10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

คำถามยอดฮิตที่ผู้ขับขี่รถยนต์อยากรู้ เพราะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ แถมราคาน้ำมันก็พุ่งไม่หยุด ไม่ว่าใครๆ ก็ต่างอยากจะประหยัดเงินในการเติมน้ำมันกันทั้งนั้น

บางคนอาจใช้รถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ซดน้ำมันไม่ใช่น้อย ทำให้ต้องเสียเงินกับการเติมน้ำมันไปเดือนหนึ่งเป็นหลักหลายพันบาท ถึงขนาดหลายคนเลือกที่จะนำรถคันนั้นไปติดแก๊ส LPG เพราะคิดว่าวิธีนี้จะช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันที่สุด

แต่จริงๆ แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจาก CARRO ขอยืนยันว่ามันมีวิธีการประหยัดน้ำมันที่ง่ายกว่านั้น!! แถมยังเป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้อีกด้วย ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะประกอบไปด้วย …

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

1. ชุดแต่งรถ อย่าต้านลม

สำหรับขาซิ่ง หรือคนที่ชอบแต่งรถทั้งหลาย คุณอาจจะยังไม่รู้ว่า การติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถ หรือปรับเปลี่ยนรถให้มีความเท่ ความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น อาจทำให้รถคุณกินน้ำมันเพิ่มขึ้น!!

เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านั้นจะเพิ่มแรงต้านการหมุนของล้อ และเพิ่มแรงต้านอากาศให้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ถ้าไม่อยากจะต้องเสียค่าน้ำมันแพง คุณก็ควรจะแต่งรถในปริมาณที่พอดีๆ นะจ๊ะ

2. ขนสัมภาระเท่าที่จำเป็น

เวลาที่คุณต้องออกเดินทางไกล และมีเหตุให้ต้องขนข้าวของไปเยอะ แนะนำให้ลองเลือกขนเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น เพราะการบรรทุกของที่หนักจนเกินไป จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

โดยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 20 กิโลกรัม ทำให้รถยนต์ของคุณกินน้ำมันมากถึงร้อยละ 1 เลยทีเดียว

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

3. ควบคุมความเร็วให้คงที่

ข้อนี้อาจจะยากสักหน่อยสำหรับการขับรถในเมืองใหญ่ที่รถเยอะๆ อย่างกรุงเทพฯ เพราะคุณอาจจะต้องขับไปเบรกไป (เนื่องจากรถติด) แต่ถ้าหากคุณเดินทางไปต่างจังหวัด หรือว่าอาศัยอยู่ในบริเวณที่รถไม่เยอะ แนะนำให้คุณลองขับรถโดยใช้ความเร็วที่คงที่ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน

พยายามใช้เกียร์รถให้เหมาะสมกับความเร็วรถ พยายามอย่าลากรอบสูงๆ เมื่อใช้เกียร์ต่ำ หรือใช้เกียร์สูง แต่ความเร็วต่ำๆ

4. ไม่ต้องคิกดาวน์ หรือขับกระชากก็ได้ ถ้าไม่จำเป็น

แม้ว่าการคิกดาวน์จะช่วยให้เร่งรถเพื่อแซงคันอื่นได้ฉับไวขึ้น แต่ทำบ่อยๆ ก็เปลืองน้ำมันอยู่ไม่ใช่น้อย การขับรถแบบกระชาก เบิ้ลเครื่อง นี่สิ้นเปลืองน้ำมันทันตาเห็น ทั้งเครื่องยนต์จะพังแถมยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าเดิมถึง 30%

กรณีขับรถเก่า ที่ยังมีปุ่ม O/D (Overdrive) ก็กดใช้ได้เลย เพราะไม่ต้องกดคันเร่งมาก เพื่อเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ได้มากขึ้น เกียร์จะช่วยลดรอบเครื่องยนต์ให้ทำงานต่ำกว่าอัตราทดเกียร์ปกติที่มากกว่า 1.000 ช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือในรถยุคใหม่ ที่มีแป้น + – ทั้งบริเวณเกียร์ และแป้นหลังพวงมาลัย (Paddle Shifts) คุณก็เลือกเปลี่ยนเกียร์เองก็ได้เช่นกัน

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

5. จอดรถ ต้องดับเครื่อง กับหาที่จอดในร่ม

เวลาที่คุณจอดรถไว้เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่กี่นาที หรือว่าเป็นเวลานาน แนะนำว่าควรดับเครื่องยนต์ เพราะถึงแม้คุณจะจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ขับไปไหน ก็ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน

และอย่าจอดรถตากแดดโดยไม่จำเป็น ทางที่ดีควรจอดรถในที่มีร่มเงาดีกว่า เมื่อช่วงสตาร์ทรถ เครื่องปรับอากาศจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

6. อย่าเลี้ยงคลัทช์

รู้หรือไม่? ยิ่งเลี้ยงคลัทช์ ก็ยิ่งทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น และทำให้แผ่นคลัทช์สึกหรอ บวกกับอายุการใช้งานที่น้อยลง

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

7. หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด

วิธีนี้อาจยากหน่อย สำหรับคนที่ต้องขับรถไปเส้นทางรถติดทุกๆ วัน แต่ถ้าลองเตรียมตัว เช็คเส้นทางที่รถติดน้อยที่สุด หรืออาจจะใช้เส้นทางลัด ก็ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มาก เพราะว่าการเหยียบเบรคบ่อยๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน

8. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

รถยนต์ยุคใหม่หลายรุ่นมีเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ ช่วยประหยัดน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม เช่น ปุ่ม Idling stop หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว เหมาะสำหรับใช้หยุดการทำงานของเครื่องยนต์เวลาที่รถติดไฟแดง หรือเวลาที่ต้องจอดรถทิ้งเอาไว้ ซึ่งพอเครื่องยนต์หยุดทำงาน ก็จะช่วยหยุดการจ่ายน้ำมันนั่นเอง

และหากรถรุ่นไหนที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน เพราะจะช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่ ช่วยประหยัดน้ำมันได้

10 วิธี ประหยัดน้ำมันรถ ในยุคน้ำมันแพง!

9. เช็คสภาพลมยาง

การตรวจเช็คสภาพลมยางเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำอยู่เสมอ โดยการตรวจเช็คสภาพลมยาง จะช่วยทำช่วยประหยัดน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง

เพราะถ้าหากลมยางของคุณเกิดการอ่อนตัว ก็จะทำให้เกิดการเสียดทานระหว่างตัวยางกับพื้นถนน ซึ่งจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์รับภาระในการหมุนล้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้เปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง

10. หมั่นตรวจเช็คสภาพรถ

เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็คสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย

เนื่องจากการที่รถยนต์กินน้ำมัน อาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ต่างๆ เสื่อมสภาพก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ควรจะต้องนำรถไปเช็คสภาพ ก็ไม่ควรที่จะละเลย

วิธีการทั้งหมดที่ได้กล่าวมา เป็นการช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้เหลือเงินที่จะไปทำอย่างอื่นอีก แต่สำหรับคนที่อยากมีรถยนต์สักคัน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ไป เพราะปัจจุบันมีรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันให้เลือกมากมาย แต่หากอยากประหยัดเงินเพิ่มขึ้น แถมมีเงินเหลือเก็บ

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันคันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

สวัสดีครับไทร์บิดกลับมาอีกแล้ว พอดีมีคำถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเรื่องเปลี่ยนยางสำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อรถใหม่มาแล้วถึงรอบเปลี่ยนยางแต่พอไปเปลี่ยนยางแต่ละร้านก็บอกให้ขยับไซส์บ้างหล่ะ ยางไซส์เดิมไม่ค่อยมีรุ่นให้เลือกบ้างหล่ะ บางทีไซส์ยางที่เราใช้มีเพียงรุ่นเดิมเท่านั้น แต่เพื่อนๆ ก็อยากเปลี่ยนแบรนด์ยางที่ตัวเองคุ้นหู และเพื่ออยากใช้ยางที่คุณภาพดีขึ้นใช่ไหมครับ เพื่อนๆ อยากรู้ไหมครับว่าวิธีนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะดีที่สุดต่อการเปลี่ยนยางของรถเราครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

อย่างแรกเลยต้องเกริ่นก่อนว่า รถใหม่ที่ออกมาจะติดยางออกมาเราจะเรียกกันว่า “ยาง OEM” ซึ่งแล้วแต่ค่ายรถที่ใส่ใจกับเรื่องยางมากน้อยเท่าไหน รถบางค่ายออกรถมาใหม่พร้อมยางที่เป็นรุ่น Top ก็มี รถบางค่ายเน้นประหยัดต้นทุนก็อาจจะลดขนาดไซส์ยางและเลือกรุ่นยางที่เป็นสำหรับ OEM ราคาประหยัด สมรรถนะใช้งานทั่วไปเพื่อทำให้ต้นทุนรถออกมาต่ำลงเพื่อที่จะนำเสนอขายรถยนต์ในราคาที่ถูกลง ซึ่งส่วนมากปัญหาที่เพื่อนๆ พบก็จะเป็นในแบบกลุ่มหลังครับ คือ ยางที่เป็นไซส์เล็กและไม่เป็นไซส์ที่นิยมในตลาด หรือ เป็นรุ่นที่ไม่เคยได้ยินสำหรับยางทดแทน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับทางไทร์บิดจะแนะนำวิธีแก้ไขให้ครับ

จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับกับการอัพไซส์ยางสำหรับกลุ่มประเภทนี้ แต่เพียงต้องเข้าใจว่าการขยับไซส์ยางที่ถูกต้องนั้นหลักๆ เลย คือ รอบวงของยางควรที่จะเท่ากับรอบวงของยาง OEM ครับเพื่อให้รอบเครื่องนั่นเดินได้เหมือนยางที่ติดรถ หรือหากกรณีเปลี่ยนไซส์ก็สามารถบวกลบ ได้ประมาณที่ 1.5% ครับ ผม เรามายกตัวอย่างกันดูครับว่ารถไหนบ้างที่มีปัญหานี้ครับสำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นห่วงเรื่องอัตราการกินน้ำมันถามว่ามีผลเยอะไหม จริงๆมีผลน้อยมากครับ แต่การที่เพื่อนๆได้อัพไซส์ยางให้มีหน้ายางที่กว้างขึ้นทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้นมากกว่าเดิมมากอันนี้น่าจะเป็นคีย์หลักที่คุ้มค่ามากกว่าสำหรับการอัพไซส์ยางครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Mitsubishi Mirage ยางติดรถมาเป็นไซส์ยาง 165/65R14 ซึ่งพอมาเปลี่ยนหายี่ห้อรุ่นยางไซส์นี้ค่อนข้างมีน้อยมากเพราะฉะนั้นอย่างยางไซส์นี้ ก็สามารถอัพไซส์ได้ตั้งแต่ 175/65R14 หรือ 185/65R14 ได้ครับพี่ๆ ซึ่งแทบจะไม่มีผลต่อการใช้งานเดิมเลย
  • Honda City รถยอดนิยมติดยางไซส์ 175/65R15 มาแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับถ้าเพื่อนๆเปลี่ยน เปลี่ยนเป็น 185/60R15 ครับเป็นยางไซส์ตลาดที่ใช้กับรถหลายๆรุ่นครับผม แถมยังราคาถูกกว่า มียี่ห้อและรุ่นให้เลือกมากกว่า การเกาะถนนก็ดีกว่าด้วยครับ

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Mazda 3 ขึ้นมาอีกสเต็ป จะมีรุ่นหนึ่งที่ติดยางไซส์ 215/45R18 มาครับ ซึ่งถ้าเพื่อนๆอยากให้สะดวกในการหาก็สามารถใส่ 225/45R18 ได้ครับ สามารถใส่ทดแทนกันได้เลยครับ
  • Mazda 2 ติดรถมา 195/45R16 สามารถเปลี่ยนเป็น 195/50R16 หรืออีกรุ่นของ Mazda3 ตัวท้อป ที่ติดยาง 185/60R16 มาสามารถใส่ 205/50R16 ได้ครับ ก็จะมียางให้เลือกเยอะขึ้นครับผม
  • Mazda CX-3 อีกรุ่นหนึ่งที่ออกมาใหม่ติดยางเป็น 215/50R18 ซึ่งมียางน้อยมากต้องบอกว่าแทบไม่มีเลย ไซส์นี้แนะนำให้เปลี่ยนเป็นยางไซส์ 225/50R18 ได้เลยครับ เกาะถนนดีขึ้น และนุ่มขึ้นครับผม

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

  • Isuzu ตัวยกสูงที่ติดยาง 255/65R17 มาไซส์นี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นยาง 265/65R17 ได้เลยครับ จะมียางให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นยาง HT และ ยาง AT มีทุกยี่ห้อครับ เพราะยาง 265/65R17 จะใส่ได้กับกระบะตัวยกสูง Fortuner ที่เป็นรถตลาดเพราะฉะนั่น ไทร์บิดแนะนำครับเปลี่ยนไซส์จะดีกว่า
  • Isuzu อีกรุ่นที่ติดยางขอบ 18 มาจะเป็นยางไซส์ 255/60R18 ไซส์นี้แนะนำเป็น 265/60R18 เลยครับ จะมียาง AT HT ครบตามความต้องการเลยครับ
  • กระบะ Isuzu ติดยาง 195R15 มาอันนี้ สามารถขยับไซส์เป็น 215/70R15 ได้ครับผม จะเป็นยางที่ไซส์ตลาด และมีหน้ายางที่กว้างขึ้นเกาะถนนได้ดีขึ้น และ ที่สำคัญที่สุดของยางกระบะก็คือ สามารถรับน้ำหนักได้ดีขึ้นครับผม

ยางติดรถทำไมหายางไซส์ตรงๆ ยากจัง

และกระบะสุดท้ายอีกรุ่นของ Nissan Navara ที่ติดยาง 205R16 เพื่อนๆ สามารถใส่ยาง 215/70R16 ได้ครับผมเหตุผลก็จะแบบเดียวกับการเปลี่ยนไซส์ 195R15 เป็น 215/70R15

ก็คิดว่าน่าจะครบอยู่ครับสำหรับไซส์ยางติดรถที่ไม่ค่อยเป็นไซส์ตลาด แต่หากเพื่อนๆ เจอไซส์ที่ติดรถมาแล้วไม่แน่ใจสามารถสอบถามเข้ามาที่ทางไทร์บิดได้ครับ ทางเราสามารถแนะนำไซส์ยางที่เหมาะสมกับรถของเพื่อนๆ ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ครับ

หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com ได้เลยครับ และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ วันนี้ก็ขอขอบคุณมากครับเพื่อนๆที่ติดตาม หากมีข้อสงสัยเลือกยางไม่ถูกสอบถามมาที่ไทร์บิดของเราได้ครับ ขอบคุณมากครับ

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

“ป้ายทะเบียนรถ” นับได้ว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของรถ แสดงถึงการมีตัวตนของรถคันนั้น และบางคนยังเชื่อไปถึงศาสตร์ตัวเลขบนป้ายทะเบียนรถคันนั้นๆ อีกด้วย ทำให้หลายคน พยายามหาเลขทะเบียนสวย เลขนำโชค ที่เสริมดวง เป็นสิริมงคล หรือแก้เคล็ดก็ตาม

แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (หรือบางคนก็รู้ล่ะ แต่อยากทำ) ไปดัดแปลงป้ายทะเบียน ด้วยการตัดขอบออกทำเป็นแผ่นยาว แบบป้ายทะเบียนรถยุโรป หรือ “ปิดทอง” ทับที่ตัวเลข หรือติดตัวเลขเพิ่มเข้าไป แปลงตัวเลขอารบิกเป็นเลขไทย หรือติดสติ๊กเกอร์ทับตัวเลขที่ไม่ต้องการ หรือรู้สึกว่าไม่เป็นมงคล เพื่อจะได้เป็นเลขทะเบียนสวย เลขนำโชค ไปในตัว

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 / กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.)

หรือนำแผ่นป้ายทะเบียนรถ ไปตกแต่งลวดลายเลียนแบบป้ายประมูล หรือการนำป้ายพลาสติกที่สกรีนลายกราฟิกไปใช้ครอบแผ่นป้ายทะเบียนรถ ทำให้มองเป็นป้ายประมูล

กรณีเจ้าของรถ ใช้ป้ายทะเบียนรถที่ทำขึ้นเอง ถือว่าเป็นความผิดนะครับ! MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง ถึงข้อห้ามและโทษ จะมีด้วยกันมากน้อยอย่างไรบ้าง …

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก Facebook / เหลืองชมพู @ Pantip

สำหรับการดัดแปลงป้ายทะเบียนตามที่กล่าวมา ถือว่าผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 60 ฐานใช้แผ่นป้ายทะเบียนมีลักษณะไม่ถูกต้อง ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือนำวัสดุหรือสิ่งอื่นใดมาปิดบัง หรือติดไว้ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นป้ายทะเบียนรถ ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

แต่หากตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม หมายเลขทะเบียนไม่ตรงกับป้ายวงกลม ไม่ตรงกับสำเนารถ และรายละเอียดของตัวรถ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 เพิ่มอีก ฐานปลอมเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท และอาจถูกยึดรถเพื่อส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานหาที่มาของตัวรถด้วย

ข้อห้ามในการตกแต่ง แก้ไข ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถ จากกรมการขนส่งทางบก

ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก

ทั้งนี้ หากแผ่นป้ายทะเบียนรถชำรุด หรือป้ายทะเบียนรถหาย เจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ทดแทนของเดิมให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยติดต่อที่สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียน ซึ่งจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถใหม่ ภายใน 15 วัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายป้ายทะเบียนแผ่นละ 100 บาทครับ

อ่านเพิ่มเติม >> ป้ายทะเบียนรถหาย! ขอใหม่ 15 วันได้ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องแจ้งความ (Update ล่าสุด! ปี 2564)

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ มาขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ได้ราคาดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนรถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันป้ายทะเบียนของแท้ทั้งหมด แถมผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

แหล่งที่มาจาก:

– กรมการขนส่งทางบก

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

หากคุณเพิ่งจะซื้อรถคันใหม่มาใช้ได้ไม่นาน แล้วเจอกับปัญหา เติมน้ำมันผิด คุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไป แต่เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คุณคิดเอาไว้มาก สาเหตุที่ทำให้ความผิดพลาดเล็กน้อยนี้เกิดขึ้นได้ง่าย นั่นก็เพราะชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงในท้องตลาดที่มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด ถึงแม้จะเป็นน้ำมันประเภทเดียวกัน เช่น น้ำมันดีเซล ก็ยังมีให้เลือกทั้ง B7, B10, B20 และดีเซลพรีเมี่ยม เลือกกันตาลายเลยทีเดียวเมื่อขับเข้าปั๊ม

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของเครื่องยนต์อีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากคุณเผลอไปเติมน้ำมันผิดมาจริงๆ รู้ใจ จึงมีคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นมาฝากกัน

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เติมน้ำมันผิดแบบไหนเป็นภัยกับรถคุณมากกว่ากัน

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเดียวกันก็มีหลายชนิดให้เลือกใช้ ซึ่งถ้าหากคุณเติมน้ำมันดีเซล B10 อยู่เป็นประจำ คุณอาจจะสามารถเติมน้ำมัน B7 หรือ ดีเซลพรีเมี่ยมให้กับรถของคุณได้ ซึ่งถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นแต่ก็ช่วยให้ระบบเผาไหม้ทำงานได้ดีขึ้น สะอาดขึ้น

แต่ในกรณีที่ใช้แบบพรีเมียมอยู่แล้วเผลอไปเติมดีเซลที่มีความบริสุทธิ์ต่ำลง (มีสัดส่วนของไบโอดีเซลผสมเข้ามา) จะขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ของรถคุณว่ารองรับน้ำมันดีเซลชนิดนั้นหรือไม่ โดยการใช้น้ำมันดีเซลที่มีความบริสุทธิ์น้อยลง อาจจะไม่ได้ทำให้เครื่องยนต์เสียในทันที ยังสามารถสตาร์ทใช้งานรถของคุณได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถเติมน้ำมันดีเซลชนิดเดิมที่ใช้อยู่เป็นประจำผสมลงไปได้ แต่ในระยะยาวนั้นอาจส่งผลให้เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนบางอย่างเสื่อมลงได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายราคาสูงหากต้องเปลี่ยนอะไหล่เครื่องยนต์ชุดใหญ่ก่อนเวลาอันควร

ส่วนการ เติมน้ำมันผิด อาการเป็นอย่างไร แบบที่เป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ของคุณแน่นอนก็คือ การเติมน้ำมันผิดจากประเภทของเครื่องยนต์ โดนเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องยนต์ดีเซลแต่ดันเผลอเติมน้ำมันเบนซินลงไป จะส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากรถยนต์ดีเซลใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวหล่อลื่น ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น แต่พอเติมน้ำมันเบนซินซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลลงไป ก็จะทำหน้าที่เหมือนตัวทำละลายน้ำมันหล่อลื่นที่เครื่องยนต์ดีเซลต้องการ

ทำให้เมื่อคุณสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะทำให้น้ำมันเบนซินถูกส่งหมุนเวียนในเครื่องยนต์ เพิ่มแรงเสียดทานระหว่างส่วนประกอบต่างๆ และทำให้ชิ้นส่วนเสียหายในที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์รถของคุณ จึงควรรีบเปลี่ยนถ่ายและไล่ระบบน้ำมันโดยเร็วที่สุด

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

ทำไมการเติมน้ำมันผิดประเภทแล้วถึงทำให้รถมีปัญหา

น้ำมันคนละชนิดกันจะมีระดับการเผาไหม้ของน้ำมันแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อคุณเติมน้ำมันคนละประเภทลงในถังน้ำมันที่มีน้ำมันเดิมค้างอยู่ เมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์จะทำให้การเผาไหม้สะดุด ส่งผลให้การทำงานของลูกสูบไม่เป็นไปตามจังหวะที่ควรเป็น เครื่องยนต์ทำงานไม่ได้และทำให้เครื่องดับในที่สุด หากคุณเพิกเฉยไม่รีบแก้ไขปัญหา จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างถาวรได้

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวแล้วว่า เติมน้ํามันรถผิด ก็ควรรีบทำการถ่ายน้ำมันนั้นออกและทำความสะอาดเครื่องยนต์รวมไปถึงชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ไม่มีสิ่งปนเปื้อนเหลืออยู่โดยเร็วที่สุด ก็จะช่วยให้คุณสามารถรักษาเครื่องยนต์เอาไว้ได้ดังเดิม

วิธีสังเกตอาการหากสงสัยว่า เติมน้ำมันผิด

หากคุณไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าเติมน้ำมันผิดประเภทไปหรือเปล่า แต่รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างว่ารถของคุณมีอาการต่างไปจากเดิม ให้สังเกตว่ามีอาการตามที่ระบุด้านล่างนี้หรือไม่ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคุณ เติมน้ำมันผิด นั่นเอง

1.หากเผลอเติมน้ำมันเบนซินลงในเครื่องยนต์ดีเซล อาการที่อาจเกิดขึ้นกับรถของคุณคือ

  • เครื่องยนต์มีเสียงดังขณะเร่งความเร็ว
  • อัตราการเร่งช้ากว่าปกติ และ ไม่สามารถทำความเร็วได้ดีเมื่อรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น
  • ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
  • ไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้

2.หากเผลอเติมน้ำมันดีเซลลงในเครื่องยนต์เบนซิน อาการที่อาจเกิดขึ้นกับรถของคุณคือ

  • มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติ
  • เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ และ อาจทำให้เครื่องยนต์ดับได้
  • มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เติมน้ำมันผิดประเภทควรทำยังไง

ถ้าหากคุณรู้ตัวตั้งแต่ที่ปั๊มน้ำมันเลยว่าคุณได้เติมน้ำมันผิดประเภทให้กับรถของคุณไปแล้ว ถือว่าโชคดีทีเดียวที่คุณยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะน้ำมันจะยังอยู่แค่ในถังน้ำมัน ยังไม่เกิดการหมุนเวียนไปที่เครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ซึ่งทำให้คุณแก้ไขความผิดพลาดของการเติมน้ำมันผิดได้ไม่ยาก คุณเพียงแจ้งให้พนักงานในปั๊มน้ำมันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้ช่างมาช่วยทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันรวมทั้งไล่ระบบน้ำมันของเครื่องยนต์ใหม่ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งานรถของคุณได้ตามปกติ โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่ได้รับความเสียหาย

ถ้าเติมน้ำมันผิดแล้วสตาร์ทรถไปแล้ว ความโชคร้ายที่สุดจะอยู่ที่เมื่อคุณ เติมน้ำมันผิด แล้วขับรถออกไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วรถเกิดดับกลางทาง ถ้าหากมีการทำประกันรถยนต์เอาไว้ก็จะสามารถขอใช้บริการลากรถฉุกเฉินได้ ก็จะช่วยให้คุณเบาใจไปได้เยอะเลย แต่ถ้าหากว่าประกันรถยนต์ของคุณไม่ได้ครอบคลุมการดูแลในกรณีนี้เอาไว้ ก็ต้องรีบนำรถเข้าข้างทางโดยเร็วที่สุดแล้วเรียกให้ช่างมาดูจะดีกว่า

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

ที่สำคัญ ! เราไม่แนะนำให้คุณฝืนขับรถไปที่อู่เอง เพราะเมื่อเครื่องยนต์มีการสูบฉีดน้ำมันเข้าสู่ระบบไปทั่วแล้ว จะยิ่งทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย แต่โดยทั่วไปแล้วเมื่อเครื่องยนต์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเครื่องก็จะดับไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว และคุณก็ไม่ควรฝืนหรือพยายามสตาร์ทเครื่องใหม่

โดยวิธีใน การดูแลรถเบื้องต้น เมื่อเติมน้ำมันผิดและทำการออกรถไปแล้ว ก็จะคล้ายกันกับกรณีที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถออกไป คือ คุณต้องทำการถ่ายน้ำมันรถออกทั้งหมดและให้ช่างไล่ระบบน้ำมันให้ใหม่ รวมทั้งต้องล้างหัวเทียนเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้คุณต้องทำการเปลี่ยนไส้กรองใหม่เพื่อให้ไม่เกิดการปนเปื้อนกับน้ำมันที่เติมผิดไป จึงจะทำให้รถของคุณทำงานได้ตามปกติและไม่สร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์

เติมน้ำมันผิด จะเกิดอะไรขึ้น เครื่องยนต์จะเป็นยังไง

เห็นหรือยังว่าการ เติมน้ำมันผิด นั้นเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และถึงแม้โอกาสในการเกิดขึ้นจะมีไม่มาก แต่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของคุณนั้นค่อนข้างซีเรียสเลยทีเดียว ดังนั้นการเรียนรู้ถึงวิธีการที่ถูกต้องในการ ”แก้ปัญหาเบื้องต้น” เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เอาไว้ จะช่วยให้คุณดูแลรถของคุณไม่ให้ได้รับความเสียหายได้ ที่สำคัญ การมีประกันรถยนต์ดี ๆ ก็จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากกว่า ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ก็พร้อมมีคนดูแลคุณแบบเตรียมสแตนบายให้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่รู้ใจ เรามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนเตรียมไว้ให้คุณตลอด 24 ชม. ทั่วประเทศไทย รับประกันคุณภาพงานซ่อมนานถึง 12 เดือนอีกด้วย

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official LINE ของเราไว้ได้เช่นกัน

5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน!

ช่วงนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ในฤดูฝน แน่นอนว่าการขับรถต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงสภาพรถที่ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่าทุกส่วนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมลุยฝนในยามฝนตกหนักๆ

แต่กระนั้นก็ตาม บางทีก็อาจเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาได้ เมื่ออุปกรณ์บางอย่างไม่มี ลืม หรือเกิดเสียระหว่างทางกะทันหัน

MR.CARRO เลยขอมาแนะนำ 5 ของติดรถที่ควรมีไว้ ในช่วงหน้าฝน! เผื่อว่าคุณอาจจำเป็นต้องใช้ หรือได้ใช้งานครับ

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

1. กล้องติดรถ

อุปกรณ์ยอดฮิตสำหรับรถในยุคปัจจุบันไปแล้ว สำหรับกล้องติดหน้ารถ ที่ควรมีไว้บันทึกภาพในทุกฤดูกาล ยิ่งในช่วงหน้าฝนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

การมีกล้องติดหน้ารถ ย่อมใช้เป็นหลักฐานในการเก็บข้อมูลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนนได้อีกด้วย

2. ร่ม

อุปกรณสุดคลาสสิกอย่าง ร่ม แม้ว่าหลายคนอาจจะบอกว่าไม่จำเป็นก็ได้ เพราะจอดรถอยู่ในร่ม หรือในอาคารตลอด

แต่มีเผื่อไว้ดีกว่า ถ้าหากต้องออกไปธุระข้างนอก หรือสถานที่กลางแจ้ง แล้วเจอฝนตกหนักๆ อาจต้องวิ่งตากฝนจนลืมล็อครถเลยก็ได้ มีติดไว้สักคัน จะเอาไว้ถือกันแดดแทนก็ย่อมได้

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

3. พรมกระดุม / พรมไวนิล / แผ่นยางปูพื้นรถ

รถในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะใช้พรมปูพื้นแบบกำมะหยี่ หรือใยสังเคราะห์ ที่ดูแล้วนุ่มเท้า สวยงาม หรูหรา แต่ข้อเสียก็คือค่อนข้างดูดซับน้ำได้ง่าย และอาจก่อนให้เกิดกลิ่นอับ และเชื้อราได้

การเลือกใช้พรมกระดุม, พรมไวนิล วางปูพื้นในรถเสริมอีกชั้น สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้ค่อนข้างดี ถอดออกมาล้างได้ง่าย แต่ในส่วนของพรมไวนิล อันนี้ต้องระวังลื่นหน่อย เวลาเข้า-ออกรถ ขณะที่รองเท้าของคุณเปียกน้ำ

และแผ่นยางปูพื้นรถ ซึ่งเป็นนี่นิยมกันมานาน ข้อดีคือทำความสะอาดคราบน้ำ ฝุ่น โคลน ออกได้ง่าย แต่ข้อเสียคือค่อนข้างแผ่นใหญ่ แข็ง น้ำหนักมาก และดีไซน์ดูโบราณไปหน่อย

4. หลอดไฟสำรอง

หลายคนอาจจะต้องใช้รถยนต์ในช่วงกลางคืนบ่อยหน่อย ไฟส่องสว่างของภายนอกรถถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเวลาฝนตก หรืออยู่ระหว่างทางดึกๆ จึงควรมีหลอดไฟสำรองติดไว้ในรถ ซึ่งส่วนมากจะแบ่งออกเป็นหลอดขนาด 5 วัตต์ สำหรับไฟหรี่ และ 21 วัตต์ สำหรับไฟเบรก

ส่วนไฟท้าย กรณีที่รถของคุณยังไม่ได้ไฟเบรกแบบ LED รถบางรุ่นอาจใช้ไส้คู่ ที่ใช้ทั้งไฟหรี่และไฟเบรกในหลอดเดียวกัน ดังนั้นถ้าเตรียมหลอดไฟท้ายไว้ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อน

ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีดูรถน้ำท่วม รถจมน้ำมา 5 จุด แบบง่ายที่สุด

5. น้ำยาเคลือบกระจก

ถ้าหากคุณต้องใช้รถยนต์บ่อยในช่วงหน้าฝน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือน้ำยาเคลือบกระจก ที่ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณดีขึ้นได้ เพราะชั้นฟิล์มบางๆ ที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกจะทำให้ตัวหยดน้ำลอยตัวเป็นเม็ดๆ และไหลออกได้เร็วขึ้น และยังใช้เช็ดกระจกมองข้าง กระจกบานข้างได้อีกด้วย

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

สวัสดีครับไทร์บิดอยากมาอธิบายว่าทำไมยางรถยนต์ของเราถึงต้องมีลายดอกยางที่หลากหลายแบบเพราะฉะนั้นลายดอกยางก็ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ดังนั้นไทร์บิดจึงอยากมาอธิบายอย่างละเอียดว่าแต่ละส่วนมีหน้าที่ยังไงบ้างครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

ข้อแรกเลยคุณสมบัติของลายดอกยางนั้นก็คือเรื่องของการป้องกันการเหินน้ำ ยางใช้งานปัจจุบันจะมีลายดอกยางทุกเส้นซึ่งลายดอกยางจะมีหน้าที่ทำให้น้ำสามารถไหลผ่านของหน้ายางออกได้ทำให้เพื่อนๆ เวลาขับผ่านแอ่งน้ำ หรือ ถนนเปียกก็จะป้องกันการเหินน้ำได้ เปรียบกับยางของรถแข่ง F1 ที่ไม่มีร่องดอกยางเลยแต่พอเวลามีฝนตกก็จะต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่ที่มีลายดอกยางเพื่อลดอาการเหินน้ำครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติข้อที่สองก็คือเพื่อช่วยยึดเกาะถนนบนถนนเปียก ซึ่งหน้าที่นี้จะทำงานแตกต่างกับข้อแรกครับที่จะทำหน้าที่ระบายน้ำแต่ลายดอกยางยังช่วยทำหน้าที่ในการตัดน้ำเวลาหน้ายางกระทบกับน้ำ เวลาลายดอกยางกระทบกับพื้นน้ำจะทำหน้าที่ตัดฟิล์มน้ำออกซึ่งจะทำให้น้ำกระจายออกด้านข้างซึ่งจะส่งผลให้หน้ายางสามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้ดีขึ้นจะทำให้ยางเกาะถนนแม้ว่าถนนนั้นเปียก

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติที่สามก็คือช่วยในเรื่องเสียงรบกวน เสียงนั้นปกติจะเกิดจากการที่ลมไหลผ่าน และ เสียงยางที่กระทบกับพื้นซึ่งทั้งสองพอประกอบกันจะทำให้เกิดเสียงดัง ดังนั้นผู้ผลิตยางจึงต้องออกแบบลายดอกยางเพื่อทำให้ลดเกิดเสียงต่างๆ ออกมาโดยการที่จะเกิดเสียงจะเกิดขึ้นโดยให้ลมผ่านลายดอกยาง ซึ่งเวลาออกแบบลายดอกยางจากเสียงเกิดขึ้นมากมายเสียงดัง เสียงเงียบแต่พอมาผสมผสานกันแล้วนะจะได้ค่าเสียงเดซิเบลที่ต่ำที่สุด ซึ่งเป็นขั้นตอนในการออกแบบของเสียง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทยางด้วยเพราะลายดอกยางสไตล์สปอร์ต ต้องการโฟกัสที่เรื่องการยึดเกาะถนนมากกว่าก็อาจจะทำให้เสียงที่ออกมาเสียงดังครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติที่สี่ก็เพื่อสามารถขับเคลื่อนและส่งผลในเรื่องของแรงตะกรุยที่ดีขึ้นโดยปกติ ถ้ายางเรียบๆจะไม่มีแรงที่จะสามารถตะกรุยได้ดีซึ่งจะทำให้ยางนั้นปั่นฟรีได้ง่ายๆ ทำให้ผู้ผลิตต้องออกแบบลายดอกยางออกมาเพื่อให้ยางเวลาขับเคลื่อนนั่นสามารถมีแรงตะกรุย และ ออกตัวได้ดีขึ้นโดยปกติการออกแบบลายดอกยางไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางหินลูกรังก็จะมีลักษณะลายดอกยางที่แตกต่างออกไปเพื่อให้รองรับกับประเภทการใช้งานได้ดีที่สุด ไม่งั้นถ้าอยู่ในทางหินทางดินพอลายดอกยางเป็นดอกเรียบๆ ก็ไม่สามารถตะกรุยออกตัวได้จึงต้องทำเป็นลายดอกก้อนๆ ใหญ่ๆ ครับ

ลายดอกยางมีกี่แบบ ลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติสุดท้ายก็คือ ทำให้หน้ายางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้รวดเร็วขึ้น เวลาหน้ายางที่มีการขยับตัวถ้าไม่มีลายดอกยางที่ทำหน้าที่ยืดหดก็จะทำให้ยางไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นการออกแบบลายดอกยางเพื่อให้หน้ายางมีการขยับตัวได้ดียิ่งขึ้นและทำให้สัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มหน้าตลอดเวลาก็จะช่วยส่งผลทำให้ยางสามารถตอบสนองการขับขี่ได้อย่างทันท่วงทีครับผม

แล้วลายดอกยางมีอยู่กี่ประเภท ?? ลายดอกยางมีอยู่ 3 ประเภทครับ ก็จะมีลายดอกยางแบบสมมาตร ลายดอกยางไม่สมมาตร ลายดอกยางทิศทางเดียว โดยแบ่งคุณสมบัติหลักๆต่างกันครับ

ลายดอกยางแบบสมมาตร ก็จะเป็นลายดอกยางที่ไม่ใช้สมรรณนะสูงซึ่งส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มระกระบะ รถ SUV ต่างๆ ครับ ลายดอกยางแบบนี้สามารถใส่สลับหน้ายางได้เลยไม่ว่าจะข้างในข้างนอกดอกยางไม่มีผลต่อการใช้งานครับ

ส่วนที่สองลายดอกยางไม่สมมาตร ลายดอกแบบนี้จะค่อนข้างอเนกประสงค์เพราะใช้ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าทางตรงและทางคดเคี้ยวซึ่งปัจจุบัน ยางลายดอกแบบนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในทุกๆยี่ห้อเพราะมีความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากที่สุด ลายดอกยางลักษณะนี้จะเป็นลายดอกยางที่หน้ายางจากฝั่งซ้ายสุดไปขวาสุดจะไม่เหมือนกันครับ โดยจุดสังเกตุอีกจุดก็จะเป็นแก้มยางจะมีเขียนคำว่า Inside Outside ครับ คือ Outside ให้หันออกนอกตัวถังครับ

ลายดอกทิศทางเดียว เป็นลายดอกยางที่มีการรีดน้ำได้ดีและมีความสามารถในการออกตัวได้ดีและเน้นการใช้งานแบบวิ่งทางตรง ซึ่งลักษณดอกยางจะหันไปทางเดียวกันเสมอ จะมีจุดบอกที่แก้มยางคำว่า Rotation ครับโดยยางลักษณะนี้ถ้าใส่กลับด้านจะทำให้สมรรถนะ ยางลดลงไปประมาณ 20-30% ได้ครับ

ก็จะเป็นคุณสมบัติและลายดอกยางครับที่อธิบายไป แต่หากเพื่อนๆยังมีข้อสงสัยว่ายางไหนที่เหมาะกับเพื่อนๆ มีข้อสงสัยไม่รู้ว่าจะเลือกยางยี่ห้อไหนและช้อปเช็กยาง & นัดหมายออนไลน์ที่ www.tiresbid.com ได้ครับทางเรามีข้อมูลและอธิบายชัดเจนบนเว็บไซต์ของเราครับ และเพื่อนๆสามารถหาอ่านบทความรู้ยานยนต์และรีวิวยางรถยนต์ได้ครบถ้วน แถมไทร์บิดเรายังมีบริการให้เพื่อนๆต้องการสอบถามเรื่องยาง ล้อยาง โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องยางรถยนต์ได้ผ่านทาง Line OA : @tiresbid (เติม@ด้วยนะครับ) ทางทีมงานไทร์บิดยินดีให้คำปรึกษา Tire Specialist เรื่องยาง เรื่องง่าย กันอย่างเต็มที่ครับ นึกถึงยาง นึกถึงไทร์บิดออนไลน์ครับ ทักมาให้พวกเราได้เลยครับผม ขอบคุณมากครับ

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

หลายคนที่ใช้รถยนต์, รถ Crossover, รถ SUV หรือรถกระบะในการทำมาหากิน ไปทำธุระ ส่งของ ขนของ หาลูกค้า หรือมีไลฟ์สไตล์เริ่มอยากท่องเที่ยว หลังจากที่ต้อง Work From Home อยู่บ้านทำงานกันมานาน ก็เริ่มใช้รถยนต์ในการเดินทางกันในช่วงนี้ ที่ค่อนข้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่เนื่องด้วยการบรรทุกของหนักนั้น ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะรถ การควบคุมรถ และความปลอดภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในช่วงหน้าฝน การขับขี่รถยนต์ย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ดังนั้น MR.CARRO จะมาแนะนำเคล็ดลับในการขนของขึ้นรถ บรรทุกหนักได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย กันตามนี้เลยครับ …

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. คำนวณน้ำหนักบรรทุกก่อน

ตามปกติ ในรถยนต์ประเภท SUV และรถกระบะ จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระค่อนข้างกว้างขวาง แต่ผู้ใช้ก็ไม่ควรขนทุกอย่างใส่จนเต็มรถตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ ควรคำนึงถึงน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งก็คือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดของรถ ซึ่งรถแต่ละคันออกแบบมาให้รับน้ำหนักสูงสุดได้ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นรถ SUV โดยเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 400 กิโลกรัมเป็นต้นไป

แต่ถ้าเป็นรถกระบะตอนเดียว บรรทุกได้สูงถึง 1,000 กิโลกรัม (1 ตัน) ตามมาตรฐานของผู้ผลิตรถกระบะแต่ละยี่ห้อ ถ้าจะเอาบรรทุกให้มากกว่านั้น ก็คงต้องทำคอกสูง เสริมแหนบ ใส่ล้อกระทะบรรทุก ใส่เพลาลอย แล้วแหละ

การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์นั้น คำนวณได้จากน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Gross Vehicle Weight) ลบด้วยน้ำหนักของรถยนต์ในขณะว่างเปล่า ตามด้วยน้ำหนักรวมของผู้โดยสาร และเชื้อเพลิง

ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หนัก 60 กิโลกรัม 2 คน และเด็กน้ำหนัก 40 กิโลกรัม 2 คน คุณจะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกสัมภาระลงไปอีก 200 กิโลกรัม และอย่าลืมคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยนะครับ

2. รักษาจุดศูนย์ถ่วงให้เหมาะสม

ตามปกติ ไม่ว่าคุณจะใช้รถประเภทไหนก็ตาม ควรวางสัมภาระที่หนักที่สุดไว้บริเวณด้านล่างสุดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยวางสัมภาระให้กระจายน้ำหนักทั่วทั้งพื้นที่บรรทุก เพื่อช่วยให้ศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง ลดโอกาสในการพลิกคว่ำ

นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการควบคุมรถซึ่งเกิดจากน้ำหนักของรถนั่นเอง การนำสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ท้ายรถจะทำให้ล้อหน้าลอย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการบังคับเลี้ยวและการเบรก

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. รัดแน่นไว้ปลอดภัยดี

เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระกลายเป็นสิ่งอันตรายเมื่อต้องเบรกกระทันหัน ควรเก็บสัมภาระขนาดเล็กใส่กล่องให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระขนาดใหญ่หน่อย ควรทำการรัดไว้ในช่องเก็บของ

ทำแบบนี้แล้ว สัมภาระในรถจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารเมื่อรถต้องเบรคอย่างกระทันหัน

4. ปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน

พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ และปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน จำไว้ว่าถ้ากระจกมองหลังไม่ชัด จะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องยากและก่อให้เกิดความเสี่ยงขณะถอยหลัง (เนื่องจากของวางจนสูง บังจนมองไม่ค่อยเห็น กรณีมองผ่านกระจกมองหลัง) ถ้ามองเห็นข้างหลังไม่ชัดก็มีโอกาสสูงที่จะถอยชนคน หรือสิ่งของได้

เว้นเสียแต่ว่ารถคุณจะติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลัง หรือสัญญาณกะระยะถอยหลัง ซึ่งจะช่วยให้การถอยหลังง่ายขึ้น

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. การเก็บสัมภาระไว้บนหลังคา

ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระบนหลังคารถยนต์ เพราะมีผลเสียตามหลักอากาศพลศาสตร์และศูนย์ถ่วง ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการควบคุมรถแม้ในขณะขับด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้ หากมีสัมภาระหลุดลอยไปขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแร็คหลังคาอย่างถูกต้องพร้อมราง จะช่วยเก็บสัมภาระให้ปลอดภัย ซึ่งควรเลือกกล่องเก็บของบนหลังคาที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ มีความปลอดภัย กันน้ำได้ และหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักพร้อมทำการรัดสัมภาระให้แน่นไม่โยกเคลื่อน

6. เก็บสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ให้หยิบง่ายเสมอ

ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าเก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน อันได้แก่สายเคเบิลสำหรับจั๊มสตาร์ท โทรศัพท์มือถือ และน้ำดื่ม ไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเมื่อต้องการใช้ ในรถ SUV บางรุ่น ยางอะไหล่ หรือชุดปะยางฉุกเฉิน อาจถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บสัมภาระในรถ ดังนั้นรถบางรุ่นอาจไม่สามารถเก็บสัมภาระอื่นเพิ่มเติมได้

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ตรวจสอบลมและสภาพยาง

ก่อนขับขี่ คุณควรตรวจสอบยางของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี ไม่สึกหรอ ดอกยางสภาพพร้อมใช้งาน มีการเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามคำแนะนำที่ติดไว้บริเวณประตูด้านข้างของคนขับ ด้านในฝาน้ำมัน หรือในคู่มือผู้ใช้งาน

ผู้ขับควรเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ ไม่ใช่ตามตัวเลขความดันสูงสุดที่เห็นบนขอบยาง เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นอาจต้องเติมลมยางแตกต่างกันเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือขณะบรรทุกสัมภาระหนัก

8. อย่าบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น

อย่าบรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์สามารถรับไหว ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ หรือรถรุ่นใดๆ ก็ตาม ถ้ารู้สึกว่ากำลังบรรทุกเกินพิกัด ควรหาวิธีลดสัมภาระ จำไว้ว่า “ความปลอดภัย” คือสิ่งสำคัญที่สุด

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนช่วงนี้ ใครอยากซื้อรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง สภาพเยี่ยม ราคาเบาๆ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง รุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

  • Chevrolet

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ที่ผมจั่วหัวมาแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะว่าคำถามนี้ ก็จัดเป็นหนึ่งในคำถามของผู้ที่สงสัยกันมานาน และมักถามกันบ่อยๆ ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ว่าทำไม “รถเก๋ง ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง เหมือนแบบรถยนต์แบบ 3 ประตู / 5 ประตู Hatchback หรือรถยนต์แบบรถ Crossover SUV หรือรถ SUV บ้าง?”

ตามจริงแล้ว จะบอกว่ารถเก๋งที่ขายในไทย ไม่เคยติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้เลย ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว …

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ในอดีต รถเก๋งที่ขายในไทย ที่มีติดตั้งปัดน้ำฝนหลังมาให้ ก็จะมีแค่ Mazda 323 (มาสด้า 323) (BF), Mitsubishi Galant (มิตซูบิชิ กาแลนท์), Mitsubishi Galant Ultima (มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติม่า) และ Peugeot 406 (เปอโยต์ 406) รุ่นที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ประมาณนี้

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ว่ากันด้วยตามหลักการของหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่ออากาศที่ไหลผ่านรถยนต์เวลาเคลื่อนที่จนไปถึงท้ายรถแล้ว ลักษณะอากาศจะเกิดหมุนแบบปั่นป่วน เกิดกระแสลมหมุน เนื่องจากด้านหลังมีการเคลื่อนที่ของอากาศที่มาจากรอบคันรถ ไม่ว่าจะด้านบน ด้านข้าง หรือด้านล่าง

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในตัวรถเก๋ง อากาศจะไหลผ่านไปยังกระจกที่ลาดและท้ายที่ยื่นยาวออกมา อากาศจะไปปั่นป่วนบริเวณด้านท้ายรถ พร้อมกับพัดพาสิ่งสกปรก (ส่วนหนึ่ง) ออกไปหมุนอยู่แถวท้ายรถ ซึ่งต่างจากในรถประเภทท้ายตัด หรือท้ายสั้นอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), Liftback (ลิฟท์แบค), Coupe (คูเป้) หรือแบบ Van / Wagon (แวน / แวกอน) อากาศจะไปหมุนอยู่ที่บริเวณกระจกบานท้าย ทำให้มีสิ่งสกปรกติดกระจกมากกว่า จึงต้องมีที่ปัดน้ำฝนหลังไว้ใช้งาน

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

และอีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในเมืองหนาว (บางประเทศ) ผู้ผลิตรถอาจติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังให้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเวลาหิมะตก สามารถใช้ปัดหิมะที่บริเวณกระจกบานหลัง และไฟเบรกดวงที่ 3 (เฉพารุ่นที่ติดตั้งด้านในรถ) ให้เห็นชัดขึ้น (บางรุ่นมีให้เลือกเป็น Option คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ)

เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ ถ้ารถคุณมีปัน้ำฝนหลัง ก็อย่าลืมหาโอกาสใช้งาน จะช่วงฝนตก หรือปัดคราบสกปรกบนกระจกหลังออกบ้างนะครับ

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน!

ช่วงหน้าฝนนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เรามักเลี่ยงได้ยาก หากอยู่ในเขตพื้นที่ต่ำ ที่ลุ่ม ที่ป่าเขาลำเนาไพร หรือจุดที่ท่อระบายน้ำ ไม่ได้ลอกท่อมานาน เมื่อฝนตกหนักๆ ลงมา สิ่งที่ตามมานั่นก็คือ “น้ำท่วม” (หรือเรียกว่า “น้ำรอการระบาย”) นั่นเอง

ซึ่งทำให้รถยนต์แบบกระบะ, รถแบบ Crossover SUV หรือรถ SUV ที่ออกแบบมาให้ยกสูงหน่อย ใช้ระบบขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ สามารถลุยน้ำได้ในระดับหนึ่ง เป็นที่ต้องการของคนใช้รถในบ้านเรามาก เพราะความอเนกประสงค์ในการใช้งานแล้ว ยังลุยน้ำท่วมได้ไหวอีกต่างหาก (แม้ว่ารถทุกคัน จะไม่ได้ออกแบบมาให้ลุยน้ำเป็นหลักก็ตาม)

โดยรถที่มีระยะต่ำสุดจากพื้น (หรือ ความสูงใต้ท้องรถ) (Ground Clearance) น้อยหรือมาก ก็มีผลต่อการลุยน้ำของรถรุ่นนั้นๆ ด้วย และรถที่ลุยน้ำได้ รวมไปถึงช่วงล่างหน้า เครื่องยนต์ ท่ออากาศ ไดชาร์จ และระบบไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเครื่องยนต์ ล้วนมีผลต่อการลุยน้ำทั้งสิ้น

สำหรับในบทความนี้ ใครที่กำลังมองหารถกระบะมาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ แล้วอยากรู้ว่า รถกระบะป้ายแดง หรือรถกระบะมือสองที่มีขายในท้องตลาด มีความสามารถในการลุยน้ำได้มากน้อยแค่ไหน หรือลุยน้ำได้ลึกสุดเท่าไหร่ Mr.Carro จะมาแนะนำ 8 รถกระบะให้ชมกัน

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Isuzu D-Max

1. Isuzu D-Max

กระบะ Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมคซ์) รถกระบะยอดนิยมของชาวไทย นับตั้งแต่โฉมปี 2011 – 2019 ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 225 – 235 มม.

สำหรับ Isuzu D-Max ในส่วนที่เป็นรุ่นโฉมปี 2020 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Spark, Spacecab, Cab4 หรือ X-Series (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 220 – 240 มม.

พูดง่ายๆ คือถ้าคุณเลือกรถกระบะ Isuzu D-Max รุ่น Spark 4X4, Hi-Lander, V-Cross 4X4 หรือ X-Series (ยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ประมาณ 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูงนะครับ) คือตั้งแต่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถนั่นเอง ส่วนรุ่นนอกเหนือจากนั้น ลุยได้แค่ครึ่งล้อรถก็น่าพอใจมาก มากกว่านี้อย่าเสี่ยง

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Toyota Hilux Revo

2. Toyota Revo

Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2015 – 2021 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Smart Cab, Double Cab รวมถึง Z Edition (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 154 – 165 มม. และในแบบ Prerunner, 4X4, Rocco และ TRD Sporivo / GR Sport (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 216 – 217 มม.

แม้ว่าตัวรถจะมีระยะต่ำสุดจากพื้นน้อยกว่าในกระบะยี่ห้ออื่นๆ แต่ทาง Toyota ก็ให้ความมั่นใจว่า สามารถนำ Toyota Revo ไปลุยน้ำได้ลึกที่สุดถึง 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยทีเดียว

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Nissan Navara

3. Nissan Navara

Nissan Navara (นิสสัน นาวารา) กระบะพันธุ์กล้าแกร่ง ขับดีแต่ขายไม่ค่อยดี รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – 2020 ในโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 180 – 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre และ Sportech หรือ Black Edition (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 204 – 220 มม.

ส่วนโฉมปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Single Cab, King Cab Cab, Double Cab มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และในแบบ Double Cab, 4X4, Calibre หรือ PRO2X และ PRO4X มีระยะต่ำสุดจากพื้น 205 มม. และ 225 มม.

ในส่วนของ Nissan Navara (รุ่นยกสูง) สามารถลุยน้ำได้ถึง 70 เซนติเมตร แต่ถ้าเป็นโฉมใหม่ในรุ่น PRO2X และ PRO4X ลุยน้ำได้ถึง 80 เซนติเมตรเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเอาระยะปลอดภัย ลุยน้ำสูงแค่ 45 เซนติเมตร ตามที่ Nissan เคยบอกเมื่อหลายปีก่อนก็พอละกัน …

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mitsubishi Triton

4. Mitsubishi Triton

Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) สุดหล่อจอมลุย รุ่นตั้งแต่โฉมปี 2014 – ปัจจุบัน ในรุ่นโฉม Standard Cab, Mega Cab, Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มม. และในแบบ Triton Plus, 4X4 และ Athlete (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 200 – 220 มม.

สามารถลุยน้ำได้ลึกสุดถึง 70 – 80 เซนติเมตร (ในรุ่นยกสูง) เลยครับ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Mazda BT-50

5. Mazda BT-50

อีกหนึ่งในรถกระบะจากค่ายมาสด้า อย่าง Mazda BT-50 PRO (มาสด้า บีที-50) รุ่นตั้งแต่ปี 2011 – 2020 ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 201 มม. และในแบบ Hi-Racer, 4X4 และ Thunder (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 237 มม.

ส่วน Mazda BT-50 ใหม่ ที่เป็นคู่แฝดกันกับ Isuzu D-Max ในรุ่นโฉม Standard Cab, Freestyle Cab และ Double Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 190 – 200 มม. และในแบบ Hi-Racer และ 4X4 (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 235 – 240 มม.

สามารถลุยน้ำลึกได้ถึง 80 เซนติเมตรเช่นกัน ไม่แพ้รถจากค่ายอื่นๆ

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / MG Extender

6. MG Extender

กระบะน้องใหม่ในตลาดรถยนต์บ้านเราอย่าง MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ก็มีคุณสมบัติพร้อมลุยไม่แพ้เพื่อนๆ ปิคอัพในระดับเดียวกัน สามารถลุยน้ำได้สูงถึง 70 เซนติเมตร (ตัวเตี้ย) และ 80 เซนติเมตร (รุ่นยกสูง)

ในรุ่นโฉม Giant Cab และ Extended Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มม. และ 183 มม. กับในแบบ Giant Cab และ Extended Cab (ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 231 มม.

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger Raptor

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Ford Ranger

7. Ford Ranger

สำหรับรถกระบะ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ที่สุดสายลุยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ในโฉม Hi-Rider, Wildtrak และ 4X4 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2011 – 2021 ทาง Ford เอง รับประกันว่าสามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มม. (หรือ 80 เซนติเมตร) ก็อยู่ช่วงประมาณใต้กระจังหน้าของรถ หรือบริเวณใต้โป่งซุ้มล้อของรถ โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 7 กม./ชม. ตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ

ส่วนในรุ่นกระบะพื้นฐาน ความสูงปกติ สามารถลุยน้ำที่สูงได้ไม่เกิน 600 มม. (60 เซนติเมตร)

ซึ่ง Ford Ranger โฉมปี 2011 – 2014 ตัวรถมีระยะต่ำสุดจากพื้น 201- 232 มม., โฉมปี 2015 – 2021 อยู่ที่ 230 มม. ส่วนในรุ่น Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) ระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 281 มม. สามารถลุยน้ำได้ลึกที่สุด 850 มม. (85 เซนติเมตร)

ส่วนประกอบสำคัญๆ ของเครื่องยนต์ ไดชาร์จ ระบบไฟฟ้า ถูกออกแบบมาให้สูงพ้นระดับน้ำดังกล่าว และจุดที่เป็นระบบไฟฟ้าก็หุ้มห่อถึง 2 ชั้น อีกทั้งหม้อกรองอากาศก็ติดตั้งวาล์วกันน้ำเข้าอีกด้วย

8 รถกระบะน่าใช้ ลุยน้ำเก่ง ลุยน้ำท่วม ลุยได้ลึก เหมาะกับหน้าฝน! / Chevrolet Colorado

8. Chevrolet Colorado

สำหรับ Chevrolet Colorado (เชฟโรเลต โคโรลาโด้) ที่แม้ว่าจะกลายเป็นตำนานไปซะแล้ว (เพราะบริษัทแม่กลับประเทศไป) แต่ความน่าใช้ และความทนทาน ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

ในรุ่นโฉม S-Cab, X-Cab และ G-Cab (ตัวเตี้ย) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 187 มม. – 194 มม. กับในแบบ High Country, Z71 และ Z71 4X4 และรุ่นพิเศษต่างๆ (ที่ยกสูง) มีระยะต่ำสุดจากพื้น 198 – 270 มม.

สามารถลุยน้ำที่สูงถึงระดับ 70 – 80 เซนติเมตร อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าทางผู้ผลิตรถยนต์จะระบุว่า ลุยน้ำได้ลึกสุดกี่เซนติเมตรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า น้ำจะไม่ได้เข้ามาในรถนะครับ! การขับขี่ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ต่ำ รักษาความเร็วคงที่ หลีกเลี่ยงคลื่นที่อยู่ด้านหน้าของรถยนต์และอย่าหยุดรถ และต้องระมัดระวังเครื่องยนต์และชุดกรองอากาศ หากน้ำไหลเข้าหม้อกรองอากาศจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้

ที่สำคัญ หลังจากการลุยน้ำท่วมมาแล้ว อย่าลืมนำรถไปตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ที่อู่ซ่อมรถหรือศูนย์ด้วยนะครับผม

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @carrothai

ข้อพึงระวังในการล้างอัดฉีด

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ

ในช่วงนี้ประเทศของเรา ยังคงมีข่าวคราวการระบาดของโควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าการนำรถเข้ารับบริการล้างอัดฉีด จะช่วยจัดคราบความสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ตามตัวถังรถได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีข้อพึงระวังดังนี้

1. ไม่ควรล้างรถในขณะที่เครื่องยนต์ยังมีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังคงมีความร้อนสะสมอยู่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกระทันหัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้

2. น้ำที่แรงดันสูง อาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับสีรถ โดยเฉพาะรถเก่าซึ่งสีตามบริเวณขอบมุมต่างๆ อาจจะหลุดล่อนได้ง่าย

3. ไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจจะทำให้วัสดุประเภทพลาสติก เสียรูปทรงได้

4. ในขณะฉีดน้ำล้างรถ หัวฉีดควรอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันความแรงของสายน้ำ

5. ไม่ควรล้างรถในเวลากลางคืน เพราะความชื้นที่เกิดจากการล้างรถ บริเวณซอกมุมต่างๆ จะแห้งช้า ซึ่งความชื้นดังกล่าวนี้จะป็นสเหตุให้เกิดสนิมได้ง่าย