5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

ช่วงนี้หลายๆ ท่าน เริ่มออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่กันแล้ว ซึ่งการเตรียมตัวในการเดินทาง ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน หากเกิดปัญหารถเสียระหว่างทางขึ้นมา คุณอาจจะเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และทำให้เพื่อนร่วมทางเจอรถติดมากขึ้นอีกต่างหาก …

ที่สำคัญ การเดินทางนั้นต้องขับขี่รถอย่างมีสติ ขับขี่ด้วยความปลอดภัย เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ เหนื่อยก็หาที่พัก ยืดเส้นยืดสาย หายง่วงหายเพลียแล้วค่อยไปต่อ และอย่าลืมมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง

ส่วนถ้าใครเบื่อละ อยากขายรถคันเดิม เพื่อไปดาวน์รถคันใหม่ ซื้อรถใหม่มาขับ ยอมเป็นหนี้หลายปี ดีกว่ามาเสียเวลาซ่อมรถกลางทาง ก็สามารถมาขายรถ หรือตีราคารถ ที่ CARRO ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express คลิกที่นี่ https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน

CARRO ขอแนะนำวิธีตรวจสอบรถแบบ 5 ขั้นตอนตรวจเช็ครถแบบเร่งด่วน ก่อนเดินทางปีใหม่ ครับ.

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

1. เช็คระบบไฟต่างๆ

ระบบไฟ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการขับรถ โดยไฟส่องสว่างที่ต้องตรวจเช็คก่อนเดินทาง นั่นคือ ชุดไฟหน้า (ไฟสูง, ไฟต่ำ, ไฟหรี่, ไฟเลี้ยวทั้งสองข้าง) ทั้งแบบธรรมดาและแบบ LED หรือไฟโปรเจคเตอร์, ไฟตัดหมอก, ไฟเบรก และไฟถอยหลัง หากพบว่ามีหลอดใดไม่สว่าง สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง โดยดูวิธีการเปลี่ยนจากคู่มือของรถแต่ละรุ่น

แต่ถ้าทำเองไม่เห็น ควรให้ช่างฝีมือที่ไว้ใจได้ เป็นผู้เปลี่ยนให้ก็ดีเช่นกัน

Maintenance-Car

2. เช็คระบบของเหลว

ระบบของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์ เช็คง่ายๆ ไม่ยาก อาทิ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์, น้ำมันคลัทช์, น้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ รวมถึงน้ำมันเฟืองท้าย ฯลฯ ต้องอยู่ในระดับปกติ ไม่ล้นหรือพร่องจากค่าหรือขีดที่กำหนด และควรทำการเปลี่ยนถ่ายตามระยะ หากมีปริมาณที่ต่ำกว่า Min ก็ควรเติมเพิ่ม หรือหากสีเปลี่ยนเป็นคล้ำขึ้น ก็ควรไปเปลี่ยนถ่ายครับ

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

3. เช็คยางและช่วงล่าง

ตรวจเช็คสภาพยาง ว่ามีรอยปริหรือแตกลายงาหรือไม่ หากมีรอยปริแตกเกิดขึ้นที่แก้มยาง ควรรีบเปลี่ยนยาง เพราะเสี่ยงต่อยางระเบิดได้ง่ายเวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง และวัดระดับลมยาง ที่ควรได้มาตรฐานของรถแต่ละรุ่น โดยดูจากสติกเกอร์แนะนำแรงดันลมยางบริเวณเสาด้านคนขับ หากมีผู้โดยสารเต็มคัน ต้องเพิ่มแรงดันลมยางล้อหลังตามที่ระบุด้วยเช่นกัน

ในส่วนของช่วงล่าง ใช้การฟังเสียงว่ามีเสียงกุกๆ กักๆ เวลาขับรถหรือไม่ ส่วนการเช็คโช๊คอัพว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ ใช้วิธีเอามือกดลงไปที่มุมของช่วงล่างรถทั้ง 4 ด้าน จากนั้นให้ดูการยกตัวของรถ หากตัวรถยกขึ้นครั้งเดียวแล้วหยุด แสดงว่าโช๊คอัพยังทำงานดี แต่หากมีอาการเด้งขึ้นลง แสดงว่าโช๊คอัพหมดสภาพแล้ว เวลาขับ จะทำให้ยางไม่สัมผัสกับพื้นถนนนัก ควรเปลี่ยนใหม่

ส่วนถ้าใครใช้รถกระบะ หรือรถอเนกประสงค์แบบ PPV ลองก้มไปดูเฟืองท้ายด้านหลังดู ว่าน้ำมันเฟืองท้ายพร่องไปหรือเปล่า หรือว่าลูกปีนหลวม ลูกปีนเป็นตามด เฟืองห่างหรือแตกหัก จนเกิดเสียงเฟืองท้ายหอน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้แม่แรงช่วยยกท้ายรถขึ้น ในการตรวจสอบ

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

4. เช็คระบบเบรก

หากรู้สึกมีเสียงดังเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก แสดงว่าผ้าเบรกใกล้หมดหรือหมดแล้ว ควรรีบไปเปลี่ยน ก่อนที่จานเบรกจะได้รับความเสียหาย จากการโดนเหล็กกับเหล็กสีกันจนจานเบรกเป็นรอย ซึ่งอาจจะต้องเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

5. เช็คเครื่องยนต์

เช็คสภาพเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ โดยฟังเสียงผิดปกติของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์สั่น เดินไม่เรียบ มีอาการสะดุด รอบตก หรือเร่งไม่ขึ้น มีควันขาวหรือควันดำออกจากท่อไอเสีย หรือตามซีลรอยต่อในเครื่อง (เช่น ซีลหน้าเครื่อง ซีลท้ายเครื่อง) มีการรั่วซึมของน้ำ หรือน้ำมันเครื่องหรือไม่

เกียร์มีอาการกระตุก สะดุด หรือกระชากตอนออกตัว ทางที่ดี รีบนำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจเช็ค เพื่อความปลอดภัย เพราะอันนี้งานใหญ่ ถ้าที่บ้านไม่ได้เป็นอู่ซ่อมรถก็คงทำเองไม่ไหว

5-Fast-Checking-Car-For-Travel-Newyear

สุดท้ายก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมในขณะที่เดินทางไกล ดังเช่นกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำประชาชน ที่ต้องเดินทางไกลในช่วงเทศกาลปีใหม่ อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย หรือไอ ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นได้เสมอทั้งในภาวะปกติและช่วงเวลาเดินทางไกล

จึงขอแนะนำให้พกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพร 4 ผลิตภัณฑ์ ติดตัวไปด้วย ได้แก่ …

  • ยาอมแก้ไอมะขามป้อม สรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ
  • ยาหม่องสมุนไพร/น้ำมันไพล สรรพคุณ บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ยาหอมเทพจิตร สรรพคุณ แก้ลม บำรุงหัวใจ
  • ยาดมสมุนไพร สรรพคุณ บรรเทาอาการวิงเวียน ช่วยให้สดชื่นผ่อนคลาย

โดยยาสมุนไพรเหล่านี้ มีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บป่วยในเบื้องต้น สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป

ขณะที่ กรมสุขภาพจิต แนะนำใช้ 3 วิธีคลายเครียด ขณะรถติดในช่วงเดินทางไปฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยฟังเพลงที่ชื่นชอบแบบ Non-Stop ฟังวิทยุ และบิดขี้เกียจ ยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น การกำมือสลับแบมือ ก้มเงยศีรษะ หันหน้าไปซ้าย-ขวา การขยับไหล่ขึ้น-ลง การนวดขมับ นวดหัวคิ้ว และสันจมูก นวดบ่าทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ และช่วยลดความเครียดลงได้

Find-Noises-In-Your-Car-Part-2

มาหาเสียง (ในรถยนต์) ช่วงโค้งสุดท้าย กันต่อดีกว่าครับ!

ช่วงนี้ก็เรียกได้ว่า น่าจะเป็นสัปดาห์ของการหาเสียง (ในรถยนต์) ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วครับ เพราะเดือนหน้าเราก็ต้องเตรียมพร้อมรถยนต์ สำหรับใช้ในการเดินทางช่วงหยุดยาว หรือในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้วล่ะครับ

หาเสียงในรถยนต์ ยิ่งหาเจอได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะ “เสียง” ที่ว่านี้ อาจจะทำให้รถคุณพังกลางทาง หรือเสียเงินซ่อมกันบานปลายเลยก็ได้ ไปอ่านกันต่อครับ …

Differential

1. เสียงหอน (ที่ไม่ใช่คืนหมาหอน)

เสียงหอน … บางทีขับรถไปแล้ว มีเสียงหอนดังออกมาจากเพลาขับ หรือเฟืองท้าย ยิ่งขับเร็วเสียงยิ่งดัง อาจจะมาจากลูกปีนล้อแตก หรือเพลากลาง เพลาขับมีปัญหา และเฟืองท้ายมีปัญหา ต้องไล่สาเหตุดูเป็นจุดๆ ไป ถ้าต้นเสียงเกิดที่ด้านหน้ารถ ก็สันนิษฐานว่าเป็นที่ลูกปืนท้ายเกียร์ หรือเป็นที่ลูกปืนเพลากลาง ที่เรียกกันว่า “ยอย” หรือ “กากบาทเพลากลาง”

แต่ถ้ามาจากด้านท้าย ให้ถอดเฟืองท้ายออกมาเช็ก ว่ามาจากเฟืองเดือยหมู, เฟืองบายสี, เฟืองดอกจอก และเฟืองข้าง ทีเดียวไปเลย ถ้ามีเสียงหอน ลองปรับตั้งระยะห่างของเฟืองท้ายทั้ง 2 ใหม่ ให้ชิดเข้าไป ตรวจสอบการรั่วซึมของซีล ประเก็น ถ้าหมดสภาพก็เปลี่ยนใหม่ ก่อนจะเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายใหม่ ถ้าลูกปืนหน้าเฟืองท้ายชำรุด ก็จัดการเปลี่ยนลูกปืนใหม่ซะ

Toyota-Steering-Wheel

2. กุกๆ กักๆ ที่คอพวงมาลัย

กุกๆ กักๆ ที่คอพวงมาลัย … เสียงดังกึกกักที่คอพวงมาลัย อาจมาจากลูกปืนคอพวงมาลัยแตก ตัวรองแกนพวงมาลัยแตก หรือจารบีลูกปีนแห้ง ทางที่ดีตรวจเช็กลูกปีน, ตัวรองแกนพวงมาลัย หรืออัดจารบีตลับลูกปืนใหม่ แม้ว่าช่วงแรกจะไม่มีผลอะไร นอกจากเกิดความรำคาญเวลาหมุนพวงมาลัย แต่อาจจะกลายเป็นเสียมากขึ้น จนพวงมาลัยรถควบคุมรถไม่ได้ก็เป็นไปได้

Manual-Transmission

3. เปลี่ยนเกียร์แล้วมีเสียงดัง

เปลี่ยนเกียร์แล้วมีเสียงดัง … เสียงดังที่เกิดจากตัวเกียร์ เกิดจากนอกห้องเกียร์ เป็นเสียงแตกเสียงคราง หรือเสียงหอน ลองตรวจลูกปีนเกียร์ และเช็กน้ำมันเกียร์ ว่าเปลี่ยนถ่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูสภาพสีของน้ำมันเกียร์ ตรวจดูว่ายังมีน้ำมันเกียร์อยู่เต็มหรือไม่ เพราะมันอาจจะรั่วซึมหายไป เมื่อชุดเฟืองเกียร์กระทบกัน เสียงโลหะกระทบกัน มันก็ต้องมีเสียงดัง ต้องรีบซ่อมแซม ไม่อย่างนั้นจะได้เปลี่ยนเกียร์ใหม่ทั้งลูก …

อีกกรณีหนึ่ง อาจจะเกิดขึ้นได้จากการเหยียบคลัทช์ไม่สุดแล้วเข้าเกียร์ หรือการใส่เกียร์ไม่ตรงตำแหน่งเกียร์ (ในรถเกียร์ธรรมดา) ครับ

Tire-Setting

4. เวลาเลี้ยว เสียงดังจากยาง

เวลาเลี้ยว เสียงดังจากยาง … เวลาเลี้ยวรถแล้วเกิดเสียงดังเอี๊ยดๆ จากยาง มักได้ยินบ่อยๆ เวลาไปจอดรถบนพื้นผิวค่อนข้างลื่น อาจเกิดจากเนื้อยางเสื่อมสภาพ หรือถ้าหากยางยังดี อาจเกิดจากช่วงล่างหลวมก็เป็นไปได้

Catalytic-Converter

5. หลังดับเครื่อง

หลังดับเครื่อง … หลังจากดับเครื่องรถยนต์แล้ว คุณอาจได้ยินเสียงก๊องแก๊ง มาจากใต้ท้องรถ นั่นเป็นเสียงการทำงานของ Catalytic Converter ในระบบท่อไอเสีย ซึ่งเป็นเสียงการทำงานปกติอยู่แล้ว เสียงดังกล่าวอาจดังนานกว่าปกติ หากใช้รถด้วยความเร็วสูง หรือใช้เครื่องยนต์รอบจัดเป็นระยะเวลานาน แต่เสียงนี้ ไม่ได้เป็นความผิดปกติอันใดครับ …

เมื่อรับทราบอาการดังกล่าวได้แล้ว ว่ามาจากสาเหตุไหน อย่าลืมเอารถไปเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถ ให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจดูให้แน่ชัด แล้วเตรียมเสียเงินไว้ด้วย แต่ถ้าเสียงบางอย่างไม่มีผลใดๆ ต่อตัวรถ คุณก็สบายใจได้ …

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Find-Noises-In-Your-Car-Part-1

หาเสียง (ในรถยนต์) กุกๆ กักๆ …. คุณรำคาญมากน้อยแค่ไหน? เวลาขับรถ

ช่วงนี้ บรรยากาศทางการเมืองในบ้านเรา กำลังร้อนแรง ต่างฝ่ายต่างออกมาหาเสียงกันเป็นแถว บางคนก็มาตามมารยาทสากล ตามข้อเท็จจริง แต่บางพรรคบางพวก ก็เล่นด้วยวิธีเดิมๆ บอกว่าจะทำนู่นทำนี่ได้สารพัดบ้างล่ะ โจมตีฝ่ายตรงข้าม เตะสกัด สาดโคลน แบบเดิมๆ ก็มีไม่เคยเปลี่ยน …

แต่นั่นมันเป็นการหาเสียงทางการเมือง! ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงการหาเสียง (ในรถยนต์) ต่างหาก!

หาเสียงในที่นี้ ยิ่งหากคุณหาเจอได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะเป็นผลดีสำหรับคุณมากขึ้นเท่านั้น เพราะ “เสียง” ที่ว่านี้ อาจจะทำให้รถคุณพังกลางทาง หรือเสียเงินซ่อมกันบานปลายเลยก็ได้ …

Find-Noises-In-Your-Car

เสียงที่เกิดจากรถยนต์ ไม่ว่าจะมาจากเครื่องยนต์ หรือระบบอะไรก็แล้วแต่ เป็นความผิดปกติได้ทั้งนั้น บางเสียงก็อาจจะเป็นเรื่องปกติของการทำงานในตัวรถเอง หรือบางเสียง ก็อาจจะเกิดจากความไว (ของหู) ในแต่ละคน ที่ได้ยิน รับรู้ ไม่เหมือนกัน

เสียงจากเครื่องยนต์ เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยาก หากเป็นช่างซ่อมรถที่เจนจัดกับการซ่อมรถมานักต่อนัก มักหาที่มาของเสียงได้ไม่ยาก จะด้วยการฟังหูเปล่า หรือฟังด้วยเครื่องฟัง ที่คล้ายๆ หูฟังของหมอนั่นล่ะครับ เริ่มต้นตั้งแต่ …

Start-Button

1. สตาร์ทรถ

สตาร์ทรถ … หากสตาร์ทรถแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดๆ สีกัน ภายในห้องเครื่อง เมื่อคุณเร่งความเร็วรอบเครื่องยนต์ขึ้น เสียงจะลดระดับเบาลงไป แต่ก็ยังมีอยู่จนเครื่องร้อนได้ที่ แล้วถึงจะเงียบไป

อาการแบบนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากสายพานต่างๆ หรือตัวดันสายพาน ลูกรอกสายพาน ที่หมดอายุการใช้งาน เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ

Air-Condition

2. เปิดแอร์

เปิดแอร์ … เมื่อสตาร์ทรถได้สักพัก พอเปิดแอร์แล้วได้ยินเสียงดังแกรกๆ อาการแบบนี้ ก็คาดไว้ก่อนเลยว่า น่าจะมาจากคอมเพรสเซอร์แอร์, ลูกรอกแอร์ หน้าคลัทช์คอมแอร์ หรือสายพานแอร์ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

Brake

3. เหยียบเบรก

เหยียบเบรก … เมื่อเหยียบเบรกไปแล้ว ไม่ว่าจะเหยียบเบาหรือแรง มีเสียงดังวิ้งๆ หรือครืดๆ ให้ก้มดูจานเบรกที่ล้อ ดูผ้าเบรกเป็นอันดับแรก เพราะผ้าเบรกหมด จนขูดจานเบรกเป็นรอย แล้วดูว่าจานเบรกนั้น มีรอยขูดหนาบางแค่ไหน เตรียมเสียเงินเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ได้

หรือถ้าจานเบรกมีรอยเส้นหนักๆ หน่อย ก็อาจจะต้องเจียรจานเบรก หรือเปลี่ยนจานเบรกใหม่

Rack-Steering-Wheel

4. เลี้ยวซ้ายสุด-ขวาสุด มีเสียงดัง

เลี้ยวซ้ายสุด-ขวาสุด มีเสียงดัง … ลองตรวจเช็กดูช่วงล่าง ตั้งแต่ แร็คพวงมาลัย ยางหุ้มเพลา ลูกหมากปีกนก คันชักคันส่ง ฯลฯ เพราะมันอาจหมดอายุการใช้งาน เสียหายจากการกระแทกบ่อยๆ หรือหัวเพลาหลวม หัวเพลาแตก!

และก็เป็นไปได้ ที่ตัวปั้มพวงมาลัยเพาเวอร์ รั่วหรือแรงไม่พอ ลองดูว่ามีน้ำมันเพาเวอร์รั่วซึมหรือไม่

Rubber-Speed-Humps

5. วิ่งผ่านเนินลูกระนาด … หน้าเด้ง ท้ายเด้ง!

วิ่งผ่านเนินลูกระนาด … หน้าเด้ง ท้ายเด้ง! … อาการนี้ดูโช๊คอัพได้เลย เพราะไม่มีความหนืด ในการดูดซับแรงกระแทกอีกแล้ว หากอาการไม่หนักก็ซ่อม อัดน้ำมันเข้าไปใหม่ แต่ถ้าทำไปใช้งานได้สักพัก มันรั่วอีก ก็ลงทุนเปลี่ยนใหม่จะดีกว่า

วิธีเช็ก ใช้ไฟฉายส่องเข้าไปที่ซุ้มล้อ ตรวจดูว่ามีน้ำมันซึมออกมาจากกระบอกโช๊คอัพหรือไม่ แล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองมือ กดลงไปบริเวณด้านที่มีโช๊คอัพเหนือล้อ ถ้าหนืด กดแล้วจะนิ่ง ไม่ยุบง่ายๆ แต่ถ้าโช๊คอัพหมดสภาพแล้ว กดแล้วปล่อยมือ รถยังเด้งดึ๋งต่อเลย!

เมื่อรับทราบอาการดังกล่าวได้แล้ว ว่ามาจากสาเหตุไหน ทางที่ดี คุณควรขับรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถ ให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจดูให้แน่ชัด แล้วเตรียมเสียเงินไว้ด้วยเทอญ …

ถ้าคุณตัดสินใจอยากขายรถคันเดิม เพื่อไปซื้อรถคันใหม่ หรือรับเป็นเงินก้อนไปใช้ สามารถขายรถคันเดิมกับ CARRO ได้ ง่ายๆ ได้เงินไว! กับ CARRO Express เพียงแค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรือสามารถ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

Carro-OIC-Force-Insurance

ลดปัญหาบริษัทประกัน “มั่วนิ่ม” ไม่จ่ายค่าขาดประโยชน์ ระหว่างซ่อมรถ คปภ. สั่งทุกบริษัทต้องจ่าย วันละ 500 – 1,000 บาท เริ่มต้นปี 2562

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ. ได้ข้อสรุปการปรับปรุงความคุ้มครองของค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ให้แก่เจ้าของรถยนต์ที่ทำประกันและอยู่ระหว่างนำไปเคลมซ่อมแล้ว

Repair-Car

โดยจะจ่ายเงินเป็น 3 กลุ่ม ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ยังมีความคลุมเครือทำให้เกิดปัญหาร้องเรียนเข้ามา ประกอบด้วย

กลุ่มแรก รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
กลุ่มที่ 2 รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
และกลุ่มที่ 3 รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่งกำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท

“ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ มียอดร้องเรียนมากเป็นอันดับ 1 เรื่องส่วนใหญ่ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนคือบริษัทประกันไม่ยอมจ่ายค่าขาดประโยชน์ เพราะประชาชนไม่มีความรู้ หรือมีการจ่ายในอัตราที่ต่ำ เพราะก่อนหน้านี้ระเบียบได้กำหนดให้จ่ายตามฐานานุรูปขนาดของเครื่องยนต์ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทประกัน ดังนั้นจึงต้องปรับหลักเกณฑ์ใหม่ให้ชัดเจน โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาหารือเรื่องนี้ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยโดยเฉพาะจนสามารถหาข้อสรุปได้แล้ว”

Repair-Car

อีกทั้ง คปภ. อยู่ระหว่างยกร่างคำสั่งนายทะเบียนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และจะบังคับใช้ได้ในต้นปีหน้า และเมื่อมีคำสั่งนายทะเบียนออกมาแล้ว บริษัทจะต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

“หากฝ่าฝืนมีความผิดฐานขัดคำสั่งนายทะเบียน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย อาจถือได้ว่าบริษัทจงใจฝ่าฝืนข้อตกลงแห่งสัญญาประกันภัย หรือข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ที่มีความชัดเจนให้บริษัทมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือบุคคลผู้มีสิทธิ์เรียกร้องหรือได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษในอัตราที่สูง ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และถ้าเป็นกรณีการกระทำผิดต่อเนื่องให้ปรับอีกไม่เกินวันละ 2 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่”

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ

Toyota-Sports-800-GR-Concept

เมื่อ Toyota Gazoo Racing ปลุกปั้น Toyota Sports 800 GR Concept ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง …

หากย้อนกลับไปในช่วงหลาย 50 กว่าปีที่แล้ว หลายคนยังคงจำเจ้า Toyota Sports 800 รถสปอร์ตขนาดเล็กของโตโยต้า ที่เคยมีโลดแล่นบนท้องถนนไทยอยู่หลายคัน (ซึ่งปัจจุบัน กลายเป็นรถที่หายากมากๆ และมีราคาที่สูงลิ่ว)

Toyota-Publica-Sports-Concept

หลังจากที่ Toyota ได้ผลิตและจำหน่ายรถรุ่น Publica ในหลายหลายรูปแบบตัวถังแล้ว จึงอยากคิดโครงการใหม่ ที่ผลิตรถในรูปแบบ Sports 2 ประตู แบบ 2 ที่นั่ง ขึ้นมา เป็นรถต้นแบบในชื่อ “Toyota Publica Sports” และเผยโฉมสู่สาธารณชนในงาน Tokyo Motor Show ปี 1962 ก่อนจะเปิดตัว Toyota Sports 800 ในอีก 3 ปีผ่านมา …

Toyota-Sports-800

Toyota เริ่มพัฒนา Sports 800 โดยฝีมือของนักออกแบบชื่อ Shozo Sato ร่วมกับวิศวกร Toyota ชื่อ Tatsuo Hasegawa อดีตวิศวกร ผู้ออกแบบเครื่องบินรบในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะออกสู่ตลาดในวันที่ 1 เมษายน 1965 โดยทำตลาดในญี่ปุ่นผ่านโชว์รูมเครือข่ายจำหน่ายที่ชื่อ Publica (ต่อมาคือเครือข่ายจำหน่าย Corolla) ในราคา 595,000 เยน มียอดขายตลอด 5 ปี (1965-1969) รวม 3,131 คัน

Toyota-Sports-800

รถรุ่นนี้ มีชื่อเล่น เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า “Yota-Hachi” (ヨタハチ) โดยคำว่า Yota มาจากคำว่า Toyota ส่วน Hachi หมายถึง เลข 8 รวมกันเป็น Toyota 8 นั่นเอง

โดยรถที่เรานำเสนอในวันนี้ อดีต เคยเข้าเป็นร่วมการแข่งขัน Suzuka 500km เมื่อปี 1966 และถูกทิ้งเป็นซากรถ อยู่ในโกดังมานาน โดยรถที่ได้รับการบูรณะใหม่ มีเลขตัวถังหมายเลข 10007 ที่ขับโดยนักแข่งชาวญี่ปุ่น Mitsuo Tamura เข้าอันดับ 2 ในสนามซูซูกะมาแล้ว

Toyota-Sports-800-GR-Concept

ถึงแม้จะมีแรงม้าเพียง 45 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 6.8 กก.-ม. ที่ 3,800 รอบ/นาที จากเครื่องยนต์รหัส 2U-B แบบ Boxer 2 สูบ OHV ขนาด 790 ซีซี ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด ก็ยังสามารถต่อกรกับรถแข่งรุ่นใหญ่ได้ ด้วยน้ำหนักตัวถังที่เบา ลู่ลม ตัวถังแบบเหล็กกล้าผสมอลูมิเนียม (น้ำหนักรถเพียง 580 กก.) และความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์

Toyota-Sports-800-GR-Concept

Toyota-Sports-800-GR-Concept

ตลอดการแข่งขัน 84 รอบ รถแข่งรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวในสนาม ที่ไม่ต้องเติมน้ำมันตลอดการแข่งขัน และถึงแม้จะผ่านธงตราหมากรุกแล้ว ก็ยังมีน้ำมันเหลือกว่า 30% ของน้ำมันในถัง

Toyota-Sports-800-GR-ConceptToyota-Sports-800-GR-Concept

ซึ่งการบูรณะครั้งนี้ ต้องยกให้ Toyota Gazoo Racing ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยต้องผลิตชิ้นส่วนใหม่มาใช้เป็นจำนวนมาก และช่วงล่างกับเครื่องยนต์ ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด พร้อมกับติดสติ้กเกอร์ที่มีลวดลายตามแบบฉบับ Gazoo สมัยใหม่

Toyota-Sports-800-GR-Concept

Toyota-Sports-800-GR-Concept

Spare-Parts-Knowledge

เรื่องรถยนต์กับอะไหล่นั้น ถือได้ว่าเป็นของคู่กันราวลิ้นกับฟันเลยทีเดียว เพราะการใช้งานรถยนต์ ชิ้นส่วนภายในย่อมมีการเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา ดังนั้น เมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นนั้นๆ ก็ยังให้มีเลือกทั้งอะไหล่แท้ อะไหล่เทียบ อะไหล่เทียม อีกต่างหาก

หลายคนมีมักเชื่อว่า อะไหล่แท้ คือของแท้ๆ ส่วน อะไหล่เทียบ อะไหล่เทียม ราคามักถูกกว่า และมักไม่ทนทาน หรือคุณภาพแย่ ซึ่งบางทีก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะของแบบนี้ มันก็มีหลายเกรดให้เลือก ตามจำนวนเงินที่คุณจ่ายไป

MR.CARRO ขอแนะนำการเลือก อะไหล่แท้ อะไหล่เทียบ อะไหล่เทียม ให้กับผู้ใช้รถได้ทราบครับ.

Spare-Parts-Knowledge

อะไหล่แท้ คือ อะไหล่มาตรฐานจากบริษัทรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ มักจะมีคุณภาพสูงตามมาตรฐานของรถยี่ห้อนั้นๆ และราคาก็สูงด้วยเช่นกัน

อะไหล่เทียบ คืออะไหล่ที่สามารถใช้ร่วมกันได้กับรถยนต์หลายรุ่น หลายยี่ห้อ เช่น ผ้าเบรก ก้านปัดน้ำฝน ไส้กรองต่างๆ สายพานต่างๆ ตู้แอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ หม้อน้ำ ผ้าคลัทช์ หวีคลัทช์ ฟลายวีล ลูกหมาก โช้คอัพ เป็นต้น

อะไหล่เทียม คือ อะไหล่ที่ผลิตโดยโรงงานผลิตอะไหล่ออกมาขายในยี่ห้อของตนเอง ระดับคุณภาพจะมีทั้งคุณภาพต่ำ คุณภาพเทียบเท่าอะไหล่แท้ และคุณภาพสูงกว่าอะไหล่แท้ ซึ่งอะไหล่บางส่วน จะผลิตโดยโรงงานที่เป็น หรือเคยเป็นผู้ผลิตอะไหล่ส่งให้บริษัทรถยนต์ ถือว่าเทียบเท่ากับอะไหล่แท้เลยทีเดียว แต่เมื่อโรงงานผลิตขายเอง จึงต้องลบตรายี่ห้อสินค้านั้นๆ ออก และใช้เป็นยี่ห้อของตัวเอง สามารถทำราคาได้ถูกกว่าได้ เพราะไม่ต้องถูกบวกกำไรเพิ่มจากบริษัทรถยนต์

Spare-Parts-Knowledge

และ … อะไหล่ปลอม ที่ผลิตจากโรงงานเล็กๆ ปลอมสินค้าที่ติดตลาดได้รับการยอมรับจากลูกค้า เลียนแบบทั้งอะไหล่แท้ และอะไหล่เทียบ อะไหล่เทียมยี่ห้อดังๆ แต่คุณภาพไม่เทียบเท่า เพราะต้องการทำราคาให้ถูกมากที่สุด ซึ่งบริษัทรถยนต์หลายราย มักมีการแสดงข้อแตกต่างระหว่างอะไหล่ปลอม กับ อะไหล่ที่ทางบริษัทรถขาย ให้ผู้บริโภคได้ทราบเป็นความรู้

การซ่อมรถยนต์ ไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่แท้เท่านั้นถึงจะทนทาน เพราะยังมีอะไหล่อื่นให้เลือกใช้ได้ในราคาถูกกว่า อะไหล่แท้เชื่อถือได้ด้านคุณภาพ และบริษัทรถยนต์ให้การรับประกันชัดเจน แต่ไม่ได้เป็นทางเลือกเดียวสำหรับการเลือกใช้อะไหล่เทียบ หรือ อะไหล่เทียม ในกรณีที่รถเก่ามากๆ หรือเป็นรถนำเข้า ที่ทางยี่ห้อผู้ผลิต เลิก Support อะไหล่ขายแล้ว หรือไม่ได้สั่งรถรุ่นนั้นเข้ามาจำหน่าย

Spare-Parts-Knowledge

การผลิตรถยนต์ทุกรุ่น ต้องใช้ชิ้นส่วนประกอบมากมายหลายหมื่นชิ้น ถ้าผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตเองทุกชิ้น ก็ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในการตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และยังต้องลงทุนทำ R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์อีกด้วย

Spare-Parts-Knowledge

การจ้างผู้ผลิตอะไหล่ (Supplier) ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่มีความชำนาญเฉพาะทาง จึงเป็นทางออกที่ช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทรถได้ และสามารถควบคุมคุณภาพมาตรฐาน การทดสอบ ให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ ยกเว้นอุปกรณ์บางอย่าง ที่เทคนิคการผลิตเป็นความลับของบริษัท หรือมีบริษัทในเครือผลิตอยู่แล้ว บริษัทรถยนต์จึงทำเอง

Spare-Parts-Knowledge

การเลือกซื้อ ในบางชิ้นต้องใช้สายตาและการสัมผัส เช่น ดูเนื้อของยางที่เป็นส่วนประกอบ แต่บางอย่างต้องหาข้อมูลก่อนตัดสินใจมากๆ เช่น สอบถามผู้ที่เคยใช้มาก่อน ดูจากยี่ห้อที่อยู่บนอะไหล่แท้ชิ้นเดิม

ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกใช้อะไหล่แบบไหน มีให้เลือกสารพัดยี่ห้อ ทั้งของแท้ ของเทียบ ของเทียม เผลอๆ มีของปลอมด้วยอีกต่างหาก ขึ้นอยู่ความพึงพอใจ หรืองบประมาณที่มี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนก็ต้องการของดีที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุด ใช้งานแล้วคุ้มค่าที่สุด ครับ …

หากใครสนใจที่จะขายรถคันเก่า อยากขายรถ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express

นอกจากจะสามารถกรอกแบบฟอร์มตามข้างต้นแล้ว ยังสามารถติดต่อกับ CARRO ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-508-8425 หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

อีกทั้งยังสามารถ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ช็อปช่วยชาติ-2560

ซ่อมรถ

เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือน และผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหลายๆ ท่าน คงได้ทราบข่าวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ช็อปช่วยชาติ” จากทางรัฐบาลกันแล้ว ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2560 โดยในเงื่อนไขดังกล่าว ก็คงถูกใจ “ขาช็อป” กันไม่น้อย และที่สำคัญ “ค่าซ่อมรถ” ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการหักลดหน่อยภาษีได้อีกด้วย

ถือเป็นโอกาสดี สำหรับคนใช้รถที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนของใหญ่ๆ พอดี ทีนี้เรามาดูกันว่า จะซ่อมรถอย่างไร ให้ได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 15,000 บาทครับ

ตรวจเช็คตามระยะกิโลเมตร หรือซ่อมรถ

Maintenance-Car

อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้วสำหรับคนใช้รถ การตรวจเช็คบำรุงรักษาตามระยะที่ศูนย์บริการกำหนดไว้ มันก็ต้องสิ่งที่ต้องจ่าย อาทิเช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันคลัตช์ น้ำมันเฟืองท้าย เปลี่ยนแบตเตอรี่ เป็นต้น (การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่างๆ ในรถยนต์ ที่ไม่ได้ใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน แบบ น้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล หรือแก๊ส LPG, NGV สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้)

ในส่วนของรถที่เข้าซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ พร้อม “ชำระค่าบริการ” ตั้งแต่ช่วงเวลาระหว่างวันที่ 11 พ.ย.- 3 ธ.ค. 2560 และซ่อมแล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธ.ค. 2560 จึงจะนำมาใช้หักลดหย่อนภาษีได้ อ่อ … อู่หรือศูนย์บริการที่เข้าใช้บริการนั้น ต้อง “ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ” ได้ด้วยนะครับ

Tire

เปลี่ยนยางรถยนต์

ถือเป็นโอกาสทองของรถยนต์ที่ยางรถยนต์หัวเริ่มล้านแล้ว สมมติว่า หากคุณยางรถยนต์ขนาด 16 นิ้ว หมดทั้ง 4 เส้น ราคาก็ตกประมาณหนึ่งหมื่นกว่าบาทได้ ซึ่งหากคุณจะใช้โปรโมชั่น ผ่อนยาง 0% ก็สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ด้วยเช่นกัน

Mazda3-Sedan

แต่งรถ

โอกาสทองของคนชอบแต่งรถ มาถึงแล้ว … สำหรับสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ หรือล้อแม็ก ก็เข้าข่ายได้หักลดหย่อนภาษีเช่นกันครับ

ซ่อมรถ

สำหรับ “ช็อปช่วยชาติ 2560” ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง สำหรับยื่นลดหย่อนภาษี โดยคุณต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฏากร ซึ่งจะต้องมีการระบุข้อความดังนี้

1. คำว่า “ใบกำกับภาษี” ต้องเห็นได้เด่นชัด

2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษี

3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ

4. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)

5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ

6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือ ของบริการให้ชัดแจ้ง

7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี

8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนด เช่น คำว่าเอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ

ซ่อมรถ

สุดท้ายนี้ Carro ขอบอกอีกครั้ง เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ ที่ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ นั่นคือ ค่าน้ำมัน (ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน), ค่าก๊าซ LPG, NGV สำหรับเติมพาหนะ, ค่าประกันภัยรถยนต์ รวมถึงค่าเช่าซื้อ, ผ่อน หรือดาวน์รถยนต์/มอเตอร์ไซค์ ก็ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นะครับ

Prepare-Car-In-Winter-Season

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ ประเทศไทยเราก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้วนะครับ (แม้ว่าบางจังหวัดทางภาคใต้ ตอนนี้ยังอยู่ในฤดูมรสุม ต้องเจอกับฝนตกหนัก แต่อากาศก็ยังเย็นจนสัมผัสได้เช่นกัน)

แต่ก็เชื่อได้ว่า หลายๆ ท่านตอนนี้ เริ่มได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ทั้งในช่วงกลางคืน และในช่วงเช้ามืด จนรู้สึกอยากออกไปขับรถเที่ยว ขึ้นภู ขึ้นดอย สัมผัสไอหมอก ไอหนาว หรือแม่คนิ้งกันแล้ว …

CARRO ขอแนะนำวิธีการดูแลรักษารถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้งานในฤดูหนาวครับ.

นอกเหนือจากการดูแลรักษารถยนต์ส่วนต่างๆ ระดับของเหลวจุดต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่สำคัญและควรปฏิบัติในหน้าหนาว มีอาทิเช่น …

Prepare-Car-In-Winter-Season

1. เมื่อหมอกลง

ช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกปกคลุมมากกว่าปกติ และพื้นถนนอาจลื่นได้ ควรขับรถด้วยความระวัง เปิดไฟใหญ่ หรือไฟต่ำทุกครั้ง เพื่อให้สามารถมองเห็นสภาพเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ควรใช้ไฟสูง เพราะไฟสูงจะยิ่งทำให้มองไม่เห็นทางข้างหน้า เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับหมอกจนเกิดการฟุ้ง และทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดน้อยลง …

แต่ถ้าหมอกหนามากจริงๆ แนะนำให้หาที่จอดพักริมทางในที่ปลอดภัย ไม่จอดข้างทางหรือบนไหล่ทาง ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดีกว่าครับ

หรือในกรณีที่หมอกลงจัดมาก ควรขับขี่ที่ความเร็ว 40-50 กม./ชม. เพื่อกะระยะรอบด้านและเบรกได้ทัน เมื่อเห็นสิ่งกีดขวางในระยะใกล้อยู่ตรงหน้า

Prepare-Car-In-Winter-Season

2. ไฟตัดหมอก หน้า-หลัง

การใช้ไฟตัดหมอกอย่างปลอดภัย คือ ช่วงที่มีฝนตกปรอยๆ หรือฝนตกหนัก หรือหมอกลงมาก เพื่อให้รถที่ขับสวนมามองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ การขับรถขึ้นภูเขาสูงในช่วงฤดูหนาว ที่มีหมอกหนามากกว่าปกติ ไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น

รถบางรุ่น (โดยเฉพาะรถยุโรป) มีติดไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย ซึ่งออกแบบไว้ใช้เฉพาะในยามหมอกลงจัดเท่านั้น แต่หลายคนก็ใช้งานแบบไม่ต้องถูกต้อง เปิดไฟตัดหมอกหลังอย่างพร่ำเพรื่อยามถนนแห้ง ทำให้แยงตาผู้ที่ขับขี่ที่ตามหลัง เพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดอุบัติเหตุได้

Prepare-Car-In-Winter-Season

3. ระบบไล่ฝ้า

การขับรถในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่ไม่สมดุลระหว่างด้านในและด้านนอกรถ ทำให้ไอน้ำจับตัวเป็นละอองฝ้าเกาะกระจกรถ ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง กรณีเกิดฝ้าที่กระจกข้างและกระจกหน้าด้านในรถ ให้เพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศ โดยเลื่อนหรือกดสวิตซ์ระบบปรับอากาศไปที่สัญลักษณ์ไล่ฝ้าที่กระจกหน้า หรือลดกระจกรถลงเล็กน้อย เพื่อปรับอุณหภูมิในและนอกห้องโดยสารรถให้สมดุลกัน จะช่วยให้ละอองฝ้าจางหายได้

กรณีเกิดฝ้าที่กระจกด้านหน้าภายนอกรถ ให้เปิดใช้อุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝน และฉีดน้ำเช็ดกระจกควบคู่ไปด้วย จะช่วยไล่ละอองฝ้าและขจัดคราบสกปรกบนกระจก กรณีเกิดฝ้าที่กระจกหลังรถ ให้เปิดปุ่มไล่ฝ้า เพื่อให้ขดลวดความร้อนบริเวณกระจกหลังรถทำงาน พอเมื่อละอองฝ้าจางหายไป ให้ปิดปุ่มไล่ฝ้า เพราะความร้อนจะทำให้กระจกรถ และฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

Prepare-Car-In-Winter-Season

4. ปิดแอร์ขับรถ

การปิดแอร์ขับรถนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี (เฉพาะในหน้าหนาว) โดยหากคุณขับรถบนถนนที่ออกนอกเมือง รถไม่ติด ตอนเช้าๆ อากาศเย็นๆ คุณก็ปิดระบบปรับอากาศ ลดกระจกด้านข้างลง เพื่อรับลมและความเย็นสบายจากธรรมชาติ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ไม่ต้องหมุน “คอมเพรสเซอร์” และช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นถึง 5-10% เลยทีเดียว

การปิดแอร์ขับรถในหนาว ควรทำในนอกเมือง เพราะในเมืองมีแต่ควันพิษ ถ้าหากคุณไม่ชอบลมปะทะหน้า อาจจะปิด A/C (Air Compressor) ของระบบแอร์ เพื่อตัดการทำงานของชุดคอมเพรสเซอร์แอร์ แล้วเปิดแต่พัดลมแอร์ พร้อมกันนี้ปรับสวิทช์การหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร สลับเป็นรับอากาศจากภายนอกเข้าสู่ห้องโดยสาร ที่สามารถรับลมจากภายนอก และช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องโดยสาร ลดลงตามไปด้วยก็ได้

หวังว่าเคล็ดลับดีๆ ที่ทาง CARRO นำมาฝาก เหมาะสำหรับเอาไว้เตรียมตัว และปฏิบัติตอนขับรถในหน้าหนาวนะครับ

ส่วนใครที่อยากขายรถ เพื่อไปซื้อรถคันใหม่มาใช้เร็วๆ นี้ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน