Emergency-Repair-Radiator-In-Forest

ช่วงนี้ก็เป็นหน้าฝนนะครับ แต่การเดินทางของคนเรานั้น ยังจำเป็นอยู่เสมอ ซึ่งบางคนอาจจะมีความจำเป็นต้องเข้าป่า ไม่ว่าจะเข้าไปเที่ยวช่วงหน้าฝน เข้าไปส่งของอุปโภคบริโภคให้หมู่บ้านบนเขา หรือเหตุผลใดก็แล้วแต่ สิ่งที่สำคัญ คือ “สภาพรถต้องพร้อม” อยู่เสมอ

แต่บางทีเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น รถต้องลุยน้ำในลำธารที่มีน้ำไหลเชี่ยว ดันใบพัดหม้อน้ำแตกแล้วไปโดนรังผึ้งหม้อน้ำ หรือไปกระแทกกับก้อนหิน โดนหม้อน้ำรั่วระหว่างอยู่ในป่า อุปกรณ์ เครื่องมือในการซ่อมก็ไม่มี แล้วจะมีวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างไร

Mr.Carro ขอแนะนำวิธีแก้ เมื่อหม้อน้ำรั่วรถในป่าครับ.

Emergency-Repair-Radiator-In-Forest

กรณีต้องขับรถลุยน้ำในลำธารที่เชี่ยวกราก ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขับรถผ่านลำธารไปด้วยความระมัดระวัง และใช้ความเร็วที่เหมาะสม หรือถ้าคุณมีผ้า หรือกระสอบ นำมาปิดบริเวณกระจังหน้ารถเพื่อกันแรงดันน้ำ ก็จะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น

สมมติว่า ถ้าถูกกระแสน้ำตีเอาใบพัดแตก แล้วกระทบกับหม้อน้ำรังผึ้งรั่วขึ้นมา จะทำอย่างไร?

E-Pox-E5-Steel-Filler

การเดินทางเข้าป่า หรือถิ่นทุรกันดาร นอกเหนือจากของกินของใช้ส่วนตัวที่นำติดรถไปแล้ว ควรนำอะไหล่บางอย่างติดรถไปด้วย ถ้ายิ่งรู้ว่าจะต้องขับรถลุยน้ำด้วยแล้ว ควรเตรียมใบพัดหม้อน้ำ กับ E-Pox E5 Steel Filler (หรือ อีพ็อกซี่ปะเหล็ก) ในรูปแบบหลอด ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง

Emergency-Repair-Radiator-In-Forest

ในการแก้ปัญหา ต้องถอดหม้อน้ำออกเพื่อทำการซ่อมแซม สำรวจดูว่า มีรอยรั่วมากน้อยเพียงใด เมื่อพบรอยรั่วแล้ว ใช้ไขควงแบนกดบริเวณที่เป็นรังผึ้งให้ราบลง เพื่อให้เห็นเพียงช่องน้ำผ่านของรังผั้ง

จากนั้น ตัดช่องน้ำผ่านบริเวณที่เป็นจุดรอยรั่วออก แล้วใช้คีมพับปลายของช่องน้ำผ่านทั้ง 2 ด้านให้แน่น หากมีหลายจุดที่รั่ว ก็ทำลักษณะเดียวกัน กรณีที่มีกาว E-Pox E5 Steel Filler ติดมาด้วย ก็ทำการผสมกาวตามสัดส่วนที่กำหนด แล้วทาปิดบริเวณที่พับปล่อยจนกว่ากาวจะแห้ง หากไม่มีกาวก็ไม่เป็นไร แต่ควรพับบริเวณที่ช่องน้ำผ่านให้แน่น

จากนั้นทำการทดสอบการรั่ว โดยการเป่าลมเข้าไปในหม้อน้ำทางช่องเติมน้ำ ซึ่งต้องใช้มือปิดบริเวณท่อนต่อท่อยางหม้อน้ำบนและล่างเสียก่อน หากพบว่ายังมีลมออกมา แสดงว่ายังมีรอยรั่วอยู่ ก็ต้องหาจุดกันอีกครั้ง

Emergency-Repair-Radiator-In-Forest

เปลี่ยนใบพัดหม้อน้ำถ้ามีสำรองมาหรือถ้าไม่มีติดมา หากใบพัดหักเพียงใบหนึ่งหรือสองใบ ก็ยังใช้งานต่อไปได้ชั่วคราว เมื่อใส่หม้อน้ำเสร็จแล้วเต็มน้ำให้เต็ม สตาร์ทเครื่องแล้วเติมน้ำเข้าไปอีกครั้งให้เต็มสังเกตดูหากน้ำไม่ยุบก็ OK เดินทางต่อได้ แต่ควรดูเกจ์ความร้อนบ่อยๆ เพื่อความไม่ประมาท

เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกินข้าวลิงในป่าแล้ว …

ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก :

  • คุณจาลึก เอี่ยมเจริญ
Car Modify

หากคุณเป็นคนรักการแต่งรถยนต์ คงต้องมีคำถามเรื่องรถแต่งกับประกันรถยนต์แน่นอน ว่าแต่งรถแบบไหนประกันคุ้มครอง แต่งรถแบบไหนประกันไม่คุ้มครอง และ Carro ได้รับบทความจากโบรกเกอร์ประกันภัยออนไลน์แฟรงค์หรือ frank.co.th มาอธิบายให้ฟังแบบชัด ๆ ดังนี้

ประกันคุ้มครองรถแต่งหรือไม่ ?

ตอบตรงไปตรงมาเลยครับว่า ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองหากแต่งรถเพื่อใช้แข่งขันความเร็ว หรือการตกแต่งเพื่อใช้งานผิดประเภท หรือดัดแปลงมากเกินควรตรงนี้ประกันไม่คุ้มครอง เช่น เครื่องยนต์ใหม่ เปลี่ยนขนาดท่อไอเสีย ติดเกจความเร็วแน่นแผงคอนโซลอันนี้สุ่มเสี่ยงที่ประกันจะปฏิเสธความคุ้มครองครับ เว้นแต่ว่า การแต่งรถเพื่อความสวยงาม ติดสติ๊กเกอร์ ติดสเกิร์ต ติดสปอยเลอร์เท่ ๆ  เปลี่ยนล้อแม็กลายใหม่ ถ้าแต่งรถแบบเบา ๆ ประกันยังคงให้ความคุ้มครองอยู่นะ ซึ่งต้องอยู่ในเงื่อนไขตกแต่งมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท

กรณีต้องการแจ้งประกันรถแต่งต้องทำไง ?

เพราะบริษัทประกันภัยก็จะคุ้มครองดูแลรถยนต์ตามที่ออกมาจากโรงงานเท่านั้น ดังนั้น หากคุณไปแต่งรถก็ควรแจ้งบริษัทประกัน เพื่อคุ้มครองอุปกรณ์แต่งรถด้วย ยกตัวอย่าง ประกันรถยนต์ชั้น 1 รับคุ้มครองเพิ่มเติมอุปกรณ์ที่แต่งเพิ่มในรถ โดยเราจะต้องถ่ายภาพส่วนแต่งเพิ่มให้ประกันทราบ ย้ำว่าแจ้งตามมูลค่าจริง ๆ เพื่อให้เราสามารถเคลมความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุกับอุปกรณ์แต่งรถ โดยประกันจะจ่ายค่าเสียหายตามที่รับแจ้งไว้

5 ขั้นตอนแจ้งเคลมรถแต่ง

  1. เตรียมใบเสร็จอุปกรณ์แต่งรถให้พร้อม
  2. ถ่ายรูปรถส่งให้บริษัทประกันภัย โทรแจ้งบริษัทประกันพร้อมแจ้งเลขที่กรมธรรม์เดิม (กรณีแจ้งเพิ่ม)
  3. ประกันแจ้งเบี้ยเพิ่ม (กรณีต้องจ่ายเพิ่ม)
  4. ชำระเงินค่าเบี้ยออนไลน์
  5. รอรับความคุ้มครองอุปกรณ์รถแต่งเพิ่มเติม

เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีประกันรถยนต์สำหรับรถแต่งแล้วครับ ! เอาเป็นว่า แต่งแต่พองาม ขับขี่ปลอดภัยนะครับ
ขอบคุณข้อมูล : frank.co.th ประกันที่รวดเร็ว เรียบง่าย และจริงใจกับคุณ

Fast-And-Furious-9-In-Thailand

ช่วงเดือนที่ผ่านมา เรื่องที่คอหนัง คอรถซิ่ง ทั้งตื่นเต้นและฮือฮาสุดๆ คงต้องยกให้เรื่องของกองถ่ายหนังฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง Fast and Furious 9 (เร็ว..แรงทะลุนรก 9) หนังดังระดับโลกที่มีมาแล้วถึง 18 ปี 9 ภาค ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ด้วยการยกกองถ่ายมาถ่ายทำทางภาคใต้ของไทย

ถึงแม้ว่า Fast and Furious 9 นี้ จะมีกำหนดออกฉายในปี 2020 จะไร้นักแสดงหลักๆ ของเรื่องมาที่ไทย และใช้สตันท์แมนวัยเกือบ 80 ซิ่งรถแทน วิน ดีเซล

จากการเปิดเผยของ นริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครทูตประจำกรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประธานคณะกก.พิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย (คณะที่ 2) กล่าวว่า มีเพียงประมาณไม่เกิน 20 % ของเนื้อเรื่องทั้งหมดที่ตอนนี้ถ่ายทำอยู่ในหลายประเทศ และมีงบค่าใช้จ่ายที่ถ่ายทำในไทย 340 ล้านบาท

รวมไปถึง ไม่มีดารานำอย่าง วิน ดีเซล, เจสัน สเตแธม หรือนางเอกของเรื่องมาถ่ายทำในไทย ดารานำทั้งหมดถ่ายทำในอังกฤษ และ สหรัฐฯ ส่วนฉากที่มีบทพูดทั้งหมดในรถ ถ่ายในสตูดิโอ โดยใช้ CG ช่วย ส่วนฉากของยูนิตในไทย เป็นฉากการไล่ล่า โดยใช้สตันท์แมนทั้งหมด ทั้งต่างชาติ และคนไทย

แน่นอนว่ารถที่พาข้ามน้ำข้ามทะเลมาถ่ายหนังด้วย ย่อมเป็นที่สนใจอย่างมากของคนคอหนัง และรถรักรถแต่งอย่างแน่นอน จะมีรุ่นไหนบ้าง มาชมกัน …..

Dodge Charger SRT Hellcat

Dodge-Charger-SRT-Hellcat

สำหรับรถซีดานบ้าพลัง สไตล์อเมริกันแท้ๆ อย่าง Dodge Charger SRT Hellcat (ดอดจ์ ชาร์จเจอร์ เอสอาร์ที เฮลล์แคท) จัดเป็นรถรุ่น Top สุด ในตระกูล Dodge Charger ในฉายาแมวนรก Hellcat (ชื่อนี้นำมาจาก Grumman F6F Hellcat เครื่องบินรบของสหรัฐฯ ช่วง WW2) จัดว่าเร็ว แรง และทรงพลังที่สุดในโลก

Fast-and-Furious-9-Dodge-Charger

มาพร้อมขุมพลังขนาด 6.2 ลิตร แบบ V8 HEMI Supercharged ที่ให้แรงม้าถึง 707 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 880 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.7 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 328 กม./ชม. ซึ่งทางทีมงาน Fast and Furious ได้นำมาปรับแต่งให้ดูดิบ เถื่อน และแรงยิ่งขึ้นไปอีก!

Ford Mustang

Ford-Mustang

Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง) ทางทีมงานได้นำมาด้วยกันถึง 3 คัน เป็นโฉมเจเนอเรชั่นที่ 6 ตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์ ที่คาดว่าตัวจะเป็นตัว Top สุด ของ Mustang ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร แบบ V8 DOHC 32 วาล์ว 460 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Jeep Gladiator

Jeep-Gladiator

รถหน้าตากระจังหน้า 7 ซี่ อันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Jeep Gladiator (จี๊ป กาดิเอเตอร์) ที่ทางทีมงาน Fast and Furious ได้นำมาปรับแต่งใหม่ด้วยการยกสูง และใส่ล้อขนาดใหญ่ มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ Pentastar ขนาด 3.6 ลิตร V6 ให้แรงม้าสูงสุด 280 แรงม้า

Land Rover Defender 90

Land-Rover-Defender-90

Land Rover Defender (แลนด์ โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) รถยอดฮิตสำหรับสายลุยป่าฝ่าดงในตำนานที่ยาวนานกว่า 70 ปี ทาง Fast and Furious ก็นำมาสร้างสีสันในหนังด้วยเช่นกัน จัดเป็นรถรุ่นบรรพบุรุษของรถ SUV นับตั้งแต่ Series I, II และ III จนกลายมาเป็น Defender ที่ขายมาอย่างยาวนานมาตั้งแต่ปี 1983 – 2016 ซึ่งรุ่นที่นำมาถ่ายหนัง น่าจะเป็นตัวท้ายๆ ของโฉมนี้แล้ว

Buggy

Fast-and-Furious-9-Buggy

Buggy คันนี้เป็นรถที่คาดเดาได้ยาก ว่ามาจากรถยี่ห้อ รุ่นอะไร เพราะเป็นรถที่ดัดแปลงขึ้นมาใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ

ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก

5-Trick-To-Manage-Luggage

ไม่ว่าเวลาไหน ก็จะต้องมีคนเดินทางไปไหนมาไหนเสมอๆ ทั้งไปเที่ยว ไปทำงาน ไปส่งสินค้า ฯลฯ ตามเหตุผลของแต่ละคน ที่ไม่จำกัดว่าจะต้องไปในฤดูกาลไหน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือ “กระเป๋าเดินทาง” นั่นเอง หลายคนมักประสบปัญหาในการจัดกระเป๋าเดินทางอยู่เสมอๆ เพราะบางทีก็ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเอาอะไรไปบ้างดี? หรือของบางอย่าง ยัดลงไปแล้วก็กินที่อีก …

Mr.Carro จะมาแนะนำ 5 วิธี ในการจัดกระเป๋าเดินทาง ให้พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ครับ

Zip-Lock

1. ถุงพลาสติก

ถุงพลาสติก หรือ “ถุงก๊อบแก๊บ” ที่เรียกกันติดปากนั้น ไว้ใช้ประโยชน์ตอนเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว หรือผ้าขนหนู เพราะป้องกันการเปียกและกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่งั้นคงเก็บกลิ่นเหม็นไปทั้งกระเป๋าเลยทีเดียว หรือจะใช้ถุงแบบ Zip-Lock (ถุงสุญญากาศ) ก็ได้เช่นกัน

2. รองเท้า

ถ้าคุณคิดจะเอารองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าหนังไปด้วย คุณควรจะยัด “ถุงเท้า” เข้าไปในรองเท้าด้วยเลยเพียงแค่ม้วนๆ เข้าไป เสร็จแล้วก็เอาถุงผ้า หรือถึงพลาสติกใส่รองเท้าเอาไว้อีกที เพื่อป้องกันไปเปื้อนสิ่งของอื่นๆ

Manage-Luggage

3. ของใหญ่ไว้ล่าง ของเล็กไว้บน

ใช้หลักการเดียวกับ “ปิรามิด” นั่นล่ะครับ ของหนักๆ เอาไว้ด้านล่างสุด ส่วนชั้นกลางๆ ก็จัดวางเป็นเสื้อยืด ใช้ม้วนๆ เอา เพื่อกันกระแทกไปด้วย แต่ในกรณีของกางเกงขายาว อันนี้เราแนะนำให้วางตามแนวยาวของกระเป๋าเลย หรือจะวางเสื้อผ้าที่ม้วนแล้วไว้ในช่องตรงกลาง จากนั้นค่อยพับขากางเกงมาไว้ตรงกลาง ก็ได้เช่นกัน

ส่วนของเบาๆ หรือของที่จำเป็นต้องหยิบออกมาใช้บ่อยๆ เช่น ยารักษาโรค ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เครื่องสำอาง หรือสบู่ เป็นต้น ก็ไว้ด้านบนๆ จะได้ง่ายต่อการหา ซึ่งก็พกติดตัวแค่เพียงพอต่อการใช้การใช้งานก็พอแล้ว ไม่ต้องแบกไปมากๆ

4. เอาเสื้อกันฝน ไปแทนร่ม

หลายคนอาจจะเอาร่มพับได้ติดกระเป๋าเดินทางไปด้วยในหน้าฝน แต่ผมคิดว่า พกเสื้อกันฝนไปดีกว่า เพราะจะช่วยให้ประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าได้

Luggage-Tag

5. ล็อคกระเป๋า ติด Tag ป้ายชื่อ

กรณีเดินทางโดยเครื่องบิน ก่อนที่คุณจะโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง ต้องล็อคกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเก็บกุญแจไว้ที่ตัว ส่วนกระเป๋าเดินทางควรหา Tag ติดป้ายแสดง ชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ Line และจุดหมายปลายทาง เผื่อกระเป๋าเกิดไปตกหล่นระหว้างทาง จะได้สามารถตามคืนได้ภายหลัง

หรือหาสติ๊กเกอร์ เศษผ้า มาแปะ มาผูก ทำไว้เป็นสัญลักษณ์ที่กระเป๋าด้วยก็ดี เพราะถ้าหากดันมีใครทะลึ่งใช้กระเป๋าเดินทางแบบเดียวกับคุณ มีหวังหยิบผิดไปแน่นอน!

Luggage

สำหรับเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน บัตรประจำตัวต่างๆ บัตรเครดิต หรือพาสปอร์ต อันนี้ไม่ควรเก็บรวมในกระเป๋าเดินทาง เพราะการนำออกมาใช้ทีวุ่นวายยุ่งยาก ต้องเสียเวลารื้อค้น และยังต้องระวังกับโจรในเครื่องแบบ ที่คอยแอบกรีดหรืองัดกระเป๋าเดินทาง ขณะลำเลียง หรือขนส่งอีก

หากเป็นไปได้ ควรหากระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ไว้เก็บของใช้ที่สามารถหยิบได้ง่าย และเผื่อต้องใช้ในการเดินทาง อาทิ สมุดโน๊ต ปากกา เงิน บัตรเครดิต ยารักษาโรค กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ หรือ Power Bank ฯลฯ แต่ก็ควรจะมีสำรองเงินเอาไว้บ้างที่กระเป๋าเดินทาง เผื่ออาจจำเป็นต้องใช้ หากต้องไปในประเทศที่มีคนคอยกรีดกระเป๋าเยอะๆ (เช่น ในประเทศแถบยุโรปในขณะนี้ ที่แก๊งกรีดกระเป๋าอาละวาดหนักมาก)

อีกสิ่งที่สำคัญ คือ อย่าปล่อยให้กระเป๋าเดินทางมีพื้นที่ว่าง เพราะจะทำให้ของในกระเป๋าเดินทางกระจัดกระจายได้ง่ายๆ วิธีง่ายๆ คือขยำกระดาษ แล้วยัดไว้ในกระเป๋าเยอะๆ ก็ได้ หรือจะช็อปปิ้งใส่กระเป๋าเดินทางตอนขากลับก็ได้เช่นกัน

Carro-Design-Car-Nice-But-Thai-Not-Purchase

ความชื่นชอบของมนุษย์บนโลกใบนี้ ไม่เหมือนกัน … นับตั้งแต่เชื้อชาติ ภาษา ความเชื่อ วัฒนธรรม ความรู้สึกนึกคิด ย่อมมีผลต่อรสนิยมความชอบที่ต่างกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

การตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่างหนึ่ง แน่นอน … ของเหล่านี้ ย่อมส่งผลในการตัดสินใจซื้อเช่นกัน … บรรดาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิเช่น รถยนต์ ซึ่งก่อนค่ายรถ จะวิจัยและพัฒนารถยนต์รุ่นหนึ่งๆ ออกมา บางรุ่นต้องใช้งบประมาณมหาศาล คิดเป็นเงินไทยแล้วก็นับพันนับหมื่นล้านบาทได้

Thairung-ออกแบบรถ

การออกแบบรถ ของ Thairung (ไทยรุ่ง)

จึงต้องศึกษา สอบถาม เรียนรู้พฤติกรรมความต้องการ และรสนิยมของลูกค้า ของรถรุ่นที่ “ตั้งใจ” จะเข้าไปขายในตลาดภูมิภาคนั้นๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง ก่อนจะออกแบบสินค้าให้โดนใจลูกค้าให้มากที่สุด … และยังต้องคุมต้นทุนให้ได้ถูกที่สุด ก่อนจะพัฒนารถยนต์ออกมาในรูปแบบ Global Model

แล้วถ้ามันแป๊กล่ะ? จะทำอย่างไรดี! ในยุคที่การแข่งขันสูงมาก ต้องพัฒนารถ ให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าคนไทยให้ได้มากที่สุด เพราะลูกค้ามีสิทธิ์เลือกสินค้ามากขึ้นกว่าสมัยก่อน

Thairung-ออกแบบรถ

การออกแบบรถ ของ Thairung (ไทยรุ่ง)

ในวงการการตลาดรถยนต์ในไทย ในอดีต ล้วนเป็นรถนำเข้าทั้งหมด มาจาก 3 กลุ่มหลักๆ คือ ยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นที่ตามมาทีหลัง

รถยนต์จากฝั่งอเมริกาแท้ๆ ที่เน้นความใหญ่โต กินน้ำมันจุๆ จึงหายจากตลาดบ้านเราไปเกือบหมดตั้งแต่ในอดีต (ในปัจจุบัน เท่าที่เห็น รถจากฝั่งอเมริกาแท้ๆ ในไทย ก็เหลือเพียงแค่ Ford Mustang และ Chevrolet Camaro ที่มีนำเข้ามาขายในไทยตอนนี้) ในปัจจุบัน เหลือแต่แบรนด์อเมริกันบางแบรนด์ เอารถที่ R&D มาให้เหมาะกับคนเอเชีย แล้วเอามาแปะยี่ห้อขายแทนรถจากฝั่งอเมริกาแท้ๆ

Thairung-ออกแบบรถ

การออกแบบรถ ของ Thairung (ไทยรุ่ง)

ก็จะเหลือแต่รถจากยุโรป ที่หลายแบรนด์ก็หายไปจากในไทย ส่วนอีกหลายแบรนด์กระโดดขึ้นไปจับกลุ่มตลาดบน เพราะต้นทุนการนำเข้า การผลิตสูงกว่า

จะมีก็แต่รถญี่ปุ่น ที่มีความเป็น “ชาวเอเชีย” เหมือนกัน ออกแบบรถได้โดนใจคนเอเชีย และรู้ใจคนเอเชียด้วยกัน มากกว่ารถของสองทวีปนั้น และราคาที่ถูกกว่า มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่ค่อนข้างจะกวาดยอดขายรถในไทย ได้อย่างเบ็ดเสร็จทุกปี

Honda-Civic-FD

Honda Civic “FD” เวอร์ชั่นญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และ ไทย กับ เวอร์ชั่นอเมริกา และ จีน

ความฉลาดของรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น ที่ผลิตรถแบบเดียว ปรับเปลี่ยนหน้าตาหน้า-หลัง ตกแต่งภายในบางจุด ให้ต่างกันตามรสนิยมของแต่ละภูมิภาคที่จำหน่าย เช่น Honda Civic มือสอง โฉม “FD” ที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ คือ ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

การทำตลาดรถยนต์ในบ้านเรานั้น รูปลักษณ์ของรถยนต์จะต้องโดนใจคนไทย หรือตามรสนิยมคนไทยเป็นอันดับแรก และราคาตัวรถก็สำคัญ องค์ประกอบเหล่านี้มีผลต่อยอดขายของรถโดยตรง ซึ่งบางครั้งในการออกแบบรถ คนไทยก็ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมออกแบบด้วย เพราะคนไทยย่อมรู้ใจคนใช้รถที่เป็นคนไทย มากกว่าชาติอื่นๆ

Chevrolet-Car-Designer

แล้วมีรถรุ่นไหนบ้างล่ะ ที่ขายในไทย แล้ว “แป๊ก” (หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร) บ้าง Mr.Carro จะขอยกตัวอย่างเช่น Toyota Avanza, Honda Stream, Nissan Tiida หรือ Nissan Pulsar เป็นต้น

Toyota-Avanza-2019

อย่าง Toyota Avanza นี้ ตัวรถพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดอินโดนีเซียเป็นหลัก รูปทรงอาจดูไม่ลงตัว ไม่โดนใจคนไทยนัก คนจึงไม่นิยมกันเท่าไหร่ แม้ว่าจะปรับโฉมกันหลายครั้งก็ตาม

Honda-Stream

ในส่วนของ Honda Stream ก็เช่นกัน เป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากในญี่ปุ่น แต่กลับขายไม่ดีในเมืองไทยซะงั้น ซึ่งเวลานั้นเป็นรถที่นำเข้าจากอินโดนีเซีย ที่ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพการประกอบพ่วงเข้าไปด้วย

Nissan-Tiida

และในส่วนของ Nissan Tiida ล่ะ? เป็นรถที่ดีอีกหนึ่งรุ่น แต่รูปร่างรสนิยมแบบ “เหลี่ยมๆ” ของชาวฝรั่งเศส (ที่ได้มาจาก Renault Megane) มาผลิตขายให้คนไทย สุดท้ายก็ขายกันไปแบบงงๆ จนเลิกผลิตไป ไม่มี Tiida โฉมใหม่เกิดออกมาอีก (ในทั่วโลกเลยล่ะ) ซึ่งแม้แต่ขายในญี่ปุ่นเอง ก็ดูเหมือนจะแป๊กคล้ายๆ กันด้วยซ้ำ!

Nissan-Pulsar

แต่ที่ช้ำหน่อยอย่าง Nissan Pulsar ที่ Nissan เอามาเป็นตัวแทนของ Tiida หมายมั่นปั้นมือจะสู้ในตลาดรถ Hatchback แข่งกับยี่ห้อคู่แข่งให้ได้ ทั้งที่ออพชั่นก็เยอะ แต่รูปทรงตัวรถที่ดูเรียบๆ จืดๆ และยังมีตัวเลือกเยอะในตลาดรถอีก Pulsar เลยไม่โดนใจคนไทย แป๊กซะงั้น …

จากตัวอย่างของรถหลายรุ่นๆ ยกมา ก็พอบอกได้ว่า “รูปร่างหน้าตาของรถ” ค่อนข้างมีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจซื้อรถของคนไทยจริงๆ! …

10-BMTA-Bus-Wait-Long-Time

คุณเคยรอรถเมล์นานที่สุดกี่ชั่วโมง?

ในวันที่ข่าวการขึ้นราคาค่ารถเมล์กำลังเป็นที่ฮือฮา เพราะคุณภาพชีวิตของคนนั่งรถเมล์หลายคน ยังมีชีวิตการขึ้นรถเมล์เหมือนเดิม คนแน่น รถน้อย รอนาน กะเวลารอไม่ได้ เพราะปัญหาที่หมักหมมมานาน ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐมาหลายสิบปี โดยมีแต่คำอ้างว่า “ขาดทุน” มาโดยตลอด

ทำให้คนส่วนใหญ่ เมื่อมีทางเลี่ยง ก็หันไปขึ้นรถไฟฟ้าราคาแสนแพง หรือขี่รถจักรยานยนต์ ขับรถยนต์ส่วนตัว ออกมาอัดกันจนแน่นถนน ในช่วงเวลาเร่งด่วน

แม้ที่ผ่านมา ขสมก. จะเปิดรถเมล์สายใหม่ๆ และรื้อฟื้นบางสายที่เลิกวิ่งไปแล้วกลับมาวิ่งใหม่ เมื่อมีเส้นทางถนนตัดใหม่เกิดขึ้นก็ตาม แต่รถเมล์ก็ยังคงไม่พอ รอนาน และวิ่งไม่ทั่วถึง จนผู้โดยสาร (บางคน) รอไม่ไหวจะใช้บริการ

แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบการรอคอย MR.CARRO ขอแนะนำ 10 สายรถเมล์ของ ขสมก. ที่รอนานที่สุด ฉบับ Update ปี 2562 (เรียงตามหมายเลขสาย จากน้อยไปมาก) มีเส้นทางไหน วิ่งผ่านจุดใด จำนวนรถเท่าไหร่

เผื่อคุณสนใจจะไปยืนรอ ในวันที่มีเวลาว่างมากพอ.

26 มีนบุรี – เอกมัย

BMTA-Bus-Route-26

ภาพจาก Kittipich Konganandech

แรกเริ่มเดิมที สายนี้คือ 26ก มีนบุรี – เอกมัย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2553 ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้รถเมล์มีวิ่งบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม และทดแทนรถเมล์สาย 154 ที่เลิกวิ่งไปแล้ว กับต้องลดจำนวนรถเมล์ฟรีที่วิ่งในเส้นทางหลักอย่าง มีนบุรี – อนุสาวรีย์ชัย ไปในตัว แต่ก็สร้างวีรกรรม ในการไม่รับผู้โดยสารบนถนนเส้นนี้ ไว้มากพอสมควร

ในช่วงปลายปี 2560 ทางเขตการเดินรถที่ 2 ได้นำตัว “ก” ออก ก็เลยกลายเป็น สาย 26 มีนบุรี – เอกมัย นับแต่นั้นมา หากใครที่จะไปเอกมัย ต้องสังเกตป้ายหน้ารถให้ดี ไม่งั้นขึ้นผิดคันได้ เอาให้มันงงเล่นแบบนี้ล่ะ รอก็นานมากๆ เพราะจะออกมาแค่ช่วงเช้า-เย็น

ในปี 2562 สาย 26 มีนบุรี – เอกมัย มีจำนวนรถวิ่งที่ไม่แน่นอน ในแต่ละวัน

64 อู่นครอินทร์ – สะพานพระปิ่นเกล้า (ขสมก. วิ่งถนนราชพฤกษ์)

BMTA-Bus-Route-64

ภาพจาก Pattalan Chuthamanee

รถเมล์สายนี้ วิ่งโดยเขตการเดินรถที่ 7 แต่ก็มีจำนวนรถเพียงไม่กี่คัน เส้นทางหลักๆ อยู่บนถนนราชพฤกษ์ ซึ่งปกติเป็นถนนที่คนรอขึ้นรถเมล์น้อยอยู่แล้ว โดยจะได้คนมากหน่อย ก็ช่วงเช้า-เย็น มากกว่าเวลาอื่นๆ

จุดเริ่มต้นของ สาย 64 อู่นครอินทร์ – พระปิ่นเกล้า ที่ดำเนินการโดย ขสมก. เกิดขึ้นมาเพื่อให้สาย 64 เดินรถได้ครบถ้วนตามสัมปทาน

(เดิมสาย 64 ขสมก. ขายสัมปทานไปในช่วงปรับลดขนาดขององค์กรในปี 2541-2543 โดยให้รถร่วมบริการวิ่ง ภายหลัง กรมการขนส่งทางบกปรับเส้นทางแบบวงกลม เป็น วงกลมนนทบุรี – สนามหลวง – ราชพฤกษ์ เมื่อรถร่วมบริการไม่วิ่ง ขสมก. จึงต้องจัดรถสายนี้เพื่อให้วิ่งตามสัมปทานแทน มิฉะนั้นจะถูกปรับ)

ในปี 2562 สาย 64 อู่นครอินทร์ – สะพานพระปิ่นเกล้า เหลือรถวิ่งเพียง 1 คัน

88 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางขุนเทียน – ท่าดินแดง

BMTA-Bus-Route-88

ภาพจาก Phachara Pornarunchai‎

แต่เดิมนั้นรถเมล์สาย 88 เป็นรถของรถร่วมบริการ บริษัท ธิติวัชขนส่ง จำกัด เลิกวิ่งไปแล้ว ทาง ขสมก. จึงจำเป็นต้องจัดหารถมาวิ่งแทน เพื่อรักษาเส้นทางสัมปทานเอาไว้

จากเดิมที่สุดสายตรงแฟลตทุ่งครุ ปรับเปลี่ยนเส้นทางเข้าไปยัง วัดคลองสวน, อบต. คลองสวน และต่อมาขยายเส้นทางไปจนถึง มจธ. บางขุนเทียน ซึ่งมีระยะทางไกลมากๆ

ในปี 2562 สาย 88 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี บางขุนเทียน – ท่าดินแดง เหลือรถวิ่งเพียง 5 คัน แต่วิ่งจริงๆ เพียง 2 คัน/วัน เพราะรถเมล์อีก 3 คัน ไปช่วยสาย 75 วิ่ง

143 แฮปปี้แลนด์ – พระจอมเกล้าลาดกระบัง

BMTA-Bus-Route-143

ภาพจาก Chanon Lekanupanon‎

แต่เดิมนั้นรถเมล์สาย 143 เป็นรถของรถร่วมบริการ บริษัท ลาดกระบัง จำกัด เลิกวิ่งไปแล้ว ทาง ขสมก. จึงจำเป็นต้องจัดหารถมาวิ่งแทน เพื่อรักษาเส้นทางสัมปทานเอาไว้ เริ่มให้บริการในวันที่ 10 มกราคม 2556 โดย ขสมก. กลุ่มปฏิบัติการเดินรถที่ 1 เขตการเดินรถที่ 2 อู่มีนบุรี

เริ่มแรกวิ่งในเส้นทาง มีนบุรี – เคหะฉลองกรุง (ซึ่งเป็นเส้นทางเสริมของสาย 143 เดิม ภายหลังเป็น 143ก) ต่อมาจึงขยายเส้นทางไปเป็น แฮปปี้แลนด์ – พระจอมเกล้าลาดกระบัง

ในปี 2562 สาย 143 แฮปปี้แลนด์ – พระจอมเกล้าลาดกระบัง เหลือรถวิ่งเพียง 1 คัน

165 อู่บรมราชชนนี – พุทธมณฑลสาย 3 – สนง.เขตบางกอกใหญ่

BMTA-Bus-Route-165

ภาพจาก Ritthi Phosiyamanee‎

รถเมล์สาย 165 ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ในเส้นทาง พุทธมณฑลสาย 3 – สนามหลวง (วิ่งเส้นถนนเพชรเกษม) เป็นรถเมล์สายที่หาขึ้นยากอีกหนึ่งสาย และเส้นทางเหมือนคู่แฝดอย่างสาย 91ก อีกทั้งยังเปลี่ยนเส้นทางบ่อยครั้งมาก

ในปี 2546 ขสมก. ได้มีมติขยายเส้นทางสาย 165 ให้ยาวขึ้นเป็น พุทธมณฑลสาย 3 – บรมราชชนนี – สนามหลวง ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2549 เปลี่ยนเส้นทางเป็น พุทธมณฑลสาย 2 – เขตบางกอกใหญ่ ในเดือนมกราคม 2551 ปรับเส้นทางเป็น พุทธมณฑลสาย 2 – ศาลาธรรมสพน์ – เขตบางกอกใหญ่ และในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เปลี่ยนเส้นทางอีก เป็น พุทธมณฑลสาย 2 – พุทธมณฑลสาย 3 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น อู่บรมราชชนนี – พุทธมณฑลสาย 3 – สนง.เขตบางกอกใหญ่ ตามอู่ที่ย้ายไปใหม่

ในปี 2562 สาย 165 อู่บรมราชชนนี – พุทธมณฑลสาย 3 – สนง.เขตบางกอกใหญ่ เหลือรถวิ่งเพียง 8 คัน แต่วิ่งจริงๆ เพียง 3 คัน/วัน เพราะรถเมล์อีก 5 คัน ไปช่วยสายวิ่งสาย 7ก

197 (วงกลม) มีนบุรี – หทัยราษฎร์

BMTA-Bus-Route-197

ภาพจาก N’James Cac

สาย 197 แรกเริ่มเดิมทีเป็นรถเมล์ วงกลมทดลองวิ่ง (สาย B1 / B2) วิ่งวนซ้าย วนขวา ที่กลุ่มปฏิบัติการเดินรถที่ 1 เขตการเดินรถที่ 2 อู่มีนบุรี ทดลองวิ่ง เพื่อให้มีรถเมล์บริการบนถนนหทัยราษฏร์ ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน จนกลายมาเป็นรถเมล์สาย 197 ที่เริ่มวิ่งให้บริการในวันที่ 12 กันยายน 2556

โดยเส้นทางนี้ มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 2 แสนคน (ยอดเมื่อปี 2556) แต่ยังไม่มีรถเมล์ให้บริการ มีเพียงรถสองแถว และรถตู้ ซึ่งก็มีผู้ประกอบการรถสองแถวประท้วง อ้างว่า จะเกิดผลกระทบต่อรถสองแถวที่ให้บริการ และปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวก็มีรถติดอยู่แล้ว

ในปี 2562 สาย 197 (วงกลม) มีนบุรี – หทัยราษฎร์ เหลือรถวิ่งเพียง 1 คัน

525 สวนสยาม – คู้ซ้าย – หมู่บ้านเธียรทอง 3

BMTA-Bus-Route-525

ภาพจาก วันชัย ห่อรัตนาเรือง

525 แต่เดิมคือ ปอ.28 ที่เปิดมาพร้อมๆ กับ ปอ.29 ที่ถูกยุบเส้นทางไป (ปัจจุบันคือสาย 526) เพื่อให้มีรถเมล์วิ่งบริการในย่านหนองจอก ถนนคู้ซ้าย ถนนคู้ขวา (ถนนทั้ง 2 เส้นนี้ เป็นถนนที่วิ่งเลียบไปกับคลองแสนแสบ ตั้งแต่มีนบุรี ถึงหนองจอก)

แม้ว่าสาย 525 และ 526 ปัจจุบันจะเป็นรถเมล์ครีม-แดง ที่เริ่มกลับมาวิ่งอีกครั้งช่วงประมาณปี 2554 ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นรถเมล์ที่มีความสำคัญของชาวหนองจอก และชาว ขสมก. อีกสาย เพราะหมู่บ้านเธียรทอง 3 เป็นหมู่บ้านที่พนักงาน ขสมก. อาศัยอยู่มาก สาย 525 จึงมาสุดสายที่นี่ เสมือนเป็นรถรับ-ส่งพนักงานไปในตัว

ในปี 2562 สาย 525 สวนสยาม – คู้ซ้าย – ม.เธียรทอง 3 เหลือรถวิ่งเพียง 4 คัน

710 (วงกลม) ตลิ่งชัน – ราชพฤกษ์ – อรุณอมรินทร์

BMTA-Bus-Route-710

ภาพจาก Kittipich Konganandech

สาย 710 กับตัวเลขที่ไม่คุ้นเคยของคนรอ ด้วยเส้นทางที่เน้นวิ่งในถนนราชพฤกษ์เป็นหลัก รวมทั้งวิ่งเป็นวงกลมแบ่งเป็นวนซ้ายและวนขวา สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้บริการไม่น้อย แล้วมีจำนวนรถที่น้อย จึงทำให้มีผู้ใช้บริการน้อยมาก เท่าที่เห็น คนใช้บริการรถเมล์สายนี้เยอะอยู่เพียงแค่ช่วงหน้าโรงพยาบาลศิริราช กับตรงวังหลัง เท่านั้น เพราะสามารถทดแทนรถเมล์สาย 57 ได้

เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2556 ปล่อยรถชั่วโมงละ 1 คัน ยกเว้นช่วง 6.00 – 7.00 น. และช่วง 17.00 – 18.00 น. จะปล่อยรถชั่วโมงละ 2 คัน (ใครรอไหวก็รอกันไป)

เป็นสายรถเมล์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจาก กรมการขนส่งทางบก คิดปฏิรูปรถเมล์ในปี 2552 พร้อมกับรอรถเมล์ใหม่ในช่วงนั้น โดยใช้เลขสายตั้งแต่ 600-755 ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ฉบับที่ 1950 (พ.ศ. 2552) ต่อมาโครงการก็ล้มไม่เป็นท่า โดย ขสมก. ก็มีนโยบายที่ต้องการนำรถเมล์ฟรีไปเปิดสายใหม่ๆ อยู่แล้ว สาย 710 วงกลมอรุณอมรินทร์ – ถ.กาญจนาภิเษก ถึงเกิดขึ้น และดำเนินงานโดย เขตการเดินรถที่ 5

ในปี 2562 สาย 710 (วงกลม) ตลิ่งชัน – ราชพฤกษ์ – อรุณอัมรินทร์ เหลือรถวิ่งเพียง 8 คัน แต่วิ่งจริงๆ เพียง 2 คัน/วัน เพราะรถเมล์อีก 6 คัน ไปช่วยสายวิ่งสาย 7ก

720 (วงกลม) กัลปพฤกษ์ – พระราม 2

BMTA-Bus-Route-720

ภาพจาก Chanon Lekanupanon

สาย 720 ดำเนินการโดยเขตการเดินรถที่ 5 สลับวิ่งวนซ้ายและวนขวา โดยรถเมล์สายนี้ จะได้คนเยอะหน่อยก็ช่วงถนนเพชรเกษมเท่านั้น หลังจากนั้นก็วิ่งขายเบาะ

สาย 720 แต่เดิมนั้นคือรถเมล์สาย 193 ที่เปิดขึ้นมาใหม่ตามกำหนดของประกาศคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ในเดือนสิงหาคม 2550 เพื่อให้ผู้โดยสารมีรถเมล์ไปยังถนนกัลปพฤกษ์ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากรถมีน้อย หลังจากที่กรมการขนส่งทางบก ปฏิรูปรถเมล์ในปี 2552 พร้อมกับรอรถเมล์ใหม่ในช่วงนั้น โดยใช้เลขสายตั้งแต่ 600-755 รถเมล์สาย 193 จึงเปลี่ยนเลขสายเป็น 720 ในภายหลัง

ในปี 2562 สาย 720 (วงกลม) กัลปพฤกษ์ – พระราม 2 เหลือรถวิ่งเพียง 2 คัน

751 สะพานพระราม 4 – สถานีรถไฟฟ้า BTS บางหว้า

BMTA-Bus-Route-751

ภาพจาก Wisarut Hanpatthanakotchakorn‎

สาย 751 เดินรถโดยเขตการเดินรถที่ 7 อีกทั้งเส้นทางเดินรถที่ค่อนข้างยาว เราจึงแทบไม่เห็นใครรอขึ้นรถเมล์สายนี้้เลยในช่วงระหว่างทาง โดยจะได้คนแค่เพียงช่วงต้นสายและปลายสายเท่านั้น

เป็นสายรถเมล์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจาก กรมการขนส่งทางบก คิดจะปฏิรูปรถเมล์ในปี 2552 พร้อมกับรอรถเมล์ใหม่ในช่วงนั้น โดยใช้เลขสายตั้งแต่ 600-755 ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ฉบับที่ 1950 (พ.ศ. 2552) เริ่มวิ่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2556

สาย 751 นั้น วิ่งในส่วนของถนนราชพฤกษ์เกือบตลอดทั้งสาย ตั้งแต่ช่วงบางหว้า ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปถนนชัยพฤกษ์ สุดสายที่บริเวณใต้สะพานพระราม 4 (ฝั่งถนนชัยพฤกษ์) ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกมากๆ ของคนที่อยู่ในย่านปากเกร็ด แล้วต้องการเข้าเมืองมาต่อรถไฟฟ้าบริเวณ BTS บางหว้า ไม่ต้องเสียเวลารถติดในเมือง (แต่ไปติดนอกเมืองแทน!)

ในปี 2562 สาย 751 สะพานพระราม 4 – สถานีรถไฟฟ้า BTS บางหว้า เหลือรถวิ่งเพียง 3 คัน

*หมายเหตุ 10 สายรถเมล์รอนานนี้ เป็นการรวบรวมสอบถาม สายรถเมล์ที่คนรอรถเมล์นาน จากผู้โดยสารรถเมล์ ในเดือนพฤษภาคม 2562 เท่านั้น

ถ้าเบื่อรอรถเมล์แล้ว อยากซื้อรถใหม่ แต่มีงบไม่พอ หรืออยากขายรถเก่าออกแบบไวที่สุด ได้เงินเร็วที่สุด เพื่อนำเงินไปโปะรถคันใหม่ ก็ให้ CARRO เป็นผู้ช่วยมืออาชีพของคุณ …

ถ้าคุณอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเก่ากับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

"วัดท่าไม้" ท้ายรถ หมายถึงอะไร?

หลายคน อาจจะรู้จัก “วัดท่าไม้” จากสื่อหลายๆ ช่องทาง ตั้งแต่เป็นวัดที่คนชอบไปกันเยอะๆ มาทำบุญ ไหว้พระ ไหว้ครูประจำปี หรือจะเป็นการแจกทุเรียนให้ทานฟรี ก็แล้วแต่

แต่ที่คนสงสัย คือ ทำไมถึงมีสติ๊กเกอร์ “วัดท่าไม้” อยู่ท้ายรถ ซึ่งสังเกตเห็นได้บ่อยๆ เวลาขับรถไปไหนมาไหน

Carro หาข้อมูลมาเล่าให้ฟังครับ ว่าที่มาที่ไปของ สติ๊กเกอร์ “วัดท่าไม้” มาจากไหน และด้วยวัตถุประสงค์ใด …

สำหรับเรื่องนี้ เคยมีทีมข่าวจาก MONO ไปสัมภาษณ์พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือหลวงพี่อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการทำสติ๊กเกอร์วัดท่าไม้ มาจากการที่เจ้าอาวาสได้ไปพบเห็นสติ๊กเกอร์ท้ายรถรูปวัดหลวงพ่อโสธรที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้คนร่วมทางรู้ว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อโสธร ดังนั้นจึงจัดทำสติ๊กเกอร์วัดท่าไม้ขึ้นบ้าง เพื่อให้รู้ว่าคนมาวัด และเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้ด้วยว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ มาทำบุญจะได้ช่วยอำนวยความสะดวก

โดยสติ๊กเกอร์ของวัดท่าไม้จะแบ่งออกเป็น 2 สี ประกอบด้วย

1. สีเหลือง ใช้ติดสำหรับรถของคนที่มาถือศีลปฏิบัติธรรม และ
2. สติ๊กเกอร์สีขาว ใช้สำหรับคนที่มาไหว้พระทำบุญ

นอกจากนี้ ประโยชน์ของสติ๊กเกอร์นี้ยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างคนใช้รถใช้ถนนให้มีน้ำใจต่อกัน เสมือนเป็นศิษย์วัดเดียวกันต้องรู้จักเอื้อเฟื้อกัน และหากมีกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีเรื่องเบียดเบียนกัน ก็ต้องให้อภัยซึ่งกันและกันเวลาเกิดปัญหาอีกด้วย

วัดท่าไม้

ประวัติวัดท่าไม้

ตั้งอยู่เลขที่ 51 หมู่ 11 ถ.เศรษฐกิจ 1 ซอย 8 ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัด จำนวน 6 ไร่ จากผู้มีจิตศรัทธาถวายและซื้อเพิ่มบ้าง ทิศเหนือติดแม่น้ำท่าจีน วัดนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2520 ได้รับพระราชทานวิสุงคามมสีมา เมื่อปี 2537

รายนามเจ้าอาวาสวัดท่าไม้

1. พระอาจารย์ยอด อุปติสฺโส
2. พระครูศีลสาครวิมล (สุรสิงห์ สุรสีโล)
3. พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร

นับย้อนไปเมื่อต้นปี 2520 มีพระภิกษุหนุ่มอายุราว 24 ปี แบกกลดสะพายบาตร ยืนสงบอยู่ ทราบว่า ท่านเป็นพระธุดงค์ชื่อ ยอดชาย ฉายา อุปติสฺโส พรรษา 1 วัดหนองโตนด (พันท้าว) ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ต้องการหาสถานที่เพื่อปฏิบัติสมณธรรม คุณทุยดีใจและได้ชี้นำบริเวณปากคลองคอกหมู ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั้นนัก ให้เป็นที่พักซึ่งวิเวกร่มรื่นสงบ อากาศดีไม่มีคนพลุกพล่าน คุณทุยได้ขอปวารณาตัวเพื่ออุปถัมภ์ท่านตลอดไป แล้วชักชวนญาติสนิทมิตรสหาย ช่วยกันสร้างที่พักสงฆ์

ด้วยจริยาวัตร และสามัคคีธรรมร่วมกันของพระภิกขุกับชาวบ้าน ประสงค์จะสร้างเป็นวัด ให้ถาวรวัฒนาสืบไป จึงขออนุญาตสร้างวัด ซึ่งต้องรวบรวมเงินยืมจากคหบดีใกล้เคียง มาเป็นทุนจดทะเบียนในวันที่ 20 ตุลาคม 2520 และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2520 จนได้รับใบอนุญาตสร้างวัดจากกรมการศาสนา ให้นามว่า “สำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี (ท่าไม้)”

ตั้งแต่นั้นมา ท่านพระอาจารย์ยอด ประกอบด้วยบารมี สามารถสร้างศรัทธาและพัฒนาสำนักสงฆ์ ให้เจริญทั้งวัตถุธรรมและศีลธรรม ตลอดจนสาธารณประโยชน์ อาทิ ศาลาท่า, บ่อสูบน้ำบาดาลจ่ายไปยังหมู่บ้านหมู่ 11, ติดตั้งไฟฟ้า และสร้างศาลาการเปรียญ เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้น ใช้ทางเข้าออกสำนักเพียงทางเรือทางเดียว ท่านจึงดำเนินการขอถนน เส้นทางจากวัดท่ากระบือมายังสำนักสงฆ์ ระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตรเศษ

ต้นฤดูหนาว คืนวันพุธก่อนวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2524 เป็นวันลอยกระทง ท่านพระอาจารย์ยอด แจ้งแก่คุณทวี สมท่า ชาวบ้านอ้อมใหญ่ศิษย์ผู้ดูแลใกล้ชิดว่า “ขอฝากวัดด้วย” รุ่งขึ้นท่านได้จาริกหายไป ไม่กลับคืนอีกเลย รวมเวลา 4 ปี ของท่านพระอาจารย์ยอดชาย อุปติสฺโส วัดทิ้งร้างห่างหลายปี มีบางท่านได้เสนอให้ยุบเลิกวัดเสีย แต่ท่านเจ้าคณะตำบลท่าไม้ขณะนั้นคือ ท่านพระครูธรรมรัตน์ วัดนางสาว ได้เล็งเห็นประโยชน์แก่มหาชนรุ่นหลัง ให้คงสภาพสำนักสงฆ์ต่อไป และมอบให้ ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ กิตฺติภทฺโท อายุ 23 ปี พรรษา 2 นักธรรมโท มาเป็นผู้ปกครองดูแลตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2527 ร่วมกับ พระวิรัตน์ ตนฺติปาโล อายุ 27 ปี พรรษา 5 นักธรรมเอก จากวัดนางสาวเช่นกัน

คุณแม่จินตนา แสงวิรุณ ได้นิมนต์ให้พระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล มาพักรักษาตัวที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ระหว่างวันที่ 20 มกราคม 2530 จนหายอาพาธกลับไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ศกเดียวกัน เมื่อถึงกลางปี 2531 ได้ริเริ่มโครงการสร้างอุโบสถ รวมกับทั้งอาราธนาท่านพระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล พร้อมคณะ จากวัดสุมนาวาส เขากะโหลก ต.ปากน้ำ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นลูกหลานของญาติโยมในพื้นที่ มาสังกัดสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยเหลือในกิจการต่างๆ และเชิญ คุณนิวัติ โศภารักษ์ เป็นประธานสร้างอุโบสถ

ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2532 ได้ยกฐานะของสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี ขึ้นเป็น “วัดท่าไม้” ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก:

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 นอกจากจะทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระอัจฉริยภาพหลากหลายด้าน อาทิเช่น ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านวิศวกรรมการบินและอากาศยาน และทรงสนพระราชหฤทัยมาตั้งแต่เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ รวมไปถึงในด้านรถยนต์ และเครื่องยนต์กลไกอีกด้วย

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

“รถยนต์” ก็เป็นสิ่งที่รัชกาลที่ 10 ท่านทรงโปรดปรานอยู่มาก ทั้งที่เป็นรถยนต์องค์จริงๆ ที่ทรงใช้งานส่วนตัว และทรงรับช่วงต่อมาจากพระราชบิดา ซึ่งทรงได้โปรดให้มีการเก็บรักษารถยนต์พระที่นั่ง และรถยนต์ส่วนพระองค์ ไว้ที่พิพิธภัณฑ์รถยนต์พระที่นั่งโบราณ ณ วังศุโขทัย

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

และสำหรับรถคันน้อยๆ หรือ “โมเดลรถ” ก็เป็นหนึ่งของสะสม ที่พระองค์ทรงชื่นชอบและโปรดปรานมาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์เช่นกัน ทรงเก็บอย่างเป็นระเบียบ มีตั้งแต่รถเก๋งเปิดประทุน รถยนต์หลากยี่ห้อ รถจี๊ป รถมอเตอร์ไซค์ รถทหารปิดและเปิดประทุน รถม้า รถลาก รถตำรวจ กระทั่งรถผสมปูน รถพยาบาล เป็นต้น

ครั้งหนึ่งทรงให้พระราชทานสัมภาษณ์ถึงรถเล็กๆ เหล่านี้ ลงในนิตยสารดิฉัน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2529 พระองค์ทรงมีพระราชกระแสถึงความชอบส่วนพระองค์ว่า

“ชอบรถกับเครื่องบินแต่รถนี่ชอบมากกว่า”

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

เหตุผลที่พระองค์ทรงชอบสะสมรถเล็กนั้นเพคะ

“ตอนเด็กๆ ชอบเครื่องยนต์กลไก แล้วมันก็เป็นการแสดงวัฒนธรรมและพัฒนาการทางเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ของเล่นเมื่อเด็กๆ เท่าที่ยังเหลืออยู่คือของเล่นสมัยนี้ก็มี แต่มันไม่เหมือนของเล่นเมื่อ 20 ปีก่อน มันก็เป็นไปตามสิ่งแวดล้อม”

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

พระองค์ทรงมีรถเล็กๆ ที่สะสมไว้สักกี่คันเพคะ

“มีเป็นร้อย”

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

ทรงจำได้ไหมเพคะว่า คันไหนเป็นคันแรก

“ก็จำได้ว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นแรก จำได้ว่าใคร ตอนเด็กๆ คนเขาให้ พอโตก็ซื้อเอง เวลาไปเมืองนอกก็ซื้อ ปัจจุบันก็ยังซื้อ ซื้อรถ ซื้อเครื่องบินหรืออะไรเล็กๆ ที่มันน่ารัก อะไรที่มันมีศิลปมีความละเอียดก็สะสม ก็ซื้อเวลาไปเมืองนอก”

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

เมื่อทรงพระเยาว์ทรงโปรดรถคนไหนมากที่สุดเพคะ

“ตอนเด็กๆ ชอบรถคันนี้ เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนยี่ห้อ MG มันมาพร้อมๆ กับรถจริง คือรถ MG รุ่นนี้เหมือนกัน สมัยก่อนถ้าเขาออกรถใหม่เขาก็จะทำรถคันเล็กๆ ออกมาด้วย ส่วนคันนี้เป็นเบนซ์ 300, 1995 ผู้ใหญ่มีเราก็มีบ้างแต่เป็นรถคันเล็กๆ ที่มีประตูเปิดปิดข้าง รถรุ่นหลักประตูเปิดไม่ได้ รถเบนซ์บางคันดินน้ำมันเกาะเต็มไปหมดเป็นเบนซ์ช้ำเลือดช้ำหนองและทาสีซ้ำอีก แล้วรถตำรวจนี่เขียนเบอร์เองยังอยู่”

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

King-Rama-10-Diecast-Model-Cars

ทรงเปลี่ยนความโปรดไปเรื่อยๆ เป็นยุคๆ ไหมเพคะ

“ไม่ค่อยเปลี่ยน รถเดี๋ยวนี้ยังชอบเหมือนเดิมแต่มาเล่นของจริง ของเก่าก็ยังชอบอยู่ สมัยก่อนชอบรถโฆษณา รถคอมเมอร์เชียลอะไรพวกนี้มันน่ารักดี รถทหารเปิดประทุนรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก ผู้ใหญ่เขาเสียดาย เขาเก็บ กลัวพังถามทำไมไม่ให้เล่น เขาบอกถ้าโตแล้วจะเก็บไว้เป็นตัวอย่าง รถผสมซีเมนต์นี่ก็รุ่นแรก พวกคันเล็กๆ เหล็กๆ รุ่นแรก นี่รุ่นหลังเห็นไหมมีสแว๊บกี้สำหรับคนหนุ่มคนสาว”

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก บทพระราชทานสัมภาษณ์ นิตยสารดิฉัน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2529

Coronation-Of-King-Maha-Vajiralongkorn-2019

ในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ณ พระบรมมหาราชวัง

นับเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยทุกสถานีจะเชื่อมสัญญาณการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

แต่ถ้าหากใครอยากไปร่วมงานครั้งหนึ่งในชีวิต ก็สามารถเดินทางไปที่งาน  พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยวิธีการเดินทางต่างๆ ดังรายละเอียดด้านล่างนี้ครับ

จุดคัดกรอง-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

จุดคัดกรอง-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

วันที่ 2 พฤษภาคม 2562 เปิดจุดคัดกรองเวลา 14.00 น.

จุดคัดกรองที่เปิด มีดังนี้ 1. พระแม่ธรณี 2. วงเวียน รด. 3. ท่าช้าง 4. สะพานช้างโรงสี 5. ถนนพระจันทร์ 6. แยกวังแดง 7. สะพานชมัยมรุเชษฐ์ 8. บ้านหม้อ (ปากคลอง) 9. จักรเพชร
——————————————————————————————————————-
วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เปิดจุดคัดกรองเวลา 12.00 น.

จุดคัดกรองที่เปิด มีดังนี้ 1. พระแม่ธรณี 2. สะพานช้างโรงสี 3. วงเวียน รด. 4. ท่าช้าง 5. ถนนพระจันทร์
——————————————————————————————————————-
วันที่ 4 พฤษภาคม 2562 เปิดจุดคัดกรองเวลา 7.00 น.

จุดคัดกรองที่เปิด มีดังนี้ 1. พระแม่ธรณี 2. สะพานช้างโรงสี 3. วงเวียน รด. 4. ท่าช้าง 5. ถนนพระจันทร์
——————————————————————————————————————-
วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เปิดจุดคัดกรองเวลา 12.00 น. เปิดทั้งหมด 22 จุดคัดกรอง

1. สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า (ฝั่งธน) 2. ถนนหน้าพระธาตุ 3. ท่าช้าง 4. พระแม่ธรณีบีบมวยผม
5. ถนนจักรพงษ์ (หน้าพิพิธภัณฑ์เหรียญ) 6. ถนนข้าวสาร 7. ถนนบูรณศาสตร์ 8. ถนนตะนาวใต้
9. ถนนบุญศิริ 10. ถนนแพร่งนภา 11. แยกบางลำพู 12. ถนนประชาธิปไตย
13. ถนนนครสวรรค์ 14. ถนนหลานหลวง 15. ถนนมหาไชย 16. ถนนดินสอ
17. ซอยดำรงรักษ์ 18. แยกเสาชิงช้า 19. แยกเฉลิมกรุง 20. สน.พระราชวัง 21. ท่าเตียน 22. โรงเรียนราชินี
——————————————————————————————————————-
วันที่ 6 พฤษภาคม 2562 เปิดจุดคัดกรองเวลา 12.00 น.

จุดคัดกรองที่เปิด มีดังนี้ 1. พระแม่ธรณี 2. สะพานช้างโรงสี 3. สะพานมอญ 4. สะพานเจริญรัช 5. ท่าช้าง 6. ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 7. ในหน่วยกองบัญชาการรักษาดินแดน (รด.)

การเดินทางโดยรถเมล์

รถ-Shuttle-Bus-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

เดินทางด้วยรถเมล์ เป็นวิธีเดินทางสำหรับที่ไม่รีบร้อนและมีเวลา มีรถ Shuttle Bus จำนวน 11 เส้นทาง ทั่วกรุงเทพมหานคร ให้บริการในวันที่ 1-7 พฤษภาคม 2562 มีรถให้บริการตั้งแต่ 06.00 – 24.00 น. หรือจนกว่าจะอำนวยความสะดวกประชาชนออกจากพื้นที่จนหมด

รถ-Shuttle-Bus-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

เส้นทาง Shuttle bus รับส่งประชาชน จากจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร เข้าสู่บริเวณงานพระราชพิธีฯ จำนวน 11 เส้นทาง คือ

1. เมืองทองธานี, ศูนย์ราชการ – สนามม้านางเลิ้ง
2. สโมสรตำรวจ, ม.เกษตรศาสตร์ – สนามม้านางเลิ้ง
3. สโมสรกองทัพบก, กทม.2 – สนามม้านางเลิ้ง
4. ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต – สนามม้านางเลิ้ง
5. ที่จอดรถของ รถไฟฟ้า (รฟม.) รัชดาฯ, MRT, ศาลอาญา,- บ้านมนังคศิลา
6. อิเกีย, เมกะ, ไบเทคบางนา – บ้านมนังคศิลา
7. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง – บ้านมนังคศิลา
8. ท่าเรือคลองเตย, โรงงานยาสูบ, แอร์พอร์ตลิงค์มังกะสัน – บ้านมนังคศิลา
9. เซ็นทรัลพระราม 2, โรงเรียนบางมดวิทยา, – วัดเทพศิรินทร์
10. พุทธมณฑลสาย 4, เซ็นทรัลศาลายา , อู่รถบรมราชชนนี, มหาวิทยาลัยทองสุข – วัดเทพศิรินทร์
11. เซ็นทรัลเวสเกต – สะพานพระปิ่นเกล้า

อีกทั้งยังมี เส้นทางเดินรถเฉพาะกิจ รับส่งประชาชน จากจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร รับส่งทุกป้าย เข้าสู่บริเวณงานพระราชพิธีฯ อีกจำนวน 6 เส้นทาง คือ

1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – สนามม้านางเลิ้ง
2. สถานีขนส่งจตุจักร – สนามม้านางเลิ้ง
3. วงเวียนใหญ่ – สะพานพระพุทธยอดฟ้า
4. สนามศุภชลาศัย- บ้านมนังคศิล
5. สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) – สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
6. สถานีรถไฟหัวลำโพง – บ้านมนังคศิลา

การเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS / รถโดยสารด่วนพิเศษ BRT

BTS-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

รถไฟฟ้า BTS 5 พฤษภาคมนี้ เดินทางฟรี ทั้งรถไฟฟ้า BTS และรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ 06.00 – 24.00 น.

BTS-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

สำหรับ BTS ส่วนต่อขยาย กรุงเทพมหานคร ได้ให้บริการฟรีเพิ่มเติมในสถานีส่วนต่อขยายทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม ตลอดระยะเวลา 3 วัน คือ ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562

การเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT

MRT-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

รถไฟฟ้า MRT ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ฟรี ในวันที่ 5 – 6 พ.ค.62 ตลอดระยะเวลาเปิดให้บริการ และยังเปิดให้บริการที่จอดรถฟรี ณ อาคารจอดแล้วจร สายสีน้ำเงินและสีม่วง ระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม 2562

MRT-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

นอกจากนี้ ยังมี Shuttle Bus เชื่อมต่อ ณ MRT สถานีหัวลำโพง สถานีเพชรบุรี สถานีลาดพร้าว และสถานีตลาดบางใหญ่ ระหว่างวันที่ 2- 6 พ.ค.62 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

MRT-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

นอกจากนั้น BEM ยังได้ร่วมกับ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) จัดรถบริการรับ-ส่ง ประชาชน ฟรี ณ MRT สถานีหัวลำโพง ไปยังจุดพักคอยวัดเทพศิรินทร์ ในวันที่ 5 – 6 พ.ค. 62 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 24.00 น.

และตั้งจุดบริการอาหารและน้ำดื่ม ณ MRT สถานีหัวลำโพง และจุดบริการน้ำดื่ม ณ สถานีลาดพร้าว ในวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม 2562 พร้อมหน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น (เฉพาะวันที่ 5 พฤษภาคม 2562) ณ สถานีหัวลำโพง บริเวณชั้นออกบัตรโดยสาร ทางเข้า – ออก 2 และ 3 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางในช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อีกด้วย

การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ARL (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์)

Airport-Link-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

รถไฟฟ้า Airport Rail Link แนะนำเส้นทางร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนที่จะเข้าร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เปิดให้ใช้บริการฟรีวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 เวลา 05.30 – 24.00 น.

การโดยสารด้วยเรือโดยสารสาธารณะ

เรือ-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

การบริการขนส่งสาธารณะ เรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก และเรือโดยสารคลองแสนแสบ บริการฟรี ระหว่างวันที่ 4 – 6 พ.ค. 2562

เรือ-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

เรือด่วนเจ้าพระยา และเรือโดยสารสมาคมเรือไทย

จาก ท่าเรือท่าน้ำนนทบุรี ถึง ท่าเรือปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. เรือออกจากต้นทางทุก 1 ชั่วโมง

จาก ท่าเรือสาทร ถึง ท่าเรือสะพานพุทธ ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. เรือออกจากต้นทางทุก 1 ชั่วโมง

เรือข้ามฟาก (ระหว่างวันที่ 4 – 6 พ.ค. 62 ตั้งแต่ 06.00 – 22.00 น.)

จาก ท่าเรือพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) มา ท่าเรือพระราม 8 (ฝั่งพระนคร) บริการทุก 15 นาที

จาก ท่าเรือพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) มา ท่าปิ่นเกล้า (ฝั่งพระนคร) บริการทุก 20 นาที

จาก ท่าเรือปิ่นเกล้า (ฝั่งธนบุรี) มา ท่าเรือปิ่นเกล้า (ฝั่งพระนคร) บริการทุก 15 นาที

จาก ท่าเรือรถไฟ มา ท่าเรือพระจันทร์ใต้ บริการทุก 20 นาที

เรือ-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

เรือโดยสารคลองแสนแสบ (บริการฟรี ระหว่างวันที่ 4 – 6 พ.ค. 62)

วันที่ 4 เรือเที่ยวแรก ออกจาก ท่าเรือประตูน้ำ ไป ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ เวลา 07.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.00 น. II ขากลับ เที่ยวสุดท้าย จาก ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ ไป ท่าเรือประตูน้ำ เวลา 19.15 น.

วันที่ 5 เรือเที่ยวแรก ออกจาก ท่าเรือประตูน้ำ เวลา 07.00 น ส่งถึง ท่าเรือโบ้เบ้ เวลา 11.45 น.หลังจากนั้น ส่งถึง ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ เที่ยวสุดท้าย 22.00 น. II ขากลับ เที่ยวสุดท้ายออกจาก ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ ไป ท่าเรือประตูน้ำ เวลา 22.00 น.

วันที่ 6 เรือเที่ยวแรก ออกจาก ท่าเรือประตูน้ำ เวลา 07.00 น. เที่ยวสุดท้าย 19.45 น. II ขากลับ เที่ยวสุดท้ายออกจาก ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ ไป ท่าเรือประตูน้ำ เวลา 20.00 น.

การเดินทางโดยรถไฟ รฟท.

รฟท-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

รฟท. จัดเดินขบวนรถไฟพิเศษ ช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม 2562
สายเหนือ จำนวน 4 ขบวน ดังนี้

เที่ยวไป ขบวน 320 อยุธยา – กรุงเทพ ต้นทาง 10.30 – ปลายทาง 12.00 น. | ขบวน 322 อยุธยา – กรุงเทพ ต้นทาง 12.00 – ปลายทาง 13.30 น.
เที่ยวกลับ ขบวน 319 กรุงเทพ – อยุธยา ต้นทาง 23.00 – ปลายทาง 00.30 น. | ขบวน 321 กรุงเทพ – อยุธยา ต้นทาง 24.00 – ปลายทาง 01.30 น.

สายใต้ จำนวน 4 ขบวน ดังนี้

เที่ยวไป ขบวน 332 นครปฐม – ธนบุรี ต้นทาง 10.55 – ปลายทาง 12.00 น. | ขบวน 334 นครปฐม – ธนบุรี ต้นทาง 12.00 – ปลายทาง 13.05 น.
เที่ยวกลับ ขบวน 331 ธนบุรี – นครปฐม ต้นทาง 23.00 – ปลายทาง 24.00 น. | ขบวน 333 ธนบุรี – นครปฐม ต้นทาง 24.00 – ปลายทาง 01.00 น.

รฟท-พระราชพิธีบรมราชาภิเษก-2562

สายตะวันออก จำนวน 4 ขบวน ดังนี้

เที่ยวไป ขบวน 326 ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ต้นทาง 10.35 – ปลายทาง 11.55 น. | ขบวน 328 ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ต้นทาง 12.00 – ปลายทาง 13.20 น.
เที่ยวกลับ ขบวน 325 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา ต้นทาง 23.00 – ปลายทาง 00.40 น. | ขบวน 327 กรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา ต้นทาง 24.00 – ปลายทาง 01.40 น.

สายแม่กลอง จำนวน 4 ขบวน ดังนี้

เที่ยวไป ขบวน 4342 มหาชัย – วงเวียนใหญ่ ต้นทาง 10.40 – ปลายทาง 11.35 น. | ขบวน 4348 มหาชัย – วงเวียนใหญ่ ต้นทาง 12.00 – ปลายทาง 12.55 น.
เที่ยวกลับ ขบวน 4348 วงเวียนใหญ่ – มหาชัย ต้นทาง 23.00 – ปลายทาง 23.55 น. | ขบวน 4333 วงเวียนใหญ่ – มหาชัย ต้นทาง 24.00 – ปลายทาง 00.55 น.

ขอขอบคุณภาพหน้าปกจาก กองทัพเรือ

The-10-Best-In-MotorShow-2019

10 “ที่สุด” ในงาน Motor Show 2019 ที่คุณยังไม่รู้ หรืออาจจะคาดไม่ถึง!

งาน “มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40” หรือ “Motor Show 2019” ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รุ่นใหม่ๆ และรถมือสอง (ที่อยู่ในฮอลล์ฝั่งตรงข้าม) มาโชว์แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อุปกรณ์ตกแต่ง โปรโมชั่น และพริตตี้สาวสวยที่หลายๆ คนชื่นชอบ …

ภายในงานยังถือได้ว่ามีเรื่องราว “ที่สุด” ของยานยนต์ทั้งหลายที่นำมาโชว์ในงานครั้งนี้ด้วย Carro ขอรวบรวม “10 ที่สุด” ที่เกี่ยวกับรถยนต์ในงาน “Motor Show 2019” มาให้ทุกท่านได้ทึ่งกัน ว่ามีด้วยหรือเนี่ย!

ถูกที่สุด

Suzuki-Carry-2019

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Show 2019 ครั้งนี้ต้องยกให้ “Suzuki Carry” (ซูซูกิ แครี่) รถกระบะขนาดเล็กของซูซูกิ ที่มาในราคาเพียง 369,800 บาท ขายกันมายาวนานนับสิบปี มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า

ซึ่งรถรุ่นนี้มีความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพของตัวรถ รูปลักษณ์ ประโยชน์ใช้สอย และราคาที่คุ้มค่า นำไปดัดแปลงเป็นรถโมบายใช้งานในกิจการต่างๆ เช่น รถขายอาหาร รถส่งของ เป็นต้น

แพงที่สุด / เร็วที่สุด

Aston-Martin-Valkyrie

รถที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2019 ครั้งนี้คือ “Aston Martin Valkyrie AMR Pro” (แอสตัน มาร์ติน วัลครี่ เอเอ็มอาร์ โปร) ด้วยมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท! ไฮเปอร์คาร์ตัวแข่ง เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการยานยนต์อย่าง Aston Martin และ Red Bull Racing ออกแบบโดย มร.เอเดรียน นิวอี้ ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบรถแข่ง Formula 1 เป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจะมาจัดแสดงในงานนี้เพียง 7 วันเท่านั้น

ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V12 วางกลาง 6.5 ลิตร Naturally Aspirated พร้อม “Rimac Energy Recovery System” เทคโนโลยีไฮบริดที่พัฒนาจากรถแข่ง Formula 1 ขณะที่กล่อง ECU ก็ได้รับการปรับแต่งใหม่ให้มีแรงม้าสูงกว่า 1,100 แรงม้า อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ภายใน 2.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 402 กม./ชม. โดยรถคันจริงจะเริ่มผลิตปีหน้า

รถ SUV แพงที่สุด

Rolls-Royce-Cullinan-Supreme-Liberty-2019

ส่วนรถ SUV ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2019 ได้แก่ “Rolls-Royce Cullinan Supreme Liberty (โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ซูพรีม ลิเบอร์ตี้) ตัวรถระดับ Ultra Luxury SUV รุ่นแรกของ Rolls-Royce สง่างามกับสีพิเศษ “Infinity-Black Metallic” ตัดด้วยโค้ชไลน์สี Mandarin เป็นเส้นสีส้มบางๆ คาดข้างตัวถังยาวจรดด้านหลัง

ห้องโดยสารของ Cullinan ใช้โทนสี Scivaro Gray (ซิวาโร่ เกรย์) ตัดกับสีดำ และเย็บตะเข็บเดินด้ายสี Mandarin ติดตั้งลายไม้ Blackwood Matted และเป็นคันแรกในไทยที่มาพร้อมออปชั่น “Immersive Seating with Centre Console” รวมทั้งมีอีก 2 ความพิเศษ ได้แก่ Commission Collection B-Spoke Umbrellas ร่มที่เดินด้ายบริเวณขอบเป็นสี Mandarin และ Signature Key กุญแจรถหุ้มหนังแท้สีเดียวกัน ในราคาประมาณ 30 กว่าล้านบาท

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูกที่สุด

DT-Motor-Mini-Pickup-Truck

รถยนต์ไฟฟ้า ที่ราคาถูกสุดในงาน Motor Show 2019 ต้องยกให้ DT Motor ที่นำ Mini Pickup Car ราคาถูกสุดๆ เพียงแค่ 128,000 บาท! ที่ไม่ต้องจดทะเบียน สำหรับไว้วิ่งตามหมู่บ้าน ขับ 1 คน นั่ง 2 คน มีพัดลมติดมาให้ในรถ ใช้มอเตอร์ขนาด 60V กำลัง 1,500 วัตต์ ทำความเร็วได้สูงสุด 40 กม./ชม.  ชาร์จไฟเพียงครั้งละ 3 ชั่วโมง ก็วิ่งได้ถึง 30 กิโลเมตร

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาแพงที่สุด

Jaguar-i-Pace-2019

รถยนต์ไฟฟ้าแพงที่สุดในงาน อยู่ที่บูธ Jaguar นั่นคือ Jaguar I-Pace (จากัวร์ ไอ-เพซ) รถ Crossover แบบไฟฟ้าล้วน (BEV) 5 ที่นั่ง รุ่นแรกของ Jaguar มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 394 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งภายในห้องโดยสาร ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราสไตล์ Jaguar อยู่เช่นเคย

โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 5,499,000 บาท สำหรับรุ่น S ซึ่งโควต้าสำหรับจำหน่ายในประเทศไทย มีเพียง 12 คัน ในปี 2562

ใหญ่ที่สุด

Hyundai-County-2019

ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Show 2019 ครั้งนี้ ต้องยกให้ “Hyundai County” (ฮุนได เคานตี้) รถบัสที่บริษัท ฮุนได คอมเมอร์เชียล เวฮิเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือ ยนตรกิจ คอร์เปอเรชั่น เพิ่งจะได้สิทธิ์เป็นผู้นำเข้าและประกอบขายในบ้านเรา ในชื่อการค้าคือ Hyundai Truck & Bus (ฮุนได ทรัค แอนด์ บัส)

สำหรับ Hyundai County เป็นรถบัสขนาด 18+1 ที่นั่ง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล D4D ขนาด 3.9 ลิตร แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ราคาเปิดตัวที่ 1,991,000 บาท

แปลกที่สุด

Speed-Boat-MotorShow-2019

แปลกที่สุดในงาน Motor Show 2019 ต้องยกให้เรือ “Speed Boat” ลำใหญ่ของบูธ SiamWatercraft ที่มาโชว์ในงานครั้งนี้

รถเก๋งคนสนใจเยอะสุด

Honda-Accord-2019

ในงาน Motor Show 2019 รถที่ดึงดูดคนให้เข้ามาดูได้เยอะที่สุดอีกรุ่น เห็นทีต้องยกให้ “Honda Accord” (ฮอนด้า แอคคอร์ด) ที่มีให้เลือกทั้งรุ่น Turbo และรุ่น Hybrid แยกจำหน่ายเป็น 3 รุ่นย่อย Honda Accord Hybrid Tech ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท, Honda Accord Hybrid ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท และ Honda Accord Turbo EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท

โดย Honda จะเริ่มจำหน่าย Accord ใหม่ พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562

รถ SUV คนสนใจเยอะสุด

Suzuki-Jimny-2019

ส่วนรถ SUV ที่คนสนใจเยอะที่สุดในงาน Motor Show 2019 ต้องยกให้ “Suzuki Jimny” (ซูซูกิ จิมนี่) ที่ดึงดูดคนดูได้แน่นบูธเลยทีเดียว กับล็อตแรกที่นำเข้ามา 30 คัน ถูกจองกันไปเรียบร้อย ตั้งแต่ 3 ชั่วโมงแรกของการเปิดจอง ซึ่งรถที่จะนำเข้ามาตามโควต้า 90 คันในปีนี้ (จากเดิมที่มีโควต้าแค่ 80 คัน) ก็ถูกจองหมดเรียบร้อย …

โดยเวอร์ชั่นในบ้านเรานั้น จะเป็นตัวเดียวกับ Jimny Sierra ที่ขายในญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส K15B ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที

สำหรับรถ Suzuki Jimny 30 คันแรก จะได้รับ Jimny Boxset ฟรี และป้าย Jimny Emblem Limited Serial Number ระบุเลขตัวรถเฉพาะคัน โดยราคารุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด อยู่ที่ 1,550,000 บาท และในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด อยู่ที่ 1,650,000 บาท!

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

Harley-Davidson-CVO-Limited-2019

รถมอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Show 2019 ต้องยกให้ “Harley-Davidson CVO Limited” (ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ซีวีโอ ลิมิเต็ด) เช่นเคย ในราคา 3,124,000 บาท