8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน!

ช่วงหน้าฝนนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เรามักเลี่ยงได้ยาก หากอยู่ในเขตพื้นที่ต่ำ ที่ลุ่ม ที่ป่าเขาลำเนาไพร หรือจุดที่ท่อระบายน้ำ ไม่ได้ลอกท่อมานาน เมื่อฝนตกหนักๆ ลงมา สิ่งที่ตามมานั่นก็คือ “น้ำท่วม” (หรือเรียกว่า “น้ำรอการระบาย”) นั่นเอง

ซึ่งทำให้รถยนต์แบบกระบะ, รถแบบ Crossover SUV หรือรถ SUV ที่ออกแบบมาให้ยกสูงหน่อย ใช้ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ สามารถลุยน้ำได้ในระดับหนึ่ง เป็นที่ต้องการของคนใช้รถในบ้านเรามาก เพราะความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังลุยน้ำท่วมได้ไหวอีกต่างหาก (แม้ว่ารถทุกคัน จะไม่ได้ออกแบบมาให้ลุยน้ำเป็นหลักก็ตาม)

โดยรถที่มีระยะต่ำสุดจากพื้น (หรือ ความสูงใต้ท้องรถ) (Ground Clearance) น้อยหรือมาก ก็มีผลต่อการลุยน้ำของรถรุ่นนั้นๆ ด้วย และรถที่ลุยน้ำได้ รวมไปถึงช่วงล่างหน้า เครื่องยนต์ ท่ออากาศ ไดชาร์จ และระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเครื่องยนต์ ล้วนมีผลต่อการลุยน้ำทั้งสิ้น

สำหรับในบทความนี้ ใครที่กำลังมองหารถกระบะมาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ แล้วอยากรู้ว่า รถกระบะป้ายแดง หรือรถกระบะมือสองที่มีขายในท้องตลาด มีความสามารถในการลุยน้ำได้มากน้อยแค่ไหน หรือลุยน้ำได้ลึกสุดเท่าไหร่ Mr.Carro จะมาแนะนำ 8 รถกระบะให้ชมกัน

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Isuzu D-Max

1. Isuzu D-Max

กระบะ Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) รถกระบะยอดนิยมของชาวไทย นับตั้งแต่โฉมปี 2011 – 2019 ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 225 – 235 มม.

สำหรับ Isuzu D-Max ในส่วนที่เป็นรุ่นโฉมปี 2020 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 220 – 240 มม.

พูดง่ายๆ คือถ้าคุณเลือกรถกระบะ Isuzu D-Max รุ่น Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ประมาณ 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูงนะครับ) คือตั้งแต่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถนั่นเอง ส่วนรุ่นนอกเหนือจากนั้น ลุยได้แค่ครึ่งล้อรถก็น่าพอใจมาก มากกว่านี้อย่าเสี่ยง

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Toyota Hilux Revo

2. Toyota Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2015 – 2021 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Smart Cab, Double Cab รวมถึง Z Edition (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 154 – 165 มม. และในแบบ Prerunner, 4X4, Rocco และ TRD Sporivo / GR Sport (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 216 – 217 มม.

แม้ว่าตัวรถจะมีระยะต่ำสุดจากพื้นน้อยกว่าในกระบะยี่ห้ออื่นๆ แต่ทาง Toyota ก็ให้ความมั่นใจว่า สามารถนำ Toyota Revo ไปลุยน้ำได้ลึกที่สุดถึง 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยทีเดียว

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Nissan Navara

3. Nissan Navara

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) กระบะพันธุ์กล้าแกร่ง ขับดีแต่ขายไม่ค่อยดี รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – 2020 ในโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 180 – 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre และ Sportech หรือ Black Edition (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 204 – 220 มม.

ส่วนโฉมปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre หรือ PRO2X และ PRO4X มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 225 มม.

ในส่วนของ Nissan Navara (รุ่นยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ถึง 70 เซนติเมตร แต่ถ้าเป็นโฉมใหม่ในรุ่น PRO2X และ PRO4X ลุยน้ำได้ถึง 80 เซนติเมตรเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเอาระยะปลอดภัย ลุยน้ำสูงแค่ 45 เซนติเมตร ตามที่ Nissan เคยบอกเมื่อหลายปีก่อนก็พอละกัน …

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mitsubishi Triton

4. Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) สุดหล่อจอมลุย รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Standard Cab, Mega Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มม. และในแบบ Triton Plus, 4X4 และ Athlete (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 – 220 มม.

สามารถลุยน้ำได้ลึกสุดถึง 70 – 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยครับ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mazda BT-50

5. Mazda BT-50

อีกหนึ่งในรถกระบะจากค่ายมาสด้า อย่าง Mazda BT-50 PRO (มาสด้า บีที-50) รุ่นตั้งแต่ปี 2011 – 2020 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 201 มม. และในแบบ Hi-Racer, 4X4 และ Thunder (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 237 มม.

ส่วน Mazda BT-50 ใหม่ ที่เป็นคู่แฝดกันกับ Isuzu D-Max ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Hi-Racer และ 4X4 (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 235 – 240 มม.

สามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 80 เซนติเมตรเช่นกัน ไม่แพ้รถจากค่ายอื่นๆ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / MG Extender

6. MG Extender

กระบะน้องใหม่ในตลาดรถยนต์บ้านเราอย่าง MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ก็มีคุณสมบัติพร้อมลุยไม่แพ้เพื่อนๆ ปิคอัพในระดับเดียวกัน สามารถลุยน้ำได้สูงถึง 70 เซนติเมตร (ตัวเตี้ย) และ 80 เซนติเมตร (รุ่นยกสูง)

ในรุ่นโฉม Giant Cab และ Extended Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มม. และ 183 มม. กับในแบบ Giant Cab และ Extended Cab (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 231 มม.

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger Raptor

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger

7. Ford Ranger

สำหรับรถกระบะ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ที่สุดสายลุยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ในโฉม Hi-Rider, Wildtrak และ 4X4 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2011 – 2021 ทาง Ford เอง รับประกันว่าสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มม. (หรือ 80 เซนติเมตร) ก็อยู่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถ โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 7 กม./ชม. ตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ

ส่วนในรุ่นกระบะพื้นฐาน ความสูงปกติ สามารถลุยน้ำที่สูงได้ไม่เกิน 600 มม. (60 เซนติเมตร)

ซึ่ง Ford Ranger โฉมปี 2011 – 2014 ตัวรถมีระยะต่ำสุดจากพื้น 201- 232 มม., โฉมปี 2015 – 2021 อยู่ที่ 230 มม. ส่วนในรุ่น Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 281 มม. สามารถลุยน้ำได้ลึกที่สุด 850 มม. (85 เซนติเมตร)

ส่วนประกอบสำคัญๆ ของเครื่องยนต์ ไดชาร์จ ระบบไฟฟ้า ถูกออกแบบมาให้สูงพ้นระดับน้ำดังกล่าว และจุดที่เป็นระบบไฟฟ้าก็หุ้มห่อถึง 2 ชั้น อีกทั้งหม้อกรองอากาศก็ติดตั้งวาล์วกันน้ำเข้าอีกด้วย

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Chevrolet Colorado

8. Chevrolet Colorado

สำหรับ Chevrolet Colorado (เชฟโรเลต โคโรลาโด้) ที่แม้ว่าจะกลายเป็นตำนานไปซะแล้ว (เพราะบริษัทแม่กลับประเทศไป) แต่ความน่าใช้ และความทนทาน ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

ในรุ่นโฉม S-Cab, X-Cab และ G-Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 187 มม. – 194 มม. กับในแบบ High Country, Z71 และ Z71 4X4 และรุ่นพิเศษต่างๆ (ที่ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 198 – 270 มม.

สามารถลุยน้ำที่สูงถึงระดับ 70 – 80 เซนติเมตร อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์จะระบุว่า ลุยน้ำได้ลึกสุดกี่เซนติเมตรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า น้ำจะไม่ได้เข้ามาในรถนะครับ! การขับขี่ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ต่ำ รักษาความเร็วคงที่ หลีกเลี่ยงคลื่นที่อยู่ด้านหน้าของรถยนต์และอย่าหยุดรถ และต้องระมัดระวังเครื่องยนต์และชุดกรองอากาศ หากน้ำไหลเข้าหม้อกรองอากาศจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

ที่สำคัญ หลังจากการลุยน้ำท่วมมาแล้ว อย่าลืมนำรถไปตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ที่อู่ซ่อมรถหรือศูนย์ด้วยนะครับผม

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าการขับรถฝ่าสายฝนคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะมีวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และไม่เกิดเหตุการณ์รถเหินน้ำ เวลาที่ต้องขับลุยพื้นถนนที่เปียกลื่นหรือมีแอ่งน้ำขังกันได้บ้าง วันนี้ masii ก็มีคำตอบและวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนมาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันแล้วค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อขับรถบนถนนเปียก หรือมีแอ่งน้ำขัง โดยมักเกิดขึ้นเมื่อรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถรีดน้ำบนหน้ายางออกได้ทันท่วงที กลายเป็นยางรถยนต์หมุนอยู่บนผิวน้ำ ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน จึงทำให้ควบคุมรถได้ยาก รถลื่น และหากผู้ขับขี่เหยียบเบรกกะทันหัน หรือจับพวงมาลัยไม่แน่น ก็มีโอกาสที่รถจะเสียหลักหมุนได้อย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ

พื้นถนนที่เปียกมีโอกาสที่จะเกิดการเหินน้ำได้สูง ยิ่งหากเป็นพื้นถนนคอนกรีตด้วย ยิ่งมีโอกาสเหินน้ำมากกว่าถนนยางมะตอย เนื่องจากพื้นถนนอาจมีร่องน้ำตามรูของพื้นถนนมากกว่านั่นเอง ซึ่งเรามีวิธีป้องกันรถเหินน้ำ พร้อมกับวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน ดังต่อไปนี้

1. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป

ควรลดความเร็วหรือใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถในช่วงฝนตก หรือใช้ความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. จะทำให้ยางรถยนต์เกาะยึดพื้นถนน และดอกยางสามารถรีดน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพราะจะทำให้รถเหินน้ำ ลื่นไถลออกนอกเส้นทาง หรือเสียหลักพลิกคว่ำได้

2. หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ

แต่ถ้าจะให้ดีควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ จะลดความเสี่ยงในการเหินน้ำได้ดีที่สุด หรือขับรถในเลนกลางเสมอ เพราะแอ่งน้ำขังมักอยู่เลนนอกสุด ริมข้างทาง ข้างแบริเออร์ หรือข้างเกาะกลางถนน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

3. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน

ไม่ว่าจะขับรถอยู่บนแอ่งน้ำหรือไม่ก็ตาม แต่การขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่นก็ไม่ควรเหยียบเบรกทันที เพราะจะทำให้ล้อหยุดหมุนทันที ส่งผลให้รถเสียหลักได้ ยิ่งถนนเปียกก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญไม่ควรเหยียบเบรกแรงขณะขับทางโค้ง เพราะมีโอกาสที่รถจะหลุดโค้งได้ง่ายๆ ทางที่ดีควรค่อยๆ ชะลอความเร็วและแตะเบรกทีละนิดจะดีที่สุด

4. จับพวงมาลัยแน่นๆ

ขณะขับรถในช่วงที่ฝนตก ถนนจะลื่นกว่าปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล เสียหลักได้ง่าย ยังไงแล้วผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยไว้ให้แน่นๆ เพื่อการควบคุมรถที่ดี และยิ่งหากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ หรือ รถเกิดอาการเหินน้ำแล้ว ให้จับพวงมาลัยแน่นๆ ประคองรถให้ดีๆ ชะลอความเร็ว และแตะเบรกเบาๆ ห้ามเบรกกะทันหัน หรือหันพวงมาลัยหนีเด็ดขาด

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

5. เติมลมยางให้พอดี

การเติมลมยางที่เหมาะสมก็ช่วยป้องกันรถยนต์เหินน้ำได้ หากลมยางอ่อนเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง และมีโอกาสเหินน้ำได้ง่ายกว่ายางรถยนต์ที่เติมลมยางปกติ นอกจากนี้ควรหมั่นเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ หากดอกยางเริ่มตื้นหรือโล้นแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางทันที

และนี่ก็คือวิธีป้องกันรถเหินน้ำ รวมถึงวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนที่ masii นำมาฝากกัน ยังไงแล้วก็ขอให้เพื่อนๆ ขับขี่รถยนต์กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อประกันรถยนต์ หรือต่อประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.co.th

ตอนนี้ในทุกๆ วัน ปฎิเสธไม่ได้ว่าฝนได้เริ่มตกทุกวี่ทุกวันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราได้เข้าสู่หน้าฝนแล้ว ซึ่งการที่ฝนตกนั้นอาจทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์เกิดความไม่สะดวกในขณะเดินทาง บางคนก็จอดหยุดพักรอฝนซา แล้วค่อยออกเดินทาง แต่บางคนกลับเลือกดั้นด้นขับเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย การทำแบบนั้นถือว่าอันตรายมากๆ และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายบนท้องถนนได้

ข้อไม่ควรทำระหว่างขับรถขณะฝนตก

สำหรับช่วงนี้ที่มีฝนตกหนัก และมาพร้อมกับลมแรง Masii เลยรวบรวม ข้อไม่ควรทำขณะขับขี่รถยนต์ ในช่วงนี้มาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กัน จะได้เตรียมตัว และป้องกันอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนได้

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

เปิดไฟสูง

เพื่อนๆ หลายคนมักคิดว่า ขณะที่ฝนตกอยู่นั้นต้องใช้ไฟสูง แต่จริงๆ แล้วลำแสงของไฟสูงจะไปชนกับดวงตาของรถคันที่สวนกับเรา จนสามารถเกิดตาพร่ามัวได้ เพราะฉะนั้นการเปิดไฟต่ำ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

อย่าเหยียบเบรกแรง

หากสภาพพื้นถนนเปียก และมีความลื่นอยู่นั้น หลายคนมักจะเลือกเหยียบเบรกแบบชอบเหยียบกดแรงๆ ในยามที่กระชั้นชิด ซึ่งแน่นอนว่าจะได้ผลกับพื้นถนนที่แห้งสนิท แต่สำหรับช่วงที่ฝนตกนั้น น้ำฝนจะส่งผลให้การสัมผัสของหน้ายางกับถนนน้อยลงไป จนทำให้รถของเราเสียหลักได้ ดังนั้นควรเลือกผ่อนเบรกเบาๆ เรื่อยๆ จะดีกว่า

Dont-Do-While-Driving-At-Raining

อย่าลุยน้ำลึก

ในขณะที่ฝนกำลังตกหนักจนน้ำท่วมพื้นนั้น เพื่อนๆ มักจะเลือกขับลุยฝ่าระดับน้ำที่ท่วมได้ แต่การขับรถลุยน้ำแบบนี้จะสามารถทำได้กับเฉพาะรถบางรุ่นเท่านั้น แต่สำหรับบางรถรุ่นที่ไม่สามารถทำได้ การดั้นด้นขับฝ่าลุยน้ำไป จะทำให้ห้องเครื่องดับทันที วิธีที่ดีที่สุดคือควรประเมินดูว่าหากจะขับลุยน้ำ อย่าให้น้ำสูงเกินกว่าขอบประตูด้านล่าง

ไฟฉุกเฉิน

การเปิดไฟฉุกเฉิน และไฟกะพริบอยู่ตลอดเวลาขณะที่ฝนตกอยู่นั้น อย่าได้ทำโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นอาจเกิดอาการตาลาย และรวมไปถึงยากที่จะแยกแยะว่ารถของเรานั้น กำลังจะจอด หรือกำลังขับเคลื่อนอยู่

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อันตราย และอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ดังนั้นการเลือกทำประกันรถยนต์ติดตัวไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจขณะขับขี่ตลอดเส้นทางเดินทางได้แน่นอน คลิกที่นี่ เพื่อเช็กเบี้ยประกันได้ทันที หากมีข้อมูลสงสัยอยากสอบถามโทร 02 710 3100 เรามีทีมงานคอยให้คำปรึกษา

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.com