เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

หากใครที่เคยติดตามอ่านบทความต่างๆ ของ Carro (คาร์โร) เกี่ยวกับการแนะนำรถมือสองมาก่อนหน้า ก็จะเห็นได้ว่าเรามักให้ความสำคัญกับการดูรถมือสอง ที่รถต้องได้รับการตรวจสภาพโดยละเอียดมาเป็นอันดับแรกเสมอ เพื่อที่คุณจะได้เลือกรถคันที่สภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานที่สุด และไม่ก่อให้เกิดปัญหาจุกจิก หลังจากที่ซื้อรถมือสองคันที่ใช่ของคุณมาแล้ว

ส่วนถ้าหากใครไม่มีความเชี่ยวชาญพอ หรือไม่มีความรู้ในการดูรถยนต์มือสอง การให้ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ ตรวจสภาพรถให้ หรือเลือกรถคันที่มีสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานและส่งมอบให้คุณเลือก ก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในยุค New Normal เช่นกัน

โดยการซื้อรถมือสองจาก Carro ต้องขอบอกก่อนเลยว่าพิเศษมากๆ เนื่องจากรถยนต์ที่จำหน่ายโดย Carro ได้รับการตรวจสภาพรถจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน “ทุกคัน” มากถึง 160 จุด! ซึ่งทาง Carro ยินดีรับประกันสภาพเครื่องยนต์และเกียร์ให้ถึง 1 ปีเต็ม พร้อมทั้งยินดีคืนเงินภายใน 5 วัน และรับประกันคาร์โรไม่กรอไมล์ ไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม คุณจึงอุ่นใจได้ว่า ซื้อรถจากทาง Carro ไป มั่นใจ สภาพรถดีเยี่ยมแน่นอน

สำหรับ Carro เราตรวจสภาพรถ 160 จุด อย่างไร และจุดใดบ้างนั้น มาดูตามขั้นตอนด้านล่างได้เลยครับ …

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

สภาพภายนอกรถ

  • ตรวจสอบสภาพตัวถังรถโดยรวม เริ่มตั้งแต่สภาพสีรถยนต์ตามจุดต่างๆ ด้วยการใช้เครื่องมือวัดความหนาของสีรถบนตัวถัง ว่ามีความต่างกันหรือไม่ หรือมีจุดใดเคยทำสีมาแล้วบ้าง ตรวจดูรอยลักยิ้ม รอบบุบ ครูด ว่ามีหรือไม่ ส่วนบริเวณกันชนหน้า-หลัง ฝากระโปรงหน้า ประตูทุกบาน ฝากระโปรงท้าย มีช่องไฟที่เสมอกันหรือไม่ รวมไปถึงบริเวณเส้นข้างตัวรถ เป็นต้น
  • ตรวจสอบตามตะเข็บต่างๆ รอยปั๊ม รอยอาร์ค ทั้งในบริเวณด้านในห้องเครื่อง, ด้านในประตูของแต่ละบาน หรือแม้แต่ฝากระบะท้ายก็ตาม

ตัวถัง และ กันชน

  • ขอบยางประตูรถยนต์ (ทุกบาน)
  • ที่เปิดประตูรถยนต์
  • กันชนหน้า
  • บังโคลนหน้า (ซ้าย)
  • ประตูหน้า (ขวา)
  • แผงประตูหน้า (ขวา)
  • ประตูหน้า (ซ้าย)
  • แผงประตูหน้า (ซ้าย)
  • ฝากระโปรงหน้า, แผ่นกันความร้อน, และค้ำฝากระโปรง
  • บังโคลนหน้า (ขวา)
  • ฝากระโปรงหลัง
  • บังโคลนหลังขวา
  • บังโคลนหลังซ้าย
  • กันชนท้าย
  • ประตูหลัง (ขวา)
  • แผงประตูหลัง (ขวา)
  • ประตููหลัง (ซ้าย)
  • แผงประตูหลัง (ซ้าย)
  • สเกิร์ตข้าง (ซ้าย)
  • สเกิร์ตข้าง (ขวา)
  • สภาพตัวถังโดยรวม

ฝากระโปรง และ ตะแกรง

  • กระจังหน้ารถ
  • ซ้นรูฟ / มูนรูฟ
  • เปิดประทุน
  • ระบบการเปิดฝากระโปรงหน้า

กระจก และ หน้าต่าง

  • กระจกบังลมหน้า
  • กระจกบังลมหลัง
  • กระจกประตูหน้า (ซ้าย)
  • กระจกประตูหน้า (ขวา)
  • กระจกประตูหลัง (ขวา)
  • กระจกประตูหลัง (ซ้าย)
  • กระจกมุมหลัง (ซ้าย)
  • กระจกมุมหลัง (ขวา)
  • สวิตซ์ปัดน้ำฝนหลัง
  • สวิตซ์ปัดน้ำฝนกระจกหน้า
  • ใบปัดน้ำฝนด้านหน้าและด้านหลัง
  • ชุดควบคุมกระจกไฟฟ้า
  • กระจกมองข้างด้านซ้าย
  • กระจกมองข้างด้านขวา
  • กระจกมองหลัง
  • ที่บังแดดด้านหน้า, กระจกส่องหน้า และ ไฟส่องสว่าง

ไฟภายนอก

  • ไฟหน้า (ซ้าย)
  • ไฟหน้า (ขวา)
  • ไฟข้างรถ
  • ไฟท้าย (ซ้าย)
  • ไฟท้าย (ขวา)
  • ไฟฉุกเฉิน
  • ไฟสัญญาณเตือน
  • ระบบไฟตัดหมอก
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ระบบปรับไฟ สูง/ต่ำ
  • ระบบไฟ เปิด/ปิด อัตโนมัติ

ชุดล้อ

  • ยางอะไหล่
  • เครื่องมือแม่แรง
  • ขอบล้อ
  • ศูนย์ล้อ
  • ฝาครอบล้อแม๊ก และครอบดุมล้อ

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

สภาพภายในรถ

  • ตรวจสอบสภาพแผงคอนโซล แผงข้างประตูด้านในรถ ฝาครอบชุดสวิทช์กระจกไฟฟ้า และแผงคอนโซลกลาง ตรวจเช็คหมุดยึดต่างๆ มีงานประกอบที่เรียบร้อยตามแบบโรงงาน หรือมีร่องรอยการถอด งัด รอยขีดข่วน หรือทำสีใหม่หรือไม่ พร้อมเช็คฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถ ว่าทำงานได้ครบถ้วนหรือไม่
  • เคยติดแก๊ส LPG/NGV มาหรือไม่ โดยตรวจสอบจากด้านท้าย ว่าเคยมีรอยเจาะที่พื้นรถ พื้นยางอะไหล่รถ ว่าเคยเดินท่อมาหรือไม่ รวมถึงท่อทางเดินต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์

เครื่องเสียง และ ระบบสัญญาณเตือน

  • ระบบเครื่องเล่นและวิทยุ
  • ลำโพง
  • สัญญาณกันขโมย
  • กล้องถอยหลัง
  • เสาอากาศ

ระบบปรับอากาศ และ ระบบทำความเย็น

  • แผงควบคุมระบบแอร์
  • ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบแอร์
  • การทำงานของระบบทำความเย็น
  • ช่องแอร์ด้านหน้า
  • ช่องแอร์ด้านหลัง
  • การทำงานของระบบไล่ฝ้า
  • ชุดพักแขนกลางและคอนโซลกลาง

พรมรองพื้น ปูพื้น แผงและเบาะ

  • พรมหรือแผ่นยางรองพื้น
  • พรมในห้องโดยสาร
  • แผงประตูหน้า (ขวา)
  • แผงประตูหน้า (ซ้าย)
  • แผงประตูหลัง (ขวา)
  • แผงประตูหลัง (ซ้าย)
  • แผงครอบเสา A (ขวา)
  • แผงครอบเสา A (ซ้าย)
  • แผงครอบเสากลาง (ขวา)
  • แผงครอบเสากลาง (ซ้าย)
  • แผงครอบเสา C (ขวา)
  • แผงครอบเสา C (ซ้าย)
  • ช่องเก็บของด้านหน้า
  • ช่องเก็บของด้านหน้า
  • เบาะหน้ารวมถึงเบาะไฟฟ้า
  • เบาะหลังรวมถึงเบาะไฟฟ้า
  • เบาะพับ
  • ปรับเบาะอุ่น
  • ปรับเบาะเย็น
  • เบาะ และ พนักพิงศีรษะ
  • ผ้าหลังคา
  • แผงบังสัมภาระ, แผงลำโพงหลัง

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ (ภายใน)

  • นาฬิกา
  • ช่องจ่ายไฟ – 12V / ที่เขี่ยบุหรี่
  • ช่องจ่ายไฟ – USB Port / ที่เขี่ยบุหรี่
  • พวงมาลัยเพาเวอร์
  • ชุดควบคุมบนพวงมาลัย
  • สภาพพวงมาลัย
  • การปรับระดับของพวงมาลัย
  • การวัดเลขระยะไมล์
  • ไฟหลังคา, ไฟกลางและไฟส่องแผนที่
  • ที่เขี่ยบุหรี่
  • ชุดเบรคมือ
  • หัวเกียร์
  • แตร
  • ไฟสัญญาณเตือน
  • ระบบครูซคอนโทรล
  • ระบบความจำสถานะผู้ขับขี่
  • แผงควบคุมคอลโซล
  • ระบบ Paddle Shift

ความปลอดภัย

  • เข็มขัดนิรภัย
  • ถุงลมนิรภัย

ระบบล็อค และ แผงควบคุม

  • ระบบเซ็นทรัลล็อค
  • รีโมตเปิดท้ายรถ
  • ระบบปุ่มกดสตาร์ท
  • ฝาถังน้ำมัน

ช่องเก็บสัมภาระ

  • ไฟส่องสัมภาระด้านท้าย
  • แผงครอบสัมภาระด้านท้าย
  • ถาดท้าย

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ช่วงล่าง

  • วิเคราะห์สภาพช่วงล่าง ปีกนก แขนต่างๆ ลูกหมาก โช๊คอัพ สปริง ยางเบ้าโช๊ค อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีจุดรั่วซึม หรือยุบหรือไม่ ทั้ง 4 ล้อ
  • สภาพยางรถยนต์ ความหนาของดอกยาง สภาพเนื้อยาง มีร่องรอยบาดบวม แตกตำหรือไม่
  • สภาพความหนาของชุดจานเบรก ความหนาของผ้าเบรก สภาพท่ออ่อนเบรกทั้ง 4 ล้อ รวมไปถึงกระปุกน้ำมันเบรก

ของเหลว

  • น้ำมันเบรก
  • น้ำมันเกียร์
  • การรั่วซึมของน้ำมันเกียร์
  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์
  • น้ำยากระปุกฉีดกระจกหน้า
  • น้ำมันเครื่อง
  • การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง

ระบบหล่อเย็น

  • กระปุกพักน้ำหล่อเย็น
  • น้ำยาหล่อเย็น
  • หม้อน้ำ

ระบบไฟฟ้า

  • สายไฟและกล่องฟิวส์
  • ฝาครอบเครื่องยนต์
  • แบตเตอรี่

ระบบไอเสีย

  • ระบบไอเสีย

ช่วงล่าง

  • ระบบปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์
  • แร็คพวงมาลัย, กันโคลงและยางหุ้ม
  • ระบบคันชักคันส่ง
  • ปีกนกและลูกหมากปลายแร็ค
  • เหล็กกันโคลง

ยาง

  • ยางหน้า (ซ้าย)
  • ยางหน้า (ขวา)
  • ยางหลัง (ซ้าย)
  • ยางหลัง (ขวา)

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ห้องเครื่องยนต์

  • สภาพห้องเครื่องยนต์ สภาพคานหน้าของเดิมหรือไม่ หรือร่องรอยการงัด หรือตอก เปลี่ยน แผ่นแสดงรายละเอียดรถ หรือไม่ หรือมีการทำสีในจุดที่ไม่ควรทำสีหรือไม่ พร้อมตรวจสอบรอยตะเข็บต่างๆ หรือรูระบายน้ำ มีถูกปิดหรือทำสีทับไปหรือไม่
  • ทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ ต้องเดินเรียบ นิ่ง ได้มาตรฐานใกล้เคียงกับรถใหม่ บิดกุญแจแล้วต้องสตาร์ทติดทันที
  • ตรวจเช็คระบบไฟภายในรถ ฟิวส์ต่างๆ จากเครื่องวัด
  • ระบบแอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ แผงคอนเดนเซอร์ ตู้แอร์ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ พร้อมเช็ครั่ว เช็คน้ำยาแอร์
  • สภาพชุดสายพานต่างๆ ทั้งสายพานไทม์มิ่ง สายพานแอร์ สายพานพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) และสายพานเครื่องยนต์ เป็นต้น
  • ชุดกล้องมองถอยหลัง กล้องหน้ารถ เซ็นเตอร์เปิด-ปิด ฝากระโปรงท้าย
  • ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันคลัทช์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) และน้ำมันเฟืองท้าย
  • สภาพหม้อน้ำ น้ำยาหล่อเย็น หม้อพักน้ำ และแบตเตอรี่รถยนต์
  • สภาพใบปัดน้ำฝน มอเตอร์ปัดน้ำฝน ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ที่ฉีดน้ำไฟหน้า มอเตอร์ปัดน้ำฝน สภาพพร้อมใช้งานหรือไม่

เอกสารของรถ

  • ตรวจดูคู่มือรถ, Book Service สมุด/คูปอง เข้ารับบริการจากผู้ผลิต, คู่มือรับประกันระบบแอร์รถยนต์, เอกสารประกันภัย, พรบ. และเล่มทะเบียนรถ เพื่อประเมินว่าเจ้าของรถคนเดิม ดูแลรถมาอย่างไรบ้าง พร้อมตรวจสอบเลขไมล์รถยนต์ว่ามีกรอไมล์มาหรือไม่

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ทดสอบขับขี่บนถนน

การนำรถออกไปทดลองขับ พร้อมตรวจสอบสภาพรถ ด้วยการทดลองฟังเสียงดูว่ามีเสียงยุกยิก เสียงดัง จากจุดใดจุดหนึ่งหรือไม่ การตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ช่วงล่าง พวงมาลัย หรือมีความผิดปกติอะไรของตัวรถหรือไม่ ทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง

เครื่องยนต์

  • การสตาร์ทของเครื่องยนต์
  • เสียงผิดปกติในขณะเครื่องยนต์ทำงาน
  • การทำงานขณะรอบเดินเบา
  • อัตราเร่งของเครื่องยนต์
  • สายพานเครื่องยนต์
  • ยางแท่นเครื่องและเกียร์

ช่วงล่างและระบบกันสะเทือน

  • ความหนาของผ้าเบรก
  • แป้นเบรก
  • ระบบเบรก และ ท่อระบบเบรก
  • ระบบกันสะเทือนและโช๊ค
  • ระบบบังคับเลี้ยว
  • เสียงช่วงล่าง
  • ชุดเกียร์

ชุดคลัตช์และระบบส่งกำลัง

  • การทำงานของคลัตช์
  • ระบบเกจ์วัดและแผงหน้าปัด
  • การเปลี่ยนเกียร์สามารถทำงานได้อย่างปกติ
  • เสียงผิดปกติจากการทำงานของชุดเกียร์และระบบขับเคลื่อน
  • ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • การทำงานของเพลาขับและชุดส่งกำลัง

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

การตรวจสภาพโดยรวม

  • รถไม่มีอุบัติเหตุหนัก
  • รถไม่มีไฟไหม้
  • รถไม่มีรอยน้ำท่วม

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ เราขอย้ำอีกครั้งว่า Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และอุ่นใจไปอีกขั้น เพราะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ทั้งคัน 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

Car-Pawn-For-Sale

รถหลุดจำนำ ราคาถู้กถูก แต่ขับแล้ว ไม่รู้จะโดนตำรวจจับเมื่อไหร่!!!

Car-Pawn-For-Sale

“รถหลุดจำนำ” ที่หลายต่อหลายคน เห็นมีการประกาศลงขายในกลุ่ม Facebook มากมายนั้น ราคามันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน! กับรถที่สภาพยังดูใหม่ บางคันมีเอกสารด้วย แต่ประกาศขาย ในราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ!!!

ใช่ครับ แต่ … เพราะถ้ารถโอนได้ปกติ ราคาขายคงไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ ขนาดรถย้อมแมว หรือรถอุบัติเหตุมาทำใหม่ ยังขายไม่ได้ราคาแบบนี้เลย

เรามารู้กันดีกว่าครับว่า รถหลุดจำนำ คือรถอะไร ประเภทไหน และถูกกฎหมายหรือไม่ …

Car-Pawn-For-Sale

รถหลุดจำนำ คือ รถที่เจ้าของรถมีปัญหาด้านการเงิน จึงเอารถไปจำนำกับคนที่รับจำนำ หรือปล่อยตามบ่อน โดยทำสัญญากันเพียงแค่โอนลอย และต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไถ่ถอนคืนได้ทั้งหมด เหมือนเราเอาของไปเข้าโรงรับจำนำนั่นล่ะครับ พอเจ้าของรถไม่มาไถ่ถอนตามเวลาที่กำหนด รถยนต์คันนั้นจะกลายเป็นรถหลุดจำนำทันที พ่อค้าที่จำนำรถไว้ก็เอารถมาขายทอดตลาดอีกที

หรือ รถหลุดจำนำชื่อบุคคล มีเอกสารหน้าเล่ม กับสัญญารับจำนำ หรือ รถที่ถูกขโมยมา

คนที่ซื้อรถหลุดจำนำมาใช้ จะเรียกได้ว่า เป็นรถที่ผิดกฎหมายก็ไม่เชิง คือสามารถซื้อได้ขายได้ แต่แทบจะร้อยทั้งร้อย ไม่สามารถโอนได้ แม้ว่าพ่อค้าจะรับจำนำรถที่มีเอกสารถูกต้อง

Car-Pawn-For-Sale

โดยหลักแล้ว รถหลุดจำนำ จะมีเอกสารดังกล่าวนี้

  • สำเนาหน้าเล่มทะเบียนรถยนต์
  • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
  • สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรถ
  • เอกสารโอนลอยรถยนต์ (เจ้าของรถเซ็นชื่อไว้เรียบร้อย)
  • เอกสารมอบอำนาจ (เจ้าของรถเซ็นชื่อไว้เรียบร้อย)

Car-Pawn-For-Sale

เพราะรถหลุดจำนำรถส่วนใหญ่ มัก “ติดไฟแนนซ์” ยังผ่อนไม่หมด กรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถ (ในเล่มทะเบียน) ก็ยังเป็นของไฟแนนซ์อยู่ การต่อ พ.ร.บ. หรือการทำประกันภัยต่างๆ ก็คงไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะมีแค่รถ และกุญแจที่เป็นของเราเท่านั้น โดยกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าของรถและชื่อผู้ครอบครองยังเป็นของเจ้าของคนเดิมอยู่

บางคันแจ๊คพอต ดันเป็นรถที่ถูกขโมยมา หรือนำซากรถมาสวมทะเบียน เพื่อให้ตามจับได้ยาก โดยใช้รถที่มีสี รุ่น และปีเดียวกัน มาสวมทะเบียน และมีการดัดแปลงเลขตัวถังให้ตรงกัน เอาทะเบียนรถคันอื่นมาสวม ดังที่เป็นข่าวเรื่อง “รถฝาแฝด” อยู่บ่อยๆ นั่นล่ะครับ

Car-Pawn-For-Sale

รถฝาแฝด รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน และทะเบียนเหมือนกัน!

คนที่ซื้อรถหลุดจำนำไป ก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้ครับ เพราะเหมือนเอาของที่ยังผ่อนไม่หมดไปขายต่อ ถ้าไฟแนนซ์และตำรวจตามรถจนเจอ ก็จะโดนยึดรถ ถ้ามีการฟ้องร้อง หรือมีคนแจ้งรถหายไว้ (ในกรณีที่เป็นรถถูกขโมยมา) คนที่ซื้อไป อาจจะโดนข้อหารับของโจรไปอีกกระทง

และยังเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นที่ขายรถพวกนี้ รู้กันกับคนมีสีไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว อาจถูกตำรวจไปตามยึดรถ หลังจากซื้อมาขับเพียงไม่กี่เดือน พร้อมข่มขู่เอาเงินคุณก็ได้ หากคุณไม่ยอมก็จะถูกจับดำเนินคดี จนต้องยอมจ่ายไป

Car-Pawn-For-Sale

รถฝาแฝด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือเรื่องจริง!

ทางที่ดี อย่าไปเล่นเลยครับรถประเภทนี้ ถึงจะราคาถูกมากๆ ก็เถอะ ได้ไม่คุ้มเสียหรอกครับท่าน

ซื้อรถทั้งที เราควรจะวางแผนทางการเงินดีๆ มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย เหลือเก็บใช้หนี้ (แบบที่คุณน้าวีระ ธีรภัทร ชอบพูดในรายการวิทยุบ่อยๆ นั่นละครับ) ซื้อรถที่มีเอกสาร มีเล่มทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือรถมือสอง ก็ตาม …

ถ้าคุณอยากซื้อ-ขายรถแบบปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องรถหลุดจำนำ CARRO เรารับซื้อรถของคุณ สามารถเข้าไปเช็กราคา ตีราคาขายรถก่อนได้ โดยใส่ข้อมูลรถของคุณที่นี่เลย กับ CARRO Express > https://th.carro.co/sell-car/express หรือโทร. 02-508-8425

หรือใครจะ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือสะดวก Add Line ก็ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ครับ —> เพิ่มเพื่อน

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สวพ.91

3 สิ่ง ที่ผู้ซื้อห้ามพลาด เมื่อจะไปซื้อรถมือสอง รู้ไว้! จะได้ไม่โดนหลอก

เชื่อว่าทุกคนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงรถยนต์มือสองต้องเคยได้ยินปัญหาประเภท “รถสวมทะเบียน” “รถย้อมแมว” “รถตัดต่อ” หรือกรณีเลวร้ายสุดๆ อย่าง “รถขโมยมาขาย” มาก่อนแน่นอน ซึ่งใครที่ต้องประสบเหตุการณ์ทำนองนี้เข้ากับตัวเองก็คงเจ็บปวดใจไปตามๆ กัน เสียทั้งทรัพย์ ทั้งความรู้สึก แถมดีไม่ดียังต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาลอีกด้วย เพราะเหตุนี้เอง ภาพลักษณ์ของวงการรถมือสองจึงยังคงติดลบในสายตาของคนไทยจำนวนมาก ทั้งที่ผู้ประกอบการดีๆ ก็มีอยู่มากมาย

แต่เดี๋ยวนี้ช่องทางในการซื้อรถยนต์มือสองมีเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่วิธีการดั้งเดิมที่ใช้กันมาตลอดก็คือ การซื้อจากคนขายโดยตรง หรือเลือกซื้อจากเต็นท์รถมือสองทั่วไป

ทางทีมงาน CARRO Thailand ได้ให้ความเห็นว่า “ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 80% เลือกหาข้อมูลรถมือสองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผ่านเว็บไซต์รถมือสองทั่วๆ ไป ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่ทาง CARRO และ CARRO Automall ได้ให้ความสำคัญกับบริการที่แตกต่างจากเว็บไซต์รถยนต์ทั่วไป เพื่อให้ผู้ที่สนใจซื้อรถมือสอง ได้มีโอกาสได้ตรวจสอบความมั่นใจในด้านต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกหารถแต่ละคัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าเว็บไซต์รถมือสองเจ้าอื่นๆ”

ดังนั้น CARRO ขอแนะนำให้ตรวจสอบเบื้องต้น 3 อย่างใหญ่ๆ คือ คนขาย, เล่มทะเบียน, สภาพรถยนต์ ที่หลายคนอาจมองข้ามไปก่อนการซื้อรถมือสองซักคัน ดังนี้

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

1. เช็คคนขาย

การเช็คคนขายแบบง่ายๆ เลยก็คือ ผู้ขายรถมือสองให้กับคุณอย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อนี้

1.1 มีตัวตนจริง และเป็นเจ้าของรถตัวจริง
ซึ่งในจุดนี้ต้องมีหลักฐานยืนยัน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน (หรือสำเนาบัตรประชาชน ที่มีการเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง กำกับว่าใช้ในกิจธุระใด) และสมุดเล่มทะเบียนรถ ซึ่งชื่อที่ปรากฎอยู่บนเล่มทะเบียนว่าเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์รถเป็นคนล่าสุด จะต้องมีชื่อตรงกับในบัตรประชาชน

1.2 มีช่องทางที่สามารถติดต่อกับผู้ขายได้อย่างสะดวก
การติดต่อกับผู้ขายนั้นต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการตกลงซื้อขาย หรือแม้แต่เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อและโอนไปแล้วก็ตาม จงตระหนักว่าคุณไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากซื้อรถยนต์ใช้แล้วมาขับขี่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง ฉะนั้นจึงไม่ควรนิ่งนอนใจกับข้อมูลส่วนนี้

ด้วยเหตุนี้ ทาง CARRO Automall จึงพร้อมมอบความมั่นใจให้คุณด้วยการรับประกันคุณภาพรถถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร ทันที! พร้อมการันตีความพึงพอใจ คืนรถได้ภายใน 5 วันอีกด้วย!

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

2. เช็คเล่มทะเบียนรถ

ก่อนจะเช็คเล่มทะเบียน อยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า เล่มทะเบียนรถให้ข้อมูลอะไรกับคุณได้บ้าง ข้อมูลบนเล่มทะเบียนแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 

1. รายการจดทะเบียน ทำให้ทราบว่ารถจดทะเบียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไหน ให้ข้อมูลพื้นฐานของรถ (ยี่ห้อ/รุ่น/รุ่นย่อย/ปี/สี/เครื่องยนต์/เชื้อเพลิง ฯลฯ) รวมถึงข้อมูลเฉพาะอย่างเลขเครื่อง และเลขตัวถังด้วย 

2. เจ้าของรถ จะบอกได้ว่าใครเคยถือกรรมสิทธิ์รถคันนี้บ้างตามลำดับ 

3. รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ (มักจะอยู่ที่หน้า 18 ของเล่มทะเบียน) เป็นส่วนที่ทำให้รู้ว่ารถมีที่มาที่ไปอย่างไร และผ่านอะไรมาบ้าง เช่น จดทะเบียนที่จังหวัดไหน เป็นรถจดประกอบหรือไม่ เคยเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง เปลี่ยนสี ติดแก๊ส ฯลฯ หรือไม่ เป็นต้น

ส่วนการตรวจสอบเล่มทะเบียนอย่างละเอียดด้วยตัวเอง มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

2.1 เช็คข้อมูลในรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ก่อน ว่าตรงกับสิ่งที่คนขายบอกคุณหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ขอเตือนไว้เลยว่า “อันตราย” แล้ว โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ อย่างการเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสี

2.2 หากรถคันนั้นมีประวัติการแจ้งจอด หรือเล่มเก่าชำรุด/สูญหาย ขอให้ขีดเส้นใต้ไว้ในใจเลยว่ามีความไม่ชอบมาพากล (แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะถูกหลอกเสมอไปหรอกนะ) โดยเฉพาะรถที่เคยแจ้งจอด ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงว่ารถอาจมีปัญหาจนเจ้าของเดิมซ่อมไม่ไหว รวมถึงรถอาจไม่ได้รับการดูแล และการซ่อมบำรุง เพราะไม่ได้ถูกใช้งาน

ส่วนกรณีที่ผู้ขายเคยขอเล่มทะเบียนใหม่ เพราะเล่มเก่าชำรุด/สูญหายนั้น แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่ผู้ซื้อรถยนต์มือสองทุกคนควรรอบคอบไว้ก่อน หากชอบรถคันนั้นมากก็ควรไปโอนที่กรมขนส่งให้ถูกต้อง ทางที่ดีอย่าเพิ่งโอนเงินให้คนขายจนกว่ากระบวนการโอนรถจะสิ้นสุด

2.3 เช็คในหน้าเจ้าของรถ ส่วนนี้จะบอกลำดับผู้ถือกรรมสิทธิ์เรียงจากเก่าไปใหม่ตามวันที่ครอบครองรถ ทำให้ได้รู้ว่ารถผ่านมาอย่างน้อยกี่มือแล้ว และเคยเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารหรือไม่ นอกจากนี้บางคนอาจจะมีเงื่อนไขของตัวเอง เช่น ไม่ชอบรถที่วัยรุ่นขับเพราะไม่ค่อยถนอมรถ เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบตรงส่วนนี้ได้

2.4 ตรวจสอบในหน้ารายการจดทะเบียน ควรเริ่มจากการเช็ควันจดทะเบียน (วัน/เดือน/พ.ศ.) ว่าจดในปีเดียวกันกับรุ่นปีของรถ (ค.ศ.) หรือไม่

ตัวอย่าง คุณสนใจโตโยต้าคัมรี่มือสองคันหนึ่ง รุ่นปีของรถคือปี 2010 (พ.ศ. 2553) แต่รถจดทะเบียนในปี 2554 (มักเกิดจากการที่เจ้าของเดิมใช้ป้ายแดงนานข้ามปี ลากจด) เท่ากับว่าปัจจุบันรถมีอายุการใช้งานมา 6 ปีแล้ว ไม่ใช่ 5 ปีตามวันจดทะเบียน ฉะนั้นก็บวกลบดูดีๆ ว่าค่าเสื่อมสภาพของรถจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่

2.5 ตรวจเลขตัวถังรถว่ามีหมายเลขตรงกับในเล่มทะเบียนหรือไม่ เลขตัวถังรถจะระบุตำแหน่งอยู่ในเล่มทะเบียน เช่น ด้านในห้องเครื่องยนต์ บริเวณแผงคอนโซล บริเวณเสากลางตัวรถด้านคนนั่ง หรือคนขับ หรือบริเวณคานหน้า ฯลฯ เมื่อเจอเลขแล้วตรวจสอบให้ดีว่าตรงกับในเล่มหรือไม่

นอกจากนี้ควรสังเกตุด้วยว่าเวลาลูบแล้วขรุขระผิดปกติ และมีความคมผิดปกติ หรือมีร่องรอยการตัดแปะ หรือตอกตัวเลขมาใหม่หรือไม่ พึงระลึกไว้ว่ารถยนต์มือสองที่ใช้งานมาอย่างปกตินั้นจะไม่มีปัญหาในส่วนนี้เด็ดขาด (อย่างมากก็แค่ฝุ่นจับหรือเปรอะเปื้อนบ้างเท่านั้น)

2.6 ขั้นตอนปราบเซียนคือเช็คเลขเครื่องยนต์ เลขเครื่องยนต์จะอยู่ไม่ด้านซ้ายก็ขวาเครื่องยนต์ แต่ตัวเลขดูค่อนข้างยากสักหน่อย มักเป็นรอยขีดบาง ๆ อีกทั้งมักจะเปรอะด้วยคราบฝุ่นหนาหรือไม่ก็คราบน้ำมันเครื่อง ฉะนั้นควรเพ่งหาให้ดี ๆ จากนั้นก็เช็คว่าตรงกับเลขบนเล่มทะเบียนหรือเปล่า

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะไม่เป็นปัญหาเลย หากคุณซื้อรถด้วยเงินสดแบบตกลงกันปุ๊บ ไปโอนที่กรมขนส่งฯ ปั๊บ เพื่อหลีกเลี่ยงการโอนลอยที่อาจมีปัญหาตามมาได้ ซึ่งในส่วนนี้ พนักงานกรมขนส่งฯ ก็จะตรวจสอบเลขเครื่องยนต์และเลขตัวรถให้อย่างละเอียด และมักไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหลุดรอดไปได้

ในเรื่องรายละเอียดของเล่มทะเบียนและการจดทะเบียนรถนั้น คุณสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามได้ที่ เว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

3. เช็คสภาพรถ

หากคุณไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญด้านรถจริงๆ ในส่วนนี้คงต้องพึ่งช่างหรือผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า แต่หากไม่สะดวกให้ช่างมาเช็คให้ หรือเกรงใจคนขาย ไม่สะดวกจะออกปากขอนำรถไปตรวจ (หรือขอแล้วยึกยัก ไม่ยอม) จุดที่ควรเช็คอย่างละเอียดมีดังนี้

เช็คจุดที่รับแรงกระแทกเมื่อถูกชน (ชนคันอื่น + คันอื่นมาชน)

1. ตำแหน่งแรกคือฝากระโปรงหน้า ลองเปิดกระโปรงดูเครื่องภายในว่าหน้าตายังดูดีอยู่หรือไม่ ข้างในไม่ควรมีตำหนิประเภท รอยแตก รอยบิ่น รอยคดงอ หรือมีสีสันวาววับกว่าปกติ โดยส่วนมากรถยนต์มือสองทั่วไปที่อายุการใช้งานยังไม่มากนัก มักจะมีสติ๊กเกอร์ และตราปั๊มต่างๆ จากศูนย์อยู่ครบถ้วน ถ้าไม่มีร่องรอยอะไรทำนองนี้เหลืออยู่เลย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจถูกเปลี่ยนยกชุด

2. จุดที่ง่ายต่อการสังเกตคือคานหน้า เพราะรถที่ชนหนักๆ มานั้นคานต้องมีการบิดงอผิดรูปแน่ๆ ซึ่งในจุดนี้คนขายก็อาจจะไปให้อู่ทำมาให้อย่างสวยงาม หรือเปลี่ยนชุดคานหน้าใหม่ แต่อย่าลืมว่าของที่เสียหายไปแล้ว ซ่อมอย่างไรก็ไม่มีวันเหมือนเดิมได้ จุดสังเกตก็มีอยู่เช่น สีของคานไม่เสมอกัน สีเงาเป็นมัน (ปกติสีของคานมักจะเป็นสีด้านกว่าสีตัวถัง) สีมีรอยแตก โค้งไม่เท่ากันหรือโค้งไม่เป็นธรรมชาติ ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาหน้าตาไม่เหมือนกัน บิดงอเกินไปหรือเรียบเกินไป หรือสติ๊กเกอร์คำเตือนต่างๆ ที่ติดไว้ หรือตัวเลขที่ตอกไว้ ไม่มี เป็นต้น

3. ตำแหน่งถัดไปคือฝากระโปรงหลัง เปิดขึ้นมาเช็คขอบกระโปรงว่ามีร่องรอยหรือไม่ หากเคยชนหนักมา แม้จะผ่านการซ่อมมาแล้วก็มักจะมีรอยแตกรอยบิ่นอยู่ตามขอบกระโปรง ซึ่งพื้นของส่วนเก็บสัมภาระท้ายรถควรจะเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยบุบ รอยนูนใดๆ (ควรเช็คใต้พรมด้วย แต่ทางที่ดีก็ควรขออนุญาตเจ้าของรถก่อน)

4. ตำแหน่งสุดท้ายคือขอบประตู และเสากลางตัวรถ หากรถที่ชนหนักมา ขอบประตูมักมีรอยเชื่อม ซึ่งการดูร่องรอยพวกนี้ได้ต้องดึงขอบยางออกก่อน (ซึ่งต้องขอคนขายก่อนตามมารยาทที่ดี) ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าทำมาหรือไม่ เพราะขอบประตูปกติจะเรียบกริบ ไม่มีร่องรอยใดๆ แต่ถ้าผ่านมืออู่มาแล้วจะเห็นรอยเชื่อมเป็นจุด ๆ อย่างชัดเจน

ในส่วนของส่วนเสากลางประตูตัวรถนั้น ปกติถ้าเป็นรถมาจากโรงงาน หลายรุ่นมักจะใช้เป็นสีดำด้าน เพราะเป็นส่วนสัมผัสที่มักเผชิญกับรอยขูดขีดบ่อย จึงมักจะไม่ทำสีจุดนี้ (แต่รถหลายรุ่นก็ทำเป็นสีเดียวกับตัวรถ) แต่ถ้าคันใดทำสีเดียวกับตัวรถทับสีดำของเดิม ก็อาจจะเคยโดนชนมาได้ ต้องสังเกตดีๆ ว่ารถคันอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน สีผิดแผกไปจากรถที่เราดูหรือเปล่า

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

3 + 1. เช็คสี

การเช็คสี เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะสังเกตด้วยตาเปล่า เพราะอู่บางแห่งก็เก็บงานได้เนียนกริ๊บ จนแทบไม่เหลือให้ผิดสังเกต แต่แบบที่เราสามารถมองเห็นแล้วบอกได้ว่า ชนหนักชัวร์ ก็คือรถที่สีแตกเป็นริ้วเป็นรอย (แบบที่เรียกว่าแตกลายงา) ซึ่งกรณีนี้แปลว่าทำมาไม่ดี อู่ฝีมือแย่

นอกจากนี้ก็คือการพิจารณาว่าสีมีความมันวาว และความหนาบางเสมอกันหรือไม่ หรืออาจจะลองเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน แต่เป็นรถป้ายแดงก็จะง่ายขึ้นมาก ถ้าตรงไหนที่สีควรด้านแต่กลับเป็นเงามัน แปลว่าทำมาแน่นอน (ซึ่งอาจไม่ได้ชนหนักก็ได้ ควรพิจารณาหลายส่วนประกอบกันด้วย)

สุดท้ายใครไม่อยากพลาด หรือเสียเวลามาเช็คหรือตรวจสอบเอง แนะนำให้มาปรึกษา CARRO ตามช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้ เพราะเราเชี่ยวชาญด้านรถยนต์มือสองเป็นอย่างดี เพียงแค่ไว้ใจให้เราบริการ คุณจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ ที่สภาพพร้อมต่อการใช้งานในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” สามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

เงินสดฉุกเฉิน แค่มีเล่มทะเบียน

หากท่านจำเป็นหรือต้องการใช้เงินสดในยามฉุกเฉิน การเอาเล่มทะเบียนไปจำนำนั้น ง่ายกว่าและได้เงินเร็วกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ง่ายกว่าการที่ไปขอกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งทาง CARRO มีโปรโมชั่นพิเศษ เพียงท่านจำนำเล่มทะเบียนกับเราวันนี้ ลุ้นรับ Lucky Draw ทั้งสร้อยคอทองคำ และ บัตรเติมน้ำมัน ทันที!

หากแนะนำเพื่อนให้มาจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์กับ CARRO รับอีกต่อ! ค่าแนะนำต่อราย 500 บาท ได้ง่ายๆ (ค่าแนะนำจะได้รับเมื่อคนที่ท่านแนะนำมา ผ่านการอนุมัติแล้วเท่านั้น)
หากคุณแนะนำเพื่อนได้มากถึง 50 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 25,000 บาท และหากแนะนำเพื่อนได้มากถึง 100 คน คุณจะได้รับค่าแนะนำมากถึง 50,000 บาท …. ดูรายละเอียดและกรอกรายละเอียดได้ที่ – https://th.carro.co/pledge

หมายเหตุ:

– ลูกค้าที่สมัครบริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO ลุ้นรับสร้อยคอทองคำ มูลค่า 1 บาท 2 รางวัล และ บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 1,000 บาท
– สำหรับลูกค้าที่แนะนำให้เพื่อนใช้บริการจำนำเล่มทะเบียนกับทาง CARRO จะได้รับเงินสดมูลค่า 500 บาท ไม่จำกัดจำนวนในการแนะนำ
– ระยะเวลาที่จัดรายการ ตั้งแต่วันนี้ ​- 31 สิงหาคม 2560
– สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ CARRO Fanpage https://www.facebook.com/carrothai/

ขั้นตอนการรับค่าแนะนำ

– หากลูกค้าที่ท่านแนะนำเพื่อนมาจำนำเล่มทะเบียน ผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ทาง CARRO จะติดต่อกลับไปเพื่อเลือกวิธีการรับค่าแนะนำ และเอกสารที่ต้องเตรียม (สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ)
– รับเงินสด แค่ยื่นสำเนาบัตรประชาชนของผู้แนะนำเท่านั้น
– รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร เตรียมเพียงสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้แนะนำ
– ระยะเวลาในการรับค่าแนะนำ หลังจากที่ลูกค้าผ่านการรับเงินเรียบร้อย ภายใน 7 วัน