Chevrolet Corvette Stingray

รถสวยรถแรงในงาน Big Motor Sale 2022 นี้ คงต้องยกให้ Chevrolet (เชฟโรเลต) โดยผู้นำเข้าอิสระ B Autohaus นำ Chevrolet Corvette Stingray (เชฟโรเลต คอร์เวตต์ สตริงเรย์) เวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาของแท้ มาพร้อมกับสีแดงสุดโดดเด่น Torch Red โชว์ในงาน ทั้งเท่ทั้งสปอร์ตในคันเดียว!

สำหรับ Corvette ในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์วางอยู่กลางลำ ช่วยให้การกระจายน้ำหนักดียิ่งขึ้น มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และตำแหน่งคนขับอยู่ใกล้เพลาล้อหน้ามากขึ้น เกือบถึงล้อหน้าเลยทีเดียว

เครื่องยนต์มีขนาด 6.2 ลิตร แบบ V8 Small Block LT2 ไร้ระบบอัดอากาศสไตล์อเมริกัน 495 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 637 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Dual-Clutch 8 สปีด ของ TREMEC พร้อม Paddle Shift ที่พวงมาลัย ทำความเร็วได้สูงสุด 312 กม./ชม. และให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาที

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ราคารถใหม่ MG ปี 2022 ทุกรุ่น

รวมราคารถใหม่ MG (เอ็มจี) ทุกรุ่น Update 8/8/2022

Carro นำเสนอราคารถใหม่ 2022 MG (เอ็มจี) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ครบถ้วน เช็คราคารถ MG ป้ายแดงได้ที่นี่

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ! สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @carrothai เช่นกัน หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

All-New MG5 / เอ็มจี 5

All-New MG5 2021

  • 1.5 C ราคา 569,000 บาท
  • 1.5 D ราคา 609,000 บาท
  • 1.5 X ราคา 699,000 บาท

All-New MG5 2022

  • 1.5 C ราคา 585,000 บาท
  • 1.5 D ราคา 625,000 บาท
  • 1.5 D+ ราคา 679,000 บาท
  • 1.5 X ราคา 709,000 บาท

MG ZS / เอ็มจี แซดเอส

MG ZS

  • 1.5 C+ ราคา 689,000 บาท
  • 1.5 D+ ราคา 739,000 บาท
  • 1.5 X+ ราคา 799,000 บาท

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 403 กิโลเมตร

New MG ZS EV 2022

  • D ราคา 949,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 240,000 บาท)
  • X ราคา 1,023,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 240,000 บาท)

New MG VS HEV 2022 / เอ็มจี วีเอส เอชอีวี 2022

New MG VS HEV 2022

  • D ราคา 859,000 บาท
  • X ราคา 919,000 บาท

New MG HS 2022

New MG HS 2022

  • C ราคา 939,000 บาท
  • D ราคา 1,089,000 บาท
  • X ราคา 1,159,000 บาท

New MG HS PHEV 2022

New MG HS PHEV 2022

  • D ราคา 1299,000 บาท
  • X ราคา 1379,000 บาท

10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

MG EP

  • Wagon ราคา 761,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)
  • Plus ราคา 771,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ 227,000 บาท)

New MG Extender 2021 / เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ 2021

New MG Extender 2021

New MG Extender รุ่น Giant Cab (กระบะตอนครึ่ง)

  • GC 2.0 C 6MT ราคา 559,000 บาท
  • GC 2.0 D 6MT ราคา 629,000 บาท
  • GC 2.0 GRAND D 6MT ราคา 669,000 บาท
  • GC 2.0 GRAND D 6AT ราคา 729,000 บาท
  • GC 2.0 GRAND X 6MT ราคา 739,000 บาท

New MG Extender รุ่น Double Cab (4 ประตู)

  • DC 2.0 GRAND D 6MT ราคา 769,000 บาท
  • DC 2.0 GRAND X 6AT ราคา 889,000 บาท
  • DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ราคา 1,039,000 บาท

ดูโปรโมชั่น MG ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/mg-new-car-promotion/

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

VOLT City EV (โวล์ต ซิตี้ อีวี) โดย บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย และผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ DFSK หรือ Dongfeng ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน รวมถึง แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม SERES ผู้เดียวในไทย เปิดตัวแบรนด์ VOLT ภายใต้คอนเซ็ปท์ VOLT CITY EV อย่างเป็นทางการ

อ่านเพิ่มเติม >> VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

ด้วยราคาช่วงแนะนำเริ่มต้น 325,000 บาทสำหรับรุ่น VOLT FOR-TWO และ 385,000 บาทสำหรับรุ่น VOLT FOR-FOUR โดยเปิดรับจองผ่าน เว็ปไซต์ทางการของบริษัท www.voltthailand.com หรือ หน้าเพจเฟสบุ๊ค @VoltCityEV เวลา 14.59 น. วันที่ 4 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป โดยลูกค้าที่จองผ่านระบบออนไลน์ 1,000 คันแรก จะได้รับแพกเก็จโปรโมชั่นกว่า 100,000 บาท

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

บริษัทฯ ได้มีการศึกษา Concept ของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ไว้ใช้อำนวยความสะดวกในเมืองมาระยะหนึ่ง และเล็งเห็นถึงความต้องการในการอยากมีรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน ติดบ้านไว้ใช้งานของคนเมือง ประหยัดกว่า อินเทรนด์กว่า ไม่กังวลค่าน้ำมัน จึงได้คัดสรร และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ใน Segment ใหม่ City EV มาเสริมอีกแบรนด์ภายใต้ร่มของบริษัทฯ ภายใต้ชื่อ VOLT CITY EV

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

VOLT CITY EV เป็นรถที่ภูมิใจเสนอต่อลูกค้ามาก เพราะเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง รูปลักษณ์ภายนอกน่ารักและทันสมัย ความกว้างขวางภายในที่ไม่เล็กอย่างที่คิด ระบบความปลอดภัยที่เพียงพอ

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

ทำให้ VOLT CITY EV นี้ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหม่ ที่ทุกคนควรมีไว้ติดบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมการชาร์จไฟที่ปลั๊กบ้านได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย Wall Box ที่เป็นต้นทุนเพิ่มของคนใช้รถ EV ในปัจจุบัน

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

อีกทั้งยังได้มีการปรับแต่งช่วงล่าง ให้เข้ากับสภาพถนนในไทย ขับง่าย ขับสบาย มาพร้อมความประหยัดของไฟฟ้า ชาร์จไฟเต็มใช้ค่าไฟเพียง 66 บาท วิ่งได้ระยะ 160-200 กิโลเมตร เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองอยู่เพียงแค่กิโลเมตรละ 30 สตางค์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากในภาวะราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

บริษัทฯ ใส่ใจและให้ความสำคัญกับลูกค้า ในความปลอดภัยกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการสำรวจครั้งนี้จะดำเนินการโดยทีมงานมืออาชีพของ E-VOLT ซึ่งเป็นผู้ผลิตและติดตั้ง Wall Box ชั้นนำให้กับค่ายรถยนต์ชั้นนำ โดยทีมสำรวจจะตรวจสอบพร้อมให้คำแนะนำในการปรับระบบไฟฟ้าของบ้าน (หากจำเป็น) เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการชาร์จ โดยบริษัทฯ ให้บริการกับลูกค้าที่จองครั้งนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

Volt City EV เป็นรถที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมือง ขนาดตัวถังกะทัดรัด สไตล์ Minimal ด้วยมิติความยาวของตัวรถ 3,380 มม. กว้าง 1,499 มม. สูง 1,610 มม. ในรุ่น 5 ประตู 4 ที่นั่ง และความยาว 2,920 มม. กว้าง 1,499 มม. สูง 1,610 มม. สำหรับรุ่น 3 ประตู 2 ที่นั่ง

โดยเลือกใช้สีตัวถังแบบทูโทน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีเดียวกับตัวรถ ฝาครอบล้อแบบ Plum Blossom สีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบมีขอบ ไฟท้าย LED แบบ Ruby Style

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง โปร่งสบาย ใช้โทนสีแบบทูโทน วัสดุแผงคอนโซลเป็นพลาสติกขึ้นรูปที่ดูสวยมีสไตล์ โดยในรุ่น Top มาพร้อมจอแสดงข้อมูล Multi-Function แบบ Double Screen ปุ่มควบคุมเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย กล้องมองขณะถอยหลัง เกียร์เป็นแบบปุ่มกดสไตล์รถ EV คอนโซลดูเรียบหรูทันสมัย ตัดขอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินด้าน เบาะหนังใช้โทนสีแบบทูโทนเช่นกัน

ส่วนการชาร์จกระแสไฟฟ้าจะเป็นแบบ Normal Charge เท่านั้น โดยจะใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถขับได้ไกล 200 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดได้ 105 กม./ชม.

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

ในรุ่น 5 ประตู ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 34 KW มีพละกำลัง 46 แรงม้า แรงบิด 102 นิวตันเมตร ส่วนในรุ่น 3 ประตู ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 30 KW พละกำลัง 40 แรงม้า แรงบิด 90 นิวตันเมตร

ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม ฟอสเฟต ขนาด 16.5 kWh (สำหรับ 5 ประตู) และ 11.8 kWh (สำหรับ 3 ประตู) มาพร้อมกับระบบเบรก ABS EBD ถุงลมนิรภัย ระบบวัดลมยางอัตโนมัติ

ทั้งนี้ VOLT CITY EV ผลิตขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง 3 บริษัทชั้นนำของจีน คือ Dongfeng Motor ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน, Zhengzhou Nissan โรงงานผลิตรถยนต์ PPV และ Pick-Up ของนิสสันในจีน และ Beijing Hongrui Automotive Technology บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน

มีสีแบบทูโทนให้เลือกทั้งสิ้น 6 สี ได้แก่ Cream Coke, Peach Pink, Gentle Green, Wisdom White, Ruby Red และ Spark Silver

VOLT CITY EV นี้ เป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทที่กำหนดว่าจะเปิดตัวรถ CITY EV 1 รุ่น ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันยอดขายรถที่ อีวี ไพรมัส ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 คันในปี 2565 รวมไปถึงการขยายเครือข่ายดีลเลอร์ ซึ่งขณะนี้มีดีลเลอร์กระจายทั่วประเทศแล้วถึง 28 แห่ง

VOLT City EV เปิดแล้ว! ราคา 3 แสน!

สำหรับผู้จอง VOLT CITY EV จะได้รับข้อเสนอ PREMIUM DEAL ของรถทั้งสองรุ่น รับสิทธิพิเศษและรับรถก่อนใคร โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง (เฉพาะลูกค้าที่จัดไฟแนนซ์กับกรุงศรีออโต้ เท่านั้น)2. ฟรี รับ EXTENDED WARRANTY ของแบตเตอรี่ เป็น 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร3. ฟรี ค่าบำรุงรักษา 2 ปี ที่โชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ4. ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และ บริการชาร์จแบตฉุกเฉินนอกสถานที่ 2 ปี5. ฟรี  ออฟชั่นตัว Top หน้าจอแสดงผล 7” แบบ Double Screen6. ฟรี ออฟชั่นตัว Top พวงมาลัย แบบมัลติฟังค์ชั่น7. ฟรี ออฟชั่นตัว Top ไฟหน้า และ ไฟท้าย เป็น LED8. บริการตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อความปลอดภัยในการชาร์จรถไฟฟ้า มูลค่า 5,000 บาท

สิทธิพิเศษทั้ง 8 รายการ รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

พร้อมรับ EXCLUSIVE DEAL จากกรุงศรีออโต้ ดาวน์เริ่มต้น 0-5% และ ผ่อนได้ยาวถึง 84 เดือน เริ่มต้นเดือนละ 3,000 กว่าบาท

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

หลังจากที่ ปตท. จับมือกับ Hozon เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้า NETA (เนต้า) ในรุ่น NETA V (เนต้า วี) (哪吒V) สไตล์ Crossover พวงมาลัยขวา ภายใต้บริษัท NETA Auto Thailand ผ่านบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด

ซึ่ง อรุณ พลัส เป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% ร่วมกับ Hozon New Energy Automobile บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกัน และเปิดตัวรถในงาน Motor Show 2022 ที่ผ่านมา

ทำให้คนไทย ต่างหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มาก แต่ก็มีความขัดข้องด้านการผลิตและการขนส่ง ที่ทำให้ทาง NETA ต้องเลื่อนการเปิดตัวเจ้า NETA V ไปเป็นในวันที่ 24 สิงหาคม ในราคาที่คาดกันว่า ไม่ถึง 6 แสนบาท! หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปครับ

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

สำหรับ Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้า “Touchable Smart EV” ในรูปแบบ Crossover ขนาดเล็กแบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง ตัวรถภายนอกได้แรงบันดาลใจมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนปากโลมา มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบหน่วงเวลาปิดไฟหน้า พร้อมไฟหน้าแบบ Daytime Running Light ใช้ชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมสปอยเลอร์หลังพ่วงไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

ด้านข้างมีสันนูน เน้นความลู่ลม มีกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ส่วนจุดชาร์จไฟติดตั้งที่ซุ้มล้อด้านหน้า ใช้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16 และระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ด้านท้ายมีสปอยเลอร์หลังคาและไฟเบรกดวงที่ 3 มาให้

มีมิติตัวรถยาว 4,070 มม. กว้าง 1,690 มม. สูง 1,540 มม. ระยะฐานล้อ 2,420 มม. และน้ำหนักตัวรถเปล่า 1,151 กิโลกรัม

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

ภายในห้องโดยสารดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แผงคอนโซลแบบเล่นระดับพร้อมตกแต่งลายไม้ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้านขนาดใหญ่แบบหัวตัดและท้ายตัด

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็นแบบดิจิทัลทรงเหลี่ยมยาว มีหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบกรองอากาศ N95 มีกุญแจ Keyless แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ส่วนเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ มีพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระท้ายขนาด 335 ลิตร

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

สำหรับเวอร์ชั่นไทย คาดว่ามาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ติดตั้งไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า

พร้อมแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium (จาก CATL) ขนาดความจุ 38.54 kWh แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ประมาณ 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)

รองรับการชาร์จไฟแบบ AC จาก 0-100% ในเวลา 8 ชั่วโมง และระบบ Fast Charging สามารถชาร์จด่วนแบบ DC จาก 30-80% ในเวลาประมาณ 30 นาที ผ่านช่องชาร์จไฟแบบ CCS2

NETA V รถไฟฟ้า! ราคาไม่เกิน 6 แสน

NETA V เวอร์ชั่นไทย มีสีให้เลือกด้วยกัน 5 สี ได้แก่ สีเทา Midnight Gray, สีชมพู Sakura Pink, สีเขียว Cyan, สีฟ้า Sky Blue และสีขาว White Storm จ้า

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

สำหรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราปีนี้ ต้องขอบอกเลยว่ามาแรงจริงๆ ครับ ซึ่งมีนำเข้ามากันหลากหลายรูปแบบให้ได้เป็นเจ้าของกันเลย ล่าสุด EV Primus (อีวี ไพรมัส) ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถ SUV ของ DFSK หรือ Dongfeng (ตงฟง) อย่างเป็นทางการในไทย ก็เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่น หลังจากที่ผู้บริหารแจ้งไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

นั่นก็คือ VOLT City EV (โวล์ต ซิตี้ อีวี) ที่ได้เผยรายละเอียดผ่านทางเพจ Facebook ของ VOLT City EV พร้อมจำหน่ายราคาไม่ถึง 4 แสนบาท! ซึ่งผู้บริหาร คุณเอ๊ดดี้-พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ อีวี ไพรมัส ยืนยันราคานี้เองเลย โดยเตรียมเปิดตัวจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ ด้วยรูปแบบของรถพวงมาลัยขวา สามารถจดทะเบียนได้!

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

VOLT City EV ผลิตขึ้นจากความร่วมมือของ 3 บริษัทชั้นนำของจีน ได้แก่ Dongfeng Motors (東風汽車) ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน, Zhengzhou Nissan (鄭州日産) โรงงานผลิตรถยนต์ PPV และรถกระบะของ Nissan ในจีน และ Beijing Hongrui Automotive Technology (Henrey Automobile) (宏瑞汽車) บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

ซึ่ง VOLT City EV นี้ก็คือรถที่มีชื่อว่า Henrey Xiaohu FEV (宏瑞小虎) หรือ Henrey Little Tiger (เสือน้อย) ที่ขายในประเทศจีน มาพัฒนาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมประเทศไทย และเตรียมจำหน่ายในบ้านเรานั่นเองครับ

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

VOLT City EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) 100% มาพร้อมรูปทรงสุดน่ารักแบบ Minimal ทันสมัย คล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น มีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตู และ 5 ประตู สะดุดตากับสีทูโทน ชุดไฟหน้าทรงกลม Cateye (ตาแมว) ขนาดใหญ่ ฝาครอบล้อแบบ Plum Blossom ดีไซน์กลมกลืนกับตัวรถ มีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้ายทรงกลมน่ารัก พร้อมกล้องมองถอยหลัง และมีระยะต่ำสุดจากพื้นรถ 165 มม.

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

ห้องโดยสารภายในออกแบบแผงคอนโซลดูเรียบง่าย ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูล Multifunction แบบ Double Screen ขนาดใหญ่ รวมจอแสดงข้อมูลการขับขี่และระบบ Infotainment ไว้ด้วยกัน, เกียร์แบบปุ่มกดสไตล์รถ EV, ระบบแอร์แบบดิจิทัล และปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย เป็นต้น

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบถุงลมนิรภัย Airbag, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD หรือระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS เป็นต้น

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็วได้สูงสุด 105 กม./ชม. และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนซัลเฟตคุณภาพสูง ที่สามารถวิ่งได้ถึง 200 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง เมื่อชาร์จด้วยไฟบ้านจนเต็มใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง สามารถเสียบชาร์จกับไฟบ้านได้เลย เต็ม 16.5 kWh หรือเฉลี่ยประมาณ 70 บาทเท่านั้น

VOLT City EV รถไฟฟ้า วิ่งไกล 200 กม.

ปัจจุบันกำลังมีการศึกษาพัฒนา ปรับสเปคช่วงล่างให้เข้ากับถนนประเทศไทย และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ พร้อมกับที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่มีทั่วประเทศถึง 28 แห่ง ใครสนใจเตรียมเก็บตังค์ซื้อได้เลยจ้า!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

Hengchi (เฮงชี่ หรือ เหิงฉือ) (หรือ 恒驰 ในภาษาจีน) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่จากบริษัท Shenzhen Hengchi Automobile Trading มีสำนักงานอยู่ในเมืองเสินเจิ้น ประเทศจีน ภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือของ Evergrande Group ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 ของจีน ที่อยากกระโดดลงมาทำธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าดูบ้าง เปิดตัวบริษัทเป็นครั้งแรกในปี 2020 และเผยโฉมรถต้นแบบกันถึง 9 รุ่นที่งาน Shanghai Auto Show 2021

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

และในเวลานี้ Hengchi 5 (เหิงฉือ 5) คันจริง ก็ได้เผยโฉมออกมาแล้ว! ในรูปแบบ A-Segment SUV จากโรงงานที่สร้างขึ้นตามมาตรฐาน Industry 4.0 ประกอบด้วยการใช้เทคโนโลยีขึ้นรูปตัวรถจากแม่พิมพ์ จากผู้ผลิตเครื่องพิมพ์รายใหญ่ที่สุดในโลก Schuler ของเยอรมนี

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

และใช้ Handling Robot (หุ่นยนต์อุตสาหกรรม) ของ FANUC จากญี่ปุ่นและ KUKA จากเยอรมนีกว่า 2,545 ตัว บนสายการประกอบชิ้นส่วนตัวรถของ Dürr จากเยอรมนี ช่วยให้สามารถผลิตรถได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเร็วทันใจเพียง 1 นาที ต่อ 1 คัน!

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

ตัวรถออกแบบภายใต้แนวคิด “Break the Void” ใช้หลังคาสีทูโทน กระจังหน้าแบบเรียบ ตามเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้านิยม ใช้ชุดไฟหน้าแบบ LED ออกแบบให้รับกับไฟ Daytime Running Light พร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่ ไฟท้ายแบบ LED รูปตัว Y

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

มิติตัวรถยาว 4,725 มม. กว้าง 1,925 มม. สูง 1,661 มม. และระยะฐานล้อ 2,780 มม.

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยแผงคอนโซลขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยหน้าจอ 3 จอ ได้แก่ แผงหน้าจอ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว แผงหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ขนาด 14.6 นิ้ว และหน้าจอสำหรับคนขับ 10.25 นิ้ว และชุดหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่ และพวงมาลัยรถทรงสปอร์ต

นอกจากนี้ ยังรองรับระบบ 5G จาก Baidu ระบบช่วยขับขี่ระดับ L2.5+ ติดตั้งชิปของ Qualcomm เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มีระบบประมวลผลขั้นสูง จากเซ็นเซอร์อัลตราโซนิค 12 ตัว เซ็นเซอร์เรดาร์แบบคลื่น 5 มม. และกล้องรอบทิศทาง 4 ตัว

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

Hengchi 5 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 345 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 72.8 kWh จาก CATL ให้ระยะทางสูงสุด 602 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที และชาร์จแบบเร็วตั้งแต่ 30-80% ด้วยกำลังไฟ 90kW ใช้เวลาภายใน 28 นาที

Hengchi 5 รถไฟฟ้าจากจีน วิ่งไกล 602 กม.

Hengchi 5 รุ่น Luxury มีสีให้เลือกด้วยกันถึง 6 สี เปิดราคาจำหน่ายที่ 179,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 961,000 บาท พร้อมส่งมอบรถได้ภายในเดือนตุลาคม 2022 นี้ และส่งมอบได้ 10,000 คันแรกในช่วงประมาณเดือนมีนาคม 2023

สำหรับใครที่อยากได้ Hengchi 5 ในไทย คงต้องรอกันไปยาวๆ เลยครับ เพราะกว่าจะเริ่มผลิตกันก็ต้องรอช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ (เพราะแค่ยอดจองในจีน 5 วัน ปาเข้าไปก็ 50,000 คันแล้ว!) และยังไม่รู้จะมีใครนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

รถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ในเวลานี้ยุคที่น้ำมันราคาแพงไปทั่วโลก ส่งผลให้ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังบูมในตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งมาแรงไปกว่าเดิมอีก! เนื่องจากการชาร์จไฟรถยนต์ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผู้คนทั่วโลกต่างเปิดใจยอมรับ และรัฐบาลแต่ละประเทศผลักดันเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ทุกค่ายรถต้องผลิตรถ EV ขายเป็นหลักในอนาคต

แต่คุณทราบหรือไม่ว่า รถยนต์ไฟฟ้า มีต้นกำเนิดในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเลย เพื่อทดแทนจากใช้รถม้า นั่นคือย้อนไปเมื่อประมาณ 140 ปีก่อน กับจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ที่คนสนใจประวัติรถยนต์ไฟฟ้า ต้องไม่พลาด!

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟัง ถึงประวัติรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกกันครับ

Gustave Trouve รถยนต์ไฟฟ้า Tricycle

Gustave Trouve กับรถยนต์ไฟฟ้า 3 ล้อ

หลังจากการคิดค้นแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ และมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อน จากนักประดิษฐ์หลายคน …

รถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นมาครั้งแรกของโลก เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1881 โดย Gustave Trouve นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า ที่สร้างมาในรูปแบบของรถ 3 ล้อ (Tricycle) ภายในงานแสดงสินค้านานาชาติ International Electrical Exhibition ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่เป็นเพียงการโชว์เท่านั้น

Thomas Parker รถยนต์ไฟฟ้า

Thomas Parker กับรถยนต์ไฟฟ้า

ต่อมาในปี ค.ศ. 1884 Thomas Parker วิศวกรไฟฟ้า และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “The Edison of Europe” ผู้พัฒนาระบบไฟฟ้าของรถไฟใต้ดินของกรุงลอนดอน และสายไฟสำหรับรถรางไฟฟ้าในเมือง Liverpool และ Birmingham ได้สร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จได้จากแบตเตอรี่ที่ออกแบบเอง ในเมือง Wolverhampton ประเทศอังกฤษ แต่รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ก็เหลือแค่เพียงหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายจากในปี 1895 เท่านั้น

นับได้ว่า อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นสองชาติที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง จนถึงข้ามฝั่งไปยังสหรัฐอเมริกาด้วย

Andreas Flocken รถยนต์ไฟฟ้า Flocken Elektrowagen

Andreas Flocken กับรถยนต์ไฟฟ้า Flocken Elektrowagen

ในปี ค.ศ. 1888 Andreas Flocken นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน ได้ออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า Flocken Elektrowagen ซึ่งรถคันนี้ถูกจัดว่าเป็น “รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก” ที่แท้จริง และยังมีของจริงคันเป็นๆ เหลืออยู่ ตัวรถให้กำลัง 0.9 กิโลวัตต์ (1 แรงม้า) วิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม. บนน้ำหนักตัวรถ 400 กิโลกรัม

รถแท็กซี่ไฟฟ้าใน New York และ London

ยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้า

ในช่วงปี 1890 – 1900 นับได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของรถยนต์ไฟฟ้าช่วงเริ่มต้นเลยทีเดียว มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเกิดขึ้นอย่างมาก ทั้งจากฝั่งยุโรปและฝั่งอเมริกา

โดยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยังมีการนำรถยนต์ไฟฟ้า มาใช้งานจริงด้วยการทำเป็นรถแท็กซี่ให้บริการอีกด้วยในปี 1897 เพื่อทดแทนรถม้า และในปีเดียวกัน ก็มีบริษัท Samuel’s Electric Carriage and Wagon Company เริ่มต้นให้บริการรถม้าไฟฟ้า (Hansom Cabs) ในเมือง New York ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้วยข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องสตาร์ท ไม่ต้องเข้าเกียร์ ไม่มีควันไอเสีย และเงียบ ไม่สั่นสะท้าน เหยียบคันเร่งอย่างเดียวคล้ายรถ EV ในยุคนี้ จึงเป็นการใช้งานที่สะดวกสบายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในยุคนั้น (เพราะต้องหมุนเครื่องยนต์ด้านหน้ารถเพื่อสตาร์ท เครื่องยนต์เสียงดัง กลิ่นน้ำมันที่แรงกว่าน้ำมันยุคนี้ และเกียร์ที่เข้าค่อนข้างยาก) หรือรถยนต์พลังไอน้ำ (ที่ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องนานมาก กว่าจะขับออกไปได้ และน้ำหนักรถเยอะ เพราะต้องบรรทุกน้ำไปด้วย)

ประวัติรถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ขาลงของรถยนต์ไฟฟ้า (ยุคแรก)

รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) เป็นเชื้อเพลิง เริ่มพัฒนาให้สามารถวิ่งได้ไกล เร็ว และสะดวกสบายในการใช้งานที่มากขึ้น ด้วยมอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์ ทำให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เริ่มได้รับความนิยมและเข้ามาแทนที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ในเวลานั้นรถยนต์ไฟฟ้ายังทำความเร็วได้ไม่มาก (เฉลี่ย 24 – 32 กม./ชม.) และระยะทางในการวิ่งที่ไม่เยอะ (เฉลี่ย 50 – 65 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง) ใช้งานได้แค่ในเมืองมากกว่า

การสร้างถนนออกนอกเมืองมากขึ้น ย่นเวลาการเดินทางได้มากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีขีดจำกัดในการเดินทางไกลๆ ส่วนแบตเตอรี่ในยุคนั้น ก็ไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ใช้เดินทางระยะไกลได้ รถยนต์ไฟฟ้าเลยเสื่อมความนิยมลง

ยุคท้ายสุดของรถยนต์ไฟฟ้าช่วงแรก นั่นคือการที่ Henry Ford (เฮนรี่ ฟอร์ด) สามารถสร้างรถ Ford Model T ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ และสามารถผลิตรถยนต์แบบ Mass Production สาารถผลิตรถยนต์ได้เป็นจำนวนมาก จนต้นทุนราคารถยนต์ลดลง จนเกิด Economies of Scales ที่คนทั่วไปจับต้องได้

ราคาของรถ Ford Model T อยู่ที่ 260 ดอลลาร์สหรัฐ แต่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ราคา 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ แพงกว่าโมเดล T เกือบ 7 เท่า!

รวมไปถึงการค้นพบน้ำมันในรัฐ Texas และ Okahoma ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จึงส่งผลให้น้ำมันมีราคาถูกลงมาก คนนิยมใช้รถยนต์กันอย่างมหาศาล จนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ต้องทยอยปิดตัวกันไป หรือไปทำกิจการอย่างอื่นแทน

รถยนต์ไฟฟ้า Tama Electric Car

หวนมาอีกครั้งในช่วงสั้นๆ

ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วโลกประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้ถูกนำมาทำตลาดกันอีกครั้ง จากผู้ผลิตต่างๆ เช่น Tachikawa Aircraft Company ประเทศญี่ปุ่น (ต่อมากลายเป็นบริษัท Prince Motor ก่อนถูกรวบกิจการโดย Datsun และ Nissan ในปี 1966)

ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tama Electric Car ที่พัฒนาโดย Tokyo Electro Automobile ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.3 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แบบ Lead-Acid (40V/162Ah) ออกมาในปี 1947 เพื่อใช้มาทำเป็นรถแท็กซี่

รถยนต์ไฟฟ้า Henney Kilowatt

และในสหรัฐอเมริกา มีการนำเอา Renault Dauphine มาดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดย Henney Kilowatt (เฮนนี่ กิโลวัตต์) ที่แต่เดิมคือบริษัท Henney Motor Company ร่วมกับทาง Eureka Williams จากนั้นได้เข้ามาเป็นบริษัทในเครือของ National Union Electric Co. ในปี 1953 ริเริ่มโครงการขึ้นโดย C. Russell Feldmann นำเอาแบตเตอรี่มาใส่ใน Renault Dauphine จำหน่ายในปี 1959 – 1960

ใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5.2 กิโลวัตต์ (7 แรงม้า) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด โดยในรุ่นปี 1959 ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 36V สามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 64 กิโลเมตร เร่งได้เร็วกว่า 60 กม./ชม. ต่อมาในปี 1960 ปรับปรุงชุดแบตเตอรี่ใหม่เป็นขนาด 72V วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 97 – 105 กิโลเมตร และทำความเร็วได้เกิน 90 กม./ชม.

ตัวรถสร้างขึ้นมาทั้งหมดเพียงแค่ 100 คัน แต่ขายได้แค่เพียง 47 คัน สนนราคา 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Renault Dauphine ปกติ จำหน่ายในราคา 1,645 ดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่ง Henney Kilowatt จัดได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลก ที่ผลิตในระบบ Mass Production

ประวัติรถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ในยุค 70 -90 ก็มีผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายเจ้า เช่น GM, GE, Ford, Toyota, Nissan, Honda, Mitsubishi, Mercedes-Benz, BMW หรือ Renault ก็เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ในรูปแบบรถยนต์ต้นแบบ หรือรถทดลองใช้งานจริง และ Tesla ก็มาเป็นผู้จุดประกายความโด่งดังให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในยุค 2000 จนเกิดผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ขึ้นมามากมายในปัจจุบันครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ราคารถใหม่ Haval และ ORA ปี 2022 ทุกรุ่น

รวมราคารถใหม่ Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) Update 29/6/2022

Carro นำเสนอราคารถใหม่ 2022 Haval (ฮาวาล) และ ORA (โอร่า) ทุกรุ่น Update ล่าสุด ครบถ้วน เช็คราคารถ Haval และ ORA ป้ายแดงได้ที่นี่

หากช่วงนี้ใครต้องการซื้อรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพได้มาตรฐาน รับประกันพร้อมโอนทุกคัน หรือหารถมือสองยี่ห้อ/รุ่นที่ต้องการ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ! สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แต่ถ้าคุณอยาก “ขายรถ” คันเดิม เพื่อซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถด่วนกับ Carro ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ Carro Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook Carro Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @carrothai เช่นกัน หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน

ORA Good Cat 2022

ORA Good Cat

Great Wall Motor ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อรับสิทธิ์เงินอุดหนุนจำนวน 70,000 – 150,000 บาท ต่อคันตามขนาดแบตเตอรี่รถยนต์จากรัฐบาล พร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการลดลงของภาษีมูลค่าเพิ่ม และภายหลังจากการประกาศนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมเข้าร่วมรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวในเฟส 2

ปรับราคาลดลงอีกครั้ง ตามภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • 400KM Tech ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 828,500 บาท เป็นราคา 763,000 บาท (ราคาเดิม 989,000 บาท)
  • 400KM Pro ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 898,500 บาท เป็นราคา 828,500 บาท (ราคาเดิม 1,059,000 บาท)
  • 500KM Ultra ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 1,038,500 บาท เป็นราคา 959,000 บาท (ราคาเดิม 1,199,000 บาท)

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการประกาศการลดภาษีสรรพสามิตอย่างเป็นทางการแล้วนั้น ในขั้นตอนการดำเนินการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะทำการยื่นเอกสารเพื่อแสดงความประสงค์ในการเข้าร่วมโครงการและรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว พร้อมขออนุมัติราคาขายปลีกที่ลดลงอย่างเป็นทางการจากกรมสรรพสามิต หลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทฯ จึงจะสามารถจำหน่ายรถยนต์ไนราคาที่ปรับลดลงดังกล่าวได้ และจะดำเนินการส่งมอบรถให้กับลูกค้าในลำดับต่อไป โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่ถ้าลูกค้ามีความประสงค์ที่จะรับส่งมอบรถก่อนการอนุมัติราคาที่ลดลงอย่างเป็นทางการจากกรมสรรพสามิต ลูกค้าจะได้สิทธิประโยชน์จากราคาในปัจจุบันที่ไม่รวมภาษีสรรพสามิตที่ลดลง

All-New ORA Good Cat GT 2022

ORA Good Cat GT

  • GT ราคาหลังรับเงินอุดหนุน 1,286,000 บาท (500 คันแรกเท่านั้น) (ราคาเต็ม 1,549,000 บาท)

จากที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) ได้ประกาศเปิดตัวและประกาศราคาของ ORA Good Cat GT อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และได้เกิดคำถามเกี่ยวกับราคาจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นก่อนนั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขออนุญาตชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ORA Good Cat GT มีราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากภาวะการขาดแคลนชิปที่ดำเนินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ภาวะโรคระบาด ภาวะสงครามที่เกิดขึ้น รวมถึงราคาของวัตถุดิบในการผลิตรถและแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงเวลาที่ผ่านมาและยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงแต่อย่างใด ประกอบกับต้นทุนการผลิตจากทุกๆ ภาคส่วนของ Supply Chain ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์มีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมากตลอดจนราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเช่นเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์อีกหลาย แบรนด์ และสินค้าประเภทอื่นๆ ที่ต่างประกาศปรับราคากันอย่างต่อเนื่อง

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้อธิบายและแสดงเอกสารหลักฐานด้านต้นทุนต่างๆ ในการตั้งราคาของ ORA Good Cat GT ต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา โดยบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติราคาขายปลีกอย่างเป็นทางการจากเอกสารดังกล่าวที่เราแสดง ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า ORA Good Cat GT มีราคาจำหน่ายที่สมเหตุสมผลและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

ORA Good Cat GT เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นย่อยจากแบรนด์ ORA ที่มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะรวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ที่มากขึ้นกว่า ORA Good Cat รุ่นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังที่แรงขึ้นจากมอเตอร์ขนาดใหญ่กว่าเดิม 171 แรงม้า 250 นิวตันเมตร ตัวถังที่ยาวขึ้น 19 มม. และกว้างขึ้น 23 มม. ครบครันด้วยอุปกรณ์ตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ใช้วัสดุที่มีคุณภาพและอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ทั้งฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ Kick-Sensor เบาะนวดไฟฟ้าคู่หน้า เบาะผู้โดยสารปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และระบบระบายอากาศ ORA Good Cat GT จึงมีราคาสูงกว่ารุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน อยากให้ผู้บริโภคอุ่นใจได้ว่า บริษัทฯ ไม่ได้ถือโอกาสขึ้นราคาเพื่อเอาเปรียบผู้บริโภคแต่อย่างใด

ถึงแม้ราคาของ ORA Good Cat GT จะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในปัจจุบัน ลูกค้าทุกท่านยังสามารถอุ่นใจได้ว่า เกรท วอลล์ มอเตอร์ มอบการรับประกันคุณภาพตัวรถและแบตเตอรี่ของ ORA Good Cat GT นานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตรเหมือน ORA Good Cat รุ่นปกติ

ณ เวลานี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นราคาของรถยนต์รุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะประเมินสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บริษัทฯ จะแจ้งให้กับทุกท่านได้รับทราบในอนาคต

Haval Jolion Hybrid SUV 2022

Haval Jolion

  • HEV Tech ราคา 879,000 บาท
  • HEV Pro ราคา 939,000 บาท
  • HEV Ultra ราคา 999,000 บาท

Haval H6 Hybrid SUV 2021

Haval H6

  • HEV Pro ราคา 1,149,000 บาท
  • HEV Ultra ราคา 1,249,000 บาท

ดูโปรโมชั่น GWM ทั้งหมดได้ที่นี่ – https://th.carro.co/blog/great-wall-motor-new-car-promotion/

Mitsubishi Pajero Mini เตรียมขายในแบบรถไฟฟ้า ปี 2024 นี้!
หากย้อนเวลากลับไปในช่วงยุค 90 บรรดารถ SUV น่าจะเรียกได้ว่าเป็นยุคขาขึ้นเลยทีเดียว เพราะรถ SUV ที่มีในตลาดญี่ปุ่นเดิม เริ่มแตกยอดออกไปเพื่อลูกค้าหลายๆ กลุ่มมากขึ้น ซึ่งในกลุ่มตลาดรถขนาดจิ๋ว Kei Car (หรือ K-Car) ก็มีผู้ผลิตรถรถแบบ SUV แนวออฟโรด เจ้าหลักๆ อย่าง Suzuki Jimny ที่ขายดิบขายดี จนทำให้หลายเจ้า ต้องลงมาเล่นในกลุ่มตลาดนี้กันมากขึ้น

Mitsubishi Pajero Mini เตรียมขายในแบบรถไฟฟ้า ปี 2024 นี้!

Mitsubishi Pajero Mini รุ่นแรก (ที่ในไทยก็มี)

สำหรับ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) เองก็ต้องงัดเอาชื่อ SUV Icon อันแข็งแกร่งของแบรนด์อย่าง Mitsubishi Pajero (มิตซูบิชิ ปาเจโร่) ลงมาเล่นในตลาดรถ Kei Car ด้วยในชื่อ “Mitsubishi Pajero Mini (มิตซูบิชิ ปาเจโร่ มินิ)” ที่ใช้พื้นฐานร่วมกันกับรุ่น Minica ซึ่งก็ขายดิบขายดีกันมาตั้งแต่ปี 1994 จนเลิกผลิตไปในปี 2013

ล่าสุด Mitsubishi มีแพลนที่จะฟื้นคืนชีพตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้อีกครั้ง เพื่อกลับมาเป็นคู่แข่งขันกันกับ Suzuki Jimny ที่ในขณะนี้สื่อสายรถยนต์ของญี่ปุ่นก็กำลังติดตามความเคลื่อนไหวกันอยู่ โดยการกลับมาของ Mitsubishi Pajero Mini ในครั้งนี้ จะเป็นในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2024 นี้

Mitsubishi Pajero Mini เตรียมขายในแบบรถไฟฟ้า ปี 2024 นี้!

สำหรับ Mitsubishi Pajero Sport จะพัฒนาตัวรถร่วมกับกับทาง NMKV ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Nissan และจะผลิตขึ้นที่โรงงานของ Mitsubishi เช่นเดียวกับรถในรุ่น Nissan Dayz และ Mitsubishi eK

ซึ่งถ้าทาง Carro มีข่าวคราวอะไรเพิ่มเติม จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันต่อในครั้งหน้าครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาจาก:

1 2 3 9