10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

ว่าด้วยการ “ดูแลรถยนต์เบื้องต้น” รถยนต์คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ใช้สำหรับการเดินทาง การทำงาน ชีวิตส่วนตัวและอื่น ๆ แน่นอนว่าทุกคนล้วนอยากให้รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสภาพเครื่องที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ นั่นจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จัก วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น เพื่อให้รถของคุณได้รับการบำรุงและสามารถซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การดูแลรถ นั้นมีอยู่หลากหลายวิธีที่หลายครั้งเรามักจะเกิดคำถามหรือมีข้อสงสัยว่าทำไมสิ่งที่ต้องคอยตรวจเช็คและหมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ รวมถึงสิ่งที่ควรมีติดรถว่าสำคัญอย่างไร

รู้ใจได้รวบรวม 10 คำถามในการดูแลรักษารถยนต์ที่มักจะมีคำถามเกิดขึ้นบ่อย ๆ ว่าทำไมถึงสำคัญ เพื่อให้คุณได้เห็นถึงประโยชน์ของแต่ละองค์ประกอบ รวมถึงได้เรียนรู้ถึงหลักการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ส่งผลที่ดีต่อรถยนต์คู่ใจที่จะมีประสิทธิภาพที่ดี พร้อมสำหรับการใช้งานอย่างราบรื่นและปลอดภัยอยู่เสมอ

1. ทำไมถึงควรเช็คหัวเทียนเป็นประจำ?

หัวเทียน เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ในการ “จุดระเบิด” ให้กับเครื่องยนต์ ผ่านการทำงานด้วยการปล่อยกระแสไฟแรงดันสูง เป็นกลไกสำคัญของเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึง แก๊ส และ ก๊าซ ที่ถ้าหากคุณใช้เครื่องยนต์เบนซินควรที่จะมีการหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ ซึ่งโดยปกติแล้วหัวเทียนจะมีอายุในการใช้งานที่ยาวนาน ในรถยนต์บางคันสามารถใช้งานได้เกิน 100,000 กิโลเมตร จึงจะเริ่มแสดงอาการที่ผิดปกติ

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

โดยให้คุณสังเกตอาการเกี่ยวกับความผิดปกติเมื่อหัวเทียนจะหมดอายุการใช้งาน ได้แก่ น้ำมันสิ้นเปลืองมากกว่าปกติ, เร่งรถแซงแล้วพุ่งไปไม่เร็วเหมือนเดิม หรือ รอบเดินมีอาการเบาและสั่นเนื่องจากหัวเทียนมีการจุดระเบิดไม่เต็มที่

2. ทำไมต้องเปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ?

การดูแลรถ หลายคนมักจะสงสัยว่า ทำไมถึงควรเปลี่ยน กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “กรองแอร์” ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าท่ามกลางสภาพอากาศในปัจจุบันที่มากไปด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะทางอากาศ ที่ กรองแอร์ จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับคุณภาพอากาศภายในรถที่ดี อากาศสะอาดและเป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้มีการเปลี่ยนเป็นประจำในตอนที่คุณพารถยนต์ไปถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง

3. ทำไมควรล้างรถบ่อยๆ?

เรียกได้ว่าเป็นข้อสงสัยที่พบได้บ่อยเลยทีเดียว ว่าทำไมเราถึงควรล้างรถบ่อย ๆ ทั้งที่จะปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ต้องบอกเลยว่าการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำนั้นจะช่วยให้รถของคุณดูใหม่ สีไม่ซีด ไม่มีสนิมขึ้น แสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณนำไปขายต่อก็ไม่ทำให้รถราคาตกอย่างแน่นอน

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

นอกจากนี้ ในหลาย ๆ ครั้งที่เราต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีฝุ่นเยอะหรือที่พักใกล้ทะเลที่จะมีคราบเกลือคอยเกาะสะสมไว้เรื่อยๆ ภายในใต้ท้องเครื่อง ก็อาจจะเสี่ยงต่อการทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ตลอดจนเหล่าซากแมลงและขี้นกที่จะทำให้สีเกิดการกร่อยและยังมีปัญหาที่ส่งผลกระทบอีกมากมายที่เรียกได้ว่าการล้างรถนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

4. ทำไมต้องเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ?

ระดับน้ำในหม้อน้ำ ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์คันใหม่หรือคันเก่าก็ตาม เพราะถ้าหากหมอน้ำรถยนต์มีน้ำในระดับที่ต่ำอาจจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีปัญหาติดขัดในระหว่างการทำงานที่ออกกลางแจ้งหรืออยู่ท่ามกลางอุณภูมิที่ร้อนระอุในช่วงเวลากลางวัน

ผู้ใช้รถ ควรตรวจเช็คระดับของน้ำหล่อเย็นภายในถังพักน้ำหรือหม้อน้ำ โดยการเช็คระดับน้ำควรทำในขณะที่ไม่ได้มีการสตาร์ทเครื่องยนต์หรือในช่วงที่เครื่องยนต์มีสภาพที่เย็นอยู่

ถ้าหากไม่มีการตรวจเช็คเกี่ยวกับระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอนั้น น้ำที่ขาดการระบายความร้อนหรือมีระดับน้ำต่ำกว่าที่กำหนด จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างติดขัด ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เสี่ยงต่อการเสียหายลุกลามและสึกหรอได้

5. ทำไมยังต้องเช็คลมยาง?

เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง ดูแลรถ ที่หลาย ๆ คนละเลยอย่างมาก สำหรับการเช็คลมยาง ซึ่ง ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว ตลอดจนการสึกหรอและอายุการใช้งานของยางรถยนต์ที่จะเสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าปกติ

นอกจากจะหมั่นเช็คลมยาวแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่

6. ทำไมถึงควรเช็คน้ำมันเบรกทุกๆ 1 ปี?

เป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถยนต์ ที่ไม่ควรมองข้ามและมีความสำคัญอย่างมาก น้ำมันเบรก ทำหน้าที่ในการส่งแรงดันไปยังปั๊มเบรก ซึ่งหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำมันเบรกจะค่อยๆ เสื่อมอายุการใช้งานและประสิทธิภาพที่ลดน้อยลงกลายเป็นสีที่เริ่มคล้ำพร้อมกับส่งผลต่อศักยภาพในการระบายความร้อนที่ลดลง เพราะฉะนั้น ควรที่จะมีการหมั่นเช็คน้ำมันเบรกเป็นประจำทุกๆ 1 ปี รวมถึงสังเกตอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น เบรกวืด, เบรกไม่อยู่ หรือ เบรกไหล เป็นต้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

7. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด?

สิ่งที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ใน เทคนิคดูแลรถ ก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่อง ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรหรือทำการเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ

8. ทำไมถึงควรทำความสะอาดกรองอากาศเครื่องยนต์?

กรองอากาศ ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง กรองฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปยังเครื่องยนต์ ที่เมื่อมีการสะสมในระยะยาวจะเกิดการอุดตันและทำให้กระบอกสูบได้รับอากาศที่น้อยลง ส่งผลให้มีการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ โดยเครื่องกรองอากาศควรมีการล้างและทำความสะอาดหรือเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรหรือถ้าหากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ ควรที่จะเปลี่ยนทุก ๆ ระยะ 10,000 กิโลเมตร

9. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์?

ไม่ว่ารถของคุณจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT หรือ เกียร์อัตโนมัติแบบปกติที่อยู่ในระดับต่าง ๆ การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง น้ำมันเกียร์จะช่วยลดการสึกหรอรวมถึงช่วยลดแรงเสียดทานของระบบเกียร์ พร้อมทั้งยังสามารถชะล้างพวกเศษโลหะที่มาจากการเสียดสีที่บริเวณหน้าฟันเกียร์ให้หลุดออกไป ให้ระบบการทำงานสะอาดในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่าย ประสิทธิภาพการทำงานก็ย่อมดีขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ควรที่จะมีการเปลี่ยนทุกๆ ระยะ 50,000 หรือ 100,000 กิโลเมตร ที่ถ้าหากคุณมีการใช้งานในเมืองหรือขับขี่ด้วยการกดคันเร่งหนักๆ ก็ควรที่จะเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเป็นระยะ 30,000 – 45,000 กิโลเมตร

10. ทำไมถึงควรทำประกันรถยนต์?

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการทำประกันรถยนต์ที่จะช่วยให้คุณและรถยนต์ได้รับการคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดความเสี่ยงในการใช้รถยนต์ให้แก่ผู้ขับขี่ ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการได้รับการคุ้มครองเมื่อต้องเดินทาง ขับขี่ไปยังที่ต่างๆ เป็นสิ่งที่จะเข้ามารองรับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยให้คุณประหยัดเงินทั้งสำหรับตัวคุณเองและบุคคลภายนอก ตลอดจนยังเป็นการคุ้มครองรถยนต์ของคุณเมื่อเกิดไฟไหม้ การถูกโจรกรรมต่างๆ อีกด้วย

และนี่ก็เป็น 10 คำถามของการ ดูแลรถยนต์เบื้องต้น ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลและรักษาเครื่องยนต์ที่นอกจากจะดีต่อรถคู่ใจของคุณแล้ว ยังช่วยให้คุณปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับข้อสุดท้ายเราอยากจะระบุเพิ่มเติมว่า ทำไมควรซื้อประกันรถออนไลน์ที่รู้ใจ นั่นก็เพราะว่าเรามีข้อดีหลายอย่าง มั่นใจได้ในเรื่องบริการและการคุ้มครอง เคลมได้ง่ายๆ ผ่านแอป มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ ซื้อง่าย ราคาดี บริการรู้ใจกว่า ราคาประหยัดกว่า แถมยังผ่อนได้นานถึง 10 งวดผ่านบัตรเดบิตได้อีกด้วย คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ๆ และเรื่องราวดีๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

5-Things-Stop-Engine-Overheat

ในช่วงหน้าร้อน ปี 2563 แบบนี้ เจออากาศร้อนอบอ้าว แดดจ้า ท่ามกลางการอยู่บ้าน ลดเชื้อ เพื่อชาติ จากโควิด-19 ที่เรายังต้องเฝ้าระวังแล้ว ยังต้องระวังกับค่าไฟที่พุ่งพรวด และยังต้องระวังกับเหงื่อแตก กับรถยนต์ที่พังในช่วงหน้าร้อนด้วยครับ

แม้ว่าในเวลานี้ Social Distrancing จะถูกคลายลงไปบ้างแล้วก็ตาม ทำให้คนแห่กันออกมาใช้บริการระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น หลายคนจึงเลี่ยงที่จะไม่อยากไปแออัดกับคนเยอะๆ จึงเลือกที่จะขับรถไปทำงาน หรือไปทำธุระในที่ต่างๆ ดังนั้น สภาพรถของคุณจึงต้องพร้อมเสมอ สำหรับการใช้งานในช่วงหน้าร้อนนี้

MR.CARRO จะมาบอกถึง 5 สิ่งใน “เครื่องยนต์” ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ! ถ้าลืมอาจเครื่องพังได้! ครับ.

5-Things-Stop-Engine-Overheat

1. หม้อน้ำ

อุปกรณ์ที่ช่วยในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ นั่นคือ “หม้อน้ำ” ซึ่งหม้อน้ำปกติจะอยู่ในสภาพที่ดี บริเวณฝาหม้อน้ำ ต้องไม่มีคราบน้ำ หรือน้ำสนิมดันออกมาเวลาเครื่องยนต์ร้อนมากๆ นั่นแสดงว่าหม้อน้ำรถคุณ หรือเครื่องยนต์คุณอาจจะมีปัญหา

คุณจะต้องตรวจสอบในส่วนต่างๆ อาทิเช่น ฝาหม้อน้ำ ซึ่งจะควบคุมอุณหภูมิและแรงดันของน้ำภายในหม้อน้ำให้คงที่ ฝาหม้อน้ำที่ดีต้องไม่เป็นสนิม สปริงด้านในฝาต้องยุบตัวและคืนตัวได้ ขอบยางรอบๆ ไม่แตกไม่ขาด ถ้าหากฝาหม้อน้ำเสีย หรือหมดสภาพการใช้งาน อาจเกิดการดันของน้ำออกมาได้ในขณะที่เครื่องยนต์มีความร้อนมากๆ จนโอเวอร์ฮีทได้

ตัวหม้อน้ำเหล็ก (ทองเหลือง) หรืออะลูมิเนียม ต้องไม่มีการปริ รั่วซึม หรือแตก ส่วนหม้อน้ำที่ทำจากพลาสติก (รถยุคใหม่ๆ มักจะใช้หม้อน้ำประเภทนี้ เพราะลดต้นทุนในการผลิต) วิธีการตรวจสภาพดูควรดูจาก 3 จุด ฝาบน ตรงกลาง ฝาล่าง และส่วนแผงรังผึ้งตรงกลาง ที่ไม่ได้เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกันแบบหม้อน้ำเหล็ก

ปกติแล้ว หม้อน้ำพลาสติกจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี ฝาพลาสติกอาจแตก อาจะมีน้ำรั่วออกตามตะเข็บ ทำให้หม้อน้ำรั่วได้ ถ้ามีสิ่งสกปรกติดบริเวณครีบแผงรังผึ้งมาก ก็เอาที่ฉีดน้ำฉีดทำความสะอาดก็ได้

หากน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ จะสีอะไรก็แล้วแต่ ล้วนมีอายุประมาณ 2 ปี ก็ควรถ่ายน้ำในหม้อน้ำ ล้างหม้อน้ำ และการเติมน้ำยาหล่อเย็นของใหม่เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหม้อน้ำ และป้องกันสนิมภายในหม้อน้ำด้วย อ่อ! ไม่ควรเติมน้ำประปาแทนน้ำยาหล่อเย็นนะครับ เพราะจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อน้ำ ไปอุดทางเดินน้ำได้เช่นกัน

2. พัดลมระบายความร้อน

สภาพของพัดลมระบายความร้อน นั้น จะดีหรือไม่ดีต้องดูตอนที่สตาร์ทรถอยู่กับที่แล้วเปิดแอร์ ดูว่าลมยังพัดแรงหรือไม่ หรือตอนจอดรถติดไฟแดง และรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ถ้าเก่ารถมาก เจ้าของรถหลายคันนิยมไปติดพัดลมระบายความร้อนเพิ่ม เพื่อให้การระบายความร้อนทำได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทำให้แอร์รถเย็นขึ้นด้วย

สภาพของตัวใบพัดนั้น ต้องไม่หักหรือโกร่ง และเมื่อทำงานความเร็วรอบในการหมุนของพัดลมต้องคงที่สม่ำเสมอ หากแรงลมเบาก็ควรซ่อมหรือเปลี่ยน

5-Things-Stop-Engine-Overheat

3. ท่อยางต่างๆ

ท่อยางเหล่านี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าเป็นตัวกลางที่คอยส่งน้ำหล่อเย็นไปยังเครื่องยนต์และมายังหม้อน้ำ ซึ่งปกติความร้อนเครื่องยนต์ค่อนข้างมาก และมีแรงสั่น แรงดันในระบบ ยิ่งถ้าเป็นรถติดแก๊สแล้ว ท่อยางต่างๆ จะเสื่อมสภาพไว แข็งกรอบ มีรอยแตกลายงา อาจทำให้น้ำยาหล่อเย็นรั่วออกมาได้

วิธีเช็คท่อยางต่างๆ เพียงใช้มือบีบเบาๆ หากท่อยางสภาพยังดีก็จะมีการคืนตัวได้ไว

4. สายพาน – ปั้มน้ำ

สายพาน และ ปั้มน้ำ ที่หลายคนอาจจะไม่ได้คิด แต่สองชิ้นนี้ก็มีส่วนสำคัญในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ตัวสายพานต้องตึง ไม่มีแตกลายงาหรือเสียงดังเวลาขับ ถ้าสายพานขาด ก็จะทำให้ปั้มน้ำไม่ทำงานไปด้วย สายพานต่างๆ ควรเปลี่ยนใหม่ทุก 40,000 – 60,000 กิโลเมตร และไม่ควรตั้งสายพานตึงจนเกินไป เพราะจะทำให้ลูกปืนปั้มน้ำทำงานหนัก และพังซะก่อน

ส่วนตัวปั้มน้ำ จะทำหน้าที่หมุนเวียนน้ำจากเครื่องยนต์ไปหม้อน้ำ แล้วไหลกลับมาที่เครื่อง การทำงานของปั๊มน้ำ จะอาศัยแรงจาก เครื่องยนต์มาหมุนผ่านสายพาน โดยมีลูกปืนมารองรับในการหมุน ปกติปั้มน้ำมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 200,000 – 250,000 กิโลเมตร

ส่วนใหญ่ปั้มน้ำจะรั่ว 2 จุดหลักๆ คือ บริเวณซีลแกนปั๊มน้ำ และ ช่องระบายอากาศ (รูหายใจ) และอย่าลืมดูสภาพลูกปีนด้วย ว่ามีสึกมีแตกหรือไม่

ถ้าหากปั้มน้ำมีอาการรั่ว ซึม หรือมีเสียงดังจากอาการลูกปีนสึกหรือแตกแล้ว รีบเปลี่ยนเถอะครับ

5-Things-Stop-Engine-Overheat

5. วาล์วน้ำ

วาล์วน้ำ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาด เพราะเป็น “ตัวกลาง” ในการควบคุมระบบน้ำหล่อเย็นระหว่างหม้อน้ำกับเครื่องยนต์ เมื่ออุณหภูมิได้ที่ (เกิน 80 องศา) วาล์วน้ำก็จะเปิดทางเดินน้ำหล่อเย็นเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านั้น วาล์วน้ำก็จะไม่เปิดให้น้ำไหลผ่าน เพื่อให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่ร้อนได้ที่ น้ำก็จะไหลเวียนผ่านไปยังผนังเสื้อสูบ และระบายความร้อนได้เต็มที่

ตามปกติแล้ว วาล์วน้ำรถยนต์ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 150,000 กม. ก็ควรเปลี่ยนใหม่ วิธีเช็คว่าวาล์วน้ำเสียหรือยัง ให้ขับรถไปสักพัก แล้วจอดรถเปิดฝากระโปรง เอามือจับบริเวณท่อยางหม้อน้ำที่เข้า-ออก เครื่องยนต์ ถ้าวาล์วน้ำปกติ จะต้องร้อนทั้งสองเส้น แต่ถ้าเส้นใดเส้นหนึ่ง “เย็น” แสดงว่า วาล์วน้ำเสีย

รถหลายคันที่เครื่องยนต์มีปัญหาเรื่องความร้อน หรือรถเก่าๆ ที่ติดแก๊ส มักจะถอดวาล์วน้ำออก เพื่อลดปัญหาเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีการที่ดีเท่าไหร่ (ไม่งั้นวิศวกรผู้ออกแบบเครื่องยนต์รถ เขาจะใส่มาทำไม!) เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ความร้อนขึ้นช้า น้ำก็จะวนแค่รอบๆ ปั้มน้ำ ไปไม่ทั่วทุกกระบอกสูบของเครื่องยนต์

อาจทำให้น้ำหล่อเย็นหาย น้ำมันเครื่องหาย ถึงขั้นฝาสูบโก่งได้ และเครื่องยนต์สึกหรอ กินน้ำมันมากขึ้น

ทางที่ดี เช็คสภาพรถของคุณให้พร้อมไว้ดีกว่า ไม่งั้นเวลาใช้รถแล้วรถมาจอดเสียข้างทาง ตากแดดร้อนๆ คงไม่สนุกเป็นแน่

ถ้าหากคุณร้อนเงินในเวลานี้ เพราะโดนโควิด-19 เล่นงาน สามารถมา “ขายรถ” หรือรับเงินก้อนไปใช้ ในยุคโควิด-19 ได้ง่ายๆ กับ CARRO มั่นใจ! ปลอดภัน  และฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ ขายรถด่วน! —> เพิ่มเพื่อน