3 สิ่ง ที่ผู้ซื้อห้ามพลาด เมื่อจะไปซื้อรถมือสอง รู้ไว้! จะได้ไม่โดนหลอก

เชื่อว่าทุกคนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงรถยนต์มือสองต้องเคยได้ยินปัญหาประเภท “รถสวมทะเบียน” “รถย้อมแมว” “รถตัดต่อ” หรือกรณีเลวร้ายสุดๆ อย่าง “รถขโมยมาขาย” มาก่อนแน่นอน ซึ่งใครที่ต้องประสบเหตุการณ์ทำนองนี้เข้ากับตัวเองก็คงเจ็บปวดใจไปตามๆ กัน เสียทั้งทรัพย์ ทั้งความรู้สึก แถมดีไม่ดียังต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาลอีกด้วย เพราะเหตุนี้เอง ภาพลักษณ์ของวงการรถมือสองจึงยังคงติดลบในสายตาของคนไทยจำนวนมาก ทั้งที่ผู้ประกอบการดีๆ ก็มีอยู่มากมาย

แต่เดี๋ยวนี้ช่องทางในการซื้อรถยนต์มือสองมีเพิ่มขึ้นมามากมาย แต่วิธีการดั้งเดิมที่ใช้กันมาตลอดก็คือ การซื้อจากคนขายโดยตรง หรือเลือกซื้อจากเต็นท์รถมือสองทั่วไป

ทางทีมงาน CARRO Thailand ได้ให้ความเห็นว่า “ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 80% เลือกหาข้อมูลรถมือสองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผ่านเว็บไซต์รถมือสองทั่วๆ ไป ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน แต่ทาง CARRO และ CARRO Automall ได้ให้ความสำคัญกับบริการที่แตกต่างจากเว็บไซต์รถยนต์ทั่วไป เพื่อให้ผู้ที่สนใจซื้อรถมือสอง ได้มีโอกาสได้ตรวจสอบความมั่นใจในด้านต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกหารถแต่ละคัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าเว็บไซต์รถมือสองเจ้าอื่นๆ”

ดังนั้น CARRO ขอแนะนำให้ตรวจสอบเบื้องต้น 3 อย่างใหญ่ๆ คือ คนขาย, เล่มทะเบียน, สภาพรถยนต์ ที่หลายคนอาจมองข้ามไปก่อนการซื้อรถมือสองซักคัน ดังนี้

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

1. เช็คคนขาย

การเช็คคนขายแบบง่ายๆ เลยก็คือ ผู้ขายรถมือสองให้กับคุณอย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อนี้

1.1 มีตัวตนจริง และเป็นเจ้าของรถตัวจริง
ซึ่งในจุดนี้ต้องมีหลักฐานยืนยัน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน (หรือสำเนาบัตรประชาชน ที่มีการเซ็นรับรองอย่างถูกต้อง กำกับว่าใช้ในกิจธุระใด) และสมุดเล่มทะเบียนรถ ซึ่งชื่อที่ปรากฎอยู่บนเล่มทะเบียนว่าเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์รถเป็นคนล่าสุด จะต้องมีชื่อตรงกับในบัตรประชาชน

1.2 มีช่องทางที่สามารถติดต่อกับผู้ขายได้อย่างสะดวก
การติดต่อกับผู้ขายนั้นต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการตกลงซื้อขาย หรือแม้แต่เสร็จสิ้นกระบวนการซื้อและโอนไปแล้วก็ตาม จงตระหนักว่าคุณไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากซื้อรถยนต์ใช้แล้วมาขับขี่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง ฉะนั้นจึงไม่ควรนิ่งนอนใจกับข้อมูลส่วนนี้

ด้วยเหตุนี้ ทาง CARRO Automall จึงพร้อมมอบความมั่นใจให้คุณด้วยการรับประกันคุณภาพรถถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร ทันที! พร้อมการันตีความพึงพอใจ คืนรถได้ภายใน 5 วันอีกด้วย!

ต่อทะเบียนรถ ภาษีขาดเกิน 3 ปี

2. เช็คเล่มทะเบียนรถ

ก่อนจะเช็คเล่มทะเบียน อยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า เล่มทะเบียนรถให้ข้อมูลอะไรกับคุณได้บ้าง ข้อมูลบนเล่มทะเบียนแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 

1. รายการจดทะเบียน ทำให้ทราบว่ารถจดทะเบียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไหน ให้ข้อมูลพื้นฐานของรถ (ยี่ห้อ/รุ่น/รุ่นย่อย/ปี/สี/เครื่องยนต์/เชื้อเพลิง ฯลฯ) รวมถึงข้อมูลเฉพาะอย่างเลขเครื่อง และเลขตัวถังด้วย 

2. เจ้าของรถ จะบอกได้ว่าใครเคยถือกรรมสิทธิ์รถคันนี้บ้างตามลำดับ 

3. รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ (มักจะอยู่ที่หน้า 18 ของเล่มทะเบียน) เป็นส่วนที่ทำให้รู้ว่ารถมีที่มาที่ไปอย่างไร และผ่านอะไรมาบ้าง เช่น จดทะเบียนที่จังหวัดไหน เป็นรถจดประกอบหรือไม่ เคยเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง เปลี่ยนสี ติดแก๊ส ฯลฯ หรือไม่ เป็นต้น

ส่วนการตรวจสอบเล่มทะเบียนอย่างละเอียดด้วยตัวเอง มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

2.1 เช็คข้อมูลในรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ก่อน ว่าตรงกับสิ่งที่คนขายบอกคุณหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ขอเตือนไว้เลยว่า “อันตราย” แล้ว โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ อย่างการเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสี

2.2 หากรถคันนั้นมีประวัติการแจ้งจอด หรือเล่มเก่าชำรุด/สูญหาย ขอให้ขีดเส้นใต้ไว้ในใจเลยว่ามีความไม่ชอบมาพากล (แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะถูกหลอกเสมอไปหรอกนะ) โดยเฉพาะรถที่เคยแจ้งจอด ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงว่ารถอาจมีปัญหาจนเจ้าของเดิมซ่อมไม่ไหว รวมถึงรถอาจไม่ได้รับการดูแล และการซ่อมบำรุง เพราะไม่ได้ถูกใช้งาน

ส่วนกรณีที่ผู้ขายเคยขอเล่มทะเบียนใหม่ เพราะเล่มเก่าชำรุด/สูญหายนั้น แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่ผู้ซื้อรถยนต์มือสองทุกคนควรรอบคอบไว้ก่อน หากชอบรถคันนั้นมากก็ควรไปโอนที่กรมขนส่งให้ถูกต้อง ทางที่ดีอย่าเพิ่งโอนเงินให้คนขายจนกว่ากระบวนการโอนรถจะสิ้นสุด

2.3 เช็คในหน้าเจ้าของรถ ส่วนนี้จะบอกลำดับผู้ถือกรรมสิทธิ์เรียงจากเก่าไปใหม่ตามวันที่ครอบครองรถ ทำให้ได้รู้ว่ารถผ่านมาอย่างน้อยกี่มือแล้ว และเคยเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารหรือไม่ นอกจากนี้บางคนอาจจะมีเงื่อนไขของตัวเอง เช่น ไม่ชอบรถที่วัยรุ่นขับเพราะไม่ค่อยถนอมรถ เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบตรงส่วนนี้ได้

2.4 ตรวจสอบในหน้ารายการจดทะเบียน ควรเริ่มจากการเช็ควันจดทะเบียน (วัน/เดือน/พ.ศ.) ว่าจดในปีเดียวกันกับรุ่นปีของรถ (ค.ศ.) หรือไม่

ตัวอย่าง คุณสนใจโตโยต้าคัมรี่มือสองคันหนึ่ง รุ่นปีของรถคือปี 2010 (พ.ศ. 2553) แต่รถจดทะเบียนในปี 2554 (มักเกิดจากการที่เจ้าของเดิมใช้ป้ายแดงนานข้ามปี ลากจด) เท่ากับว่าปัจจุบันรถมีอายุการใช้งานมา 6 ปีแล้ว ไม่ใช่ 5 ปีตามวันจดทะเบียน ฉะนั้นก็บวกลบดูดีๆ ว่าค่าเสื่อมสภาพของรถจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่

2.5 ตรวจเลขตัวถังรถว่ามีหมายเลขตรงกับในเล่มทะเบียนหรือไม่ เลขตัวถังรถจะระบุตำแหน่งอยู่ในเล่มทะเบียน เช่น ด้านในห้องเครื่องยนต์ บริเวณแผงคอนโซล บริเวณเสากลางตัวรถด้านคนนั่ง หรือคนขับ หรือบริเวณคานหน้า ฯลฯ เมื่อเจอเลขแล้วตรวจสอบให้ดีว่าตรงกับในเล่มหรือไม่

นอกจากนี้ควรสังเกตุด้วยว่าเวลาลูบแล้วขรุขระผิดปกติ และมีความคมผิดปกติ หรือมีร่องรอยการตัดแปะ หรือตอกตัวเลขมาใหม่หรือไม่ พึงระลึกไว้ว่ารถยนต์มือสองที่ใช้งานมาอย่างปกตินั้นจะไม่มีปัญหาในส่วนนี้เด็ดขาด (อย่างมากก็แค่ฝุ่นจับหรือเปรอะเปื้อนบ้างเท่านั้น)

2.6 ขั้นตอนปราบเซียนคือเช็คเลขเครื่องยนต์ เลขเครื่องยนต์จะอยู่ไม่ด้านซ้ายก็ขวาเครื่องยนต์ แต่ตัวเลขดูค่อนข้างยากสักหน่อย มักเป็นรอยขีดบาง ๆ อีกทั้งมักจะเปรอะด้วยคราบฝุ่นหนาหรือไม่ก็คราบน้ำมันเครื่อง ฉะนั้นควรเพ่งหาให้ดี ๆ จากนั้นก็เช็คว่าตรงกับเลขบนเล่มทะเบียนหรือเปล่า

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะไม่เป็นปัญหาเลย หากคุณซื้อรถด้วยเงินสดแบบตกลงกันปุ๊บ ไปโอนที่กรมขนส่งฯ ปั๊บ เพื่อหลีกเลี่ยงการโอนลอยที่อาจมีปัญหาตามมาได้ ซึ่งในส่วนนี้ พนักงานกรมขนส่งฯ ก็จะตรวจสอบเลขเครื่องยนต์และเลขตัวรถให้อย่างละเอียด และมักไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหลุดรอดไปได้

ในเรื่องรายละเอียดของเล่มทะเบียนและการจดทะเบียนรถนั้น คุณสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามได้ที่ เว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

3. เช็คสภาพรถ

หากคุณไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญด้านรถจริงๆ ในส่วนนี้คงต้องพึ่งช่างหรือผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า แต่หากไม่สะดวกให้ช่างมาเช็คให้ หรือเกรงใจคนขาย ไม่สะดวกจะออกปากขอนำรถไปตรวจ (หรือขอแล้วยึกยัก ไม่ยอม) จุดที่ควรเช็คอย่างละเอียดมีดังนี้

เช็คจุดที่รับแรงกระแทกเมื่อถูกชน (ชนคันอื่น + คันอื่นมาชน)

1. ตำแหน่งแรกคือฝากระโปรงหน้า ลองเปิดกระโปรงดูเครื่องภายในว่าหน้าตายังดูดีอยู่หรือไม่ ข้างในไม่ควรมีตำหนิประเภท รอยแตก รอยบิ่น รอยคดงอ หรือมีสีสันวาววับกว่าปกติ โดยส่วนมากรถยนต์มือสองทั่วไปที่อายุการใช้งานยังไม่มากนัก มักจะมีสติ๊กเกอร์ และตราปั๊มต่างๆ จากศูนย์อยู่ครบถ้วน ถ้าไม่มีร่องรอยอะไรทำนองนี้เหลืออยู่เลย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจถูกเปลี่ยนยกชุด

2. จุดที่ง่ายต่อการสังเกตคือคานหน้า เพราะรถที่ชนหนักๆ มานั้นคานต้องมีการบิดงอผิดรูปแน่ๆ ซึ่งในจุดนี้คนขายก็อาจจะไปให้อู่ทำมาให้อย่างสวยงาม หรือเปลี่ยนชุดคานหน้าใหม่ แต่อย่าลืมว่าของที่เสียหายไปแล้ว ซ่อมอย่างไรก็ไม่มีวันเหมือนเดิมได้ จุดสังเกตก็มีอยู่เช่น สีของคานไม่เสมอกัน สีเงาเป็นมัน (ปกติสีของคานมักจะเป็นสีด้านกว่าสีตัวถัง) สีมีรอยแตก โค้งไม่เท่ากันหรือโค้งไม่เป็นธรรมชาติ ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาหน้าตาไม่เหมือนกัน บิดงอเกินไปหรือเรียบเกินไป หรือสติ๊กเกอร์คำเตือนต่างๆ ที่ติดไว้ หรือตัวเลขที่ตอกไว้ ไม่มี เป็นต้น

3. ตำแหน่งถัดไปคือฝากระโปรงหลัง เปิดขึ้นมาเช็คขอบกระโปรงว่ามีร่องรอยหรือไม่ หากเคยชนหนักมา แม้จะผ่านการซ่อมมาแล้วก็มักจะมีรอยแตกรอยบิ่นอยู่ตามขอบกระโปรง ซึ่งพื้นของส่วนเก็บสัมภาระท้ายรถควรจะเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยบุบ รอยนูนใดๆ (ควรเช็คใต้พรมด้วย แต่ทางที่ดีก็ควรขออนุญาตเจ้าของรถก่อน)

4. ตำแหน่งสุดท้ายคือขอบประตู และเสากลางตัวรถ หากรถที่ชนหนักมา ขอบประตูมักมีรอยเชื่อม ซึ่งการดูร่องรอยพวกนี้ได้ต้องดึงขอบยางออกก่อน (ซึ่งต้องขอคนขายก่อนตามมารยาทที่ดี) ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าทำมาหรือไม่ เพราะขอบประตูปกติจะเรียบกริบ ไม่มีร่องรอยใดๆ แต่ถ้าผ่านมืออู่มาแล้วจะเห็นรอยเชื่อมเป็นจุด ๆ อย่างชัดเจน

ในส่วนของส่วนเสากลางประตูตัวรถนั้น ปกติถ้าเป็นรถมาจากโรงงาน หลายรุ่นมักจะใช้เป็นสีดำด้าน เพราะเป็นส่วนสัมผัสที่มักเผชิญกับรอยขูดขีดบ่อย จึงมักจะไม่ทำสีจุดนี้ (แต่รถหลายรุ่นก็ทำเป็นสีเดียวกับตัวรถ) แต่ถ้าคันใดทำสีเดียวกับตัวรถทับสีดำของเดิม ก็อาจจะเคยโดนชนมาได้ ต้องสังเกตดีๆ ว่ารถคันอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน สีผิดแผกไปจากรถที่เราดูหรือเปล่า

3-Trick-Before-Buy-Secondhand-Car

3 + 1. เช็คสี

การเช็คสี เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะสังเกตด้วยตาเปล่า เพราะอู่บางแห่งก็เก็บงานได้เนียนกริ๊บ จนแทบไม่เหลือให้ผิดสังเกต แต่แบบที่เราสามารถมองเห็นแล้วบอกได้ว่า ชนหนักชัวร์ ก็คือรถที่สีแตกเป็นริ้วเป็นรอย (แบบที่เรียกว่าแตกลายงา) ซึ่งกรณีนี้แปลว่าทำมาไม่ดี อู่ฝีมือแย่

นอกจากนี้ก็คือการพิจารณาว่าสีมีความมันวาว และความหนาบางเสมอกันหรือไม่ หรืออาจจะลองเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน แต่เป็นรถป้ายแดงก็จะง่ายขึ้นมาก ถ้าตรงไหนที่สีควรด้านแต่กลับเป็นเงามัน แปลว่าทำมาแน่นอน (ซึ่งอาจไม่ได้ชนหนักก็ได้ ควรพิจารณาหลายส่วนประกอบกันด้วย)

สุดท้ายใครไม่อยากพลาด หรือเสียเวลามาเช็คหรือตรวจสอบเอง แนะนำให้มาปรึกษา CARRO ตามช่องทางการติดต่อด้านล่างนี้ เพราะเราเชี่ยวชาญด้านรถยนต์มือสองเป็นอย่างดี เพียงแค่ไว้ใจให้เราบริการ คุณจะไม่มีวันผิดหวังอย่างแน่นอน

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ ที่สภาพพร้อมต่อการใช้งานในตอนนี้ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” สามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ