แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

การสำเร็จการศึกษา คือ ก้าวสำคัญสำหรับอนาคต หมายถึงโลกใหม่ เส้นทางใหม่ และความท้าทายใหม่ การมองหารถสักคันสำหรับการใช้งานในฐานะของเด็กจบใหม่วัยทำงานจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ “รถที่ดีที่สุด” ที่เป็นเหมือนทั้งของขวัญวันสำเร็จการศึกษาและรถคู่ใจสำหรับเริ่มต้นวัยทำงาน รู้ใจเลยอยากแนะนำนักศึกษาจบใหม่ทุกคนในการซื้อรถคันแรก ว่าคันไหนที่จะโฉบเฉี่ยวทันสมัยเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมือง ที่สำคัญต้องราคาสบายกระเป๋า จะซื้อสดก็ได้ จะผ่อนก็ไม่หนักเกินไป มีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันเลย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

5 รุ่นรถสำหรับ “เด็กจบใหม่วัยทำงาน” ที่อยากซื้อรถคันแรก

ต้องบอกว่าในปัจจุบันนี้มีรถรุ่นใหม่ออกมาให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากประเทศจีนที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ แต่ตำแหน่งของรถยอดนิยมที่ยังอยู่ในหัวใจนักขับก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จากรถหลายรุ่นจำนวนนับร้อย รู้ใจขอเลือกมาเพียง 5 รุ่นเท่านั้นที่ถูกอกถูกใจสำหรับนักขับรุ่นใหม่ จะมีรถรุ่นไหนเข้ารอบบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

1. Suzuki Swift

หนึ่งในดวงใจที่ยังคงติดอันดับรถเล็กสำหรับการใช้งานในเมืองที่มีความทันสมัยที่มาพร้อมกับความคล่องแคล่ว คล่องตัวอยู่เสมอกับ Suzuki Swift ที่มีการปรับปรุงรูปโฉมมาตั้งแต่ครั้งแรกมาสู่รถเก๋งดีไซน์น่ารัก โฉบเฉี่ยวและคงความทันสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัว เรียกว่าถ้าใครเคยรู้จักกับ Suzuki Swift รุ่นแรก คงแทบไม่รู้เลยว่ารถคันนี้เดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ ด้วยรูปทรงที่สวยงาม สะดุดตา พร้อมด้วยพลังเครื่องยนต์ที่มีขนาด 1.0 ที่ต้องบอกว่ารถมอเตอร์ไซต์บางรุ่นยังประหยัดน้อยกว่ารถเก๋งดีไซน์น่ารักคันนี้

ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาได้กว้างขวางมากกับขนาดเล็กหลอกตา ต้องบอกว่า เป็นความคุ้มค่าคุ้มราคาที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว สำหรับชีวิตในการทำงานที่มีเอกสารมากมาย หรือการพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์กับเพื่อนฝูงที่รู้ใจ Suzuki Swift พร้อมทำหน้าที่เป็นพาหนะที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว และที่สำคัญอยู่ในราคาที่เบาและเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ นับจากวันจบการศึกษาเลยก็ว่าได้ โดยราคาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 557,000 บาทเท่านั้น แถมยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

2. Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage

อีกหนึ่งค่ายผลิตรถชั้นนำที่ออกแบบรถมาได้อย่างลงตัวสำหรับใครก็ตามที่อาจมองว่ารถในระดับ 1.0 ลิตรนั้นมันเล็กไปสำหรับผู้ชายตัวใหญ่ร่างโต ดังนั้น การมองหารถเก๋งที่มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก และหนึ่งในรูปแบบรถที่ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของคุณคือ Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage สองตัวเลือกที่แสนโดนเด่นจากค่าย Mitsubishi ที่คุณต้องร้องว้าวทั้งในรูปทรงและประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างแน่นอน

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก เรียกว่าตอบสนองคนรักรถบอดี้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทั้งพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ไม่ว่าจะปรับรูปแบบเพื่อการรับเพื่อนไปทำงานด้วยกันหรือวันพักผ่อนยามเลิกงาน หรือพื้นที่สำหรับการใส่เอกสารสำหรับการนำเสนองานต่าง ๆ ที่ใส่ได้ทั้งในพื้นที่โดยสารหรือพื้นที่เก็บของด้านหลังก็สามารถทำได้อย่างลงตัว มาพร้อมขุมพลังระดับ 1.0 ลิตรอีกเช่นกัน แต่ดีไซน์นั้นเหมือนรถหรูในระดับที่เหนือกว่า Mitsubishi Mirage / Mitsubishi Attrage จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกแบบสำหรับการซื้อรถคันแรกสำหรับวัยทำงานของคุณ โดยราคาเปิดตัวของ Mitsubishi Mirage อยู่ที่ 523,000 บาท และMitsubishi Attrage เปิดตัวในราคา 543,000 บาท เท่านั้น

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

3. Nissan March

หนึ่งในดวงใจของผู้รักความเร็ว ความแรง และความแข็งแกร่งของตัวถังรถกับ Nissan March ความน่ารักที่มากับความแข็งแกร่งที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว การออกแบบที่เน้นความโค้งเว้าที่สร้างความน่ารักน่าสนใจ แตกต่างไปจากการออกแบบรถทั่วไป อีกทั้งด้วยเทคโนโลยี Eco car ที่ถูกนำเข้ามาในรถคันนี้กับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ที่มีพลังขับเคลื่อนที่ดีมาก แถมยังประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ เดินทางในเมืองใหญ่ได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องของการเผาผลาญน้ำมันที่สิ้นเปลืองเกินเหตุ

นอกจากนั้น ด้วยดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา ทันสมัย เพิ่มเติมฟังก์ชันต่าง ๆ สำหรับการขับขี่และการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยระบบมัลติมีเดียครบครัน ทำให้รถเล็กรุ่นนี้เป็นยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสำหรับการขับรถในเมืองใหญ่ จะรถติดแค่ไหน Nissan March ก็พร้อมเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างสร้างความสนุกสนานให้กับคุณทั้งในวันทำงานอันแสนเร่งรีบ และวันพักผ่อนอันแสนเร้าใจ นี่แหละ รถคู่ใจคนวัยมันส์ในยามเริ่มต้นวัยทำงานในปีแรกกับสนนราคาเบาที่สุดเพียงแค่ 420,000 บาทเท่านั้น โดยรุ่นท็อปสุดของ Nissan March อยู่ที่ 495,000 บาท เท่านั้น

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

4. Toyota Yaris ATIV

สนามการแข่งขันนี้ไม่มีเขาได้อย่างไร กับความโฉบเฉี่ยวทันสมัยกับ Eco car ขนาดเล็กราคาเบา ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัวกับ Toyota Yaris ATIV ที่ออกแบบมาเอาใจนักขับอย่างเต็มที่ทั้งในรูปโฉม Hatchback และ Sedan ที่ปรับฟังก์ชันสำหรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบ “ทะลุออกหน้าต่างรถ” ทั้งระบบมัลติมีเดียสำหรับการสร้างความบันเทิงในการเดินทาง พร้อมกับแผ่นกรองอากาศที่สร้างความสดชื่นภายในตัวรถที่เป็นนวัตกรรมการออกแบบที่ใส่ใจในตัวผู้ขับขี่อย่างมาก

ความโดดเด่นคือการออกแบบที่มีหลากหลายเวอร์ชันให้เลือก เรียกกันว่าละลานตากันเลยทีเดียวทั้งในส่วนของรูปโฉมทั่วไป ที่สามารถประยุกต์เข้ากับรูปแบบไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ทั้งในเรื่องของการทำงานและการพักผ่อน Toyota Yaris ATIV เตรียมทุกสิ่งเอาไว้แบบจัดเต็มเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการใช้รถให้ลงตัวที่สุด และมาพร้อมกับระบบการขับเคลื่อนที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของเงินทุนที่มีตั้งแต่ Sport ราคา 609,000 บาท หรือ Play Limited Edition Sport ราคา 634,000 บาท เรียกได้ว่าจะเป็นรูปโฉมไหน Toyota Yaris ATIV ก็จัดให้แบบเต็มๆ

แนะนำรถ 5 รุ่นเหมาะสำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน

5. Honda City

อีกหนึ่งยนตรกรรมชั้นเลิศที่ไม่อาจมองข้ามได้กับค่ายการออกแบบและผลิตรถระดับโลกอย่าง Honda ที่ขอส่ง Honda City RS เข้าประกวด ขวัญใจรถสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองสำหรับเด็กจบใหม่และเริ่มต้นวัยทำงานเป็นปีแรก ด้วยราคาเบา ๆ สบายกระเป๋าและมีรูปแบบดีไซน์ให้เลือกทั้งแบบ Sedan และ Hatchback มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์รูปแบบใหม่แบบ e:HEV ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าร่วม ทำให้ Honda City ประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้มาก

นอกจากนั้นด้วยดีไซน์ของห้องโดยสารที่ออกแบบมาได้อย่างกว้างขวางและยังเข้ากับดีไซน์ตัวรถที่เลิศหรู จึงเป็นรถที่มีขนาดเกือบเทียบเท่ารถขนาดกลาง แต่มีประสิทธิภาพที่ล้นเกินราคา ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเอกสาร อุปกรณ์สำหรับการทำงานก็สามารถทำได้อย่างลงตัว หรือจะปรับเปลี่ยนรูปโฉมเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อนฝูงก็สามารถทำได้ในทันที นับได้ว่าเป็นรถเก๋งอเนกประสงค์ที่พร้อมในเรื่องการใช้งานอย่างเต็มที่ สนนราคาเพียงแค่ 579,500 บาท สำหรับรุ่น Sedan และ 599,000 บาท สำหรับรุ่น Hatchback

ไม่ว่าเด็กจบใหม่หรือคนวัยทำงาน ต้องไม่ลืมมีประกันรถยนต์

น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่กับรถทั้ง 5 รุ่นใหม่สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นวัยทำงาน เลือกรถที่ถูกใจได้แล้ว อย่าลืมเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าสำหรับการคุ้มครองรถและตัวคุณเองแบบเต็มประสิทธิภาพ ที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เรามีประกันรถยนต์หลากหลายรูปแบบที่พร้อมตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัว มองหาประกันรถยนต์ที่ใช่ไปกับเรา เพราะเรารู้ใจกว่า ประหยัดกว่า เราทำให้ประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และเชื่อถือได้ ให้เราได้ดูแลรถคันใหม่ของคุณกับการเริ่มต้นวัยทำงานด้วยความอุ่นใจไปในทุกเส้นทาง คลิกเช็คราคาและปรับแต่งแผนของคุณได้เลย

สามารถติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ จากรู้ใจได้ที่ FB fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เลย

ความเชื่อเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่ควรมีที่รถของคุณ

เลขทะเบียนรถ องค์ประกอบสำคัญในการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับรถของคุณ ที่จะพาคุณโลดแล่นไปสู่ความสำเร็จ โชคลาภ และความมั่งคั่ง จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจสักหน่อย เพราะหากรถคันโปรดของคุณกลับมีเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่เป็นมงคล อาจเปลี่ยนพลังงานความดีทั้งหลาย กลายเป็นพลังลบที่ทำให้คุณต้องเผชิญกับความเหนื่อยยากต่างๆ ไปแทน

ทำไมเรื่องราวของตัวเลขทะเบียนรถเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ รู้ใจจะพาทุกคนไปดูดวงทะเบียนรถ ไขพลังแห่งจักรวาลที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของคุณผ่านทางตัวเลขที่ปรากฎบนทะเบียนรถได้ แล้วคุณจะรู้ว่า “บางครั้ง” จุดติดขัดต่างๆ ในชีวิต มันอาจเป็นเพราะตัวเลขบางตัวที่ปรากฎบนทะเบียนรถของคุณนั่นเอง ตามไปดูกัน

ความเชื่อเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่ควรมีที่รถของคุณ

เลขทะเบียนรถกาลกิณี ลิขิตแห่งท้องฟ้ากำหนดชะตาชีวิต

เรื่องราวของการคิด พิจารณาตัดสินใจ เลือกเลขทะเบียนรถที่เหมาะสมกับรถและตัวคุณ เพื่อป้องกันการพบกับเลขทะเบียนกาลกิณี เลขที่ดูสวยงามกลับไม่ใช่เลขมงคลสำหรับชีวิต ต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางชีวิตด้วยตัวเองกันก่อน จึงจะสามารถต่อยอดเพื่อค้นหาตัวเลขที่ใช่ และตัวเลขกาลกิณีให้ห่างไกลไปจากตัวคุณ

ศาสตร์แห่งการขับเคลื่อนชีวิต ในทุกชนชาติ ทุกภาษา ต่างระบุเป็นอย่างเดียวกันว่า พลังแห่งดวงดาวจะเป็นตัวกำหนดการขับเคลื่อนวิถีชีวิตของแต่ละคน แม้เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่เราสามารถทำให้เรื่องร้ายทุเลาลง หรือเรื่องดีได้รับการส่งเสริมให้ดีมากยิ่งขึ้น นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า โหราศาสตร์

แต่เพราะการอ่านเรื่องราว และการตีความทางโหราศาสตร์เหล่านี้มีความซับซ้อนเกินกว่าเทคโนโลยีสมัยนี้จะไปถึง จึงมีการคิดคำนวณในรูปแบบใหม่โดยการใช้การแสดงผลในเชิงตัวเลขแทน เป็นที่มาของตัวเลขที่มีส่วนผสมในการกำหนดชะตาชีวิต ซึ่งอะไรก็ตามที่มีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มักส่งผลต่อเจ้าชะตาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ทะเบียนบ้าน, เบอร์โทรศัพท์ รวมไปถึง “เลขทะเบียนรถ” ที่ใช้งานในแต่ละวันด้วย

ความเชื่อเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่ควรมีที่รถของคุณ

ใส่ใจกับ เลขทะเบียนรถ เลี่ยงโชคร้ายให้ห่างไกลจากตัวคุณ

เลขทะเบียนรถ คือหนึ่งในตัวเลขที่กำหนดและขับเคลื่อนชะตาชีวิตของคุณเอง ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ในความเป็นจริงลองสังเกตกันดูแล้วคุณจะเห็นว่า ตัวเลขทะเบียนรถจากป้ายทะเบียนกำหนดทิศทางชีวิตคนเราไม่น้อยเลย

เลขทะเบียนรถ อาจมีผลต่อทิศทางของชีวิต เช่น เลขทะเบียนรถของคุณพาโชคลาภมาให้ ช่วยคุณได้ถูกหวยบ่อยๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นอีกเลขทะเบียนที่อาจถูกใจแต่ไม่ถูกชะตา ทุกอย่างกลับตาลปัตรทำชีวิตสงบเงียบราบเรียบไปหมด หรืออาจพาโชคร้ายมาให้ก็เป็นได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่เราต้องใส่ใจกับเลขป้ายทะเบียนรถมงคล ว่า มีเลขร้ายหรือไม่ซึ่งมีข้อควรใส่ใจต่างๆ เกี่ยวกับตัวเลขทะเบียนรถ ดังนี้

  • ตัวเลขทะเบียนรถ “ขัดขวางวิถี” คุณอยู่หรือไม่

ตัวเลขทะเบียนรถกำลังแอบส่งผลอะไรให้กับคุณโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า ถ้าคุณไม่รู้เรื่องราวทางโหราศาสตร์และพลังอำนาจของตัวเลข ลองสังเกตดูได้ ถ้ารถคันที่คุณขับอยู่นั้น “เหมือนว่า” ทุกช่วงชีวิตของคุณมีแต่อุปสรรค ขวากหนาม ทำอะไรก็ไม่คล่องตัวต้องต่อสู้ตลอด นั่นแสดงว่า มีอะไรบางอย่างครอบงำเหนือชีวิตคุณแน่ และวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการ คือการมองหาตัวเลขที่ไม่เหมาะกับคุณ และจัดการมันออกไปซะ

  • พลังอะไรซ่อนอยู่ในตัวเลขทะเบียนรถเหล่านั้น

เลขแต่ละตัวมีพลังอำนาจที่แตกต่างกันออกไป เลข 0-9 คือเรื่องราวของดวงดาวทั้ง 10 ที่โคจรอยู่รอบเรา และมีผลต่อการขับเคลื่อนของชีวิตเรา ดาวบางดวง หมายถึงตัวเลขบางตัว อาจข่มตัวเลขอีกตัวที่อยู่บนป้ายทะเบียน ก็เกิดปัญหา อุปสรรคไม่ลื่นไหลของหลาย ๆ สิ่งในชีวิต ทำให้ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานของตัวเลขเพิ่มเติม ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ชนิดลึกถึงแก่นหรอก เอาแค่พอรู้ว่าตัวไหนมีผลอย่างไรกับชีวิตคุณบ้างก็พอแล้ว

  • เลขสวยสำหรับคนอื่น อาจไม่ใช่ “เลขมงคล” สำหรับคุณ

กับประสบการณ์การถือเคล็ดเลขทะเบียนรถนำโชคในบางคน แต่นั่นอาจกลับกลายเป็นเลขแห่งปัญหาสำหรับการดำเนินชีวิตคุณก็เป็นได้ หลายคนเลือกเอาเลขวันเกิด และเลขมงคลที่ตนเองชอบมาตั้งธงเป็นเลขประจำนำชีวิต แต่หลายครั้งมันคือตัวถ่วงทำให้ชีวิตของเราไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ ตัวอย่างสำคัญสำหรับเรื่องนี้ หมายเลข 88 สำหรับบางคน คือสัญลักษณ์แห่งความเป็นนิรันดร์ไม่รู้จบ แต่สำหรับบางคน คือการทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบไม่มีสิ้นสุดไปตลอดเวลา เป็นต้น ดังนั้นก่อนเลือกเลขป้ายทะเบียนรถเอง ควรตรวจสอบกันดูสักหน่อยดีมั้ยว่าเลขทะเบียนรถที่ได้มานั้น มีตัวเลขที่ใช้สำหรับคุณหรือเปล่า

ความเชื่อเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่ควรมีที่รถของคุณ

วิธีเลือกเลขทะเบียนรถ เป็นมงคลห่างไกลเลขกาลกิณี

เมื่อคุณซื้อรถคันใหม่ ไม่ว่าจะด้วยสีสันหรือรูปทรงอาจมีผลต่อความเคลื่อนไหวของวิถีชีวิตได้ การมองหาเลขทะเบียนรถที่ใช่ คือการแก้ไขที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และยังเสริมให้คุณก้าวหน้าในเส้นทางแห่งชีวิตได้ ดังนั้น การคัดตัวเลขอันไม่เป็นมงคลออกไปจากป้ายทะเบียนรถก่อนจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มีขั้นตอนการเลือกตัวเลขที่ไม่ใช่สำหรับคุณในการขอป้ายทะเบียนรถไว้ ดังนี้

1. การรู้จักตัวเลขที่ขัดแย้งกับวันเกิดก่อน

วิธีการง่าย ๆ สำหรับการคัดตัวเลขออกไปจากเลขทะเบียนรถ เพื่อป้องกันตัวเลขที่ไม่เป็นสิริมงคลเข้ามาในชีวิตนั่นคือการตรวจสอบวันเกิดของเราว่าไม่ควรมีตัวเลขเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งได้มีการแจกแจงเอาไว้แล้ว ดังนี้

  • คนเกิดวันอาทิตย์ ไม่ควรใช้เลข 3 หรือ 6 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันจันทร์ ไม่ควรใช้เลข 1 หรือ 5 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันอังคาร ไม่ควรใช้เลข 1 หรือ 2 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันพุธ (กลางวัน) ไม่ควรใช้เลข 3 หรือ 8 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันพุธ (กลางคืน) ไม่ควรใช้เลข 4 หรือ 5 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี ไม่ควรใช้เลข 7 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันศุกร์ ไม่ควรใช้เลข 7 หรือ 8 บนป้ายทะเบียน
  • คนเกิดวันเสาร์ ไม่ควรใช้เลข 4 หรือ 6 บนป้ายทะเบียน

2. ไม่ควรเลือกป้ายที่มี “ผลลัพธ์” ตัวเลขระหว่างกลาง

เมื่อคุณรู้แล้วว่า ตัวเลขใดคือตัวเลขที่ไม่เหมาะกับชีวิตของคุณ ขั้นตอนต่อมาคือการมองหาเลขทะเบียนรถที่ใช้ โดยใช้เทคนิคการคำนวณตัวเลข เช่น การนำตัวเลขแต่ละตัวมารวมกันให้ได้เลข 8 หรือ แยกเลขออกเป็นสองชุดและมีผลลัพธ์ลงท้ายใกล้เคียงกับเลข 9 จะถือว่าเป็น เลขทะเบียนมงคล ที่มีความเหมาะสมกับตัวคุณเองเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น ไม่ควรให้แผ่นป้ายทะเบียนคำนวณออกมามีผลลัพธ์ที่มีค่าตัวเลขน้อย เพราะนั่น คือชีวิตที่ห่างไกลไปจากความเจริญก้าวหน้านั่นเอง

3. ตัวท้ายของเลขทะเบียนรถ “ต้องใส่ใจ”

อีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญที่จะต้องมาพิจารณาดุไปด้วยกัน คือ ตัวท้ายของเลขทะเบียนรถ ขอไล่เรียงตัวเลขที่ถือว่าไม่เป็นมงคลของคนที่เกิดในแต่ละวัน ไม่ควรให้ตัวเลขเหล่านี้มาเป็นเลขลงท้ายของป้ายทะเบียนรถไว้ ดังนี้

  • คนเกิดวันอาทิตย์ เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 6
  • คนเกิดวันจันทร์ เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 1
  • คนเกิดวันอังคาร เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 2
  • คนเกิดวันพุธ (กลางวัน) เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 3
  • คนเกิดวันพุธ (กลางคืน) เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย เป็นเลข 3 กับ 5
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 7
  • คนเกิดวันศุกร์ เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 8
  • คนเกิดวันเสาร์ เลขทะเบียนรถตัวสุดท้าย ห้ามเป็นเลข 4

ความเชื่อเลขทะเบียนรถกาลกิณี ไม่ควรมีที่รถของคุณ

ที่เรานำมาฝากทั้งหมดเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล ใครเชื่อทำตามไว้ย่อมอุ่นใจกว่า ใครไม่เชื่อแต่ถ้าปรับตามก็ดีกว่า อย่างน้อยคนรอบข้างที่เชื่อก็วางใจใน การใช้รถใช้ถนน ของคุณไปด้วย อย่าลืมว่า ! แม้จะมีเลขทะเบียนรถมงคลกับคุณเพียงใด การขับรถสำคัญยิ่งกว่า ขับรถด้วยความไม่ประมาทและต้องมีสติอยู่เสมอ

และเพื่อการคุ้มครองความปลอดภัยแบบเต็มขั้น อย่าประมาทที่จะมีประกันรถยนต์ติดไว้เสมอในการใช้รถ การมองหาประกันรถยนต์นับเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ต้องมี ถ้าคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ซื้อง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาดี และเชื่อถือได้ ให้คิดถึงรู้ใจ ประกันออนไลน์ ประหยัดสูงสุด 30% นอกจากความง่ายและประหยัดแล้ว เรายังมีบริการช่วยเหลือบนท้องถนน 24 ชม. คุณยังผ่อนเบี้ยได้นานถึง 10 งวดผ่านเดบิตอีกด้วย มีแอปตรวจสภาพและแจ้งเคลม ไม่ต้องพบเจ้าหน้าที่ บริการรู้ใจกว่า ประหยัดกว่า

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fanpage: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

หากคุณเพิ่งจะซื้อรถคันใหม่มาใช้ได้ไม่นาน แล้วเจอกับปัญหา เติมน้ำมันผิด คุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไป แต่เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คุณคิดเอาไว้มาก สาเหตุที่ทำให้ความผิดพลาดเล็กน้อยนี้เกิดขึ้นได้ง่าย นั่นก็เพราะชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงในท้องตลาดที่มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด ถึงแม้จะเป็นน้ำมันประเภทเดียวกัน เช่น น้ำมันดีเซล ก็ยังมีให้เลือกทั้ง B7, B10, B20 และดีเซลพรีเมี่ยม เลือกกันตาลายเลยทีเดียวเมื่อขับเข้าปั๊ม

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของเครื่องยนต์อีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากคุณเผลอไปเติมน้ำมันผิดมาจริงๆ รู้ใจ จึงมีคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นมาฝากกัน

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เติมน้ำมันผิดแบบไหนเป็นภัยกับรถคุณมากกว่ากัน

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเดียวกันก็มีหลายชนิดให้เลือกใช้ ซึ่งถ้าหากคุณเติมน้ำมันดีเซล B10 อยู่เป็นประจำ คุณอาจจะสามารถเติมน้ำมัน B7 หรือ ดีเซลพรีเมี่ยมให้กับรถของคุณได้ ซึ่งถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นแต่ก็ช่วยให้ระบบเผาไหม้ทำงานได้ดีขึ้น สะอาดขึ้น

แต่ในกรณีที่ใช้แบบพรีเมียมอยู่แล้วเผลอไปเติมดีเซลที่มีความบริสุทธิ์ต่ำลง (มีสัดส่วนของไบโอดีเซลผสมเข้ามา) จะขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ของรถคุณว่ารองรับน้ำมันดีเซลชนิดนั้นหรือไม่ โดยการใช้น้ำมันดีเซลที่มีความบริสุทธิ์น้อยลง อาจจะไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์เสียในทันที ยังสามารถสตาร์ทใช้งานรถของคุณได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเติมน้ำมันดีเซลชนิดเดิมที่ใช้อยู่เป็นประจำผสมลงไปได้ แต่ในระยะยาวนั้นอาจส่งผลให้เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนบางอย่างเสื่อมลงได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายราคาสูงหากต้องเปลี่ยนอะไหล่เครื่องยนต์ชุดใหญ่ก่อนเวลาอันควร

ส่วนการ เติมน้ำมันผิด อาการเป็นอย่างไร แบบที่เป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ของคุณแน่นอนก็คือ การเติมน้ำมันผิดจากประเภทของเครื่องยนต์ โดนเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องยนต์ดีเซลแต่ดันเผลอเติมน้ำมันเบนซินลงไป จะส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากรถยนต์ดีเซลใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวหล่อลื่น ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น แต่พอเติมน้ำมันเบนซินซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลลงไป ก็จะทำหน้าที่เหมือนตัวทำละลายน้ำมันหล่อลื่นที่เครื่องยนต์ดีเซลต้องการ

ทำให้เมื่อคุณสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะทำให้น้ำมันเบนซินถูกส่งหมุนเวียนในเครื่องยนต์ เพิ่มแรงเสียดทานระหว่างส่วนประกอบต่างๆ และทำให้ชิ้นส่วนเสียหายในที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์รถของคุณ จึงควรรีบเปลี่ยนถ่ายและไล่ระบบน้ำมันโดยเร็วที่สุด

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

ทำไมการเติมน้ำมันผิดประเภทแล้วถึงทำให้รถมีปัญหา

น้ำมันคนละชนิดกันจะมีระดับการเผาไหม้ของน้ำมันแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณเติมน้ำมันคนละประเภทลงในถังน้ำมันที่มีน้ำมันเดิมค้างอยู่ เมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้การเผาไหม้สะดุด ส่งผลให้การทำงานของลูกสูบไม่เป็นไปตามจังหวะที่ควรเป็น เครื่องยนต์ทำงานไม่ได้และทำให้เครื่องดับในที่สุด หากคุณเพิกเฉยไม่รีบแก้ไขปัญหา จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างถาวรได้

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวแล้วว่า เติมน้ํามันรถผิด ก็ควรรีบทำการถ่ายน้ำมันนั้นออกและทำความสะอาดเครื่องยนต์รวมไปถึงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ไม่มีสิ่งปนเปื้อนเหลืออยู่โดยเร็วที่สุด ก็จะช่วยให้คุณสามารถรักษาเครื่องยนต์เอาไว้ได้ดังเดิม

วิธีสังเกตอาการหากสงสัยว่า เติมน้ำมันผิด

หากคุณไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าเติมน้ำมันผิดประเภทไปหรือเปล่า แต่รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างว่ารถของคุณมีอาการต่างไปจากเดิม ให้สังเกตว่ามีอาการตามที่ระบุด้านล่างนี้หรือไม่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคุณ เติมน้ำมันผิด นั่นเอง

1.หากเผลอเติมน้ำมันเบนซินลงในเครื่องยนต์ดีเซล อาการที่อาจเกิดขึ้นกับรถของคุณคือ

  • เครื่องยนต์มีเสียงดังขณะเร่งความเร็ว
  • อัตราการเร่งช้ากว่าปกติ และ ไม่สามารถทำความเร็วได้ดีเมื่อรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น
  • ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
  • ไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้

2.หากเผลอเติมน้ำมันดีเซลลงในเครื่องยนต์เบนซิน อาการที่อาจเกิดขึ้นกับรถของคุณคือ

  • มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติ
  • เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ และ อาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้
  • มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เติมน้ำมันผิดประเภทควรทำยังไง

ถ้าหากคุณรู้ตัวตั้งแต่ที่ปั๊มน้ำมันเลยว่าคุณได้เติมน้ำมันผิดประเภทให้กับรถของคุณไปแล้ว ถือว่าโชคดีทีเดียวที่คุณยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะน้ำมันจะยังอยู่แค่ในถังน้ำมัน ยังไม่เกิดการหมุนเวียนไปที่เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ซึ่งทำให้คุณแก้ไขความผิดพลาดของการเติมน้ำมันผิดได้ไม่ยาก คุณเพียงแจ้งให้พนักงานในปั๊มน้ำมันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้ช่างมาช่วยทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันรวมทั้งไล่ระบบน้ำมันของเครื่องยนต์ใหม่ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งานรถของคุณได้ตามปกติ โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่ได้รับความเสียหาย

ถ้าเติมน้ำมันผิดแล้วสตาร์ทรถไปแล้ว ความโชคร้ายที่สุดจะอยู่ที่เมื่อคุณ เติมน้ำมันผิด แล้วขับรถออกไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วรถเกิดดับกลางทาง ถ้าหากมีการทำประกันรถยนต์เอาไว้ก็จะสามารถขอใช้บริการลากรถฉุกเฉินได้ ก็จะช่วยให้คุณเบาใจไปได้เยอะเลย แต่ถ้าหากว่าประกันรถยนต์ของคุณไม่ได้ครอบคลุมการดูแลในกรณีนี้เอาไว้ ก็ต้องรีบนำรถเข้าข้างทางโดยเร็วที่สุดแล้วเรียกให้ช่างมาดูจะดีกว่า

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

ที่สำคัญ ! เราไม่แนะนำให้คุณฝืนขับรถไปที่อู่เอง เพราะเมื่อเครื่องยนต์มีการสูบฉีดน้ำมันเข้าสู่ระบบไปทั่วแล้ว จะยิ่งทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วเมื่อเครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเครื่องก็จะดับไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และคุณก็ไม่ควรฝืนหรือพยายามสตาร์ทเครื่องใหม่

โดยวิธีใน การดูแลรถเบื้องต้น เมื่อเติมน้ำมันผิดและทำการออกรถไปแล้ว ก็จะคล้ายกันกับกรณีที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถออกไป คือ คุณต้องทำการถ่ายน้ำมันรถออกทั้งหมดและให้ช่างไล่ระบบน้ำมันให้ใหม่ รวมทั้งต้องล้างหัวเทียนเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้คุณต้องทำการเปลี่ยนไส้กรองใหม่เพื่อให้ไม่เกิดการปนเปื้อนกับน้ำมันที่เติมผิดไป จึงจะทำให้รถของคุณทำงานได้ตามปกติและไม่สร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เห็นหรือยังว่าการ เติมน้ำมันผิด นั้นเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และถึงแม้โอกาสในการเกิดขึ้นจะมีไม่มาก แต่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของคุณนั้นค่อนข้างซีเรียสเลยทีเดียว ดังนั้นการเรียนรู้ถึงวิธีการที่ถูกต้องในการ ”แก้ปัญหาเบื้องต้น” เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เอาไว้ จะช่วยให้คุณดูแลรถของคุณไม่ให้ได้รับความเสียหายได้ ที่สำคัญ การมีประกันรถยนต์ดี ๆ ก็จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากกว่า ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ก็พร้อมมีคนดูแลคุณแบบเตรียมสแตนบายให้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่รู้ใจ เรามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนเตรียมไว้ให้คุณตลอด 24 ชม. ทั่วประเทศไทย รับประกันคุณภาพงานซ่อมนานถึง 12 เดือนอีกด้วย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official LINE ของเราไว้ได้เช่นกัน

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

การขับรถสำหรับมือใหม่ แน่นอนว่าทุกคนล้วนจะต้องเคยผ่านกันมาทั้งนั้น ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง โอกาสเกิดอันตรายได้ง่ายเนื่องจากผู้ขับขี่ยังขาดประสบการณ์และความชำนาญบนท้องถนน อาจจะทำให้เกิดการผิดพลาดหรือรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ไม่ทันท่วงทีนัก

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

และเมื่อให้เป็นการเตรียมตัวที่ดียิ่งกว่าเดิม รู้ใจได้รวบรวม 9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การขับรถสำหรับมือใหม่ มาเพื่อเป็นคำแนะนำในการเริ่มต้นขับขี่ ให้คุณได้ตระหนักและระมัดระวังเป็นพิเศษ เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ช่วยลดความเสี่ยงให้แก่ทรัพย์สินและชีวิตของคุณ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกัน

เคล็ดลับการขับรถสำหรับมือใหม่

ไม่ว่าจะเป็นการขับรถที่ไหน ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ด้านการขับรถที่ผู้ใช้รถทุกคนล้วนต้องเคยผ่านมา ในบางครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่หวาดเสียวหรือมีสถานการณ์ที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม จะดีที่สุดถ้าหากเริ่มต้นการขับรถด้วยความปลอดภัยและสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและชีวิตของคุณได้

สำหรับใครที่กำลังเพิ่งเริ่มต้นเรียนขับรถ เป็นมือใหม่ ขับรถช้า ที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดในการขับขี่ เราได้รวบรวมเคล็ดลับการขับรถสำหรับมือใหม่หัดขับที่จะทำให้คุณได้เข้าใจถึงข้อควรรู้สำคัญ คำแนะนำที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

1.ทำความคุ้นเคยกับรถของคุณ

สิ่งแรกที่คุณจะต้องเรียนรู้ในการเป็นมือใหม่หัดขับก็คือ การทำความคุ้นเคยกับรถยนต์ของคุณให้มากที่สุด เพื่อให้คุณมีความมั่นใจและคุ้นชินกับรายละเอียดต่าง ๆ คุณจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบของรถในทีละขั้นตอนเพื่อให้เกิดความรู้ถึงข้อมูลพื้นฐานที่สิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต ให้การขับรถของคุณราบรื่นและรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนเกียร์รถยนต์ คุณจะต้องรู้ถึงเวลาและเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการวางตำแหน่งเกียร์ จังหวะการใช้เกียร์เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงระดับความเร็วของรถยนต์ของคุณ

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ควรที่จะปรับตำแหน่งของคุณให้เกิดความเหมาะสมเพื่อความสะดวกสบายในการขับรถมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ก่อนออกสตาร์ทรถควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปรับกระจกมองหลังและเบาะนั่งอย่างเหมาะสมแล้วหรือเปล่า ความสะดวกภายในรถจะช่วยลดความตึงเครียด บรรเทาความประหม่าสำหรับ มือใหม่หัดขับได้

นอกเหนือจากตำแหน่งของกระจกมองหลังและเบาะนั่งแล้ว คุณควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลังของคุณพิงเบาะนั่งในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าหรือแข็งมากจนเกินไป พยายามค้นหาและใช้ตำแหน่งที่นั่งที่สามารถให้คุณมองเห็นสภาพรอบรถได้อย่างชัดเจนมากที่สุด รวมถึงการเช็กตำแหน่งเข่าที่ไม่ให้ยืดจนเกินไปเพื่อให้คุณสามารถควบคุมคันเร่ง เบรก และคลัตช์ได้อย่างง่ายดาย

2.วางแผนและศึกษาเส้นทางการเดินทางให้ดี

การขับรถสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเส้นทางหรือการขับขี่มาก อาจจะทำให้คุณต้องมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเพื่อต้องขับขี่ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานที่ใหม่ หรือการขับรถไปต่างจังหวัด

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องจำไว้อยู่เสมอก็คือ อย่าไว้วางใจใน Google Map มากจนเกินไป เพราะในบางครั้ง Google Map จะพาคุณไปยังเส้นทางลัดเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางและนำมาซึ่งปัญหาด้านการขับขี่เมื่อคุณต้องไปเจอถนนลูกรังหรือพื้นที่ทางแคบ รวมถึงพื้นที่ในช่วงกลางคืนที่มีอันตราย

เพราะฉะนั้น มือใหม่หัดขับ ควรมีการเตรียมความพร้อมในเส้นทางการเดินทางที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นแถวบ้าน ในเมืองหรือต่างจังหวัด มีการศึกษาเส้นทาง วางแผนการเดินทาง ประเมินความเสี่ยงเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและเดินทางได้อย่างราบรื่น อีกทั้งการวางแผนและเตรียมพร้อมด้านการเดินทางยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดระยะเวลาการเดินทางได้ดีเลยทีเดียว

3.หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิในการขับรถ

สมาธิ คือสิ่งที่สำคัญสำหรับการขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมือใหม่ขับรถ ซึ่งในทุกครั้งเมื่อคุณอยู่หลังพวงมาลัย นั่นแสดงว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะหรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิที่สูงมากจริง ๆ ควรที่จะปรับกระจกมองหลัง คาดเข็มขัดนิรภัยและต้องปฏิบัติตามกฎจราจรเมื่อขับขี่บนท้องถนน ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่สามารถเบี่ยงเบนสมาธิของคุณ ยกตัวอย่างเช่น ในระหว่างที่คุณติดอยู่ในช่วงรถติด คุณจะต้องตั้งใจและมีสติอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้ตื่นตัวและตอบสนองได้ดีเมื่อต้องเคลื่อนรถ

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

2 สิ่งพื้นฐานที่จะต้องจำเอาไว้ในขณะขับรถ อย่างแรกคือ อย่าใช้มือถือในขณะขับรถ ! และอย่างที่สอง อย่าเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ในฐานะ มือใหม่หัดขับ คุณอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารภายในรถ การเปิดเพลงเสียงดัง หรือการพูดคุยเรื่องสำคัญและลึกซึ้งในขณะขับรถ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้อาจจะทำให้คุณเสียสมาธิได้ง่ายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง

4.ให้ความสำคัญกับการ “ถอยหลัง”

การถอยหลัง คือสิ่งสำคัญสำหรับการขับขี่และเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การถอยหลังรถออกจากซอย การถอยหลังรถเข้าซอย รวมถึงการถอยหลังรถเข้าจอด ที่ทำให้หลายคนต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้น มือใหม่ที่ ขับรถไม่คล่อง จะต้องให้ความสำคัญสำหรับการถอยหลัง หมั่นฝึกฝนและเรียนรู้เพื่อให้เกิดความคล่องมากที่สุดเพื่อให้คุณสามารถเคลื่อนรถ ถอยหลังได้อย่างเชี่ยวชาญและยังประหยัดเวลาได้อีกด้วย

5.อย่าลืมใช้สัญญาณไฟ (เลี้ยว)

ต้องห้ามลืมใช้สัญญาณไฟเลี้ยวเป็นอันขาด โปรดจำไว้เสมอว่า ก่อนเริ่มเลี้ยวอย่างน้อยประมาณ 30 เมตรจะต้องเปิดไฟเลี้ยวเอาไว้ เปิดทุกครั้งให้ติดเป็นนิสัย สัญญาณไฟเลี้ยวจะแสดงให้แก่ผู้ขับขี่คนอื่น ๆ ทราบเมื่อคุณกำลังจะเลี้ยวรถ ต้องการเลี้ยวรถ ต้องการหยุดรถชั่วขณะหรือต้องการกลับรถ

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

6.อย่าเร่งความเร็วมากเกินไป !

ในการขับรถสำหรับมือใหม่ คำแนะนำที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ อย่าเร่งความเร็วรถมากจนเกินไป เพราะคุณยังไม่มีความชำนาญและขับขี่ได้คล่องตัว อาจจะทำให้สูญเสียการควบคุมรถยนต์เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง แนะนำให้ขับตามความเหมาะสมและขับด้วยความเร็วที่แนะนำตามป้ายจราจรบนท้องถนนจะดีที่สุด

7.รักษาระยะห่างกับรถคันอื่นสักหน่อย

พยายามรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าและคันอื่น ๆ อย่างเหมาะสม อย่าอยู่ใกล้รถคันอื่น ๆ มากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงและยากมากยิ่งขึ้นในการดำเนินการอื่น ๆ เมื่อมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แนะนำว่าควรเว้นระยะห่างเอาไว้ที่ราว ๆ 1 – 2 ระยะคันรถ โดยให้ประเมินสภาพการจราจรและความเหมาะสมในช่วงเวลานั้น ๆ

9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถ สำหรับมือใหม่

8.แตรรถ อย่าใช้มั่ว !

แตร เป็นส่วนประกอบของรถยนต์ที่มีไว้เพื่อเป็นสัญญาณสำหรับ ผู้ใช้รถใช้ถนน รอบ ๆ ตัวของคุณ เป็นสิ่งที่จะแจ้งให้แก่ผู้ที่ไม่ทราบตำแหน่งของคุณได้เห็น โปรดจำไว้เสมอว่า อย่าใช้แตรมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้รบกวนผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น ๆ ก่อความรำคาญและทำให้เสียสมาธิได้

9.ประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่หัดขับ

ต้องบอกเลยว่าการขับขี่บนท้องถนน เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงและยากที่จะคาดเดาถึงสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการขับรถที่ระมัดระวังอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จริงมั้ย ?

ซึ่งถ้าหากเป็นมือใหม่หัดขับรถนั้น แนะนำให้ ทำประกันรถยนต์ เอาไว้ เพราะนอกเหนือจากการติดต่อรถพยาบาล การแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ การเรียกประกันจะช่วยให้มือใหม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเร่งด่วน และครอบคลุมมากที่สุด

เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนจะต้องเคยผ่านมา มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากประสบการณ์ที่น้อยและไม่ชำนาญในด้านการขับขี่ เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมด้วย 9 เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการขับรถสำหรับมือใหม่ข้างต้นนี้ จะช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงรายละเอียดต่าง ๆ การเตรียมตัวที่ดี รวมไปถึงสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับมือใหม่หัดขับนั่นก็คือ ประกันรถยนต์ ที่แม้จะเป็นมือใหม่ก็มองหาความคุ้มค่าได้กับประกันรถยนต์ออนไลน์จากรู้ใจ ซื้อง่ายในไม่กี่นาที ราคาดี คุ้มครองสูง รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า สูงสุด 30%

คุณยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เลย

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

ว่าด้วยการ “ดูแลรถยนต์เบื้องต้น” รถยนต์คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ใช้สำหรับการเดินทาง การทำงาน ชีวิตส่วนตัวและอื่น ๆ แน่นอนว่าทุกคนล้วนอยากให้รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสภาพเครื่องที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ นั่นจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จัก วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น เพื่อให้รถของคุณได้รับการบำรุงและสามารถซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การดูแลรถ นั้นมีอยู่หลากหลายวิธีที่หลายครั้งเรามักจะเกิดคำถามหรือมีข้อสงสัยว่าทำไมสิ่งที่ต้องคอยตรวจเช็คและหมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ รวมถึงสิ่งที่ควรมีติดรถว่าสำคัญอย่างไร

รู้ใจได้รวบรวม 10 คำถามในการดูแลรักษารถยนต์ที่มักจะมีคำถามเกิดขึ้นบ่อย ๆ ว่าทำไมถึงสำคัญ เพื่อให้คุณได้เห็นถึงประโยชน์ของแต่ละองค์ประกอบ รวมถึงได้เรียนรู้ถึงหลักการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ส่งผลที่ดีต่อรถยนต์คู่ใจที่จะมีประสิทธิภาพที่ดี พร้อมสำหรับการใช้งานอย่างราบรื่นและปลอดภัยอยู่เสมอ

1. ทำไมถึงควรเช็คหัวเทียนเป็นประจำ?

หัวเทียน เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ในการ “จุดระเบิด” ให้กับเครื่องยนต์ ผ่านการทำงานด้วยการปล่อยกระแสไฟแรงดันสูง เป็นกลไกสำคัญของเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึง แก๊ส และ ก๊าซ ที่ถ้าหากคุณใช้เครื่องยนต์เบนซินควรที่จะมีการหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ ซึ่งโดยปกติแล้วหัวเทียนจะมีอายุในการใช้งานที่ยาวนาน ในรถยนต์บางคันสามารถใช้งานได้เกิน 100,000 กิโลเมตร จึงจะเริ่มแสดงอาการที่ผิดปกติ

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

โดยให้คุณสังเกตอาการเกี่ยวกับความผิดปกติเมื่อหัวเทียนจะหมดอายุการใช้งาน ได้แก่ น้ำมันสิ้นเปลืองมากกว่าปกติ, เร่งรถแซงแล้วพุ่งไปไม่เร็วเหมือนเดิม หรือ รอบเดินมีอาการเบาและสั่นเนื่องจากหัวเทียนมีการจุดระเบิดไม่เต็มที่

2. ทำไมต้องเปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ?

การดูแลรถ หลายคนมักจะสงสัยว่า ทำไมถึงควรเปลี่ยน กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “กรองแอร์” ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าท่ามกลางสภาพอากาศในปัจจุบันที่มากไปด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะทางอากาศ ที่ กรองแอร์ จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับคุณภาพอากาศภายในรถที่ดี อากาศสะอาดและเป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้มีการเปลี่ยนเป็นประจำในตอนที่คุณพารถยนต์ไปถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง

3. ทำไมควรล้างรถบ่อยๆ?

เรียกได้ว่าเป็นข้อสงสัยที่พบได้บ่อยเลยทีเดียว ว่าทำไมเราถึงควรล้างรถบ่อย ๆ ทั้งที่จะปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ต้องบอกเลยว่าการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำนั้นจะช่วยให้รถของคุณดูใหม่ สีไม่ซีด ไม่มีสนิมขึ้น แสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณนำไปขายต่อก็ไม่ทำให้รถราคาตกอย่างแน่นอน

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

นอกจากนี้ ในหลาย ๆ ครั้งที่เราต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีฝุ่นเยอะหรือที่พักใกล้ทะเลที่จะมีคราบเกลือคอยเกาะสะสมไว้เรื่อยๆ ภายในใต้ท้องเครื่อง ก็อาจจะเสี่ยงต่อการทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ตลอดจนเหล่าซากแมลงและขี้นกที่จะทำให้สีเกิดการกร่อยและยังมีปัญหาที่ส่งผลกระทบอีกมากมายที่เรียกได้ว่าการล้างรถนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

4. ทำไมต้องเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ?

ระดับน้ำในหม้อน้ำ ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์คันใหม่หรือคันเก่าก็ตาม เพราะถ้าหากหมอน้ำรถยนต์มีน้ำในระดับที่ต่ำอาจจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีปัญหาติดขัดในระหว่างการทำงานที่ออกกลางแจ้งหรืออยู่ท่ามกลางอุณภูมิที่ร้อนระอุในช่วงเวลากลางวัน

ผู้ใช้รถ ควรตรวจเช็คระดับของน้ำหล่อเย็นภายในถังพักน้ำหรือหม้อน้ำ โดยการเช็คระดับน้ำควรทำในขณะที่ไม่ได้มีการสตาร์ทเครื่องยนต์หรือในช่วงที่เครื่องยนต์มีสภาพที่เย็นอยู่

ถ้าหากไม่มีการตรวจเช็คเกี่ยวกับระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอนั้น น้ำที่ขาดการระบายความร้อนหรือมีระดับน้ำต่ำกว่าที่กำหนด จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างติดขัด ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เสี่ยงต่อการเสียหายลุกลามและสึกหรอได้

5. ทำไมยังต้องเช็คลมยาง?

เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง ดูแลรถ ที่หลาย ๆ คนละเลยอย่างมาก สำหรับการเช็คลมยาง ซึ่ง ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว ตลอดจนการสึกหรอและอายุการใช้งานของยางรถยนต์ที่จะเสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าปกติ

นอกจากจะหมั่นเช็คลมยาวแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่

6. ทำไมถึงควรเช็คน้ำมันเบรกทุกๆ 1 ปี?

เป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถยนต์ ที่ไม่ควรมองข้ามและมีความสำคัญอย่างมาก น้ำมันเบรก ทำหน้าที่ในการส่งแรงดันไปยังปั๊มเบรก ซึ่งหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำมันเบรกจะค่อยๆ เสื่อมอายุการใช้งานและประสิทธิภาพที่ลดน้อยลงกลายเป็นสีที่เริ่มคล้ำพร้อมกับส่งผลต่อศักยภาพในการระบายความร้อนที่ลดลง เพราะฉะนั้น ควรที่จะมีการหมั่นเช็คน้ำมันเบรกเป็นประจำทุกๆ 1 ปี รวมถึงสังเกตอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น เบรกวืด, เบรกไม่อยู่ หรือ เบรกไหล เป็นต้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

7. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด?

สิ่งที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ใน เทคนิคดูแลรถ ก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่อง ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรหรือทำการเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ

8. ทำไมถึงควรทำความสะอาดกรองอากาศเครื่องยนต์?

กรองอากาศ ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง กรองฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปยังเครื่องยนต์ ที่เมื่อมีการสะสมในระยะยาวจะเกิดการอุดตันและทำให้กระบอกสูบได้รับอากาศที่น้อยลง ส่งผลให้มีการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ โดยเครื่องกรองอากาศควรมีการล้างและทำความสะอาดหรือเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรหรือถ้าหากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ ควรที่จะเปลี่ยนทุก ๆ ระยะ 10,000 กิโลเมตร

9. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์?

ไม่ว่ารถของคุณจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT หรือ เกียร์อัตโนมัติแบบปกติที่อยู่ในระดับต่าง ๆ การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง น้ำมันเกียร์จะช่วยลดการสึกหรอรวมถึงช่วยลดแรงเสียดทานของระบบเกียร์ พร้อมทั้งยังสามารถชะล้างพวกเศษโลหะที่มาจากการเสียดสีที่บริเวณหน้าฟันเกียร์ให้หลุดออกไป ให้ระบบการทำงานสะอาดในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่าย ประสิทธิภาพการทำงานก็ย่อมดีขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ควรที่จะมีการเปลี่ยนทุกๆ ระยะ 50,000 หรือ 100,000 กิโลเมตร ที่ถ้าหากคุณมีการใช้งานในเมืองหรือขับขี่ด้วยการกดคันเร่งหนักๆ ก็ควรที่จะเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเป็นระยะ 30,000 – 45,000 กิโลเมตร

10. ทำไมถึงควรทำประกันรถยนต์?

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการทำประกันรถยนต์ที่จะช่วยให้คุณและรถยนต์ได้รับการคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดความเสี่ยงในการใช้รถยนต์ให้แก่ผู้ขับขี่ ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการได้รับการคุ้มครองเมื่อต้องเดินทาง ขับขี่ไปยังที่ต่างๆ เป็นสิ่งที่จะเข้ามารองรับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยให้คุณประหยัดเงินทั้งสำหรับตัวคุณเองและบุคคลภายนอก ตลอดจนยังเป็นการคุ้มครองรถยนต์ของคุณเมื่อเกิดไฟไหม้ การถูกโจรกรรมต่างๆ อีกด้วย

และนี่ก็เป็น 10 คำถามของการ ดูแลรถยนต์เบื้องต้น ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลและรักษาเครื่องยนต์ที่นอกจากจะดีต่อรถคู่ใจของคุณแล้ว ยังช่วยให้คุณปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับข้อสุดท้ายเราอยากจะระบุเพิ่มเติมว่า ทำไมควรซื้อประกันรถออนไลน์ที่รู้ใจ นั่นก็เพราะว่าเรามีข้อดีหลายอย่าง มั่นใจได้ในเรื่องบริการและการคุ้มครอง เคลมได้ง่ายๆ ผ่านแอป มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ ซื้อง่าย ราคาดี บริการรู้ใจกว่า ราคาประหยัดกว่า แถมยังผ่อนได้นานถึง 10 งวดผ่านบัตรเดบิตได้อีกด้วย คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ๆ และเรื่องราวดีๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

5 ความเชื่อควรทำหลังออกรถใหม่

คนไทยและความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมานาน ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ล้วนมีความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ หลายคนเชื่อว่าการดูฤกษ์งามยามดีเป็นจุดเริ่มต้นให้การดำเนินสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นประสบผลสำเร็จหรือดำเนินลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งแน่นอนว่าการ ออกรถใหม่ ก็มีความเชื่อมากมายที่คนไทยส่วนใหญ่ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมา เช่น การเช็คในเรื่องความเป็นมงคลและฤกษ์ออกรถใหม่ ดอกไม้ ธูปเทียน ต้องเตรียมให้พร้อม เพื่อทำพิธีบูชากราบไหว้แม่ย่านาง เสริมความเป็นสิริมงคลแก่รถและตนเอง ให้คลาดแคล้วต่ออุบัติภัยรวมถึงเรียกโชคลาภด้วย

5 ความเชื่อควรทำหลังออกรถใหม่

ออกรถใหม่ ทำไมต้องเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน

ความปลอดภัยเป็นเรื่องจำเป็นที่เจ้าของรถใหม่ไม่ควรมองข้าม โดยการศึกษาคู่มือการใช้รถที่มีมาพร้อมกับรถยนต์คันใหม่นั้นจะช่วยให้คุณรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อเกิดปัญหาหรือรถยนต์เกิดขัดข้องขึ้นมา คุณจะสามารถจัดการเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง อีกทั้งยังช่วยให้คุณขับรถได้อย่างปลอดภัยและสบายใจยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับ การดูฤกษ์ออกรถใหม่ การเลือกสีรถให้ถูกโฉลกกับเจ้าของ และดอกไม้ ธูปเทียน เอาไว้บูชาแม่ย่านาง ก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เกิดความสบายใจและรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยยึดมั่นปฏิบัติมาเพื่อความสบายใจ เรียกได้ว่าแทบกลายเป็นประเพณี หรือธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่งของคนไทยไปแล้วนั่นเอง

ความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้แม่ย่านางรถ

เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จัก “แม่ย่านาง” ดีอยู่แล้ว มีตำนานเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ในอดีตที่คนยังใช้เรือเป็นยานพาหนะสัญจรอยู่นั้น ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญในเรื่องการเดินเรือเป็นอย่างมาก โดยทุกครั้งที่เดินเรือ เรือของนางจะปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เดินเรืออยู่นั้น เกิดมีพายุฟ้าคะนองสร้างความตื่นตกใจให้ลูกเรือเป็นอย่างมาก นางจึงขอพรกับพระอินทร์ให้ช่วยคุ้มครอง ซึ่งพระอินทร์ก็ยอมช่วยแต่มีเงื่อนไขว่านางจะต้องกลายเป็นผู้พิทักษ์เรือตลอดไป เมื่อตกปากรับคำ นางและลูกเรือจึงปลอดภัย และกลายเป็นผู้พิทักษ์เรือตั้งแต่นั้นมา

ไหว้แม่ย่านาง

นอกจากนี้ยังมีตำนานเกี่ยวกับแม่ย่านางอีกมากมาย แม้จะมีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันไป แต่ทุกตำนานล้วนมีส่วนที่เล่าตรงกัน คือแม่ย่านางเป็นผู้พิทักษ์เรือนั่นเอง และจากตำนานเหล่านั้น ทำให้คนไทยจำนวนมากนับถือบูชาแม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองภัยจากการเดินเรือ รวมถึงยานพาหนะอื่น ๆ ทั้งรถและเครื่องบินด้วย โดยเชื่อกันว่าหากบูชาแม่ย่านางแล้วจะช่วยให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงได้ ดังนั้นเมื่อออกรถใหม่ ดอกไม้ ธูปเทียน จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย

5 ความเชื่อที่คนออกรถใหม่ควรทำในวันรับรถ มีอะไรบ้าง?

ออกรถใหม่ ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ด้วยเพราะคนไทยให้ความสำคัญกับทุกช่วงเวลาของชีวิต จึงมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งเร้นลับต่าง ๆ มากมายเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ แม้กระทั่งในการออกรถใหม่ ก็ยังมีหลากหลายความเชื่อที่คนไทยให้ความสำคัญและปฏิบัติตามกันมาอย่างยาวนาน โดยวันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราวกับ 5 ความเชื่อที่คนซื้อรถใหม่ ควรทำในวันรับรถ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน

1. ชวนพ่อแม่ หรือคนที่มีชื่อเป็นมงคลไปรับรถด้วยกัน

พ่อและแม่ถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระในบ้านที่คนไทยยึดถือมายาวนาน เพราะเป็นผู้กำเนิดและให้การเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เมื่อออกรถใหม่จึงควรให้พ่อแม่ได้นั่งเป็นคนแรก ๆ และกล่าวอวยพรให้เดินทางปลอดภัย นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแล้วยังแสดงถึงการให้ความสำคัญของบุพการีและผู้มีพระคุณอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถพาผู้ที่มีชื่อเป็นมงคลไปรับรถได้ด้วยเช่นกัน

2. ขับรถออกควรหันหน้าไปทางทิศเหนือ

สำหรับการออกรถใหม่ ควรหันหน้ารถขับออกทางทิศเหนือเสมอ เพราะเป็นความเชื่อตามหลักของฮวงจุ้ย ที่เชื่อว่าทิศเหนือคือทิศที่ดีที่สุด และยังเป็นทิศทางของทรัพย์และโชคลาภ ซึ่งการสร้างบ้านใหม่หรือการเริ่มต้นการค้า ก็ยึดถือหลักความเชื่อเดียวกัน จึงมักเห็นได้ว่ามีการหันหน้าออกทางทิศเหนือนั่นเอง นอกจากนี้เมื่อขับรถออกก็ควรเปิดไฟหน้าให้สว่างและขับให้ถึงที่หมายแรก โดยไม่แวะที่อื่นก่อน

3. ไหว้แม่ย่านางรถ

นอกจากความเชื่อว่าแม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองให้การเดินรถเดินเรือปลอดภัยแล้ว ยังมีความเชื่อว่าการบูชาแม่ย่านางจะนำมาให้ซึ่งโชคลาภ โดยเฉพาะในกลุ่มบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย ที่เชื่อว่าการบูชาจะช่วยให้การทำมาค้าขายคล่องร่ำรวยมากยิ่งขึ้น จึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการบูชาแม่ย่านาง เมื่อออกรถใหม่ ดอกไม้ธูปเทียน ต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับการบูชานั่นเอง โดยการเตรียมของไหว้แม่ย่านางนั้น อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามธรรมเนียมของแต่ละภูมิภาค แต่โดยรวมแล้วในการไหว้จะมีสิ่งต้องเตรียม ดังนี้

  • ธูป 9 ดอก
  • ผลไม้ 5 อย่าง ได้แก่ กล้วยน้ำว้าสุก 2 หวี และอื่น ๆ อีก 4 อย่างเช่น
    • ข้าวสาร 1 ถ้วย
    • น้ำ 1 แก้ว
    • ขนมมงคล เช่น ขนมถ้วยฟู สาลี่ ขนมเทียน
    • ยาสูบ 3 มวน
    • หมากพลูและยาเส้น 3 คำ

นอกจากนี้ วิธีการกราบไหว้แม่ย่านางยังสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำพวงมาลัยมากราบไหว้ และเลือกสีริบบิ้นตามวันเกิดของคุณ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • ที่เกิดวันอาทิตย์ ควรใช้ริบบิ้นสีเขียว
  • ผู้ที่เกิดวันจันทร์ ควรใช้ริบบิ้นสีม่วง
  • ผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรใช้ริบบิ้นสีน้ำเงิน
  • ผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ริบบิ้นสีเหลือง
  • ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ควรใช้ริบบิ้นสีแดง
  • ผู้ที่เกิดวันศุกร์ ควรใช้ริบบิ้นสีชมพู
  • ผู้ที่เกิดวันเสาร์ ควรใช้ริบบิ้นสีฟ้า

4. การเจิมรถเพื่อความเป็นสิริมงคล

มีความเชื่อว่าในการออกรถใหม่วันแรกไม่ควรนำรถไปในที่อโคจร เช่น ผับ บาร์ หรือร้านเหล้า แต่ควรนำรถไปให้พระเจิมปิดทอง พรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเพื่อเป็นการขอพรให้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ มีความราบรื่นและปลอดภัยในการเดินทาง จะได้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

5 ความเชื่อควรทำหลังออกรถใหม่

5. ควรมีเครื่องบูชา

นอกจากการกราบบูชาแม่ย่านางแล้ว ยังมีความเชื่ออีกว่าในการออกรถใหม่วันแรกควรมีเครื่องบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและรถ โดยเครื่องบูชาได้แก่ พระพุทธรูปองค์เล็ก กล้วยหนึ่งหวี น้ำมนต์ เครื่องประดับสร้อยทองแหวนทอง และจำนวนเงินที่ลงท้ายด้วยเลขมงคล เช่น 99 หรือ 999  บาท นอกจากนี้ควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่เป็นสีมงคลด้วย

จาก 5 ความเชื่อทั้งหมดเกี่ยวกับการ ออกรถใหม่ ดอกไม้ ธูปเทียน ต้องเตรียมให้พร้อมกราบไหว้สิ่งบูชาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยให้การใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัย ความเชื่อเหล่านี้ ถือเป็นที่พึ่งพาทางใจให้ความรู้สึกปลอดภัยและเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปฏิบัติตาม ซึ่งถือเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลที่อาจมีความเชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นนอกจากการความมั่นใจในการขับขี่ คือการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อมอบความคุ้มครองให้กับทั้งตัวคุณเองและรถคันใหม่ของคุณ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุลักษณะใด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ตาม คุณจะได้รับการดูแลในทันที เพราะแผนความคุ้มครองของรู้ใจ ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า สามารถแจ้งอุบัติเหตุผ่านแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้คุณได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น ส่งรถเข้าซ่อมได้เร็วกว่าเดิม อยากรู้ว่าความพิเศษของประกันภัยรถยนต์รู้ใจมีอะไรบ้าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ ๆ และเรื่องราวดี ๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai.com หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

กิจกรรมตอนขับรถ

สมาธิ เป็นสิ่งสำคัญในการกระทำสิ่งต่าง ๆ การที่คนเรามีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จะช่วยให้สิ่งที่กระทำอยู่นั้นได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

การขับรถก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้สายตาในการมองไปข้างหน้า ด้านข้าง รวมถึงต้องใช้มือและเท้าในการบังคับรถยนต์ให้ไปในเส้นทางที่ต้องการ เพื่อให้รถยนต์นั้นไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยและทันเวลานั่นเอง

5 กิจกรรมที่ทำหลุดโฟกัสขณะขับรถ

บทความนี้ขอหยิบเอาเรื่องราวของกิจกรรมที่อาจพาให้คุณหลุดโฟกัส และไม่ควรทำมันในขณะที่กำลังขับรถ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ทานอาหารบนรถ

ด้วยสภาพความเร่งรีบของคนในเมืองหลวง ทำให้หลายคนมักจะพกอาหารขึ้นมาทานบนรถยนต์เพื่อประหยัดเวลาและเพื่อความสะดวก แต่การทานอาหารบนรถก็มีความเสี่ยง เพราะถ้าต้องการที่จะทานอาหารแล้วก็จะต้องผละจากการควบคุมพวงมาลัยรถยนต์เพื่อใช้มือหยิบจับอาหาร ทำให้ผู้ขับต้องละสายตาและมือออกจากพวงมาลัย และไม่ได้โฟกัสอยู่ที่เส้นทางตรงหน้า

อุ้มเด็กนั่งตักตอนขับรถ

สำหรับรถยนต์ที่มีเด็กร่วมทางไปด้วยแล้วผู้ขับนำเด็กมานั่งบนตักก็จะทำให้ประสิทธิภาพการขับรถลดลง และยังอันตรายกับตัวเด็กมาก ๆ เนื่องจากเด็กยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการขับขี่ที่ปลอดภัย จึงอาจเล่นพวงมาลัยหรือเกียร์ด้วยความไม่รู้ ทำให้คนขับสูญเสียสมาธิในการควบคุมรถ เนื่องจากต้องดูแลเด็กพร้อมกับควบคุมรถยนต์ไปพร้อมๆ กัน

ในกรณีนี้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำให้เด็กที่นั่งบนตักได้รับแรงกระแทกมากกว่า และอาจกลายเป็นถุงลมนิรภัยให้กับตัวผู้ขับไปโดยปริยาย ซึ่งตัวเด็กก็จะได้รับบาดเจ็บมากกว่า ทางที่ดีควรให้เด็กนั่งที่เบาะข้าง ๆ หรือนั่งบนคาร์ซีท จะปลอดภัยกับเด็กและตัวผู้ขับรถยนต์มากกว่า

Activities-To-Avoid-While-Driving

คุยโทรศัพท์ขณะขับรถ

การคุยโทรศัพท์ขณะที่คุณกำลังขับรถนั้น จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 2 – 4 เท่า เพราะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ มีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง การเหยียบเบรคและบังคับพวงมาลัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที รวมทั้งส่งผลต่อการมองเห็นป้ายสัญลักษณ์ หรือป้ายบอกทาง

เพราะการคุยโทรศัพท์ไปด้วยขับรถไปด้วยจะทำให้สมองต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะต้องแบ่งการโฟกัสทั้งคนที่คุยด้วย และกับพวงมาลัยที่อยู่ตรงหน้า นอกจากจะเสี่ยงกับตัวผู้ขับแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงให้กับเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ อีกด้วย

การดู TV บนรถ

เวลาที่รถติดและไปไหนไม่ได้ ทำได้แค่นั่งเบื่อ ๆ อยู่ในรถ การเปิดทีวีดูก็อาจช่วยให้หายเหงา คลายความเครียดลงไปได้บ้าง แต่ความสว่างของจอภาพ รวมทั้งภาพที่เคลื่อนไหว เสียงจากทีวีหรือเพลง จะทำให้สมาธิในการขับรถของคุณลดลง และสนใจเหตุการณ์รอบตัวน้อยลง และเสียงยังกระตุ้นให้ขับรถเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

Activities-To-Avoid-While-Driving

แต่งหน้าขณะขับรถ

สาว ๆ นักขับ ที่ชอบแต่งเติมใบหน้าระหว่างขับรถนั้นต้องขอให้เลี่ยงกิจกรรมนี้เลย เข้าใจว่าความสวยจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และถึงแม้ว่าจะแต่งหน้าได้เร็ว-คล่องแคล่วขนาดไหน แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยก่อนดีกว่า เพราะการแต่งหน้าบนรถจะทำให้ความสนใจของเราไปจดจ่ออยู่กับกระจกแทน จนอาจหลุดโฟกัสจากการขับรถ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการแต่งหน้า

เพราะการขับรถต้องใช้พลังงานสมองอย่างมาก

ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับรถระบุว่า “การขับขี่บนถนนแบบปกติต้องใช้พลังงานสมองมากถึง 85% ส่วนการส่งข้อความ หรือการพูดคุยกับผู้โดยสาร ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ แต่นั่นก็ทำให้ผู้ขับขี่ต้องใช้พลังงานสมองเป็นอย่างมาก และก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หากใช้พลังงานสมองจนเกินความสามารถ”

เมื่อขับรถ สมองของคุณต้องใช้พลังงานในการรับรู้ถึง 85% สมองของคุณจะไม่มีความสามารถในการทำสิ่งอื่นอย่างเต็มที่ได้แล้ว

การขับรถอย่างมีสมาธิและไม่มีสิ่งใดมารบกวนจะเป็นการขับขี่ที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อให้การเดินทางของคุณและคนที่คุณรักปลอดภัย ขอแนะนำให้ผู้ขับตั้งสติ และโฟกัสอยู่กับทางที่อยู่ตรงหน้า ไม่ประมาทในการขับรถ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง คนที่คุณรัก และตัวคุณเอง อย่าลืมต่อประกันรถยนต์เสมอเพื่อรับความคุ้มครองและวงเงินชดเชยหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน หากกำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาถูก ลองเข้ามาใช้บริการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ ผ่านบริการของ rabbit finance ได้เลย

Carro-Roojai-How-Far-To-Go-Without-Gas

ในปัจจุบัน หลายคนยังไม่รู้ว่าเมื่อเกิดปัญหารถน้ำมันหมดก่อนไปถึงที่หมายควรทำอย่างไร ก่อนที่รถน้ำมันหมดทุกครั้งจะมีสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ขึ้นเป็นสีเหลืองรูปถังน้ำมัน บ่งบอกว่าน้ำมันรถจะหมดแล้ว หากฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ อาจทำให้เครื่องดับและเกิดปัญหาภายหลังตามมาได้ Roojai.com จึงมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถขับรถได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เพื่อยืดเวลารถดับออกไปให้คุณสามารถหาปั๊มเพื่อเติมน้ำมันรถได้ทันเวลานั่นเอง

How-Far-To-Go-Without-Gas

เพราะปัญหารถน้ํามันหมดเร็ว เป็นอีกปัญหาหลักที่หนีกันไม่พ้นสำหรับนักขับขี่ส่วนใหญ่ หลายคนเมื่อเจอปัญหานี้ ต่างก็รีบปักหมุดหาปั๊มน้ำมันกัน โชคดีหน่อยก็อาจเจอเร็ว แต่ถ้าไม่.. ปั๊มน้ำมันอยู่ไกลก็อาจเจอปัญหารถดับ ต้องเหนื่อยตามเข็นหาปั๊มให้วุ่นวาย คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการรู้เคล็ดลับในการช่วยยืดระยะทางการขับรถออกไปให้ได้ไกลขึ้น ก่อนรถดับต้องเข็น คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ใช่น้อย

เมื่อมีไฟเตือน รถน้ำมันหมด ยังวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร

หลายคนอาจสงสัยเหมือนกันใช่ไหมว่า รถยนต์ในท้องตลาดแต่ละรุ่นเมื่อเจอปัญหา รถน้ำมันหมด หากยังวิ่งต่อไปได้สามารถวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร จากข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาทั้งหมด บอกได้เลยว่า โดยปกติแล้วรถในท้องตลาดส่วนใหญ่ เมื่อเจอปัญหาน้ำมันหมด รถยนต์ในสมัยนี้จะมีสัญญาณเตือนให้เติมน้ำมันขึ้นเป็นสีเหลืองรูปถังน้ำมัน

สัญญาณเตือนน้ํามันหมดนี้ จะเตือนก็ต่อเมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อยกว่า 10 ลิตร หากดูตรงเข็มหน้าปัดรถยนต์จะมีการคำนวณบอกด้วยว่าสามารถขับต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร และจะลดลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือ 0 กิโลเมตร ซึ่งรถยนต์แต่ละคันมีระยะทางการขับขี่ไม่เท่ากัน แต่สำหรับรถรุ่นเก่าจะไม่มีการคำนวณบอกว่าสามารถขับต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร เมื่อขึ้นสัญญาณเตือนน้ำมันหมด ต้องหาปั๊มให้ได้ภายในรัศมี 30 กิโลเมตร

How-Far-To-Go-Without-Gas

ฟีเจอร์คำนวณระยะทางหลังไฟเตือนรถน้ำมันหมด ช่วยได้มากน้อยแค่ไหน

จริงอยู่ที่รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบันมีตัวช่วยในการคำนวณระยะทางให้ผู้ขับขี่รู้ว่ารถสามารถวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถน้ำมันหมด หากหน้าปัดรถยนต์ระบุว่ายังวิ่งได้อีก 20-30 กิโลเมตร แต่จะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน การคำนวณจะตรงตามระยะทางที่รถวิ่งได้จริงหรือไม่ ทางเราเองก็ยังระบุให้รู้แบบชัดเจนไม่ได้

ทางสื่อยานยนต์ของอังกฤษ ‘The Sun’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ตัวเลขนบนหน้าปัดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่ช่วยบอกระยะทางที่เหลือหลังจากไฟเตือนน้ำมันหมดขึ้นนั้น มาจากการคำนวนอัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยที่เจ้าของรถขับก่อนหน้านี้ ทำให้บางครั้งตัวเลขที่ระบุระยะทางการวิ่งนั้นอาจไม่ถูกต้องกับสภาพการขับขี่จริง ๆ ณ เวลานั้น”

How-Far-To-Go-Without-Gas

8 รุ่นรถยอดนิยมในประเทศอังกฤษกับระยะทางที่ยังขับต่อได้

ผลสำรวจจากบริษัทประกันภัยชั้นนำของอังกฤษซึ่งได้นำรถยนต์รุ่นที่ชาวอังกฤษนิยมซื้อใช้ มาจัดอันดับระยะทางที่รถยนต์วิ่งไปได้เมื่อรถน้ำมันหมด โดยเริ่มวัดระยะเมื่อไฟแจ้งเตือนน้ำมันติดขึ้น ผลที่ออกมาบอกว่าอันดับที่ 1 ที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุด สามารถวิ่งได้ไกลถึง 74 กม. รถรุ่นนั้นคือ Mercedes-Benz C-Class ส่วนลำดับถัดไปมีดังนี้

  • Mercedes-Benz C-Class: 74 กม.
  • Mini Cooper: 72 กม.
  • Nissan Qashqai: 69 กม.
  • Volkswagen Golf: 67 กม.
  • Audi A3: 67 กม.
  • Ford Focus: 64 ไมล์
  • Volkswagen Polo: 62 กม.
  • Ford Fiesta: 59 กม.

สำหรับรถรุ่นอื่น ๆ ทั่วไปในท้องตลาด จากผลสำรวจแห่งเดียวกันระบุว่า เมื่อไฟแจ้งเตือนรถน้ำมันหมดติดขึ้น รถยนต์ทั่วไปก็ยังคงสามารถขับไปได้อยู่จนกว่าน้ำมันที่มีจะเกลี้ยงถัง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะสามารถขับไปได้อีก 40 – 50 กม. อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ก็ไม่ควรรอจนน้ำมันเกลี้ยงถัง เมื่อมีไฟแจ้งเตือน หรือ หากให้ดีคือก่อนขึ้นไฟแจ้งเตือน ควรรีบหาปั๊มที่ใกล้ที่สุดทันที ควรคำนวณระยะทางให้พอดีที่จะถึงปั๊มน้ำมันต่อไป

ไฟเตือนรถน้ำมันหมดขึ้นบ่อยๆ ต้องคอยเช็คดีๆ

การปล่อยให้เกิดไฟเตือนรถน้ำมันหมดขึ้นบ่อยๆ ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคอยระมัดระวัง ผู้ขับขี่ต้องคอยเช็คดี ๆ เพราะน้ำมันที่เหลือน้อยจนไฟสัญญานเตือนนั้นหมายถึง ‘ปั๊มติ๊ก’ หรือตัวปั๊มที่ทำหน้าที่ในการดูดน้ำมันจากถังส่งไปเลี้ยงเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการจุดระเบิดจะต้องทำงานหนักกว่าปกติ หากปั๊มติ๊กทำงานหนัก ปั๊มติ๊กจะร้อนเกินไปอาจส่งผลให้ปั๊มติ๊กพัง ใช้งานไม่ได้ เติมน้ำมันไปแต่รถก็สตาร์ทไม่ติด ไปจนถึงอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในระยะยาวอีกด้วย หากคุณไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นกับรถของคุณ ควรหมั่นตรวจเช็คปั๊มติ๊กและอย่าให้เกิดไฟเตือนรถน้ำมันหมดบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง

How-Far-To-Go-Without-Gas

วิธีปฎิบัติเมื่อไฟเตือนรถน้ำมันหมดโชว์ขึ้นมา

นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยยืดระยะเวลารถดับออกไปได้ เมื่อไฟเตือนรถน้ำมันหมด สิ่งแรกที่ต้องทำคือ พยายามทำให้รถใช้พลังงานน้ำมันน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่น ปิดแอร์ หรือขับขี่ในอัตราเร่งคงที่เพื่อลดพลังงานที่ใช้น้ำมันน้อยลง ประมาณว่าใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่า เป็นการเซฟให้ได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น เซฟน้ำมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่น้ำมันมีเหลืออยู่ในถังจะทำได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดถ้าไม่อยากเจอปัญหารถน้ำมันหมด ควรเติมน้ำมันไว้ให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลาจะดีกว่า เมื่อเห็นว่าน้ำมันรถเหลือน้อยก็แวะปั๊มเติมให้เต็มไว้ทันที ปลอดภัยสุด ไม่ต้องคอยกังวลว่าเครื่องยนต์จะดับแล้วต้องวนหาปั๊มก่อนที่เครื่องยนต์จะดับเพื่อทำเวลา และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อไฟเตือนน้ำมันหมด คือ ควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ พยายามควบคุมความเร็วให้คงที่ เพื่อเป็นการลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยข้อควรปฏิบัติเมื่อน้ำมันใกล้หมด มีดังนี้

  1. หาปั๊มที่ใกล้ที่สุดเพื่อเติมน้ำมัน พยายามหาปั๊มที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 30-40 กม.
  2. อย่าเบรกบ่อย หรือ ลดความเร็วโดยไม่จำเป็น เพราะการเบรก ลด หรือเร่งความเร็วบ่อย ๆ จะทำให้ใช้พลังงานจากน้ำมันมากขึ้น
  3. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าภายในรถทั้งหมด เพื่อลดพลังงานแบตเตอรี่ เช่น ปิดแอร์ ปิดวิทยุ เนื่องจากมีส่วนทำให้น้ำมันหมดเร็วเช่นกัน
  4. ปิดกระจก เพื่อไม่ให้ลมจากภายนอกเข้ามาภายในรถยนต์ เพราะลมที่เข้ามาจะทำให้มีอากาศในรถมากขึ้น ส่งผลให้รถต้องใช้แรงวิ่งมากขึ้นเพราะมีมวลอากาศอยู่ด้านใน
  5. หลีกเลี่ยงถนนที่มีการจราจรติดขัด หรือ เส้นทางที่มีหลุม บ่อ เพื่อลดการใช้พลังงานของเครื่องยนต์

หากน้ำมันหมดขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไรดี?

ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับจากสาเหตุ น้ำมันรถหมด จะมีอาการให้สังเกตุดังนี้ รถยนต์จะเกิดการกระตุกเหมือนเครื่องจะดับ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ให้รีบขับรถไปยังพื้นที่ปลอดทันที หากขับอยู่เลนกลางให้ตบซ้ายชิดขอบฟุตบาททันที หรือหากอยู่บนทางด่วนแล้วเครื่องดับ ให้รีบโทรแจ้ง 1543 สายด่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ 1586 สายด่วนกรมทางหลวงได้เลยทันที หรืออีกช่องทางจาก Roadside Assistance ของรถที่คุณขับขี่ได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ํามันรถหมด ควรเติมน้ำมันให้เต็มถังไว้เสมอ หากเกิดปัญหาน้ำมันรถหมดจริง ๆ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการขับขี่ได้ ปลอดภัย มีประโยชน์แน่นอน

ถ้าหากคุณกังวลในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าประกันรูปแบบอื่น ซึ่งที่ Roojai เราการันตีเบี้ยประกันราคาดีที่สุด ผ่อนชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเดดิตได้ 10 งวด

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ ๆ และเรื่องราวดี ๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai.com หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เลย

Carro-Roojai-Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ปัญหาแอร์รถไม่เย็นที่ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนมักพบเจอ จริงอยู่ที่ในช่วงออกรถใหม่ ๆ เปิดแอร์รถได้เย็นฉ่ำ แต่พอใช้งานไปได้สักปี 2 ปี แอร์รถไม่เย็นเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เร่งแอร์รถให้เย็นที่สุดแต่กลับรู้สึกไม่ค่อยเย็นแบบที่ควร หรือบางครั้งก็อาจจะเย็นเกินไป มันเป็นเพราะอะไร ? มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

วันนี้ Roojai.com ได้รวบรวมสาระดี ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการรับมือกับปัญหาแอร์รถไม่เย็นด้วยตัวเองได้ แน่นอนว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้แอร์รถไม่เย็น แต่หากรู้สักนิดว่า ปัจจัยไหนที่ทำแล้วเสี่ยงต่อการทำให้แอร์รถเสีย ก็ควรเลี่ยง และโอกาสที่ต้องนั่งร้อนภายในรถก็คงมีน้อยลงเช่นกัน

ปัญหา แอร์รถไม่เย็น หากเกิดขึ้นบ่อย จะเป็นอย่างไร ?

อย่าปล่อยให้ปัญหาแอร์รถไม่เย็นเกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะไม่ส่งผลดีต่อคุณและรถยนต์ของคุณแน่ ๆ ควรรู้ไว้เลยว่าแอร์รถไม่เย็น แปลว่ารถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหาและทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงด้วย เป็นคำตอบว่า แอร์รถไม่เย็นเกิดจากอะไร สามารถเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ ซึ่งมีหลายสาเหตุ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้และไม่ค่อยให้ความสนใจ มองว่าอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เชื่อไหมว่าแค่แอร์รถไม่เย็นสามารถส่งผลให้อายุการใช้งานของรถคุณสั้นลงกว่าปกติได้ ยังไม่รวมถึงปัญหาที่จะส่งผลให้รถเสียในภายหลังได้อีกมากมาย

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ปัจจัยหลักที่ทำให้ แอร์รถไม่เย็น เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

แน่นอนว่าปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลให้ แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาแอร์หมด สายท่อแอร์รั่ว ระบบระบายความร้อนไม่ดี ลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม คลัทช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท และอื่นๆ อีกหลายปัจจัย แต่เพื่อให้คุณแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณแอร์ไม่เย็นหรือผิดปกติไหม ? ลองเช็คดูว่าตอนนี้กำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่หรือไม่ ดังนี้

1.น้ำยาแอร์ขาดหรือหมด

น้ำยาแอร์ขาดหรือหมดก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้แอร์รถไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้แอร์เย็นน้อยหรือไม่เย็นเลย จะมีแต่ลมร้อนๆ ออกมาจากช่องแอร์ วิธีแก้ไขให้ลองสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดระบบเครื่องปรับอากาศปุ่ม A/C เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน แล้วส่องดูในช่องตรวจสอบน้ำยาที่อยู่ระหว่างแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ หากเห็นเป็นฟองอากาศเล็ก ๆ สีขาว แสดงว่าน้ำยาแอร์กำลังจะหมดให้รีบเติมน้ำยาทันที

2. ตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่วซึม

หากตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่ว ก็ส่งผลให้แอร์รถไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้ค่าแรงดันของน้ำยาแอร์ตก ลองตรวจสอบได้โดยการนำน้ำสบู่หรือน้ำแชมพูมาตีให้เป็นฟองแล้วนำไปทาตามข้อต่อต่าง ๆ ของระบบแอร์ เมื่อทาทั่วแล้วให้สังเกตว่าตรงจุดไหนเกิดเป็นฟองอากาศลอยขึ้นมา แสดงว่าจุดนั้นเกิดการรั่วซึมอยู่ ให้ทำการขันให้แน่น

3. ระบบระบายความร้อนบนแผงคอยล์ร้อนไม่ดี

เป็นอีกสาเหตุที่พบบ่อย ลองเช็คโดยการเปิดฝากระโปรงรถ ติดเครื่องยนต์ และเปิดแอร์ไว้ เมื่อคอมเพรสเซอร์รถยนต์ทำงาน ลองสังเกตดูพัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนว่าหมุนช้าหรือมีเสียงดังไหม? หากมีปัญหาต้องเปลี่ยนพัดลมใหม่ หรือถ้าแผงคอยล์ร้อนสกปรกก็ต้องทำความสะอาดเพื่อให้การระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ทำงานได้ดีขึ้น ระบบแอร์ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

4. ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวมไม่มีกำลังอัด

แอร์รถไม่เย็น สาเหตุ มาจากปัญหาลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม เพราะถ้าลูกลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวมจะทำให้ระดับความดันของน้ำยาแอร์มีน้อย เมื่อมีน้อยส่งผลให้มีปริมาณน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นได้ไม่เพียงพอ ทำให้แอร์รถไม่เย็นในที่สุดนั่นเอง ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ แล้วลองเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์เย็น แสดงว่าลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม โดยปกติจะต้องไม่เย็นขึ้นตอนเร่งเครื่องยนต์ ต้องแก้ไขโดยการเปลี่ยนลูกสูบใหม่ทันที

5. ชุดวาล์ว และดรายเออร์อุดตัน หรือเสื่อมคุณภาพ

เมื่อชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตันหรือเสื่อมคุณภาพลง ส่งผลให้แอร์รถไม่เย็นได้เท่าที่ควร อาจเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง เพราะเมื่อชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตันจะทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าคอยล์เย็นได้ไม่ดี เมื่อมีน้อยส่งผลให้มีปริมาณน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นได้ไม่เพียงพอ ทำให้ระบบแอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ แอร์รถจึงไม่ค่อยเย็นนั่นเอง ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ หากแอร์ไม่ค่อยเย็นและมีเสียงดัง ลองเร่งเครื่องยนต์แล้วสังเกตุดูว่าแอร์มีความเย็นขึ้นไหม หากเร่งเครื่องแล้วเย็นขึ้น นั่นแปลว่าชุดวาล์วและดรายเออร์เกิดการอุดตัน ต้องถอดเปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่

6. คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท

ปัญหาคลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท หรือปัญหาคลัตช์ลื่น เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แอร์รถเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง หรือบางทีอาจจะไม่มีความเย็นเลย มีแต่ลมออกมาจากช่องแอร์ ซึ่งเกิดจากกระแสไฟที่ส่งเข้ามายังคลัตช์แม่เหล็กมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะทำให้คลัตช์คอมเพรสเซอร์ติดเข้ากับมูลเลย์ได้ หรือติดได้แต่อาจไม่แน่นพอ เกิดการฟรีในบางจังหวะ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้แอร์รถเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง สามารถแก้ไขโดยการเช็ค 3 จุดนี้ คือ

  • ลองเช็คดูว่าระบบสายไฟที่ส่งมายังคลัตช์คอมเพรสเซอร์นั้นทำงานปกติไหม? บกพร่องหรือไม่
  • ลองเช็คชุดสวิตช์ระดับเซ็นเซอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมความเย็นว่าทำงานปกติไหม หรือมีการเสื่อมสภาพ
  • ทำการปรับแต่งหน้าคลัตช์ให้เรียบเสมอ และตั้งระยะคลัตช์ใหม่ (การติดตั้งคลัตช์ใหม่จะมีค่าใช้จ่ายสูง)

7. สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อนมากเกินไป

หากสายพานคอมเพรสเซอร์แอร์หย่อนมากเกินไป ก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ที่กำลังทำงานอยู่เกิดการฟรีได้ ส่งผลให้ไม่สามารถที่จะฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนได้ ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ จากนั้นสังเกตุดูว่าหากมีอาการคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่แล้วเกิดเสียงดัง ส่งผลให้แอร์รถไม่ค่อยเย็นหรือไม่มีความเย็นเลย สามารถแก้ไขโดยการปรับระดับสายพานให้ตึงขึ้น แต่ต้องระวัง หากสายพานมีรอยแตกหรือฉีกขาดควรเปลี่ยนเส้นใหม่ ไม่ควรใช้เส้นเดิม

8. การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท

การเลือกใช้น้ำยาแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะส่งผลให้ แอร์รถไม่เย็น แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ได้อีกด้วย รวมถึงการเลือกใช้น้ำยาแอร์ผิดประเภทหรือใช้น้ำยาแอร์ที่ผสมน้ำยาปลอมมา จะส่งผลเสียต่อระบบแอร์รถยนต์ได้ ทำให้อุปกรณ์ในระบบแอร์รถยนต์เกิดความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถทนแรงดันสูงที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ออกแบบไว้ ยังทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ค่อยๆ เสียหายและหมดอายุการใช้งานก่อนกำหนด

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ แอร์รถไม่เย็น ซึ่งคุณสามารถเช็คอาการเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง และนำวิธีแก้ไขของแต่ละสาเหตุไปใช้กับรถยนต์ของคุณได้ เพราะหากพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่งที่เราได้บอกไป ให้รีบทำการแก้ไขและซ่อมแซมทันที เพื่ออายุการใช้งานของรถที่ยาวนานขึ้น และประสิทธิภาพในการขับขี่รถยนต์ที่ดีของคุณ หากรถยนต์มีประสิทธิภาพที่ดี ความปลอดภัยในการขับขี่ก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าอยากได้รับความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงจากการใช้รถใช้ถนน ก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ให้กับรถคู่ชีพของคุณด้วย เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อคุณมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมเอาไว้ด้วยแล้ว ก็จะช่วยให้คลายความกังวลใจไปได้ ที่ Roojai.com ประกันรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ออนไลน์ ซื้อง่าย ราคาดี และเชื่อถือได้ พร้อมชำระเบี้ยแบบผ่อนได้ด้วยสูงสุด 10 งวดผ่านบัตรเดบิต ซื้อประกันออนไลน์ที่ Roojai.com คุ้มครองทันที ราคาดีโดนใจ

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ ๆ และเรื่องราวดี ๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai.com หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เลย

To-Do-List-When-Buying-New-Car

ว่าด้วยการ ซื้อรถใหม่ รถใหม่ราคาถูก ที่จัด “โปรฯ แรง” ราคารถใหม่ที่เงินดาวน์รถต่ำ ผ่อนรถถูก จะซื้อรถด้วยเหตุผลแค่นี้อาจยังไม่พอ เพราะก่อนคุณเป็นเจ้าของรถสักคันอาจต้องทำการบ้านสักหน่อย เมื่อรถไม่ใช่ราคาบาทสองบาท ถ้าจ่ายเงินเป็นหลักแสนหลักล้านแต่ได้รถที่ไม่คุ้มค่าคุ้มราคา จะเอาไปเปลี่ยนเหมือนเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้ก็คงไม่ใช่ คุณว่าจริงมั้ย ?

To-Do-List-When-Buying-New-Car

ดังนั้น Roojai.com จึงอยากพาคุณไปดูกันกับ “สิ่งที่ต้องทำ” To Do List ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถใหม่สักคัน ไม่ยาก เพียงตอบคำถามง่าย ๆ คุณก็จะได้มาซึ่งรถคันที่ถูกใจตอบโจทย์ในการใช้งานมากที่สุดแล้ว ซื้อรถใหม่ ต้องดูอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว

ซื้อรถใหม่ ต้องไม่ลืมทำเช็คลิสต์ต่อไปนี้

สิ่งแรกใน ขั้นตอนการซื้อรถใหม่ ป้ายแดงทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณต้องตอบคำถามของตัวเองเกี่ยวกับรถคันที่กำลังสนใจซื้อตามเช็คลิสต์ต่อไปนี้ ดูว่าทำแล้วหรือยัง ซึ่งคำถามที่สำคัญจะมีดังต่อไปนี้

1. เช็คลิสต์งบประมาณในการซื้อรถอยู่ที่เท่าไร

สำคัญที่สุดใน การซื้อรถใหม่ นั่นก็คือเรื่องของงบประมาณในการซื้อ ถ้าคุณตอบได้ในข้อนี้ ตัวเลือกรถที่ชัดเจนขึ้นก็จะมากกว่าเดิม หาได้แค่ว่าฉันชอบรถรุ่นนั้น คันนี้สวยดี หรือกำลังจัดโปรเร้ากระชากใจดาวน์ 0% ผ่อนถูกสบาย ๆ แบบนั้นไม่ได้ เพราะคุณจะต้องรู้งบประมาณในการซื้อรถของคุณก่อนว่าอยู่ที่เท่าไร (หรือพอใจที่จะเป็นหนี้แค่ไหน) ในกรณีที่ซื้อผ่านไฟแนนซ์

2. เช็คลิสต์ว่ารถประเภทไหนที่คุณต้องการ “จริงๆ”

ต่อไปที่ต้องเช็คลิสต์กันก็คือเรื่องของประเภทรถ ซึ่งในตลาดบ้านเรามีที่นิยมอยู่หลายประเภทแตกต่างตามการใช้งาน และคำถามที่คุณต้องตอบให้นั้นก็คือ คุณจะซื้อรถไปทำอะไรเป็นหลัก เน้นโดยสารคนหรือบรรทุกของใช้ประกอบอาชีพ เป็นรถสำหรับครอบครัวโดยสารหลายคนหรือเน้นขับไปทำงานใช้ 1-2 คนเป็นประจำมากกว่า ถ้าตรงนี้ชัด รถที่ใช่สำหรับคุณก็จะชัดเจนมากขึ้นตามว่าเป็นรุ่นไหน แบรนด์อะไร

To-Do-List-When-Buying-New-Car

3. เช็คลิสต์ศูนย์บริการใกล้บ้านว่ามีมั้ยด้วย

ข้อนี้คงต้องโฟกัสไปที่เรื่องของแบรนด์รถหรือยี่ห้อ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่บางทีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถคือการเลี้ยวเข้าศูนย์บริการเป็นหลัก ดังนั้นเรื่องศูนย์บริการเพื่อการตรวจเช็คสภาพหรือแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถจึงมีความสำคัญด้วยไม่น้อย เพราะบางทีคุณอาจได้รถที่ใช่ตรงใจออกมาแล้ว แต่ติดที่แบรนด์รถนั้น ๆ มีศูนย์บริการอยู่ไกลบ้านเกินไปก็อาจทำให้ต้องเปลี่ยนใจไปเป็นรถตัวเลือกที่ 2-3 ได้ด้วยเหมือนกัน

4. เช็คลิสต์ “ฟีล” การใช้งานจริงเมื่อทดลองขับ

อีกขั้นตอนสำคัญของการซื้อรถใหม่ ป้ายแดง ราคาถูก และให้ถูกจริตคุณมากที่สุดจะต้อง “ทดลองขับ” ทดลองการใช้งานเหมือนใช้รถจริง การขับขี่เป็นอย่างไรเมื่อนำรถไปใช้จริง อัตราเร่งโอเคมั้ย ห้องโดยสารกว้างพอสำหรับคุณหรือเปล่า การทดลองขับนี้จะช่วยตอบทุกคำถามให้คุณได้หมดในนี้

5. เช็คลิสต์เงินดาวน์ที่มีและยอดค่างวดที่ไหวไม่หนักเกินไป

ซื้อรถป้ายแดงถ้าไม่มีโปรเร้าใจอะไรให้ตื่นตา อย่างดาวน์ 0% ก็จะต้องมีเรื่องเงินดาวน์เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งคุณต้องมีเตรียมไว้ 15%-30% หรือมากกว่านั้นของราคารถ คุณมีอยู่เท่าไร เตรียมไว้แค่ไหน อย่าลืมว่า! ยิ่งดาวน์มากค่างวดผ่อนก็จะยิ่งถูกลง ระยะเวลาในการผ่อนก็สั้นลง เช่นเดียวกันกับยอดค่างวดที่ผ่อนไหวคุณก็ต้องรู้ประมาณตัวเองได้ด้วยว่าต้องไม่หนักอึ้งจนเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าอีหรอบประมาณว่ามีรถใหม่ป้ายแดงขับ แต่ชีวิตความเป็นอยู่กลับแย่ลงกว่าเดิมได้เพราะเอาเงินไปผ่อนค่ารถหมดนั่นเอง

To-Do-List-When-Buying-New-Car

6. เช็คลิสต์เอกสารซื้อรถ มีอะไรบ้างที่คุณต้องเตรียม

สมมติว่าเมื่อได้ออกมาแล้วสำหรับรถคันที่ตรงใจคุณมากที่สุด จะไปซื้อละก็ต้องมีการเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปด้วย เช็คลิสต์ให้ดีเตรียมให้พร้อม และต่อไปนี้คือเอกสารซื้อรถที่คุณจะต้องใช้เมื่อซื้อรถป้ายแดง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน หรือสลิปเงินเดือน
  • สเตทเมนต์เงินเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

7. เช็คลิสต์เตรียมค่าประกันภัยรถยนต์เอาไว้ด้วย

ซื้อรถป้ายแดง รถยนต์ จากศูนย์ใหม่ ๆ เขาจะบังคับให้ทำประกันกับทางศูนย์ซึ่งคุณอาจเลือกประกันรถยนต์ไม่ได้ในปีแรก และในส่วนนี้คุณจำเป็นจะต้องมีเตรียมไว้ด้วยในกระเป๋า ราคาของประกันก็จะอยู่ประมาณ 10,000-30,000 บาท/ปี โดยเฉลี่ย คุณต้องมีเตรียมไว้ในกระเป๋าด้วยเพิ่มเติมจากเงินดาวน์

ข่าวดีก็คือถ้าใช้รถเข้าปีที่สองแล้ว คุณก็สามารถ เลือกประกันรถยนต์ ได้ด้วยตัวเองเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานและงบประมาณได้มากขึ้น แนะนำ! เลือกซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ จาก Roojai.com ที่มีให้เลือกเยอะกว่า ปรับแต่งแผนกรมธรรม์เองได้ตามที่คุณใช้งานจริง ที่สำคัญยังผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 งวด สบาย ๆ ไม่บล็อกวงเงิน ผ่อนผ่านบัตรเดบิตก็ได้อีกด้วย ช่วยให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เป็นเรื่องง่ายมากกว่าเดิมที่ต้องจ่ายตู้ม! เดียวเป็นหลักหมื่น

ซื้อรถใหม่ ป้ายแดง “ให้คุ้มกว่า” ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำเช็คลิสต์ตามที่เรานำมาฝากนี้ คุณก็จะได้รถที่ตอบโจทย์ตรงใจมากกว่าแค่รถใหม่ธรรมดาคันหนึ่งแล้ว ก่อนเลือกซื้อรถ ลองนำไปใช้กันดูกับสิ่งที่ต้องทำ รับประกันว่ารถคันใหม่ที่คุณขับนี้จะคุ้มค่า ไม่มีคำว่า “คิดผิด” เข้ามารบกวนใจอย่างแน่นอน