5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ การขับรถอย่างปลอดภัยนั้น เป็นที่ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อฝนตก ทัศนวิสัยในการขับขี่ย่อมแย่ลง และยังต้องระวังเพื่อนร่วมทางอีก ทั้งคนเดินทาง รถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ

ตามปกติแล้ว ออฟชั่นติดรถที่ธรรมดาสามัญๆ หลายๆ อย่างนั้น ในยุคปัจจุบันก็ถือว่ามีมากกว่ารถในยุคเก่าๆ มาก ซึ่งก็ช่วยให้เราสามารถขับรถได้อย่างมั่นใจ และปลอดภัยขึ้น แต่หลายคนก็อาจยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า ก้าน สวิทช์ หรือออฟชั่นนั้นๆ มีไว้สำหรับใช้เพื่ออะไร? และความเหมาะสมในการใช้งานจริงๆ ต้องเป็นช่วงเวลาไหน หรือว่าแค่ช่วงฝนตกอย่างเดียว?

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟังถึง 5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตกครับ …

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

ภาพจาก Web Cartop

1. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

สำหรับไฟตัดหมอกหน้า-หลัง นอกจากจะใช้เปิดในช่วงที่หมอกลงจัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในช่วงที่ฝนตกหนักๆ อีกด้วย เนื่องจากลำแสงของไฟตัดหมอกจะพุ่งตรงไปข้างหน้าหรือหลังได้ดียิ่งกว่า ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกลมากขึ้น ซึ่งไฟตัดหมอก จะเป็นแบบแสงสีขาว หรือแสงสีเหลืองก็ได้

ส่วนไฟตัดหมอกท้าย นิยมใช้เป็นสีแดง เช่นเดียวกับสีของไฟเบรก และจะติดตั้งในมุมเดียวกับพวงมาลัยรถ

แต่ถ้าฝนเบาลงแล้ว ก็อย่าลืมปิดไฟตัดหมอกด้วยนะครับ เพราะลำแสงของมันจะไปแยงตาคนที่เดินผ่าน หรือคนที่ขับรถสวนมาได้ และอาจถูกตำรวจจับปรับได้ด้วย

2. ไล่ฝ้าหน้า-หลัง

ตามปกติแล้ว เวลาฝนเทลงมาในวันที่มีอากาศเย็นๆ มักจะเกิดฝ้าขึ้นบริเวณกระจกหน้า-หลัง ถ้าเป็นด้านหน้า วิธีแก้ง่ายๆ คือการเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อลบฝ้าบริเวณกระจกหน้าออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ตัวฝ้าก็จะเกิดขึ้นมาอย่างเร็วเช่นกัน

วิธีแก้ปัญหา คือ ให้เลื่อนหรือกดสวิทช์แอร์ไปที่ฟังก์ชั่นไล่ฝ้า ซึ่ง ระบบแอร์ก็จะดึงอากาศจากในรถมาเป่าบริเวณกระจกหน้า ให้อุณหภูมิภายในเท่ากับภายนอก บริเวณหน้ากระจกรถฝ้าก็จะหายไป หรือฝ้ายังมีเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว ให้ลองแง้มหน้าต่างรถยนต์นิดหน่อยก็จะช่วยลดฝ้าที่กระจกได้

ส่วนไล่ฝ้าหลัง จะใช้กระแสไฟวิ่งผ่านเส้นลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในกระจกหลัง เมื่อกดปุ่มก็จะเกิดความร้อนที่เส้นทองแเดง ช่วยให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีระบบตัดไล่ฝ้าอัตโนมัติ ก็ควรปิดทันทีเมื่อฝ้าหายหมดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตก เนื่องจากเปิดทิ้งไว้นานเกินไป

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

3. ที่ปัดน้ำฝนหน้า-หลัง

นี่จัดว่าเป็นของธรรมดาสามัญมากๆ อีกอย่าง สำหรับชุดที่ปัดน้ำฝนหน้า และที่ปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในรถยุคใหม่ๆ หลายรุ่นมีติดตั้งระบบเปิด-ปิด ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานก็จะมี Rain Sensor คอยตรวจจับปริมาณหยดน้ำที่บริเวณกระจกหน้า หรือตรงกระจกมองหลัง เมื่อฝนตกที่ปัดน้ำฝนก็จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ คู่ไปกับระบบหน่วงเวลา ซึ่งคุณสามารถปรับเลือกความถี่ในการปัดได้จากก้านปัดน้ำฝน

ส่วนที่ปัดน้ำฝนหลัง โดยส่วนใหญ่มักจะติดตั้งมากับในรถท้ายตัดอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), รถท้ายลาดแบบ Liftback (ลิฟท์แบค) และรถแบบแวกอน เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

4. ฮีตเตอร์ (Heater)

ในอดีต ฮีตเตอร์ เป็นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิที่ติดตั้งมากับระบบแอร์รถยนต์ในรถยุโรป, รถอเมริกัน หรือรถญี่ปุ่นรุ่นที่นำเข้ามาขาย โดยมากมักเป็นรถที่ใช้ในเขตหนาว หรือเป็นออฟชั่นติดรถมาเป็นพิเศษ (สำหรับขายในเมืองร้อน ฮ่า ฮ่า)

หลักการทำงาน เพียงแค่เลื่อนหรือหมุนไปที่ขีดแดงของส่วนอุณหภูมิระบบแอร์รถยนต์ ฮีตเตอร์ที่มีลักษณะคล้ายๆ หม้อน้ำเล็กๆ เป่าลมร้อนที่ได้มาจากน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ผสมกับลมเย็น ผ่านคอยล์เย็นต่อเข้ามายังท่อแอร์ในห้องโดยสารรถ

แต่ในยุคปัจจุบัน รถที่ขายในบ้านเราหลายรุ่น ก็ติดตั้งฮีตเตอร์ (หรือแอร์ร้อน) มาให้แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ ในการเปิดช่วงฝนตก หรือช่วงฤดูหนาว อีกทั้งยังช่วยไล่ความชื้นในระบบแอร์ได้ดีด้วย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น หรือถ้าท่อแอร์รั่ว หรือผุ ก็ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายเพิ่ม

5 ออฟชั่นติดรถ ที่ได้ใช้แน่นอน ในวันฝนตก

5. กันสาดรถ

อุปกรณ์ชิ้นนี้ หลายคนอาจมองว่ามีประโยชน์แค่ในช่วงหน้าร้อนอย่างเดียว เพราะสามารถแง้มกระจกรถเอาไว้ให้ระบายความร้อนในรถได้ แต่ในช่วงหน้าฝน ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันครับ นั่นคือ สามารถแง้มกระจกในช่วงฝนตก เพื่อระบายลมหรือกลิ่นที่อยู่ในรถออกไปได้

อีกทั้งน้ำฝนที่ตกลงมา จะไม่มาเกาะติดกระจกด้านข้างประตูมากนัก ทำให้มองเห็นกระจกมองข้างได้ชัดเจนกว่า แต่ข้อเสียก็มีนิดหน่อย ก็แค่ทำความสะอาดยาก หรือเสียงลมบริเวณประตูดังหน่อย เวลาขับรถด้วยความเร็ว หรือถ้ากาวเสื่อม อาจปลิวไปโดนรถคันอื่นได้

และนี่ก็คือสิ่งที่คุณควรรู้กันไว้ ในการขับรถในช่วงหน้าฝนนี้นะครับผม

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรถในยุคปัจจุบัน ต้องบอกก่อนเลยว่าพัฒนาดีกว่ารถยนต์ในเมื่อยุค 20 ปีที่แล้ว หรือ 10 ปีที่แล้วมาก อีกทั้งอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยที่เคยเป็นของรถยนต์ “ราคาแพง” เมื่อการผลิต เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกล และการผลิตจำนวน ทำให้ต้นทุนถูกลง บวกกับข้อกฎหมายบังคับในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ระบบความปลอดภัยหลายอย่าง มีติดตั้งมาในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

สำหรับรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่คนไทยนิยมกันทั้งในรูปแบบรถป้ายแดง หรือรถมือสอง คงต้องยกให้ “รถ Eco-Car” (รถอีโค่คาร์) ซึ่งเป็นรถที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง ด้วยความอเนกประสงค์ในการใช้งาน เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมไปถึงค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

และรถยนต์ Eco-Car ทุกรุ่น คุณภาพไม่ได้น้อยเหมือนราคาตัวรถ แต่ละค่ายต่างก็อัดฟังก์ชั่นต่างๆ มาในรถกันเต็มที่ และยิ่งในช่วงหน้าฝน ฟังก์ชั่นต่างๆ นี้ย่อมได้ใช้ประโยชน์แน่นอน

Mr.Carro เลยขอนำเสนอ 7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน ให้คุณรู้ว่า ที่ติดรถมา ใช้ประโยชน์ตอนไหนได้บ้าง …

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. ปัดน้ำฝนหลัง

ปัดน้ำฝนหลัง เป็นอุปกรณ์ธรรมดาสามัญสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ท้ายตัดมาแต่ไหนแต่ไร ที่หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ ว่ามันก็เป็นจุดเด่นได้เหมือนกัน!

เหตุผลที่มีปัดน้ำฝนหลังสำหรับรถ Eco-Car แบบ Hatchback ก็เพราะว่า รถยนต์ท้ายตัด จะเกิดลมวนบริเวณท้ายรถค่อนข้างมาก ยิ่งเวลาขับรถด้วยความเร็วสูง ลมที่วนมักจะพัดเอาน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาจากล้อ ไปเป็นละลองน้ำอยู่บนกระจกบานหลัง ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง

คือถ้าไม่มีปัดน้ำฝนหลังใช้งาน เวลาขับรถตอนฝนตก ตอนเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน คงลำบากหน่อย เมื่อต้องสังเกตรถที่มาจากทางด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง

2. ไฟตัดหมอก

ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car มีติดตั้งมาให้ในหลายๆ รุ่น ซึ่งนอกจากจะใช้ในช่วงหมอกลงจัดแล้ว ยังพอใช้ในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก หรือหนักมาก (เท่านั้น) ได้อีกด้วย ซึ่งในรถบางรุ่น อาจติดตั้งไฟตัดหมอกหลัง มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

แต่ข้อควรรู้ เมื่อฝนเริ่มซาลง มองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้ชัดเจนขึ้น ให้ปิดไฟตัดหมอกทันที เพราะแสงจากไฟตัดหมอกจะไปแยงตารบกวนรถคันที่วิ่งสวนมา! และไม่ควรเปิดพร่ำเพรื่อ เพราะอาจโดนตำรวจจับได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. ระบบเบรก ABS / EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA

ระบบเบรก ABS จากที่เคยมีในรถราคาแพง ตอนนี้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถ Eco-Car ทุกรุ่นต้องมีให้ ถ้าไม่มีก็เชยแย่เลย

อีกทั้งยังพัฒนาต่อยอดไปเป็นระบบต่างๆ อีกด้วย เช่น ระบบ EBD (ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก), ระบบ ESP / ESC (ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว) และระบบ BA (ระบบเสริมแรงเบรก) เป็นต้น

4. ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (หรือ ESC / ESP)

ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control หรือ Electronic Stability Program) จะช่วยให้คุณทรงตัวรถได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้องเร่งความเร็ว และการเข้าโค้ง ระบบนี้จะช่วยลดการลื่นไถล มุดโค้ง หรือแหกโค้งไปได้

จัดเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ใช้ได้ดีในช่วงฝนตก และยังทำงานร่วมกับระบบ TRC และ ABS/EBD กับ BA อีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) จะช่วยให้คุณคุมรถตอนฝนตกได้ดีขึ้น เนื่องจากกล่อง ECU จะตรวจจับการทำงานร่วมกับระบบ VSC เมื่อพบว่าล้อใดล้อหนึ่งที่หมุนเร็วกว่าล้อฝั่งอื่นๆ พร้อมส่งสัญญาณไปยังระบบเบรกให้สร้างแรงดันน้ำมันเบรก ไปชะลอความเร็วล้อหลัง และลดกำลังรอบเครื่องยนต์ให้เบาลง

ป้องกันอาการท้ายปัดหรือลื่นของรถ ทั้งในช่วงการออกตัว เข้าโค้ง เมื่อต้องขับด้วยความเร็วในช่วงฝนตก หรือเลี้ยวโค้งช่วงทางโค้ง เป็นต้น ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับ คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

6. ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA

ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert) จากฟังก์ชั่นที่มีในรถราคาแพงๆ เมื่อครั้งอดีต ตอนนี้ก็มีเป็นมาตรฐานในรถ Eco-Car ซึ่งถือว่าถือประโยชน์เวลาขับรถตอนฝนตกครับ

ระบบดังกล่าวนี้ จะทำงานร่วมกับกล้องจับภาพหน้ารถที่บริเวณกระจกบังลมหน้า โดยตัวกล้องจะคอยตรวจจับเส้นของช่องทางการเดินรถ (เมื่อรถคุณใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบจะเริ่มทำงาน) และส่งเสียงเตือนเมื่อรถคุณไถลออกนอกเลน ยามเกิดถนนลื่น หรือเผลอหลับจนรถเป๋ออก ซึ่งจะมีสวิทช์อยู่แถวๆ ด้านคนขับเช่นกัน คุณสามารถเปิด-ปิด การใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัยด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ

ถุงลมนิรภัย ถือเป็นของสามัญในรถ Eco-Car ทุกรุ่น ที่จะช่วยปกป้องชีวิตคุณ ในยามที่ขับรถตอนฝนตกลื่นๆ ได้

จากเดิมที่มีแค่ด้านคนขับ ก็เพิ่มมาทั้งฝั่งผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านนิรภัยด้านข้าง และในบางรุ่นยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าด้านคนขับอีกด้วย

7 ฟังก์ชั่นเด่นๆ ในรถ Eco-Car ที่มีแล้วอุ่นใจ ในการขับรถช่วงหน้าฝน

ที่สำคัญ หน้าฝนนี้ ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีสติ ใช้ความเร็วไม่ต้องมาก แค่นี้ก็ปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้วล่ะครับ

และสำหรับรถ Eco-Car รุ่นที่มีฟังก์ชั่นดังกล่าว ใน CARRO Automall ก็มีรถให้เลือกมากมายหลายรุ่น ได้แก่ Toyota Yaris, Toyota Yaris ATIV, Nissan March, Nissan Almera, Nissan Note, Mitsubishi Mirage, Mitsubishi Attrage, Suzuki Celerio, Suzuki Swift หรือ Mazda2 เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

Caution-7-Button-In-Cars

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน มักมีระบบอำนวยความสะดวกในรูปแบบปุ่มกดหรือระบบสัมผัส ซึ่งบางปุ่มเกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของรถ ที่ค่อนข้างมากมาย และมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันไป

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทางกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงขอเตือน 7 ปุ่มในรถ หากเผลอกดหรือใช้งานไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ได้แก่

1.ปุ่มเปิดไฟสูง

Headlight-Lamp

ปุ่มเปิดไฟสูง สถานการณ์ที่ควรใช้ เมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มืดมาก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น หรือส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นเพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากการเปิดไฟสูงค้าง ไฟสูงมีลำแสงเข้มและพุ่งตรงไปด้านหน้า ทำให้ผู้ขับรถคันอื่นสายตาพร่ามัว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

2.ปุ่มปิดการทำงานของถุงลมนิรภัย

Airbag-On-Off-Switch

ปุ่มปิดการทำงานของถุงลมนิรภัย ควรใช้ กรณีติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยเด็กบริเวณเบาะด้านหน้า เพื่อป้องกันถุงลมนิรภัยทำงานกรณีประสบอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยจะพองตัวและพุ่งกระแทกใส่เด็ก ทำให้ขาดอากาศหายใจ และได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น อันตรายจากการปิดปุ่ม กรณีประสบอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า ถุงลมนิรภัยจะไม่ทำงาน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น

3.ปุ่มไฟตัดหมอก

Fog-Lamp-Button

ปุ่มไฟตัดหมอก ควรใช้ เมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด รวมถึงการขับรถในช่วงกลางคืนหลังฝนตก หรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ เพื่อลดการสะท้อนของแสงไฟหน้ารถกับพื้นถนน จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น อันตรายจากการเปิดไฟตัดหมอกค้างไว้ แสงไฟตัดหมอกจะส่องสว่างได้ในระยะไกล ทำให้ผู้ขับรถคันอื่นสายตาพร่ามัว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

4.ปุ่มเบรกมือไฟฟ้า

Parking-Brake-Button

ปุ่มเบรกมือไฟฟ้า ควรใช้ เหมาะสำหรับจอดรถบริเวณทางลาดชัน จะช่วยให้ล้อล็อคอยู่กับที่ และป้องกันรถไหล ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากเปิดใช้ในขณะขับขี่ ระบบเบรกมือจะทำงานทันที แม้จะมีวงจรปลดล็อคอัตโนมัติในขณะที่ล้อหมุน แต่อาจทำให้ผู้ขับขี่ตกใจ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

5.ปุ่มเปิดกระโปรงหน้ารถ

Bonnet-Button

ปุ่มเปิดกระโปรงหน้ารถ ควรใช้ เมื่อต้องตรวจสอบเครื่องยนต์ หรือรถมีอาการผิดปกติ อาทิ การเติมน้ำหล่อเย็น การเปลี่ยนสายพานหรือแบตเตอรี่ การเติมน้ำมันเบรก โดยดับเครื่องยนต์และจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย พร้อมดึงเบรกมือ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ กรณีลืมปิดปุ่มเปิดกระโปรงหน้ารถ เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง แรงลมปะทะจะทำให้สลักยึดฝากระโปรงหลุด ส่งผลให้ฝากระโปรงเปิด และบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

6.ปุ่มเปิดกระโปรงท้ายรถ

Trunk-Open

ปุ่มเปิดกระโปรงท้ายรถ ควรใช้ กรณีต้องจัดเก็บสิ่งของไว้บริเวณกระโปรงท้ายรถ และควรปิดให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน กรณีปิดกระโปรงท้ายรถไม่สนิท ในขณะรถวิ่ง อาจทำให้สิ่งของที่อยู่บริเวณกระโปรงท้ายรถร่วงหล่นกีดขวางช่องทาง ส่งผลให้รถที่วิ่งตามหลังมา ต้องหักหลบกะทันหัน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่หากลืมปิดฝากระโปรงท้ายรถขณะจอดรถเป็นเวลานาน อาจทำให้แบตเตอรี่หมดได้

7.ปุ่มระบบป้องกันล้อหมุนฟรี

VSC-VSA-ESP-Button

ปุ่มระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ระบบ ESP/VSC/VSA ที่แล้วแต่ผู้ผลิตรถแต่ละค่ายจะเรียก) ควรใช้ในขณะที่รถออกตัวหรือเหยียบคันเร่งบนเส้นทางเปียกลื่นหรือทางลูกรัง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวของรถ และป้องกันล้อหมุนฟรี ส่งผลให้รถมีการทรงตัวที่สมดุลในทุกเส้นทาง

กรณีปิดระบบ เมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่เปียกลื่นหรือเป็นทางลูกรัง อาจทำให้รถมีอาการปัดหรือลื่นไถล จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่รุนแรงมากขึ้น ในทางกลับกัน กรณีขับรถผ่านทางโคลน หรือออกจากหล่มโคลน การปิดระบบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลื่อนรถออกจากหล่ม

ทั้งนี้ การใส่ใจเรียนรู้ระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะปุ่มต่างๆ ในรถที่เกี่ยวข้องกับระบบอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย จะช่วยลดอันตรายและความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ….

Prepare-Car-In-Winter-Season

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ ประเทศไทยเราก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้วนะครับ (แม้ว่าบางจังหวัดทางภาคใต้ ตอนนี้ยังอยู่ในฤดูมรสุม ต้องเจอกับฝนตกหนัก แต่อากาศก็ยังเย็นจนสัมผัสได้เช่นกัน)

แต่ก็เชื่อได้ว่า หลายๆ ท่านตอนนี้ เริ่มได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ทั้งในช่วงกลางคืน และในช่วงเช้ามืด จนรู้สึกอยากออกไปขับรถเที่ยว ขึ้นภู ขึ้นดอย สัมผัสไอหมอก ไอหนาว หรือแม่คนิ้งกันแล้ว …

CARRO ขอแนะนำวิธีการดูแลรักษารถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้งานในฤดูหนาวครับ.

นอกเหนือจากการดูแลรักษารถยนต์ส่วนต่างๆ ระดับของเหลวจุดต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่สำคัญและควรปฏิบัติในหน้าหนาว มีอาทิเช่น …

Prepare-Car-In-Winter-Season

1. เมื่อหมอกลง

ช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกปกคลุมมากกว่าปกติ และพื้นถนนอาจลื่นได้ ควรขับรถด้วยความระวัง เปิดไฟใหญ่ หรือไฟต่ำทุกครั้ง เพื่อให้สามารถมองเห็นสภาพเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ควรใช้ไฟสูง เพราะไฟสูงจะยิ่งทำให้มองไม่เห็นทางข้างหน้า เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับหมอกจนเกิดการฟุ้ง และทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดน้อยลง …

แต่ถ้าหมอกหนามากจริงๆ แนะนำให้หาที่จอดพักริมทางในที่ปลอดภัย ไม่จอดข้างทางหรือบนไหล่ทาง ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดีกว่าครับ

หรือในกรณีที่หมอกลงจัดมาก ควรขับขี่ที่ความเร็ว 40-50 กม./ชม. เพื่อกะระยะรอบด้านและเบรกได้ทัน เมื่อเห็นสิ่งกีดขวางในระยะใกล้อยู่ตรงหน้า

Prepare-Car-In-Winter-Season

2. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

การใช้ไฟตัดหมอกอย่างปลอดภัย คือ ช่วงที่มีฝนตกปรอยๆ หรือฝนตกหนัก หรือหมอกลงมาก เพื่อให้รถที่ขับสวนมามองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ การขับรถขึ้นภูเขาสูงในช่วงฤดูหนาว ที่มีหมอกหนามากกว่าปกติ ไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น

รถบางรุ่น (โดยเฉพาะรถยุโรป) มีติดไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย ซึ่งออกแบบไว้ใช้เฉพาะในยามหมอกลงจัดเท่านั้น แต่หลายคนก็ใช้งานแบบไม่ต้องถูกต้อง เปิดไฟตัดหมอกหลังอย่างพร่ำเพรื่อยามถนนแห้ง ทำให้แยงตาผู้ที่ขับขี่ที่ตามหลัง เพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดอุบัติเหตุได้

Prepare-Car-In-Winter-Season

3. ระบบไล่ฝ้า

การขับรถในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่ไม่สมดุลระหว่างด้านในและด้านนอกรถ ทำให้ไอน้ำจับตัวเป็นละอองฝ้าเกาะกระจกรถ ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง กรณีเกิดฝ้าที่กระจกข้างและกระจกหน้าด้านในรถ ให้เพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศ โดยเลื่อนหรือกดสวิตซ์ระบบปรับอากาศไปที่สัญลักษณ์ไล่ฝ้าที่กระจกหน้า หรือลดกระจกรถลงเล็กน้อย เพื่อปรับอุณหภูมิในและนอกห้องโดยสารรถให้สมดุลกัน จะช่วยให้ละอองฝ้าจางหายได้

กรณีเกิดฝ้าที่กระจกด้านหน้าภายนอกรถ ให้เปิดใช้อุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝน และฉีดน้ำเช็ดกระจกควบคู่ไปด้วย จะช่วยไล่ละอองฝ้าและขจัดคราบสกปรกบนกระจก กรณีเกิดฝ้าที่กระจกหลังรถ ให้เปิดปุ่มไล่ฝ้า เพื่อให้ขดลวดความร้อนบริเวณกระจกหลังรถทำงาน พอเมื่อละอองฝ้าจางหายไป ให้ปิดปุ่มไล่ฝ้า เพราะความร้อนจะทำให้กระจกรถ และฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

Prepare-Car-In-Winter-Season

4. ปิดแอร์ขับรถ

การปิดแอร์ขับรถนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี (เฉพาะในหน้าหนาว) โดยหากคุณขับรถบนถนนที่ออกนอกเมือง รถไม่ติด ตอนเช้าๆ อากาศเย็นๆ คุณก็ปิดระบบปรับอากาศ ลดกระจกด้านข้างลง เพื่อรับลมและความเย็นสบายจากธรรมชาติ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องหมุน “คอมเพรสเซอร์” และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นถึง 5-10% เลยทีเดียว

การปิดแอร์ขับรถในหนาว ควรทำในนอกเมือง เพราะในเมืองมีแต่ควันพิษ ถ้าหากคุณไม่ชอบลมปะทะหน้า อาจจะปิด A/C (Air Compressor) ของระบบแอร์ เพื่อตัดการทำงานของชุดคอมเพรสเซอร์แอร์ แล้วเปิดแต่พัดลมแอร์ พร้อมกันนี้ปรับสวิทช์การหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร สลับเป็นรับอากาศจากภายนอกเข้าสู่ห้องโดยสาร ที่สามารถรับลมจากภายนอก และช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องโดยสาร ลดลงตามไปด้วยก็ได้

หวังว่าเคล็ดลับดีๆ ที่ทาง CARRO นำมาฝาก เหมาะสำหรับเอาไว้เตรียมตัว และปฏิบัติตอนขับรถในหน้าหนาวนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่มาใช้เร็วๆ นี้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน