BMW Z4 (E89) ราคาตอนซื้อป้ายแดง ผ่อนเดือนละเท่าไหร่

จากกรณีข่าวรถสปอร์ต BMW Z4 (บีเอ็มดับเบิลยู แซด4) รหัส E89 ซิ่งฝ่าสายฝนจนเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งข้ามเลนไปชนรถอีกคัน ทำให้หลายคนอยากทราบรายละเอียดเบื้องต้นของ BMW Z4 รุ่นนี้ว่า มีความเป็นมาในบ้านเราอย่างไรบ้าง …

และราคาจำหน่ายของ BMW Z4 รุ่นดังกล่าว หลายคนอยากทราบว่าตอนป้ายแดงคันละเท่าไหร่ และค่างวดที่ต้องผ่อนจ่ายในแต่ละเดือน เท่าไหร่บ้าง

MR.CARRO เลยขอนำราคาและค่างวดของรถรุ่นนี้ ในยุคที่ยังเป็นรถป้ายแดง มาให้ทุกคนได้ดูกันครับ

BMW Z4 sDrive35i

สำหรับ BMW Z4 Roadster รหัส E89 สุดยอดแห่งโรดสเตอร์ที่ผสมผสานความคลาสสิค กับดีไซน์ที่มีเสน่ห์แบบโรดสเตอร์พันธุ์แท้ และยังเป็นรถ BMW ที่ออกแบบโดยผู้หญิง ซึ่ง Juliane Blasi ออกแบบตัวรถภายนอก และในส่วนของห้องโดยสารออกแบบโดย Nadya Arnaout ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และความสะดวกสบาย

อีกทั้งยังรวมถึงอารมณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตโรดสเตอร์เต็มรูปแบบ ด้วยการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล 50:50 หน้า:หลัง และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ผลิตจาก​โรงงานในเมือง Regensburg แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ถูกนำเข้ามาเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2552 แรกเริ่มนั้นเป็นรุ่น sDrive23i, sDrive23i Highline ในราคา 4,599,000 – 5,099,000 บาท

BMW Z4 sDrive35i

BMW Z4 ชูจุดเด่นด้วยหลังคา Retractable Hardtop แบบแข็ง (Hardtop) เป็นครั้งแรก โดยชุดหลังคาสามารถ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าในเวลาเพียง 20 วินาที อีกทั้งยังสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ (ขณะหลังคาปิด) สำหรับผู้ขับขี่ที่รักความสปอร์ตของรถแบบโรดสเตอร์ แต่ยังคงหลงใหลในกีฬากอล์ฟ

BMW Z4 sDrive35i

ไฮเทคสุดๆ กับระบบ iDrive ที่มีศูนย์บัญชาการข้อมูล CIC Car Infotainment Computer สั่งการระบบข้อมูลแผนที่นาวิเกเตอร์ โทรศัพท์ และระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ BMW Navigation System Professional ทำงานบนฮาร์ดดิสก์ขนาด 80GB +DVD + Bluetooth + iPod USB Connector แสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ความละเอียดสูง 1280 x 480 พิกเซล

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร รหัส N52 ให้แรงม้าสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,750 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.2 กม./ลิตร

และ sDrive35i ที่นำเข้ามาในช่วงแรก ใช้ขุมพลัง 3.0 ลิตร รหัส N54 ให้แรงม้าสูงสุด 306 แรงม้า และมีราคาอยู่ที่ 7,599,000 บาท

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2553 BMW ปรับให้ BMW Z4 sDrive23i สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งเป็นโรดสเตอร์พลังงานทางเลือกรุ่นแรกของเมืองไทย ปรับราคาตัวรถลงมาเหลือ 4,399,000 – 4,799,000 บาท

BMW Z4 sDrive35iS

ในเดือนมิถุนายน 2553 BMW เปิดตัว BMW Z4 sDrive35is สุดยอดโรดสเตอร์พันธุ์สปอร์ต เคาะราคาขายสูงกว่าใครเพื่อน สมกับเป็นราคาของคนเท้าหนัก 8,399,000 บาท

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยระบบ Twin Turbo ผลิตแรงม้าได้สูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที เพิ่มขึ้นถึง 500 นิวตัน-เมตรในขณะเร่งแซง ด้วยฟังก์ชั่น Overboost ระบบเทอร์โบ ด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.8 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมัน 11.1 กม./ลิตร

BMW Z4 sDrive35iS

ระบบเกียร์คลัทช์คู่ DCT 7-สปีด พร้อมฟลายวีลแบบ Two-Mass และโปรแกรมพิเศษ พร้อมฟังก์ชั่น Launch Control รับแรงบิดสูงของเครื่องยนต์ได้สบายๆ และโปรแกรมเกียร์ปรับให้เหมาะสม เน้นพละกำลัง ความปราดเปรียว และมีฟังก์ชั่น Launch Control สำหรับผู้ขับที่ต้องการออกตัวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมันเครื่องแบบ On-Demand แล้ว ยังมีระบบ Brake Energy Re-Generation ซึ่งเป็นการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อป้อนให้กับระบบต่างๆ ภายในรถด้วย

BMW Z4 sDrive35iS

ระบบท่อไอเสียปรับแต่งให้เสียงทุ้ม นุ่มลึก เข้ากับคาร์แรคเตอร์ โดยออกแบบท่อทางเดินอากาศและหม้อพักไอเสียเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เสียงความถี่ต่ำ ให้ความรู้สึกถึงพลังที่ซ่อนอยู่ของโรดสเตอร์พันธุ์ดุ โดยที่ไม่ดังส่งเสียงรบกวนจนน่ารำคาญ

ภายหลังในช่วงปี 2555 ปรับรุ่นย่อยเหลือเป็นรุ่น sDrive20i, sDrive20i Highline ใช้เครื่องยนต์เล็กลงเป็น 2.0 ลิตร รหัส N20 ให้แรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ในราคา 3,799,000 – 4,199,000 บาท

BMW Z4 sDrive20i Highline 2013

ช่วงต้นปี 2556 ในเยอรมนี ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ LCi และรุ่นย่อย บ้านเราเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2556 นำเข้าเฉพาะรุ่น sDrive20i Highline อย่างเดียว ในราคา 3,999,000 – 4,099,000 บาท

สำหรับ BMW Z4 sDrive20i Highline มาพร้อมกับสีที่มีให้เลือกได้ถึง 8 สี รวมถึงโทนสีใหม่ล่าสุด เช่น สี Mineral Grey Metallic, สี Glacier Silver Metallic, และ สี Valencia Orange Metallic ที่มีให้เลือกโดยเฉพาะสำหรับ BMW Z4 sDrive20i Highline พร้อมชุดตกแต่งพิเศษที่ผสมผสานระหว่างการดีไซน์แบบ Design Pure Traction และชุดแต่ง M Sport

BMW Z4 sDrive35iS

โดยชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Traction นี้โดดเด่นและเหนือชั้นกับทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์ เน้นความเป็นผู้นำแห่งโรดสเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร สะกดทุกสายตากับตัวรถสีส้ม Valencia Orange ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีที่ตัดกัน เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยหนังแบบ Alcantara สีส้มตัดกับหนังสีดำทั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตและแผงประตู

BMW Z4 sDrive35iS

ส่วนของคอนโซลกลางสีดำแบบ Black Piano ได้รับการติดตั้งพร้อมหนังที่เย็บด้วยตะเข็บสีส้ม เพิ่มบุคลิกความเป็นสปอร์ตเข้ากันอย่างลงตัว

สำหรับชุดตกแต่งพิเศษ Design Pure Balance นั้น ภายในผสมผสานหนังแท้สีดำกับสีน้ำตาลเข้ม (Cohiba Brown) ของเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนังแท้ Merino และตัดขอบด้วยตะเข็บสีขาว

BMW Z4 sDrive35iS

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้นด้วยชุดตกแต่ง M Sport Package พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว และชุดแต่ง M แอโรไดนามิครบครัน รวมถึงเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หุ้มด้วยหนังแท้สไตล์สปอร์ตแบบ M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย กาบบันได M รวมถึงผ้าบุหลังคาสี Anthracite

BMW Z4 sDrive20i

ก่อนที่จะขายกันมาเรื่อยๆ มาจนถึงต้นปี 2559 ทาง BMW Group Thailand จึงยุติการนำเข้าไป และนี่ก็คือรายละเอียดของ BMW Z4 (E89) ที่คุณต้องรู้ไว้เบื้องต้น ก่อนจะซื้อมาใช้กันครับ!

สำหรับราคาของ BMW Z4 Roadster (E89) ตอนออกใหม่ๆ และค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ของ BMW Hire Purchase (แบบมี Balloon) จะต้องจ่ายเท่าไหร่ มาดูกันได้ที่ตารางนี้ครับ

BMW Z4 (E89) ราคาตอนซื้อป้ายแดง ผ่อนเดือนละเท่าไหร่

*หมายเหตุ: ราคาและค่างวดตามนี้ คำนวณจากเงินดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน (และมียอด Ballroon งวดสุดท้าย จ่าย 30-40% ของราคารถ ซึ่งรถในแต่ละรุ่น แต่ละปี จำนวนเงินที่ต้องจ่ายอาจไม่เท่ากัน)

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

BMW Z4

มีพบก็ต้องมีพราก ถือเป็นสัจธรรม
ที่ใช้ได้กับโลกยานยนต์โดยแท้

วันนี้ Carro จะชวนคุณๆ มาดู 5 อันดับรถยนต์ที่เราจะไม่ได้เห็นอีกแล้วในปี 2017! ซึ่งหลายคันในกลุ่มนี้น่าจะเป็นรถในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว!

1. BMW Z4

คาดว่าอาจทำให้หลายคนงงงวยว่าโรดสเตอร์ยอดนิยมอย่าง Z4 เนี่ยนะจะไม่ได้ไปต่อ! มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไป มันเป็น Life Cycle ของ Z4 จ้า!

BMW Z4 เจนเนอเรชั่นปัจจุบันถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แม้ว่าโฉมปัจจุบันของ Z4 จะเป็นโฉมที่หลายคนยอมรับว่าดีไซน์สวยงามที่สุด คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที แถมยังโดดเด่นมากในบรรดา Roadster ด้วยกัน แต่เรื่องน้ำหนักของรถซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Hard Top ที่ออกแบบมาใหม่นั้นก็ยังเป็นปัญหา รวมถึงการทำความเร็วที่ยังเป็นรอง Porsche Boxster ด้วย

และช่วยไม่ได้จริงๆ ที่โรดสเตอร์เดี๋ยวนี้ขายยากขึ้นทุกวัน แถมผู้ซื้อก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ทางผู้ผลิตจึงต้องมีการปรับปรุงและพัฒนารถกันอีกสักยก ในปี 2017 เราน่าจะได้เห็น Z5 ที่จะมาพร้อมกับความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม! และก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า BMW ได้จับมือกับ Toyota เพื่อพัฒนา Sport Car ร่วมกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างที่หลายคนน่าจะทราบแล้วว่า Toyota Supra รุ่นต่อไปจะใช้เครื่องยนต์ BMW! ฉะนั้น Z5 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้จึงน่าจะเป็นรถที่ร่วมมือกันระหว่าง BMW กับ Toyota เช่นกัน !

(BMW Z4)

(BMW Z5 Spy Shots)

2. Rolls – Royce Phantom

นับว่าผ่านมาร่วม 13 ปีแล้วหลังจากที่ Phantom รุ่นล่าสุดเปิดตัวออกมา แม้จะไม่ใช่รถที่เราจะสามารถพบเห็นได้บ่อยๆ แต่ก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะดูเหมือนว่า Phantom รุ่น Drophead Coupe’ (เปิดประทุน) และรุ่น Coupe’ (2 ประตู) จะไปแล้วไปลับ เหลือไว้เพียงรุ่นลิมูซีนเท่านั้น!

(Rolls – Royce Phantom Coupe’)

(Rolls – Royce Phantom Drophead Coupe’)

3. Honda CR – Z

ซีอาร์ – ซีร์เพิ่งจะเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่กี่ปี แต่ในอเมริกาจะเลิกขายแล้ว! นับว่ารถไฮบริดจากค่ายฮอนด้าคันนี้มีชะตากรรมที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ในไทยซึ่งนิยมรถญี่ปุ่น เราก็ยังไม่ค่อยจะเห็น CR-Z บนท้องถนนบ่อยนัก ส่วนเมืองนอกซึ่งนิยมรถไฮบริดมากกว่าก็ดันประกาศเลิกผลิต!

ความแป้กของยอดขาย CR-Z นั้นเป็นที่คาดการณ์มาล่วงหน้านานแล้ว สาเหตุก็เพราะ CR-Z เป็นรถที่ไปไม่สุดเลยสักทาง จะเป็นคูเป้ที่ขับสนุกก็ไม่ใช่ เป็นอีโคคาร์ก็ไม่เชิง อีกทั้งในแง่ของความประหยัดน้ำมันนั้น คู่แข่งอย่าง Toyota Prius ก็ทำได้ดีกว่ามาก  Honda CR-Z จึงโบกมือลาตลาดอมริกาไปด้วยประการฉะนี้

(Honda CR-Z)

4. Volvo S80

ถือเป็นรุ่นที่อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้วสำหรับ S80 คันนี้! หลังจากต้องยืนหยัดแข่งขันกับ BMW 5 series และ Mercedes Benz E-Class อย่างแสนสตรองมาร่วมทศวรรษ และประสบความล้มเหลวไม่เป็นท่ากับยอดขายมาหลายปีติดๆ กัน แม้ว่าทางผู้ผลิตพยายามยื้อชีวิต S80 ด้วยการเติมโน่นนิด เติมนี่หน่อย และใส่เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์ต 4 สูบลงไปในรุ่นที่วางขายปี 2015 ก็ตาม

ในที่สุดทาง Volvo ก็ตัดสินใจปลดระวาง S80 แล้ว และมีแผนที่จะส่ง S90 ซึ่งมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัยกว่า และดีไซน์หรูหรามีระดับมากกว่าออกมาทดแทนในอนาคตอันใกล้นี้!

(Volvo S80)

5. Dodge Viper

หากคุณไม่ใช่แฟน Sport Car คงไม่ตกใจมากนัก แต่สำหรับคนรักรถสมรรถนะสูงทั่วโลก การที่ Viper จะเลิกผลิตในอเมริกานั้นถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญทีเดียว ด้วยสมรรถนะ ดีไซน์ และเสน่ห์หลายอย่างประกอบกัน Viper ได้กลายเป็นขวัญใจของคนรัก Sport Car จำนวนมาก! แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่า หลังจากรุ่น Limited Edition เปิดตัวในปีหน้า อสรพิษจากค่าย Dodge จะเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่จะไม่มีขายอีกแล้ว! เรื่องนี้ทำให้สื่อมวลชนหลายเจ้าโจมตีว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันปัจจุบันคงกลายเป็นพังพอนไปแล้ว! Viper จึงสามารถครองพื้นที่ในโชว์รูมต่อไปได้! (Viper แปลว่า งูพิษ)

(Dodge Viper)

เอาเป็นว่า Carro ขอแจ้งข่าวให้คนรักรถได้รับรู้ทั่วกัน 5 อันดับรถที่กล่าวมานี้ไม่ผลิตและวางขายในอเมริกาเหนือแล้วจ้า! แต่แฟนๆ ก็ไม่ต้องเสียอกเสียใจไป เพราะบางคันยังหาได้ในตลาดรถมือสอง! ใครที่สนใจรถมือสองสภาพดี ลองเข้าไปเลือกชม เลือกหาซื้อได้บนเว็บไซต์คาร์โรเลย! ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรเด็ดๆ ในแวดวงรถยนต์มือสอง มาติดตามได้ที่ได้ที่ facebook : Carro thailand แล้วเราจะได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม!