วิธีเปลี่ยนปัดน้ำฝนใหม่ ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

ช่วงนี้ก็เข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว อุปกรณ์เล็กๆ ของรถ แต่ความสำคัญไม่เล็กอย่าง “ที่ปัดน้ำฝน” ถือว่าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้งานเลยล่ะ หลายคนอาจจะละเลยที่ปัดน้ำฝนไป พอจะเปิดใช้งาน กลับมีเสียงยางขูดกระจกดังครืดๆ ซะแล้ว!

ซึ่งอาการที่ว่ามานี้ หมายถึงยางปัดน้ำฝนเสื่อมแล้ว ถ้ายังฝืนใช้ต่อไป อาจจะทำให้กระจกบังลมหน้าเป็นรอยขูดได้ หรือทำให้รู้สึกรำคาญ เวลาขับรถอีก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังครับ ว่าวิธีเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนนั้น ง่ายนิดเดียว …

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

ใบปัดน้ำฝนที่ดี ต้องสามารถรีดน้ำได้หมดจด และใบปัดไม่ส่งเสียงดังน่ารำคาญ และตัวก้านปัดน้ำฝนของรถ มักจะสั้น-ยาว ไม่เท่ากัน เพราะทางผู้ผลิตก็ออกแบบมาเพื่อให้รับกับส่วนโค้งของกระจก สามารถปัดได้มุมกว้างมากที่สุดบนกระจกบังลมหน้า ส่วนก้านปัดน้ำฝนในด้านท้ายรถ ส่วนใหญ่จะมีในรถเก๋งท้ายตัด เพื่อปัดกวาดน้ำฝน และฝุ่นที่บริเวณกระจกบานท้าย

เราขอแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆ 1 ปี ราคาก็เพียงชุดละหลักร้อยบาท คุ้มค่ากับการใช้งาน ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบยาง หรือแบบซิลิโคน ที่ไม่ต้องใช้โครงเหล็ก

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน มีง่ายๆ ดังนี้ครับ …

  • ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับหมุนใบปัดเป็น 90 องศา
  • ดันสลักเล็กๆ ออก พร้อมเอาใบปัดน้ำฝนออก
  • ดึงยางอันเก่าพร้อมเส้นเหล็กออก
  • ใส่เส้นเหล็ก (ที่ด้านบนของร่องยาง) พร้อมใส่กลับเข้าไปในโครงเหล็กใบปัดน้ำฝน
  • ถ้ามียางส่วนเกิน ก็ตัดออกซะ
  • ทำเรียบร้อย ใส่กลับไปในก้านปัดน้ำฝน แค่นี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว

ที่ปัดน้ำฝนมีเสียง! เปลี่ยนใหม่ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

สิ่งสำคัญ อย่าลืมทำความสะอาดชุดปัดน้ำฝน และกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตรวจเช็คน้ำยาล้างกระจกให้พร้อม แค่นี้ใบปัดน้ำฝนก็พร้อมใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้แล้ว รับรองขับรถได้อย่างปลอดภัยหายห่วง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เหมาะกับโรงรถบ้านคุณ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ ในช่วงนี้ประเทศของเรายังคงมีข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 กันอยู่นะคะและช่วงนี้ได้เข้าสู่ช่วงหน้าฝนของบ้านเรา ฉะนั้นแอดมินจึงนำบทความเกี่ยวกับ วิธีดูแลรักษาสีรถ ในช่วงฤดูฝนมาฝากกันค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

1. ล้างรถสม่ำเสมอ

เกิดจากฝนในเมืองมักจะเป็นฝนกรด และมันทำลายสีรถยนต์ของเราโดยตรง และแม้ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ตามคราบฝุ่นต่างๆ ก็จะติดอยู่ที่ตัวรถอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราจึงต้องฉีดน้ำแรงๆ เพื่อล้างคราบสกปรก ดินโคลน และฝุ่นออกไปซะหน่อยนะคะ ยิ่งล้างได้ทุกครั้งหลังตากฝนจะยิ่งดีมากเลยค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

2. ไม่ใช้ผ้าแห้งเช็ครถหลังฝนตก

ลองดูภาพดูนะคะ เราเพิ่งขับรถตากฝน ฝุ่น โคลนมาอย่างมากมาย แล้วถ้าเราดันไปใช้ผ้าแห้งเช็ดสีรถยนต์ของเราก็เป็นรอยนะคะ รอยขนแมวจะตามมาอีกเพียบ ควรใช้น้ำฉีดแรงๆ ดีที่สุดค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

3. เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว เลี่ยงการจอดรถตากแดด

เพื่อป้องกันคราบน้ำฝนฝังตัวแน่นเนื่องจากความร้อนของแสงแดดทำให้สีรถยนต์ของเราเป็นด่างเป็นดวงได้โดยเฉพาะรถสีเข้มๆ งานนี้ต้องเรารถยนต์เอาไปล้างเคลือบสีโดยด่วนเลยค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

4. เคลือบสีรถหากมีเวลา

ข้อนี้ดี และสะดวก ง่าย แต่เปลืองเงินซักหน่อย แต่รับรองเมื่อเคลือบแล้วรถก็จะกลับมาสวยอย่างเหมือนใหม่อย่างแน่นอน

ช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ หากคุณต้องการขายรถด่วนให้ CARRO ช่วยได้ขายให้ภายใน 24 ชั่วโมง และได้ราคาดี และหากต้องการรถยนต์ใหม่ ป้ายแดง โปรแรงๆ สามารถดูโปรโมชั่นได้ที่ https://www.siamcardeal.com/ หรือสามารถ Inbox สอบถามโปรโมชั่นรถใหม่และข่าวสารได้ที่ Facebook Siamcardeal

หรือ Add Line เพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม @siamcardeal
Line : https://line.me/R/ti/p/@siamcardeal
Inbox : http://m.me/siamcardeal

Safety-Driving-At-Rain-Season

ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนช่วงฝนตกสุดแสนจะอันตราย เพราะนอกจากถนนจะเปียกลื่นแล้ว ทัศนวิสัยในการมองเห็นทางก็ย่อมจะไม่มีด้วยเช่นกัน วันนี้ rabbit finance ขอแนะวิธีขับรถอย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝนมาฝากกัน

ขับรถช่วงหน้าฝนต้องระวังอะไรบ้าง

1. ไม่ขับรถเร็ว

สิ่งไม่คาดคิดขณะที่กำลังขับรถช่วงหน้าฝนย่อมเกินขึ้นได้เสมอกับอุบัติเหตุต่างๆ ฉะนั้นแล้วเมื่อฝนตก ตอนเวลาที่ขับรถอยู่บนท้องถนนควรที่จะลดความเร็วลงจากปกติ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ หรือมีต้นไม้หักกีดขวางทางถนนไว้ก็จะได้เบรกทัน ทำให้ไม่เกิดความสูญเสีย เพราะเรายังสามารถที่จะเบรกได้ทันนั่นเอง

2. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน

ช่วงฝนตกพื้นถนนมีความลื่นหรือมีน้ำขังอยู่บนท้องถนน จึงควรขับรถอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมากต้องมีสติกว่าการขับรถในช่วงปกติเป็นเท่าตัว เพราะเมื่อขับรถยนต์อยู่บนท้องถนนแล้วเกิดเบรกกระทันหัน อาจทำให้รถของเรานั้นที่ขับอยู่เกิดเสียการทรงตัวจนไม่สามารถควบคุมรถได้ เพราะจากความลื่นของถนนอาจทำให้รถไถลจนไปชนรถด้านหน้าได้ รวมไปถึงรถที่ตามหลังมาด้านหลังอาจเบรกไม่ทันและชนท้ายของเราได้เช่นกัน

Safety-Driving-At-Rain-Season

3. เลี่ยงถนนที่เป็นแอ่งน้ำ

เมื่อเกิดฝนตกตอนขับขี่รถยนต์ ทำให้บางพื้นที่ของท้องถนนนั้นเกิดน้ำท่วมขัง ฉะนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยในเวลาขับรถช่วงหน้าฝน ความหลีกเลี่ยงถนนช่วงที่มีน้ำขัง หรืองแอ่งน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ในขณะที่ถนนเปียกหรือมีน้ำเพิ่มมากขึ้นบนพื้นถนน ทำให้ยางหมุนอยู่บนฟิล์มน้ำแทน อันเป็นเหตุให้รถเสียการควบคุม และเกิดอาการลื่นไถลได้นั่นเอง

4. เปิดไฟรถยนต์

การเปิดไฟหน้าและหลังรถจะช่วยทำให้ผู้ขับรถนั้นสามารถมองเห็นถนนในช่วงเวลาที่มืดได้ดีขึ้น และผู้ขับขี่คนอื่นทั้่งที่อยู่คันหน้าและคันหลังจะได้เห็นสัญญาณไฟรถของเราชัดเจนมากขึ้น และทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นแล้วต้องไม่ลืมว่าช่วงที่มีฝนตกหนักนั้นการมองเห็นเส้นทางของถนนจะมีความยากมากกว่าปกติ ต้องขับด้วยความระมัดระวัง

Safety-Driving-At-Rain-Season

5. ทิ้งช่องว่างระยะห่างในการขับขี่

ช่วงที่เกิดฝนตกหนัก ถนนหนทางมีความเปียกและลื่น จึงทำให้ต้องมีการเว้นระยะห่างของการขับรถเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทันและเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง ฉะนั้นเมื่อต้องขับรถในช่วงหน้าฝนต้องขับรถอย่างมีสติ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงอุบัติเหตุในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก กับสภาพอากาศที่ไม่ปกติอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลานั่นเอง

6. ประกันรถยนต์

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความจำเป็นต้องเดินทางขับรถช่วงหน้าฝน ต้องมีความระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเรามีประกันรถยนต์ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน และไม่ว่าถูกหรือผิดก็มีสิทธิ์ได้รับค่าเสียหายตามประเภทของกรมธรรม์ได้

หากสนใจทำประกันรถยนต์แต่ไม่รู้ว่าจะทำประกันรถที่ไหนดี สามารถเช็กราคาประกันรถยนต์ได้ที่ rabbit finance หรืออ่านบทความดีๆ จากเราได้เป็นประจำ

Carro-Roojai-Driving-Safety-In-Rain-Season

เรื่องถนนลื่นคือความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ หากต้อง “ขับรถหน้าฝน” ความปลอดภัยบนท้องถนน จึงกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องพึงนึกถึงไว้เสมอตอนที่อยู่หลังพวงมาลัยและมีสายฝนตกบนหน้ากระจกรถคุณ หากผู้ขับขี่มีเทคนิคในการขับขี่ที่ดี เส้นทางฝนตกที่ต้องเผชิญก็ไม่ใช่ปัญหา และสามารถขับไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ

Driving-Safety-In-Rain-Season

Roojai.com จะพาคุณไปดูเทคนิค “ขับรถหน้าฝน” อย่างปลอดภัย เราจะแนะนำว่าอะไรบ้างที่ต้องทำ อะไรบ้างที่ต้องเตรียม และ ข้อควรระวัง ขณะขับรถหน้าฝน

“ขับรถหน้าฝน” ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพและปลอดภัยมากกว่าเดิม

อย่าเล่นโทรศัพท์มือถือ

สมาธิคือสิ่งสำคัญในการขับขี่ ด้วยสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก ทรรศนะวิสัยการมองเห็นไม่ชัดเจน สิ่งรบกวนมีรอบตัวขณะขับขี่ การโฟกัสแต่สิ่งที่อยู่บนถนนข้างหน้าย่อมสำคัญกว่าหน้า Feed บน Facebook ดังนั้น “อย่าหยิบมือถือ” ให้วางมือถือไว้ไม่ต้องเล่น หากต้องขับรถขณะที่ฝนตก เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนในทุกเส้นทางของคุณ

Driving-Safety-In-Rain-Season

สภาพยางรถยนต์ไม่ไหว ต้องเปลี่ยน

ถ้ายางรถยนต์เสื่อมสภาพแล้วก็จะทำให้ความสามารถในการเกาะถนนลดน้อยลง ยิ่งขับรถหน้าฝน ถนนลื่นยิ่งน่ากลัว ทางที่ดีควรตรวจสอบสภาพยางของรถคุณว่าเก่าไปหรือเปล่า ยังพอใช้งานได้หรือไม่ หรือว่าเนื้อยางไม่ไหวแล้วที่จะเกาะถนนก็ควรเปลี่ยนใหม่ แล้วคุณจะมั่นใจในจังหวะเลี้ยว จังหวะเบรก และทุกจังหวะของการขับขี่ได้มากกว่าเดิม ไม่เฉพาะแต่ตอนถนนเปียกเท่านั้น ตอนถนนแห้งรถก็ขับขี่ได้ดีกว่าเดิมกับยางใหม่

เตรียมยางปัดน้ำฝนให้พร้อม

Driving-Safety-In-Rain-Season

หงุดหงิดมั้ย? เวลาที่ปัดกระจกหน้ารถแล้วไม่สะอาด ช่วงหน้าฝนยิ่งควรเตรียมใบปัดน้ำฝนให้พร้อมกับประสิทธิภาพการทำงานที่เต็มร้อย ปัดแล้วสะอาดทันที ไม่ใช่เสื่อมสภาพ ยิ่งปัดยิ่งสกปรกมองไม่เห็น เตรียมพร้อมไว้ถ้าถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่จะใช้งานทีก็นึกขึ้นได้ที แบบนี้มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง

ถ้าไม่ไหว ให้จอดข้างทาง

ฝนตกหนัก ๆ บางทีข้างหน้าก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว วางใจไม่ได้ก็หาที่จอดข้างทางดีกว่า ถ้าคุณประเมินแล้วขับต่อไปยิ่งเสี่ยง ข้างหน้ามองไม่เห็น ข้างหลังก็มองยาก ให้หาที่จอดรถข้างทางที่เป็นที่สำหรับจอดปลอดภัยมากที่สุด ที่สำคัญอย่าจอดสุ่มสี่สุ่มห้าหรือจะจอดตรงไหนก็จอด เพราะอาจจะยิ่งอันตรายมากกว่าเดิม คนอื่นมองไม่เห็นแล้วขับมาชนเอาได้

ให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าเดิม

ฝนตกหนักๆ ไม่ควรใช้ความเร็วสูงนั้นถูกต้องแล้ว แต่ที่สำคัญอีกข้อก็คือ ควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้มากกว่าเดิม เผื่อจังหวะไม่คาดฝัน เหยียบเบรกกระทันหัน จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ ห่างสัก 12-15 เมตรได้ยิ่งดี ถ้าอยู่ในเส้นทางที่รถโล่ง เผื่อระยะเบรกไว้สักหน่อย ยังไงก็ปลอดภัยกว่า

ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.

“ฝนตกถนนลื่น” คำนี้หลายคนน่าจะเคยได้ยิน และเมื่อขับรถเร็ว ๆ ต้องเบรกกระทันหันในบางสถานการณ์ สมรรถนะรถจะดีแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ถ้าถนนลื่น ถ้าไม่อยากเสี่ยง อย่าขับรถเร็วเมื่อฝนตก แม้ฝนจะหยุดแล้วแต่ถนนยังลื่นอยู่ก็ไม่ควรขับเร็วมากเกินไป ขับรถหน้าฝน ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. น่าจะปลอดภัยที่สุด

Driving-Safety-In-Rain-Season

เปิดไฟรถทั้งหน้าและหลัง

เปิดไฟหน้าก็เพื่อให้ทัศนวิสัยในการมองเส้นทางของคุณทำได้ง่ายขึ้น ส่วนไฟท้ายก็เพื่อให้รถคันหลังเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้นเช่นกัน หลายคนถ้าเคยเจอเส้นทางที่ฝนตกหนักจริง ๆ จะรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะมองเห็นรถคันข้างหน้า เพราะฉะนั้นการเปิดไฟรถทั้งหน้าและหลัง ก็จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยบนถนนได้เป็นอย่างดี

เพียงเท่านี้ การขับรถหน้าฝน ก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เตรียมรถให้พร้อม ถ้าคนขับรู้เทคนิคการใช้รถด้วย ยังไงก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แต่ถึงอย่างไรรถทุกคันควรมีประกันรถยนต์ติดไว้ “ชัวร์” ขึ้นอีกขั้นว่าหากเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ต้องกังวล และที่ Roojai.com ประกันรถออนไลน์ เราก็มีแผนประกันให้คุณเลือกและปรับเปลี่ยนได้เองตามต้องการ ซื้อง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาดี และเชื่อใจได้ ต้อง Roojai.com รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า แถมผ่อนเบี้ยสบายกระเป๋านานถึง 10 งวด ไม่ง้อบัตรเครดิต ใช้บัตรเดบิตผ่อนได้อีกด้วย

ใกล้แล้วกับฤดูแห่งความเหงา คุณน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าคือฤดูอะไร ใช่ฤดูฝน เมื่อความเหงาเข้ามาปกคลุม คนโสดทั้งหลายคงไม่มีใครอยากนั่งเหงาท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมของสายฝนอยู่ในบ้านหรอก แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักอยากขับรถออกไปในที่ใดสักที่หนึ่ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แสนเหงาที่อยู่บ้านเพียงคนเดียว แต่การออกไปขับรถกลางลมฝนนั้นมันไม่ปลอดภัยเหมือนการขับรถเวลาปกติอยู่ และไม่ว่าเหตุใดที่ทำให้คุณต้องขับรถออกไปนอกบ้าน ในขณะที่ฝนกำลังตก คุณควรจะรู้วิธีที่จะทำให้การขับรถของคุณนั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น

การเกิดอุบัติเหตุนั้นนอกจากเกิดจากรถคันอื่นแล้ว อีกสาเหตุคือมาจากความประมาทของตัวคุณอีกหนึ่งคนที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนได้ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยเราก็ควรที่จะรู้เพื่อลดความเสี่ยงของเราไว้ก่อน มากหรือน้อยแต่ถ้าหากปฏิบัติถูกต้องก็ถือว่าได้ลดความเสี่ยงของรถคุณเองไม่มากก็น้อย

ดังนั้นเราจะมี 5 วิธีที่จะมาแนะนำว่า ควรทำอย่างไรเมื่อต้องออกไปขับรถท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา

1.เปิดที่ปัดน้ำฝนในระดับปานกลาง

เมื่อขับรถออกไปเจอกับสภาพอากาศฝนตกสิ่งแรกที่ควรเปิดเลย คือ ที่ปัดน้ำฝน ที่จะช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการมองทางของคุณดีขึ้นไม่มากก็น้อยทีเดียว ที่สำคัญเราควรดูแลที่ปัดน้ำฝนว่า เสียหายหรือมีปัญหาอะไรไหม สังเกตได้จากระหว่างที่ปัดน้ำอยู่จะมีเสียงเสียดสีกันระหว่างยางของที่ปัดน้ำฝน กับกระจก ในหน้าฝนนั้นที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์อันดับต้นๆที่ควรดูแลเป็นอย่างยิ่ง

driving in rain 1

2.เปิดไฟหน้ารถทันทีเมื่อขับออกไปเจอฝน

การเปิดไฟขณะที่ฝนตกนั้น จะทำให้ไฟท้ายของเราติดขึ้นมา เพื่อให้รถที่ขับตามหรือรถด้านหลังมองเห็นไฟของรถเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และไฟน้าทำให้เรามองเห็นทางชัดเจนมากขึ้น ถ้าหากวิสัยทัศน์ยังแย่อยู่ให้เปิดเป็นไฟสูงเพื่อทำให้มองเห็นทางด้านหน้าได้ไกลและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

driving in rain 2

3.ลดความระหว่างขับลงเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากขึ้น

การเว้นระยะห่างนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าหากรถคันนั้นเกิดเบรกกะทันหันจะทำให้เรามีพื้นที่ให้รถเบรคก่อนที่จะถึงรถคันหน้า ทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้

driving in rain 4

 4.ควรเปิดสัญญาณไฟให้ชัดเจน

การเปิดสัญญาณไฟเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อให้รถคันหลังของเรามองเห็นว่ารถของเราจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหนต่อ เพื่อลดความเข้าใจผิดต่อรถที่ขับตาม และช่วยลดอุบัติเหตุระหว่างขับรถในขณะที่ฝนตกได้

driving in rain 3

5.การลดฝ้าที่ขึ้นบนกระจก

ข้อสุดท้ายที่เราเจอบ่อยที่สุดระหว่างขับรถกลางฝน คือ การที่ฝ้าขึ้นกระจกรถของเรา สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้านั้นมาจากการที่อุณหภูมิในรถนั้นร้อนกว่าด้านนอกที่ฝนตกอยู่ ให้กดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังจะช่วยให้ฝ้าที่กระจกหลังของเราค่อยๆหายไป และการเปิดแอร์ให้เย็นขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อยก็เป็นการช่วยลดฝ้าที่กระจกรถส่วนอื่นได้อีกด้วย

driving in rain 5

การขับรถออกจากสถานที่ใดที่หนึ่งนั้น ไม่ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณต้องขับรถออกไปท่ามกลางสายฝน ก็คงสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่อีกสิ่งที่สำคัญมากกว่าสาเหตุของคุณก็คือ ความปลอดภัย ระหว่างขับรถกลางสายฝนที่มีวิสัยทัศน์การมองแย่ลงตามระดับความแรงของฝนที่ตกอยู่ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับที่ประสบการณ์มามากแค่ไหน แต่การขับรถที่มีวิสัยทัศน์แย่ที่เกิดขึ้นกับรถทุกคันนั้น ควรพึงระวังว่าอุบัติเหตุสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การลดความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับรถควรรู้และปฏิบัติตลอดเวลาขับรถ

สุดท้ายคือ ถ้าหากฝนตกหนักหรือแรงเกินไปจนไม่สามารถมองทางได้ชัดเจนแม้จะใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วคุณก็ควรที่จะหาที่จอดริมทางที่ปลอดภัย เพื่อรอให้ฝนหยุดหรือเบาลงก่อนจึงเริ่มออกเดินทางต่อ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้โดยสารของคุณนั่นเอง หาโปรโมชั่นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง พร้อมของแถม สามารถดูได้ที่ www.siamcardeal.com เราพร้อมให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง