วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าการขับรถฝ่าสายฝนคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะมีวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และไม่เกิดเหตุการณ์รถเหินน้ำ เวลาที่ต้องขับลุยพื้นถนนที่เปียกลื่นหรือมีแอ่งน้ำขังกันได้บ้าง วันนี้ masii ก็มีคำตอบและวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนมาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันแล้วค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อขับรถบนถนนเปียก หรือมีแอ่งน้ำขัง โดยมักเกิดขึ้นเมื่อรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถรีดน้ำบนหน้ายางออกได้ทันท่วงที กลายเป็นยางรถยนต์หมุนอยู่บนผิวน้ำ ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน จึงทำให้ควบคุมรถได้ยาก รถลื่น และหากผู้ขับขี่เหยียบเบรกกะทันหัน หรือจับพวงมาลัยไม่แน่น ก็มีโอกาสที่รถจะเสียหลักหมุนได้อย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ

พื้นถนนที่เปียกมีโอกาสที่จะเกิดการเหินน้ำได้สูง ยิ่งหากเป็นพื้นถนนคอนกรีตด้วย ยิ่งมีโอกาสเหินน้ำมากกว่าถนนยางมะตอย เนื่องจากพื้นถนนอาจมีร่องน้ำตามรูของพื้นถนนมากกว่านั่นเอง ซึ่งเรามีวิธีป้องกันรถเหินน้ำ พร้อมกับวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน ดังต่อไปนี้

1. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป

ควรลดความเร็วหรือใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถในช่วงฝนตก หรือใช้ความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. จะทำให้ยางรถยนต์เกาะยึดพื้นถนน และดอกยางสามารถรีดน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพราะจะทำให้รถเหินน้ำ ลื่นไถลออกนอกเส้นทาง หรือเสียหลักพลิกคว่ำได้

2. หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ

แต่ถ้าจะให้ดีควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ จะลดความเสี่ยงในการเหินน้ำได้ดีที่สุด หรือขับรถในเลนกลางเสมอ เพราะแอ่งน้ำขังมักอยู่เลนนอกสุด ริมข้างทาง ข้างแบริเออร์ หรือข้างเกาะกลางถนน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

3. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน

ไม่ว่าจะขับรถอยู่บนแอ่งน้ำหรือไม่ก็ตาม แต่การขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่นก็ไม่ควรเหยียบเบรกทันที เพราะจะทำให้ล้อหยุดหมุนทันที ส่งผลให้รถเสียหลักได้ ยิ่งถนนเปียกก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญไม่ควรเหยียบเบรกแรงขณะขับทางโค้ง เพราะมีโอกาสที่รถจะหลุดโค้งได้ง่ายๆ ทางที่ดีควรค่อยๆ ชะลอความเร็วและแตะเบรกทีละนิดจะดีที่สุด

4. จับพวงมาลัยแน่นๆ

ขณะขับรถในช่วงที่ฝนตก ถนนจะลื่นกว่าปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล เสียหลักได้ง่าย ยังไงแล้วผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยไว้ให้แน่นๆ เพื่อการควบคุมรถที่ดี และยิ่งหากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ หรือ รถเกิดอาการเหินน้ำแล้ว ให้จับพวงมาลัยแน่นๆ ประคองรถให้ดีๆ ชะลอความเร็ว และแตะเบรกเบาๆ ห้ามเบรกกะทันหัน หรือหันพวงมาลัยหนีเด็ดขาด

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

5. เติมลมยางให้พอดี

การเติมลมยางที่เหมาะสมก็ช่วยป้องกันรถยนต์เหินน้ำได้ หากลมยางอ่อนเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง และมีโอกาสเหินน้ำได้ง่ายกว่ายางรถยนต์ที่เติมลมยางปกติ นอกจากนี้ควรหมั่นเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ หากดอกยางเริ่มตื้นหรือโล้นแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางทันที

และนี่ก็คือวิธีป้องกันรถเหินน้ำ รวมถึงวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนที่ masii นำมาฝากกัน ยังไงแล้วก็ขอให้เพื่อนๆ ขับขี่รถยนต์กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อประกันรถยนต์ หรือต่อประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.co.th

Buy-New-Car-Or-Secondhand-Car-What-Is-Better

เชื่อว่า หลาย ๆ คนอาจจะชั่งใจหรือลังเลอยู่ว่าถ้าหากจะซื้อรถยนต์สักคันหนึ่งนั้น เราควรเลือกระหว่างมือหนึ่งใหม่เอี่ยมไปเลย หรือรถมือสองที่สภาพยังดีอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าคงมีหลายเสียงบอกมาว่า หากซื้อรถทั้งทีก็เอาดีๆ ไปเลย แบบนี้ เรามาลองเปรียบเทียบความคุ้มค่ากันดีไหมว่า ซื้อรถยนต์มือหนึ่งหรือรถมือสอง แบบไหนจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากกว่า

ซื้อรถใหม่ เอารถมือหนึ่งหรือรถมือสอง อะไรดีกว่ากัน

Buy-New-Car-Or-Secondhand-Car-What-Is-Better

1. ราคาที่ต้องจ่าย

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้เงินทองเริ่มหายากมากขึ้น การจะซื้อรถยนต์สักคันจึงเป็นสิ่งที่ต้องคิดและทบทวนหลายรอบว่า ซื้อรถรุ่นไหนคุ้มกว่ากันนะ เมื่อเกิดคำถามหรือกำลังลังเลอยู่นั้น ลองให้ masii เปรียบเทียบให้ดูกันดีกว่า

รถมือหนึ่ง

ถึงแม้ราคาของรถมือหนึ่ง หรือรถป้ายแดงจะแพงกว่า แต่กลับเสียดอกเบี้ยและเงินดาวน์น้อยกว่ารถมือสอง ปัจจุบันนั้นรถมือหนึ่งมีความน่าซื้อมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยถูกกว่า มีโปรโมชั่นดี ๆ อย่างดอกเบี้ย 0% หรือลดเงินดาวน์ รวมไปถึงมีวิธีการเลือกผ่อนชำระค่างวดได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งทำให้ใครหลายคนตัดสินใจเลือกซื้อรถมือหนึ่งกันเป็นจำนวนมาก

รถมือสอง

รถมือสองในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อมากมาย แต่สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะกลัวกันคือ การไม่ทราบประวัติและข้อมูลของรถว่าได้ผ่านอะไรมาแล้วบ้าง แต่สำหรับเรื่องที่เราควรยอมรับก็คือ ในจำนวนเงินที่เท่ากันนั้นสามารถซื้อรถมือสองที่รุ่นใหญ่กว่า หรือซื้อรุ่นท็อปก็ได้ และแน่นอนว่าหลายคนที่หันมาเลือกซื้อรถมือสองคงเป็นเพราะราคาที่เข้าถึงได้ รวมไปถึงคุณภาพรถก็ดีไม่แพ้รถมือหนึ่งนั่นเอง

Buy-New-Car-Or-Secondhand-Car-What-Is-Better

2. สมรรถนะ

รถมือหนึ่ง

หากมองหาสิ่งที่โดดเด่นในรถมือหนึ่งนั่นก็คือ เรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ ที่มีระบบขับเคลื่อนที่ดีกว่า มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหม่เอี่ยม ทันสมัย อีกทั้งรถยนต์บางรุ่นยังช่วยเรื่องการประหยัดพลังงาน แถมมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย เราจึงสามารถไว้วางใจคุณภาพของการใช้งานได้ทันที รวมไปถึงหากรถมีปัญหาก็สามารถติดต่อเคลมประกันกับศูนย์ได้โดยตรง

รถมือสอง

ปฎิเสธไม่ได้ว่าสภาพการใช้งานรถมือสองคงดีไม่เท่ากับรถมือหนึ่ง เพราะยังไงก็ต้องผ่านการใช้งานมาแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งการจะเลือกซื้อรถมือสองจำเป็นต้องเช็กเลขไมล์ก่อน เพื่อประเมินการใช้งานรถ รวมถึงบำรุงรักษา แต่ถ้าหากโชคดีว่ารถมือสองที่เราเล็งไว้มีสภาพดี เราก็คงไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อการซ่อมแซมในอนาคต

Buy-New-Car-Or-Secondhand-Car-What-Is-Better

3. ออปชั่นเสริมในรถ

รถมือหนึ่ง

ยิ่งมีรถใหม่ออกมามากขึ้นเท่าไร เทคโนโลยีภายในรถก็ยิ่งพัฒนามากขึ้น ทั้งเรื่องของการพัฒนาออปชั่นต่าง ๆ ที่ทันสมัยให้สามารถรองรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมไปถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบตรวจจับความอ่อนล้าของผู้ขับขี่ และด้วยออปชั่นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ราคาของรถมือหนึ่งจึงสูงมากขึ้นไปด้วย

รถมือสอง

แม้ออปชั่นภายในรถจะไม่ได้ดีหรือทันสมัยเท่ารถมือหนึ่ง แต่บางออปชั่นในรถมือหนึ่งก็อาจไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ขับขี่เสมอไป เทียบกับรถมือสองบางคันที่มีออปชั่นจำกัด แต่กลับตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ได้มากกว่า ทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าการซื้อรถมือหนึ่ง หากใครที่มีงบไม่มาก การซื้อรถมือสองก็น่าจะเหมาะกับเรามากกว่า

เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้ว่า รถมือหนึ่งหรือรถมือสอง จะตอบโจทย์เราได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกซื้อรถแบบไหน ก็ควรทำประกันรถยนต์ควบคู่ไว้ ช่วยเพิ่มให้เราอุ่นใจขณะขับขี่ได้ตลอดเวลา คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยได้ทันที

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

ตอนนี้ในทุกๆ วัน ปฎิเสธไม่ได้ว่าฝนได้เริ่มตกทุกวี่ทุกวันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราได้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว ซึ่งการที่ฝนตกนั้นอาจทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์เกิดความไม่สะดวกในขณะเดินทาง บางคนก็จอดหยุดพักรอฝนซา แล้วค่อยออกเดินทาง แต่บางคนกลับเลือกดั้นด้นขับเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย การทำแบบนั้นถือว่าอันตรายมากๆ และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายบนท้องถนนได้

ข้อไม่ควรทำระหว่างขับรถขณะฝนตก

สำหรับช่วงนี้ที่มีฝนตกหนัก และมาพร้อมกับลมแรง Masii เลยรวบรวม ข้อไม่ควรทำขณะขับขี่รถยนต์ ในช่วงนี้มาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กัน จะได้เตรียมตัว และป้องกันอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนได้

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

เปิดไฟสูง

เพื่อนๆ หลายคนมักคิดว่า ขณะที่ฝนตกอยู่นั้นต้องใช้ไฟสูง แต่จริงๆ แล้วลำแสงของไฟสูงจะไปชนกับดวงตาของรถคันที่สวนกับเรา จนสามารถเกิดตาพร่ามัวได้ เพราะฉะนั้นการเปิดไฟต่ำ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

อย่าเหยียบเบรกแรง

หากสภาพพื้นถนนเปียก และมีความลื่นอยู่นั้น หลายคนมักจะเลือกเหยียบเบรกแบบชอบเหยียบกดแรงๆ ในยามที่กระชั้นชิด ซึ่งแน่นอนว่าจะได้ผลกับพื้นถนนที่แห้งสนิท แต่สำหรับช่วงที่ฝนตกนั้น น้ำฝนจะส่งผลให้การสัมผัสของหน้ายางกับถนนน้อยลงไป จนทำให้รถของเราเสียหลักได้ ดังนั้นควรเลือกผ่อนเบรกเบาๆ เรื่อยๆ จะดีกว่า

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

อย่าลุยน้ำลึก

ในขณะที่ฝนกำลังตกหนักจนน้ำท่วมพื้นนั้น เพื่อนๆ มักจะเลือกขับลุยฝ่าระดับน้ำที่ท่วมได้ แต่การขับรถลุยน้ำแบบนี้จะสามารถทำได้กับเฉพาะรถบางรุ่นเท่านั้น แต่สำหรับบางรถรุ่นที่ไม่สามารถทำได้ การดั้นด้นขับฝ่าลุยน้ำไป จะทำให้ห้องเครื่องดับทันที วิธีที่ดีที่สุดคือควรประเมินดูว่าหากจะขับลุยน้ำ อย่าให้น้ำสูงเกินกว่าขอบประตูด้านล่าง

ไฟฉุกเฉิน

การเปิดไฟฉุกเฉิน และไฟกะพริบอยู่ตลอดเวลาขณะที่ฝนตกอยู่นั้น อย่าได้ทำโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นอาจเกิดอาการตาลาย และรวมไปถึงยากที่จะแยกแยะว่ารถของเรานั้น กำลังจะจอด หรือกำลังขับเคลื่อนอยู่

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อันตราย และอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ดังนั้นการเลือกทำประกันรถยนต์ติดตัวไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจขณะขับขี่ตลอดเส้นทางเดินทางได้แน่นอน คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที หากมีข้อมูลสงสัยอยากสอบถามโทร 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำปรึกษา

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Parking-Safety-Tips-For-Your-Car

ปัญหาการหาที่จอดรถไม่ได้สักที ยอมรับเลยว่าเป็นปัญหาที่คอยกวนใจให้กับเราได้ตลอดเวลาเลย จนบางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะพึ่งพาไสยศาสตร์ให้ช่วยเราหาที่จอดรถให้ได้สักที แต่ก็ใช่ว่าทุกที่จอดรถที่เราจะเจอจะสร้างความสบายใจให้แก่เรา บางทีรถป้ายแดง หรือรถมือสอง ก็ต้องการความปลอดภัย หากเจอที่ที่ดูไม่เหมาะกับการจอดรถ ก็ขอเลือกไม่จอดดีกว่า รวมไปถึงอันตราย และการเสี่ยงต่อรถหายด้วย

ดังนั้นวันนี้ masii เลยมีเคล็ดลับมาบอกว่าที่จอดรถแบบไหนที่เราควรหลีกเลี่ยงบ้าง

Parking-Safety-Tips-For-Your-Car

ใต้ต้นไม้ใหญ่

หากอากาศร้อนระอุ หลายคนมักจะมองหาที่จอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะต้นไม้สามารถให้ร่มเงากับรถของเราได้ แต่เพื่อนๆ ทราบกันไหมครับว่า การจอดรถใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่นั้น ต้องแลกกับความเสี่ยงที่กิ่งไม้ต่างๆ จะโค่นหักใส่รถของเราได้ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ และในช่วงหน้าฝนแบบนี้ หากเลี่ยงได้ทาง มาสิ แนะนำให้เลี่ยงไปก่อนเลยครับ

ที่มืดและเปลี่ยว

การเลือกจอดรถในที่มืดและเปลี่ยวนั้น รวมไปถึงการจอดรถห่างไกล และลับสายตานั้น ปฎิเสธไม่ได้ว่าเลยว่าการกระทำนี้เป็นการง่ายต่อการที่รถของเราจะหายจากการถูกโจรกรรมแน่ๆ และสิ่งของในรถอาจจะโดนขโมย หรืออาจจะโดนทุบกระจกก็เป็นไปได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่ในการเลือกจอดรถ ควรหาที่จอดที่เหมาะสม มีแสงสว่างพอเพียง อีกทั้งยังมีผู้คนพลุกพล่าน

Parking-Safety-Tips-For-Your-Car

ทางลาดชัน

มือใหม่ต้องฟังเลย เวลาเดินทางออกต่างจังหวัด อาจจะเห็นว่าไม่ค่อยจะมีรถวิ่งสักเท่าไรนั้น และมีเหตุจำเป็นต้องจอดข้างทาง สิ่งที่เพื่อนๆ ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน คือ การจอดรถบนลาดชัด หรือบนเนินเขา ครับ เพราะว่านอกจากจะส่งผลต่อระบบเบรกรถของเราแล้ว ยังเสี่ยงต่อการรถไหลอีกด้วย สร้างความเสียหายให้กับรถของเรา และคนอื่นด้วย

และเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งมีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี การเลือกทำประกันรถยนต์ไว้จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลให้เราได้ เรียกได้ว่าสร้างความอุ่นใจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ หากใครสนใจประกันรถยนต์ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบเบี้ยประกันได้ทันที มีข้อมูลสงสัยโทร 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำแนะนำครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Trick-To-Choose-Secondcand-Car-And-Cost

ในช่วงสถานการณ์วิกฤตอย่างโควิด-19 หรือเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกแบบนี้ แน่นอนว่าเพื่อนๆ คนไหนที่ปกติต้องอาศัยระบบขนส่งสาธารณะในบ้านเมืองเราตอนนี้ คงปฎิเสธกันไม่ได้ว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้อย่างเต็มๆ จนเพื่อนๆ หลายคนให้ความสนใจกับการซื้อรถยนต์มือสองสภาพดีๆ มาขับใช้เป็นการส่วนตัวแทน

แบบนี้ Masii เลยมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันว่า หากซื้อรถมือสองเราต้องมีค่าใข้จ่ายอะไรบ้างนะ

เลือกซื้อรถมือสอง ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

โดยปกติแล้วเพื่อนๆ สามารถซื้อรถมือสองได้ 2 รูปแบบคือ เงินสด และไฟแนนซ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่ความสะดวกของเพื่อนๆ เลย รวมไปถึงการเลือกซื้อทั้งสองแบบจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างนะ

Trick-To-Choose-Secondcand-Car-And-Cost

ซื้อรถด้วยเงินสด

แม้เราจะเก็บเงิน หรือหาเงินสด และเงินก้อน มาซื้อรถมือสองให้จบไปเลยรวดเดียว เพราะไม่อยากจะมีค่าใช้จ่ายหรือผ่อนชำระเพิ่มเติม แต่อย่าลืมนะครับ ยังมีอีกหลายส่วนที่เพื่อนๆ ต้องเตรียมรับมือไว้เลย สำหรับค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้

  • ค่ารถยนต์ – ค่าใช้จ่ายตรงนี้เป็นเรื่องปกติ โดยเป็นราคาตามที่ได้ตกลงการซื้อขายไว้
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% – ราคารถมือสองที่เราซื้อไปนั้นยังไม่ใช่ราคาสุทธินะครับ ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไปด้วย
  • ค่าโอนรถ – เป็นค่าใช้จ่ายที่ทางกรมขนส่งทางบกจะเรียกเก็บ
  • ค่าประกันรถยนต์ – เพื่อความอุ่นใจ การเลือกทำประกันรถยนต์จะช่วยความคุ้มค่าให้เราได้

Trick-To-Choose-Secondcand-Car-And-Cost

ซื้อรถแบบผ่อนด้วยไฟแนนซ์

สำหรับการเลือกซื้อรถด้วยวิธีนี้ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเราไม่ต้องหาเงินก้อนมาจ่ายทีเดียว แต่เลือกเป็นวิธีการผ่อนชำระไปในแต่ละเดือน ทั้งนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างจากการเลือกซื้อรถมือสองด้วยเงินสดอยู่เล็กน้อย ดังต่อไปนี้

  • ค่างวด – ค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้จ่ายสำหรับผ่อนค่ารถมือสองของเราในแต่ละเดือน และเพิ่มค่าภาษีมูลค่าเพิ่มเติม 7% ไปด้วย
  • ดอกเบี้ย – ดอกเบี้ยรถมือสองจะถูกคิดตามสภาพรถที่เราเลือกซื้อมา ทั้งรุ่น ปี และยี่ห้อ โดยปกติส่วนมากดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 7% หรือตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถทราบถึงรายละเอียดสำหรับค่าใช้จ่ายของการเลือกซื้อรถมือสองแล้ว รวมไปถึงการเลือกทำประกันรถยนต์ เน้นย้ำว่ารถมือสองที่เราซื้อมาก็สามารถทำประกันรถยนต์ได้เช่นกัน คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที หากมีข้อมูลสงสัยอยากสอบถามเรื่องประกันรถยนต์ สินเชื่อรถ โทร 02 710 3100

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

Trick-To-Get-Secondhard-Car-For-You

สำหรับใครที่มองหารถยนต์สภาพดี คุณภาพไม่มีที่ติ นอกเหนือจากรถยนต์มือหนึ่งป้ายแดงแล้ว รถยนต์มือสองก็ตอบโจทย์ได้ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะครับ แถมยังมีราคาที่ประหยัดกว่า เรื่องของคุณภาพก็แทบจะไม่ต่างกับมือหนึ่งมากนัก

เทคนิคง่ายๆ ซื้อรถมือสองให้คุ้ม

แต่แน่นอนว่าการซื้อรถมือสองนั้นมีเงื่อนไข และการตรวจสอบ การตรวจเช็กสภาพรถก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้ใครเลยด้วยนะ เพราะถ้าเราเจอคนขายที่ไว้ใจได้ก็ถือว่าโชคดีของเรา แต่หากเจอกับมิจฉาชีพ คงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไร ดังนั้น Masii เลยมีเทคนิคการเลือกซื้อรถมือสองแบบง่ายๆ มาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันครับ

Trick-To-Get-Secondhard-Car-For-You

ราคาต้องเหมาะสม

สำหรับรถมือสองนั้นต้องยอมรับก่อนว่ามีหลากหลายราคาเอามากๆ ให้เราเลือกได้อย่างอิสระ และเหตุที่ทำให้รถมือสองนั้นมีราคาที่แตกต่างกันออกไปก็เพราะยี่ห้อรถ รุ่นรถ รวมไปถึงเลขไมล์ และสภาพรถที่ใช้งานมา ดังนั้นเราก็ต้องเลือกดูยี่ห้อ รุ่น ให้เหมาะสมกับเรทราคาที่เราตั้งไว้ สภาพต้องดี

ใครๆ ก็อยากได้รถสภาพดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง แต่ถ้าหากเลือกมองราคาถูกไว้ก่อน กลับได้รถมือสองมาในสภาพที่ไม่โอเค ต้องคอยไปเสียค่าซ่อมตามหลัง แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเลือกซื้อรถมือหนึ่ง ทางที่ดีเราควรเช็กสภาพรถมือสองอย่างละเอียดให้ครบถ้วน ถ้าไม่มั่นใจก็ลองให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้มาตรวจดูจะดีที่สุด

ดูรถหลายๆ คัน

ต้องมีความใจเย็นในการเลือกซื้อรถมือสอง ค่อยๆ ตัดสินใจไปทีละขั้นตอน และถ้าหากมีเวลา ให้เราลองเปรียบเทียบรถมือสองที่เราต้องการดูแต่ละที่ และเก็บข้อมูลเพื่อประกอบตัดสินใจอีกครั้ง

Trick-To-Get-Secondhard-Car-For-You

เลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ

ใช่ว่าเราจะซื้อรถมือสองที่ไหนก็ได้นะครับ บางที่อาจจะมาอยู่ในรูปแบบมิจฉาชีพ หลอกหลวงเรา นำเสนอโดยการให้ราคาที่พิเศษกับเรา แต่ที่แท้อาจจะเลือกรถยนต์ที่ย้อมแมวมาขายให้กับเรา ดังนั้น การเลือกซื้อผ่านบริษัทที่ได้รับความน่าเชื่อถือจะช่วยให้เราอุ่นใจได้รถมือสองที่คุณภาพดีแน่นอน ต่อให้ซื้อรถยนต์มือสองแล้ว การทำประกันรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน หากเกิดอุบัติเหตุใดๆ บนท้องถนน ประกันจะช่วยดูแลคุ้มครองเราอยู่ คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้ทันที

มีข้อมูลสงสัยอยากสอบถาม โทรเข้ามาที่ 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่ครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

If-You-Car-License-Plate-Lost

อยู่ๆ กลับพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถของเราหลุดหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อนี้ ก็อย่าเพิ่งตกใจกันไปนะครับทุกคน หากใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ให้ มาสิ เป็นคนให้คำตอบเองดีกว่าทุกคน

ป้ายทะเบียนรถหาย รับมืออย่างไรดี

สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่ทำป้ายทะเบียนหายไป เราสามารถยื่นขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนได้ที่สำนักงานขนส่งที่รถยนต์ของเรานั้นอยู่ในความรับผิดชอบ โดยไม่ต้องเป็นต้องแจ้งความใดๆ ก่อนเลย แต่จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่แผ่นป้ายละ 100 บาท ค่าคำขอ 5 บาท และเราจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถภายใน 15 วันหลังยื่นขอดำเนินการ โดยระหว่างนี้ เพื่อนๆ สามารถใช้ใบเสร็จที่เราได้รับมา เพื่อยืนยันแทนแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นการชั่วคราวได้เช่นกันครับ

If-You-Car-License-Plate-Lost

เอกสารที่ใช้สำหรับยื่นขอรับป้ายทะเบียนใหม่

  • คู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง
  • บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของเจ้าของรถ

ขอเพิ่มเติมนิดนึงว่าถ้าหากเจ้าของรถยนต์ไม่สะดวก หรือไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองได้ เราสามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาทำเรื่องขอรับป้ายทะเบียนใหม่แทนได้ โดยเพียงต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมกับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจติดมาแสดงด้วยครับ

และขอทิ้งท้ายเรื่องสำคัญไว้อีกนิดหนึ่งก่อนจากกัน เมื่อป้ายทะเบียนรถยนต์หาย ห้ามทำแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นเองโดยเด็ดขาดครับ เพราะจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานใช้แผ่นป้ายทะเบียนที่มีลักษณะไม่ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

หวังว่าเกร็ดความรู้ตรงนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกคนกันนะครับ ส่วนเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนน การเลือกทำประกันรถยนต์ก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้เราได้ หากกรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ก็มีประกันคอยคุ้มครองให้เรา คลิกที่นี่ เพื่อเลือกทำประกันรถยนต์ มีข้อมูลสงสัยโทร 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำตอบอยู่ครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com

มิถุนายนแล้ว แน่นอนว่าเรากำลังสู่ช่วงกลางปีอย่างแท้จริงแล้ว ส่วนสำหรับฤดูที่มาพร้อมกับกลางปีแบบนี้ คงหนีไม่พ้นจริงๆ สำหรับฤดูฝน ที่หลายคนต่างชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ

สำหรับคนที่ชื่นชอบคงเพลิดเพลินไปกับเสียงน้ำฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่สำหรับใครไม่ที่ชื่นชอบฤดูฝนสิ คงปวดหัวกับการเดินทางไปไหนมา หรือแม้แต่การเผื่อเวลาสำหรับทำธุระในช่วงหน้าฝน ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไร ให้ปลอดภัย

สำหรับเพื่อนๆ คนไหน ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ของตนเองในการขับรถไปไหนมา ไม่สามารถจะใช้การขนส่งทางสาธารณะได้ คงแอบกังวลกันไม่น้อยสำหรับรถยนต์ของตัวเราเองว่า ถ้าหากเราขับรถไปลุยน้ำฝนขึ้นมา รถยนต์ของเราจะเสียหายไหมนะ หรือแม้แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำอย่างไรดี วันนี้มาสิมีเคล็ดลับขับรถลุยน้ำท่วมง่ายๆ ให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนแบบนี้มาฝากกัน

Flood-In-Bangkok

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

เช็กรถของตัวเองให้พร้อม

แน่นอนว่า วิธีเบื้องต้นที่เพื่อนๆ สามารถทำได้เลยคือ การเช็กรถยนต์ของเราให้มีสภาพพร้อมขับ ระบบส่องไฟสว่าง ไฟหน้า-หลัง ยังสามารถใช้งานได้อยู่ ไฟสัญญาณบอกทางต่างๆ หากเกิดชำรุดขึ้นมา ให้รีบแก้ไขโดยทันที ระบบเบรค ที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝน ตรงนี้เพื่อนๆ ก็ควรเช็กให้เรียบร้อย รวมไปถึงยาง ลูกดอกยาง ควรมีสภาพการใช้งานที่พร้อม

อย่าเหยียบเบรกกะทันหัน

บนท้องถนนที่ลื่นไหลจากการที่ฝนตกหนักนั้น เพื่อนๆ ควรอย่างยิ่ง ที่จะระมัดระวังอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์ อย่าเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะจะเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายได้ หากจำเป็นต้องเบรก แนะนำว่าให้ชะลอความเร็ว แล้วค่อยๆ เหยียบเบรกเอา

Flood-In-Bangkok

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

ขับรถด้วยความเร็วคงที่

สำหรับเพื่อนๆ คนไหน ที่ชอบการขับรถเร็วเป็นปกติ อยากให้เพื่อนๆ ใจเย็นลงในช่วงหน้าฝนแบบนี้ หากเรายังปฎิบัติแบบนั้นอยู่ อุบัติเหตุและอันตรายจะสามารถเกิดขึ้นได้แน่นอน ควรขับอยู่ในความเร็วที่ 90 กม./ชม. เพื่อเป็นการปกป้องตัวเองและผู้โดยสารคนอื่นที่อยู่บนรถ รวมถึงเพื่อเป็นการใส่ใจเพื่อนร่วมทางด้วย

ฝนตกหนัก พักรถก่อน

หากเพื่อนๆ กำลังเผชิญกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไม่สามารถมองเห็นทางและพื้นถนนได้ สิ่งที่เพื่อนๆ ควรทำอย่างยิ่ง คือ จอดรถข้างทางไว้ก่อนเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ควรที่จะฝืนขับไปยังจุดหมายเรื่อยๆ แบบนั้นจะยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม พอฝนตกเบาลง ค่อยๆ ขับเคลื่อนรถไปอย่างช้าๆ ทำแบบนี้ รับรองว่าหายห่วงเรื่องอุบัติเหตุและอันตรายอย่างแน่นอน

Flood-In-Bangkok

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02

ทำประกันรถยนต์

อีกข้อหนึ่งที่หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วคือ การทำประกันภัยรถยนต์ เผื่อในกรณีที่เราต้องเจอกับอุบัติเหตุและอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนแบบนี้ เพื่อที่ประกันภัยรถยนต์จะได้คุ้มครองเราและรถยนต์ เพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่ได้ทำหรือกำลังจะต่อประกันภัยรถยนต์ ก็ขอแนะนำให้รีบจัดการให้เรียบร้อยกันตั้งแต่ตอนนี้เลย

เท่านี้เพื่อนๆ ก็คงทราบถึงวิธีการขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัยกันแล้ว หน้าฝนแบบนี้ ขับขี่รถกันอย่างระมัดระวังกันด้วยนะ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้หากเราประมาทจนเกินไป

ถ้าใครสนใจอยากทำประกันภัยรถยนต์ไว้ให้อุ่นใจ คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันหรือโทร 02-7103100 เข้ามาสอบถามพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของมาสิกันได้เลย

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com