Car-In-Motorshow-2018

Motor Show 2018 จัดเต็มทั้งรถต้นแบบ รถไฟฟ้า รถแต่ง นวัตกรรมยานยนต์ และพริตตี้สาวสวย

Volvo-Motorshow-2018

“มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39” หรือ The 39th Bangkok International Motor Show 2018 ภายใต้แนวคิด “ปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว” หรือ “Revolution in Motion” พร้อมนำรถรุ่นใหม่ ทั้งที่เปิดตัวในปีนี้และปีที่ผ่านมา รวมทั้งรุ่นยอดนิยม มาจัดแสดงต้อนรับต้นปีอย่างยิ่งใหญ่ โดยงานมอเตอร์โชว์ 2018 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ ที่ปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2018 โดยบริษัทรถยนต์หลายแบรนด์ ต่างเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันหลายค่าย CARRO ขอแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ครับผม …

เชิญพบกับรถยนต์ที่ร่วมงานจำนวนมากถึง 30 แบรนด์ หลากหลายประเทศ และรถจักรยานยนต์อีก 15 แบรนด์

ทาง CARRO อยากให้คนรักรถทุกท่าน หาโอกาสไปเดินเที่ยวกันจริงๆ ครับ … เชิญชมกับภาพบรรยากาศภายในงาน Motor Show 2018 กันได้เลย

Nissan-GT-R

Nissan GT-R

Toyota-C-HR

Toyota C-HR

Toyota-Alphard

Toyota Alphard (Minorchange)

Honda-Civic-Hatchback-Red

Honda Civic Hatchback RED

Honda-Clarity-Fuel-Cell

Honda Clarity Fuel Cell

Mazda3

Mazda3

Mitsubishi-eX-Concept

Mitsubishi eX Concept

Suzuki-Swift

Suzuki Swift

Isuzu-D-Max-X-Series

Isuzu D-Max X-Series

Mercedes-Benz-E-200-Coupé-AMG-Dynamic

Mercedes-Benz E 200 Coupé AMG Dynamic

Mercedes-Benz-CLS-300-d-AMG-Premium

Mercedes-Benz CLS 300 d AMG Premium

Audi-A8-L

Audi A8 L

Aston-Martin-V8-Vantage

Aston Martin V8 Vantage

Jaguar-E-Pace

Jaguar E-Pace

Maserati-Ghibli

Maserati Ghibli

Rolls-Royce-Phantom

Rolls-Royce Phantom

BMW-X2

BMW X2

BMW-M4

BMW M4 CS

BMW-M5

BMW M5

BMW-530i-M-Sport

BMW 530i M Sport

Ford-Ranger-Raptor

Ford Ranger Raptor

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm

Chevrolet Colorado High Country Storm

Fomm-EV

Fomm EV

BYD-e6

BYD e6

Hyundai-Ioniq

Hyundai Ioniq

mercedes-benz-top-5

ที่สุดของ Benz! สุดยอดรถ 5 รุ่น
ที่ดีที่สุดจาก Mercedes-Benz

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายที่น่าประทับใจมาโดยตลอด ซึ่งครอบคลุมตลาดและช่องทางการตลาดเกือบทุกประเภทตั้งแต่รถ SUV ไปจนถึงรถสปอร์ต ตั้งแต่รถหรู ไปถึงรถปิคอัพรุ่นแรกที่เบนซ์เคยผลิตมาเลยทีเดียว

mercedes-benz Top 5

ซึ่งรุ่นที่ดีที่สุดของเบนซ์ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า 6 รุ่น ซึ่งแต่ละคันก็เป็นตัวท็อปของรุ่น มีทั้งเวอร์ชั่น C-, E-, S-Class, SLC, SL Roadster ก็ยังมี และ AMG GT Roadster ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

mercedes-benz Top 4

ถึงแม้ว่าเบนซ์จะมีรถดีๆหลายรุ่นอยู่แล้ว  แต่เบนซ์ก็ไม่เคยหยุดพัฒนา เพราะเบนซ์เป็นบริษัทที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเบนซ์ชอบที่จะสร้างเซอร์ไพรส์โดยการผลิตอะไรใหม่ๆ ออกมาเสมอ

เช่น ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราอาจจะได้พบกับ Mercedes-AMG GT Roadster อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เบนซ์รุ่น AMG GT Roadster จะมีแรงบิดถึง 547 แรงม้า หรือแรงบิด 501 ปอนด์-ฟุต (680 นิวตัน-เมตร) ที่ใช้เวลาเพียง 3.7 วินาทีถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมง (100 กม./ชม.) และมีความเร็วสูงสุด 196 ไมล์ต่อชั่วโมง ในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

mercedes-benz Top 3

mercedes-benz top 2อย่างไรก็ตาม AMG GT C Roadster อาจจะยังไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุดแม้ว่าจะอยู่ในรายชื่อ Top 5 เช่นเดียวกันกับรุ่นที่หรูหราอย่าง S-Class Cabriolet และรุ่น Mercedes-Maybach Vision 6mercedes-benz top 1

โดย YouTube ได้ปล่อยวิดีโอที่จัดทำขึ้นโดยผู้ผลิตรถยนต์ชาวเยอรมัน ที่กล่าวถึงรถคลาสสิกรุ่น 280 SE 3.5 Cabriolet โดยให้ข้อมูลว่า รุ่นนี้ตัวรถและแผงหน้ารถทำจากไม้วีเนียร์ กระจกใช้ระบบไฟฟ้า ซึ่งรุ่นนี้ได้สมญานามว่าเป็นรถหรูไร้กาลเวลาของเบนซ์ ตามข้อมูลของบริษัท

และสำหรับคำว่าอันดับหนึ่ง ก็ต้องถูกสงวนไว้ให้กับรถที่พิเศษและดีที่สุด ซึ่งก็ตกเป็นของ Mercedes-Benz ที่สามารถตอบสนองผู้ที่ต้องการขับขี่ “ยนตรกรรมที่ดีที่สุด” ได้เสมอ ซึ่งแฟนตัวจริงของ “Benz” จะรู้ดีว่าอะไรคือ “The Best” และหากคุณกำลังมองหารถ Benz มือสอง (คลิก) หรือต้องการขายรถ Benz คันเก่าแบบได้เงินสดที่รวดเร็วทันใจ (คลิก)

 

ที่มา : carscoops.com

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เปิดตัวโคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม ปี 2019 ด้วยสีภายนอกใหม่ กับตกแต่งรถกระบะ “Thunder” ใหม่ล่าสุด และเพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active

เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถกระบะ Colorado High Country Storm รุ่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมสีภายนอกใหม่ล่าสุด “Orange Crush” บนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ที่มีแสงสีส้มเรืองรองของพระอาทิตย์ตกดิน เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบ

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

Storm มีสีภายนอกทั้งหมด 8 สี ได้แก่ สีใหม่ Orange Crush, Blue Me Away, Pull Me Over Red, Black Meet Kettle Metallic, Summit White, Satin Steel Grey Metallic, Auburn Brown Metallic รวมถึงอีกหนึ่งสีใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เชฟโรเลต ยังตกแต่งโคโลราโด สี Orange Crush พระเอกของงานให้โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมจากชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” ชุดใหม่ ประกอบด้วย

– ซุ้มล้อสีดำด้าน
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหน้า
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหลัง
– เบดไลเนอร์
– บันไดข้างสีดำแบบสปอร์ต
– กระจังหน้าสีดำ
– สติ๊กเกอร์สีดาด้าน พร้อมสัญลักษณ์โคโรลาโดสาหรับตกแต่งฝากระบะท้าย
– ฝาปิดถังน้ามัน พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ
– ฮูด สกู๊ป

ท่านสามารถดูรายละเอียดชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” สำหรับรถกระบะโคโรลาโดทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ Chevrolet

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

นอกจากนี้ ยังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนี้

– ชุดตกแต่งแผงคอนโซลหน้ากลางสีส้ม
– ชุดตกแต่งคันเกียร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งช่องแอร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งข้างประตูสีส้ม

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” มีจำหน่ายแยกไม่รวมอยู่ในชุดแต่งบนรถรุ่น High Country Storm ซึ่งประกอบไปด้วย สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สติกเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country กระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตู มือจับทีเปิดฝาท้าย ขอบหน้าต่าง กันชนท้ายสีดำพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง และสติกเกอร์สตอร์มตกแต่งข้างตัวรถ โดยชุดแต่งเป็นสีดำทั้งหมด

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

ทั้งนี้ อุปกรณ์ตกแต่งบนรถกระบะสีส้ม “Orange Crush” มีจัดจำหน่ายแบบแยกชิ้น ขณะที่ชุดแต่ง “Thunder” มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการรวมชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับความนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาพิเศษ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

เชฟโรเลต ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า จึงนำระบบความปลอดภัยแบบ Active ล้ำสมัยไว้ใน Colorado รุ่น 2 ประตู (X-Cab) LT Z71 และรุ่น 4 ประตู (C-Cab) LT Z71 (ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA)

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะ Colorado High Country Storm และ High Country ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยแอคทีฟอื่นๆ ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจรระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019 รถกระบะ Colorado High Country Storm เพียบพร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกสบาย ได้แก่ กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ดีไซน์ใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะรุ่นนี้ ยังมาพร้อมระบบ Infotainment เชฟโรเลต มายลิงค์ เจนเนอเรชั่นล่าสุด ระบบควบคุมสั่งการด้วยเสียง สิริ อายส์ ฟรี ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และกระจกหน้าต่างคู่หน้า ที่เลื่อนลงเล็กน้อยอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการปิดประตู

“และเมื่อสีสันที่โดดเด่น ผสานกับการตกแต่งที่สะดุดตา บนรถกระบะที่บึกบึนอย่างโคโลราโด แน่นอนว่าจะทำให้รถกระบะรุ่นนี้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่สะท้อนตัวตนและแสดงถึงบุคลิกที่แท้จริงของเราทุกครั้ง ที่ได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัย”

Toyota-Alphard-Vellfire-2018

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แนะนำ Toyota Alphard 3.5 VIP, 2.5 Hybrid และ Vellfire 2.5 รุ่นปรับโฉมใหม่ ด้วยแนวคิด “My Vision My Decision”

Toyota-Alphard-2018

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ระดับหรู Toyota Alphard (โตโยต้า อัลฟาร์ด) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียด ทั้งภายในและภายนอกอย่างประณีต ซึ่งผ่านการทดสอบคุณภาพรถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย

Toyota-Alphard-2018

ต่อมาในปี 2558 ได้แนะนำโตโยต้า อัลฟาร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 3 ประกอบด้วยรุ่นอัลฟาร์ด 3.5 VIP และ อัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด พร้อมทั้งแนะนำ โตโยต้า เวลไฟร์ 2.5 เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราที่มาพร้อมความสปอร์ต

Toyota-Vellfire-2018

โตโยต้า อัลฟาร์ด และเวลไฟร์ รุ่นปรับโฉมใหม่ สะท้อนความสมบูรณ์แบบเหนือระดับ ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น และความสะดวกสบายครบครันอันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับความพิเศษสำหรับลูกค้าในประเทศไทยโดยเฉพาะ กับชุดแต่งสเกิร์ตด้านหน้าและด้านหลัง อุปกรณ์บริหารหลังแบบไฟฟ้า กล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวี อีกทั้งระบบ T-connect Telematics

Toyota-Vellfire-2018

เพื่อเป็นการขอบคุณและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า จึงขอมอบข้อเสนอพิเศษ ด้วยการขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะถึง 100,000 กม. หรือ 5 ปี แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

อัลฟาร์ด รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ไฮบริด มาพร้อมความคุ้มครองที่ครบครันยิ่งขึ้นด้วย Hybrid Worry Free กับการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำและคุณภาพระบบไฮบริดของโตโยต้า

สำหรับรุ่นอัลฟาร์ด 3.5 VIP มาพร้อมขุมพลังใหม่ V6 24วาล์ว DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อม Direct Shift เพื่อสมรรถนะเต็มกำลังและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ในรุ่นเวลไฟร์ 2.5 ยังได้เพิ่มสีใหม่ Steel Bronze Metallic เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

โตโยต้า อัลฟาร์ด และ เวลไฟร์ รุ่นปรับโฉมใหม่

Toyota-Vellfire-2018

I. ดีไซน์ภายนอกใหม่เป็นเอกลักษณ์

– กระจังหน้าโครเมียมใหม่ … ดีไซน์หรู
– ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights และไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบ Sequential …
– ไฟตัดหมอก …
– ชุดไฟท้ายแบบ LED …
– ล้ออัลลอย …

Toyota-Alphard-Vellfire-Guarantee

– ป้ายติดกระจกหลัง “Officially Authorized By Toyota Motor Thailand Co., Ltd.” และ “10-Year Hybrid Battery Guarantee” … นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี

Toyota-Alphard-2018 Toyota-Alphard-2018 Toyota-Alphard-2018

II. ดีไซน์ภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

– โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายใน … ทั้งลายไม้ภายในตัวรถ สีมาตรวัดความเร็ว และการตกแต่งของลายเบาะหนัง* (เฉพาะรุ่น 3.5 VIP)
– อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) … รองรับการชาร์จไฟตามมาตรฐาน Qi (เฉพาะอุปกรณ์ที่รองรับและขนาดที่กำหนด)
– ไฟอ่านหนังสือบริเวณเบาะนั่งด้านหลังแถวที่ 1 … สำหรับผู้โดยสาร
– เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater บริเวณเบาะนั่งคู่หน้าและเพิ่มระบบบริหารหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro ในอัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด และเวลไฟร์ 2.5 …
– กล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี …

Toyota-Vellfire-2018

III. ระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ

– ไฟตัดหมอกด้านหลัง … เพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นแก่ผู้ร่วมทาง
– ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) … หากมีรถอยู่ในมุมอับสายตาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกระจกมองข้าง ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่กระจกมองข้างด้านนั้นๆ เพื่อให้ผู้ขับระมัดระวังในการเปลี่ยนเลน
– กระจกมองหลังแบบดิจิตอล (Digital Rear View Mirror) … พร้อมฟังก์ชั่นตัดแสงอัตโนมัติ (EC Mirror)

Toyota-Vellfire-2018

IV. ระบบ T-Connect Telematics เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์

– Find My Car เช็คตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่น Find My Car หรือ Apple Watch
– Stolen Vehicle Tracking ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม
– SOS Emergency Service ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในบางกรณี)
– Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือเคลื่อนที่
– Pay As You Drive ประกัน “ขับน้อย จ่ายน้อย” ข้อเสนอการคุ้มครองสุดพิเศษให้คุณจ่ายตามการใช้งานจริง
*สำหรับการทำประกันภัยกับบริษัทฯ ที่กำหนดไว้เท่านั้น
– My Toyota Wi-Fi เชื่อมต่อความบันเทิงพร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์ *ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแพ็กเกจ
– Navigator ระบบนำทางพร้อมแสดงข้อมูลจราจร
– OPS (Operator Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านค้าชั้นนำ

Toyota-Vellfire-2018

โตโยต้า อัลฟาร์ด และ เวลไฟร์ กับสีรถที่มีให้เลือก

Steel Bronze Metallic (ใหม่) / White Pearl Crystal / Burning Black ในเวลไฟร์

และ White Pearl Crystal / Luxury White Pearl Crystal / Black ในอัลฟาร์ด

ราคา / Price

Vellfire 2.5 ราคา 3,809,000 บาท
Alphard 2.5 Hybrid ราคา 3,939,000 บาท
Alphard 3.5 VIP ราคา 5,429,000 บาท

**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน และชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ พร้อมค่าติดตั้งโดยบริษัท TAC จำกัด*

(*เวลไฟร์ 2.5 และ อัลฟาร์ด 2.5 ไฮบริด มูลค่า 62,000 บาท // อัลฟาร์ด 3.5 VIP มูลค่า 47,000 บาท)

Mazda3-MY2018

Mazda3 รุ่นปี 2018 เพิ่มออพชั่นใหม่ๆ เพียบ ขึ้นราคาอีกรุ่นละ 1 หมื่นบาท

Mazda3-MY2018

ถึงเวลาที่มาสด้าขยับอีกครั้ง ด้วยการเสริมทัพ C-Segment อย่าง Mazda3 (มาสด้า3) คอมแพคคาร์ระดับพรีเมียมที่เทียบเท่ากับคู่แข่งรถยนต์จากค่ายยุโรป เตรียมพร้อมสู้ศึกลุยตลาดก่อนถึงงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ภายใต้แนวคิดสุดหรู Vision Beyond Imagination หรือ มิติใหม่ของความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่จริง ที่ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบระดับโลกของมาสด้าหรือ “โคโดะ ดีไซน์” ที่สะท้อนความโดดเด่นสง่างามจากการเคลื่อนไหวอันทรงพลังของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ผนวกกับเทคโนโลยีสุดล้ำที่ไม่เหมือนใครอย่างสกายแอคทีฟ และระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-Vectoring Control)

ส่งผลให้รถมาสด้า3 ใหม่ เพิ่มความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นเหนือระดับ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ มากมายจนล้นคัน แต่ปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้น โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 857,000 บาท

Mazda3-MY2018

มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเล็กชั่น มาพร้อมสีใหม่ล่าสุด สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal) ที่เพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมให้กับรถมาสด้า3 ปรับปรุงคุณภาพของทุกองค์ประกอบโดยมีปรัชญา HMI เป็นพื้นฐาน ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ฟังก์ชั่นต่างๆ รวมถึงความเงียบภายในห้องโดยสาร

Mazda3-MY2018

มาสด้า3 ยังติดอันดับ Top 3 ของรถยนต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก เมื่อปี 2557 และรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก ปี 2557 การเปิดตัว มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเลคชั่น นี้ เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชาวมาสด้า เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

โดยในปีนี้ มาสด้าตั้งเป้ายอดขายเฉพาะมาสด้า3 ประมาณ 6,000 คัน และยอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 17%

Mazda3-MY2018

สำหรับรถยนต์มาสด้า3 ถือเป็นโมเดลหลักสำคัญ ที่ทำให้มาสด้าเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นแรกขึ้นไลน์การผลิตที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เมื่อปี 2546 ได้สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย และมียอดขายในประเทศไทยสูงถึง 30,000 คัน ถัดมารุ่นที่ 2 เริ่มผลิตขึ้นเมื่อปี 2554 มียอดขาย 13,000 คัน และรุ่นที่ 3 เมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายสูงถึง 25,500 คัน รวมทั้ง 3 โมเดล มียอดขายกว่า 68,500 คัน เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในสายผลิตรถยนต์ของมาสด้า สิ่งสำคัญคือรถยนต์มาสด้า3 ได้ก้าวเข้ามาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์มาสด้า โดยมียอดขายสูงถึง 1 ใน 3 ของยอดจำหน่ายมาสด้าทั่วโลก ด้วยยอดขายเกือบ 5 ล้านคันใน 142 ประเทศ ที่สำคัญยังได้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณต่างๆ กว่า 180 รางวัล

Mazda3-MY2018

รถยนต์มาสด้า3 รุ่นปี 2018 คอลเลคชั่น ได้เพิ่มออพชั่นล้ำสมัย ตอบสนองกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ประกอบด้วย

ชื่อรุ่น รายการอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า
2.0 E (แบบ 4 ประตู) 2.0 E Sports (แบบ 5 ประตู) 1. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
2. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 C (แบบ 4 ประตู) 2.0 C Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม Daytime Running Light
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มเพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
  4. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 S (แบบ 4 ประตู) 2.0 S Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advance Blind Spot Monitoring, ABSM)
  4. เพิ่มระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert, RCTA)
2.0 SP (แบบ 4 ประตู) 2.0 SP Sports (แบบ 5 ประตู)
  1. เพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  2. เพิ่มระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  3. เพิ่มระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
  4. เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด

 

Mazda3-MY2018

รถยนต์มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเล็กชั่น มีรูปแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู ในรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร

โดยสีภายนอกมี มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ซึ่งสีใหม่ล่าสุดคือ สีแดง โซลเรด คริสตัล, สีเทาแมชชีน เกรย์, สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล, สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช, สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค, สีดำ เจ็ท แบล็ก และสีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู

Mazda3-MY2018

ราคาจำหน่ายรถยนต์มาสด้า3 รุ่น 2018 คอลเลคชั่น ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู

  • รุ่น 2.0 E ราคา 857,000 บาท
  • รุ่น 2.0 C ราคา 951,000 บาท
  • รุ่น 2.0 S ราคา 998,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP ราคา 1,149,000 บาท
Jaguar-E-Pace-2018

Compact SUV ขุมพลังดีเซล สไตล์สปอร์ต ในราคา 3,600,000 บาท

Jaguar-E-Paceจากัวร์ อี-เพช ใหม่ (Jaguar E-Pace) รถ Compact SUV ที่มาในรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวแบบรถสปอร์ต กับพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สมาชิกใหม่ล่าสุดของจากัวร์

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ รวมเอาลักษณะโดดเด่นทั้งการออกแบบดีไซน์ สมรรถนะการขับเคลื่อน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อันเป็นเครื่องหมายการค้าของจากัวร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบด้านสมรรถนะ มาจากรถยนต์เอสยูวี จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) ร่วมกับรูปลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา ได้มาจากรถยนต์สปอร์ตจากัวร์ เอฟ-ไทป์ (Jaguar F-Type)

Jaguar-E-Pace

การออกแบบภายนอกถ่ายทอดความเป็นจากัวร์อย่างเด่นชัดด้วยกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วงหน้าสั้นแต่มีสัดส่วนโค้งเว้าของตัวรถที่ดูแข็งแกร่งทรงพลัง สื่อความหมายในสมรรถนะการขับเคลื่อนอันยอดเยี่ยม อีกทั้งความลาดเอียงของโครงหลังคาที่สอดรับกับหน้าต่างด้านข้าง ภายในแสดงให้เห็นถึงสายพันธุ์สปอร์ตของจากัวร์ เอฟ-ไทป์ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น คันเกียร์สไตล์ จากัวร์ เอฟ-ไทป์ แผงคอนโซลหน้า แผงประตู และเบาะนั่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความสปอร์ต

Jaguar-E-Pace

Mr. Ian Callum ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของจากัวร์ กล่าวว่า “หลักในการออกแบบรถยนต์ตามแบบฉบับของจากัวร์ทำให้ จากัวร์ อี-เพช ใหม่ ถูกจดจำในฐานะรถยนต์สปอร์ตไปในทันที อีกทั้งประสานการออกแบบเพื่อการใช้สอยทุกพื้นที่ภายในห้องโดยสารแบบรถเอสยูวี รวมถึงการตอบสนองการใช้งานรถยนต์ในแบบครอบครัวอย่างลงตัวทั้งสมรรถนะและรูปลักษณ์”

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ มีความยาวรวม 4,395 มม. ระยะความกว้างฐานล้อ 2,681 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารขนาด 5 ที่นั่งมีความกว้างขวางสะดวกสบายด้วยพื้นที่วางขาถึง 892 มม. ความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 577 ลิตร ขึ้นอยู่กับการจัดวางพื้นที่นั่งด้านหลัง โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น แข็งแกร่ง รองรับสมรรถนะการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวถนน ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ Integral Link ที่วิศวกรของจากัวร์ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล ด้วยความแข็งแกร่งของตัวถังทำให้สามารถต่อพ่วงอุปกรณ์อื่นๆ เข้ากับตัวรถได้น้ำหนักสูงสุดถึง 1,800 กิโลกรัม

Jaguar-E-Pace

จากัวร์ อี-เพช ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Ingenium 150 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ภายใน 10.5 วินาที (0-60 ไมล์/ชม./9.9 วินาที) อัตราเร่งความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 193 กม. /ชม. อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 160 กรัม/กม.

Jaguar-E-Pace

Mr. Alan Volkaerts ผู้อำนวยการสายการผลิต กล่าวว่า “สมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลเพช (Pace) ถูกออกแบบโดยเน้นที่ความสะดวกสบายและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสาร กับเครื่องยนต์ Ingenium แบบล่าสุดของจากัวร์ ถือเป็นรถยนต์ที่รวมเอาการพลังขับเคลื่อนแบบรถสปอร์ตจากัวร์มาไว้ในรถยนต์เอสยูวี”

Jaguar-E-Pace

และนับเป็นครั้งแรกของจากัวร์ ในการติดตั้งระบบขับเคลื่อน Active Driveline ให้กับจากัวร์ อี-เพช การตั้งค่าอัจฉริยะนี้จะลดจุดบกพร่องระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้แรงบิดเต็มสมรรถนะและมีเสถียรภาพสูงสุดรวมทั้งให้ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้ดีที่สุดในทุกสภาวะ

Jaguar-E-Pace

อีกคุณสมบัติของจากัวร์ อี-เพช ใหม่ คือ เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ด้วยเซนเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง โดยกล้องวิดีโอที่ตัวรถยังทำงานเชื่อมต่อกับระบบบังคับควบคุมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ลดจุดอับสายตาและลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนจากด้านข้างเมื่อขับขี่บนถนนที่มีหลายเลน และยังมีถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนนในกรณีที่เกิดการชน ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ขอบของฝากระโปรงหน้า ทั้งหมดเป็นคุณสมบัติและอุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ในจากัวร์ อี-เพชทุกคัน

Jaguar-E-Pace

ราคาจำหน่าย จากัวร์ อี-เพช ใหม่ (New Jaguar E-Pace) อยู่ที่ 3,600,000 บาท

พิเศษในช่วงแนะนำ 3,500,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่ วันนี้ – 8 เม.ย 2561 หรือในงาน มอเตอร์โชว์ 2018

ส่องปิคอัพรุ่นล่าสุด Honda Ridgeline 2019 เริ่มต้น 9 แสนบาท!

Honda Ridgeline 2019 เริ่มจำหน่ายแล้วในอเมริกา
กับคุณภาพที่เกินราคา

ออกจำหน่ายแล้ววันนี้ สำหรับรถยนต์ปิคอัพจาก Honda Ridgeline 2019 ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2018 สำหรับรุ่นเริ่มต้น คือ รุ่น 2WD RT ในราคา 29,990 เหรียญ หรือประมาณ 930,000 บาท ราคานี้คือ รวมค่าจัดส่งให้ถึงที่บ้านเรียบร้อยแล้ว

2019-honda-ridgeline

ปิคอัพ Honda Ridgeline 2019 รถกระบะคันล่าสุดของค่ายฮอนด้า เหมาะสำหรับการเดินทางไปทำกิจกรรม Outdoor ต่างๆ เช่น ไปปิกนิก ไปเล่นกีฬา หรือบรรทุกผู้โดยสาร ทั้งนี้ ด้านหลังกระบะยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อย่างที่เก็บสัมภาระมีฝาปิด-เปิดจากใต้ท้องกระบะ และเต้าเสียบไฟ AC 115V คอยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถ

2019-honda-ridgeline

ส่วนภายในรถ ก็มีอุปกรณ์ที่ให้มาตามมาตรฐานมากมาย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา หากจ่ายส่วนต่างเพิ่ม อย่างเช่น จอ 8 นิ้ว Audio แบบสัมผัส มาพร้อมกับ Android Auto และ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศ 3 โซน และมีที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า ปรับได้ถึง 8 ทิศทาง ภายในยังมีไฟรอบห้องโดยสาร เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย

2019-honda-ridgeline

สำหรับรุ่น 2019, RT, Sport และ RTL จะมี USB Port 2 จุด (เหมือนรุ่นท็อป) ในขณะที่ RTL และ RTL-T มาพร้อมกับกระจกหลังไฟฟ้า และ Moonroof ทั้งนี้ฮอนด้ายังมี อุปกรณ์ตกแต่งที่เป็นทางการออกมามากมาย ให้เลือกแต่งกันได้ตามใจชอบ

2019-honda-ridgeline

ระบบการขับเคลื่อนของ Ridgeline 2019 ใช้เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร  i-VTEC V6 เกียร์ออโต้ 6 สปีด 280 แรงม้า แรงบิด 265 ฟุต-ปอนด์ (355 นิวตันเมตร) ในส่วนของลูกค้าที่เลือกซื้อรุ่น AWD ก็จะได้ใช้เทคโนโลยี Intelligent Variable Torque Management (i-VTM4) ของฮอนด้า ที่รองรับทุกสภาพอากาศเหมาะกับประเทศไทย ที่มีความแปรปรวนของอุณหภูมิที่คาดเดาไม่ค่อยได้

2019-honda-ridgeline

ซึ่งตอนนี้ Honda Ridgeline 2019 ยังไม่มีแพลนมาวางจำหน่ายในไทย แต่ถ้าหากมีความเคลื่อนไหว หรือข่าวสารเกี่ยวกับ Honda Ridgeline 2019 มาเมื่อไหร่ คาร์โร จะมาอัพเดตข้อมูลให้อย่างเร็วที่สุด และถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะมือสอง (คลิก) หรือต้องการขายรถคันเก่าแบบด่วนๆ (คลิก)

2019-honda-ridgeline

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

แหล่งที่มาจาก:

  • Carscoops.com
Mitsubishi-Pajero-Sport-MY2018

ตกแต่งพิเศษ เพิ่มออพชั่นอีก 10 รายการ เจอตัวจริงได้ที่ Motor Show 2018

Mitsubishi-Pajero-Sport-MY-2018-Front

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ 
ปาเจโร สปอร์ต) ใหม่ เพียบพร้อมด้วยความเหนือระดับ ทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เทคโนโลยี ความปลอดภัยและสมรรถนะ พร้อมแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความหรูหราของรถอเนกประสงค์ยอดนิยมรุ่นนี้

ในปี 2560 มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มียอดจำหน่ายทั้งหมด 14,454 คัน หนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ประเภท PPV ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต คือรถอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และเป็นที่ยอมรับในด้านสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ และสมรรถนะการใช้งานที่ยอดเยี่ยม

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ตกแต่งพิเศษด้วยชุดอุปกรณ์เหนือระดับ 10 รายการ เพื่อเพิ่มสัมผัสความประณีตสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม นอกจากเสาอากาศแบบฝังกระจกหลังแล้ว การตกแต่งปรับโฉมเน้นไปที่การยกระดับความหรูหราเหนือระดับของห้องโดยสาร

Gear-Electric-Parking

เริ่มจากคอนโซลกลางเสริมด้วยวัสดุผิวนุ่มบริเวณด้านข้าง มาตรวัดเรืองแสงไฮคอนทราสต์พร้อมการแสดงผลแบบอนิเมชั่นสามมิติ และระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารนาโนอิ1 เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ ช่องต่ออุปกรณ์ USB 2 ตำแหน่ง ช่องเก็บสมาร์ทโฟนที่เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ที่บังแดดด้านคนขับแบบมีไฟส่องสว่าง ที่บังแดดผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมช่องเสียบบัตรและไฟส่องสว่าง รวมถึงช่องระบบปรับอากาศดีไซน์ใหม่แบบ Fin Shut สำหรับผู้โดยสารแถวที่สองและแถวที่สาม

Nanoe

อุปกรณ์เพิ่มเติมเหล่านี้ได้รับการติดตั้งไว้ในห้องโดยสารที่ยังคงความกว้างขวาง หรูหรา และรองรับทุกการใช้งาน ด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอันเพียบพร้อม ประกอบด้วย ระบบปรับอากาศปรับอุณภูมิอัตโนมัติแบบแยกปรับซ้าย-ขวา พวงมาลัยแบบปรับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก เบาะนั่งปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า จอภาพบนเพดานพร้อมเครื่องเล่นดีวีดีสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และแผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ

RearPower-Outlet

ขณะที่คอนโซลรูปทรงตัว T ให้สวิตช์และปุ่มควบคุมอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งานของผู้ขับขี่ รวมถึงหน้าจอทัชสกรีนเพื่อความบันเทิงขนาด 7 นิ้วและระบบนำทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้เอง และสวิตช์ควบคุมวิทยุเครื่องเสียง เป็นต้น

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo ที่มาพร้อมเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย ความจุ 2.4 ลิตร ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดถึง 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทรีลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ได้รับการออกแบบเพื่อการเกาะถนนและทรงตัวได้อย่างเหนือชั้น

RearSmartPhone-Socket

ผสานขุมพลังและความแข็งแกร่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ด้วยอัตราทดเกียร์เดินหน้า 8 ระดับ พละกำลังจึงถูกถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ระบบส่งกำลังยังมาพร้อมระบบควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับแบบอัตโนมัติ (Idling Neutral Control – INC) ที่ช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากทอร์กคอนเวอร์เตอร์เมื่อตัวรถจอดนิ่งโดยที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง “D”

ด้วยความโดดเด่นด้านการขับขี่ทั้งบนถนนทั่วไปและเส้นทางทุรกันดาร มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังคงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-II ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า มีทั้งโหมด 2H ระบบขับเคลื่อนสองล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time – All Wheel Control (4WD High-Range) โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-range with Locked Transfer) และโหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) เพื่อการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดารและมีความท้าทายสูง

PowerSocket-AC220V

เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการยึดเกาะ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ยังคงติดตั้งระบบออฟโรด 4 รูปแบบการขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ได้แก่ กรวด (Gravel), โคลน/ หิมะ (Mud/Snow), ทราย (Sand) และ หิน (Rock) กล่องสมองกลจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อเสริมสมรรถนะสูงสุดตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันด้วยการติดตั้งระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง เมื่อระบบนี้ทำงานจะช่วยล็อกเฟืองท้ายเพื่อให้มีการกระจายพละกำลังสู่ล้อคู่หลังแบบ 50:50 ตลอดเวลา จึงเป็นระบบที่มีความสำคัญต่อการขับขี่บนเส้นทางทุรกันดารมากๆ

Socket

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก (White Pearl) สีเงิน (Stering Silver) สีเทา (Titanium Gray) สีน้ำตาล (Deep Bronze) และสีดำ (Diamond Black) แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่

– รุ่น 2WD GT ราคาเริ่มต้น 1,296,000 บาท
– รุ่น 2WD GT-Premium ราคาเริ่มต้น 1,399,000 บาท
– รุ่น 4WD GT-Premium ราคาเริ่มต้น 1,539,000 บาท

Rolls-Royce-Phantom-2018

New Phantom มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ กับราคาเริ่มต้น 53.5 ล้านบาท

Rolls-Royce Motor Cars เปิดตัว New Phantom (นิว แฟนทอม) โฉมใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ Rolls-Royce มีให้กับประเทศไทยซึ่งเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีโชว์รูม Rolls-Royce ถึง 3 แห่ง และนับเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Rolls-Royce-Phantom

ตลอดระยะเวลา 93 ปี มีเพียงรถยนต์โรสส์-รอยซ์ เท่านั้น ที่ได้รับการขนานนามว่ารถที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับเกียรติในการติดตามผู้ทรงอิทธิพลของโลกหลายท่าน ไม่ว่าหญิงหรือชาย เดินผ่านช่วงเวลาสำคัญต่างๆของประวัติศาสตร์

Rolls-Royce-Phantom

ด้วยนิยามการออกแบบใหม่ที่หลอมรวมพลังของตัวตนนี้ ภาพ New Phantom ที่โลดแล่นอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จึงเป็นภาพที่หาชมได้ยาก และเปี่ยมด้วยความงดงามยิ่งนัก

Rolls-Royce-Phantom

Rolls-Royce-Phantom

“The Gallery” คือชิ้นงานแนวกว้างที่สร้างติดบนแผงหน้าปัดรถ New Phantom เปรียบเสมือนผีนผ้าในที่ว่างเปล่า สำหรับลูกค้าที่ชอบความหรูหราสามารถรังสรรค์งานศิลปะในแบบที่ต้องการ เป็นห้องแสดงผลงานศิลป์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ แห่งแรกของโลกที่เคยมีมา

Rolls-Royce-Phantom

ขุมพลังและตัวตนของ New Phantom เครื่องยนต์ V12 Twin Turbo แบบใหม่ ที่ให้แรงม้าสูงสุด 563 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ที่ 1,700 รอบ/นาที พลังจะถูกส่งไปยังอย่างเงียบ และแสนสบาย ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนดั่งพรมวิเศษดียิ่งขึ้นไปอีก

Rolls-Royce-Phantom

Rolls-Royce-Phantom

ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะรู้สึกว่าภายในรถเงียบกว่า Phantom รุ่นก่อนถึง 10% รถคันนี้ได้รับการยกย่องอย่างมากมายเรื่องคุณภาพการขับขี่ที่แทบจะเงียบสนิท

ประตู เปิด-ปิด อัตโนมัติ

Rolls-Royce Phantom ยานยนต์ระดับอัครมหาเศรษฐีรุ่นล่าสุด ราคาเริ่มต้นที่ 53.5 ล้านบาท ส่วนรุ่นฐานล้อยาว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 59.5 ล้านบาท เรียกได้ว่า … ต้องระดับอัครมหาเศรษฐีจริงๆ ครับ ถึงจะได้เป็นเจ้าของ Phantom คันนี้

Rolls-Royce-Phantom

พบกับ New Phantom โฉมใหม่ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 39 @ Impact Challenger เมืองทองธานี

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition

Mirage Limited Edition สีใหม่ ตกแต่งใหม่ ต้อนรับปี 2018

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

ยกระดับรูปลักษณ์ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่ 2 สไตล์ คือ สีแดงเมทัลลิก (Red Metallic) หลังคาดำ และ สีขาวมุก (White Pearl) ตัดกับหลังคาสีดำ

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ตกแต่งด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 10 รายการ เริ่มจากกระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว LED สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED ล้ออัลลอยสีดำขนาด 15 นิ้ว และตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิก ชุดอุปกรณ์ตกแต่งดังกล่าวช่วยให้ มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มีความสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ควบคู่กับการใช้งานที่ได้อย่างลงตัว

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังคงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายเป็นหลัก พร้อมตกแต่งเพิ่มสไตล์ที่สวยงาม ผสมผสานกับความเป็นสปอร์ตด้วยเบาะผ้าสีทูโทน ดำ-แดง พร้อมตะเข็บสีแดง หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งเสริมเพิ่มความเป็นสปอร์ตด้วยสีดำแบล็กเปียโนและโครเมียม เดินตะเข็บสีแดง มาพร้อมกระจกส่องหน้าบนแผงบังแดดคู่หน้า และราวมือจับเหนือศีรษะสามตำแหน่งแบบพับได้

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และสวิตช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัย ห้องโดยสารที่กว้างขวางและอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ช่วยมอบความสะดวกสบายอย่างมีสไตล์ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารในการขับขี่ทุกเส้นทางระบบความปลอดภัยของมิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มีครบครันเพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน ระบบความปลอดภัยเชิงรุกประกอบด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) และระบบป้องกัน การลื่นไถล (TCL) ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) (RMS-Forward) ทุกระบบได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วปกติ

นอกจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่ช่วยปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ยังมาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) พร้อมด้วยระบบเสริมแรงเบรก (BA) และยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) กับจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX สองตำแหน่ง

Mitsubishi-Mirage-Limited-Edition-2018

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร DOHC พร้อม MIVEC ระบบวาล์วแปรผันเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มีอัตราบริโภคน้ำมันที่ 23.8 กม./ลิตร และมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ 98 กรัมต่อกม. ใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-III CVT พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control) ช่วยควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก และระบบ จี-เซ็นเซอร์ (G-Sensor) ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้แม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน

มิตซูบิชิ มิราจ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ราคา 564,000 บาท สำหรับรุ่นสีแดงเมทัลลิก (Red Metallic) หลังคาสีดำ และ 571,000 บาท สำหรับรุ่นสีขาวมุก (White Pearl) หลังคาสีดำ