ยางไร้ลมที่ไม่ต้องเติมลมมีจริงไหม?

สวัสดีครับไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับวันนี้อยากจะมาเล่าเรื่องนวัตกรรมความปลอดภัยที่ใกล้เข้ามาแล้วครับกับยางรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด ไม่ต้องใช้ลมยางเพื่อป้องกันการสูญเสียลมเมื่อใช้งานครับ เพื่อนๆกำลังจะหาข้อมูลเปลี่ยนยางใหม่ที่ดีกว่าเดิม หรือโปรโมชั่นยางรถจะตามมาก่อนหน้านั้นก็ไม่แน่นะครับ อาจจะเริ่มลังเลคิดไม่ตกย้ายไปจากยางเรเดียลไปหานวัตกรรมยางไร้ลมตัวใหม่นี้ดีไหม เพราะเราอาจจะได้เห็นข่าวภาพหลุดยางไร้ลมกันมาแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ยางไร้ลมที่ไม่ต้องเติมลมมีจริงไหม?

ที่หน้าตาแปลกๆ เป็นซีกๆ เหมือนสปริง หน้าตาไม่ใช่แบบที่เคยเห็นมาก่อนในตามสื่อของแบรนด์ยางบ้างแล้ว แต่ล่าสุดมีการทดสอบการใช้งานกับรถในบ้านเราซึ่งเห็นในหน้า Facebook เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งข้อดีของยางประเภทนี้คือ ไม่ต้องใช้ลมยางเลย ซึ่งเมื่อก่อนเรามียางรันแฟลตยางที่มีความปลอดภัยสูงแล้วคือไม่มีลมก็วิ่งได้แต่แค่ในระยะทางที่จำกัด แต่ยางนวัตกรรมใหม่ตัวนี้คือไม่ต้องใช้ลมและใช้งานได้ในชีวิตประจำวันเลย แปลว่า ไม่ว่าคุณจะโดนตะปูตำสูญเสียลมคุณก็ใช้รถได้อย่างปกติเหมือนเดิม

ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาที่เพิ่มความปลอดภัยสูงมากเพราะทำให้คุณลดปัญหาการเสียการควบคุมรถทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่าเราอาจจะต้องมาดูในเรื่องของความแข็งแรงต่อไปครับว่าเมื่อถูกตำหรือถูกแทงเข้าไปจริงๆแล้วขนาดไหนที่จะทำให้ความแข็งแรงของโครงสร้างเสียจนทำให้ยางไม่สามารถใช้งานได้ต่อ แล้วต่อมาก็คือจะมีวิธีการดูแลรักษายังไงให้การใช้งานได้เต็มสมรรถนะเหมือนเดิมตลอดเวลาเพราะไม่อย่างนั้นใช้ได้ไม่กี่ทีแล้วซ่อมไม่ได้ก็ยิ่งเท่ากับมีต้นทุนค่ายางที่เพิ่มขึ้น แล้วช่างยนต์ล่ะที่ไหนที่สามารถดูแลเราได้บ้างถ้าเกิดความยุ่งยากในช่วงแรกก็อาจจะไม่สะดวกต่อการใช้งานก็เป็นไปได้ครับ

ส่วนต่อมาก็คือเรื่องด้านแก้มยางเมื่อก่อนเราจะเห็นว่าแก้มยางเราปกติจะมีชั้นยางบางๆ อยู่ก็ยังช่วยปกป้องได้บ้างแต่รูปลักษณ์แบบใหม่นี้ไม่มีส่วนปกคลุมเลยเมื่อโดนกระแทกเข้าแล้วมีโอกาสทำให้ยางเสียหายทันทีเลยไหมอันนี้ก็ยังเป็นข้อสงสัยอยู่สำหรับทางเราอยู่เช่นกัน

ยางไร้ลมที่ไม่ต้องเติมลมมีจริงไหม?

แต่ที่แน่ๆ ครับ ภาพลักษณ์หน้าตาจะแปลกใหม่ไปโดยสิ้นเชิงจากของเดิมครับ ใครชอบสายเท่ๆ หรือรูปลักษณ์เดิมๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ แต่ใครที่ชอบแนวนวัตกรรมใหม่ๆ ก็อาจจะดูเท่แหวกแนวไปเลย ซึ่งอันนี้อาจจะทำให้รถคันอื่นๆ ต้องเหลียวหลังมาดูว่ายางอะไรของมัน แต่อีกส่วนหนึ่งที่ผมเชื่อว่าความนุ่มนั้นจะทำได้ไม่ดีอย่างแน่นอนเพราะโครงสร้างของยางรูปแบบนี้ต้องมีความแข็งแรงของโครงสร้างยางเพื่อรองรับน้ำหนักของรถเพราะฉะนั้นฟังกชั่นการรับแรงกระแทกจะไม่ดีเท่าการใช้ลมแน่นอน ซึ่งลมจะมีความนุ่มที่มากกว่า แต่ก็ไม่แน่ครับ อะไรที่คิดค้นขึ้นมาใหม่มันย่อมดีกว่าของเก่าเสมอครับ

ยางไร้ลมที่ไม่ต้องเติมลมมีจริงไหม?

เพราะคนคิดเค้าเข้าใจอยู่แล้วความต้องการของคนใช้รถแน่นอน การยึดเกาะถนนที่ดีไม่ว่าจะทางตรงหรือทางเข้าโค้ง ความนุ่ม และ ความเงียบขณะใช้งาน อายุการใช้งานของยาง และ ที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยเมื่อเกิดการเสียหาย หรือ กรณีฉุกเฉินครับเพราะฉะนั้นเพื่อนๆ อดใจรอได้เลยครับผมว่าอีกไม่นานเราได้มียางในรูปแบบใหม่ใช้แน่นอนครับ เหมือนรถที่ใช้แต่เครื่องยนต์ มาใช้แบบผสมน้ำมันกับไฟฟ้า และปัจจุบันก็มีรถ EV และยางรถยนต์สำหรับรถ EV โดยเฉพาะเข้ามาแล้วเป็นการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีทั้งหมด เพื่อให้สภาพชีวิตของเราที่ดีขึ้น อีกในด้านสิ่งแวดล้อมของจำพวกนี้เมื่อมีการพัฒนาออกมาก็ยังจะช่วยให้พวกเราลดปริมาณขยะ ลดปริมาณของเสียที่ทำให้โลกของเราร้อนมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เรารักษาสภาพแวดล้อมของโลกเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆ ที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

สวัสดีครับ ไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ กับบทความดีดีเกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ เมื่อเราพูดถึงวิวัฒนาการของยางรถยนต์จะเห็นว่ามีการพัฒนาเพื่อให้ยางมีความปลอดภัยที่ดีขึ้น มีสมรรถนะในการขับขี่ และ มีความคงทนเพิ่มขึ้น มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยางตันที่ทำมาจากตั้งแต่หนังสัตว์ จนมาเป็นยางพารา ยางเคมี มาประกอบกันเป็นยางผ้าใบที่ต้องใช้ยางใน ยางเรเดียลที่ต้องใช้ยางใน จนมาถึงปัจจุบันยางเรเดียลที่ไม่ต้องใช้ยางใน (ยางที่เพื่อนๆ ใส่ปัจจุบันนั่นและครับ ยางเรเดียล = เป็นโครงยางที่ผลิตจากเส้นลวดเป็นส่วนประกอบ)

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาก็มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเข้ามาเรื่อยๆจนทำให้ผมคิดว่าจะทำยังไงให้เกิดความปลอดภัยที่สูงมากยิ่งขึ้น ปัจจัยหลักๆที่ทำให้ยางใช้ไม่ได้ก็คือลมยางครับ ปัจจุบันเราอาจจะมีใช้กันเรียกว่ายางรันแฟลต แต่ก็ต้องบอกว่าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เช่นกันเพราะยางรันแฟลตใช้ได้ในระยะสั้น กรณียางไม่มีลมเพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ถ้าเพื่อนๆเห็นบนเฟสบุค จะเห็นว่ามีนวัตกรรมใหม่ยางที่ไม่ใช้ลมเลย โดย เท่าที่ไทร์บิดเห็น จะมีสองยี่ห้อก็คือ Goodyear กับ Michelin ที่ซึ่งยางรุ่นนี้ออกแบบมา ณ ปัจจุบัน ใช้กับกระสวยอวกาศที่ไว้ใช้บนดวงจันทร์ครับผม จะเป็นยางที่ไม่ต้องใช้ลมเลย ครับ ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะใช้งานโดนตะปูตำ หรือ เกิดเหตุกระแทก ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานของยางเลยครับ ฟังแล้วว้าวมากเลยใช่ไหมครับ

เพื่อนๆลองคิดดูสิครับถ้าต่อไปมีออกมาวางขายกับรถธรรมดาจริงๆ จะช่วยลดต้นทุนค่ายางเสียหาย ช่วยลดปริมาณขยะได้มากเพียงไหนแถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วยครับ หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมมันจะดีแค่ไหนใช่ไหมครับ เพราะเราทุกคนรู้ว่า รถเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้วในปัจจุบันสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆไม่ว่าคุณจะใช้รถสาธารณะ หรือ รถส่วนตัวก็ยังต้องใช้ยางอยู่ดีครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ถ้าเพื่อนๆ สังเกตดูเพื่อนๆ จะเห็นว่าแบรนด์ที่มีการพัฒนา และ เทคโนโลยีล้ำสมัยมากกว่ายี่ห้ออื่นๆนั่นก็จะมีไม่กี่แบรนด์หรอกครับ ถ้ามีก็จะมี Michelin, Bridgestone, Goodyear, Bridgestone และก็มียี่ห้ออื่นอีกบ้างครับ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ไทร์บิดอยากจะพูดถึง ถึงความแตกต่างของยางในแต่ละยี่ห้อครับ เพื่อนๆอาจจะบอกว่าแบรนด์ที่ผมพูดถึงดูราคาแพงมากกว่าหลายๆยี่ห้อที่มีราคาถูก แต่ เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่ายางที่มีราคาสูงนั้น มีส่วนประกอบไปด้วยของเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ดีกว่า มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีมากกว่า เพราะในแต่ละแบรนด์ที่กล่าวมา มี R&D (Research and Development) ที่ดีมากมีบุคลากรที่พร้อมเพราะบริษัทยางมีการลงทุนในเรื่องนี้อย่างมากครับ

รู้หรือไม่ ยางที่ไม่ต้องเติมลมก็วิ่งได้!!

ซึ่งบางแบรนด์มีการลงทุนในส่วนนี้หลายเปอร์เซ็นต์ของราคายางเลยละครับ โดยรายละเอียด มีตั้งแต่การออกแบบลายดอกยาง การใช้ส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม การพัฒนาโครงสร้างให้มีความแข็งแรงพร้อมกับความนุ่มเงียบไปควบคู่กัน หรือไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของยางที่ทำให้ยาวนานเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งบางอย่างเป็นส่วนที่ตรงกันข้ามกันแต่เทคโนโลยีนั่นทำให้สองส่วนที่ไปทิศทางตรงกันข้ามกันทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ครับ ซึ่งทางไทร์บิดคิดว่าเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะทำให้พวกเรานั้นมีของใช้ที่ดียิ่งขึ้นต่อๆไป ซึ่งไทร์บิดเราก็จะพยายามคัดสรรหายางที่มีคุณภาพ มาตรฐาน มีเทคโนโลยีที่ทำให้เพื่อนๆ ในทุกครั้งที่เปลี่ยนยางได้รับความปลอดภัยในการขับขี่ที่ดีมากขึ้นครับ

แต่ไทร์บิดก็ต้องบอกว่ายางราคาถูกไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับเพราะเดี๋ยวนี้แบรนด์ยางราคาถูกก็เริ่มพัฒนาในส่วนนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในด้านของเทคโนโลยีนะครับ ซึ่งเท่าที่ไทร์บิดเห็นก็เป็นเรื่องของเครื่องจักรที่ปัจจุบันแบรนด์ขนาดเล็กมีเครื่องมือที่ทันสมัยเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่แล้วครับ แต่เพียงว่า อาจจะใส่เทคโนโลยีใหม่ที่น้อยกว่า หรือ ตามหลังแบรนด์ชั้นนำเท่านั้นเองครับ ส่งผลให้ต้องจัดโปรโมชั่นยางรถที่แรงกว่า และทำราคาได้ย่อมลงมาเพื่อทดแทนเข้าถึงกลุ่มลูกค้านั่นเองครับ ซึ่งเพื่อนๆก็มั่นใจได้เลยครับว่ายางทุกยี่ห้อที่ทาง ไทร์บิด เราเลือกสรรมา เป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพแน่นอนครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย มาตรฐานการผลิตที่ดี และมาตรฐานการรับรอง มอก.ภายในประเทศครับ

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม.ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

สวัสดีครับ จอร์จไทร์บิด กลับมาอีกครั้งครับ ขึ้นปีใหม่แล้วก็ต้องกล่าว สวัสดีปีใหม่กับเพื่อนๆ ทุกๆ ท่านครับแล้วเราก็วกกลับมาให้ความรู้เรื่องยางรถยนต์กันต่อครับ กับคำว่า “ยางปีใหม่” จอร์จว่ามันเพียงเป็นสิ่งที่คนเลือกยางอยากได้ยางล็อตที่ใหม่ล่าสุดที่ผลิตจากโรงงานครับ ซึ่งถามว่าผิดไหมจอร์จว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับแต่จอร์จก็อยากมาขยายความมาอธิบายให้ลึกลงไปสักนิดว่าจริงๆแล้วเนี่ย ยางมันจำเป็นต้องใหม่ขนาดนั้นไหม หรือ ว่าเหตุผลอะไรที่เราต้องเข้าใจในการเลือกยาง

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

อย่างแรก จอร์จ อยากจะขออธิบายก่อนครับว่าจริงๆ แล้วยางปกติที่โรงงานผลิตออกมาเนี่ยอายุการใช้งานเป็นยังไงบ้าง อย่างแรกเลยนะครับยางรถใหม่ๆ เลยที่ยังไม่เคยใส่เลยนั้น กรณีที่เป็นแบรนด์ชั้นนำที่เรารู้จัก Michelin, Bridgestone, Yokohama, Dunlop, Goodyear, Continental, Maxxis, Dayton ฯลฯ แบรนด์พวกนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพการผลิตที่ดีมากเพราะฉะนั้น จอร์จ จะขอยึดจากกลุ่มแบรนด์กลุ่มนี้นะครับ ยางใหม่ๆ เลยที่ไม่เคยติดตั้งและเก็บอยู่ในโกดังในที่ร่มอายุของยางจะอยู่ได้สูงสุด 7-10 ปี ครับ แต่กรณีที่ใส่ยางเข้าไปในท้องยางและใช้งานแล้ว ระยะปลอดภัยที่สูงสุดจะอยู่ที่จำนวน 5 ปีครับ โปรโมชั่นยางรถแตกต่างกันไปตามร้านยางในแต่ละพื้นที่ครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

ซึ่งถ้าใช้ต่อสามารถใช้ได้ครับแต่ว่าต้องหมั่นเช็กลมยางและสภาพยางให้ถี่เพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ เพราะว่ายางที่ถูกอัดลมแล้วนั้นโครงยางจะค่อยๆเสื่อมสภาพลง ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการกักเก็บลมต่ำลงครับ ซึ่งอาจส่งผลให้ลมยางซึมไวขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสที่โครงยางจะเสื่อมสภาพลงด้วยครับทำให้เวลาถูกกระแทกอาจมีโอกาสที่จะทำให้ยางเสียหายได้ง่ายกว่าครับ เราก็พอจะเข้าใจกันแล้วใช่ไหมครับว่าจริงๆ แล้วยางใหม่ๆที่ขายๆ กันนั่น เราสามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะปีเก่าไป 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี ก็ใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน (ปล.ถ้าเก่ากว่านี้ก็ตามเงื่อนไขที่ จอร์จแจ้งนะครับเพราะอาจเป็นยางค้างสต็อกมานาน)

เรากลับมาอธิบายต่อว่าแล้วทำไมเหตุผลอะไรถึงเราอยากได้ยางใหม่ๆ แน่นอนครับของใหม่ๆใครๆก็เฟ้นหาตามร้านยางกันอยู่แล้วเพราะเข้าใจว่ายิ่งใหม่นั่นก็ยิ่งดี ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จอร์จพูดไปว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดครับ ยางปีใหม่ส่วนมากก็จะออกมาตั้งแต่เดือน มกราคม ยาวไปจนถึงกลางปี ซึ่งปัจจุบันหลายๆผู้ผลิตยางก็พยายามปรับตัวให้ตรงตามกับผู้บริโภค ให้ดียิ่งขึ้นครับซึ่งแบรนด์เล็กและแบรนด์ไทยมักจะทำได้ดีในส่วนนี้ครับ ซึ่งอาทิตย์ที่สองของปีก็มักจะออกยางปีใหม่ออกมาแล้วครับ ซึ่งสิ่งนี้ จอร์จ บอกเลยว่าเป็นข้อได้เปรียบของผู้บริโภคอย่างมากถ้ายางปีใหม่ออกมาปุบยางปีเก่าก็จะถูกลดราคาไปโดยปริยายครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

ซึ่งปีเก่านั้นหมายถึงแค่ธันวาคมก็ถือว่าเป็นปีเก่าแล้วนะครับ ซึ่งจริงๆมันต่างกันแค่ สัปดาห์ หรือไม่เกิน 1-3 เดือนเองครับถือว่าได้ของใหม่ราคาถูกก็เป็นไปได้ครับ (อันนี้พูดถึงเฉพาะแบรนด์เล็กนะครับ) แต่แบรนด์ใหญ่ๆถึงจะมีการปรับตัว แต่การออกยางปีใหม่ก็จะค่อยๆทยอยออกมาเพราะเนื่องจากความหลากหลายรุ่น หลากหลายไซส์ และปริมาณความต้องการของตลาดที่มากกว่าแบรนด์เล็กๆครับ ซึ่งแบรนด์ใหญ่ๆก็จะค่อยๆทยอยผลิตเป็นไซส์ๆ เป็นลายดอกยางไปครับ จึงทำให้ยางปีใหม่จะออกช้ากว่าแบรนด์เล็กๆ ครับ

แต่อย่างที่จอร์จ บอกไปและครับจริงๆ แล้วถึงเราได้ยางปีเก่าย้อนหลังไปแค่ 6 เดือน เป็นเรื่องปกติมากๆ ในกรณีที่เราเลือกยางแบรนด์พรีเมียมหรือแบรนด์ใหญ่ๆนะครับ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ ที่ต้องการเปลี่ยนยางแล้ว ไม่ต้องกังวลในเรื่องปียางขนาดนั้นจนไปเลือกยางแบรนด์ราคาถูก เพราะว่าจะทำให้คุณเสียเงินสองต่อเมื่อใช้งานไปแล้ว เกิดความไม่พอใจในสินค้าต้องมาเปลี่ยนใหม่อีกรอบครับ ยางปีเก่า แบบ 5-8 เดือน ใช้งานไม่มีปัญหาแน่นอน 100% ครับ จอร์จ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางนั่งยัน ยืนยัน รับรองการรับประกันจาก Tiresbid แน่นอนครับ

ยางปีใหม่จะมาเมื่อไหร่ แล้วยางปีใหม่เก่าต่างกันอย่างไร?

หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ https://tiresbid.com/home ได้เลยครับ เพราะเราเป็นเว็บจำหน่ายยางที่ดีที่สุดครับ มีแบรนด์สินค้าคุณภาพให้เลือกมากที่สุด และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดในประเทศ แถมไทร์บิดเรายังมีบริการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกลาง ให้เพื่อนๆที่ต้องการสอบถามได้ยางที่เหมาะสมที่สุดผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) เราเป็นตัวกลางยางมืออาชีพโปรโมชั่นยางรถพิเศษไทร์บิดมากมาย  ให้บริการครบทุกรูปแบบ จุดบริการ เปลี่ยนถึงบ้าน จัดส่ง Fast Service ทุกรูปแบบการรับบริการนัดหมายล่วงหน้า ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ในการรับบริการติดตั้งเปลี่ยนยาง ให้เรื่องยางรถของคุณง่ายยิ่งขึ้น ซื้อยางรถมั่นใจทุกครั้งที่ไทร์บิด วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้เลยครับ วันนี้ขอบคุณมากครับ

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

คำถามยอดฮิตที่ผู้ขับขี่รถยนต์อยากรู้ เพราะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ แถมราคาน้ำมันก็พุ่งไม่หยุด ไม่ว่าใครๆ ก็ต่างอยากจะประหยัดเงินในการเติมน้ำมันกันทั้งนั้น

บางคนอาจใช้รถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ซดน้ำมันไม่ใช่น้อย ทำให้ต้องเสียเงินกับการเติมน้ำมันไปเดือนหนึ่งเป็นหลักหลายพันบาท ถึงขนาดหลายคนเลือกที่จะนำรถคันนั้นไปติดแก๊ส LPG เพราะคิดว่าวิธีนี้จะช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันที่สุด

แต่จริงๆ แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจาก CARRO ขอยืนยันว่ามันมีวิธีการประหยัดน้ำมันที่ง่ายกว่านั้น!! แถมยังเป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้อีกด้วย ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะประกอบไปด้วย …

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

1. ชุดแต่งรถ อย่าต้านลม

สำหรับขาซิ่ง หรือคนที่ชอบแต่งรถทั้งหลาย คุณอาจจะยังไม่รู้ว่า การติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถ หรือปรับเปลี่ยนรถให้มีความเท่ ความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น อาจทำให้รถคุณกินน้ำมันเพิ่มขึ้น!!

เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านั้นจะเพิ่มแรงต้านการหมุนของล้อ และเพิ่มแรงต้านอากาศให้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าไม่อยากจะต้องเสียค่าน้ำมันแพง คุณก็ควรจะแต่งรถในปริมาณที่พอดีๆ นะจ๊ะ

2. ขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น

เวลาที่คุณต้องออกเดินทางไกล และมีเหตุให้ต้องขนข้าวของไปเยอะ แนะนำให้ลองเลือกขนเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น เพราะการบรรทุกของที่หนักจนเกินไป จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

โดยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 20 กิโลกรัม ทำให้รถยนต์ของคุณกินน้ำมันมากถึงร้อยละ 1 เลยทีเดียว

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

3. ควบคุมความเร็วให้คงที่

ข้อนี้อาจจะยากสักหน่อยสำหรับการขับรถในเมืองใหญ่ที่รถเยอะๆ อย่างกรุงเทพฯ เพราะคุณอาจจะต้องขับไปเบรกไป (เนื่องจากรถติด) แต่ถ้าหากคุณเดินทางไปต่างจังหวัด หรือว่าอาศัยอยู่ในบริเวณที่รถไม่เยอะ แนะนำให้คุณลองขับรถโดยใช้ความเร็วที่คงที่ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

พยายามใช้เกียร์รถให้เหมาะสมกับความเร็วรถ พยายามอย่าลากรอบสูงๆ เมื่อใช้เกียร์ต่ำ หรือใช้เกียร์สูง แต่ความเร็วต่ำๆ

4. ไม่ต้องคิกดาวน์ หรือขับกระชากก็ได้ ถ้าไม่จำเป็น

แม้ว่าการคิกดาวน์จะช่วยให้เร่งรถเพื่อแซงคันอื่นได้ฉับไวขึ้น แต่ทำบ่อยๆ ก็เปลืองน้ำมันอยู่ไม่ใช่น้อย การขับรถแบบกระชาก เบิ้ลเครื่อง นี่สิ้นเปลืองน้ำมันทันตาเห็น ทั้งเครื่องยนต์จะพังแถมยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเดิมถึง 30%

กรณีขับรถเก่า ที่ยังมีปุ่ม O/D (Overdrive) ก็กดใช้ได้เลย เพราะไม่ต้องกดคันเร่งมาก เพื่อเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ได้มากขึ้น เกียร์จะช่วยลดรอบเครื่องยนต์ให้ทำงานต่ำกว่าอัตราทดเกียร์ปกติที่มากกว่า 1.000 ช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือในรถยุคใหม่ ที่มีแป้น + – ทั้งบริเวณเกียร์ และแป้นหลังพวงมาลัย (Paddle Shifts) คุณก็เลือกเปลี่ยนเกียร์เองก็ได้เช่นกัน

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

5. จอดรถ ต้องดับเครื่อง กับหาที่จอดในร่ม

เวลาที่คุณจอดรถไว้เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่กี่นาที หรือว่าเป็นเวลานาน แนะนำว่าควรดับเครื่องยนต์ เพราะถึงแม้คุณจะจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ขับไปไหน ก็ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน

และอย่าจอดรถตากแดดโดยไม่จำเป็น ทางที่ดีควรจอดรถในที่มีร่มเงาดีกว่า เมื่อช่วงสตาร์ทรถ เครื่องปรับอากาศจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

6. อย่าเลี้ยงคลัทช์

รู้หรือไม่? ยิ่งเลี้ยงคลัทช์ ก็ยิ่งทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น และทำให้แผ่นคลัทช์สึกหรอ บวกกับอายุการใช้งานที่น้อยลง

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

7. หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด

วิธีนี้อาจยากหน่อย สำหรับคนที่ต้องขับรถไปเส้นทางรถติดทุกๆ วัน แต่ถ้าลองเตรียมตัว เช็คเส้นทางที่รถติดน้อยที่สุด หรืออาจจะใช้เส้นทางลัด ก็ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก เพราะว่าการเหยียบเบรคบ่อยๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน

8. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

รถยนต์ยุคใหม่หลายรุ่นมีเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ช่วยประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ปุ่ม Idling stop หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว เหมาะสำหรับใช้หยุดการทำงานของเครื่องยนต์เวลาที่รถติดไฟแดง หรือเวลาที่ต้องจอดรถทิ้งเอาไว้ ซึ่งพอเครื่องยนต์หยุดทำงาน ก็จะช่วยหยุดการจ่ายน้ำมันนั่นเอง

และหากรถรุ่นไหนที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน เพราะจะช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่ ช่วยประหยัดน้ำมันได้

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

9. เช็คสภาพลมยาง

การตรวจเช็คสภาพลมยางเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำอยู่เสมอ โดยการตรวจเช็คสภาพลมยาง จะช่วยทำช่วยประหยัดน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง

เพราะถ้าหากลมยางของคุณเกิดการอ่อนตัว ก็จะทำให้เกิดการเสียดทานระหว่างตัวยางกับพื้นถนน ซึ่งจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์รับภาระในการหมุนล้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง

10. หมั่นตรวจเช็คสภาพรถ

เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็คสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย

เนื่องจากการที่รถยนต์กินน้ำมัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ต่างๆ เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ควรจะต้องนำรถไปเช็คสภาพ ก็ไม่ควรที่จะละเลย

วิธีการทั้งหมดที่ได้กล่าวมา เป็นการช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้เหลือเงินที่จะไปทำอย่างอื่นอีก แต่สำหรับคนที่อยากมีรถยนต์สักคัน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ไป เพราะปัจจุบันมีรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันให้เลือกมากมาย แต่หากอยากประหยัดเงินเพิ่มขึ้น แถมมีเงินเหลือเก็บ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาอีกครั้งครับ เกร็ดความรู้เล็กๆน้อย โดย จอร์จ ไทร์บิด ครับ เป็นปัญหาที่เพื่อนๆเจอกันบ่อยครับเมื่อใช้ยางไปได้สักระยะแล้วเกิดเหตุที่จะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพียงหนึ่งเส้นเนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือเปลี่ยนเป็นคู่เนื่องจากยางสึกแค่คู่เดียวอีกคู่ยังใช้ได้อยู่ หรือไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนยางคู่หน้าและคู่หลังคนละยี่ห้อเรามีข้อสังเกตที่จะยึดว่ายางรุ่นไหนไว้คู่หน้ายางไหนไว้คู่หลังดี เพื่อนๆคงมีข้อสงสัยว่าต้องใส่แบบไหนถึงดีสำหรับการใช้งานยางให้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม เพื่อนๆจะทำอย่างไรวันนี้ จอร์จ มีคำตอบมาให้ครับ

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

กรณีแรก ก่อนครับเมื่อเพื่อนๆ เกิดอุบัติเหตุยางแตก หรือ ยางสึกผิดปกติทำให้ต้องเปลี่ยนยาง 1 เส้นจอร์จ แนะนำว่าควรเลือก ยางที่เป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกันกับคู่นั้นๆ ครับ เพราะยางแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น จะมีการยึดเกาะถนนที่แตกต่างกันครับ หากใส่คนละรุ่น หรือ คนละประเภท จะทำให้ยางที่เกาะถนนมากกว่าทำงานหนักมากกว่าอีกฝั่ง ซึ่งจะส่งผลทำให้ยางที่เกาะถนนมากกว่าจะสึกเร็วกว่า และแถมจะยังมีโอกาสทำให้สูญเสียสมรรถนะในการขับขี่ซึ่งเกิดจากการเกาะถนนที่ไม่เท่ากันของสองฝั่ง และระยะเบรกที่มีความแตกต่างกันครับ ซึ่งจะทำให้ยางใช้งานได้ไม่คุ้มค่า และ ไม่เต็มสมรรถนะแน่นอนครับ แต่ก็จะมีอีกเกร็ดเล็กๆนิดนึงครับ สำหรับเพื่อนที่ใช้งานยางมาสักระยะใหญ่ๆแล้ว แล้วยางสึกไปถึง 50% แล้ว ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นคู่แทนนะครับเพราะการที่เปลี่ยนใหม่เส้นเดียวจะทำให้เกิดการห่างกันระหว่างยางที่มีดอกยางเต็มๆกับดอกยางตื้นซึ่งจะทำให้ยางที่มีดอกยางเต็มสึกเร็วกว่าปกติและจะใช้ไม่คุ้มค่าครับผม

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

แล้วถ้ากรณีที่เราเปลี่ยนยาง 4 เส้น แต่ยางที่เปลี่ยนมีสองรุ่น รุ่นละคู่ เราจะเลือกอย่างไรว่า รุ่นไหนควรไว้คู่หน้า หรือ คู่หลัง จอร์จ แนะนำให้เพื่อนๆ ดูในส่วนของดัชนีความเร็วครับ ยางรุ่นไหนที่มีดัชนีความเร็วมากกว่าให้ไว้คู่หน้าครับไม่ควรไว้คู่หลังเพราะจะทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการท้ายปัดมากกว่าครับ เนื่องมาจากว่ายางที่มีดัชนีความเร็วที่สูงกว่านั้น มีโอกาสลอยตัวและยึดเกาะถนนได้ต่ำกว่ายางที่มีดัชนีต่ำครับ ซึ่งจริงๆ แล้วจอร์จก็ไม่แนะนำให้เปลี่ยนแบบนี้ครับ อย่างไรควรเปลี่ยนเป็นรุ่นเดียวกันทั้ง 4 เส้นครับจะเป็นการง่ายในการดูแลของการสลับยาง

เปลี่ยนยางคนละรุ่นยี่ห้อ เลือกใส่คู่หน้าหลังดี

ส่วนถ้าเปลี่ยนยาง 2 เส้นผม แต่คนละรุ่นกันจะไว้คู่หน้าหรือคู่หลัง ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ 80% ต้องคิดว่าต้องเปลี่ยนคู่หน้าแน่ๆ ใช่ไหมละครับ ก็เป็นความคิดที่ถูกประมาณ 50% ครับเพราะมีหลายๆปัจจัยที่อยากให้เพื่อนๆดูเพิ่มเติมครับผม อันดับแรกเลย จอร์จ อยากให้เพื่อนๆพิจารณาก่อนครับว่ายางทั้ง 4 เส้น เราเป็นอย่างไรบ้างครับ โดยปกติถ้าเพื่อนๆที่ไม่ค่อยได้สลับยาง ยางล้อหลังจะอยู่ในสภาพที่ดอกยางจะสึกน้อยกว่ายางคู่หน้า เวลาเราเปลี่ยนสองเส้น แนะนำให้เอายางคู่หลังที่ดอกยางเยอะหรือมีดอกยางเหลือประมาณ 70% ลงมาอยู่ไปใส่ไว้คู่หน้าแทนที่ยางที่ดอกยางหมด และยางใหม่ใส่ไว้คู่หลัง เป็นเพราะว่า ยางหลังมีความสำคัญสำหรับการรีดน้ำมากครับถ้ายางล้อหลังไม่สามารถรีดน้ำได้ดีมีโอกาสทำให้ยางเหินน้ำและเสียการควบคุมจนทำให้เกิดท้ายปัดได้ครับ แต่ถ้าอีกแบบคือ ยางล้อหลังก็ยังใหม่ๆอยู่เลยคุณภาพ 70% ขึ้นไป เราก็เปลี่ยนยางคู่ใหม่ที่คู่หน้าได้เลยครับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลา สลับล้อหลังขึ้นมาไว้หน้าซึ่งจะทำให้ยางที่สึกมากกว่าสึกเร็วลงไปอีกซึ่งการทำวิธีนี้จะทำให้ยางทั้ง สี่เส้นสึกเสมอกันครับ

แถมอีกนิดนึงครับ กรณีที่ยางคู่หน้าคู่หลังคนละไซส์กัน โดยปกติ แล้วก็คงไม่สามารถสลับยางคู่หน้าคู่หลังได้ ถ้าแนะนำก็ให้เปลี่ยนเป็นคู่ในทุกๆครั้ง หรือ ถ้าใช้ไปได้สักระยะแล้วจริงๆมีเหตุต้องเปลี่ยนหนึ่งเส้นให้เปลี่ยนคู่เหมือนกัน และ เก็บยางอีกเส้นไว้เป็นยางอะไหล่ครับผม เพราะยางกลุ่มรถประเภทนี้ไม่ค่อยมียางอะไหล่ครับ

ก็หวังว่าบทความวันนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะเปลี่ยนยางนะครับ เพื่อนๆ สามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน และช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม วันนี้ จอร์จ ขอตัวลาละครับ โอกาสหน้ามีบทความอะไรใหม่ๆ ติดตามกันนะครับ

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว CARRO จอร์จเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ ครับเห็นเพื่อนๆ เห็นใช้รถกันแต่ไม่ค่อยดูแลยางเท่าไหร่ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากๆในเรื่องความปลอดภัย วันนี้เลยอยากมาแนะนำการดูแลยางเบื้องต้นกันครับทำง่ายๆ แต่ทำให้ขับรถปลอดภัยหายห่วงแน่นอนครับจะได้ปลอดภัยต่อต่อเองและเพื่อนร่วมทางครับ แนะนำกันเลยนะครับเพื่อไม่ให้เสียเวลา

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สเต็ปแรกเลยครับ จอร์จแนะนำ ก่อนขึ้นรถควรเดินวนดูรอบรถซะหน่อยครับดูก่อนเลยว่ายางมีปัญหารึเปล่า เช่น ยางแบน มีตะปูคาอยู่ที่ยาง ยางบวม และ ยางปริแตก เพราะสามารถสังเกตได้ง่ายๆ โดยกรณีความเสียหาย หากยางรั่วและตะปูตำควรทำการซ่อมทันที  กรณียางบวม และยางปริแตกความเปลี่ยนยางทันที  เชื่อกันไหมครับต่างประเทศทำสถิติมาแล้วครับการเดินเช็กสภาพรอบรถประจำวัน ช่วยลดอุบัติเหตุได้ถึง 50% เลยนะครับเพราะฉะนั้นเสียเวลากันสักนิดนะครับไม่ถึง 1 นาทีปลอดภัยขึ้นอีกเยอะครับ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมครับจริงๆแล้วอยากแนะนำว่ารถทุกคันควรมียางอะไหล่ หรือเครื่องเติมลมฉุกเฉินไว้ในรถครับเพราะว่าโดยปกติส่วนมากที่มีปัญหารายวันก็คือยางรั่วซึ่งทำให้ยางแบนครับกรณีนี้ถ้ามียางอะไหล่ควรเปลี่ยนยางอะไหล่แต่อาจจะทำให้เราเสียเหงื่อยเยอะหรือบางคนอาจจะทำไม่เป็น แต่ถ้ามีเครื่องเติมลมฉุกเฉิน เราแค่เติมลมเข้าไปให้ปกติ และขับรถไปหาร้านยางต่อได้ครับซึ่งจะสะดวกรวดเร็วขึ้นมากในกรณีเร่งด่วนครับ ถ้าหากเพื่อนๆไม่มีทั้งสองอย่างกลายเป็นว่าเราต้องเรียก บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ บดยางไปหาร้านยางซึ่งมีโอกาสทำให้ยางเสียหายได้จะทำให้เราอาจมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากยางที่เพิ่มขึ้นได้ครับ

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

สเต็ปต่อมา อาจต้องลงมือทำ และ อาจจะต้องเสียเหงื่อบ้างครับ แต่ทำไม่บ่อยครับ จอร์จ แนะนำให้เช็ก อาทิตย์ละครั้งครับ คือเช็กในเรื่องของ ลมยาง ความลึกดอกยาง และ สภาพยาง  ซึ่งสามารถทำได้พร้อมๆกันครับ โดยในส่วนของเช็กลมยางควรเช็กและเติมลมตามที่รถแต่ละคันระบุไว้ที่ประตูข้างคนขับ ซึ่งเป็นค่าลมยางที่เหมาะสมกับรถที่สุดขยายความครับ ค่าเติมลมยางที่ผู้ผลิตรถแนะนำมาจะเป็นค่าที่ทำให้รถและยางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีที่สุดโดยคำนวณจากหลักทางวิศวยานยนต์ครับ แต่ถ้าความรู้สึกในการขับไม่ได้อาจจะปรับเพิ่มลดได้อยู่ครับ 1-3 PSI การเติมลมยางไม่ว่าจะเติมลมธรรมดาหรือลมไนโตรเจนถ้าเราเช็กลมยางเป็นประจำแทบจะไม่มีความแตกต่างของอายุการใช้งานของยางเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเพื่อนๆแทบไม่ได้เช็กเลยก็แนะนำว่าให้เติมลมไนโตรเจนดีกว่าเพราะการซึมออกจะช้ากว่าลมปกติ 

วิธีดูแลรักษายางรถยนต์ง่ายๆ เบื้องต้น

แต่ถึงอย่างไรก็ตามควรเช็กลมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งครับ  และในขณะที่เติมลมยาง เราก็สามารถดูความลึกดอกยางและสภาพยางไปด้วยได้ครับ โดยความลึกดอกยาง ยางทุกเส้นนั้นจะมีสะพานยางอยู่ตรงร่องดอกยาง หากดอกยางสึกจนถึงสะพานยางแล้วนั่นหมายถึงยางควรจะต้องเปลี่ยนยางแล้ว เพราะยางนั้นจะรีดน้ำได้ไม่ดีส่งผลทำให้การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียกได้ไม่ดีไปด้วย มีโอกาสทำให้เกิดการเหินน้ำของยางได้ครับ ส่วนในยางเสื่อมสภาพนั้น ยางจะมีสภาพยางแข็งกระด้างและแตกลายงาซึ่งทั้งสองกรณีของดอกยางหมดและยางเสื่อมสภาพก็ควรเปลี่ยนยางครับเพราะยางหมดประสิทธิภาพการใช้งานครับ

แต่ต้องของอธิบายเพิ่มเติมนิดนึงครับสำหรับการแตกลายงาโดยปกติแล้วยางเมื่อเจอความร้อน เจอความเย็นเจอฝน เจออากาศเมื่อเป็นระยะเวลานานๆมีโอกาสที่จะแตกลายงาได้อยู่แล้วครับ ซึ่งเบื้องต้นถ้าการแตกลายงาแค่ผิวเล็กๆอันนี้ถือเป็นเรื่องปกติครับถ้าทางเทคนิคจะเรียกว่า OZONE Crack ครับแต่ถ้ามันลายงาลึกไปถึงชั้นโครงยาง หรือ รอยลายงากว้างเกินไปอันนี้ถึงจะเรียกว่ายางเสื่อมสภาพครับผม ซึ่งก็ควรเปลี่ยนยางใหม่เพื่อให้ยางสามารถเกาะถนนกลับมามีประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีเหมือนเดิมครับ

จอร์จ ขอแนะนำเลยครับ สเต็ปแรกควรทำทุกวันครับเพราะง่ายที่สุด ส่วน สเต็ปที่สองก็อาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ครั้งครับ จอร์จ เป็นห่วงเพื่อนๆทุกคนครับ อยากให้ขับรถกลับบ้านหาคนที่เรารักได้อย่างปลอดภัยครับ เพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน และช้อปยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม วันนี้ผมขอไปหาคนที่รักก่อนครับแล้ววันหลัง จอร์จ จะมาแนะนำเรื่องอื่นๆครับ ขอบคุณมากครับ

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

ว่าด้วยการ “ดูแลรถยนต์เบื้องต้น” รถยนต์คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ใช้สำหรับการเดินทาง การทำงาน ชีวิตส่วนตัวและอื่น ๆ แน่นอนว่าทุกคนล้วนอยากให้รถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสภาพเครื่องที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ นั่นจึงจำเป็นที่จะต้องรู้จัก วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น เพื่อให้รถของคุณได้รับการบำรุงและสามารถซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การดูแลรถ นั้นมีอยู่หลากหลายวิธีที่หลายครั้งเรามักจะเกิดคำถามหรือมีข้อสงสัยว่าทำไมสิ่งที่ต้องคอยตรวจเช็คและหมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ รวมถึงสิ่งที่ควรมีติดรถว่าสำคัญอย่างไร

รู้ใจได้รวบรวม 10 คำถามในการดูแลรักษารถยนต์ที่มักจะมีคำถามเกิดขึ้นบ่อย ๆ ว่าทำไมถึงสำคัญ เพื่อให้คุณได้เห็นถึงประโยชน์ของแต่ละองค์ประกอบ รวมถึงได้เรียนรู้ถึงหลักการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ส่งผลที่ดีต่อรถยนต์คู่ใจที่จะมีประสิทธิภาพที่ดี พร้อมสำหรับการใช้งานอย่างราบรื่นและปลอดภัยอยู่เสมอ

1. ทำไมถึงควรเช็คหัวเทียนเป็นประจำ?

หัวเทียน เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่ในการ “จุดระเบิด” ให้กับเครื่องยนต์ ผ่านการทำงานด้วยการปล่อยกระแสไฟแรงดันสูง เป็นกลไกสำคัญของเครื่องยนต์เบนซิน รวมถึง แก๊ส และ ก๊าซ ที่ถ้าหากคุณใช้เครื่องยนต์เบนซินควรที่จะมีการหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ ซึ่งโดยปกติแล้วหัวเทียนจะมีอายุในการใช้งานที่ยาวนาน ในรถยนต์บางคันสามารถใช้งานได้เกิน 100,000 กิโลเมตร จึงจะเริ่มแสดงอาการที่ผิดปกติ

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

โดยให้คุณสังเกตอาการเกี่ยวกับความผิดปกติเมื่อหัวเทียนจะหมดอายุการใช้งาน ได้แก่ น้ำมันสิ้นเปลืองมากกว่าปกติ, เร่งรถแซงแล้วพุ่งไปไม่เร็วเหมือนเดิม หรือ รอบเดินมีอาการเบาและสั่นเนื่องจากหัวเทียนมีการจุดระเบิดไม่เต็มที่

2. ทำไมต้องเปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ?

การดูแลรถ หลายคนมักจะสงสัยว่า ทำไมถึงควรเปลี่ยน กรองอากาศเครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “กรองแอร์” ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าท่ามกลางสภาพอากาศในปัจจุบันที่มากไปด้วยฝุ่นละอองและมลภาวะทางอากาศ ที่ กรองแอร์ จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับคุณภาพอากาศภายในรถที่ดี อากาศสะอาดและเป็นมิตรต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้มีการเปลี่ยนเป็นประจำในตอนที่คุณพารถยนต์ไปถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง

3. ทำไมควรล้างรถบ่อยๆ?

เรียกได้ว่าเป็นข้อสงสัยที่พบได้บ่อยเลยทีเดียว ว่าทำไมเราถึงควรล้างรถบ่อย ๆ ทั้งที่จะปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ต้องบอกเลยว่าการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์ หมั่นเช็ดล้างและทำความสะอาดเป็นประจำนั้นจะช่วยให้รถของคุณดูใหม่ สีไม่ซีด ไม่มีสนิมขึ้น แสดงถึงความใส่ใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณนำไปขายต่อก็ไม่ทำให้รถราคาตกอย่างแน่นอน

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

นอกจากนี้ ในหลาย ๆ ครั้งที่เราต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีฝุ่นเยอะหรือที่พักใกล้ทะเลที่จะมีคราบเกลือคอยเกาะสะสมไว้เรื่อยๆ ภายในใต้ท้องเครื่อง ก็อาจจะเสี่ยงต่อการทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ตลอดจนเหล่าซากแมลงและขี้นกที่จะทำให้สีเกิดการกร่อยและยังมีปัญหาที่ส่งผลกระทบอีกมากมายที่เรียกได้ว่าการล้างรถนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ

4. ทำไมต้องเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ?

ระดับน้ำในหม้อน้ำ ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์คันใหม่หรือคันเก่าก็ตาม เพราะถ้าหากหมอน้ำรถยนต์มีน้ำในระดับที่ต่ำอาจจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีปัญหาติดขัดในระหว่างการทำงานที่ออกกลางแจ้งหรืออยู่ท่ามกลางอุณภูมิที่ร้อนระอุในช่วงเวลากลางวัน

ผู้ใช้รถ ควรตรวจเช็คระดับของน้ำหล่อเย็นภายในถังพักน้ำหรือหม้อน้ำ โดยการเช็คระดับน้ำควรทำในขณะที่ไม่ได้มีการสตาร์ทเครื่องยนต์หรือในช่วงที่เครื่องยนต์มีสภาพที่เย็นอยู่

ถ้าหากไม่มีการตรวจเช็คเกี่ยวกับระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอนั้น น้ำที่ขาดการระบายความร้อนหรือมีระดับน้ำต่ำกว่าที่กำหนด จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างติดขัด ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เสี่ยงต่อการเสียหายลุกลามและสึกหรอได้

5. ทำไมยังต้องเช็คลมยาง?

เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง ดูแลรถ ที่หลาย ๆ คนละเลยอย่างมาก สำหรับการเช็คลมยาง ซึ่ง ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว ตลอดจนการสึกหรอและอายุการใช้งานของยางรถยนต์ที่จะเสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าปกติ

นอกจากจะหมั่นเช็คลมยาวแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่

6. ทำไมถึงควรเช็คน้ำมันเบรกทุกๆ 1 ปี?

เป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถยนต์ ที่ไม่ควรมองข้ามและมีความสำคัญอย่างมาก น้ำมันเบรก ทำหน้าที่ในการส่งแรงดันไปยังปั๊มเบรก ซึ่งหลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำมันเบรกจะค่อยๆ เสื่อมอายุการใช้งานและประสิทธิภาพที่ลดน้อยลงกลายเป็นสีที่เริ่มคล้ำพร้อมกับส่งผลต่อศักยภาพในการระบายความร้อนที่ลดลง เพราะฉะนั้น ควรที่จะมีการหมั่นเช็คน้ำมันเบรกเป็นประจำทุกๆ 1 ปี รวมถึงสังเกตอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น เบรกวืด, เบรกไม่อยู่ หรือ เบรกไหล เป็นต้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

7. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด?

สิ่งที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ใน เทคนิคดูแลรถ ก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่อง ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุกๆ 8,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรหรือทำการเปลี่ยนทุกๆ 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ

8. ทำไมถึงควรทำความสะอาดกรองอากาศเครื่องยนต์?

กรองอากาศ ทำหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละออง กรองฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปยังเครื่องยนต์ ที่เมื่อมีการสะสมในระยะยาวจะเกิดการอุดตันและทำให้กระบอกสูบได้รับอากาศที่น้อยลง ส่งผลให้มีการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ โดยเครื่องกรองอากาศควรมีการล้างและทำความสะอาดหรือเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตรหรือถ้าหากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ ควรที่จะเปลี่ยนทุก ๆ ระยะ 10,000 กิโลเมตร

9. ทำไมถึงต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์?

ไม่ว่ารถของคุณจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT หรือ เกียร์อัตโนมัติแบบปกติที่อยู่ในระดับต่าง ๆ การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง น้ำมันเกียร์จะช่วยลดการสึกหรอรวมถึงช่วยลดแรงเสียดทานของระบบเกียร์ พร้อมทั้งยังสามารถชะล้างพวกเศษโลหะที่มาจากการเสียดสีที่บริเวณหน้าฟันเกียร์ให้หลุดออกไป ให้ระบบการทำงานสะอาดในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนถ่าย ประสิทธิภาพการทำงานก็ย่อมดีขึ้น

10 คำถาม ดูแลรถยนต์เบื้องต้น

การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ควรที่จะมีการเปลี่ยนทุกๆ ระยะ 50,000 หรือ 100,000 กิโลเมตร ที่ถ้าหากคุณมีการใช้งานในเมืองหรือขับขี่ด้วยการกดคันเร่งหนักๆ ก็ควรที่จะเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนเป็นระยะ 30,000 – 45,000 กิโลเมตร

10. ทำไมถึงควรทำประกันรถยนต์?

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการ ดูแลรถ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการทำประกันรถยนต์ที่จะช่วยให้คุณและรถยนต์ได้รับการคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลดความเสี่ยงในการใช้รถยนต์ให้แก่ผู้ขับขี่ ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการได้รับการคุ้มครองเมื่อต้องเดินทาง ขับขี่ไปยังที่ต่างๆ เป็นสิ่งที่จะเข้ามารองรับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยให้คุณประหยัดเงินทั้งสำหรับตัวคุณเองและบุคคลภายนอก ตลอดจนยังเป็นการคุ้มครองรถยนต์ของคุณเมื่อเกิดไฟไหม้ การถูกโจรกรรมต่างๆ อีกด้วย

และนี่ก็เป็น 10 คำถามของการ ดูแลรถยนต์เบื้องต้น ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญในการดูแลและรักษาเครื่องยนต์ที่นอกจากจะดีต่อรถคู่ใจของคุณแล้ว ยังช่วยให้คุณปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับข้อสุดท้ายเราอยากจะระบุเพิ่มเติมว่า ทำไมควรซื้อประกันรถออนไลน์ที่รู้ใจ นั่นก็เพราะว่าเรามีข้อดีหลายอย่าง มั่นใจได้ในเรื่องบริการและการคุ้มครอง เคลมได้ง่ายๆ ผ่านแอป มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญ ซื้อง่าย ราคาดี บริการรู้ใจกว่า ราคาประหยัดกว่า แถมยังผ่อนได้นานถึง 10 งวดผ่านบัตรเดบิตได้อีกด้วย คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ๆ และเรื่องราวดีๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน

Ancient-Tire-And-Nowaday-Tire-Different

สวัสดีครับไทร์บิดกลับมาอีกครั้งครับ วันนี้จะมาพูดถึงวิวัตนาการที่ผ่านมาของยางรถยนต์ว่ายางสมัยก่อนที่เป็นยางผ้าใบ และ มียางใน กับ ยางปัจจุบันที่เป็นยางเรเดียลนั้นไม่ใช่ยางในแตกต่างกันยังไง วันนี้ไทร์บิดจะมาอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจฟังครับ

Ancient-Tire-And-Nowaday-Tire-Different

เมื่อก่อน ยางผ้าใบนั้น ก็คือโครงสร้างของยางรถทำมาจากผ้าใบนั้นเองครับ ซึ่งเมื่อทำจากผ้าใบแน่นอนครับ เรื่องความแข็งแรงในการรับแรงกระแทกของยางก็จะทำได้ไม่ดี อีกทั้งเมื่อโครงยางผ้าใบนั้นเมื่อใช้งานหน้ายางจะมีการขยับตัวค่อนข้างเยอะทำให้การเกาะถนนของยางผ้าใบนั้นจะทำไม่ได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาครับ และสุดท้ายเมื่อยางผ้าใบบริเวณหน้ายางเมื่อมีการขยับยางสูงจะทำให้ยางนั้นมีการเสียดสีกับพื้นถนนเยอะขึ้นทำให้อายุการใช้งานของยางผ้าใบนั้นค่อนข้างอายุสั้นกว่ายางปัจจุบันอย่างมาก

ส่วนยางเมื่อก่อนจะไม่สามารถกักเก็บลมได้ด้วยตัวเองทำให้ต้องมียางในซึ่งเป็นส่วนที่หน้าที่ในการกักเก็บลมทำให้มีการใช้งานที่ไม่คล่องตัวเท่าไหร่เพราะเนื่องมาจากว่าเมื่อยางเกิดโดนตะปูหรือของมีคมนั่นจะทำให้ยางในแตกเสียหายและไม่สามารถกักเก็บลม โดยยางจะสูญเสียลมโดยฉับพลันซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียหลักขณะขับขี่ หรือ จะเป็นการเสียเวลาในการต้องมาปะซ่อมด้วย

เพราะฉะนั้นยางเมื่อก่อนที่เป็นยางผ้าใบและยางที่มียางในนั้น สมรรถนะค่อนข้างไม่ดีอายุการใช้งานต่ำ แถมยังเสี่ยงต่อการสูญเสียควบคุมอีกด้วยครับ เพราะฉะนั้นบริษัทยางต่างๆจึงได้พัฒนายางที่มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น สมรรถนะการขับขี่ได้ดี อายุการใช้งานที่ยาวและมีความปลอดภัยในการขับขี่เพิ่มมากขึ้นโดยจะรุ่นต่อมาจะเรียกว่ายางเรเดียลครับ

Ancient-Tire-And-Nowaday-Tire-Different

ยางเรเดียลนั้นโครงสร้างจะมีส่วนประกอบหลักที่ทำมาจากเส้นลวดซึ่งจะทำให้โครงสร้างของยางนั้นมีความแข็งแรงทนต่อแรงกดกระแทกมากกว่า อีกทั้งหน้ายางจะมีเข็มขัดรัดหน้ายางที่มีหน้าที่คอยขึงตึงหน้ายางทำให้หน้ายางแนบกับพื้นถนนได้ตลอดเวลาทำให้สมรรถนะในการขับขี่ของยางนั้นทำได้อย่างเต็มที่ และมีการขัดสีที่เกิดจากการขยับตัวของหน้ายางน้อยกว่ายางผ้าใบทำให้ยางเรเดียลนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันมีการเสริมและพัฒนาเนื้อยางทำให้มีความคงทนสึกได้ยากเพิ่มมากขึ้นด้วยทำให้ยางรถทั่วๆไปนั้นยิ่งมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยครับ 

ส่วนในเรื่องกักเก็บลมของยางเรเดียลนั้นในท้องยางจะมีชั้นที่สำหรับกักเก็บลมยางชื่อว่าชั้นบิวทิล ซึ่งจะมีหน้าที่กักเก็บลมยางและยังคอยช่วยให้เมื่อยางโดนตะปูตำเข้าไปแล้วนั้นเนื้อยางชั้นนี้จะคอยประกบบริเวณที่โดนตะปูตำ จะทำให้ยางนั้นลมค่อยๆซึมออกไม่สูญเสียลมอย่างฉับพลัน ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น กว่าจะลมยางหมดก็จะเกิดเมื่อทิ้งรถเป็นเวลานานๆและลมซึมจนออกหมด ซึ่งเพื่อนๆอาจจะเคยเจอเมื่อยางแบนตอนเช้าก่อนออกจากบ้านใช่ไหมละครับ

เพราะฉะนั้นการพัฒนาจากยางผ้าใบเป็นยางเรเดียลนั้นเป็นวิวัฒนาการที่ทำให้การขับขี่ของพวกเรามีความปลอดภัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคต มีการพัฒนายางที่ความนุ่มเงียบ และยังไม่ต้องใช้ลมยางอีกด้วย แถมยังช่วยในความปลอดภัยก็คือเมื่อโดนตะปูตำก็ยังใช้งานได้อย่างปกติเหมือนเดิมครับ เซฟๆยิ่งๆขึ้นไปอีกครับ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่ายางรุ่นไหนที่เหมาะกับการใช้งานของเพื่อนสามารถสอบถาม Line official : @tiresbid หรือ เสริมเติมความรู้อ่านบทความยางรถยนต์ได้ฟรี เข้าเว็บไซต์ได้ที่ www.tiresbid.com ทางไทร์บิดยินดีให้บริการเพื่อนๆทุกท่านครับ 

ยางรถยนต์

การเติมลมยางรถยนต์ ต้องเติมเท่าไรถึงดี

คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ยางรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญมาก แต่บางคนกลับมองข้ามไป หรืออาจเพราะยังเป็นมือใหม่ ซึ่งการเติมลมยางจนมีแรงดันยางนั้นสูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานจะทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่รถยนต์ อีกทั้งสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และมีผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์

 

1. การเติมลมยางน้อยเกินไป

ยางรถยนต์

ขอบคุณรูปภาพจาก car.boxzaracing.com

โครงสร้างของยางรถยนต์นั้นยุบตัวมากกว่าปกติ และยางรถมีความร้อนสูงขึ้นเมื่อขับขี่ แรงต้านทานการหมุนของล้อเพิ่มขึ้น หมุนพวงมาลัยยากกว่าเดิม จนทำให้ล้อนั้นต้องสึกหรือมีอายุการใช้งานลดลง จะเกิดการสึกบริเวณไหล่ยาง และแก้มยาง

 

2. การเติมลมยางมากเกินไป

ยางรถยนต์

ขอบคุณรูปภาพจาก car.boxzaracing.com

เมื่อรับแรงกระแทกจะระเบิดได้ง่าย ทำให้การขับขี่นั้นเป็นอันตราย และยางรถยนต์จะยึดติดกับถนนลดลง ซึ่งจะมีผลต่อการสึกหรอของช่วงล่างรถยนต์ ดอกยางโดยเฉพาะกลางหน้ายางจะสึดไว ทำให้มีอายุการใช้งานลดลง

 

ยางรถยนต์

ขอบคุณรูปภาพจาก deestone.com

ดังนั้น คาร์โร ขอแนะนำวิธีการเติมยางให้ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นมือใหม่หัดขับก็เข้าได้ไม่ยาก

  1. เติมลมยางตามสเปคของรถที่กำหนด โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือของรถหรือดูจากด้านข้างประตูรถด้านคนขับ
  2. ไม่ควรเติมลมยางในขณะที่ยางยังร้อนเกินไป เนื่องจากความร้อนทำให้อากาศขยายตัว
  3. หากต้องเดินทางไกล นาน ๆ ควรเพิ่มลมยางอีกประมาณ 3-5 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
  4. หมั่นเช็คลมยางเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

ยางรถยนต์

ขอบคุณรูปภาพจาก deestone.com

3. ความดันลมยางมี่เหมาสม สำหรับรถเก๋ง และรถกระบะ

รถเก๋ง ความดันสูงสุด ไม่ควรเกิน 36 ปอนด์/ตารางนิ้ว ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของรถนั้น ด้วย เช่น

  • รถเก๋งขนาดเล็ก ความดันลมยาง ประมาณ 25-30 ปอนด์/ตารางนิ้ว (psi)
  • รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ ความดันลมยาง ประมาณ 30-35 ปอนด์/ตารางนิ้ว (psi)
  • รถกระบะ ความดันลมยาง ไม่ควรเกิน 65 ปอนด์/ตารางนิ้ว (psi)

สุดท้าย ผู้ขับขี่รถยนต์ควรระมัดระวังและควรเข้าใจการเติมลมยางทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเติมเองหรือให้ที่อื่นเติมก็ควรจะเติมตามาตรฐานที่กำหนดซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ขับขี่และยานพาหนะของผู้ขับขี่เอง

ขอบคุณข้อมูล : car.boxzaracing.com, รักษ์รถ.com, deestone.com