MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ถ้าจะให้พูดถึง “บริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ” (株式会社良品計画) หลายคนมึนตึ้บ ว่านี่คือบริษัทญี่ปุ่นอะไรกันแน่???

แต่ถ้าจะให้พูดถึงแบรนด์ “MUJI” (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็บริษัทนี้แหละครับ เป็นผู้ให้กำเนิด “MUJI” ขึ้นมา ตั้งแต่ค่านิยม ความมุ่งมั่นของบริษัท การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การดำเนินธุรกิจตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต และความสำเร็จของแนวคิด “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ” ของ MUJI

MUJI ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 1980 โดย Seiji Tsutsumi (เซจิ ซึซูมิ – 辻井喬) ประธานห้างสรรพสินค้าเซบู (Seibu) ลูกของผู้ก่อตั้งกิจการรถไฟ Seibu Railway และเจ้าของกิจการต่างๆ อีกหลายอย่าง

MUJI มีชื่อเต็มๆ ว่า “มูจิรุชิ เรียวฮิน” (Mujirushi Ryohin หรือ 無印良品) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า ไม่มีแบรนด์ (No Brand) หรือมีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ” เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพดีมากมาย รวมถึงของใช้ในบ้าน เครื่องแต่งกาย และอาหาร เป็นต้น

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

MUJI ตั้งอยู่บนหลักการสามข้อ ซึ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงทุกวันนี้ ได้แก่

1. การเลือกสรรวัสดุ
2. ปรับปรุงพัฒนากระบวนการต่างๆ
3. สร้างบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่าย

ผลิตภัณฑ์ของ MUJI เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตที่สมเหตุสมผลที่สุด มีความรวบรัด แต่ไม่ใช่สไตล์มินิมอล
หมายความว่า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เปรียบเสมือนภาชนะที่ว่างเปล่า ความเรียบง่ายและความว่างเปล่าก่อให้เกิดความเป็นสากลขั้นสูงสุด เป็นการยอมรับความรู้สึกและความนึกคิดของทุกคน

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

จนผลิตภัณฑ์ของ MUJI สามารถฉีกทุกตำราการตลาด เอาชนะความนิยมชมชอบมากมาย และแพร่หลายไปไม่เพียงแต่ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงที่ต่างๆ ทั่วโลก ในปี 2021 MUJI ทำรายได้ไปกว่า 151,000 ล้านบาท มีสินค้ากว่า 7,000 รายการ และมีกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก

ซึ่งในไทยเอง นับตั้งแต่ปี 2556 บริษัทแม่ MUJI ประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมทุนกับ “เซ็นทรัล” จัดตั้ง “บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 520 ล้านบาท ร่วมทุนกันและเดินหน้าขยายธุรกิจในไทยเชิงรุกมากขึ้น

แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนเลยว่า MUJI เคยคิดผลิตรถยนต์ออกมาขายด้วย!

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ใช่ครับ แม้ว่าหลายปีก่อน MUJI จะมีแนวคิดพัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ชื่อว่า Gacha ออกมา แต่ในวันนี้ผมกำลังจะพูดถึง MUJI+Car 1000 (มูจิ คาร์ 1000) รถยนต์รุ่นแรกที่ทาง MUJI ร่วมกับทาง Nissan (นิสสัน) นำเอา Nissan March (K11) (นิสสัน มาร์ช) มาผลิตจำหน่ายในแบรนด์ของ MUJI

โดยพร้อมรับจองผ่านทางเว็บไซต์ muji.net ในเดือนเมษายน 2001 และพร้อมส่งมอบรถในวันที่ 11 พฤษภาคม 2001 ที่โชว์รูม Nissan ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น ในราคา 930,000 เยน!

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

ตัวรถภายนอกมาพร้อมความเรียบง่ายสไตล์ MUJI เลย ไม่มีโลโก้แบรนด์ ไม่มีชื่อรุ่น กันชนหน้า-หลัง สีดำ กระจกมองข้างสีดำ ล้อรถเป็นแบบกระทะเหล็กขนาด 13 นิ้ว มาพร้อมสีโปรโมทตัวรถ อันเป็นสัญลักษณ์ของ MUJI

ส่วนห้องโดยสารภายในโทนสี Ivory ออกแบบในสไตล์ 2 ที่นั่ง + พื้นที่อิสระด้านหลัง ออกแบบเบาะนั่งหลังใหม่เป็นแบบไวนิล สามารถวางของเปียกได้ และปรับพับแบบ 60:40 ได้ พร้อมจุดยึดที่นั่งสำหรับเด็ก มีแอร์, วิทยุ 1 din พร้อม CD, กระจกกรองแสง UV, กระจกมองข้างพับไฟฟ้า, พรมปูพื้น ที่วางแก้วน้ำข้างประตู และกุญแจรถที่ออกแบบเป็นพิเศษมาให้

มีมิติตัวรถยาว 3,720 มม. กว้าง 1,585 มม. สูง 1,425 มม. ระยะฐานล้อ 2,360 มม. มีน้ำหนักตัวรถ 870 กิโลกรัม

MUJI Car 1000 : รถยนต์แบรนด์ MUJI กับความสำเร็จ!

มาพร้อมขุมพลังรหัส CG10DE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 60 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 84 นิวตัน-เมตร (8.6 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด E-Atx ประหยัดน้ำมัน 16.6 กม./ลิตร (ตามมาตรฐานโหมด 10-15)

และพิเศษสุด! ผู้สั่งจองรถในครั้งนี้จะได้รับจักรยานพับได้ขนาด 14 นิ้ว ของ MUJI มูลค่า 29,800 เยน ที่ออกแบบมาเพื่อ Muji+Car 1000 โดยเฉพาะ

ซึ่ง MUJI จะสามารถจำหน่ายรถรุ่นพิเศษ 1,000 คันนี้ไปได้จนหมด ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แม้ว่าในปัจจุบัน MUJI จะไม่ได้จัดทำรถรุ่นพิเศษแนวนี้ออกมาขายแล้ว แต่เชื่อว่าถ้าใครมีรถรุ่นนี้เก็บไว้ มีราคาดีอย่างแน่นอนครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

นี่ก็เข้าช่วงหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ฝนตกกันแทบทุกวัน บรรดาสิงสาราสัตว์ทั้งหลาย เจอฝนตก น้ำท่วม ก็ต้องพากันเอาตัวรอด มาใช้สถานที่ในบ้านของคุณเป็นที่หลบฝน ไม่ว่าจะในโรงรถ ในรถยนต์ ใต้ถุนบ้าน มุมต้นไม้ครึ้มๆ ในหลังคาบ้าน หรือในโถส้วมก็ตาม โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ต้องระวังกันเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นงูมีพิษด้วยยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่

งู มักกินสัตว์เป็นอาหาร เช่น กบ, เขียด, ตุ๊กแก, หนู, จิ้งจก, ลูกไก่, กระต่าย, ปลา หรือแม้แต่งูด้วยกันเอง ฯลฯ ซึ่งตอนนี้ตัวเมืองได้ขยายออกไปชานเมืองเรื่อยๆ บวกกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ทุ่งนา ป่า ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของงู จึงกลายเป็นบ้านคน งู และสัตว์ประเภทอื่น จึงไม่มีที่อยู่และแหล่งอาหาร จึงต้องเข้ามาหากินในบ้านคนแทน

ในวันนี้ Mr.Carro จึงมี 5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถอย่างปลอดภัย พร้อมวิธีไล่ มาเล่าสู่กันฟังครับ …

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

ภาพจาก อาสากู้ภัยกาญจนบุรี”เขาใหญ่”

1. ปิดช่องทางการเข้าถึง

ตามปกติแล้ว งูจะชอบที่รก มืด อับ อบอุ่น มีอาหาร หรือที่สามารถซ่อนตัวได้ ไม่ว่าจะในโรงรถ ในรถ ใต้หลังคาบ้าน ในเครื่องยนต์รถ เพื่อวางไข่ หาความอบอุ่น หรือบ้านนั้นอาจจะมีหนูเยอะ ไม่มีหมาและแมว งูจึงชอบเข้ามาอยู่ เพราะไม่มีศัตรูมาก่อความรำคาญ

ยิ่งหน้าฝนแล้วล่ะก็ ที่แห้งๆ งูชอบเลยทีเดียว ลองสำรวจดูรอบโรงรถว่ามีช่องว่าง หรือของรกๆ ต้นไม้พงหญ้ารกๆ หรือไม่ ก็จัดแจงเคลียร์ ตัดแต่ง ซ่อมแซม ขึงตาข่าย มุ้งลวด ไม่ทิ้งเศษอาหารไว้ในที่จอดรถ รวมถึงทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้งูเข้าเลี้อยมาอยู่ในโรงรถ หรือในรถยนต์ของคุณได้

2. น้ำมันกลิ่นฉุนๆ

ธรรามชาติของงู เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรงๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ ใส่ผ้าชุบไว้ แล้ววางบริเวณรอบๆ โรงรถที่งูชอบเข้ามา ก็จะช่วยไล่งูให้หนีไปทางอื่นได้

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

3. กำมะถัน กับ มะกรูด

กำมะถัน เป็นความรู้แบบภูมิปัญญาไทยๆ ที่มีคนนิยมใช้กันมาก เพราะเชื่อว่ากลิ่นฉุนของกำมะถันจะทำให้งูไม่เข้าใกล้ (รวมไปถึงแมลง และสัตว์เลี้อยคลานอื่นๆ) แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า ใช้กันงูได้จริงทุกตัวหรือไม่

หลายบ้านก็นิยมใช้กำมะถันที่เป็นผง มาวางไว้ หรือผสมน้ำแล้วราดเอาไว้รอบๆ ที่จอดรถหรือรอบบ้าน เพื่อป้องกันงูเข้ามา แต่ช่วงหน้าฝนแบบนี้อาจต้องโรยบ่อยหน่อย เพราะฝนจะทำให้ที่โรยไว้เจือจางไป

ส่วนมะกรูด ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยไล่งูได้เช่นกัน เพียงนำมะกรูดผ่าซีกมาวางไว้รอบรอบๆ โรงรถ เนื่องจากกลิ่นมะกรูดมีความเป็นกรด ทำให้เมื่องูได้รับสารนี้แล้ว จะไม่อยากเข้าใกล้พื้นที่

4. เลี้ยงสุนัข

สัญชาตญาณของสุนัข มักจะไม่นิ่งเฉยกับสิ่งแปลกปลอมที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน เมื่อหมาเจองูก็จะส่งเสียงเห่า ทำให้งูซึ่งเป็นสัตว์ขี้ตกใจอยู่แล้ว ต้องหนีออกไปเอง บางทีหมาไล่กัดงูด้วยซ้ำไป

แต่ถ้าเป็นงูตัวใหญ่ๆ หรืองูมีพิษ สุนัขเองก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกัน ทางที่ดี พยายามกันสุนัขให้ห่างเอาไว้ ก่อนที่จะมีผู้เชี่ยวชาญมาจับงู

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

5. น้ำยาไล่งู

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย และสะดวก เนื่องในท้องตลาดยุคนี้มีน้ำยาไล่งู สเปรย์ไล่งู หรือแบบผงก็มี ออกมาจำหน่ายกันสารพัดยี่ห้อ สำหรับฉีดรอบบริเวณนอกบ้าน หรือจุดที่ไม่ต้องการให้งูเข้ามา

กระป๋องหัวฉีด พ่นง่าย พ่นเฉพาะจุดได้ อาจจะต้องพ่นจุดเดิมติดต่อกัน 4-5 วัน หรือฉีดซ้ำบ้าง ทำให้กลิ่นติดแน่น ป้องกันงูกลับมา ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง (แต่ตอนฉีด ก็ต้องระวังอย่าให้ละอองเข้าปาก ตา หรือจมูกนะครับ)

ถ้างูเข้าบ้านมาแล้ว ต้องทำอย่างไร …

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

1. สังเกตประเภทของงู

พยายามตั้งสติก่อน แล้วสังเกตให้ดีว่า งูที่เลื้อยเข้ามาในโรงรถเป็นงูชนิดใด ลักษณะอย่างไร มีพิษหรือไม่ งูพิษที่พบบ่อย เช่น งูเห่า จะแผ่แม่เบี้ย, งูสามเหลี่ยม มีลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม, งูเขียวหางไหม้ และงูกะปะ มีลักษณะแก้มป่อง ตัวสั้น มีเกล็ดละเอียด เป็นต้น

2. อยู่นิ่งๆ เคลื่อนไหวช้าๆ

สัญชาตญาณงู มักจะตกใจและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ให้ยืนนิ่งๆ หรือค่อยๆ ขยับถอยหลังช้าๆ แล้วสังเกตความเคลื่อนไหวของงูเอาไว้ด้วย เพื่อกันการหนี และต้องเว้นระยะห่างให้ปลอดภัย เพราะงูอาจฉกเราได้

5 วิธีป้องกันงูเข้าโรงรถ พร้อมวิธีไล่งู!

ภาพจาก สยามรัฐ

3. อย่าไล่ อย่าตีงูด้วยตัวเอง

หากไม่มั่นใจว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ หรือไม่มีทักษะในการจับงูเอง อย่าทำ! เพราะถ้าไล่งูหรือทำร้ายงูแบบไม่ถูกวิธี งูอาจตกใจจนหนีไปซุกซ่อนอยู่ในมุมหลืบ ทำให้ตามจับได้ยากขึ้น หรืออาจพุ่งตัวฉกจนเกิดอันตรายได้

4. เรียกหน่วยกู้ภัย หน่วยดับเพลิง มาจับ

ทางที่ดีและปลอดภัยที่สุด คือ ขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย หรือหน่วยดับเพลิง โทร. 199 มาจับงู เพราะบรรดาชาวหน่วยกู้ภัย นักดับเพลิง มักมีการอบรมเกี่ยวกับวิธีการจับงูกันไว้อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อม ให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจัดการดีที่สุดครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

ช่วงนี้ก็ใกล้เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ 2565 กันแล้วนะครับ ซึ่งหลายคนก็เริ่มวางแพลน เริ่มลาพักร้อน ท่องเที่ยวในวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ 2565 ที่มีวันหยุดตั้งแต่ 13-15 เมษายน แต่ถ้าใช้วันลาพักร้อนด้วย ก็จะเพิ่มวันหยุดยาว 6 – 15 วันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าช่วงนี้โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จะยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ในปีนี้ ยังคงจัดไม่ได้ติดต่อกันเป็นปีที่สอง แต่การเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงน้ำมันแพงเช่นนี้ ก็อาจจะมีบางส่วน ที่หันไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ก็ต้องอย่าลืมรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยกันด้วยนะครับ

สำหรับใครที่มีรถส่วนตัว และจะใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือเดินทางกลับภูมิลำเนา CARRO มีเคล็ดลับเสริมความปังให้รถรับสงกรานต์ มาบอกกันจ้า …

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

1. ตรวจสภาพรถให้พร้อม

การตรวจสภาพรถให้พร้อม นี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนการเดินทางเลยก็ว่าได้ เพราะความปลอดภัยจากการใช้รถของคุณต้องมาเป็นอันดับแรก เริ่มต้นตั้งแต่ตรวจสภาพชุดไฟหน้า-ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ชุดใบปัดน้ำฝน ยางรถยนต์ หรือลมยาง กันก่อน …

ต่อมาก็ตรวจดูในส่วนของเครื่องยนต์ หม้อน้ำ สายพาน แบตเตอรี่ ของเหลวต่างๆ ในรถยนต์ ช่วงล่าง ระบบเบรก ผ้าเบรก หรือจานเบรก เป็นต้น ซึ่งในจุดนี้ถ้าใครไม่ชำนาญ หรือไม่มีความรู้มากพอ ก็อาจจะนำรถยนต์ไปเข้าศูนย์บริการที่มีรับตรวจสภาพรถยนต์ฟรี ตามรายละเอียดด้านล่างได้

อ่านเพิ่มเติม >> รวมข้อมูล สถานที่ตรวจเช็กสภาพรถฟรี ก่อนเดินทางสงกรานต์ 2565!

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

2. ทำความสะอาดรถ

คงจะไม่แปลกถ้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ รถของคุณอาจจะขาวโพลนด้วยแป้ง (ถ้าผ่านบางพื้นที่ที่เขาเล่นน้ำกัน) หรืออาจต้องลุยฝุ่น ลุยโคลน (หรือลุยฝน) ในบางพื้นที่ เรามีเคล็ดลับในการทำความสะอาดรถเอง มาฝากกันครับ

อันดับแรก คือ ถ้ากระจกหน้ารถโดนแป้ง หรือคราบแป้งดินสอพอง อย่าใช้ที่ปัดน้ำฝนฉีดล้างตอนขับรถ เพราะแป้งจะกระจายตัวเป็นคราบเลอะไปทั่วกระจก ซึ่งบดบังทัศนวิสัยขณะขับขี่ซึ่งและเป็นอันตรายอย่างมาก

ทางที่ดีหาที่จอดข้างทางให้เรียบร้อย แล้วค่อยใช้ที่ปัดน้ำฝนฉีดล้างให้สะอาด หรือหาผ้าชุบน้ำ ผ้าไมโครไฟเบอร์มาเช็ด และค่อยขับรถไปต่อ

แต่ถ้าคุณอยากล้างรถ เราขอแนะนำให้ฉีดน้ำสะอาดล้างทั้งคัน ล้างคราบแป้งออกให้เร็วที่สุด เพราะแป้งที่แห้งและโดนแสงแดดนานๆ จะเกาะสีรถและทำให้สีลอก สีซีดได้ และใช้น้ำยาสำหรับล้างรถโดยเฉพาะ เพราะน้ำยาประเภทอื่นอาจจะทำให้แว็กซ์เคลือบรถจางลง และทิ้งคราบน้ำ คราบหินปูนไว้บนรถได้

เริ่มล้างรถจากข้างบนด้วยการเช็ดกระจก ซึ่งในน้ำยาเช็ดกระจกจะมี Isopropyl Alcohol (ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์) ช่วยให้กระจกกลับมาสะอาดเหมือนใหม่ แล้วค่อยๆ ไล่มาด้านข้าง และด้านล่างของรถ ซึ่งจะเป็นส่วนที่มีฝุ่น ดิน และสิ่งสกปรกสะสมมากที่สุด

ต่อมาก็ทำความสะอาดภายในรถง่ายๆ เช่น แผงคอนโซล แผงประตูภายในรถ ก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด และเช็ดแห้งด้วยผ้าแห้งสีขาว ก่อนจะใช้สเปรย์เคลือบเงาฉีด จะช่วยรักษาสภาพของหนังและพลาสติกภายในรถ ให้ดูเงางาม

ถ้ารถคุณใช้เบาะหนัง ให้ใช้ผ้าขนนุ่มชุบน้ำเปล่า หรือน้ำสบู่อ่อนๆ ค่อยๆ เช็ด หรืออาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเบาะหนังโดยเฉพาะ

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

3. พวงมาลัยมงคลตามวันเกิด

เมื่อทำความสะอาดภายในรถเสร็จแล้ว บางคนอาจจะอยากหาพวงมาลัยสวยๆ สักอัน มาแขวนไว้ในรถ เรามีคำแนะนำดังนี้ครับ

  • คนเกิดวันอาทิตย์ – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีเขียว
  • คนเกิดวันจันทร์ – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีม่วง
  • คนเกิดวันอังคาร – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีน้ำเงิน
  • คนเกิดวันพุธ – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีเหลือง
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีแดง
  • คนเกิดวันศุกร์ – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีชมพู
  • คนเกิดวันเสาร์ – ควรแขวนพวงมาลัยริบบิ้น สีฟ้า

ให้นำพวงมาลัยสองชายทั้ง 3 พวง มาแขวนหรือห้อยที่กระจกมองหลัง หรือแขวนไว้ที่พวงมาลัยรถยนต์ และก่อนออกรถให้ท่องคาถาแคล้วคลาดของ พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท) วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล

“อิติ สุคะโต อาระหังพุธโท นโมพุทธายะ
ปัตถวีคงคา ภุมมะเทวา ขมามิหัง
สุจิโต พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง”

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

4. พระติดหน้ารถกันอันตราย

ตามความเชื่อของคนขับรถชาวพุทธ มักจะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ มาไว้ในรถเพื่อความอุ่นใจ และเป็นสิริมงคลทุกครั้งก่อนออกเดินทาง บางคนอาจจะไหว้แม่ย่านางก่อน หรือบางคนอาจนำพระมาตั้งหรือวางที่หน้ารถ หรือมีเครื่องรางของขลัง กุมารทอง มาไว้ในรถ เพื่อให้ท่านช่วยคุ้มครองระหว่างเดินทางอย่างปลอดภัย

สำหรับการนำพระมาวางไว้ในรถ ไม่ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์จิ๋วๆ หรือหลวงพ่อองค์ต่างๆ ที่เจ้าของรถเลื่อมใสบูชา การตั้งพระในรถนั้น จะตั้งหันหน้าออกไปทางหน้ารถก็ได้ ซึ่งบางคนอาจเชื่อว่าให้พระได้เห็นในทิศทางข้างหน้าจะได้ปกป้อง คุ้มครองคนในรถ

หรือการตั้งพระให้หันหน้าเข้ามาในตัวรถก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะจะเป็นเครื่องเตือนใจขณะขับขี่เมื่อได้เห็นด้านหน้าขององค์พระ และเวลาเราไหว้ในรถ ก็เปรียบดั่งไหว้พระที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน

5 เคล็ดลับ เสริมความปังให้รถรับสงกรานต์

5. เมาไม่ขับ

แน่นอนว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบนี้แล้ว การกินดื่มนั้นย่อมมีแน่นอน หากรู้ตัวว่าต้องขับรถ หรือจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะใกล้ไกล ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และนอนหลับให้เพียงพอ ก่อนเดินทางขับขี่ในระยะไกลๆ

เพราะถ้าเมาแล้วขับ หรือง่วงแล้วขับ อาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณเอง ผู้โดยสารในรถ และเพื่อนร่วมทางได้ครับ และที่สำคัญ อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย หรือถ้ารู้สึกง่วงนอนแล้ว อย่าฝืน ให้จอดรถพัก หรือหาคนอื่นขับให้แทนนะครับ! แล้วคุณจะเดินทางได้แบบปังๆ ในช่วงสงกรานต์ 2565 นี้ครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

ใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ช่วงสงกรานต์ 2565 มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! อย่าลืม ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้อง CARRO Automall

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

เรื่องของศาสตร์และความเชื่อ กับ 12 ราศี หลายคนเชื่อว่าถ้าได้ใช้รถที่สีรถตรงกับราศีตัวเอง สีรถประจำวันเกิด หรือสีรถที่ถูกโฉลก ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่าขับแล้วเฮง ชีวิตมีความสุข เสริมมงคลให้เป๊ะปัง โชคดีกันอย่างต่อเนื่อง

แต่การเลือกรถยนต์มาใช้สักคัน ไม่ว่าจะรถป้ายแดง รถมือสอง นอกจากเราจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของตัวรถหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ในส่วนของเครื่องยนต์ การขับขี่ การดูแลรักษา คุณค่าของแบรนด์หรือภาพลักษณ์ ความทนทาน หรือจะเป็นศูนย์บริการที่มีให้บริการ รวมไปถึงราคาขายต่อ เป็นต้น

Carro จึงขอเอาใจสาวกมูเตลู นำข้อมูลสีรถประจำ 12 ราศี ที่ขับแล้วถูกโฉลก กับรถที่คุณจะเลือกซื้อกันครับ

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

1. ราศีมังกร (ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม – 21 มกราคม)

ราศีมังกร อยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ คนเกิดราศีนี้จะมีความอดทนสูง ทั้งร่างกายและจิตใจ มีความคิดจริงจังและลึกซึ้ง ชอบความเรียบง่าย สีที่เหมาะสำหรับคนเกิดราศีมังกรมากที่สุด คือ สีดำและสีขาว หรือ สีน้ำตาลและสีกากี ที่เข้ากันได้ดี

2. ราศีกุมภ์ (ระหว่างวันที่ 20 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์)

ราศีกุมภ์ อยู่ภายใต้การปกครองของดาวยูเรนัส คนเกิดราศีนี้มักเป็นคนที่เข้าใจยาก มีลักษณะของการปฏิบัติและการเปลี่ยนแปลง โดยสีที่เหมาะสำหรับคนเกิดราศีนี้ คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน หรือสีน้ำเงินเทอคอยน์

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

3. ราศีมีน (ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม)

ราศีมีน อยู่ภายใต้อิทธิพลจากดาวเนปจูน คนเกิดราศีนี้เป็นคนมีความโรแมนติก อ่อนไหว และอ่อนโยนในระดับหนึ่ง ดูเหมือนว่าชาวราศีมีนจะค่อนข้างดึงดูดกับ สีขาว สีซีดๆ ที่มีความเงียบสงบ สอดคล้องกับบุคลิกภาพที่มีรสนิยมที่ดี

4. ราศีเมษ (ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม – 19 เมษายน)

ราศีเมษ มีดาวอังคาร (Mars) เป็นดาวประจำราศี ซึ่งชื่อราศีมาจากเทพในตำนานเทพปกรณัมโรมัน และถือกันว่าเป็นเทพในนามของกรุงโรม และยังถือกันว่าเป็นพ่อของรอมิวลุส ซึ่งมีนิสัยที่กล้าหาญ รักความท้าทาย ไม่กลัวใคร

ราศีเมษ มีสีที่เหมาะมากที่สุดคือ สีแดงเข้ม และ สีน้ำตาล โดยคนที่เกิดราศีนี้นั้นได้รับการกล่าวขานว่าชื่นชอบความเร็ว

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

5. ราศีพฤษภ (ระหว่างวันที่ 20 เมษายน – 20 พฤษภาคม)

ราศีพฤษภ ได้รับการปกครองโดย ดาวศุกร์ ซึ่งสีที่เหมาะสำหรับคนราศีนี้ ได้แก่ สีชมพู และสีขาว โดยคนเกิดราศีพฤษภนั้นเป็นคนที่มีเหตุผล อยู่บนหลักความจริง เอาจริงเอาจังกับชีวิต อ่อนโยนและชอบช่วยเหลือผู้อื่น

6. ราศีเมถุน (ระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน)

ราศีเมถุน หรือ ดาวคนคู่ อยู่ภายใต้อิทธิพลของ ดาวพุธ หรือ Mercury (เมอร์คิวรี) โดยเป็นเทพแห่งการสื่อสาร โดยนิสัยของคนเกิดราศีเมถุนจะมีความคิดสร้างสรรค์ แนวคิดก้าวหน้า พร้อมรับมือสถานการณ์ทุกอย่างอยู่เสมอ ปรับตัวได้ดี โดยสีที่เข้ากับชาวราศีคนคู่ คือ สีเขียว

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

7. ราศีกรกฎ (ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม)

ดาวปู หรือ ราศีกรกฎ เป็นดวงดาวที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงจันทร์ ซึ่งการได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์ทำให้คนเกิดราศีกรกฎเป็นคนที่มีความขี้อาย อ่อนไหวง่าย แต่ก็ควบคุมตนเองได้ดีเช่นกัน โดยสีที่เหมาะที่สุดสำหรับชาวราศีกรกฎก็คือ สีฟ้า สีขาว และ สีเขียวน้ำทะเล

8. ราศีสิงห์ (ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 22 สิงหาคม)

คนเกิดราศีสิงห์ โดยเป็นราศีที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงอาทิตย์ โดยมีเทพเจ้า Apollo (อพอลโล) เป็นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ตามความเชื่อของชาวโรมัน

คนที่เกิดราศีนี้ จะได้รับการมอบพลังงานจากดวงอาทิตย์ เป็นคนที่มีความเข้มแข็ง มีบุคลิกภาพสนุกสนาน เฉลียวฉลาดและมีทัศนคติแง่บวก สำหรับสีรถถูกโฉลกกับชาวราศีสิงห์ คือ สีทอง สีส้ม และสีเหลือง

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

9. ราศีกันย์ (ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม – 22 กันยายน)

ราศีกันย์ เป็นราศีที่ 2 ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวพุธ เช่นเดียวกับราศีเมถุน แต่จะมีนิสัยที่แตกต่างกันพอสมควร โดยชาวราศีกันย์จะเป็นคนที่มีความยืดหยุ่น เรียบง่าย ไม่จู้จี้จุกจิก สดใสและร่าเริง

สีที่เหมาะสำหรับชาวราศีนี้ คือ สีเฉดพาสเทล สีเหลืองอมส้ม สีของท้องฟ้า เหมาะสำหรับบุคลิกภาพที่แน่วแน่และไม่ยอมใคร

10. ราศีตุลย์ (ระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 22 ตุลาคม)

ราศีตุลย์ เป็นราศีที่อยู่ภายใต้ดาวศุกร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอ่อนโยนและความเมตตา สอดคล้องกับนิสัยของชาวราศีตุลย์ ที่เป็นคนชอบความสงบ มีเสน่ห์ แสวงหามิตรภาพ สีที่เหมาะสำหรับคนเกิดราศีตุลย์ คือ สีน้ำเงิน

สีรถประจำราศี ใช้แล้วถูกโฉลกกับคุณ!

11. ราศีพิจิก (ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน)

ราศีพิจิก อยู่ภายใต้การปกครองของ เทพ Pluto (พลูโต) เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ที่ทำให้คนเกิดราศีพิจิกเป็นคนที่มีอำนาจ มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีแมงป่องเป็นสัญลักษณ์ ให้ความรู้สึกที่ลึกลับและต้องมนต์ สีที่เหมาะสำหรับชาวราศีพิจิก คือ สีแดงเข้ม

12. ราศีธนู (ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)

ราศีธนู ได้รับอิทธิพลมาจากดาวพฤหัสบดี คนเกิดราศีธนูจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับอิสรภาพ ความเป็นตัวของตัวเองสูง จะทำงานในสไตล์ตัวเอง ไม่ทำสิ่งต่างๆ ตามระเบียบแบบแผน สีที่เหมาะกับชาวราศีธนู คือ สีเหลือง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

ถ้าจะให้พูดถึง “รถรัสเซีย” แล้ว หลายคนยังคงคิดถึงความโบราณ ล้าหลัง ดูเชยๆ ตามสไตล์รถยนต์ของประเทศสังคมนิยมตั้งแต่ในยุคสหภาพโซเวียต ที่ปัจจุบันดูเหมือนพัฒนาไปไม่มากจากเดิมนัก

ส่วนหนึ่งก็เพราะปัจจัยหลายๆ อย่างของรัสเซียเอง ที่ยังยึดติดกับความเป็น “สังคมนิยม” พอสมควร (แม้ว่าในปัจจุบัน จะเป็นทุนนิยม ในรูปแบบของประเทศสหพันธรัฐ ที่มีประธานาธิบดีแบบเผด็จการนิยมอยู่ก็ตาม) เรื่องการตลาดสู้ค่ายรถจากฝั่งยุโรปตะวันตกไม่ได้ รวมไปถึงยังเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 10,000,000 ตร.กม. กับสภาพอากาศที่หนาวแบบทารุณแทบทั้งปี แถมมีฝนตกก็ไม่ใช่น้อย รถที่จะนำมาใช้ในประเทศนี้ต้องอึดจริงๆ ถึงจะอยู่ได้

นอกจากนั้นในยุคที่เป็นสหภาพโซเวียต คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยัง (จน) อย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งไม่ค่อยมีบริการหลังการขาย ซื้อแล้วต้องไปหาที่ซ่อมเอง รถที่จะขายให้ประชาชนได้ จึงต้องถูก ทน ไว้ก่อน เรื่องดีไซน์ไว้ทีหลัง

เรามาดูกันว่า รถยนต์จากรัสเซีย แดนหมีขาว มียี่ห้ออะไรที่น่าสนใจกันบ้าง…

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

1. Lada

Lada (ลาด้า) น่าจะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่คุ้นเคยในบ้านเรามากที่สุดแล้ว ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคสมัยสหภาพโซเวียต เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทชื่อว่า AvtoVAZ (อัลโตวาส) นับตั้งแต่ปี 1966 จนต่อมาในปี 1973 ถึงได้ใช้ชื่อว่า Lada มีความหมายว่าเป็นเรือยาวของชาวไวกิ้ง สำหรับรถที่ส่งออกเท่านั้น หากเป็นรถที่จำหน่ายในประเทศจะเรียกว่า Zhiguli (ชิกูลี) แต่ต่อมารถทุกคันเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรนด์ว่า Lada หมด

Lada จัดว่ามีชื่อเสียงยุโรปพอสมควร โดยเฉพาะในยุคคอมมิวนิสต์ มันดังมากในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก รวมทั้งยังมีการส่งออกไปเกือบทั่วโลกอีกด้วย (ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเจ้า Lada นี้ ยังมีการแลกเทคโนโลยีกับค่ายรถยนต์จากฝั่งยุโรปตะวันตก เช่น Fiat ทำให้รถหลายรุ่นที่ออกมา รูปทรงราวกับฝาแฝด

ลาด้าสร้างชื่อในยุค 70 – 80 จากการผลิตรถรุ่น VAZ-2101 ที่นำ Fiat 124 มาเป็นพื้นฐานในการผลิต และแตกรุ่นย่อยออกไปอีกสารพัดแบบ ถูกนำออกขายในฐานะรถราคาประหยัดกวาดยอดขายไปมากกว่า 17 ล้านคัน

Lada Niva Cossack

ภาพจาก sarachdt1 @ Thaiscooter.com

และ Lada Niva 4×4 ที่เป็นรถออฟโรดขนาดเล็กไซส์พอๆ กับ Suzuki Jimny ออกจำหน่ายครั้งแรกในรัสเซียเมื่อปี 1977 และยังมาขายแบบเดิมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในไทยเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัท เบนซ์ศรีนครินทร์ (หรือ Niche Cars ในปัจจุบัน) ก็เคยสั่ง Lada Niva Cossack พวงมาลัยขวา นำเข้ามาขายครับ

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

2. GAZ

GAZ (กาซ) (หรือ Gorkovsky Avtomobilny Zavod และ Gorky Automobile Plant ในภาษาอังกฤษ) เป็นแบรนด์รถยนต์อันเก่าแก่ของรัสเซีย ที่ก่อตั้งในยุคสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1929 โดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับ Ford Motors Compacy ของสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเริ่มผลิตรถอย่างเป็นทางการในปี 1932 มีรถแบรนด์ดังๆ ในยุคสหภาพโซเวียต อาทิ Pobeda, Volga หรือ Chaika เป็นต้น

ต่อมาในปี 2011 Volkswagen Group Rus และ GAZ Group ยังได้ลงนามในข้อตกลงทำสัญญาประกอบรถยนต์ Volkswagen และ Škoda ที่โรงงาน GAZ อีกด้วย

ปัจจุบัน GAZ เป็นผู้นำในตลาดรถขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในรัสเซีย มีรถรุ่นเด่นๆ ได้แก่ GAZelle และ Sobol ซึ่งเป็นรถตู้ หรือรถบรรทุกขนาดเล็ก และ GAZon กับ Sadko ที่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถเมล์ รถบัส

รวม 5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียนิยมใช้

3. Kamaz

Kamaz (คามาซ) (Kamskiy Avtomobilny Zavod หรือ Kama Automobile Plant) เป็นบริษัทรถรัสเซียที่ผลิตรถยนต์บรรทุก, รถเมล์ และรถบัส ก่อตั้งในปี 1969 ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ตามมติของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต ที่ต้องการใช้งานรถบรรทุกขนาดหนักเพื่อการก่อสร้างในภารกิจต่างๆ

ปัจจุบัน Kamaz เป็นผู้ผลิตรถบรรทุกรายใหญ่อันดับโลกของรัสเซีย และยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะของรถบรรทุก ที่เข้าแข่งในรายการ Dakar Rally และครองแชมป์ได้เสมออีกด้วย

5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

4. UAZ

UAZ (ยูซ) (Ulyanovsky Avtomobilny Zavod หรือ Ulyanovsk Automobile Plant) เป็นผู้ผลิตรถตู้, รถ 4X4, รถบรรทุก, รถบัส และรถจี๊ปที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย ก่อตั้งเมื่อปี 1941 ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Sollers Automotive Group นับตั้งแต่ปี 2000

สำหรับรถในตำนานของค่ายนี้ คงต้องยกให้กับ UAZ-469 ซึ่งเป็นรถออฟโรดที่ผลิตออกมาสำหรับใช้ในกองทัพโซเวียต และประเทศบริวารในกลุ่ม Warsaw Pact (กติกาสัญญาวอร์ซอ) หรือ WTO (Warsaw Treaty Organization) ช่วงสงครามเย็น ตั้งแต่ปี 1971 – ปัจจุบัน แถมยังมีส่งออกไปประมาณ 80 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย

5 แบรนด์รถรัสเซียยอดฮิต ที่คนรัสเซียใช้

5. ZiL

สำหรับรถยนต์ “ZiL” (ซิล) (Zavod imeni Likhachyova หรือ Avtomobilnoe Moskovskoe Obshchestvo (AMO)) ในอดีตเคยได้รับการขนานนามว่าเป็น “Rolls-Royce แห่งสหภาพโซเวียต” บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1916 จัดว่าเก่าแก่ที่สุดในบรรดารถยนต์รัสเซียทั้งปวง ส่วนชื่อ ZiL นั้น ใช้มาตั้งแต่ในปี 1956

ZiL ผลิตรถยนต์หลากหลายประเภท ทั้งรถยนต์นั่งแบบหรูหรา, รถบรรทุกหนัก, รถแบบ 4X4, รถโดยสาร หรือรถทหาร เป็นต้น

เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของรถลิมูซีนสำหรับผู้นำประเทศที่ผลิตด้วยมือในช่วงยุค 70 – 80 จากที่เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้นำประเทศ ตอนหลังจึงเน้นการผลิตเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เน้นขายนักการเมืองรัสเซียนั่นเอง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

รวม 7 ปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนถนนสูงสุดระดับโลก สาเหตุก็มาจากหลายๆ ปัญหาของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งการไม่เคารพกฎหมาย ความประมาท ความใจร้อนจนเกิดการทะเลาะวิวาท, อุบัติเหตุ ฯลฯ ซึ่งปัญหาพวกนี้แก้ไขได้ หากคุณมีสติในการขับรถ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจแก่ผู้ร่วมทาง

ในบทความนี้ CARRO จึงรวมสาเหตุหลักๆ ที่เป็นปัญหาบนท้องถนนบ้านเรามาให้ผู้อ่านทราบ เพื่อที่จะได้รับรู้และรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก lavanont

1. ไม่เคารพกฎจราจร

นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้รถติดหรือเกิดอุบัติเหตุทั้งหมดบนท้องถนน อย่างเช่น การขับรถฝ่าไฟแดงที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ และการละเลยป้ายเตือนข้างทาง รวมถึงคนที่ขับรถโดยไม่รู้กฎจราจรอีกด้วย

ซึ่งตามหลักกฎหมาย คุณจะไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่รู้กฎหมาย ดังนั้น หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลด หรือต้องเสียค่าปรับ ก็ควรศึกษาเกี่ยวกับกฎจราจรให้ดี และขับขี่รถอย่างถูกกฎ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

2. ขับรถเร็วและชอบแซง

คนไทยชอบใจร้อนตามอากาศ และมีนิสัยชอบขับรถเร็วและขับแซงรถคันอื่นๆ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์รถชนหรือแหกโค้งพลิกคว่ำบนถนนบ่อยๆ ซึ่งในแต่ละปีนั้น มีการสูญเสียที่เกิดจากการขับรถด้วยความใจร้อนและประมาทแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าคุณไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ควรขับรถด้วยความใจเย็น มีสติ หรือไม่ขับแซงรถคันอื่นๆ เป็นอันขาด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก โปรแกรมเมอร์ @watcharate

3. จอดล้ำเส้นทางม้าลาย / ไม่จอดให้คนข้ามทางม้าลาย

เป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทุกวัน นั่นก็คือ รถจักรยานยนต์จอดล้ำและกีดขวางทางม้าลาย เกิดจากการขับรถมาจอดเป็นคันแรก เพื่อให้สามารถออกตัวก่อน ซึ่งทำให้ล้ำเส้นหยุด แต่ขณะเดียวกันรถยนต์ก็ไปจอดช่องรถจักรยานยนต์ ทำให้รถจักรยานยนต์ต้องจอดเลยเส้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรถติดและปัญหาอื่นตามมา ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตราย และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ด้วยค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก นู๋ปู กู้ภัยชาละวันพิจิตร

4. ไม่หลีกทางให้รถกู้ภัย

อีกปัญหาของสังคมไทยที่เป็นประเด็นข่าวอยู่บ่อยๆ นั่นคือ การขวางหรือไม่หลีกทางให้กับรถกู้ชีพ, กู้ภัยของมูลนิธิและรถฉุกเฉินโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุไม่หลีกทางให้นั้น อาจมองกว้างๆ ได้ 2 ประเด็น คือ

  • บางคนอาจขับรถโดยเหม่อลอย ขับไปเรื่อยๆ ไม่ตั้งใจขับ หรืออาจเล่นโทรศัพท์ จนไม่ได้ยินเสียงสัญญาณไฟ
  • บางคนมีปมกับรถฉุกเฉิน เพราะเมืองไทยมีรถฉุกเฉินเยอะเกินไป ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญาณไฟหายไป คนไม่เชื่อว่ารถจะไปกู้ภัยจริงๆ จึงไม่หลีกทางให้ ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ทำให้เกิดการสูญเสียแบบที่ไม่น่าเกิด

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

5. คุยโทรศัพท์ในขณะขับรถ

แม้จะมีกฎหมายห้ามออกมา แต่ก็ยังมีคนที่ฝืนกฎและคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารถติดและอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากคุยโทรศัพท์จนเสียสมาธิในการขับรถ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน ทุกครั้งที่ขับรถคุณต้องไม่คุยโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด หากจำเป็นก็แนะนำให้จอดรถข้างทาง คุยธุระให้เสร็จแล้วค่อยขับรถต่อไป

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก FM91 Trafficpro

6. เมาแล้วขับ

เป็นปัญหาโลกแตกที่หาทางแก้ไขกันมานาน แม้จะมีการรณรงค์ห้ามคนเมาแล้วขับอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ ก็ยังมีคนที่เมาแล้วขับอยู่จำนวนมาก และปัญหาที่ตามมาก็คือ การเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเช่นกัน

เพราะฉะนั้นคุณควรพึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ควรขับขี่ในขณะที่กำลังเมาเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ก็ตาม อย่างน้อยก็เซฟเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง และจะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นบนท้องถนนค่ะ

รวมปัญหาบนท้องถนนแบบ “ไทยสไตล์”

ภาพจาก JS100 Radio

7. ขับขี่รถย้อนศร

พฤติกรรมการขับขี่รถย้อนศรอาจพบเห็นไม่บ่อยนักสำหรับคนขับรถยนต์ แต่คนขี่รถมอเตอร์ไซค์มักมีพฤติกรรมที่มักง่ายเช่นนี้ และพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย ในถนนเส้นใหญ่ที่มีทางกลับรถในระยะไกล จึงเป็นสาเหตุที่ไม่อยากไปกลับรถและเลือกที่จะขี่รถย้อนศร ทำให้ในบางครั้งคนที่ใช้ท้องถนนในเลนที่ถูกต้องกลับต้องหักหลบ หรือมองไม่เห็นรถที่ย้อนศรมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

แต่ถ้าใครอยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

ความสะอาดถือเป็นสุขอนามัยที่สำคัญมองข้ามไม่ได้สำหรับการใช้รถ โดยเฉพาะความสะอาดภายในห้องโดยสารที่มีผลต่อสุขภาพผู้ใช้รถโดยตรง การปล่อยปละละเลยการทำความสะอาดห้องโดยสารย่อมก่อให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้น รวมไปถึงโอกาสแพร่กระจายของเชื้อ โควิด 19 ได้ง่าย ๆ ตัวอันตรายสำหรับสุขภาพอนามัยในยุคปัจจุบัน รู้ใจจึงอยากพาคุณไปตรวจหา “จุดซ่อนเร้น” ที่ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดภายในรถกันสักหน่อย รวมถึงวิธีการทำความสะอาด ใช้อะไรเช็ดภายในรถ รูปแบบต่าง ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีภายในห้องโดยสาร ไม่เป็นจุดเสี่ยงรวมเชื้อโรคภายในรถ ปราศจากโอกาสที่เชื้อโควิด 19 จะมากล้ำกรายทุกคน

จุดรวมสิ่งสกปรกภายในรถ พร้อมวิธีดูแลรถยนต์ให้ไกลจากโควิด 19

ด้วยความใส่ใจในสุขภาพช่วงเวลาภาวะวิกฤตโควิด 19 การระบาดของโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจที่เจ้าเชื้อร้ายนี้สามารถแฝงเร้นอยู่ภายในรถคันโปรดของคุณได้ อีกทั้งยังมีอายุในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ยาวนานถึง 8-24 ชั่วโมง การมองหาจุดละเลยต่าง ๆ ที่อยู่รอบคันรถเราจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้จัดการปัญหาทุกอย่างได้อย่างราบรื่น

นอกจากเชื้อโควิด 19 จะห่างไกลไปจากทุกคนที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ยังเป็นการป้องกันและรักษาสุขอนามัยภายในรถได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย และนี่คือ “5 จุดเสี่ยงภายในรถ” ที่ต้องใส่ใจในเรื่องความสะอาด มีตรงไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

1.เบาะนั่งรถยนต์

ถือเป็นจุดที่ต้องดูแลใส่ใจอย่างเป็นพิเศษเพราะเบาะนั่งรถยนต์เป็นพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ถูกจับและสัมผัสมากที่สุด อีกทั้งเรายังต้องฝังตัวนั่งอยู่ในบริเวณตำแหน่งที่นั่งต่าง ๆ เป็นเวลานานตามระยะทางการเดินทางของเรา ซึ่งกลิ่นอับชื้นและเชื้อโรคต่าง ๆ มักฝังตัวอยู่ตามเบาะที่นั่งจากการสัมผัสและปนเปื้อนของสิ่งไม่พึ่งประสงค์เหล่านี้ ดังนั้นพื้นที่เบาะโดยสารจึงควรเป็นพื้นที่ที่ต้องเอาใจใส่มากเป็นจุดแรกสำหรับการดูแลรักษาทำความสะอาดให้เกิดสุขอนามัยที่ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้นและเป็นการทำลายแหล่งเพาะตัวของเชื้อโควิด 19 อีกด้วย

สำหรับการทำความสะอาดเบาะรถนั้นต้องพิจารณาจากวัสดุที่ใช้ทำเบาะด้วย โดยทั่วไปเบาะรถยนต์จะใช้วัสดุในการหุ้มอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่เบาะผ้า เบาะหนังซึ่งมีทั้งหนังแท้และหนังสังเคราะห์ รวมไปถึงเบาะกำมะหยี่ ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

• การทำความสะอาดเบาะผ้า เป็นพื้นที่ที่คราบฝังแน่นต่าง ๆ เกาะติดง่ายที่สุด แต่ถึงกระนั้นการทำความสะอาดก็สามารถทำได้ง่ายที่สุดด้วยเช่นกัน วิธีการง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ โดยทุกครั้งที่จอดพักรถควรจอดรถเปิดประตูให้รถได้ถูกแสงแดดในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ นอกจากนั้นการใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ ผสมน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดอยู่เป็นประจำก็ทำให้เบาะรถของเราห่างไกลจากสิ่งสกปรกไปได้มากทีเดียว
• การทำความสะอาดเบาะหนัง สามารถใช้น้ำผสมสบู่เช็ดเบาะหลังจากการใช้งาน เพียงเท่านี้ทั้งกลิ่นอับและเชื้อโรคก็พร้อมจากไกลไปจากรถคุณอย่างแน่นอน
• การทำความสะอาดเบาะผ้ากำมะหยี่ ต้องใช้ผงซักฟอกแบบพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลเวอร์นาโน ช่วยฆ่าและยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ด้วยการผสมน้ำและใช้แปรงปัดถูกเบา ๆ ไปให้ทั่ว เพียงเท่านี้เบาะรถก็จะสะอาดเงางามและปราศจากเชื้อโรคอย่างแน่นอน

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

2.ช่องแอร์ภายในตัวรถ

ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนบุคคล หรือรถโดยสารขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถอเนกประสงค์ SUV ช่องแอร์ที่มีอยู่อย่างมากมายรอบคันรถ ถ้าหากดูแลรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีจะเป็นอุปกรณ์ที่สร้างอากาศที่ดียอดเยี่ยมให้กับคุณ แต่ถ้าขาดการบำรุงดูแลรักษา และเอาใจใส่อย่างเหมาะสมก็จะกลายเป็นสถานที่พักเชื้อรวมไปถึงเชื้อโควิด 19 ที่พร้อมกระโดดออกมาทำร้ายทุกคนที่คุณรักได้ด้วย ดังนั้นการทำความสะอาดช่องแอร์ รวมไปถึงระบบแอร์ภายในรถจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลระบบแอร์และช่องแอร์ภายในรถคือการหมั่นเช็ดทำความสะอาดในส่วนของบานพับแอร์ต่าง ๆ รวมไปถึงจุดที่สามารถสัมผัสได้เป็นประจำไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิดปิดแอร์ ปุ่มปรับอุณหภูมิ ในเวลานี้การเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสามารถทำได้ในทุกเวลาที่ต้องการ ระมัดระวังการใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นในการเช็ดทำความสะอาดเพราะความแรงของแอลกอฮอล์นั้น จะทำให้สีหลุดลอกออกมาได้ง่าย
และอีกหนึ่งวิธีการดูแลช่องแอร์แบบง่าย ๆ คือการไม่นำอาหารหรือสิ่งที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้ามาในรถเพราะจะทำให้ระบบแอร์ทำงานหนัก ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายอากาศและการฟอกอาการทำได้อย่างไม่เต็มที่ และควรตรวจสอบระบบการทำงานของแอร์รถทุก ๆ 6 เดือนอีกด้วย

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

3.จุดวางของภายในรถ

ถือเป็นจุดที่ถูกละเลยอยู่เป็นประจำ จุดวางของที่เล็กและไม่เป็นที่สังเกตจึงถูกหมางเมินไม่ให้ความใส่ใจในการทำความสะอาดมากนัก ส่วนใหญ่จุดเหล่านี้จะถูกทำออกมาในรูปแบบของลิ้นชักหรือบานพับที่ซ่อนตัวในโครงสร้างรถได้อย่างลงตัว นอกจากทำให้ดูไม่เกะกะตาแล้ว ยังคงทำให้คุณไม่สามารถมองดูได้อย่างถ้วนถี่ว่าทำความสะอาดดีแล้วหรือไม่ และเมื่อถึงคราวฉุกเฉินที่ต้องการเก็บของยามใด การเปิดใส่ของเข้าไปโดยไม่สำรวจตอบสอบให้ดี ยิ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่สำหรับการหมักหมมของกลิ่นอับและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไปอีกด้วย

ดังนั้นหลังจาก การใช้รถ ทุกครั้ง ใช้เวลาซักนิดตรวจสอบลิ้นชักเล็ก ๆ รวมไปถึงจุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อวางของต่าง ๆ ภายในรถให้ดี การใช้ทิชชู่เปียก หรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดฝุ่นในรถ ทำความสะอาดอยู่เป็นประจำจะเป็นการทำลายแหล่งเพาะเชื้อและหมักหมมของฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมไปถึงเชื้อโควิด 19 ที่อาจแฝงตัวมาอยู่ในบริเวณนั้นด้วยก็เป็นได้

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

4.ที่จับเปิด-ปิดประตู และกระจกรถ

อีกหนึ่งสิ่งของที่ถูกใช้งานมากที่สุด แต่ถูกละเลยมากที่สุดเช่นกัน สิ่งสกปรกต่าง ๆ มักเข้าไปแฝงเร้นซ้อนตัวอยู่อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในภาวะเร่งรีบที่ทุกคนต่างนำอาหารขึ้นมากินบนรถ เมื่อมือเปื้อนพร้อมกับทำความสะอาดได้ไม่ดีมากนัก เมื่อถึงจุดหมายทุกคนต่างจับบานพับปลดล็อก เปิดประตู พร้อมกับนำคราบสกปรกต่าง ๆ ไปฝังตัวอยู่ในบริเวณนั้น ยิ่งรถคันใดผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานมักจะเกิดเป็นรอยบุ๋มลึกลงไปยากต่อการทำความสะอาดและยังเป็นแหล่งรวมความสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ดังนั้นทุกครั้งหลังจากการใช้งานแล้ว คุณควรไล่ เช็ดฝุ่นรถ อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่เสมอโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมน้ำเช็ดตามบานพับและจุดที่เป็นร่องรูต่าง ๆ ตามพื้นที่เปิด-ปิดประตูรวมไปถึงสวิตซ์เปิดกระจกให้สะอาดไม่มีคราบสกปรกสะสมอยู่ตลอดเวลา

แนะนำวิธีรักษาความสะอาดภายในรถยนต์ให้ปลอดเชื้อโควิด-19

5.ปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัย

เชื่อแน่ว่าเป็นชุดอุปกรณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการถูกจับและสัมผัสจนกลายเป็นแหล่งรวมสิ่งสกปรก จุดหมักหมม รวมไปถึงการเกิดโอกาสการแพร่เชื้อโควิด 19 ผ่านทางปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัยนี้ เรียกว่า นอกจากบานพับเปิด-ปิดประตูรถแล้ว เจ้าปุ่มล็อกเข็มขัดนิรภัยจะเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่ผ่านมือคนมากที่สุด ได้รับการสัมผัสบ่อยที่สุด และแน่นอนความพลั้งเผลอจึงเป็นการนำเชื้อโรคไวรัสไปเกาะติดรอให้ผู้ใช้งานคนอื่นมาสัมผัสและรับเชื้อไปจากจุดสัมผัสเหล่านั้น

เนื่องจากปุ่มสัมผัสเหล่านี้เป็นพลาสติกแข็งทำความสะอาดได้ง่าย การเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอยู่เป็นประจำย่อมเพียงพอต่อการ ดูแลสุขอนามัยภายในรถ ของคุณให้ห่างไกลจากกลิ่นเหม็นอับในจุดที่ถูกละเลย รวมไปถึงการจัดการแหล่งเพาะเชื้อของโควิด 19 ให้ห่างไกลจากทุกคนในรถของคุณให้มากที่สุด

ใช้อะไรเช็ดภายในรถ กับจุดอับที่คุณมักนึกไม่ถึงว่าจะเป็นแหล่ง “สะสม” ของสิ่งสกปรก กลิ่นเหม็นอับ และเชื้อโรคโดยเฉพาะโควิด 19 ที่แฝงเร้นมาอยู่ในรถคันเก่งของคุณ รู้ใจ อยากให้คุณเอาใจใส่ทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ให้ดี ด้วยรูปแบบการทำความสะอาดที่เหมาะสม มั่นใจว่าสะอาดชัวร์ รวมไปถึงการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของทุกคนในรถคู่ไปกับการมองหารูปแบบการคุ้มครองจากประกันสุขภาพซึ่งที่ รู้ใจ มาพร้อมกับประกันโควิดออนไลน์ให้คุณเลือก ซื้อง่าย สบายใจกว่า! ให้คุณและคนที่คุณรักพร้อมสู้โรคโควิด ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจไม่มีสะดุด

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน!

ช่วงนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ในฤดูฝน แน่นอนว่าการขับรถต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงสภาพรถที่ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่าทุกส่วนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมลุยฝนในยามฝนตกหนักๆ

แต่กระนั้นก็ตาม บางทีก็อาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาได้ เมื่ออุปกรณ์บางอย่างไม่มี ลืม หรือเกิดเสียระหว่างทางกะทันหัน

MR.CARRO เลยขอมาแนะนำ 5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน! เผื่อว่าคุณอาจจำเป็นต้องใช้ หรือได้ใช้งานครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

1. กล้องติดรถ

อุปกรณ์ยอดฮิตสำหรับรถในยุคปัจจุบันไปแล้ว สำหรับกล้องติดหน้ารถ ที่ควรมีไว้บันทึกภาพในทุกฤดูกาล ยิ่งในช่วงหน้าฝนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

การมีกล้องติดหน้ารถ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในการเก็บข้อมูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนนได้อีกด้วย

2. ร่ม

อุปกรณสุดคลาสสิกอย่าง ร่ม แม้ว่าหลายคนอาจจะบอกว่าไม่จำเป็นก็ได้ เพราะจอดรถอยู่ในร่ม หรือในอาคารตลอด

แต่มีเผื่อไว้ดีกว่า ถ้าหากต้องออกไปธุระข้างนอก หรือสถานที่กลางแจ้ง แล้วเจอฝนตกหนักๆ อาจต้องวิ่งตากฝนจนลืมล็อครถเลยก็ได้ มีติดไว้สักคัน จะเอาไว้ถือกันแดดแทนก็ย่อมได้

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

3. พรมกระดุม / พรมไวนิล / แผ่นยางปูพื้นรถ

รถในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะใช้พรมปูพื้นแบบกำมะหยี่ หรือใยสังเคราะห์ ที่ดูแล้วนุ่มเท้า สวยงาม หรูหรา แต่ข้อเสียก็คือค่อนข้างดูดซับน้ำได้ง่าย และอาจก่อนให้เกิดกลิ่นอับ และเชื้อราได้

การเลือกใช้พรมกระดุม, พรมไวนิล วางปูพื้นในรถเสริมอีกชั้น สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้ค่อนข้างดี ถอดออกมาล้างได้ง่าย แต่ในส่วนของพรมไวนิล อันนี้ต้องระวังลื่นหน่อย เวลาเข้า-ออกรถ ขณะที่รองเท้าของคุณเปียกน้ำ

และแผ่นยางปูพื้นรถ ซึ่งเป็นนี่นิยมกันมานาน ข้อดีคือทำความสะอาดคราบน้ำ ฝุ่น โคลน ออกได้ง่าย แต่ข้อเสียคือค่อนข้างแผ่นใหญ่ แข็ง น้ำหนักมาก และดีไซน์ดูโบราณไปหน่อย

4. หลอดไฟสำรอง

หลายคนอาจจะต้องใช้รถยนต์ในช่วงกลางคืนบ่อยหน่อย ไฟส่องสว่างของภายนอกรถถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเวลาฝนตก หรืออยู่ระหว่างทางดึกๆ จึงควรมีหลอดไฟสำรองติดไว้ในรถ ซึ่งส่วนมากจะแบ่งออกเป็นหลอดขนาด 5 วัตต์ สำหรับไฟหรี่ และ 21 วัตต์ สำหรับไฟเบรก

ส่วนไฟท้าย กรณีที่รถของคุณยังไม่ได้ไฟเบรกแบบ LED รถบางรุ่นอาจใช้ไส้คู่ ที่ใช้ทั้งไฟหรี่และไฟเบรกในหลอดเดียวกัน ดังนั้นถ้าเตรียมหลอดไฟท้ายไว้ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

5. น้ำยาเคลือบกระจก

ถ้าหากคุณต้องใช้รถยนต์บ่อยในช่วงหน้าฝน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือน้ำยาเคลือบกระจก ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณดีขึ้นได้ เพราะชั้นฟิล์มบางๆ ที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกจะทำให้ตัวหยดน้ำลอยตัวเป็นเม็ดๆ และไหลออกได้เร็วขึ้น และยังใช้เช็ดกระจกมองข้าง กระจกบานข้างได้อีกด้วย

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ ในช่วงนี้ประเทศของเรายังคงมีข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี แอดมินเลย มีวิธีสังเกตอาการแบตเตอรี่รถยนต์หมดง่าย ๆ มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกเราได้บ้าง ไปหาคำตอบกันเลย

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี ? พร้อมวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมง่ายๆ

แบตเตอรี่ คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับรถยนต์ ทำหน้าที่ตั้งแต่ในการสตาร์ตเครื่องยนต์ และคอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ ซึ่งผู้ใช้รถต้องคอยดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ เพราะแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีอายุการใช้งาน และจะใช้ได้ยาวนานเท่าไหร่ยังแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะะการใช้งาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย

ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของแบตเตอรี่ ย่อมช่วยให้เจ้าของรถและผู้ขับขี่ทุกคน สามารถใช้งานรถยนต์ รวมถึงดูแลรักษาในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่กลายเป็นปัญหาสร้างความเสียหายโดยที่ไม่จำเป็น

แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี

หากจะถามว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะใช้งานได้นานแค่ไหนนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกคำตอบที่ชัดเจนออกไป เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นมีมากมายหลายส่วนด้วยกันแม้เราจะบำรุงดูแลรักษาเป็นประจำ เนื่องจากมีบางกรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสภาพอากาศและอุณหภูมิ ทว่าโดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป จนมากที่สุดได้ถึง 5 ปี

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สิ่งที่มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

สภาพอากาศ และอุณหภูมิ

แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีโอกาสเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติในสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัด และยิ่งถ้าต้องจอดรถในสภาพแวดล้อมดังกล่าวเป็นเวลานานก็ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมสภาพเร็วได้ เพราะที่แผ่นตะกั่วอาจจะเกิดตะกอนทำให้มีการกักเก็บไฟได้ไม่ดีนั่นเอง

ความผิดปกติของระบบชาร์จไฟ หรือการดัดแปลงไดชาร์จ

หากไดชาร์จเกิดการเสื่อมสภาพ มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไปยังแบตเตอรี่ ทำให้มีโอกาสที่ไฟในแบตเตอรี่จะรั่วไหลและไม่สามารถเก็บไฟได้แม้ในขณะที่สตารตเครื่องยนต์ นอกจากนี้หากมีการดัดแปลงไดชาร์จให้ชาร์จกระแสไฟได้เร็วยิ่งขึ้นจะทำให้มีกระแสไฟไหลเข้าสู่แบตเตอรี่มากกว่าปกติ ส่วนใหญ่พบได้ในรถที่ดัดแปลงเครื่องเสียง
การต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี

ในส่วนของการติดตั้งแบตเตอรี่นั้นหากมีการต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี หลวม หรือบริเวณขั้วต่อมีสนิม ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การไหลของกระแสไฟและระบบการชาร์จไฟกลับเข้ายังแบตเตอรี่นั้นทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมเร็วนั่นเอง

การใช้งาน เปิดไฟหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถทิ้งไว้

หลักปฏิบัติโดยทั่วไปก็คือผู้ใช้รถควรตรวจสอบไฟภายในห้องโดยสารหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในรถทุกครั้งก่อนลงจากรถ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายไฟจนหมด ส่งผลให้รถสตาร์ตไม่ติด และเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ดูยังไง

1. เครื่องยนต์สตาร์ตติดยากหรือสตาร์ตไม่ติด – การสตาร์ตรถยนต์นั้นจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่มากที่สุด และหากเครื่องยนต์มีการหมุนช้าลงและสตาร์ตติดได้ยาก สาเหตุหนึ่งก็มาจากการที่แบตเตอรี่เริ่มเก็บประจุไฟไม่อยู่ และจ่ายไฟได้น้อยลง กับอีกกรณีหากทำการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วมีเสียงการหมุนของเครื่องยนต์แต่รถก็ยังสตาร์ตไม่ติด ปัญหานี้มักเกิดจากกำลังไฟในแบตเตอรี่ไม่พอแล้วนั่นเอง

2. ไฟหน้าสว่างน้อยลง – ทุกครั้งที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนแล้วต้องเปิดไฟหน้า ให้ลองสังเกตดูว่าแสงไฟมีความสว่างลดลงไม่สว่างเหมือนก่อน ก็สันนิษฐานได้ว่าแบตเตอรี่กำลังมีปัญหา

3. ได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ – หากแบตเตอรี่มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่านั่นเป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่งว่าแบตเตอรี่กำลังรั่วและเกิดการชำรุด หากยังฝืนใช้งานต่ออาจเป็นอันตรายและสร้างความเสียหายหรือกัดกร่อนส่วนประกอบอื่น ๆ ในรถของคุณได้ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ในทันที

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

4. ต้องพ่วงแบตเตอรี่อยู่เป็นประจำ – สาเหตุนี้ไม่ได้แยกว่าจะต้องเป็นรถใหม่หรือรถเก่าเพราะสามารถพบเจอได้ทั้งหมด เนื่องจากการลืมปิดไฟหน้ารถหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างทำให้แบตฯ หมด จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการพ่วงแบตฯ เป็นประจำ แต่การพ่วงแบตฯ บ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด อาจทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

5. ความผิดปกติของแบตเตอรี่ – ปัญหาของแบตเตอรี่หมดไวหรือเสื่อมนอกจากเกิดจากการใช้งานของเราแล้ว ยังเกิดได้จากคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของแบตเตอรี่นั้น ๆ ได้ เช่น แบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่สูง, แบตเตอรี่มีการสะสมความเป็นกรด และแบตเตอรี่บวม

6. สัญลักษณ์บนแบตเตอรี่เปลี่ยนไป – ปัจจุบันผู้ผลิตแบตเตอรี่จะทำช่องไว้สำหรับสังเกตแบตเตอรี่ว่ายังอยู่ในระดับการใช้งานปกติหรือไม่ โดยจะมีแถบให้เปรียบเทียบสัญลักษณ์อยู่บนแบตฯ ซึ่งเราสามารถสังเกตและตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ คงต้องย้ำอีกครั้งว่า ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบสังเกตการทำงานของแบตเตอรี่อยู่เสมอ รวมถึงต้องตรวจเช็กอุปกรณ์อื่น ๆ ว่ายังทำงานได้ดี เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ

Battery Charger สำหรับรถยนต์

ในช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดอย่างหนักในระลอกสามนี้ เห็นที่ท่าว่ายังไม่มีทางหยุดยั้งกันง่ายๆ ซะด้วยสิ เมื่อดูจากตัวเลขผู้ป่วยนับพันในแต่ละวัน ทำให้บรรดาหน่วยงานราชการต่างๆ บริษัทห้างร้านเอกชน ต่างก็ขยายเวลาการทำงานแบบ Work From Home ให้กับพนักงานกันเป็นแถว เพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนจำนวนมากในสำนักงาน และยังเป็นวิถีการทำงานในรูปแบบใหม่ New Normal อีกด้วย

สำหรับรถยนต์ จากเดิมที่เคยใช้งานกันแทบทุกวัน หลายคนตอนนี้อาจจะทำงานแบบ Work From Home ทำให้รถแทบไม่ได้ใช้งาน บางทีจอดทิ้งไว้เป็นเดือน ไม่ได้สตาร์ทหรือขับออกไปไหน จอดจนยางแบนเลยก็มี ทำให้รถหลายคันแบตเตอรี่หมด หรือแบตเตอรี่เสื่อมก่อนอายุการใช้งาน

จึงมีหลายคนถามกันมามากว่า จะซื้อ Battery Charger มาใช้ดีหรือไม่? ในช่วงเวลานี้ MR.CARRO เห็นด้วยนะครับ ว่าควรซื้อมาใช้ เหมาะสำหรับซื้อมาติดบ้านไว้ใช้งานสักอัน แต่รายละเอียดของ Battery Charger จะมีอย่างไรบ้างนั้น เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังกัน

Battery-Charger-For-Car

ตามปกติแล้ว แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้งานรถยนต์ แต่แบตเตอรี่รถยนต์ ก็ยังคงต้องทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถอยู่เสมอ เช่น นาฬิกา, กันขโมย, แผงวงจรต่างๆ หรืออาจจะมีไฟรั่วตามจุดต่างๆ ได้ ซึ่งประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ก็จะคายประจุ ลดลงไปเรื่อยๆ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ทำให้หลายครั้งที่ต้องมาสตาร์ทรถทิ้งไว้ 10-20 นาที หรือเอาออกไปขับวนสัก 2-3 รอบ เพื่อให้ไดชาร์จได้อัดประจุไฟเข้าแบตเตอรี่ รักษาสภาพของแบตเตอรี่ไว้

ดังนั้น การมี Battery Charger ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ช่วยให้คุณประหยัดเวลาได้มากขึ้น ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จ ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ และประจุไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่แต่ละลูก ซึ่งอาจใช้เวลาอยู่ที่ 2 – 20 กว่าชั่วโมง

Battery-Charger-For-Car

วิธีการใช้งาน ก็ควรชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกระแสไฟไม่เกิน 10-15% ของความจุแบตเตอรี่ โดยดูจากแบตเตอรี่รถยนต์คุณก่อนว่ามีขนาดความจุแบตเตอรี่ (Ah) เท่าไหร่ (ซึ่งถ้าเป็นรถยนต์บ้านๆ ทั่วไป ก็จะอยู่ที่ 12V 65Ah หรือ 100Ah) แล้วก็ปรับเครื่องชาร์จ หรือปรับกระแสไฟให้เหมาะสม ตัวเครื่องก็จะอัดประจุไฟให้อัตโนมัติเอง และก็ตัดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ของคุณชาร์จเต็มแล้ว

เพียงแค่นี้ล่ะครับ ก็จะช่วยให้คุณมีเวลา Work From Home ได้เต็มที่ในช่วงที่ไม่ได้ใช้รถแล้ว อีกทั้งแบตเตอรี่รถยนต์คุณก็จะพร้อมใช้งานตลอดเวลาด้วยครับ แต่ถ้าคิดว่าไม่ได้รถนานจริงๆ ก็อย่าลืมถอดขั้วแบตเตอรี่ออกนะครับ

Battery-Charger-For-Car

สำหรับใครที่อยากขายรถ เพราะไม่ได้ใช้รถในตอนนี้หรืออยากได้เงินไปใข้จ่าย มาขายรถกับ CARRO Express สิ! ได้ราคาดี พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

1 2 3 5