รถอะไรเอ่ย? ที่เป็นรถยนต์ในโครงการ Eco-Car คันแรกของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ….. คนชอบรถจะรู้กันแน่นอน ว่ามันคือ “Mitsubishi Mirage” (มิตซูบิชิ มิราจ) ที่ถือกำเนิดไล่หลังมาคู่กับ Eco-Car ยี่ห้ออื่นๆ และตอนนี้ ก็ยังมีขายในรูปแบบของรถมือหนึ่งอยู่
ต้นกำเนิดของ Mitsubishi Mirage มีมานานแล้ว (ซึ่งเราอาจจะมองได้อีกมุมว่า Mitsubishi ชอบนำชื่อรถรุ่นดั้งเดิม กลับมาใช้ใหม่ในหลายครั้งหลายราว) นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 1978 ในประเทศญี่ปุ่น ผลิตออกมาในรูปแบบ 3 ประตู และ 5 ประตู Hatchback
ที่สำคัญ เคยมีประกอบขายในบ้านเราด้วย ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่ชื่อ “Lancer Colt F” (รุ่น 4 ประตู) และ “Mirage” (5 ประตู) มาพร้อมเกียร์พิเศษ Super Shift บนระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
แต่แล้วชื่อนี้ก็หายไปในไทย (เพราะ Mirage ในรุ่นต่อๆ มา ที่ขายในญี่ปุ่น ได้แชร์ตัวถังร่วมกับ Lancer) … จนกลับมาใหม่ในรูปแบบของรถ Eco-Car
คำว่า “Mirage” (มิราจ) มาจากภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า เงา ความฝัน หรือ ภาพลวงตา โดย Mirage ในรูปแบบ Eco-Car ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่ “สืบทอด” คุณสมบัติเด่นๆ ตั้งแต่มิราจรุ่นแรก คือ สมรรถนะเยี่ยม และฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน แม้จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กก็ตาม
ความเป็นมาของ Mitsubishi Mirage มือสองในบ้านเรา จะเป็นอย่างไรบ้าง MR.CARRO จะเล่าให้ฟัง …
ขอย้อนไปปี 2551 … มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยื่นเรื่องขอรับการสนับสนุนการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย ก่อนจะได้รับการอนุมัติแบบการผลิตจากกระทรวงอุตสาหกรรม และผ่านการพิจารณาอนุมัติการผลิตอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ โดยผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล
ด้วยงบประมาณการลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท และผลิต ณ โรงงานใหม่แห่งที่ 3 ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
ช่วงปลายปี 2554 ที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้ทำการเผยโฉม “Mitsubishi Global Small Concept” หรือว่า “อีโคคาร์” คันต้นแบบในไทย และเตรียมผลิตในไทยเป็นที่แรกในโลก จากแนวคิด “กะทัดรัด” “สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ประหยัดน้ำมัน” ถูกพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ระบบ Mitsubishi Motors Development System (MMDS) ที่เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2554
และแล้ว … ในวันที่ 20 มีนาคม 2555 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว “Mitsubishi Mirage” อย่างเป็นทางการ … ซึ่งตอนนั้น ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบาย “รถยนต์คันแรก” ของรัฐบาล ได้รับสิทธิ์คืนเงินภาษีสูงสุดถึงประมาณ 79,000 บาท ในเวลานั้น และยังดึงเอานักร้องชื่อดังอย่าง คุณ-นิชคุณ หรเวชกุล มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณารถรุ่นนี้อีกด้วย …
มิราจ โดดเด่นด้วยหน้าตาที่น่ารัก ลู่ลม ง่ายต่อการขับขี่ตามแบบของรถยนต์ขนาดเล็ก มาพร้อมยางลดแรงต้านทาน ประกอบกับและเทคโนโลยีการลดน้ำหนักของตัวรถ โครงสร้างตัวถังแบบ RISE Body ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารภายใน กว้างขวาง นั่งได้ถึง 5 คน แผงคอนโซลออกแบบได้สวยงาม มีที่วางแก้ว ที่เก็บของ ตามจุดต่างๆ รอบคัน เบาะนั่งหลังสามารถพับแบบ 60:40 ได้ (ยกเว้นรุ่น GL) นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง ปุ่ม Start เครื่องยนต์ (ในรุ่น GLS-Ltd.) ชุดวิทยุ CD MP3 DVD จอภาพแบบ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบ (Navigator และช่อง USB ในขณะที่รุ่น GLX และ GLS มาพร้อมวิทยุ CD MP3 พร้อมช่อง AUX-in และช่อง USB … ส่วนรุ่น GL ต้องไปหาซื้อมาติดเอาเอง
สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ “ETACS” (Electronic Time And Alarm Control System) อาทิเช่น กุญแจรีโมทพร้อมระบบควบคุมการพับและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติ หรือไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ใหม่ รหัส 3A92 ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.2 กก.-ม. (100 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Invecs-III CVT รองรับทั้งน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 แก๊สโซฮอล์ 91, 95 และ E20 โดยประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22 กม./ลิตร
มีสีตัวรถให้เลือกถึง 8 สี ได้แก่ …
สีขาวมุก White Pearl (ราคาเพิ่ม 5,000 บาท), สีเหลือง Lemonade Yellow Metallic, สีเขียว Pop Green Metallic, สีแดง Red Metallic, สีฟ้า Cerulean Blue Mica, สีเทาดำ Eisen Gray Mica, สีดำ Pyreness Black Mica และสีเงิน Cool Silver
โฉมแรก มีให้เลือกใน 5 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น Mirage GL MT ราคา 380,000 บาท
รุ่น Mirage GLX MT ราคา 426,000 บาท
รุ่น Mirage GLX AT ราคา 460,000 บาท
รุ่น Mirage GLS AT ราคา 506,000 บาท
รุ่น Mirage GLS Ltd. AT ราคา 546,000 บาท
ต่อมา … ในเดือนกรกฎาคม 2555 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ได้จัดพิธีฉลองการส่งออกรถยนต์ “มิราจ” ไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวมิตซูบิชิ ที่รถยนต์ฝีมือของคนไทย ได้ส่งไปขายยังประเทศต้นกำเนิดของรถรุ่นนี้ …
ในวันที่ 13 มีนาคม 2556 Mitsubishi Mirage ฉลองครบรอบ 1 ปี ในไทย กับยอดขายรวม 49,296 คัน เลยออก Mitsubishi Mirage Bloom Edition เพื่อเฉลิมฉลอง ในราคา 549,000 บาท ส่วนสีขาวมุก ราคา 554,000 บาท
ภายในมาพร้อมเบาะผ้าแบบพรีเมียม พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมการตกแต่งสีเงินแบบ Silver Decoration และสัญลักษณ์ Bloom Edition ที่ประตูท้าย โดยมี 2 สีให้เลือก คือ สีม่วง (Blossom Purple) และสีขาวมุก (White Pearl)
10 กุมภาพันธ์ 2557 Mitsubishi ได้แนะนำชุดตกแต่ง “Hello Kitty” (ฮัลโหล คิตตี้) สำหรับ Mirage เพื่อคนที่ชื่นชอบความน่ารักและสดใส โดยมีชุดตกแต่งให้เลือกทั้งภายนอกและภายใน
สำหรับชุดตกแต่ง Hello Kitty มาพร้อมชุดตกแต่งสติกเกอร์ 6 ชิ้นประกอบด้วย ชุดตกแต่งฝากระโปรงหน้า ประตูข้าง 4 ประตู ประตูท้าย เพิ่มความน่ารักด้วยมือจับประตูด้านนอกสีชมพู ฝาปิดถังน้ำมันลายโบว์สีแดง และ สปอยเลอร์หลังสีชมพู ในขณะที่ชุดตกแต่งภายใน มาพร้อมผ้าคลุมเบาะพิเศษ และแผ่นรองวางของลาย Hello Kitty
11 สิงหาคม 2557 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ปรับโฉม มิตซูบิชิ มิราจ เฉพาะรุ่น GLS Ltd. โดยพร้อมแนวคิด “Make Life More Fun” – สนุกได้มากกว่า ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้โดดเด่นมากขึ้น ด้วยล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และเสาอากาศแบบสั้น
ตกแต่งภายในใหม่ ด้วย Piano Black และพวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มหนังตกแต่งแบบ Silver Decoration พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย แผงระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติตกแต่งโครเมียม และสะดวกสบายยิ่งขึ้นจากการปรับช่องใส่ของอเนกประสงค์ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มช่องเก็บของบริเวณใต้คอพวงมาลัยและราวจับเหนือศรีษะ 3 ตำแหน่ง
โดย Mitsubishi Mirage GLS Ltd. ยังมาพร้อมระบบเครื่องเสียงพร้อม Navigator ใหม่ และจอภาพแบบ Touch Screen รวมไปถึงไฟส่องสว่างห้องสัมภาระ และฐานเกียร์พร้อมไฟแสดงตำแหน่ง เพิ่มความปลอดภัยขึ้นด้วยระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS (Emergency Stop Signal System) เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติคู่ด้านคนขับ และเหล็กกันโคลงด้านหน้า
1 กรกฎาคม 2558 Mitsubishi นำเสนอ “Mirage Pop Japan” เอาใจวัยรุ่น ด้วยชุดแต่งแท้รอบคันจากประเทศญี่ปุ่น (ยกเว้นสปอยเลอร์หลัง) จำนวนจำกัด 200 ชุด เท่านั้น
สำหรับชุดตกแต่งภายนอกประกอบด้วย ชุดตกแต่งชายกันชนหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และสปอยเลอร์หลัง มีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง, สีเขียว, สีฟ้า, สีแดง, สีบรอนซ์เงิน, สีเทาดำ และสีดำ (สปอยเลอร์หลัง มีเฉพาะรุ่น GL และ GLX เท่านั้น และไม่มีสปอยเลอร์หลังสีบรอนซ์เงิน)
6 พฤศจิกายน 2558 Mitsubishi แนะนำชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่ง Mirage ของแท้จากแรลลี่อาร์ต (RalliArt) เอาใจวัยรุ่น ประกอบด้วย สติ๊กเกอร์ติดฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า ด้านข้างรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวา และสัญลักษณ์แรลลี่อาร์ตติดท้ายรถ จะเลือกซื้อเป็นรายชิ้นก็ได้ จำนวนจำกัดเพียง 250 ชุดเท่านั้น
เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก … ในวันที่ 1 ธันวาคม 2558 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว “Mirage ใหม่ : ให้คุณมากกว่าที่คิด” มาพร้อม 3 คุณสมบัติหลัก …
“Stylish” – โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและภายในใหม่ ตามแนวคิด “Spicy Small” และเพิ่มสีมาตรฐานใหม่ 3 สี คือ สีแดง (Red Wine) สีส้ม (Sunrise Orange) สีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey)
“Smart Safety” – ครบครันด้วยระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถอีโค คาร์
“Saving” – ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กม./ลิตร
ปรับโฉมภายนอก ทั้งกระโปรงหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้า-หลัง พร้อมการตกแต่งด้านล่างกระจังหน้าแบบโครเมียม และไฟท้ายแบบ LED โดยในรุ่น GLS-LTD และ GLS มีการติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon HID ไฟหรี่แบบสเปคตรัม LED ไฟตัดหมอกหน้า และสปอยเลอร์หลังแบบใหม่พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED รวมทั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว แบบทูโทน ลายใหม่
ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ แบบ Piano Black บริเวณแผงคอนโซลหน้า ฐานเกียร์ และแผงประตู โดยในรุ่น GLS-LTD และ GLS มาพร้อมเบาะผ้าสีดำลายใหม่เย็บด้ายสีเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ออกแบบใหม่ ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมผสมผสานกับวัสดุสีดำแบบ Piano Black และมาตรวัดการขับขี่แบบ Semi-High Contrast (ยกเว้นรุ่น GL) รวมทั้งเพิ่มฟังก์ชั่นที่สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยมาพร้อมระบบควบคุมการสั่งงานด้วยเสียงและปุ่มรับสาย-วางสายที่พวงมาลัย ในรุ่น GLS และ GLX
ในรุ่น GLS-LTD และ GLS มีการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ถือเป็นครั้งแรก ในอีโคคาร์ นั่นคือ …
– ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) (FCM-LS : Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range)
– ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) (RMS-Forward : Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward)
พร้อมติดตั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC-Active Stability Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA-Hill Start Assist System), ระบบเบรก ABS (ABS-Anti Lock Braking System) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรก (BA-Brake Assist)
ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่งซึ่งในรุ่น GLS-LTD และ GLS เป็นแบบ 2 ทิศทาง (ด้านคนขับ)
VIDEO
มีให้เลือกใน 5 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น Mirage GL MT ราคา 383,000 บาท
รุ่น Mirage GLX MT ราคา 439,000 บาท
รุ่น Mirage GLX AT ราคา 473,000 บาท
รุ่น Mirage GLS AT ราคา 539,000 บาท
รุ่น Mirage GLS-LTD AT ราคา 567,000 บาท
ล่วงมาจนถึง 13 สิงหาคม 2562 Mitsubishi Mirage เปิดตัวรุ่นพิเศษ Limited Edition อีกรอบ พัฒนาจากรุ่นย่อยยอดนิยม GLX CVT โดยได้ยกระดับตกแต่งพิเศษ ด้วยกระจกมองข้างสีดำ ปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, เสาประตูสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, ล้อแม็กสีดำขนาด 15 นิ้ว และแผงครอบตกแต่งบริเวณกันชนหลัง กับปลายท่อไอเสียโครเมียม
ส่วนภายในตกแต่งพิเศษ กับ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมเดินด้ายสีแดง ตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black และโครเมียม และหัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมเดินด้ายสีแดง อีกทั้งเบาะผ้าแบบสปอร์ตสีดำ-แดง พร้อมเดินด้ายสีแดง ในราคา 520,000 บาท
ต่อมาในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 Mitsubishi ได้ปรับโฉมใหญ่ให้กับ Mirage กันอีกรอบ เสริมความหรูหราขึ้น
ภายนอกมาพร้อม 2 สีใหม่ ได้แก่ สีขาว White Diamond และสะดุดตามากขึ้นด้วย สีเหลือง Sand Yellow กับกระจังหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield แบบรถรุ่นอื่นๆ ของ Mitsubishi, ฝากระโปรงหน้าใหม่, กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสีแดง, กันชนหน้าใหม่, ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟ Daylight Running Light, ชุดไฟตัดหมอกแบบใหม่, ไฟท้ายแบบ LED, สปอยเลอร์หลังแบบใหม่ และล้อแม็กลายใหม่ขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยลายคาร์บอน, เพิ่มจอแสดงข้อมูลการขับแบบ High Contrast, เบาะลายใหม่วัสดุหนังสังเคราะห์ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนจอแสดงผลส่วนกลางด้วยระบบ Smartphone – Link Display Audio (SDA) กับจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay ระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri พร้อมระบบ Bluetooth, ระบบ Cruise Control (ในรุ่นย่อย GLS-LTD), แอร์อัตโนมัติ, กุญแจอัจฉริยะ KOS, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และกล้องหลังช่วยถอยจอด
ส่วนระบบระบบความปลอดภัยจัดเต็ม อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM-LS, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า RMS-Forward, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TCL, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบเบรค ABS-EBD-BA และระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
รุ่นย่อยเหลือให้เลือกด้วยกันเพียง 4 แบบ นั่นคือ
รุ่น Mirage GLX MT ราคา 474,000 บาท
รุ่น Mirage GLX CVT ราคา 509,000 บาท
รุ่น Mirage GLS CVT ราคา 574,000 บาท
รุ่น Mirage GLS-LTD CVT ราคา 619,000 บาท
ทัศนะความคุ้มค่าน่าใช้ โดย MR.CARRO
ความคุ้มค่าตอนซื้อ
Mitsubishi Mirage เป็นรถมือสองที่ยังน่าซื้อน่าใช้ และมียังขายในแบบรถป้ายแดงด้วย รูปทรงน่ารัก
ความคุ้มค่าตอนใช้งาน
สมรรถนะดี อัตราเร่งดี วงเลี้ยวแคบ จอดได้ง่าย คุณภาพคับแก้ว อะไหล่หาง่าย ประหยัดน้ำมัน ของแต่งมีให้เลือกเยอะ ห้องโดยสารภายในกว้างขวาง แต่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร อาจจะยังไม่ดีนัก และเครื่องยนต์ 3 สูบ เมื่อใช้งานไปนานๆ จะรู้สึกถึงอาการสั่นที่ค่อนข้างมากหน่อย
ช่วงล่างถือว่านิ่ม ไม่แข็งกระด้าง เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองมากกว่า หรือจะใช้งานในต่างจังหวัดก็ได้เช่นกัน แต่วิ่งเร็วๆ ต้องระวังร่อน ควรเสริมด้วยยางที่หน้ายางกว้างขึ้น หรือเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่
ความคุ้มค่าตอนซ่อม
ต้องยอมรับว่า ค่าบำรุงรักษา ตรวจเช็คระยะของ Mitsubishi ถูกกว่าในอดีตมาก รุ่นนี้ก็เช่นกัน เก็บเงินไว้ดูแลปีละ 5,000 – 10,000 บาท ก็เพียงพอ แล้วก็ตรวจเปลี่ยน ซ่อมไปเป็นอย่างๆ
คุ้มค่าตอนขายต่อ
ราคาในตลาดรถมือสอง ปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 120,000 – 450,000 บาท (ขึ้นอยู่กับปีรถ รุ่นย่อย และสภาพของตัวรถ)
และสำหรับใครที่กำลังสนใจรถ Mitsubishi Mirage รุ่นนี้อยู่ สามารถคลิกเข้าไปดูต่อได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/Mitsubishi-Mirage ได้เลยครับผม
ส่วนใครที่อยากขายรถ หรือมีเพื่อนฝูงกำลังหาที่ขายรถอยู่ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็คราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425
หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —>
(บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์)
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก