เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ออโต้ให้ปลอดภัย

ทุกวันนี้ ถ้าจะให้มีรถยนต์ที่ออกมาบนท้องถนนส่วนใหญ่ ในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดอันดับโลก การขับรถยนต์แบบเกียร์อัตโนมัตินั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเกือบหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะ หรือรถตู้ ก็มีระบบเกียร์อัตโนมัติใช้กันมากพอสมควร

การขับรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายกว่าการขับรถด้วยเกียร์ธรรมดา ยิ่งในรถติดๆ ด้วยล่ะก็สบายขาซ้ายขึ้นเป็นกอง นับตั้งการพัฒนาเทคโนโลยีในอดีตหลายสิบปีที่แล้ว ที่เกียร์อัตโนมัติยังใช้ระบบแบบกลไก มีสปีดเริ่มต้นแค่ 2-3 สปีด และยังไม่ค่อยทนทานมากเท่าในปัจจุบัน

Automatic-Transmission

ภาพจาก V.Group Honda

มาถึงยุคปัจจุบัน ที่วิวัฒนาการก้าวหน้าในยุคที่เกียร์อัตโนมัติเป็นแบบระบบสายพาน CVT หรือระบบไฟฟ้า ที่มีความสลับซับซ้อนและทันสมัยมากๆ มีสปีดให้เลือกใช้มากถึง 9-10 สปีด แต่วิธีในการใช้งานนั้น ก็ยังคงไม่ต่างจากในอดีตนัก

Mr.Carro จะมาเล่าให้ฟังถึงวิธีการขับรถด้วยเกียร์อัตโนมัติ ที่เน้นถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ขับแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอุบัติเหตุจากความตกใจและประมาท (เช่น ใส่เกียร์ผิดตำแหน่ง) เพราะความปลอดภัยหลักของคนขับ ก็อยู่ที่ … ตัวคนขับนั่นเองครับ

เคล็ดไม่ลับ การใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ใช้เท้าขวาเหยียบเบรกเท่านั้น

การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบเบรกและคันเร่ง ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถ เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง N หรือเกียร์จอด P

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์ถอย R ต้องตั้งใจเข้า

สำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรง และมีปุ่มกดที่หัวเกียร์ การเข้าเกียร์ไปตำแหน่งเกียร์ถอย R ทั้งจากเกียร์จอด P หรือจากเกียร์ว่าง N รถยนต์ทุกรุ่นที่คันเกียร์เป็นแนวตรง ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ หรือบางรุ่นต้องเหยียบเบรก กับกดปุ่มที่หัวเกียร์พร้อมกัน ถึงจะเลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปยังเกียร์ถอย R ได้ เพื่อป้องกันการใส่เกียร์ผิด หรือมีเด็กเล็กมาโยกเล่น

ดังที่ทุกค่ายรถยนต์ได้ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย เพราะมีสลักล็อกอยู่ แม้จะใช้ 2 มือดันสุดแรง ถ้าสลักไม่หัก ก็เลื่อนไม่ได้แน่นอน

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เกียร์คร่อมตำแหน่ง ระหว่าง N-R หรือ P-R

การเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่ง มีระยะห่างที่น้อยมาก การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ กรณีรถรุ่นเก่าๆ ในขณะที่เกิดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ และเกียร์ดีดไปเข้าในตำแหน่งต่างๆ ได้

ดังนั้น ไม่ว่าในช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือก่อนจะออกรถ ควรแน่ใจเสมอว่าคันเกียร์อยู่ในล็อกของตำแหน่ง N หรือ P เท่านั้น ไม่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง

Shift-Lock-Release

ระบบ Shift Lock Release ในเกียร์อัตโนมัติ

ในรถบางรุ่นที่ออกแบบมาให้มีระบบ Shift Lock Release เวลาเข้าเกียร์จอด P ไว้ ซึ่งก่อนจะขับรถออกไป ยังไงก็ต้องนำกุญแจรถลงไปเสียบที่ช่องสำหรับเสียบกุญแจ หรือกดปุ่ม เพื่อปลดล็อคเกียร์ออกจากเกียร์จอด P อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่นั่นเอง

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

เปลี่ยนเกียร์จาก D มา N ไม่ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ก็ได้ (สำหรับรถรุ่นเก่า)

โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิตรถออกแบบมาให้สะดวกในเวลาขับ ในกรณีของ N มา D ไม่ต้องกดปุ่มได้ แต่จาก N ไป R หรือ P ต้องกดปุ่มครับ ป้องกันการเข้าเกียร์ผิด อาจจะให้รถกระชาก ถึงขั้นเกียร์พังได้

โดยเกียร์จอด จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์ (หรือเท้าอาจต้องเหยียบเบรก ในกรณีที่เกียร์เป็นแบบขั้นบันได (Gate Type) ซึ่งหลายรุ่นไม่มีปุ่มกดเกียร์)

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

จอดรถขณะติดไฟแดง รถติด โดยมีผู้ขับอยู่ในรถ

การขับรถจอดติดไฟแดง หรือรถติดจากการจราจรติดขัด หากจอดไม่นาน แค่เหยียบเบรกค้างไว้ โดยตำแหน่งอยู่ที่เกียร์ D เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป-มา ระหว่าง N-D หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่เกียร์ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ … แต่อย่าเผลอเมื่อยขาละกัน!

ถ้ารู้สึกรถติดนานหลายนาที เลื่อนเกียร์มาที่ N และเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือเสริมไว้ดีกว่า หากรถติดอยู่บริเวณคอสะพาน หรือทางลงในลานจอดรถ เป็นต้น

หากต้องจอดรถแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ นอกจากควรดึงเบรกมือและเข้าเกียร์ P ไว้ โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

อย่าวางใจเบรกมือ

เมื่อดึงเบรกมือจนสุด (หรือใช้มือดึงเบาๆ กรณีที่เป็นเบรกมือไฟฟ้า หรือใช้เท้าเหยียบให้สุด กรณีที่เป็นเบรกมือแบบเหยียบ) หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์ต้องไม่ไหล แต่ก็อาจจะไหลได้ เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัว รอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้วางใจเบรกมือ

ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือจนสุด แล้วรถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้ ขนาดที่ดึงเบรกมือค้างไว้ ก็ยังขับรถยนต์ออกไปได้ นั่นคือ เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น ไม่ได้มีทั้งหมด มิฉะนั้นคงไม่สามารถขับออกไปได้โดยหลายคนหลงลืม

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สัญญานเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง R

ในรถรุ่นใหม่ๆ เวลาถอยรถ หลายรุ่นมักมีติดสัญญาณเตือนถอยหลัง พร้อมภาพจากกล้องมองหลังขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เวลาถอดจอดง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าใกล้วัตถุ เสียงเตือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัย และได้ทราบเวลาใส่เกียร์ถอยหลังได้

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

สายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถ

ควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถไว้ตลอดเวลา เผื่อแบตเตอรี่ไม่พอ เนื่องจากรถเกียร์อัตโนมัติ ไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำ แล้วกระตุกสตาร์ทให้ติดเครื่องยนต์ได้แบบรถเกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตาร์ท ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20 กม./ชม. ซึ่งเข็นด้วยแรงคนคงเป็นไปได้ยาก และเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย

เคล็ดไม่ลับ ใช้งานเกียร์ Auto ให้ปลอดภัย

ตรวจสอบน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ

น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถท่านได้ยาวนาน จึงควรตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัด และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่ในคู่มือแนะนำ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ความปลอดภัยในการขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นจากตัวผู้ขับขี่ และสภาพรถที่พร้อมใช้งานครับ …

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

เนื้อหาบางส่วนจาก:

  • นิตยสาร Thaidriver ฉบับปี 2545
เจาะลึกรถยนต์ที่มาพร้อมระบบเกียร์ CVT และการดูแลรักษา

ว่าด้วยการขับรถยนต์ที่มีระบบเกียร์ CVT ระบบการขับเคลื่อนรถที่สุดล้ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเร่งความเร็วพร้อมกับความปลอดภัย ให้ทุกการขับขี่ของคุณเต็มไปด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักกับการขับรถยนต์เกียร์ CVT ในรูปแบบนี้ ดังนั้นคำถามคือก่อนการซื้อรถครั้งต่อไปของคุณ ควรเลือกรถที่ใช้ระบบเกียร์ CVT ดีหรือไม่ พร้อมทั้งการบำรุงรักษาเป็นอย่างไร วันนี้ รู้ใจ จะมาบอกกัน อะไรบ้างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนของรถประเภทนี้ เราไปดูกันเลย

เจาะลึกรถยนต์ที่มาพร้อมระบบเกียร์ CVT และการดูแลรักษา

ทำความรู้จักกับระบบเกียร์ CVT และความแตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

เรียกว่าคนขับรถโดยทั่วไปแทบไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยว่าในปัจจุบันนี้มีการออกแบบระบบเกียร์สำหรับการขับเคลื่อนออกมาหลายรูปแบบ และรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง มีใช้อยู่ในรถหลาย ๆ รุ่น หลากหลายแบรนด์ คือระบบเกียร์ CVT ระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงความปลอดภัยในการควบคุมที่ดียอดเยี่ยม มาดูกันว่าระบบเกียร์ CVT นี้มีการพัฒนาการทำงานที่เหนือกว่าเกียร์ประเภทอื่นอย่างไร

เจาะลึกรถยนต์ที่มาพร้อมระบบเกียร์ CVT และการดูแลรักษา

ทั่วไปแล้วระบบการทำงานของเกียร์อัตโนมัติของรถยนต์ปกตินั้น จะมาในรูปแบบของอัตรากำลังทดที่ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น โดยการเลื่อนขยับของชุดเฟืองในระบบเกียร์ตามระดับของความเร็ว สิ่งที่สามารถรู้สึกได้นั่นคือ ทุกจังหวะที่เกียร์เปลี่ยนคุณจะสัมผัสถึงแรง “กระชาก” ที่เกิดขึ้นระหว่างเกียร์ที่เปลี่ยนอยู่เสมอ

แต่การทำงานของระบบเกียร์ CVT หรือที่เรียกกันในภาษาช่างว่าเป็นระบบ CONTINOUS VARIABLE TRANSMISSION นั้นจะต่างออกไป เป็นการทำงานแบบ “ระบบเกียร์แปรผัน” เป็นการทำงานประสานกันของพูเลย์สองตัวที่จะทำหน้าที่แปรผันระบบเกียร์ที่เราใช้งานตามความเร็วของรถนั่นเอง

ข้อดีของการขับรถยนต์ระบบเกียร์ CVT

สำหรับรถยุคใหม่ในปัจจุบันยิ่งในรถที่ถูกผลิตผ่านโรงงานของเครือข่ายจากประเทศญี่ปุ่น จะเลือกใช้ระบบเกียร์ CVT กันมากยิ่งขึ้น เหตุผลก็เพราะด้านการขับขี่ที่เต็มไปด้วยความปลอดภัยสูง รวมไปถึงการจัดการความเร็วที่ช่วยให้การขับขี่ต่อเนื่อง ในการขับเคลื่อนแต่ละช่วงความเร็วจะไม่พบกับอาการกระชากกระตุกเปลี่ยนเกียร์ ทุกอย่างจะขับเคลื่อนไปด้วยความนุ่มนวล ซึ่งคุณจะไม่เจอกับจังหวะกระชากใด ๆ ในระหว่างการขับขี่แม้แต่น้อยตั้งแต่รถเริ่มวิ่งจนทำความเร็วสูงสุด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถือเป็นจุดอ่อนของระบบเกียร์ CVT คือเรื่อง “อัตราเร่ง” ที่จะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รวดเร็วทันใจเมื่อเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติหรือแม้แต่เกียร์ธรรมดา “สายซิ่ง” อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ที่ชอบความแรงแบบทันใจทุกการเหยียบคันเร่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ระบบเกียร์ CVT นี้ถูกออกแบบมาก็เพื่อในเรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะเมื่ออุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากใช้รถความเร็วสูง ระบบเกียร์ CVT นี่แหละจะทำให้ความเร็วมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น ช่วยลดความเร็วของรถได้ระดับนึง

เจาะลึกรถยนต์ที่มาพร้อมระบบเกียร์ CVT และการดูแลรักษา

แล้วระบบเกียร์ CVT มีวิธีดูแลรักษาอย่างไร

สำหรับรถยนต์ระบบเกียร์ CVT วิธีดูแลนั้นแทบไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ซึ่งหัวใจสำคัญสำหรับการดูแลรักษารถยนต์ระบบเกียร์ CVT คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถนั่นเอง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของเกียร์ประเภทนี้ได้ ซึ่งคำแนะนำการใช้งานต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้

1.งดการออกตัวแบบกระชากคันเร่ง

การขับรถยนต์ระบบเกียร์ CVT เป็นระบบการขับเคลื่อนที่เน้นการไต่ระดับของความเร็วขึ้นไปทีละน้อยเพื่อลดอาการกระชากที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหากคุณเหยียบคันเร่งเข้าไปเต็มแรง แน่นอนว่าสำหรับการขับขี่ที่เกิดเหตุอันไม่ตั้งใจ ระบเกียร์ CVT จะไม่ทำให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบคุมไม่อยู่

แต่สำหรับนักขับ “สายซิ่ง” อาจรู้สึกไม่ทันใจกับพลังของเครื่องยนต์ที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นในรูปแบบ “รอรอบ” จังหวะการทดของเกียร์ ทำให้แทนที่จะเห็นรถวิ่งฉิวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่กลับต้องทนรอจังหวะรถที่ค่อย ๆ ไต่ความเร็วขึ้นไป ซึ่งการเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วในทันทีนี้ จะทำให้ระบบเกียร์ CVT พังเร็วมากยิ่งขึ้น

2.ลดจังหวะการขับรถแบบคิกดาวน์

หลายคนคงสงสัยกันว่า การขับรถแบบคิกดาวน์คืออะไร และคุณเองกำลังมีพฤติกรรมการขับรถในแบบนี้อยู่หรือเปล่า สำหรับการขับรถแบบคิกดาวน์ คือการเหยียบคันเร่งเพื่อเค้นการทำงานของระบบเครื่องและระบบเกียร์ให้ออกมาเต็มกำลัง หรือที่เรามักเรียกกันในหมู่นักขับว่า “เหยียบกันมิดคันเร่งมิดไมล์“ ซึ่งโดยส่วนใหญ่การขับในรูปแบบนี้ เรามักใช้ในจังหวะการแซงรถซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าการขับแบบนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อเกียร์รถยนต์สักเท่าไร

การขับแบบคิกดาวน์บ่อย ๆ นั้น จะทำให้แรงบิด แรงเค้น เกิดขึ้นบ่อยในระบบเกียร์ แม้ว่าระบบเกียร์ CVT จะใช้วัสดุโลหะผสมที่มีความทนทานสูงมาขึ้นรูปชิ้นงานก็ตาม แต่เมื่อทำงานหนักบ่อยๆ ก็ไม่อาจทานทนต่อแรงเค้นมหาศาลที่เกิดขึ้นได้ ก่อให้เกิดอาการสึกหรอของชุดเกียร์ที่อาจมีบทลงเอยด้วยการเสียค่าซ่อมรถด้วยเงินทุนมหาศาลเลยที่เปรียบเสมือนฝันร้ายในการใช้รถของคุณเลยก็ว่าได้

3.การขับรถทางไกลด้วยความเร็วคงที่

สำหรับนักขับผู้ชื่นชอบการเดินทางไกลและต้องเดินทางไปกับรถที่มีระบบเกียร์ CVT ต้องห้ามใจกันซักนิดที่จะไม่เพิ่มความเร็วให้กับรถอย่างเต็มแรงจนเกินไป เพราะถึงอย่างไร รถในระบบเกียร์ CVT จะค่อยๆ ปรับความเร็วขึ้นไปช้าๆ อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อให้รถสามารถทำความเร็วในระดับสูงได้ด้วยการใช้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าปกติ สิ่งที่ตามมาก็คือ รถในระบบเกียร์ CVT จะมีอัตราการประหยัดพลังงงานน้ำมันที่สูงมาก

ดังนั้นการคะยั้นคะยอเพิ่มความเร็วให้กับรถ นอกจากจะทำให้เกิดการสึกกับระบบเกียร์ที่ต้องรับภาระในการขับขี่ที่หนักหน่วงแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาของการที่รถใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ทางที่ดีควรปล่อยให้รถค่อย ๆ เพิ่มความเร็วด้วยตัวเองตามระบบการทดรอบของเกียร์ วิธีนี้จะช่วยเค้นประสิทธิภาพการเดินทางได้ดีกว่าการเปลี่ยนรอบความเร็วขึ้นลงอยู่บ่อยครั้งที่จะทำให้ระบบเกียร์สึกหรอได้ไวยิ่งขึ้นอีกด้วย

4.หลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle shift

สำหรับนักขับที่ชื่นชอบความแรงและความไวมักเค้นประสิทธิภาพของรถเกียร์ออโต้ด้วยการ “Shift” เกียร์อยู่เสมอ ด้วยการใช้เทคนิคการทดรอบขึ้นลงแบบรถเกียร์ธรรมดา (MT) ใช่แหละว่าช่วยให้คุณขับสนุกมากขึ้น ช่วยให้เกิดพลังการขับเคลื่อนที่พุ่งไปข้างหน้าได้มากกว่า แต่อีกแง่..! การขับเช่นนี้เป็นการทำร้ายระบบเกียร์ CVT อย่างมาก! ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติแบบพื้นฐานหรือระบบเกียร์ CVT ต่างไม่ชอบจังหวะการ Shift เกียร์โดยไม่จำเป็นแบบนี้แทบทั้งสิ้น

เพราะระบบการเปลี่ยนแปลงเกียร์ถูกออกแบบมาเพื่อการขับเคลื่อนในพื้นที่คับขัน ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อปรับความเร็วให้กับรถในการวิ่ง และยิ่งเป็นระบบเกียร์ CVT แล้วจะทำให้เกิดแรงเค้นสุดมหาศาลกับระบบเกียร์ โดยเฉพาะในส่วนของสายพานเกียร์ที่จะทำงานในระบบอัตราทดแบบ FIX จะเกิดภาวะสึกหรอได้เร็วขึ้น บั่นทอนอายุการใช้งานไปอย่างไม่จำเป็น

5.ซ่อมบำรุงอย่างเข้าใจในประสิทธิภาพของรถ

ระบบเกียร์ CVT ในส่วนของการซ่อมบำรุงต้องทำอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป โดยปกติแล้วการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะทำกันที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะการบำรุงที่ควรทำอยู่เป็นประจำ โดยปกติสำหรับรถที่ใช้งานทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะทำการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ซักครั้ง ดังนั้น เมื่อถึงรอบระยะไมล์การซ่อมบำรุง ก็ควรดูแลที่ส่วนนี้ “อย่าให้ขาด” เพื่อการเตรียมความพร้อมด้านการขับขี่ให้เต็มประสิทธิภาพ หมดห่วงตอนใช้งานว่าจะขึ้นยานแม่

เจาะลึกรถยนต์ที่มาพร้อมระบบเกียร์ CVT และการดูแลรักษา

เมื่อทำความรู้จักกับระบบเกียร์ CVT กันไปแล้ว เชื่อว่าคุณน่าจะเข้าใจกับระบบขับเคลื่อนนี้มากขึ้น เข้าใจในการขับขี่และการดูแลรักษาเกียร์รถของคุณ (หากใช้ระบบเกียร์ CVT) หรือรู้ก่อนซื้อ หากรถคันที่คุณสนใจใช้ระบบเกียร์ CVT และเพื่อเพิ่มความมั่นใจไปอีกระดับ! การมองหาเพื่อนที่รู้ใจช่วยดูแลสุขสภาพรถของคุณด้วยประกันรถยนต์ที่ง่าย ราคาดี ไม่ซับซ้อน ก็เป็นอีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ทำประกันรถยนต์กับทางรู้ใจ ประกันออนไลน์ “รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า” สำหรับรถที่คุณรักและเพื่อความปลอดภัยของคุณในทุกเส้นทาง เช็คราคาประกันฟรีใน 60 วิ ประหยัดสูงสุด 30% ราคาดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ปลอดภัย ทุนประกันสูง คุ้มครองทันที มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. คำตอบสุดท้ายของประกันรถยนต์ออนไลน์ต้องที่นี่เลย

คุณยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fanpage: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน