วิธีเปลี่ยนปัดน้ำฝนใหม่ ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ช่วงนี้ก็เข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว อุปกรณ์เล็กๆ ของรถ แต่ความสำคัญไม่เล็กอย่าง “ที่ปัดน้ำฝน” ถือว่าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้งานเลยล่ะ หลายคนอาจจะละเลยที่ปัดน้ำฝนไป พอจะเปิดใช้งาน กลับมีเสียงยางขูดกระจกดังครืดๆ ซะแล้ว!

ซึ่งอาการที่ว่ามานี้ หมายถึงยางปัดน้ำฝนเสื่อมแล้ว ถ้ายังฝืนใช้ต่อไป อาจจะทำให้กระจกบังลมหน้าเป็นรอยขูดได้ หรือทำให้รู้สึกรำคาญ เวลาขับรถอีก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังครับ ว่าวิธีเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้น ง่ายนิดเดียว …

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

ใบปัดน้ำฝนที่ดี ต้องสามารถรีดน้ำได้หมดจด และใบปัดไม่ส่งเสียงดังน่ารำคาญ และตัวก้านปัดน้ำฝนของรถ มักจะสั้น-ยาว ไม่เท่ากัน เพราะทางผู้ผลิตก็ออกแบบมาเพื่อให้รับกับส่วนโค้งของกระจก สามารถปัดได้มุมกว้างมากที่สุดบนกระจกบังลมหน้า ส่วนก้านปัดน้ำฝนในด้านท้ายรถ ส่วนใหญ่จะมีในรถเก๋งท้ายตัด เพื่อปัดกวาดน้ำฝน และฝุ่นที่บริเวณกระจกบานท้าย

เราขอแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 1 ปี ราคาก็เพียงชุดละหลักร้อยบาท คุ้มค่ากับการใช้งาน ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบยาง หรือแบบซิลิโคน ที่ไม่ต้องใช้โครงเหล็ก

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน มีง่ายๆ ดังนี้ครับ …

  • ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับหมุนใบปัดเป็น 90 องศา
  • ดันสลักเล็กๆ ออก พร้อมเอาใบปัดน้ำฝนออก
  • ดึงยางอันเก่าพร้อมเส้นเหล็กออก
  • ใส่เส้นเหล็ก (ที่ด้านบนของร่องยาง) พร้อมใส่กลับเข้าไปในโครงเหล็กใบปัดน้ำฝน
  • ถ้ามียางส่วนเกิน ก็ตัดออกซะ
  • ทำเรียบร้อย ใส่กลับไปในก้านปัดน้ำฝน แค่นี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

สิ่งสำคัญ อย่าลืมทำความสะอาดชุดปัดน้ำฝน และกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตรวจเช็คน้ำยาล้างกระจกให้พร้อม แค่นี้ใบปัดน้ำฝนก็พร้อมใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้แล้ว รับรองขับรถได้อย่างปลอดภัยหายห่วง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ช่วงหน้าฝนของไทย ในแต่ละปีก็ต้องมีเรื่องอุทกภัยอย่าง “น้ำท่วม” มาให้เป็นข่าวกันในโซเชียลมีเดียไม่มากก็น้อย ต่างกรรมต่างวาระกันไปในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็น น้ำมาก น้ำรอระบาย เจอพายุเข้าลูกเดียว เจอพายุหลายลูก หรือการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ฯลฯ

นี่ถือเป็นทุกข์ของคนที่มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำ อยู่บนพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ หรืออยู่ในภูธรโดยแท้ จะให้หนีน้ำขึ้นไปอยู่บนดอยก็ไม่โอเค เพราะฝนตกหนักๆ ทีไร เขา (หัวโล้น) ก็มักจะพาท่อนซุง ลงมาพร้อมน้ำป่าไหลหลากทุกที!

หลายคนที่รับรู้ข่าวสารและมีเวลาเตรียมการตั้งตัว โดยเฉพาะคนที่มีรถยนต์ หรือมีรถหลายๆ คัน ก็ต้องหาวิธีอพยพเอาตัวรอดต่างๆ นานาๆ เอารถหนีน้ำ หรือหาถุงพลาสติกยักษ์มาคลุมรถ ขนรถขึ้นไปจอดในที่สูง ตามสะพานลอย เป็นต้น

หรืออีกหนึ่งไอเดีย ที่ก็ดูน่าจะดีในยุคน้ำท่วมไทย นั่นก็คือ “โฟมยักษ์” นั่นเอง …

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ภาพจากคุณ จันทร์กลาง กันทอง

ถ้าใครยังจำได้ ในช่วงปี 2554 มีคนนำโฟมยักษ์ มาใช้ลอยน้ำกับรถยนต์ แล้วก็เป็นที่ได้ผลด้วย ซึ่งก็มีหลายโรงงานผลิตออกมา

สำหรับโฟมยักษ์ จะทำจาก EPS หรือ Expandable Polystyrene เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตปิโตรเลียม (จึงทำให้โฟมติดไฟได้ดี ซึ่งต่างไปจากโฟมกันไฟที่ใช้งานในบ้าน ซึ่งได้เติมสารที่ไม่ให้ไฟลุกลาม) ในรูปเม็ดพลาสติกเล็กๆ กลมๆ รีๆ ถูกผ่านกระบวนการให้ความร้อนจากไอน้ำ จนเกิดเป็นเม็ดโฟม EPS สีขาว ขยายตัวประมาณ 10-80 เท่า (แล้วแต่ทางผู้ผลิต) จากนั้นจึงนำไปขึ้นรูปโฟมบล็อก และโฟมโมลด์ ตามรูปแบบต่างๆ

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ภาพจากคุณ จันทร์กลาง กันทอง

โดยเท่าที่สังเกตจะมีอยู่หลายขนาด ได้แก่ ขนาด 1.5 X 2.4 เมตร ความหนา 1 ฟุต สามารถรับน้ำหนักได้ประมาณ 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม เหมาะสำหรับรถเก๋ง และขนาด 2.4 X 3 เมตร ความหนา 1 ฟุต สามารถรับน้ำหนักได้ประมาณ 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม เหมาะสำหรับรถกระบะ ราคาก็อยู่ราวๆ 2,000 – 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงาน ราคาไม่เท่ากัน)

โฟมที่ยิ่งมีความหนาแน่นมาก ยิ่งหนัก ยิ่งแข็ง ราคาก็ยิ่งแพงไปด้วยเช่นกัน

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ภาพจากคุณ Thitiwat Ton M

โฟมที่ดี ต้องมีผิวเนียน ลูบแล้วไม่สะดุด ไม่มีเศษโฟมปน กดที่เนื้อโฟมแล้วต้องเนื้อแน่น มีสีขาวสม่ำเสมอกันทั้งแผ่น/ชิ้น

ถ้ามีสีขาวไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดโฟมที่ผลิดช่วงเปลี่ยนเกรดโฟม ทางโรงงานทำความสะอาด เป่าไล่ลมท่อทางเครื่องจักรไม่ดี ทำให้มีเม็ดสองเกรดมาปนกัน ค่าความหนาแน่นของโฟมจะไม่ได้ หรือทางโรงงานตั้งใจทำเพื่อผลิตโฟม ในเกรดที่ตัวเองไม่มีในเกรดน้ำหนักนั้นๆ

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ภาพจากคุณ Jazz Socity / อำนวย เดชชัยศรี

วิธีทำ ใช้โฟมอัดแผ่นใหญ่ตามขนาดรถยนต์ 2-3 แผ่น มัดและขึงรวมกัน มารองไว้บริเวณใต้ท้องรถ และหาไม้มาสอดคานด้านล่าง แล้วนำล้อมาอีก 4 ล้อเพื่อถ่วงไม่ให้รถมีโอกาสพลิกคว่ำได้ ที่สำคัญอย่าลืมหาเชือกผูกกันรถ ลอยไปไหนต่อไหนด้วย

แต่การใช้โฟมลอยน้ำ แม้ว่าจะสามารถพยุงรถให้ลอยเหนือน้ำได้ จากแรงลอยตัวมาก แต่ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของจุดศูนย์ถ่วง ความหนาแน่น (เพราะโฟมอาจต้องรองรับน้ำหนักล้อทั้ง 4 ล้อ กรณีใช้แผ่นโฟมแบบเต็มคัน) การไม่แตกหักจากแรงดันน้ำที่ดันอยู่ใต้แผ่นโฟม หรือเรื่องการรับน้ำหนักของเนื้อโฟม และราคาที่ต้องจ่ายด้วยเช่นกัน

เพราะบางทีการกะสมดุลไม่ดี ไม่ได้จุดศูนย์ถ่วง ตัวชิ้นโฟมไม่พอดีกับตัวรถ และน้ำหนักรถ เมื่อรถลอยน้ำได้แล้ว ก็อาจเจอแรงน้ำมา ซัดหงายท้องลงน้ำแทนก็เป็นได้! ดังนั้นต้องระวังให้ดีครับ

ภูมิปัญญาไทยๆ! โฟมยักษ์ลอยน้ำ ช่วยไม่ให้รถจมน้ำ เมื่อน้ำท่วมใหญ่!

ภาพจากคุณ Mitri B Nademahakul

10 ข้อบ่งใช้ โฟมรองรถ หรือสิ่งของ

1. เป็นโฟมที่ใช้รองรถ หรือสิ่งของ ในยามฉุกเฉินเมื่อน้ำท่วม เพียงชั่วคราวเท่านั้น
2. โฟมรองรถ หรือสิ่งของนี้ ไม่ได้รับการทดสอบตามมาตรฐานใดๆ เนื่องจากถูกออกแบบและผลิตขึ้นอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางวิกฤตการณ์น้ำท่วม
3. โฟมเป็นวัสดุซึมน้ำ หากไม่มีวัสดุอื่นปิดเคลือบผิว อัตราการซึมน้ำจะมากขึ้นตามระยะเวลาที่นานขึ้น
4. เมื่อไม่มีวัสดุปิดเคลือบผิว เนื้อโฟมจะเสียหายจากการใช้งานเมื่อถูกกระแทกเสียดสี
5. หากเพิ่มวัสดุปิดเคลือบผิว (เช่น ฉาบปูน, ปูไม้อัด, ห่อพลาสติก) จะทำให้ใช้งานได้ทนทานยิ่งขึ้น
6. เมื่อลอยน้ำโฟมปริมาตรหนึ่งลูกบาศก์เมตร (เช่น กว้าง, ยาว, หนา ด้านละหนึ่งเมตร) จะรับน้ำหนักได้ประมาณ 500 กิโลกรัม
7. โฟมรองรถ หรือสิ่งของนี้ เหมาะกับการใช้งานเพียงชั่วคราวเท่านั้น
8.โฟมรองรถ หรือสิ่งของนี้ เป็นวัสดุที่ติด และลามไฟ (มีโฟมเกรดไม่ลามไฟ ซึ่งต้องสั่งผลิตพิเศษ)
9. โฟมเป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้ หากไม่เปียก หรือสกปรกจนเกินไป
10. โปรดใช้วิจารณญาณ เพื่อการใช้งานอย่างเหมาะสม (ไม่มีการรับประกันใดๆ)

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังอยากซื้อรถใหม่ แต่กำลังเงินซื้อรถมือหนึ่งไม่ไหว CARRO อยากให้ลองเปิดใจกับรถมือสอง เนื่องจากรถมือสองสภาพดีสมัยนี้มีให้เลือกเยอะแยะ แถมถ้าเป็นรถรุ่นประหยัดน้ำมันได้ก็ยังดี ซึ่ง CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์ให้คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน!

ช่วงนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ในฤดูฝน แน่นอนว่าการขับรถต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงสภาพรถที่ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่าทุกส่วนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมลุยฝนในยามฝนตกหนักๆ

แต่กระนั้นก็ตาม บางทีก็อาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาได้ เมื่ออุปกรณ์บางอย่างไม่มี ลืม หรือเกิดเสียระหว่างทางกะทันหัน

MR.CARRO เลยขอมาแนะนำ 5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน! เผื่อว่าคุณอาจจำเป็นต้องใช้ หรือได้ใช้งานครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

1. กล้องติดรถ

อุปกรณ์ยอดฮิตสำหรับรถในยุคปัจจุบันไปแล้ว สำหรับกล้องติดหน้ารถ ที่ควรมีไว้บันทึกภาพในทุกฤดูกาล ยิ่งในช่วงหน้าฝนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

การมีกล้องติดหน้ารถ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในการเก็บข้อมูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนนได้อีกด้วย

2. ร่ม

อุปกรณสุดคลาสสิกอย่าง ร่ม แม้ว่าหลายคนอาจจะบอกว่าไม่จำเป็นก็ได้ เพราะจอดรถอยู่ในร่ม หรือในอาคารตลอด

แต่มีเผื่อไว้ดีกว่า ถ้าหากต้องออกไปธุระข้างนอก หรือสถานที่กลางแจ้ง แล้วเจอฝนตกหนักๆ อาจต้องวิ่งตากฝนจนลืมล็อครถเลยก็ได้ มีติดไว้สักคัน จะเอาไว้ถือกันแดดแทนก็ย่อมได้

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

3. พรมกระดุม / พรมไวนิล / แผ่นยางปูพื้นรถ

รถในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะใช้พรมปูพื้นแบบกำมะหยี่ หรือใยสังเคราะห์ ที่ดูแล้วนุ่มเท้า สวยงาม หรูหรา แต่ข้อเสียก็คือค่อนข้างดูดซับน้ำได้ง่าย และอาจก่อนให้เกิดกลิ่นอับ และเชื้อราได้

การเลือกใช้พรมกระดุม, พรมไวนิล วางปูพื้นในรถเสริมอีกชั้น สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้ค่อนข้างดี ถอดออกมาล้างได้ง่าย แต่ในส่วนของพรมไวนิล อันนี้ต้องระวังลื่นหน่อย เวลาเข้า-ออกรถ ขณะที่รองเท้าของคุณเปียกน้ำ

และแผ่นยางปูพื้นรถ ซึ่งเป็นนี่นิยมกันมานาน ข้อดีคือทำความสะอาดคราบน้ำ ฝุ่น โคลน ออกได้ง่าย แต่ข้อเสียคือค่อนข้างแผ่นใหญ่ แข็ง น้ำหนักมาก และดีไซน์ดูโบราณไปหน่อย

4. หลอดไฟสำรอง

หลายคนอาจจะต้องใช้รถยนต์ในช่วงกลางคืนบ่อยหน่อย ไฟส่องสว่างของภายนอกรถถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเวลาฝนตก หรืออยู่ระหว่างทางดึกๆ จึงควรมีหลอดไฟสำรองติดไว้ในรถ ซึ่งส่วนมากจะแบ่งออกเป็นหลอดขนาด 5 วัตต์ สำหรับไฟหรี่ และ 21 วัตต์ สำหรับไฟเบรก

ส่วนไฟท้าย กรณีที่รถของคุณยังไม่ได้ไฟเบรกแบบ LED รถบางรุ่นอาจใช้ไส้คู่ ที่ใช้ทั้งไฟหรี่และไฟเบรกในหลอดเดียวกัน ดังนั้นถ้าเตรียมหลอดไฟท้ายไว้ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

5. น้ำยาเคลือบกระจก

ถ้าหากคุณต้องใช้รถยนต์บ่อยในช่วงหน้าฝน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือน้ำยาเคลือบกระจก ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณดีขึ้นได้ เพราะชั้นฟิล์มบางๆ ที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกจะทำให้ตัวหยดน้ำลอยตัวเป็นเม็ดๆ และไหลออกได้เร็วขึ้น และยังใช้เช็ดกระจกมองข้าง กระจกบานข้างได้อีกด้วย

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ การขับรถอย่างปลอดภัยนั้น เป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อฝนตก ทัศนวิสัยในการขับขี่ย่อมแย่ลง และยังต้องระวังเพื่อนร่วมทางอีก ทั้งคนเดินทาง รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ

ตามปกติแล้ว ออฟชั่นติดรถที่ธรรมดาสามัญๆ หลายๆ อย่างนั้น ในยุคปัจจุบันก็ถือว่ามีมากกว่ารถในยุคเก่าๆ มาก ซึ่งก็ช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยขึ้น แต่หลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า ก้าน สวิทช์ หรือออฟชั่นนั้นๆ มีไว้สำหรับใช้เพื่ออะไร? และความเหมาะสมในการใช้งานจริงๆ ต้องเป็นช่วงเวลาไหน หรือว่าแค่ช่วงฝนตกอย่างเดียว?

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังถึง 5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตกครับ …

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ภาพจาก Web Cartop

1. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

สำหรับไฟตัดหมอกหน้า-หลัง นอกจากจะใช้เปิดในช่วงที่หมอกลงจัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ อีกด้วย เนื่องจากลำแสงของไฟตัดหมอกจะพุ่งตรงไปข้างหน้าหรือหลังได้ดียิ่งกว่า ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกลมากขึ้น ซึ่งไฟตัดหมอก จะเป็นแบบแสงสีขาว หรือแสงสีเหลืองก็ได้

ส่วนไฟตัดหมอกท้าย นิยมใช้เป็นสีแดง เช่นเดียวกับสีของไฟเบรก และจะติดตั้งในมุมเดียวกับพวงมาลัยรถ

แต่ถ้าฝนเบาลงแล้ว ก็อย่าลืมปิดไฟตัดหมอกด้วยนะครับ เพราะลำแสงของมันจะไปแยงตาคนที่เดินผ่าน หรือคนที่ขับรถสวนมาได้ และอาจถูกตำรวจจับปรับได้ด้วย

2. ไล่ฝ้าหน้า-หลัง

ตามปกติแล้ว เวลาฝนเทลงมาในวันที่มีอากาศเย็นๆ มักจะเกิดฝ้าขึ้นบริเวณกระจกหน้า-หลัง ถ้าเป็นด้านหน้า วิธีแก้ง่ายๆ คือการเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อลบฝ้าบริเวณกระจกหน้าออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ตัวฝ้าก็จะเกิดขึ้นมาอย่างเร็วเช่นกัน

วิธีแก้ปัญหา คือ ให้เลื่อนหรือกดสวิทช์แอร์ไปที่ฟังก์ชั่นไล่ฝ้า ซึ่ง ระบบแอร์ก็จะดึงอากาศจากในรถมาเป่าบริเวณกระจกหน้า ให้อุณหภูมิภายในเท่ากับภายนอก บริเวณหน้ากระจกรถฝ้าก็จะหายไป หรือฝ้ายังมีเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว ให้ลองแง้มหน้าต่างรถยนต์นิดหน่อยก็จะช่วยลดฝ้าที่กระจกได้

ส่วนไล่ฝ้าหลัง จะใช้กระแสไฟวิ่งผ่านเส้นลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในกระจกหลัง เมื่อกดปุ่มก็จะเกิดความร้อนที่เส้นทองแเดง ช่วยให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบตัดไล่ฝ้าอัตโนมัติ ก็ควรปิดทันทีเมื่อฝ้าหายหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตก เนื่องจากเปิดทิ้งไว้นานเกินไป

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

3. ที่ปัดน้ำฝนหน้า-หลัง

นี่จัดว่าเป็นของธรรมดาสามัญมากๆ อีกอย่าง สำหรับชุดที่ปัดน้ำฝนหน้า และที่ปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในรถยุคใหม่ๆ หลายรุ่นมีติดตั้งระบบเปิด-ปิด ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานก็จะมี Rain Sensor คอยตรวจจับปริมาณหยดน้ำที่บริเวณกระจกหน้า หรือตรงกระจกมองหลัง เมื่อฝนตกที่ปัดน้ำฝนก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ คู่ไปกับระบบหน่วงเวลา ซึ่งคุณสามารถปรับเลือกความถี่ในการปัดได้จากก้านปัดน้ำฝน

ส่วนที่ปัดน้ำฝนหลัง โดยส่วนใหญ่มักจะติดตั้งมากับในรถท้ายตัดอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), รถท้ายลาดแบบ Liftback (ลิฟท์แบค) และรถแบบแวกอน เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

4. ฮีตเตอร์ (Heater)

ในอดีต ฮีตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่ติดตั้งมากับระบบแอร์รถยนต์ในรถยุโรป, รถอเมริกัน หรือรถญี่ปุ่นรุ่นที่นำเข้ามาขาย โดยมากมักเป็นรถที่ใช้ในเขตหนาว หรือเป็นออฟชั่นติดรถมาเป็นพิเศษ (สำหรับขายในเมืองร้อน ฮ่า ฮ่า)

หลักการทำงาน เพียงแค่เลื่อนหรือหมุนไปที่ขีดแดงของส่วนอุณหภูมิระบบแอร์รถยนต์ ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายๆ หม้อน้ำเล็กๆ เป่าลมร้อนที่ได้มาจากน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ผสมกับลมเย็น ผ่านคอยล์เย็นต่อเข้ามายังท่อแอร์ในห้องโดยสารรถ

แต่ในยุคปัจจุบัน รถที่ขายในบ้านเราหลายรุ่น ก็ติดตั้งฮีตเตอร์ (หรือแอร์ร้อน) มาให้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ ในการเปิดช่วงฝนตก หรือช่วงฤดูหนาว อีกทั้งยังช่วยไล่ความชื้นในระบบแอร์ได้ดีด้วย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น หรือถ้าท่อแอร์รั่ว หรือผุ ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายเพิ่ม

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

5. กันสาดรถ

อุปกรณ์ชิ้นนี้ หลายคนอาจมองว่ามีประโยชน์แค่ในช่วงหน้าร้อนอย่างเดียว เพราะสามารถแง้มกระจกรถเอาไว้ให้ระบายความร้อนในรถได้ แต่ในช่วงหน้าฝน ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันครับ นั่นคือ สามารถแง้มกระจกในช่วงฝนตก เพื่อระบายลมหรือกลิ่นที่อยู่ในรถออกไปได้

อีกทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา จะไม่มาเกาะติดกระจกด้านข้างประตูมากนัก ทำให้มองเห็นกระจกมองข้างได้ชัดเจนกว่า แต่ข้อเสียก็มีนิดหน่อย ก็แค่ทำความสะอาดยาก หรือเสียงลมบริเวณประตูดังหน่อย เวลาขับรถด้วยความเร็ว หรือถ้ากาวเสื่อม อาจปลิวไปโดนรถคันอื่นได้

และนี่ก็คือสิ่งที่คุณควรรู้กันไว้ ในการขับรถในช่วงหน้าฝนนี้นะครับผม

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรถในยุคปัจจุบัน ต้องบอกก่อนเลยว่าพัฒนาดีกว่ารถยนต์ในเมื่อยุค 20 ปีที่แล้ว หรือ 10 ปีที่แล้วมาก อีกทั้งอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยที่เคยเป็นของรถยนต์ “ราคาแพง” เมื่อการผลิต เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล และการผลิตจำนวน ทำให้ต้นทุนถูกลง บวกกับข้อกฎหมายบังคับในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ระบบความปลอดภัยหลายอย่าง มีติดตั้งมาในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

สำหรับรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่คนไทยนิยมกันทั้งในรูปแบบรถป้ายแดง หรือรถมือสอง คงต้องยกให้ “รถ Eco-Car” (รถอีโค่คาร์) ซึ่งเป็นรถที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

และรถยนต์ Eco-Car ทุกรุ่น คุณภาพไม่ได้น้อยเหมือนราคาตัวรถ แต่ละค่ายต่างก็อัดฟังก์ชั่นต่างๆ มาในรถกันเต็มที่ และยิ่งในช่วงหน้าฝน ฟังก์ชั่นต่างๆ นี้ย่อมได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

Mr.Carro เลยขอนำเสนอ 7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน ให้คุณรู้ว่า ที่ติดรถมา ใช้ประโยชน์ตอนไหนได้บ้าง …

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. ปัดน้ำฝนหลัง

ปัดน้ำฝนหลัง เป็นอุปกรณ์ธรรมดาสามัญสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ท้ายตัดมาแต่ไหนแต่ไร ที่หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ ว่ามันก็เป็นจุดเด่นได้เหมือนกัน!

เหตุผลที่มีปัดน้ำฝนหลังสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ก็เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

คือถ้าไม่มีปัดน้ำฝนหลังใช้งาน เวลาขับรถตอนฝนตก ตอนเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน คงลำบากหน่อย เมื่อต้องสังเกตรถที่มาจากทางด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง

2. ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car มีติดตั้งมาให้ในหลายๆ รุ่น ซึ่งนอกจากจะใช้ในช่วงหมอกลงจัดแล้ว ยังพอใช้ในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก หรือหนักมาก (เท่านั้น) ได้อีกด้วย ซึ่งในรถบางรุ่น อาจติดตั้งไฟตัดหมอกหลัง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

แต่ข้อควรรู้ เมื่อฝนเริ่มซาลง มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ชัดเจนขึ้น ให้ปิดไฟตัดหมอกทันที เพราะแสงจากไฟตัดหมอกจะไปแยงตารบกวนรถคันที่วิ่งสวนมา! และไม่ควรเปิดพร่ำเพรื่อ เพราะอาจโดนตำรวจจับได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

ระบบเบรก ABS จากที่เคยมีในรถราคาแพง ตอนนี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car ทุกรุ่นต้องมีให้ ถ้าไม่มีก็เชยแย่เลย

อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดไปเป็นระบบต่างๆ อีกด้วย เช่น ระบบ EBD (ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก), ระบบ ESP / ESC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว) และระบบ BA (ระบบเสริมแรงเบรก) เป็นต้น

4. ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (หรือ ESC / ESP)

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control หรือ Electronic Stability Program) จะช่วยให้คุณทรงตัวรถได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้องเร่งความเร็ว และการเข้าโค้ง ระบบนี้จะช่วยลดการลื่นไถล มุดโค้ง หรือแหกโค้งไปได้

จัดเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ใช้ได้ดีในช่วงฝนตก และยังทำงานร่วมกับระบบ TRC และ ABS/EBD กับ BA อีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) จะช่วยให้คุณคุมรถตอนฝนตกได้ดีขึ้น เนื่องจากกล่อง ECU จะตรวจจับการทำงานร่วมกับระบบ VSC เมื่อพบว่าล้อใดล้อหนึ่งที่หมุนเร็วกว่าล้อฝั่งอื่นๆ พร้อมส่งสัญญาณไปยังระบบเบรกให้สร้างแรงดันน้ำมันเบรก ไปชะลอความเร็วล้อหลัง และลดกำลังรอบเครื่องยนต์ให้เบาลง

ป้องกันอาการท้ายปัดหรือลื่นของรถ ทั้งในช่วงการออกตัว เข้าโค้ง เมื่อต้องขับด้วยความเร็วในช่วงฝนตก หรือเลี้ยวโค้งช่วงทางโค้ง เป็นต้น ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับ คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

6. ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert) จากฟังก์ชั่นที่มีในรถราคาแพงๆ เมื่อครั้งอดีต ตอนนี้ก็มีเป็นมาตรฐานในรถ Eco-Car ซึ่งถือว่าถือประโยชน์เวลาขับรถตอนฝนตกครับ

ระบบดังกล่าวนี้ จะทำงานร่วมกับกล้องจับภาพหน้ารถที่บริเวณกระจกบังลมหน้า โดยตัวกล้องจะคอยตรวจจับเส้นของช่องทางการเดินรถ (เมื่อรถคุณใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะเริ่มทำงาน) และส่งเสียงเตือนเมื่อรถคุณไถลออกนอกเลน ยามเกิดถนนลื่น หรือเผลอหลับจนรถเป๋ออก ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับเช่นกัน คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ

ถุงลมนิรภัย ถือเป็นของสามัญในรถ Eco-Car ทุกรุ่น ที่จะช่วยปกป้องชีวิตคุณ ในยามที่ขับรถตอนฝนตกลื่นๆ ได้

จากเดิมที่มีแค่ด้านคนขับ ก็เพิ่มมาทั้งฝั่งผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านนิรภัยด้านข้าง และในบางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับอีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

ที่สำคัญ หน้าฝนนี้ ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีสติ ใช้ความเร็วไม่ต้องมาก แค่นี้ก็ปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้วล่ะครับ

และสำหรับรถ Eco-Car รุ่นที่มีฟังก์ชั่นดังกล่าว ใน CARRO Automall ก็มีรถให้เลือกมากมายหลายรุ่น ได้แก่ Toyota Yaris, Toyota Yaris ATIV, Nissan March, Nissan Almera, Nissan Note, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage, Suzuki Celerio, Suzuki Swift หรือ Mazda2 เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าการขับรถฝ่าสายฝนคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะมีวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และไม่เกิดเหตุการณ์รถเหินน้ำ เวลาที่ต้องขับลุยพื้นถนนที่เปียกลื่นหรือมีแอ่งน้ำขังกันได้บ้าง วันนี้ masii ก็มีคำตอบและวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนมาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันแล้วค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อขับรถบนถนนเปียก หรือมีแอ่งน้ำขัง โดยมักเกิดขึ้นเมื่อรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถรีดน้ำบนหน้ายางออกได้ทันท่วงที กลายเป็นยางรถยนต์หมุนอยู่บนผิวน้ำ ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน จึงทำให้ควบคุมรถได้ยาก รถลื่น และหากผู้ขับขี่เหยียบเบรกกะทันหัน หรือจับพวงมาลัยไม่แน่น ก็มีโอกาสที่รถจะเสียหลักหมุนได้อย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ

พื้นถนนที่เปียกมีโอกาสที่จะเกิดการเหินน้ำได้สูง ยิ่งหากเป็นพื้นถนนคอนกรีตด้วย ยิ่งมีโอกาสเหินน้ำมากกว่าถนนยางมะตอย เนื่องจากพื้นถนนอาจมีร่องน้ำตามรูของพื้นถนนมากกว่านั่นเอง ซึ่งเรามีวิธีป้องกันรถเหินน้ำ พร้อมกับวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน ดังต่อไปนี้

1. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป

ควรลดความเร็วหรือใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถในช่วงฝนตก หรือใช้ความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. จะทำให้ยางรถยนต์เกาะยึดพื้นถนน และดอกยางสามารถรีดน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพราะจะทำให้รถเหินน้ำ ลื่นไถลออกนอกเส้นทาง หรือเสียหลักพลิกคว่ำได้

2. หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ

แต่ถ้าจะให้ดีควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ จะลดความเสี่ยงในการเหินน้ำได้ดีที่สุด หรือขับรถในเลนกลางเสมอ เพราะแอ่งน้ำขังมักอยู่เลนนอกสุด ริมข้างทาง ข้างแบริเออร์ หรือข้างเกาะกลางถนน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

3. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน

ไม่ว่าจะขับรถอยู่บนแอ่งน้ำหรือไม่ก็ตาม แต่การขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่นก็ไม่ควรเหยียบเบรกทันที เพราะจะทำให้ล้อหยุดหมุนทันที ส่งผลให้รถเสียหลักได้ ยิ่งถนนเปียกก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญไม่ควรเหยียบเบรกแรงขณะขับทางโค้ง เพราะมีโอกาสที่รถจะหลุดโค้งได้ง่ายๆ ทางที่ดีควรค่อยๆ ชะลอความเร็วและแตะเบรกทีละนิดจะดีที่สุด

4. จับพวงมาลัยแน่นๆ

ขณะขับรถในช่วงที่ฝนตก ถนนจะลื่นกว่าปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล เสียหลักได้ง่าย ยังไงแล้วผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยไว้ให้แน่นๆ เพื่อการควบคุมรถที่ดี และยิ่งหากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ หรือ รถเกิดอาการเหินน้ำแล้ว ให้จับพวงมาลัยแน่นๆ ประคองรถให้ดีๆ ชะลอความเร็ว และแตะเบรกเบาๆ ห้ามเบรกกะทันหัน หรือหันพวงมาลัยหนีเด็ดขาด

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

5. เติมลมยางให้พอดี

การเติมลมยางที่เหมาะสมก็ช่วยป้องกันรถยนต์เหินน้ำได้ หากลมยางอ่อนเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง และมีโอกาสเหินน้ำได้ง่ายกว่ายางรถยนต์ที่เติมลมยางปกติ นอกจากนี้ควรหมั่นเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ หากดอกยางเริ่มตื้นหรือโล้นแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางทันที

และนี่ก็คือวิธีป้องกันรถเหินน้ำ รวมถึงวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนที่ masii นำมาฝากกัน ยังไงแล้วก็ขอให้เพื่อนๆ ขับขี่รถยนต์กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อประกันรถยนต์ หรือต่อประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.co.th

วิธีดูแลยางรถยนต์หน้าฝน

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ จอร์จ มากับฝนครับ หน้าฝนแล้วเลยอยากมาแนะนำเพื่อนๆเรื่องการดูแลยางครับ จอร์จ คิดว่ามีเพื่อนๆหลายๆคนไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องการดูแลยางว่าจะต้องดูแลยางอย่างไรเพื่อเหมาะสมกับพื้นผิวถนนที่มีสภาพเปียก หรือเป็นแอ่งน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุของรถเสียหลักจำนวนมากครับ

วิธีดูแลยางรถยนต์หน้าฝน

เรามาเริ่มกันเลยครับ อย่างแรกเลยต้องดูเรื่อง ร่องดอกยางครับ ว่าดอกยางของเราสึกไปเยอะแล้วหรือยัง และ ยังมีดอกยางเหลืออยู่หรือเปล่าเพราะส่วนนี้จะส่งผลกับเรื่องการระบายน้ำออกจากหน้ายาง ยิ่งร่องดอกยางน้อยเท่าไหร่นั่นหมายความว่าการระบายน้ำบริเวณหน้ายางยิ่งทำได้น้อยลง ซึ่งอาจทำให้หน้าผิวสัมผัสยางไม่สามารถแนบกับพื้นถนนได้ดี ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดการยางเหินน้ำได้ครับ

โดยเราจะเช็กได้อย่างไรว่ายางนั้นสึกมากแล้วโดยปกติยางทุกเส้นจะมีสะพานยางอยู่จะเป็นตุ่มๆระหว่างร่องดอกยางครับ ซึ่งตุ่มๆนี้จะเรียกว่า “สะพานยาง” ซึ่งสะพานยางจะมีความหน้าเพียง 1.6 มม.เท่านั้น หากยางสึกถึงสะพานยางแล้วในช่วงหน้าฝนนี้ จอร์จ แนะนำให้รีบเปลี่ยนครับ เพราะการที่ดอกยางเหลือถึงสะพานยางระยะเบรกบนถนนเปียกจากปกติเดิมจะไกลเพิ่มขึ้น ถึง 30-50 เมตรเลยครับ อาจทำให้เรากะระยะทางในการเบรกผิดไปจากเดิมหรือจะเป็นเคสที่กะระยะเบรกผิด ซึ่งส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเพื่อนๆได้ครับ

วิธีดูแลยางรถยนต์หน้าฝน

ต่อมาในช่วงหน้าฝนนี้ ยางคู่ที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดคือเรื่องยางล้อหลังครับ ยางล้อหลังเป็นยางที่สำหรับประคองวิ่งตามและไม่สามารถควบคุมได้ตัวเราเองครับเพราะฉะนั้นเราต้องเช็กยางคู่หลังของเราให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานร่องดอกยางเต็ม เพราะจะช่วยลดปัญหาการเสียการควบคุมได้เมื่อขับรถผ่านแอ่งน้ำได้ครับ หากดอกยางล้อหลังเหลือน้อยแล้วนั้นโอกาสเกิดการเหินน้ำในล้อหลังจะเกิดสูงมาก ซึ่งทำให้รถสามารถเสียหลักและท้ายปัดได้ครับ ซึ่งเพื่อนๆอาจเห็นตามท้องถนนบ่อยที่มีรถหมุนกันกลางถนน ก็เพราะเหตุนี้ละครับจึงต้องตรวจเช็กล้อหลังด้วยนะครับไม่ใช่เช็กแต่ล้อหน้าการเสียการควบคุมจากท้ายปัดเป็นสาเหตุใหญ่เลยครับเพราะส่งผลให้เกิดความเสียหายเยอะครับ

วิธีดูแลยางรถยนต์หน้าฝน

การเติมลมยางอันนี้ จอร์จ ขอแนะนำครับ ว่าควรเติมลมสูงขึ้นกว่าปกติครับ 1-2 PSI ครับ เพราะการเติมลมสูงขึ้นทำให้ยางมีการโกงตัวเกิดขึ้นและทำให้ร่องดอกยางมีการขยายตัวและสามารถระบายน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้นครับ ซึ่งจริงๆ ก็ช่วยได้ในส่วนเดียวครับไม่มากเท่าไหร่ครับ

จากการทดลองถ้าเราเติมลมน้อยลงทุก 7 ปอนด์ต่อตางรางนิ้วเมื่อเราวิ่งขับผ่านน้ำ หน้าสัมผัสพื้นถนนจะมีพื้นที่ลดลงถึง 50% เยอะมากเลยครับ และถ้าเราไปอีก 7 ปอนด์ ก็จะทำให้ผิวสัมผัสของหน้ายางกับพื้นถนนเหลือเพียง 25% เท่านั้นครับจะกลับกันกับเคสปกติที่ว่าถ้าหน้าร้อนยิ่งเติมลมมากผิวสัมผัสยิ่งน้อยลง แต่ถ้าหน้าฝนต้องเติมลมสูงกว่าเล็กน้อยเพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดีขึ้นครับแล้วการยึดเกาะถนนจะทำได้ดีกว่าเดิมครับ

ก็อยากจะขอเตือนเพื่อนๆครับ ในช่วงนี้หากฝนตกอยากให้เพื่อนๆลดความเร็วลงมาจากปกติบ้างครับ และหากเสียหลักก็ควรควบคุมสติและค่อยๆบังคับเอารถให้อยู่ครับ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆเพราะจอร์จไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีๆกับทุกๆคนครับ เพราะ จอร์จ เป็นห่วงทุกคนครับ ปลอดภัยหายห่วงกับ ไทร์บิดครับ วันนี้ มากับฝนก็จะไปกับฝนครับ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ

เพื่อนๆ สามารถที่จะคลิกอ่านบทความรู้ยางรถยนต์ เรามีรีวิวยางและบทความรู้ยานยนต์ได้อย่างครบถ้วนเพิ่มเติมได้ฟรีเลยนะครับผม หรือสะดวกช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com และเรายังมีบริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ที่คอยให้คำแนะนำ โดยสามารถติดต่อช่องทาง Line OA : @tiresbid (มี @ ด้วยนะครับ) ทักมาให้พวกเราได้ครับผม ยินดีให้บริการอย่างยิ่งเลยครับ โอกาสหน้ามีบทความอะไรใหม่ๆติดตามกันนะครับ

If-Car-Air-Conditioner-Bad-Smell

ปัญหาแอร์รถยนต์เหม็นอับ ถือเป็นเรื่องกวนใจของใครหลายๆ คน เมื่อเข้าสู่ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ช่องระบายอากาศอับชื้น เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ จนสร้างความรำคาญใจแก่ผู้ใช้รถไม่น้อย แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ

วันนี้เราจะมาบอกวิธีแก้ปัญหาแอร์รถยนต์เหม็นอับที่เห็นผลได้จริง รับรองกลิ่นเหม็นอับจะไม่มากวนใจแน่นอน

If-Car-Air-Conditioner-Bad-Smell

1. เปิดพัดลมปิด A/C เพื่อไล่กลิ่นอับ

เริ่มจากกดปิด A/C และเปิดพัดลมให้สุดก่อนจดรถประมาณ 5 นาที เพื่อไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น และช่วยลดกลิ่นอับของระบบแอร์ในรถ แล้วที่สำคัญอย่าลืมปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับสภาพอากาศด้วย

2. เปิดกระจก-เปิดประตูรถไว้ทุกบาน

เพราะบางทีรถอาจจะมีกลิ่นเหม็นอับตกค้างอยู่ ให้เราลองเปิดกระจกหรือเปิดประตูรถไว้ทุกบาน จะช่วยให้อากาศภายในรถถ่ายเทมากขึ้น แต่ก่อนที่จะเปิดกระจกหรือเปิดประตูรถ เราอย่าลืมปิดระบบแอร์ด้วยนะครับ

If-Car-Air-Conditioner-Bad-Smell

3. เปลี่ยนไส้กรองอากาศ

สำหรับไส้กรองอากาศจะมีหน้าที่ช่วยดักจับฝุ่น เศษละอองต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ระบบแอร์ แต่ทั้งนี้ไส้กรองอากาศจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5,000 กิโลเมตร ดังนั้น เราควรทำความสะอาดไส้กรองอากาศ หรือทางที่ดีเปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ซะเลย จะช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกไปเกาะที่ไส้กรองอากาศ

4. ล้างแอร์รถยนต์

ในกรณีที่เรายังได้กลิ่นเหม็นอับ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดอยู่ในรถ แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์หรืออู่ซ่อมรถใกล้บ้าน เพื่อล้างแอร์มาทำความสะอาดดีกว่า เพราะถ้าจะให้ล้างแอร์เองคงจะยาก แล้วอีกอย่างเราอาจจะทำไม่ถูกต้องด้วย ซึ่งการล้างแอร์ปกติเราควรเปลี่ยนทุกๆ 30,000 กิโลเมตรครับ

If-Car-Air-Conditioner-Bad-Smell

5. ใช้สมุนไพรอ่อนๆ มาช่วยลดกลิ่น

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้สมุนไพรอ่อนๆ มาเป็นตัวช่วยได้นะ เช่น กลิ่นมะกรูด กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ กลิ่นมะลิ เป็นต้น เพราะความหอมจากธรรมชาติจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ภายในรถได้ดี แล้วไม่เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในรถด้วย

แต่ไม่แนะนำให้ใช้น้ำหอมที่มีสารเคมีมาติดหน้ารถ เพราะสารเคมีเหล่านี้จะไปเกาะติดเครื่องกรองแอร์ ทำให้แอร์อุดตัน และแอร์พังในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น น้ำหอมติดรถยนต์จะมีสารเคมีทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะนำให้ใช้เป็นสมุนไพรหรือดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแทนจะดีกว่า

พอเข้าสู่ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ยิ่งทำให้แอร์รถเหม็นอับชื้นง่ายขึ้น ทางที่ดีเราควรหมั่นตรวจเช็กระบบแอร์เป็นประจำ เปลี่ยนไส้กรองอากาศตามกำหนด แล้วที่สำคัญอย่าลืมทำความสะอาดรถยนต์ให้ถูกวิธี ก็จะช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นอับภายในรถได้ ไม่ต้องคอยกังวลใจด้วยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ

ตอนนี้ในทุกๆ วัน ปฎิเสธไม่ได้ว่าฝนได้เริ่มตกทุกวี่ทุกวันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราได้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว ซึ่งการที่ฝนตกนั้นอาจทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์เกิดความไม่สะดวกในขณะเดินทาง บางคนก็จอดหยุดพักรอฝนซา แล้วค่อยออกเดินทาง แต่บางคนกลับเลือกดั้นด้นขับเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย การทำแบบนั้นถือว่าอันตรายมากๆ และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายบนท้องถนนได้

ข้อไม่ควรทำระหว่างขับรถขณะฝนตก

สำหรับช่วงนี้ที่มีฝนตกหนัก และมาพร้อมกับลมแรง Masii เลยรวบรวม ข้อไม่ควรทำขณะขับขี่รถยนต์ ในช่วงนี้มาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กัน จะได้เตรียมตัว และป้องกันอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนได้

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

เปิดไฟสูง

เพื่อนๆ หลายคนมักคิดว่า ขณะที่ฝนตกอยู่นั้นต้องใช้ไฟสูง แต่จริงๆ แล้วลำแสงของไฟสูงจะไปชนกับดวงตาของรถคันที่สวนกับเรา จนสามารถเกิดตาพร่ามัวได้ เพราะฉะนั้นการเปิดไฟต่ำ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

อย่าเหยียบเบรกแรง

หากสภาพพื้นถนนเปียก และมีความลื่นอยู่นั้น หลายคนมักจะเลือกเหยียบเบรกแบบชอบเหยียบกดแรงๆ ในยามที่กระชั้นชิด ซึ่งแน่นอนว่าจะได้ผลกับพื้นถนนที่แห้งสนิท แต่สำหรับช่วงที่ฝนตกนั้น น้ำฝนจะส่งผลให้การสัมผัสของหน้ายางกับถนนน้อยลงไป จนทำให้รถของเราเสียหลักได้ ดังนั้นควรเลือกผ่อนเบรกเบาๆ เรื่อยๆ จะดีกว่า

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

อย่าลุยน้ำลึก

ในขณะที่ฝนกำลังตกหนักจนน้ำท่วมพื้นนั้น เพื่อนๆ มักจะเลือกขับลุยฝ่าระดับน้ำที่ท่วมได้ แต่การขับรถลุยน้ำแบบนี้จะสามารถทำได้กับเฉพาะรถบางรุ่นเท่านั้น แต่สำหรับบางรถรุ่นที่ไม่สามารถทำได้ การดั้นด้นขับฝ่าลุยน้ำไป จะทำให้ห้องเครื่องดับทันที วิธีที่ดีที่สุดคือควรประเมินดูว่าหากจะขับลุยน้ำ อย่าให้น้ำสูงเกินกว่าขอบประตูด้านล่าง

ไฟฉุกเฉิน

การเปิดไฟฉุกเฉิน และไฟกะพริบอยู่ตลอดเวลาขณะที่ฝนตกอยู่นั้น อย่าได้ทำโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นอาจเกิดอาการตาลาย และรวมไปถึงยากที่จะแยกแยะว่ารถของเรานั้น กำลังจะจอด หรือกำลังขับเคลื่อนอยู่

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อันตราย และอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ดังนั้นการเลือกทำประกันรถยนต์ติดตัวไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจขณะขับขี่ตลอดเส้นทางเดินทางได้แน่นอน คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที หากมีข้อมูลสงสัยอยากสอบถามโทร 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำปรึกษา

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

ใกล้แล้วกับฤดูแห่งความเหงา คุณน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าคือฤดูอะไร ใช่ฤดูฝน เมื่อความเหงาเข้ามาปกคลุม คนโสดทั้งหลายคงไม่มีใครอยากนั่งเหงาท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมของสายฝนอยู่ในบ้านหรอก แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักอยากขับรถออกไปในที่ใดสักที่หนึ่ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แสนเหงาที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว แต่การออกไปขับรถกลางลมฝนนั้นมันไม่ปลอดภัยเหมือนการขับรถเวลาปกติอยู่ และไม่ว่าเหตุใดที่ทำให้คุณต้องขับรถออกไปนอกบ้าน ในขณะที่ฝนกำลังตก คุณควรจะรู้วิธีที่จะทำให้การขับรถของคุณนั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น

การเกิดอุบัติเหตุนั้นนอกจากเกิดจากรถคันอื่นแล้ว อีกสาเหตุคือมาจากความประมาทของตัวคุณอีกหนึ่งคนที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนได้ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยเราก็ควรที่จะรู้เพื่อลดความเสี่ยงของเราไว้ก่อน มากหรือน้อยแต่ถ้าหากปฏิบัติถูกต้องก็ถือว่าได้ลดความเสี่ยงของรถคุณเองไม่มากก็น้อย

ดังนั้นเราจะมี 5 วิธีที่จะมาแนะนำว่า ควรทำอย่างไรเมื่อต้องออกไปขับรถท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา

1.เปิดที่ปัดน้ำฝนในระดับปานกลาง

เมื่อขับรถออกไปเจอกับสภาพอากาศฝนตกสิ่งแรกที่ควรเปิดเลย คือ ที่ปัดน้ำฝน ที่จะช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการมองทางของคุณดีขึ้นไม่มากก็น้อยทีเดียว ที่สำคัญเราควรดูแลที่ปัดน้ำฝนว่า เสียหายหรือมีปัญหาอะไรไหม สังเกตได้จากระหว่างที่ปัดน้ำอยู่จะมีเสียงเสียดสีกันระหว่างยางของที่ปัดน้ำฝน กับกระจก ในหน้าฝนนั้นที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์อันดับต้นๆที่ควรดูแลเป็นอย่างยิ่ง

driving in rain 1

2.เปิดไฟหน้ารถทันทีเมื่อขับออกไปเจอฝน

การเปิดไฟขณะที่ฝนตกนั้น จะทำให้ไฟท้ายของเราติดขึ้นมา เพื่อให้รถที่ขับตามหรือรถด้านหลังมองเห็นไฟของรถเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และไฟน้าทำให้เรามองเห็นทางชัดเจนมากขึ้น ถ้าหากวิสัยทัศน์ยังแย่อยู่ให้เปิดเป็นไฟสูงเพื่อทำให้มองเห็นทางด้านหน้าได้ไกลและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

driving in rain 2

3.ลดความระหว่างขับลงเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากขึ้น

การเว้นระยะห่างนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าหากรถคันนั้นเกิดเบรกกะทันหันจะทำให้เรามีพื้นที่ให้รถเบรคก่อนที่จะถึงรถคันหน้า ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้

driving in rain 4

 4.ควรเปิดสัญญาณไฟให้ชัดเจน

การเปิดสัญญาณไฟเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อให้รถคันหลังของเรามองเห็นว่ารถของเราจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหนต่อ เพื่อลดความเข้าใจผิดต่อรถที่ขับตาม และช่วยลดอุบัติเหตุระหว่างขับรถในขณะที่ฝนตกได้

driving in rain 3

5.การลดฝ้าที่ขึ้นบนกระจก

ข้อสุดท้ายที่เราเจอบ่อยที่สุดระหว่างขับรถกลางฝน คือ การที่ฝ้าขึ้นกระจกรถของเรา สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้านั้นมาจากการที่อุณหภูมิในรถนั้นร้อนกว่าด้านนอกที่ฝนตกอยู่ ให้กดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังจะช่วยให้ฝ้าที่กระจกหลังของเราค่อยๆหายไป และการเปิดแอร์ให้เย็นขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อยก็เป็นการช่วยลดฝ้าที่กระจกรถส่วนอื่นได้อีกด้วย

driving in rain 5

การขับรถออกจากสถานที่ใดที่หนึ่งนั้น ไม่ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณต้องขับรถออกไปท่ามกลางสายฝน ก็คงสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่อีกสิ่งที่สำคัญมากกว่าสาเหตุของคุณก็คือ ความปลอดภัย ระหว่างขับรถกลางสายฝนที่มีวิสัยทัศน์การมองแย่ลงตามระดับความแรงของฝนที่ตกอยู่ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับที่ประสบการณ์มามากแค่ไหน แต่การขับรถที่มีวิสัยทัศน์แย่ที่เกิดขึ้นกับรถทุกคันนั้น ควรพึงระวังว่าอุบัติเหตุสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การลดความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับรถควรรู้และปฏิบัติตลอดเวลาขับรถ

สุดท้ายคือ ถ้าหากฝนตกหนักหรือแรงเกินไปจนไม่สามารถมองทางได้ชัดเจนแม้จะใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วคุณก็ควรที่จะหาที่จอดริมทางที่ปลอดภัย เพื่อรอให้ฝนหยุดหรือเบาลงก่อนจึงเริ่มออกเดินทางต่อ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้โดยสารของคุณนั่นเอง หาโปรโมชั่นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง พร้อมของแถม สามารถดูได้ที่ www.siamcardeal.com เราพร้อมให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง