รถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ในเวลานี้ยุคที่น้ำมันราคาแพงไปทั่วโลก ส่งผลให้ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังบูมในตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งมาแรงไปกว่าเดิมอีก! เนื่องจากการชาร์จไฟรถยนต์ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผู้คนทั่วโลกต่างเปิดใจยอมรับ และรัฐบาลแต่ละประเทศผลักดันเป็นนโยบายเร่งด่วนให้ทุกค่ายรถต้องผลิตรถ EV ขายเป็นหลักในอนาคต

แต่คุณทราบหรือไม่ว่า รถยนต์ไฟฟ้า มีต้นกำเนิดในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเลย เพื่อทดแทนจากใช้รถม้า นั่นคือย้อนไปเมื่อประมาณ 140 ปีก่อน กับจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ที่คนสนใจประวัติรถยนต์ไฟฟ้า ต้องไม่พลาด!

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟัง ถึงประวัติรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลกกันครับ

Gustave Trouve รถยนต์ไฟฟ้า Tricycle

Gustave Trouve กับรถยนต์ไฟฟ้า 3 ล้อ

หลังจากการคิดค้นแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้าได้ และมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อน จากนักประดิษฐ์หลายคน …

รถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นมาครั้งแรกของโลก เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1881 โดย Gustave Trouve นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส ได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า ที่สร้างมาในรูปแบบของรถ 3 ล้อ (Tricycle) ภายในงานแสดงสินค้านานาชาติ International Electrical Exhibition ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่เป็นเพียงการโชว์เท่านั้น

Thomas Parker รถยนต์ไฟฟ้า

Thomas Parker กับรถยนต์ไฟฟ้า

ต่อมาในปี ค.ศ. 1884 Thomas Parker วิศวกรไฟฟ้า และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “The Edison of Europe” ผู้พัฒนาระบบไฟฟ้าของรถไฟใต้ดินของกรุงลอนดอน และสายไฟสำหรับรถรางไฟฟ้าในเมือง Liverpool และ Birmingham ได้สร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบชาร์จได้จากแบตเตอรี่ที่ออกแบบเอง ในเมือง Wolverhampton ประเทศอังกฤษ แต่รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ก็เหลือแค่เพียงหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายจากในปี 1895 เท่านั้น

นับได้ว่า อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นสองชาติที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง จนถึงข้ามฝั่งไปยังสหรัฐอเมริกาด้วย

Andreas Flocken รถยนต์ไฟฟ้า Flocken Elektrowagen

Andreas Flocken กับรถยนต์ไฟฟ้า Flocken Elektrowagen

ในปี ค.ศ. 1888 Andreas Flocken นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน ได้ออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อว่า Flocken Elektrowagen ซึ่งรถคันนี้ถูกจัดว่าเป็น “รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก” ที่แท้จริง และยังมีของจริงคันเป็นๆ เหลืออยู่ ตัวรถให้กำลัง 0.9 กิโลวัตต์ (1 แรงม้า) วิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม. บนน้ำหนักตัวรถ 400 กิโลกรัม

รถแท็กซี่ไฟฟ้าใน New York และ London

ยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้า

ในช่วงปี 1890 – 1900 นับได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของรถยนต์ไฟฟ้าช่วงเริ่มต้นเลยทีเดียว มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเกิดขึ้นอย่างมาก ทั้งจากฝั่งยุโรปและฝั่งอเมริกา

โดยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยังมีการนำรถยนต์ไฟฟ้า มาใช้งานจริงด้วยการทำเป็นรถแท็กซี่ให้บริการอีกด้วยในปี 1897 เพื่อทดแทนรถม้า และในปีเดียวกัน ก็มีบริษัท Samuel’s Electric Carriage and Wagon Company เริ่มต้นให้บริการรถม้าไฟฟ้า (Hansom Cabs) ในเมือง New York ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้วยข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องสตาร์ท ไม่ต้องเข้าเกียร์ ไม่มีควันไอเสีย และเงียบ ไม่สั่นสะท้าน เหยียบคันเร่งอย่างเดียวคล้ายรถ EV ในยุคนี้ จึงเป็นการใช้งานที่สะดวกสบายกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในยุคนั้น (เพราะต้องหมุนเครื่องยนต์ด้านหน้ารถเพื่อสตาร์ท เครื่องยนต์เสียงดัง กลิ่นน้ำมันที่แรงกว่าน้ำมันยุคนี้ และเกียร์ที่เข้าค่อนข้างยาก) หรือรถยนต์พลังไอน้ำ (ที่ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องนานมาก กว่าจะขับออกไปได้ และน้ำหนักรถเยอะ เพราะต้องบรรทุกน้ำไปด้วย)

ประวัติรถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ขาลงของรถยนต์ไฟฟ้า (ยุคแรก)

รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) เป็นเชื้อเพลิง เริ่มพัฒนาให้สามารถวิ่งได้ไกล เร็ว และสะดวกสบายในการใช้งานที่มากขึ้น ด้วยมอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์ ทำให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน เริ่มได้รับความนิยมและเข้ามาแทนที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ในเวลานั้นรถยนต์ไฟฟ้ายังทำความเร็วได้ไม่มาก (เฉลี่ย 24 – 32 กม./ชม.) และระยะทางในการวิ่งที่ไม่เยอะ (เฉลี่ย 50 – 65 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง) ใช้งานได้แค่ในเมืองมากกว่า

การสร้างถนนออกนอกเมืองมากขึ้น ย่นเวลาการเดินทางได้มากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีขีดจำกัดในการเดินทางไกลๆ ส่วนแบตเตอรี่ในยุคนั้น ก็ไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ใช้เดินทางระยะไกลได้ รถยนต์ไฟฟ้าเลยเสื่อมความนิยมลง

ยุคท้ายสุดของรถยนต์ไฟฟ้าช่วงแรก นั่นคือการที่ Henry Ford (เฮนรี่ ฟอร์ด) สามารถสร้างรถ Ford Model T ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ และสามารถผลิตรถยนต์แบบ Mass Production สาารถผลิตรถยนต์ได้เป็นจำนวนมาก จนต้นทุนราคารถยนต์ลดลง จนเกิด Economies of Scales ที่คนทั่วไปจับต้องได้

ราคาของรถ Ford Model T อยู่ที่ 260 ดอลลาร์สหรัฐ แต่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ราคา 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ แพงกว่าโมเดล T เกือบ 7 เท่า!

รวมไปถึงการค้นพบน้ำมันในรัฐ Texas และ Okahoma ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จึงส่งผลให้น้ำมันมีราคาถูกลงมาก คนนิยมใช้รถยนต์กันอย่างมหาศาล จนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ต้องทยอยปิดตัวกันไป หรือไปทำกิจการอย่างอื่นแทน

รถยนต์ไฟฟ้า Tama Electric Car

หวนมาอีกครั้งในช่วงสั้นๆ

ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วโลกประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้ถูกนำมาทำตลาดกันอีกครั้ง จากผู้ผลิตต่างๆ เช่น Tachikawa Aircraft Company ประเทศญี่ปุ่น (ต่อมากลายเป็นบริษัท Prince Motor ก่อนถูกรวบกิจการโดย Datsun และ Nissan ในปี 1966)

ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tama Electric Car ที่พัฒนาโดย Tokyo Electro Automobile ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3.3 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แบบ Lead-Acid (40V/162Ah) ออกมาในปี 1947 เพื่อใช้มาทำเป็นรถแท็กซี่

รถยนต์ไฟฟ้า Henney Kilowatt

และในสหรัฐอเมริกา มีการนำเอา Renault Dauphine มาดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดย Henney Kilowatt (เฮนนี่ กิโลวัตต์) ที่แต่เดิมคือบริษัท Henney Motor Company ร่วมกับทาง Eureka Williams จากนั้นได้เข้ามาเป็นบริษัทในเครือของ National Union Electric Co. ในปี 1953 ริเริ่มโครงการขึ้นโดย C. Russell Feldmann นำเอาแบตเตอรี่มาใส่ใน Renault Dauphine จำหน่ายในปี 1959 – 1960

ใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5.2 กิโลวัตต์ (7 แรงม้า) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด โดยในรุ่นปี 1959 ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 36V สามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 64 กิโลเมตร เร่งได้เร็วกว่า 60 กม./ชม. ต่อมาในปี 1960 ปรับปรุงชุดแบตเตอรี่ใหม่เป็นขนาด 72V วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 97 – 105 กิโลเมตร และทำความเร็วได้เกิน 90 กม./ชม.

ตัวรถสร้างขึ้นมาทั้งหมดเพียงแค่ 100 คัน แต่ขายได้แค่เพียง 47 คัน สนนราคา 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Renault Dauphine ปกติ จำหน่ายในราคา 1,645 ดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่ง Henney Kilowatt จัดได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลก ที่ผลิตในระบบ Mass Production

ประวัติรถยนต์ไฟฟ้า มีขึ้นในโลกกว่า 140 ปี!

ในยุค 70 -90 ก็มีผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายเจ้า เช่น GM, GE, Ford, Toyota, Nissan, Honda, Mitsubishi, Mercedes-Benz, BMW หรือ Renault ก็เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ในรูปแบบรถยนต์ต้นแบบ หรือรถทดลองใช้งานจริง และ Tesla ก็มาเป็นผู้จุดประกายความโด่งดังให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในยุค 2000 จนเกิดผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ขึ้นมามากมายในปัจจุบันครับ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาบางส่วนจาก: