5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ การขับรถอย่างปลอดภัยนั้น เป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อฝนตก ทัศนวิสัยในการขับขี่ย่อมแย่ลง และยังต้องระวังเพื่อนร่วมทางอีก ทั้งคนเดินทาง รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ

ตามปกติแล้ว ออฟชั่นติดรถที่ธรรมดาสามัญๆ หลายๆ อย่างนั้น ในยุคปัจจุบันก็ถือว่ามีมากกว่ารถในยุคเก่าๆ มาก ซึ่งก็ช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยขึ้น แต่หลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า ก้าน สวิทช์ หรือออฟชั่นนั้นๆ มีไว้สำหรับใช้เพื่ออะไร? และความเหมาะสมในการใช้งานจริงๆ ต้องเป็นช่วงเวลาไหน หรือว่าแค่ช่วงฝนตกอย่างเดียว?

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังถึง 5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตกครับ …

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ภาพจาก Web Cartop

1. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

สำหรับไฟตัดหมอกหน้า-หลัง นอกจากจะใช้เปิดในช่วงที่หมอกลงจัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ อีกด้วย เนื่องจากลำแสงของไฟตัดหมอกจะพุ่งตรงไปข้างหน้าหรือหลังได้ดียิ่งกว่า ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกลมากขึ้น ซึ่งไฟตัดหมอก จะเป็นแบบแสงสีขาว หรือแสงสีเหลืองก็ได้

ส่วนไฟตัดหมอกท้าย นิยมใช้เป็นสีแดง เช่นเดียวกับสีของไฟเบรก และจะติดตั้งในมุมเดียวกับพวงมาลัยรถ

แต่ถ้าฝนเบาลงแล้ว ก็อย่าลืมปิดไฟตัดหมอกด้วยนะครับ เพราะลำแสงของมันจะไปแยงตาคนที่เดินผ่าน หรือคนที่ขับรถสวนมาได้ และอาจถูกตำรวจจับปรับได้ด้วย

2. ไล่ฝ้าหน้า-หลัง

ตามปกติแล้ว เวลาฝนเทลงมาในวันที่มีอากาศเย็นๆ มักจะเกิดฝ้าขึ้นบริเวณกระจกหน้า-หลัง ถ้าเป็นด้านหน้า วิธีแก้ง่ายๆ คือการเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อลบฝ้าบริเวณกระจกหน้าออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ตัวฝ้าก็จะเกิดขึ้นมาอย่างเร็วเช่นกัน

วิธีแก้ปัญหา คือ ให้เลื่อนหรือกดสวิทช์แอร์ไปที่ฟังก์ชั่นไล่ฝ้า ซึ่ง ระบบแอร์ก็จะดึงอากาศจากในรถมาเป่าบริเวณกระจกหน้า ให้อุณหภูมิภายในเท่ากับภายนอก บริเวณหน้ากระจกรถฝ้าก็จะหายไป หรือฝ้ายังมีเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว ให้ลองแง้มหน้าต่างรถยนต์นิดหน่อยก็จะช่วยลดฝ้าที่กระจกได้

ส่วนไล่ฝ้าหลัง จะใช้กระแสไฟวิ่งผ่านเส้นลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในกระจกหลัง เมื่อกดปุ่มก็จะเกิดความร้อนที่เส้นทองแเดง ช่วยให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบตัดไล่ฝ้าอัตโนมัติ ก็ควรปิดทันทีเมื่อฝ้าหายหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตก เนื่องจากเปิดทิ้งไว้นานเกินไป

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

3. ที่ปัดน้ำฝนหน้า-หลัง

นี่จัดว่าเป็นของธรรมดาสามัญมากๆ อีกอย่าง สำหรับชุดที่ปัดน้ำฝนหน้า และที่ปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในรถยุคใหม่ๆ หลายรุ่นมีติดตั้งระบบเปิด-ปิด ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานก็จะมี Rain Sensor คอยตรวจจับปริมาณหยดน้ำที่บริเวณกระจกหน้า หรือตรงกระจกมองหลัง เมื่อฝนตกที่ปัดน้ำฝนก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ คู่ไปกับระบบหน่วงเวลา ซึ่งคุณสามารถปรับเลือกความถี่ในการปัดได้จากก้านปัดน้ำฝน

ส่วนที่ปัดน้ำฝนหลัง โดยส่วนใหญ่มักจะติดตั้งมากับในรถท้ายตัดอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), รถท้ายลาดแบบ Liftback (ลิฟท์แบค) และรถแบบแวกอน เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

4. ฮีตเตอร์ (Heater)

ในอดีต ฮีตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่ติดตั้งมากับระบบแอร์รถยนต์ในรถยุโรป, รถอเมริกัน หรือรถญี่ปุ่นรุ่นที่นำเข้ามาขาย โดยมากมักเป็นรถที่ใช้ในเขตหนาว หรือเป็นออฟชั่นติดรถมาเป็นพิเศษ (สำหรับขายในเมืองร้อน ฮ่า ฮ่า)

หลักการทำงาน เพียงแค่เลื่อนหรือหมุนไปที่ขีดแดงของส่วนอุณหภูมิระบบแอร์รถยนต์ ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายๆ หม้อน้ำเล็กๆ เป่าลมร้อนที่ได้มาจากน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ผสมกับลมเย็น ผ่านคอยล์เย็นต่อเข้ามายังท่อแอร์ในห้องโดยสารรถ

แต่ในยุคปัจจุบัน รถที่ขายในบ้านเราหลายรุ่น ก็ติดตั้งฮีตเตอร์ (หรือแอร์ร้อน) มาให้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ ในการเปิดช่วงฝนตก หรือช่วงฤดูหนาว อีกทั้งยังช่วยไล่ความชื้นในระบบแอร์ได้ดีด้วย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น หรือถ้าท่อแอร์รั่ว หรือผุ ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายเพิ่ม

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

5. กันสาดรถ

อุปกรณ์ชิ้นนี้ หลายคนอาจมองว่ามีประโยชน์แค่ในช่วงหน้าร้อนอย่างเดียว เพราะสามารถแง้มกระจกรถเอาไว้ให้ระบายความร้อนในรถได้ แต่ในช่วงหน้าฝน ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันครับ นั่นคือ สามารถแง้มกระจกในช่วงฝนตก เพื่อระบายลมหรือกลิ่นที่อยู่ในรถออกไปได้

อีกทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา จะไม่มาเกาะติดกระจกด้านข้างประตูมากนัก ทำให้มองเห็นกระจกมองข้างได้ชัดเจนกว่า แต่ข้อเสียก็มีนิดหน่อย ก็แค่ทำความสะอาดยาก หรือเสียงลมบริเวณประตูดังหน่อย เวลาขับรถด้วยความเร็ว หรือถ้ากาวเสื่อม อาจปลิวไปโดนรถคันอื่นได้

และนี่ก็คือสิ่งที่คุณควรรู้กันไว้ ในการขับรถในช่วงหน้าฝนนี้นะครับผม

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Prepare-Car-In-Winter-Season

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ ประเทศไทยเราก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้วนะครับ (แม้ว่าบางจังหวัดทางภาคใต้ ตอนนี้ยังอยู่ในฤดูมรสุม ต้องเจอกับฝนตกหนัก แต่อากาศก็ยังเย็นจนสัมผัสได้เช่นกัน)

แต่ก็เชื่อได้ว่า หลายๆ ท่านตอนนี้ เริ่มได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ทั้งในช่วงกลางคืน และในช่วงเช้ามืด จนรู้สึกอยากออกไปขับรถเที่ยว ขึ้นภู ขึ้นดอย สัมผัสไอหมอก ไอหนาว หรือแม่คนิ้งกันแล้ว …

CARRO ขอแนะนำวิธีการดูแลรักษารถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้งานในฤดูหนาวครับ.

นอกเหนือจากการดูแลรักษารถยนต์ส่วนต่างๆ ระดับของเหลวจุดต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่สำคัญและควรปฏิบัติในหน้าหนาว มีอาทิเช่น …

Prepare-Car-In-Winter-Season

1. เมื่อหมอกลง

ช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกปกคลุมมากกว่าปกติ และพื้นถนนอาจลื่นได้ ควรขับรถด้วยความระวัง เปิดไฟใหญ่ หรือไฟต่ำทุกครั้ง เพื่อให้สามารถมองเห็นสภาพเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ควรใช้ไฟสูง เพราะไฟสูงจะยิ่งทำให้มองไม่เห็นทางข้างหน้า เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับหมอกจนเกิดการฟุ้ง และทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดน้อยลง …

แต่ถ้าหมอกหนามากจริงๆ แนะนำให้หาที่จอดพักริมทางในที่ปลอดภัย ไม่จอดข้างทางหรือบนไหล่ทาง ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดีกว่าครับ

หรือในกรณีที่หมอกลงจัดมาก ควรขับขี่ที่ความเร็ว 40-50 กม./ชม. เพื่อกะระยะรอบด้านและเบรกได้ทัน เมื่อเห็นสิ่งกีดขวางในระยะใกล้อยู่ตรงหน้า

Prepare-Car-In-Winter-Season

2. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

การใช้ไฟตัดหมอกอย่างปลอดภัย คือ ช่วงที่มีฝนตกปรอยๆ หรือฝนตกหนัก หรือหมอกลงมาก เพื่อให้รถที่ขับสวนมามองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ การขับรถขึ้นภูเขาสูงในช่วงฤดูหนาว ที่มีหมอกหนามากกว่าปกติ ไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น

รถบางรุ่น (โดยเฉพาะรถยุโรป) มีติดไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย ซึ่งออกแบบไว้ใช้เฉพาะในยามหมอกลงจัดเท่านั้น แต่หลายคนก็ใช้งานแบบไม่ต้องถูกต้อง เปิดไฟตัดหมอกหลังอย่างพร่ำเพรื่อยามถนนแห้ง ทำให้แยงตาผู้ที่ขับขี่ที่ตามหลัง เพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดอุบัติเหตุได้

Prepare-Car-In-Winter-Season

3. ระบบไล่ฝ้า

การขับรถในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่ไม่สมดุลระหว่างด้านในและด้านนอกรถ ทำให้ไอน้ำจับตัวเป็นละอองฝ้าเกาะกระจกรถ ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง กรณีเกิดฝ้าที่กระจกข้างและกระจกหน้าด้านในรถ ให้เพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศ โดยเลื่อนหรือกดสวิตซ์ระบบปรับอากาศไปที่สัญลักษณ์ไล่ฝ้าที่กระจกหน้า หรือลดกระจกรถลงเล็กน้อย เพื่อปรับอุณหภูมิในและนอกห้องโดยสารรถให้สมดุลกัน จะช่วยให้ละอองฝ้าจางหายได้

กรณีเกิดฝ้าที่กระจกด้านหน้าภายนอกรถ ให้เปิดใช้อุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝน และฉีดน้ำเช็ดกระจกควบคู่ไปด้วย จะช่วยไล่ละอองฝ้าและขจัดคราบสกปรกบนกระจก กรณีเกิดฝ้าที่กระจกหลังรถ ให้เปิดปุ่มไล่ฝ้า เพื่อให้ขดลวดความร้อนบริเวณกระจกหลังรถทำงาน พอเมื่อละอองฝ้าจางหายไป ให้ปิดปุ่มไล่ฝ้า เพราะความร้อนจะทำให้กระจกรถ และฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

Prepare-Car-In-Winter-Season

4. ปิดแอร์ขับรถ

การปิดแอร์ขับรถนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี (เฉพาะในหน้าหนาว) โดยหากคุณขับรถบนถนนที่ออกนอกเมือง รถไม่ติด ตอนเช้าๆ อากาศเย็นๆ คุณก็ปิดระบบปรับอากาศ ลดกระจกด้านข้างลง เพื่อรับลมและความเย็นสบายจากธรรมชาติ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องหมุน “คอมเพรสเซอร์” และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นถึง 5-10% เลยทีเดียว

การปิดแอร์ขับรถในหนาว ควรทำในนอกเมือง เพราะในเมืองมีแต่ควันพิษ ถ้าหากคุณไม่ชอบลมปะทะหน้า อาจจะปิด A/C (Air Compressor) ของระบบแอร์ เพื่อตัดการทำงานของชุดคอมเพรสเซอร์แอร์ แล้วเปิดแต่พัดลมแอร์ พร้อมกันนี้ปรับสวิทช์การหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร สลับเป็นรับอากาศจากภายนอกเข้าสู่ห้องโดยสาร ที่สามารถรับลมจากภายนอก และช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องโดยสาร ลดลงตามไปด้วยก็ได้

หวังว่าเคล็ดลับดีๆ ที่ทาง CARRO นำมาฝาก เหมาะสำหรับเอาไว้เตรียมตัว และปฏิบัติตอนขับรถในหน้าหนาวนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่มาใช้เร็วๆ นี้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน