เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

หากใครที่เคยติดตามอ่านบทความต่างๆ ของ Carro (คาร์โร) เกี่ยวกับการแนะนำรถมือสองมาก่อนหน้า ก็จะเห็นได้ว่าเรามักให้ความสำคัญกับการดูรถมือสอง ที่รถต้องได้รับการตรวจสภาพโดยละเอียดมาเป็นอันดับแรกเสมอ เพื่อที่คุณจะได้เลือกรถคันที่สภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานที่สุด และไม่ก่อให้เกิดปัญหาจุกจิก หลังจากที่ซื้อรถมือสองคันที่ใช่ของคุณมาแล้ว

ส่วนถ้าหากใครไม่มีความเชี่ยวชาญพอ หรือไม่มีความรู้ในการดูรถยนต์มือสอง การให้ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ ตรวจสภาพรถให้ หรือเลือกรถคันที่มีสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานและส่งมอบให้คุณเลือก ก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในยุค New Normal เช่นกัน

โดยการซื้อรถมือสองจาก Carro ต้องขอบอกก่อนเลยว่าพิเศษมากๆ เนื่องจากรถยนต์ที่จำหน่ายโดย Carro ได้รับการตรวจสภาพรถจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน “ทุกคัน” มากถึง 160 จุด! ซึ่งทาง Carro ยินดีรับประกันสภาพเครื่องยนต์และเกียร์ให้ถึง 1 ปีเต็ม พร้อมทั้งยินดีคืนเงินภายใน 5 วัน และรับประกันคาร์โรไม่กรอไมล์ ไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม คุณจึงอุ่นใจได้ว่า ซื้อรถจากทาง Carro ไป มั่นใจ สภาพรถดีเยี่ยมแน่นอน

สำหรับ Carro เราตรวจสภาพรถ 160 จุด อย่างไร และจุดใดบ้างนั้น มาดูตามขั้นตอนด้านล่างได้เลยครับ …

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

สภาพภายนอกรถ

  • ตรวจสอบสภาพตัวถังรถโดยรวม เริ่มตั้งแต่สภาพสีรถยนต์ตามจุดต่างๆ ด้วยการใช้เครื่องมือวัดความหนาของสีรถบนตัวถัง ว่ามีความต่างกันหรือไม่ หรือมีจุดใดเคยทำสีมาแล้วบ้าง ตรวจดูรอยลักยิ้ม รอบบุบ ครูด ว่ามีหรือไม่ ส่วนบริเวณกันชนหน้า-หลัง ฝากระโปรงหน้า ประตูทุกบาน ฝากระโปรงท้าย มีช่องไฟที่เสมอกันหรือไม่ รวมไปถึงบริเวณเส้นข้างตัวรถ เป็นต้น
  • ตรวจสอบตามตะเข็บต่างๆ รอยปั๊ม รอยอาร์ค ทั้งในบริเวณด้านในห้องเครื่อง, ด้านในประตูของแต่ละบาน หรือแม้แต่ฝากระบะท้ายก็ตาม

ตัวถัง และ กันชน

  • ขอบยางประตูรถยนต์ (ทุกบาน)
  • ที่เปิดประตูรถยนต์
  • กันชนหน้า
  • บังโคลนหน้า (ซ้าย)
  • ประตูหน้า (ขวา)
  • แผงประตูหน้า (ขวา)
  • ประตูหน้า (ซ้าย)
  • แผงประตูหน้า (ซ้าย)
  • ฝากระโปรงหน้า, แผ่นกันความร้อน, และค้ำฝากระโปรง
  • บังโคลนหน้า (ขวา)
  • ฝากระโปรงหลัง
  • บังโคลนหลังขวา
  • บังโคลนหลังซ้าย
  • กันชนท้าย
  • ประตูหลัง (ขวา)
  • แผงประตูหลัง (ขวา)
  • ประตููหลัง (ซ้าย)
  • แผงประตูหลัง (ซ้าย)
  • สเกิร์ตข้าง (ซ้าย)
  • สเกิร์ตข้าง (ขวา)
  • สภาพตัวถังโดยรวม

ฝากระโปรง และ ตะแกรง

  • กระจังหน้ารถ
  • ซ้นรูฟ / มูนรูฟ
  • เปิดประทุน
  • ระบบการเปิดฝากระโปรงหน้า

กระจก และ หน้าต่าง

  • กระจกบังลมหน้า
  • กระจกบังลมหลัง
  • กระจกประตูหน้า (ซ้าย)
  • กระจกประตูหน้า (ขวา)
  • กระจกประตูหลัง (ขวา)
  • กระจกประตูหลัง (ซ้าย)
  • กระจกมุมหลัง (ซ้าย)
  • กระจกมุมหลัง (ขวา)
  • สวิตซ์ปัดน้ำฝนหลัง
  • สวิตซ์ปัดน้ำฝนกระจกหน้า
  • ใบปัดน้ำฝนด้านหน้าและด้านหลัง
  • ชุดควบคุมกระจกไฟฟ้า
  • กระจกมองข้างด้านซ้าย
  • กระจกมองข้างด้านขวา
  • กระจกมองหลัง
  • ที่บังแดดด้านหน้า, กระจกส่องหน้า และ ไฟส่องสว่าง

ไฟภายนอก

  • ไฟหน้า (ซ้าย)
  • ไฟหน้า (ขวา)
  • ไฟข้างรถ
  • ไฟท้าย (ซ้าย)
  • ไฟท้าย (ขวา)
  • ไฟฉุกเฉิน
  • ไฟสัญญาณเตือน
  • ระบบไฟตัดหมอก
  • ไฟ Daytime Running Light
  • ระบบปรับไฟ สูง/ต่ำ
  • ระบบไฟ เปิด/ปิด อัตโนมัติ

ชุดล้อ

  • ยางอะไหล่
  • เครื่องมือแม่แรง
  • ขอบล้อ
  • ศูนย์ล้อ
  • ฝาครอบล้อแม๊ก และครอบดุมล้อ

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

สภาพภายในรถ

  • ตรวจสอบสภาพแผงคอนโซล แผงข้างประตูด้านในรถ ฝาครอบชุดสวิทช์กระจกไฟฟ้า และแผงคอนโซลกลาง ตรวจเช็คหมุดยึดต่างๆ มีงานประกอบที่เรียบร้อยตามแบบโรงงาน หรือมีร่องรอยการถอด งัด รอยขีดข่วน หรือทำสีใหม่หรือไม่ พร้อมเช็คฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถ ว่าทำงานได้ครบถ้วนหรือไม่
  • เคยติดแก๊ส LPG/NGV มาหรือไม่ โดยตรวจสอบจากด้านท้าย ว่าเคยมีรอยเจาะที่พื้นรถ พื้นยางอะไหล่รถ ว่าเคยเดินท่อมาหรือไม่ รวมถึงท่อทางเดินต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์

เครื่องเสียง และ ระบบสัญญาณเตือน

  • ระบบเครื่องเล่นและวิทยุ
  • ลำโพง
  • สัญญาณกันขโมย
  • กล้องถอยหลัง
  • เสาอากาศ

ระบบปรับอากาศ และ ระบบทำความเย็น

  • แผงควบคุมระบบแอร์
  • ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบแอร์
  • การทำงานของระบบทำความเย็น
  • ช่องแอร์ด้านหน้า
  • ช่องแอร์ด้านหลัง
  • การทำงานของระบบไล่ฝ้า
  • ชุดพักแขนกลางและคอนโซลกลาง

พรมรองพื้น ปูพื้น แผงและเบาะ

  • พรมหรือแผ่นยางรองพื้น
  • พรมในห้องโดยสาร
  • แผงประตูหน้า (ขวา)
  • แผงประตูหน้า (ซ้าย)
  • แผงประตูหลัง (ขวา)
  • แผงประตูหลัง (ซ้าย)
  • แผงครอบเสา A (ขวา)
  • แผงครอบเสา A (ซ้าย)
  • แผงครอบเสากลาง (ขวา)
  • แผงครอบเสากลาง (ซ้าย)
  • แผงครอบเสา C (ขวา)
  • แผงครอบเสา C (ซ้าย)
  • ช่องเก็บของด้านหน้า
  • ช่องเก็บของด้านหน้า
  • เบาะหน้ารวมถึงเบาะไฟฟ้า
  • เบาะหลังรวมถึงเบาะไฟฟ้า
  • เบาะพับ
  • ปรับเบาะอุ่น
  • ปรับเบาะเย็น
  • เบาะ และ พนักพิงศีรษะ
  • ผ้าหลังคา
  • แผงบังสัมภาระ, แผงลำโพงหลัง

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ (ภายใน)

  • นาฬิกา
  • ช่องจ่ายไฟ – 12V / ที่เขี่ยบุหรี่
  • ช่องจ่ายไฟ – USB Port / ที่เขี่ยบุหรี่
  • พวงมาลัยเพาเวอร์
  • ชุดควบคุมบนพวงมาลัย
  • สภาพพวงมาลัย
  • การปรับระดับของพวงมาลัย
  • การวัดเลขระยะไมล์
  • ไฟหลังคา, ไฟกลางและไฟส่องแผนที่
  • ที่เขี่ยบุหรี่
  • ชุดเบรคมือ
  • หัวเกียร์
  • แตร
  • ไฟสัญญาณเตือน
  • ระบบครูซคอนโทรล
  • ระบบความจำสถานะผู้ขับขี่
  • แผงควบคุมคอลโซล
  • ระบบ Paddle Shift

ความปลอดภัย

  • เข็มขัดนิรภัย
  • ถุงลมนิรภัย

ระบบล็อค และ แผงควบคุม

  • ระบบเซ็นทรัลล็อค
  • รีโมตเปิดท้ายรถ
  • ระบบปุ่มกดสตาร์ท
  • ฝาถังน้ำมัน

ช่องเก็บสัมภาระ

  • ไฟส่องสัมภาระด้านท้าย
  • แผงครอบสัมภาระด้านท้าย
  • ถาดท้าย

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ช่วงล่าง

  • วิเคราะห์สภาพช่วงล่าง ปีกนก แขนต่างๆ ลูกหมาก โช๊คอัพ สปริง ยางเบ้าโช๊ค อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีจุดรั่วซึม หรือยุบหรือไม่ ทั้ง 4 ล้อ
  • สภาพยางรถยนต์ ความหนาของดอกยาง สภาพเนื้อยาง มีร่องรอยบาดบวม แตกตำหรือไม่
  • สภาพความหนาของชุดจานเบรก ความหนาของผ้าเบรก สภาพท่ออ่อนเบรกทั้ง 4 ล้อ รวมไปถึงกระปุกน้ำมันเบรก

ของเหลว

  • น้ำมันเบรก
  • น้ำมันเกียร์
  • การรั่วซึมของน้ำมันเกียร์
  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์
  • น้ำยากระปุกฉีดกระจกหน้า
  • น้ำมันเครื่อง
  • การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง

ระบบหล่อเย็น

  • กระปุกพักน้ำหล่อเย็น
  • น้ำยาหล่อเย็น
  • หม้อน้ำ

ระบบไฟฟ้า

  • สายไฟและกล่องฟิวส์
  • ฝาครอบเครื่องยนต์
  • แบตเตอรี่

ระบบไอเสีย

  • ระบบไอเสีย

ช่วงล่าง

  • ระบบปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์
  • แร็คพวงมาลัย, กันโคลงและยางหุ้ม
  • ระบบคันชักคันส่ง
  • ปีกนกและลูกหมากปลายแร็ค
  • เหล็กกันโคลง

ยาง

  • ยางหน้า (ซ้าย)
  • ยางหน้า (ขวา)
  • ยางหลัง (ซ้าย)
  • ยางหลัง (ขวา)

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ห้องเครื่องยนต์

  • สภาพห้องเครื่องยนต์ สภาพคานหน้าของเดิมหรือไม่ หรือร่องรอยการงัด หรือตอก เปลี่ยน แผ่นแสดงรายละเอียดรถ หรือไม่ หรือมีการทำสีในจุดที่ไม่ควรทำสีหรือไม่ พร้อมตรวจสอบรอยตะเข็บต่างๆ หรือรูระบายน้ำ มีถูกปิดหรือทำสีทับไปหรือไม่
  • ทดสอบการทำงานของเครื่องยนต์ ต้องเดินเรียบ นิ่ง ได้มาตรฐานใกล้เคียงกับรถใหม่ บิดกุญแจแล้วต้องสตาร์ทติดทันที
  • ตรวจเช็คระบบไฟภายในรถ ฟิวส์ต่างๆ จากเครื่องวัด
  • ระบบแอร์ คอมเพรสเซอร์แอร์ แผงคอนเดนเซอร์ ตู้แอร์ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ พร้อมเช็ครั่ว เช็คน้ำยาแอร์
  • สภาพชุดสายพานต่างๆ ทั้งสายพานไทม์มิ่ง สายพานแอร์ สายพานพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) และสายพานเครื่องยนต์ เป็นต้น
  • ชุดกล้องมองถอยหลัง กล้องหน้ารถ เซ็นเตอร์เปิด-ปิด ฝากระโปรงท้าย
  • ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันคลัทช์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) และน้ำมันเฟืองท้าย
  • สภาพหม้อน้ำ น้ำยาหล่อเย็น หม้อพักน้ำ และแบตเตอรี่รถยนต์
  • สภาพใบปัดน้ำฝน มอเตอร์ปัดน้ำฝน ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ที่ฉีดน้ำไฟหน้า มอเตอร์ปัดน้ำฝน สภาพพร้อมใช้งานหรือไม่

เอกสารของรถ

  • ตรวจดูคู่มือรถ, Book Service สมุด/คูปอง เข้ารับบริการจากผู้ผลิต, คู่มือรับประกันระบบแอร์รถยนต์, เอกสารประกันภัย, พรบ. และเล่มทะเบียนรถ เพื่อประเมินว่าเจ้าของรถคนเดิม ดูแลรถมาอย่างไรบ้าง พร้อมตรวจสอบเลขไมล์รถยนต์ว่ามีกรอไมล์มาหรือไม่

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

ทดสอบขับขี่บนถนน

การนำรถออกไปทดลองขับ พร้อมตรวจสอบสภาพรถ ด้วยการทดลองฟังเสียงดูว่ามีเสียงยุกยิก เสียงดัง จากจุดใดจุดหนึ่งหรือไม่ การตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ เบรก ช่วงล่าง พวงมาลัย หรือมีความผิดปกติอะไรของตัวรถหรือไม่ ทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง

เครื่องยนต์

  • การสตาร์ทของเครื่องยนต์
  • เสียงผิดปกติในขณะเครื่องยนต์ทำงาน
  • การทำงานขณะรอบเดินเบา
  • อัตราเร่งของเครื่องยนต์
  • สายพานเครื่องยนต์
  • ยางแท่นเครื่องและเกียร์

ช่วงล่างและระบบกันสะเทือน

  • ความหนาของผ้าเบรก
  • แป้นเบรก
  • ระบบเบรก และ ท่อระบบเบรก
  • ระบบกันสะเทือนและโช๊ค
  • ระบบบังคับเลี้ยว
  • เสียงช่วงล่าง
  • ชุดเกียร์

ชุดคลัตช์และระบบส่งกำลัง

  • การทำงานของคลัตช์
  • ระบบเกจ์วัดและแผงหน้าปัด
  • การเปลี่ยนเกียร์สามารถทำงานได้อย่างปกติ
  • เสียงผิดปกติจากการทำงานของชุดเกียร์และระบบขับเคลื่อน
  • ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • การทำงานของเพลาขับและชุดส่งกำลัง

เรื่องน่ารู้ ขั้นตอนการตรวจสภาพรถตามมาตรฐานคาร์โร 160 จุด

การตรวจสภาพโดยรวม

  • รถไม่มีอุบัติเหตุหนัก
  • รถไม่มีไฟไหม้
  • รถไม่มีรอยน้ำท่วม

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ เราขอย้ำอีกครั้งว่า Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และอุ่นใจไปอีกขั้น เพราะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ทั้งคัน 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

Carro ลด แรง คูณ 2 ทะลุหน้าฝน รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท!

Carro (คาร์โร) พร้อมมอบความสุข ให้ทุกการซื้อรถยนต์มือสองของคุณเป็นไปอย่างสบายใจ ที่คาร์โร พร้อมจัดแคมเปญใหญ่รับหน้าฝน! แจกส่วนลดสูงถึง 100,000 บาท! สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์กับทาง Carro ตั้งแต่วันนี้ – 12 มิถุนายน 2565 เท่านั้น! รายละเอียดมีดังต่อไปนี้ …

  • ส่วนพิเศษสูงสุด! 100,000 บาท สำหรับรถที่ร่วมรายการ
  • คาร์โรออกค่าน้ำมันให้ 5,000 บาท
  • เครดิตดีฟรีดาวน์ และฟรี! ค่าจัดค่าโอน
  • เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 2.59% / ผ่อน 0% นาน 12 เดือน / ผ่อนนาน 84 งวด
  • หรือ ผ่อนเริ่มต้น 3,XXX บาท นาน 4 ปี กับจีนี่ อีซี โอน พร้อมฟรี!! 1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 2. ไส้กรองน้ำมันเครื่อง 3. กรองอากาศ ก่อนส่งรถถึงมือคุณ
  • บริการส่งรถถึงบ้าน
  • Carro Certified (CCPO) การรับประกันคุณภาพโดยคาร์โร จัดเต็มให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันคาร์โรไม่กรอไมล์ รับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย!

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ รับบัตรที่นั่งศึกแดงเดือดติดขอบสนาม

สุดพิเศษ!!! ซื้อรถกับคาร์โรรับทันทีบัตรที่นั่งเพื่อชมศึกแดงเดือด “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ติดขอบสนามในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท ทันที!!! (รางวัลมีจำนวนจำกัด)

เงื่อนไข

  • ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้- 12 มิถุนายน 2565
  • CARRO ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

Carro Automall ตลาดรถ

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ เราขอย้ำอีกครั้งว่า Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และอุ่นใจไปอีกขั้น และ Carro ยังได้ร่วมมือกับทาง Genie Fintech (จีนี่ ฟินเทค) ซึ่งเป็นบริษัทฯ ในเครือ มอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถได้ง่ายที่สุด โดยเราพร้อมให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์ รวมไปถึงบริการหลังการขายที่รวดเร็ว ฉับไว ให้คุณได้เป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้อย่างมั่นใจ

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลอาชีพในระดับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก รวมถึงเป็นนักฟุตบอลในสังกัดสโมสรชื่อดังระดับโลก อาทิ แมนยู หรือ ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าชื่อเสียง บารมี รวมไปถึงเงินทองที่ไหลมาเทมามหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาแต่ละครั้ง ค่าตัวในการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง หรือการได้เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาต่างๆ ทั่วโลก …

Carro (คาร์โร) ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของศึกแดงเดือดในไทย แมนยู – ลิเวอร์พูล รายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022” มีนักบอลชื่อดังระดับโลกมาร่วมแข่งในรายการครั้งนี้ หลายคนมีรายได้ไม่ธรรมดา เช่น คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) ติดอันดับนักฟุตบอลมีรายได้มากที่สุดในโลก จากรายได้ฤดูกาล 2021-22 ทั้งค่าเหนื่อย และสัญญาสปอนเซอร์ส่วนบุคคลต่างๆ ก่อนหักภาษี รวมเป็นเงินถึง 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,125 ล้านบาท) แบ่งเป็นค่าเหนื่อยรายปี 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,310 ล้านบาท) กับรายได้นอกสนาม 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,650 ล้านบาท)

ทำให้ “รถยนต์” ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นักฟุตบอลดังๆ ชื่นชอบและปรารถนา พากันสะสมกันไว้ในคอลเลกชั่นเพียบ

Carro ขอนำเสนอรถยนต์ขวัญใจ 6 นักเตะศึกแดงเดือดจากทีมแมนยู – ลิเวอร์พูล ที่จะมาแข่งขัน THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 ในไทย ให้ทุกท่านได้อ่านกันจ้า

ส่อง 6 รถนักฟุตบอลคู่ใจ แมนยู - ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือด THE MATCH

1. Cristiano Ronaldo

Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro (คริสเตียโน่ โรนัลโด้) ปัจจุบันเล่นให้ตำแหน่งกองหน้าของ Manchester United (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) สโมสรในพรีเมียร์ลีก และเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ด้วยความสามารถระดับ “World Class”

โดยในศึก The Match ครั้งนี้ โรนัลโด้ยืนยันว่ามาร่วมศึกแดงเดือดในไทยแน่นอน ซึ่งเป็นที่ทราบกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว ว่าโรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก และมีทรัพย์สินมากกว่า 16,000 ล้านบาท รวมไปถึงยังมีคอลเลกชั่นรถยนต์ที่สะสมไว้นับพันล้านบาท

และถ้าใครจำกันได้ เขาคนนี้คือพรีเซ็นเตอร์ของ Toyota Hilux Vigo Champ (ในปี 2554 – 2556) ด้วยนะครับ! ด้วยมูลค่าที่ประมาณการไว้อยู่ที่ 3-5 ล้านยูโร หรือ 120-150 ล้านบาท

ส่วนรถ Supercar คันโปรดของ Cristiano Ronaldo แน่นอน ยังคงเป็นรถยี่ห้อ Bugatti (บูกัตติ) เช่นเคย โดยคันล่าสุดคือ Bugatti Centodieci (บูกัตติ เซนต์โตดีซิ) ชื่อรุ่นแปลเป็นภาษาอังกฤษ คือ “Hundred Ten” หรือ 110 ซึ่งเป็นรุ่นฉลองแบรนด์ครบรอบ 110 ปี

เป็นรถรุ่น Limited ที่มีราคาแพงกว่าเดิมมาก และการออกแบบยังคงไว้ซึ่งเส้นสายของรถ Bugatti รุ่นในตำนานอย่าง EB110 รอบคัน ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Chiron แต่ลดน้ำหนักให้เบาลงกว่าเดิม 20 กิโลกรัม

มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ W16 ขนาด 8.0 ลิตร Twin Turbo 4 ลูก ให้แรงม้าสูงสุด 1,600 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที มีแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 1.13 กิโลกรัม/แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG บนระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive

ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที อัตราเร่ง 0-300 กม./ชม. ในเวลา 13.1 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 380 กม./ชม. (ถูกจำกัดไว้)

ผลิตจำกัดเพียง 10 คัน ด้วยราคากว่า 9,400,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 322 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี) ซึ่งราคาแพงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของโรนัลโด้ร่วงแต่ประการใด

ส่อง 6 รถนักฟุตบอลคู่ใจ แมนยู - ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือด THE MATCH

2. Harry Maguire

Jacob Harry Maguire (แฮร์รี่ แม็คไกวร์) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับ Manchester United (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) และทีมชาติอังกฤษ ได้ฉายาว่าเป็นกองหลังร่างโย่ง มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก

เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับ ทีมเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด ช่วงปี 2011 – 2014 ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม ฮัลล์ซิตี้ ช่วงปี 2014 – 2017 และเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะมาอยู่แมนยูในปัจจุบัน ด้วยค่าตัวกว่า 80 ล้านปอนด์ กับตำแหน่งกัปตันทีม ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีม

แม้ว่า Harry Maguire เป็นนักเตะยอดเยี่ยมก็จริง แต่ก็มีข้อผิดพลาดกับรูปแบบการเล่นบ้างในบ้างครั้ง แต่โดยรวมแล้วถือว่า เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และกลายเป็นกองหลังที่ไว้ใจได้มากที่สุดของทีม

และรถยนต์คันโปรดของ Harry Maguire นั่นคือ Range Rover Sport SVR (เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต เอสวีอาร์) SUV สุดหรูทรงพลัง พร้อมป้ายทะเบียนในชื่อและตัวเลขของตัวเอง ใช้ลุยไปซ้อมฟุตบอล แข่งขันฟุตบอลได้ทุกอาทิตย์

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

3. Bruno Fernandes

Bruno Miguel Borges Fernandes (บรูโน่ เฟอร์นานเดส) เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับ Manchester United แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทีมชาติโปรตุเกส ที่ถูกซื้อตัวมาในราคาสูงถึง 55 ล้านปอนด์

ซึ่งตั้งแต่ Bruno Fernandes เข้ามาใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ทุกๆ คนในทีม เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมไปยังจุดมุ่งหมาย สร้างความสำเร็จ ที่เหล่าแฟนบอลรอคอยกัน

สำหรับรถคันโปรดของ Bruno Fernandes นั่นคือ Porsche Panamera Turbo S e-Hybrid (ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด) แรงสุดๆ ด้วยเครื่องยนต์ V8 Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงถึง 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที 1,400 รอบ/นาที ถือเป็นรถยนต์นั่งที่แรงที่สุดเท่าที่ Porsche เคยผลิตมา

อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 310 กม./ชม. แถมประหยัดน้ำมันได้ถึง 34.4 กม./ลิตร ทีเดียว พร้อมกับขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ไกลถึง 50 กิโลเมตร

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

4. Mohamed Salah

Mohammed Salah Ghaly (โมฮาเหม็ด ซาลาห์) เป็นนักฟุตบอลชาวอียิปต์ ปัจจุบันเล่นให้กับลิเวอร์พูล และทีมชาติอียิปต์ ในตำแหน่งกองหน้า แถมยังเป็นคนที่ช่วยให้ อียิปต์ ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 ปัจจุบันรับค่าเหนื่อยระดับ 400,000 ปอนด์/สัปดาห์

แถม ซาลาห์ ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในอังกฤษเมื่อปีที่แล้วว่า “จะอยู่ลิเวอร์พูล ไปจนวันสุดท้ายของการเล่นฟุตบอล แต่ผมพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในมือผม มันขึ้นอยู่กับสโมสรว่า ต้องการหรือไม่ต้องการผม”

แม้ว่า Mohamed Salah จะมีรถตัว Top หรือ Supercar เก็บสะสมไว้เป็นจำนวนมาก แต่รถรุ่นที่จัดว่ามีราคาแพง และเป็นรถคันโปรดของซาลาห์ คงต้องยกให้กับ Bentley Continental GT (เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที) รถสปอร์ตสุดหรู 2 ประตูในสไตล์ Bentley แท้ๆ ที่ใช้งานบ่อยที่สุด

โดย Bentley Continental GT มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 521 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 680 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF แบบ 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 309 กม./ชม.

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

5. Sadio Mane

Sadio Mane (ซาดิโอ้ มาเน่) เป็นนักฟุตบอลชาวเซเนกัล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติเซเนกัล จัดเป็นนักเตะแอฟริกันที่มีค่าตัวมากถึง 34 ล้านปอนด์

เนื่องด้วยรายได้จากการเป็นนักเตะและค่าตัวที่มากมาย ทำให้ Sadio Mane ก็มีคอลเลกชั่นรถหรูๆ สะสมไว้อยู่เพียบด้วยเช่นกัน แต่คันที่ใช้บ่อยที่สุดน่าจะเป็น Bentley Continental GT (เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที) สีขาวคันนี้

และยังมีชีวิตนอกสนาม ที่ติดดิน เข้าถึงคนรากหญ้าและท้องถิ่นได้แบบไม่ถือตัว นอกจากจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ยังเป็นคนที่เคร่งศาสนาอีกด้วย อีกทั้งยังนำรายได้จากการเป็นนักเตะของตัวเอง กลับไปช่วยเหลือประเทศบ้านเกิด (เซเนกัล) หลายต่อหลายครั้ง ทั้งการสร้างศูนย์การศึกษา และศูนย์พยาบาลให้กับทุกคนในชุมชนด้วย

ส่องนักเตะและรถยนต์คู่ใจจากทีมแมนยู - ลิเวอร์พูล ใน THE MATCH

6. Alisson Becker

Alisson Ramses Becker (อลิสสัน เบ็คเกอร์) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับลิเวอร์พูล และทีมชาติบราซิล ที่เคยอยู่ร่วมกับทีมสโมสร Roma (โรม่า) ของอิตาลี ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสูงถึง 67 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เดือนกรกฏาคม 2018

นอกจากนี้ Alisson Becker ยังได้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าหลากหลายอย่าง พร้อมกับคอลเลกชั่นรถยนต์ที่สะสมไว้มูลค่ากว่า 2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ซึ่งรถยนต์คันโปรดของ Alisson Becker นั่นคือ Audi Q7 (ออดี้ คิว7) เฉกเช่นเดียวกับที่เศรษฐีไทยหลายคนนิยมใช้นั่นเองครับ

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานก่อนศึกแดงเดือดจะเริ่ม Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-460-9380 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

แหล่งที่มาบางส่วนจาก:

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ รับบัตรที่นั่งศึกแดงเดือดติดขอบสนาม

Carro (คาร์โร) ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของศึกแดงเดือดในไทย แมนยู – ลิเวอร์พูล ที่เหล่าแฟนพันธุ์แท้ต่างรอคอย รายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022” เตรียมของดีมาให้คุณได้ลุ้นได้เชียร์ แมนยู VS ลิเวอร์พูล สนุกกันเต็มที่! พร้อมจัดแคมเปญเอาใจแฟนบอลกันสุดๆ

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ ลุ้นบัตรชมศึกแดงเดือด กับคาร์โร!

อรรณพ เกษตระทัต CEO บริษัท คาร์โร ประเทศไทย จำกัด กับ Aaron Tan CEO และ Co-Founder Carro ในงานเปิดตัวรายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022”

และในโอกาสนี้ Carro ได้จัดแคมเปญต้อนรับ “ลุ้นชิงบัตรดูศึกแดงเดือดครั้งแรกในไทย ไปกับคาร์โร!” ร่วมรับบัตรฟรี เพียงแค่ซื้อรถยนต์กับทาง Carro ก็มีสิทธิ์ได้บัตรฟรีไปเลย! เข้าชมศึกปะทะแข้งระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล คนละใบ! ง่ายๆ 

ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์กับทาง Carro Thailand ตั้งแต่วันนี้ – 13 มิ.ย. 2565 ที่ดำเนินการซื้อรถยนต์กับทางคาร์โรจนจบขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อย รับทันที! บัตรศึกแดงเดือด “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ติดขอบสนาม มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท เฉพาะลูกค้า 160 คนแรกเท่านั้น ช้าหมด อดแน่นอน ใครมาก่อนได้ก่อน! (จำกัด 1 สิทธิ์ 1 บัตรที่นั่ง/ รางวัลมีจำนวนจำกัด)*

ไม่เพียงเท่านั้น รับอีกต่อ! ออกรถวันนี้ คาร์โรออกค่าน้ำมันให้ฟรี! อีก 5,000 บาท

แล้วมามันส์กันติดขอบสนาม กับการแข่งขัน THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ ลุ้นบัตรชมศึกแดงเดือด กับคาร์โร!

อรรณพ เกษตระทัต CEO บริษัท คาร์โร ประเทศไทย จำกัด กับ Aaron Tan CEO และ Co-Founder Carro ในงานเปิดตัวรายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022”

ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ของบัตรศึกแดงเดือด ลิเวอร์พูล VS แมนยู ที่ทาง Carro แจก มีดังต่อไปนี้

  • บัตรที่นั่ง THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 แบบแพลทินัม (Platinum) มูลค่าใบละ 25,000 บาท จำกัด 1 สิทธิ์ 1 บัตรที่นั่ง รวม 80 รางวัล
  • บัตรที่นั่ง THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 แบบโกลด์ (Gold) มูลค่าใบละ 22,000 บาท จำกัด 1 สิทธิ์ 1 บัตรที่นั่ง รวม 80 รางวัล 
  • ผ้าพันคอ และหน้ากากอนามัยผ้าลายการแข่งขันฯ จำนวน 1 รางวัล และ Carro Gift Set จำนวน 5 รางวัล

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ ลุ้นบัตรชมศึกแดงเดือด กับคาร์โร!

อรรณพ เกษตระทัต CEO บริษัท คาร์โร ประเทศไทย จำกัด กับ Aaron Tan CEO และ Co-Founder Carro และ ฟิล บาบบ์ ตัวแทนจากสโมสรลิเวอร์พูล ในงานเปิดตัวรายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022”

ระยะเวลาแคมเปญ

  • ประกาศรางวัลผ่าน LIVE Facebook Fanpage Carro Thailand ในวันที่ 15 มิ.ย. 2565
  • ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่าน Facebook Fanpage Carro Thailand (Post) ในวันที่ 16 มิ.ย. 2565
  • พนักงานของบริษัทฯ จะติดต่อลูกค้า เพื่อยืนยันสิทธิ์ทางโทรศัพท์ภายในวันที่ 22 มิถุนายน 2565 โดยลูกค้าต้องยืนยันสิทธิ์ภายในระยะเวลาดังกล่าว มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์
  • หลังจากยืนยันสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทฯ จะส่งโค้ดสำหรับลงทะเบียนเพื่อรับบัตรเข้าชมการแข่งขันฯ แบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางอีเมลที่ท่านลงทะเบียนไว้กับบริษัทฯ ภายในวันที่ 31 มิถุนายน 2565
  • งานจัดขึ้น ณ วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 เวลา 20.00 น. สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ

ซื้อรถกับ Carro วันนี้ ลุ้นบัตรชมศึกแดงเดือด กับคาร์โร!

อรรณพ เกษตระทัต CEO บริษัท คาร์โร ประเทศไทย จำกัด กับ Aaron Tan CEO และ Co-Founder Carro ในงานเปิดตัวรายการ “THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022”

เงื่อนไขและข้อกำหนด:

  • สำหรับลูกค้าที่ดำเนินการซื้อรถยนต์กับคาร์โรจนเสร็จสิ้น รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์ทันที โดยลูกค้าที่ซิ้อขายสำเร็จก่อน จะได้รับสิทธิ์จับรางวัลก่อน
  • ระยะเวลาซื้อรถยนต์เพื่อรับสิทธิ์จับรางวัลบัตรที่นั่ง THE MATCH BANGKOK Century Cup 2022 เริ่มตั้งแต่ 9 พฤษภาคม – 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565
  • รางวัลดังกล่าวไม่รวมการเดินทาง ที่พัก หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โดยบัตรเข้าชมมีจำนวนจำกัดโดยจะให้บริการตามลำดับก่อน-หลัง จนกว่าสินค้าจะหมด
  • บัตรเข้าชมการแข่งขันฯ ของท่านไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการอัปเกรด หรือแลกเปลี่ยนที่นั่งในทุกกรณี
  • ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกสิทธิ์ลุ้นรางวัล ในกรณีที่ลูกค้าแจ้งบริษัทฯ ให้ดำเนินการคืนเงินตามนโยบายของบริษัทฯ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงของรางวัลเป็นเงินสดได้
  • การตัดสินของบริษัทถือเป็นอันสิ้นสุด และไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ นอกเหนือจากที่บริษัทฯ กำหนดได้
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด โปรดตรวจสอบ ณ จุดขาย
  • ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ผู้เข้าชมทุกท่านจะต้องลงทะเบียนยืนยันการรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ล่วงหน้าก่อนชมการแข่งขัน

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานก่อนศึกแดงเดือดจะเริ่ม Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

ช่วงนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระแส “พับเบาะรถ” ถือว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว ซึ่งในตลาดรถที่พับเบาะได้ ก็มีให้เลือกกันอยู่หลายรุ่นหลายแบบเลยทีเดียว แต่รถที่พับเบาะได้ และสามารถใช้งานได้จริง (ที่ไม่ใช่แค่เพียงวางของอย่างเดียว) ก็คงเป็นรถในแนวๆ Hatchback (รถแฮทช์แบค), รถ SUV (รถเอสยูวี) หรือรถ MPV (รถเอ็มพีวี) ซึ่งแต่ละรุ่น ก็ออกแบบพื้นที่ในการใช้งาน และอรรถประโยชน์มาได้คล้ายๆ กัน

แต่ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ รถใหม่ป้ายแดงสำหรับบางคนอาจจะเป็นภาระเกินกำลังไปบ้าง การเลือกรถมือสองสภาพเยี่ยมๆ มาใช้สักคัน ก็จะช่วยเซฟเงินไปได้ไม่น้อย และยังเก็บเงินไว้ทำกิจกรรมสนุกๆ ขับรถไปเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดได้บ่อยๆ ด้วย

Carro ขอคัดสรรรถมือสอง 10 รุ่น ที่พับเบาะด้านหลังได้ราบเรียบ (หรือเกือบราบเรียบ) สามารถขับรถไปจอดนอนดูวิวริมเขื่อน หรือดูดาวบนดอย ทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก และราคาสบายกระเป๋า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยครับผม

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

1. Toyota C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) เป็นรถ Sub-Compact Crossover SUV รูปทรงสวยสไตล์รถ Coupe มาพร้อมความสารพัดประโยชน์ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ แถมยังเป็นแบรนด์ซื้อง่ายขายคล่อง ขับไปไหนก็มีศูนย์บริการ และหาอะไหล่ได้ง่าย เปิดตัวในไทยเมื่อช่วงปลายปี 2560

ขุมพลังเป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

และในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

สำหรับชุดเบาะหลังของ Toyota C-HR ในรุ่นเบนซินสามารถพับได้แบบ 60:40 และพับได้ราบเรียบ เมื่อพับเบาะลงหมดให้ความจุมากถึง 1,112 ลิตร ขนจักรยานเสือหมอบ 54 มาวางได้สบายๆ แต่ในรุ่น Hybrid อาจจะมีเนินบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีชุดแบตเตอรี่อยู่บริเวณใต้เบาะนั่นเอง

คลิกเลือกรถ Toyota C-HR คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

2. Toyota Innova

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด และความอเนกประสงค์สุดๆ

ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

ด้วยแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร ภายใต้ Concept “Living Room Like” ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับเบาะจังหวะเดียว 1-Touch Tumble ได้ และปรับเบาะแบบ Privy Relaxed ปรับเอนได้อิสระในเบาะนั่งแถวที่ 2 (สำหรับในรุ่นที่ไม่ใช่เบาะ Captain Seat นะครับ)

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 โดยห้อยที่บริเวณด้านข้าง ซึ่งก็ทำให้เสียพื้นที่แนวขวางไปเล็กน้อย ในกรณีที่ตั้งวางของเรียงซ้อนกันหลายชั้น

คลิกเลือกรถ Toyota Innova Crysta คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

3. Nissan Note

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) จัดเป็นรถ Eco-Car แบบ Hatchback 5 ประตูที่ภายในกว้างขวางมากอีกหนึ่งรุ่น เวอร์ชั่นไทยเปิดตัวในวันที่ 17 มกราคม 2560 มาด้วยความกว้างขวางของภายใน กับหลังคาสูงแบบ Airy Cabin

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ตัวเดียวกับใน Nissan March รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-STEP Logic

เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ปรับให้แบนราบเรียบได้ ในรุ่น VL และปรับชิ้นเดียวในรุ่น V หากพับเบาะหลังลง จะให้เนื้อที่มากถึง 1,495 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA) สามารถวางจอ TV ขนาด 50 นิ้วได้สบายๆ

คลิกเลือกรถ Nissan Note คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

4. Nissan X-Trail

Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล) จัดเป็นรถ SUV มีให้เลือกในตลาดทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และแบบไฮบริดรายแรกในกลุ่ม SUV ระดับเดียวกันในไทย ที่ถึงแม้ว่า Nissan บ้านเราจะเลิกขายไปแล้วก็ตาม แต่ในตลาดรถมือสอง รุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่

ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ติดกับตัวรถมามากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี ง่ายทั้งการบรรทุกของ หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว ที่ต้องพกอุปกรณ์ และกระเป๋าเดินทางหลายๆ ใบ

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโรเตอร์สวิตช์ (4x4i with Roter Switch) ช่วยการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ 2WD, 4WD Auto และ 4WD Full-Time

อีกทั้งเบาะนั่งในแถวที่ 2 และแถวที่ 3 (ในรุ่น 7 ที่นั่ง) สามารถปรับพับเบาะได้หลายรูปแบบ และแบนราบเกือบที่สุด ในบรรดารถ SUV ด้วยกันในท้องตลาด เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 จะให้พื้นที่ 445 ลิตร และหากพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เพิ่มอีก 565 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Nissan X-Trail คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

5. Honda Jazz

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ยังคงขายในไทยกันอย่างยืนยงเข้าสู่ปีที่ 8 นับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ด้วยจุดเด่นของห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย จากแนวคิดการออกแบบ “Futuristic Cockpit” จัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบ

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้ชุดเบาะนั่งอัลตร้า ซีท ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และเพิ่มโหมดใหม่ล่าสุด Refresh Mode ที่พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลังได้ ปรับเบาะได้ราบเรียบที่สุดในบรรดารถ Sub-Compact Car แบบ Hatchback ที่ขายในตลาด (เนื่องจากนำถังน้ำมัน ไปไว้บริเวณใต้เบาะนั่งคู่หน้า) ให้เนื้อที่กว้างสะใจถึง 1,354 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Honda Jazz คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

6. Honda HR-V

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) นับเป็นรถ SUV ขนาด B-Segment ยอดฮิตมากในตลาดรถมือสองอีกรุ่น ด้วยความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ กับสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ แบบ “Dynamic Cross Solid” แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

วางเครื่องขนาด 1.8 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC แบบเดียวกับในรุ่น Civic FB ให้แรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream และขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 565 ลิตร และเบาะที่พับเก็บได้ราบเรียบ วางจักรยาน MTB ไซส์ 26 ได้สบายๆ ถึง 2 คัน!

คลิกเลือกรถ Honda HR-V คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

7. Mazda CX-5

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) เป็นรถ SUV ขนาด C-Segment รุ่นที่มีชื่อเสียงมากอีกหนึ่งรุ่น มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” เรียบง่าย สุขุม และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 17.5 กม./ลิตร

และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual S-VT พัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า (ภายหลังปรับแรงม้าเป็น 190 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 13.9 กม./ลิตร

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ขนาด 2.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้แรงม้าสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ เมื่อพับเบาะนั่งลงหมด ให้ความจุมากถึง 1,620 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Mazda CX-5 คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

8. Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เป็นรถ MPV ที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าทั้งในแบบรถป้ายแดงและรถมือสอง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ (NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ “โอโมเตะนาชิ” ของญี่ปุ่น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

ให้พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดกว่ารถในระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองพับเบาะกลางลง เพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำมากถึง 16 จุดรอบคัน พร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง และเมื่อพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,630 ลิตร! เพื่อความสนุกในทุกกิจกรรมของคุณ ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน

คลิกเลือกรถ Mitsubishi Xpander คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

9. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า) เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและความปลอดภัย ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นที่ภายในขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง โปร่งสบาย และยังมี NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง

ใช้เครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUALJET ให้แรงม้าสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรองรับได้ 209 ลิตร เบาะนั่งแถวที่สอง พับแบบ 60:40 และแถวที่ 3 พับแบบ 50:50 โดยหากพับเบาะสองแถวหลังลงหมด ให้ความจุได้สูงสุดถึง 803 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Suzuki Ertiga คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

10. Subaru XV

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) จัดเป็นรถนอกกระแสสไตล์ Crossover ที่ขายดีอีกหนึ่งรุ่น รุ่นปัจจุบันเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมกราคม 2561 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ “Subaru Global Platform” พร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) และระบบ X-Mode ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย

มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปรับปรุงใหม่ น้ำหนักเบาลงประมาณ 12 กิโลกรัม แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กับระบบ Direct Injection ให้กำลัง 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Lineartronic 7 สปีด ที่เบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 7.8 กิโลกรัม

พื้นที่ด้านหลังขนของได้เพียบ และพับเบาะนั่งแถวสองได้ราบเรียบที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ให้ความจุมากถึง 1,240 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Subaru XV คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ที่พับเบาะได้มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

CARRO ย้ายบ้าน! เพียงติดตาม รับฟรี! ส่วนลด Shopee 200 บาท

Carro (คาร์โร) พร้อมมอบความสุข ให้คุณสบายใจในทุกการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่คาร์โร

เนื่องในโอกาส Carro Thailand (คาร์โร ประเทศไทย) ได้ย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ และได้ดำเนินการย้ายเพจและไลน์ออฟฟิเชียลทั้งหมดเข้ารวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยจะใช้เป็น Facebook Fanpage: Carro Thailand และ LINE Official Account: Carro Thailand เท่านั้น

CARRO ย้ายบ้าน Facebook และ Line ใหม่ กดติดตามได้เลย!

คาร์โร ขอมอบความสุข ปล่อยแคมเปญ “Carro ย้ายบ้าน!” สำหรับผู้ที่เคยติดตาม LINE Official Account: Carro Automall Thailand ก่อนวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565 เพียงบันทึก (Capture) หน้าจอไลน์ที่ประกาศโปรโมชั่น “คาร์โร ย้ายบ้าน!” แล้วกดติดตามพร้อมส่งรูปมาที่ Line Official Account: Carro Thailand (@CarroThai) ก็รับโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 200 บาท ได้เลย!

*หมายเหตุ:

  • ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน – 13 พฤษภาคม 2565
  • สำหรับผู้ติดตาม Carro Automall Thailand เดิม ก่อนวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565 เมื่อกดติดตาม Carro Thailand เสร็จสิ้นแล้วต้องโพสต์รูปภาพที่บันทึกหน้าจอมาที่ LINE Official Account: @Carrothai (https://page.line.me/uhr0473a) จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะส่งแบบฟอร์มขอรับสิทธิ์ให้ลูกค้า เพื่อกรอกข้อมูลชื่อจริง-นามสกุล เบอร์ติดต่อ Email และชื่อไลน์ที่ติดต่อให้ครบถ้วน เพื่อรับโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 200 บาท
  • บริษัทฯ จะจัดส่งโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 200 บาท ให้กับลูกค้าที่ดำเนินการตามเงื่อนไขและกติกาเสร็จสิ้น โดยเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ผ่านช่องทาง LINE ของลูกค้าที่ใช้สำหรับการติดต่อขอรับสิทธิ์ก่อนหน้านี้
  • ขอสงวนสิทธ์การรับโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 200 บาท 1 ครั้งต่อคนเท่านั้น
  • ของรางวัลมีจำนวนจำกัด/ ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

CARRO Automall

ส่วนใครที่กำลังมองหารถคันที่ใช่ มาใช้งานในช่วงเวลานี้ Carro จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย! และเรายังมีบริการสินเชื่อรถยนต์จาก Genie เพื่อคุณอีกด้วย

เลือกชม ซื้อรถ หรือจองรถออนไลน์ของ Carro ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage Carro Thailand

หรือคุณสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ Carro Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาศรีนครินทร์ และสาขาเกษตรนวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

Carro Automall สาขาดอนเมือง

Carro Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาศรีนครินทร์

Carro Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์

และ Carro Automall สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

รวมถึงศูนย์บริการลูกค้า Carro Customer Experience Center

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @Carrothai ครับ

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

ทุกวันนี้ นับได้ว่าโอกาสทองเป็นของผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ เลยก็ว่าได้ ในยามที่ต้องการจะซื้อรถยนต์มาใช้สักคัน มีตัวเลือกในท้องตลาดพร้อมเสิร์ฟให้คุณเลือกกันแน่นเอี้ยด ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสองคุณภาพเยี่ยมก็ตาม ตามความต้องการ ตามงบประมาณ หรือตามกำลังความสามารถในการผ่อนจ่ายในแต่ละเดือน

แต่ด้วยภาวะรายจ่ายที่รัดตัวคนไทยส่วนใหญ่ การซื้อรถป้ายแดงก็อาจจะต้องจ่ายเงินเยอะ ซึ่งหลายคนยังคงจำเป็นต้องกันเงินส่วนหนึ่ง ไว้ใช้จ่ายหรือไว้หมุนเวียนธุรกิจ บางทีการเลือกรถยนต์แบบ Certified Pre-Owned ดูเหมือนเป็นทางออกที่ดีกว่า เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในราคาประหยัด

MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง ว่ารถแบบ Certified Pre-Owned มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

สำหรับคำว่า Pre-Owned Car คือ รถยนต์ที่ผ่านการใช้แล้ว ซึ่งมักจะได้มาจากรถที่ลูกค้านำมาขาย หรือเทิร์นเพื่อเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่ไปใช้ เลขไมล์ก็จะมีอยู่ตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสน

ในบางคันถ้ายังเป็นรถปีใหม่ๆ หน่อย ก็อาจจะยังมี Warranty ของศูนย์บริการเหลืออยู่ด้วย หรือหากมีโปรแกรมบำรุงรักษา ตรวจเช็กรถตามระยะในเงื่อนไขความคุ้มครองที่แบรนด์ต่างๆ กำหนด ซึ่งมีทั้งฟรีอะไหล่และค่าแรง ที่ยังไม่หมดอายุ เป็นต้น (โดยเฉพาะแบรนด์รถยุโรป) เช่น BSI ที่ย่อมาจาก BMW Service Inclusive ของ BMW, MBSP หรือ Mercedes-Benz Service Plus ของ Mercedes-Benz ก็อาจจะมีราคาขายที่สูงกว่ารถที่หมดประกันจากบริษัทรถไปแล้ว แต่ทั้งนี้ ก็ยังถือว่าถูกกว่ารถป้ายแดงหลายแสนบาททีเดียว

ซึ่งทาง CARRO (คาร์โร) เราเองเล็งเห็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้บริโภคควรได้รับ จึงได้เริ่มให้บริการ “CARRO Certified Pre-Owned” สำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ใช้แล้วคุณภาพเยี่ยม ในราคาประหยัด แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่มั่นใจได้ ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

CARRO Certified Pre-Owned มีอะไรบ้าง?

สำหรับ CARRO Certified Pre-Owned รถยนต์ทุกคันจะได้รับประกันคุณภาพ โดย CARRO ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีความสบายใจ สำหรับทุกการซื้อรถยนต์มือสองของคุณ

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

ข้อดีของการซื้อรถกับ CARRO Certified Pre-Owned

รถทุกคันของเรา ต้องผ่านเงื่อนไขมาตรฐานดังต่อไปนี้:

✅ ตัวรถรอบคันทั้งภายนอกและภายใน ผ่านมาตรฐานการตรวจสภาพ 160 จุด จากผู้เชี่ยวชาญ
✅ การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน* เพื่อทุกความสบายใจของคุณ เสมือนได้ทดลองขับขี่จริงในชีวิตประจำวัน โดยสามารถเปลี่ยนหรือรับเงินคืนได้ภายใน 5 วัน
✅ รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี* เราพร้อมดูแลและซ่อมแซมรถให้คุณทุกกรณี จาก CARRO
✅ รับประกันไม่กรอไมล์ เชื่อถือได้ในความโปร่งใส รับประกันไม่มีการกรอไมล์ โดย CARRO
✅ รับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือความเสียหายน้ำท่วม

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

CARRO มีบริการสินเชื่อไหม?

แน่นอนว่า CARRO เราพร้อมให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อรถยนต์ ด้วยการบริการสินเชื่อรถยนต์แก่ลูกค้าทุกท่านผ่านทาง “Genie” หรือ “บริษัท จีนี่ อินชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อในเครือ CARRO สมัครง่าย อนุมัติไว รู้ผลทันที ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ CARRO จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที

พบรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง และสาขาศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

CARRO Automall สาขาศรีนครินทร์

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

CARRO Experience Center สาขาเกษตรนวมินทร์

และศูนย์บริการลูกค้า CARRO Experience Center สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

มั่นใจกับการซื้อรถยนต์มือสอง โดย Carro Certiflied รถคุณภาพป้ายแดง

หมายเหตุ:

*ข้อกำหนดและเงื่อนไข

  • นโยบายคืนเงินภายใน 5 วัน (5 Days Return Policy) คือการรับประกันการคืนเงินภายในระยะเวลา 5 วัน (ไม่รวมวันส่งมอบรถ) เพื่อเพิ่มความสบายใจในการซื้อรถยนต์มือสองจากคาร์โร โดยมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
  • สภาพรถจะต้องอยู่ในสภาพเดียวกันกับขณะเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อ โดยอ้างอิงตามใบตรวจรับรถยนต์ที่ซื้อขาย ณ เวลาที่ส่งมอบ โดยบริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบสภาพรถ หากมีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ไม่เป็นไปตามสภาพ ณ วันส่งมอบ ลูกค้าจะต้องแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมภายในระยะเวลา 5 วัน หรือต้องแจ้งบริษัทฯ ให้แก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมภายในระยะเวลา 5 วัน โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะถูกหักออกจากจำนวนเงินคืนที่พึงได้โดยรวม
  • บริษัทฯ มีสิทธิ์ปฏิเสธการคืนรถในทุกกรณี หากรถได้มีการถูกปรับแต่งและแก้ไขให้มีสภาพแตกต่างไปจากสภาพเดิม ณ วันส่งมอบรถ ทั้งสภาพภายใน ภายนอก หรือเครื่องยนต์
  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งหมดจะต้องถูกนำกลับมาคืนพร้อมตัวรถ
  • ค่าปรับและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลารับประกันคืนรถ ลูกค้าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งหมด
  • รถที่ต้องการคืนจะต้องมีเลขไมล์เพิ่มขึ้นไม่เกิน 150 กิโลเมตร นับตั้งแต่เลขไมล์สุดท้าย ณ วันส่งมอบรถ
    เอกสารและกระบวนการคืนรถตามนโยบายฯ
  • บริษัทฯ จะทำสุดความสามารถในการรับประกันการคืนรถที่ได้รับการร้องเรียนทุกกรณี
  • ลูกค้าจะต้องเป็นผู้กรอกเอกสารการขอคืนรถ เพื่อเริ่มต้นกระบวนดังกล่าวและต้องจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยตนเอง
  • ลูกค้าจะต้องเป็นผู้นำรถมาคืนยังบริษัทฯ ด้วยตนเอง
  • ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ค่าใช้จ่ายทางภาษี ค่าใช้จ่ายหรือค่าปรับจากบริษัทสินเชื่อ ค่าใช้จ่ายในการปรับคืนสภาพรถ ฯลฯ จะถูกหักออกจากจำนวนเงินคืนที่พึงได้ทั้งหมด
  • การใช้สิทธิ์การคืนรถ จะสามารถทำได้โดยผู้ซื้อรถ ที่ระบุลงในเอกสารกรรมสิทธิ์รถยนต์เท่านั้น
  • การใช้สิทธิ์ในการคืนรถ จะไม่สามารถทำได้หากผู้ซื้อ และ/หรือครอบครัวของผู้ซื้อ (ภายใต้ทะเบียนบ้านเดียวกัน) ได้เคยใช้สิทธิ์ในการคืนรถไปแล้วภายในระยะเวลา 12 เดือน นับจากวันที่ได้ดำเนินการคืนรถสำเร็จครั้งล่าสุด
  • ผู้ซื้อสามารถใช้สิทธิ์การคืนรถได้เพียง 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 12 เดือน นับจากวันที่ได้ดำเนินการคืนรถสำเร็จครั้งล่าสุด

รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี

  • ชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถจะต้องไม่ถูกเปลี่ยน ถอด หรือปรับแต่ง โดยบุคคลหรือองค์กรที่มิใช่บริษัทฯ
  • ตัวรถจะต้องถูกเก็บรักษาและซ่อมบำรุงตามรอบระยะเวลาและคําแนะนําในหนังสือคู่มือของรถยนต์
  • การรับประกันจะถือเป็นโมฆะ และสิ้นสุดในทันที หากมีการตรวจพบการปรับเปลี่ยนเลขไมล์ การใช้รถเพื่อการขับขี่ในอัตราความเร็วเกินกว่าการใช้งานปกติ การใช้งานเพื่อการแข่งขันหรือเพื่อจับความเร็ว การใช้งานเพื่อทดสอบความทนทานหรือทดสอบความเร็ว

CARRO สาดส่วนลด จัดหนัก จัดเต็ม รับเดือนเมษา กับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท!

CARRO (คาร์โร) พร้อมมอบความสุข ให้ทุกการซื้อรถยนต์มือสองของคุณเป็นไปอย่างสบายใจ ที่คาร์โร

เดือนนี้เรามอบส่วนลดให้ สูงสุด 100,000 บาท! และแจกฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท! แค่คลิกเดียว ก็ซื้อรถได้ง่ายๆ กับ CARRO คลิกเลย! ที่ https://th.carro.co/

พร้อมเลือกรับ ดอกเบี้ยต่ำ 2.59% หรือผ่อน 0% นาน 12 เดือน หรือผ่อนนาน 84 งวด (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

  • อุ่นใจ กับการรับประกันการซ่อมแซมตลอด 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กม.
  • มั่นใจ ทุกคันผ่านการตรวจสภาพ 160 จุด โดยผู้เชี่ยวชาญ
  • สบายใจ ยินดีคืนเงินภายใน 5 วัน หากไม่พอใจในตัวรถ

เงื่อนไข

  • ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้- 30 เมษายน 2565
  • CARRO ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

CARRO จัดเต็มทั้งราคาและคุณภาพ ให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถคุณภาพดี ราคาโดนใจ และยังอุ่นใจไปอีกขั้น นอกจากจะผ่านการตรวจสอบรถยนต์ด้วยคุณภาพ 160 จุดอย่างละเอียด จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี รับประกันไม่กรอไมล์ และรับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม อีกด้วย!

เลือกชม ซื้อรถของ CARRO Automall ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage CARRO Automall Thailand

พบรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สาขาใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ ทั้งสาขาดอนเมือง และสาขาศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น.

CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

CARRO Automall สาขาศรีนครินทร์

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (ซอยพรีเมียร์ 1 แยก 1) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

CARRO Experience Center สาขาเกษตรนวมินทร์

และศูนย์บริการลูกค้า CARRO Experience Center สาขาเกษตรนวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สาขา Lotus’s บางกะปิ ชั้น 2 เลขที่ 3109 ถ. ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตโลตัสบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s ศรีนครินทร์ ชั้น 1 เลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s พระราม 1 ชั้น 3 เลขที่ 31 ถ.พระราม1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ดูเส้นทาง

สาขา Lotus’s บางใหญ่ ชั้น 1 เลขที่ 90 หมู่ 5 ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130

ดูเส้นทาง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

10 ที่สุด ในงาน Motor Show 2022

“งานมอเตอร์โชว์ 2022” หรือ “Motor Show 2022” ในยุค New Normal ที่มีรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ รุ่นใหม่ๆ ที่แต่ละค่ายต่างเลือกมาโชว์มาขาย รวมไปถึงอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ทั้งโปรโมชั่น แคมเปญผ่อนดาวน์ และพริตตี้สาวสวยในยุคมีหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัย หลายคนเห็นกันชินตาแล้ว นับจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ปีที่สอง …

แต่ในงานมอเตอร์โชว์ Motor Show 2022 การขับเคลื่อนในเชิงธุรกิจ ก็ยังต้องดำเนินต่อไป ด้านผู้ร่วมงานนอกจากจะต้องทำการขายให้ได้มากที่สุดแล้ว บางรายอาจสร้างสีสันให้กับบูธตัวเอง เพื่อเรียกลูกค้า สร้างความจดจำไม่ลืม แม้ว่างานจะจบไปแล้วก็ตาม ด้วยการนำจุดเด่นๆ ของผลิตภัณฑ์ที่มี มาร่วมโชว์ในงานครั้งนี้

ซึ่งจุดเด่นบางอย่าง เราถือได้ว่ามีความเป็น “ที่สุด” ที่มีมาโชว์หรือขายภายในงานครั้งนี้ CARRO จึงรวบรวม “10 ที่สุด” ที่เกี่ยวกับยานยนต์ในงาน “Motor Show 2022” มาให้ทุกท่านได้ว้าวกัน ว่ามีด้วยหรือเนี่ย!

10 รถ Eco-Car น่าซื้อ! สำหรับวัยรุ่น เด็กจบใหม่ ราคาไม่ถึง 6 แสน ในงาน Motor Show 2022

ถูกที่สุด

รถที่ “ถูก” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ไม่มีใครล้มตำแหน่งของเขาไปได้เป็นเวลาหลายปี นั่นคือ Suzuki Celerio (ซูซูกิ เซเลริโอ) รถ Eco-Car (รถอีโคคาร์) ขนาดเล็กของซูซูกิขาย มาในราคาเพียง 328,000 บาท ที่ขายกันมายาวนานหลายปี

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT

New Rolls-Royce Ghost Black Badge 2022

รถยนต์นั่งแพงที่สุด

รถยนต์นั่ง “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ก็คงเป็นแบรนด์เดิมเหมือนแทบทุกปี นั่นคือ Rolls-Royce Black Badge Ghost (โรลส์-รอยซ์ แบล็กแบดจ์ โกสต์) ในราคา 37,900,000 บาท!

อัครยนตรกรรมยุคใหม่ที่มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะ สะท้อนตัวตนของผู้ครอบครองที่มีรสนิยมพิเศษ ตัวถังพ่นสีขาวอาร์คติกไวท์ (Arctic White) ตัดกันกับโค้ชไลน์ (Coachline) ด้านข้างเป็นเส้นสีดำที่ลากยาวจรดตัวถัง โดยเป็นงานแฮนด์เมดผ่านปลายพู่กันของ มร.มาร์ค คอร์ต ผู้รับผิดชอบการวาดโค้ชไลน์เพียงหนึ่งเดียวของ โรลส์-รอยซ์

ขณะที่ชิ้นส่วนสแตนเลสชุบโครเมียมต่างๆ อาทิ ขอบกระจก ปลายท่อไอเสีย รวมไปถึงสัญลักษณ์นางฟ้าหรือ Spirit of Ecstasy (สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี) บนฝาประโปรง ถูกทำเป็นโครเมียมสีดำ ด้วยกรรมวิธีชุบโลหะด้วยกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้มีสีเข้มและดูเงางาม ผสานความอลังการของล้อแม็กคาร์บอนคอมโพสิต ขอบ 21 นิ้ว ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ

ห้องโดยสารสุดหรูหรา แดชบอร์ดประดับด้วยแผงวีเนียร์ (Veneer) Technical Fibre ลวดลายสามมิติ เป็นงานแฮนด์เมด ผลิตจากเส้นใยคาร์บอนและโลหะ เคลือบด้วยเรซิน พร้อมเพิ่มความพิเศษด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้ (Infinity) บริเวณนาฬิกาบนแดชบอร์ด, กลางเบาะหลัง และแผ่นกันรอยบริเวณประตู สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัด

เครื่องยนต์เบนซิน Turbo V12 สูบ 6.75 ลิตร ปรับแต่งเพิ่มประสิทธิภาพให้มีกำลังระดับ 600 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ตอบสนองแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ผสานเสียงคำรามหนักแน่นจากชุดท่อไอเสียแบบพิเศษ ขณะที่ช่วงล่างปรับปรุงให้สปอร์ตมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบเบรกที่อัพเกรดให้เหมาะสมกับสมรรถนะที่สูงขึ้น

Maserati MC20 2022

รถ Super Car แพงที่สุด

รถ Super Car ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ขอยกให้ Maserati MC20 (มาเซราติ เอ็มซี20) สะท้อนความเป็นสปอร์ตของ มาเซราติ ยุคใหม่ โดยอักษร “MC” ย่อจากคำว่า Maserati Corse ขณะที่ตัวเลข 20 ก็สื่อถึงปี 2020 ซึ่งเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแบรนด์ มาเซราติ

Maserati MC20 ยังคว้ารางวัล “Most Beautiful Supercar of the Year 2021” และ “Super Sports Car of the Year” อีกทั้งยังเป็นซูเปอร์คาร์ ซึ่งผลิตในโรงงานที่เมืองโมเดนา อิตาลี 100%

ตัวรถดีไซน์พลิ้วไหว ผสานจิตวิญญาณสปอร์ตของขุมพลัง Nettuno แบบ V6 สูบ Twin Turbo 630 แรงม้า แรงบิด 730 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 325 กม./ชม. ซึ่งขุมพลังบล็อคนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ มาเซราติ ผลิตขึ้นด้วยตนเองอีกครั้งในรอบ 20 ปี

Maserati MC20 มาในราคาที่เป็นเจ้าของได้ เริ่มต้นที่ 21,500,000 บาท!

Brabus 800 Adventure XLP 2022

รถ SUV แพงที่สุด

ส่วนรถ SUV ที่ขึ้นชื่อว่า “แพง” ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ได้แก่ Brabus 800 Adventure XLP (บราบัส 800 แอดเวนเจอร์ เอ็กซ์แอลพี) เป็นการนำ Mercedes-AMG G63 รุ่นใหม่ล่าสุด มาปรับแต่งและขนานนามว่า Brabus 800 ในราคา 38,900,000 บาท!!! พร้อม Option เพิ่มเติมที่สามารถจัดใส่ในรถได้ถึง 50 ล้านบาท! เศรษฐีสายรถแต่งห้ามพลาด!

Brabus 800 Adventure XLP มาพร้อมความพิเศษและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยโลโก้ Brabus แบบเรืองแสงที่กระจังหน้า กับชุดแต่ง Widestar ของ Brabus ทำให้มีความกว้างกว่าเดิม 100 มม. ออกแบบกันชนหน้า-หลังใหม่ พร้อมไฟ LED เสริมที่ชายล่างกันชนและบนหลังคา ส่วนฝากระโปรงหน้ายกชุดใหม่ พร้อมสปอยเลอร์หลังคา ชุดฝาครอบล้ออะไหล่แบบคาร์บอนไฟเบอร์

Brabus ยังใช้ชุดล้อ BRABUS “Platinum Edition” Monoblock ขนาด 23 นิ้ว ที่หุ้มด้วยยางประสิทธิภาพสูงขนาด 305/35R23 ส่วนการออกแบบภายใน เจ้าของรถสามารถออกแบบได้ตามต้องการ ที่ Brabus จะนำเสนอทางเลือกการตกแต่งที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัวเลือกหนังชั้นดี Alcantara ไปจนถึงคาร์บอนไฟเบอร์ในสีต่างๆ หรือตามที่ลูกค้าต้องการแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ด้วยเครื่องยนต์จาก Mercedes-AMG G63 ที่ทาง Brabus ปรับแต่งจนมีกำลัง 789 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิด 1,000 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที อัปเกรดระบบท่อไอเสียสแตนเลสแบบสปอร์ตพร้อมวาล์วควบคุมได้ ด้วยแพ็คเกจปรับแต่งของ Brabus ทำให้คันนี้วิ่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.1 วินาที เท่านั้น

ซื้อมั้ย! 15 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเด่น ในงาน Motor Show 2022

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูกที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ที่ถูกที่สุดในงาน Motor Show 2022 ต้องยกให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั่นเอง กับ Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) หรือ 朋克多多 เป็นรถภายใต้แบรนด์ 朋克 (เผิงเค่อ) มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Punk (พังก์) เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพิ่งเปิดตัวไปในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 14.5 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) ที่เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 178 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จ (ไฟบ้าน 0-100%) หนึ่งครั้ง ให้เลือก ทำความเร็วได้สูงสุด 100 กม./ชม.

รุ่น L ราคาเริ่มต้นที่ 389,000 บาท! (รุ่นแบตเตอรี่ 10.3 kWh) และรุ่น K ราคา 449,000 บาท (รุ่นแบตเตอรี่ 14.5 kWh)

New Porsche Taycan GTS 2022

รถยนต์ไฟฟ้า ราคาแพงที่สุด

รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) (ที่มาโชว์) และราคาแพงที่สุดในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ ต้องยกให้ Porsche Taycan GTS (ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส) ใหม่ ด้วยตำแหน่งทางการตลาดที่วางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ สไตล์สปอร์ตเต็มพิกัด ระหว่าง Taycan 4S (ไทคานน์ โฟร์เอส) กับ Taycan Turbo (ไทคานน์ เทอร์โบ)

สำหรับ Porsche Taycan GTS คันนี้ คือเวอร์ชั่นที่สปอร์ตที่สุด เร้าใจที่สุด มาพร้อมพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 504 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) นี่คือ Taycan รุ่นแรกที่ทำลายขีดจำกัดระยะทาง 500 กิโลเมตรได้สำเร็จ

รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุด มีดีไซน์ที่แตกต่างจากพี่น้องร่วมตระกูล: ชุดแต่งตัวถัง Sports Design Package เสริมภาพลักษณ์ดุดัน ตกแต่งกันชนหน้า-ท้าย และสเกิร์ตข้าง รวมไปถึงไฟหน้ารมดำ 3D Track Graphics ที่ได้รับการติดตั้ง Daytime Running Light แบบ LED

นับเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งหลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมเทคโนโลยี “Sunshine Control” อุปกรณ์พิเศษสำหรับ Taycan GTS ใหม่ แบ่งพื้นที่กระจกออกเป็น 9 ส่วน โดยแต่ละส่วนสามารถควบคุมการทำงานได้อิสระ เพิ่มฟังก์ชั่นในการกรองแสงจากภายนอกด้วยระดับการทำงานที่ปรับได้หลากหลาย ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุ Race-Tex สีดำ ชิ้นงานอลูมิเนียมปัดเงา

พกพาพละกำลังมหาศาลติดตัวมากว่า 598 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Launch Control ขณะที่ใช้งานในโหมด Normal จะให้กำลังที่ 517 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.

Sakun.C EV Aluminum Bus

รถใหญ่ที่สุด

ถ้านับถึงสิ่งที่มีล้อ ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้วในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ต้องยกให้ Sakun.C (สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น) เปิดตัวผลงาน “EV Aluminum Bus” พร้อมโชว์ตัวในงาน Motor Show 2022

Sakun C ได้ร่วมกับ สวทช. พัฒนา “EV Aluminum Bus” สัญชาติไทย ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมขึ้นรูปผสมพิเศษ แข็งแรงกว่าเหล็กและอะลูมิเนียมทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตรถ Super Car แต่บริษัทนำมาใช้ผลิตรถเมล์ไฟฟ้า สำหรับคนไทย ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กครึ่งนึง ทำให้ใช้งานได้นานถึง 30 ปี

วิ่งได้ไกล ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ลดฝุ่นควัน PM 2.5 มีค่า CO2 เป็นศูนย์ ด้านแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบการชาร์จไฟจะจัดทำไว้ให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่ ขสมก. กำหนด

Siam Watercraft Motor Show 2022

ใหญ่ที่สุด

สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ต้องขอยกให้เรือจากบูธ Siam Watercraft และ Siam Motor Boats & Yachting ที่นำเรือสปีดโบ๊ต Cranchi และ Cobalt รวมถึงเรือเซิร์ฟอย่าง Malibu Boats และเจ็ทสกี Seadoo โมเดลใหม่ 2022 มาโชว์ในงาน ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว

Harley-Davidson Road Glide Special ST 2022

มอเตอร์ไซค์แพงที่สุด

มอเตอร์ไซค์แพงที่สุดในงาน Motor Show 2022 ต้องยกให้กับ Harley-Davidson Road Glide Special ST (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน โรด กริด สเปเชี่ยล เอสที) ที่มาพร้อมความโดดเด่นเรื่องงานดีไซน์ สไตล์แฟร์ริ่งทรงจมูกฉลามแบบแอโรไดนามิกที่มีช่องระบายอากาศแบบแยกส่วนคงที่ (Fixed) พร้อมไฟหน้าแบบคู่

ใช้เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 ขนาด 1,923 ซีซี แบบ 2 สูบ V-Twin 4 จังหวะ 2 วาล์ว/สูบ ในราคา 1,649,900 บาท

Nissan Skyline R30 Motor Show 2022

เท่ที่สุด

ในงาน Motor Show 2022 น่าจะเรียกได้เลยว่าบูธ ROD นี้ เอารถแปลกมาโชว์ที่สุดแล้ว ตั้งแต่ไปเดินชมงานมา นั่นคือ Nissan Skyline (R30) คันนี้ ที่แต่งในแนวของ Zokusha (族車) หรือ Shakotan (車高短) รถเตี้ยติดดิน ตีโป่ง ใส่ล้อแม็กออฟเซ็ตลึกๆ สไตล์แก๊งรถซิ่งของญี่ปุ่นช่วงยุค 70 – 80 นั่นเอง

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

CARRO พาชมรถใหม่ เตรียมเปิดตัวก่อนและในงาน Motor Show 2022

“Motor Show 2022” (มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43) หรือ The 43rd Bangkok International Motor Show 2022 ภายใต้แนวคิด “ก้าวด้วยกัน ไปด้วยใจ ไปได้ไกล” หรือ “Keep Moving Forward Together” พร้อมนำรถรุ่นใหม่มาโชว์ให้ดูกันเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศการจัดงานแบบวิถีชีวิตใหม่-New Normal ปลอดภัยไร้กังวลจากโควิด-19 และในปีนี้ พิเศษ! ด้วยโซน Smart EV City ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนยุคใหม่

โดยงานมอเตอร์โชว์ 2022 ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

CARRO ขอนำเสนอรถยนต์ใหม่ รถรุ่นเด่นๆ และรถยนต์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวกันตั้งแต่ก่อนงาน และในงาน Motor Show 2022 แม้ว่าในปีนี้ บริษัทรถยนต์หลายค่าย อาจจะมีรถใหม่มาเผยโฉมกันไม่มากนัก … เอาล่ะ CARRO ขอแนะนำรถในงาน Motor  Show 2022 ให้ได้ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ กันเลยครับ …

New Toyota C-HR GR Sport 2022

Toyota C-HR GR Sport

Toyota C-HR HEV GR Sport (โตโยต้า ซีเอชอาร์ จีอาร์ สปอร์ต) ใหม่ “Race Your Irresistible Ambition” ความเร้าใจที่ยากเกินต้านทาน เสริมทัพ GR Series พร้อม Fun to drive ไปกับ Sub-Compact SUV ใหม่ล่าสุด

สำหรับ Toyota C-HR ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต ด้วยยอดจองรวมทุกรุ่นกว่า 9,000 คัน (ข้อมูลถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565) พร้อมแนะนำ “C-HR HEV GR Sport ใหม่” สายพันธุ์ Racing เครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร ผสาน 2 พลังขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ พร้อมประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 24.4 กม./ลิตร

ดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport ประกอบด้วย สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ

ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR

ช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต Upgrade คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ ทรงตัวดีขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจและขับสนุกมากยิ่งขึ้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และช่วงล่างด้านหลัง Double Wishbone

Toyota C-HR HEV GR Sport มาในราคา 1,189,000 บาท

Toyota bZ4X 2022

Toyota bZ4X

นับตั้งแต่ Toyota (โตโยต้า) เผยโฉมรถ Crossover SUV หรือ C-SUV พลังงานไฟฟ้า 100% จากค่ายโตโยต้า Toyota bZ4X (โตโยต้า บีแซดโฟร์เอ็กซ์) ใหม่ ก็เป็นที่สนใจอย่างมากของชาวโลก และมีข่าวว่าในงาน Motor Show 2022 (มอเตอร์โชว์ 2022) นี้ Toyota ได้นำเข้ามาให้ได้ชื่นชมกัน ก่อนเตรียมขายในไทยเร็วๆ นี้

Toyota bZ ชื่อรุ่นเป็นคำย่อมาจากคำว่า “Beyond Zero” และยังเป็นรุ่นแรกของตระกูล bZ Series ที่โตโยต้าจะใช้ชื่อ bZ นี้ เพื่อสื่อถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota พัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม e-TNGA ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มใหม่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ร่วมพัฒนากับทาง Subaru และ Daihatsu รวมจุดเด่นด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า และความเชี่ยวชาญด้านระบบ AWD ของ Subaru ไว้

ขุมพลังมีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว แบบ AC Synchronous Electric Motor ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 71.4 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.4 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. วิ่งได้ไกลสุด 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)

ส่วนแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แบบ AC Synchronous Electric Motor ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 336 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 71.4 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม./ชม. สามารถขับได้ไกลสุด 460 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)

รองรับการชาร์จไฟทั้งแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และกระแสตรง DC กำลังไฟ 150 kW จาก 0-80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

All-New Toyota Veloz 2022

Toyota Veloz

All-New Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง สไตล์ Premium Crossover ดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-Segment ใช้แนวคิดการสื่อสารการตลาดว่า “ใช้ชีวิตไปด้วยกัน” หรือ “Better Together”

ภายนอกดูโดดเด่น กระจังหน้าดีไซน์ขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าแบบ LED ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง พร้อมแผ่นกันใต้ท้องรถสไตล์ Crossover มีแนวเส้นขอบโครเมียมด้านหน้าตัวรถยาวถึงด้านหลัง ล้อและซุ้มล้อขนาดใหญ่แบบ SUV

ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งปรับได้หลากหลายถึง 7 แบบ เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยด้วยแผงหน้าปัด TFT ปรับได้ 4 รูปแบบ ระบบเครื่องเสียง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเสียบ USB 4 จุด และที่วางแก้วน้ำมากถึง 15 จุด

ที่สำคัญยังเพียบพร้อมด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถระดับเดียวกัน ด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ และเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i ขนาด 1.5 ลิตร 106 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 17.9 กม./ ลิตร หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า

มีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Premium และ รุ่น Smart ในราคา 875,000 – 975,000 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงานเท่านั้น)

New Mitsubishi Xpander 2022

Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ ในงาน Motor Show 2022 นี้แต่ยังไม่เปิดราคาจำหน่าย

ปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงตัวรถใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 95 มม. และความสูงจากพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 15 มม. ทำให้รถมีความสูงมากถึง 220 มม. พร้อมติดตั้งและเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

ด้านหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield ด้านหลังดีไซน์ใหม่ ติดตั้งกันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกแบบใหม่ ดีไซน์ 3 มิติ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สีทูโทนขนาด 17 นิ้ว

ห้องโดยสารสีทูโทน สีน้ำตาล-ดำ ดีไซน์ใหม่แบบ Horizontal Axis จัดเรียงแผงควบคุมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ใช้งานง่าย พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ทรงสปอร์ต วัสดุหนังสังเคราะห์หุ้มเบาะนั่ง มีหน้าจอระบบสัมผัส รุ่นใหม่ ขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับการใช้งานแอปเปิล คาร์เพลย์ ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมกันนี้ยังติดตั้ง ที่วางขวดน้ำขนาด 600 มล. มากถึง 4 ขวด บริเวณที่พักแขนอีกด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC 105 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องรุ่นใหม่ Eco-Dynamic CVT

All-New Subaru BRZ 2022

Subaru BRZ

The All-New Subaru BRZ (ซูบารุ บีอาร์แซด) รถสปอร์ตคูเป้ระดับตำนาน ที่ครั้งนี้พลิกโฉมการออกแบบใหม่หมดทั้งคันในเจเนอเรชันที่ 2 ตั้งแต่เครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ จนถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พร้อมอัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight Advanced Driver Assist Technology เป็นครั้งแรก จนได้รับการยกย่องให้เป็น “สุดยอดสปอร์ตคูเป้ยอดนิยมแห่งปี” จากหลายเวทีระดับโลก

B – BOXER สปอร์ตคูเป้เจเนอเรชั่น 2 ของซูบารุที่สานต่อ DNA อันเป็นเอกลักษณ์ ของ Subaru BRZ รถสปอร์ตที่คล่องตัวและมีน้ำหนักเบา กับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ปรับขุมพลังใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร มอบอัตราเร่งที่ดุดันด้วยพละกำลัง 237 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตันเมตร

R – Rear Wheel Drive เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่วางเครื่องยนต์ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำงานประสานกับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแพดเดิลชิฟต์ ตอกย้ำนิยามความเป็นรถสปอร์ตที่ขับสนุก ตอบสนองการขับขี่ทุกรูปแบบได้ดังใจ

Z – Zenith ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ต น้ำหนักเบา ให้การควบคุมและการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมีส่วนร่วมกับรถได้เป็นหนึ่งเดียว

ห้องโดยสารและแผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งคู่หน้าบุด้วยหนังและวัสดุพิเศษ (Ultrasuede) แผงหน้าปัดเรือนไมล์แบบ LCD หน้าจอระบบสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เสริมระบบควบคุมเสถียรภาพแบบสปอร์ต Track mode ที่ให้อิสระแก่ผู้ขับขี่มากขึ้น และเพิ่มความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย EyeSight Advanced Driver Assist Technology

The All-New Subaru BRZ 2.4 MT ราคาขายปลีกแนะนำ 2,283,800 บาท ราคาออพชันแพค 415,200 บาท ราคารวม 2,699,000 บาท และรุ่น 2.4 AT EyeSight ราคาขายปลีกแนะนำ 2,433,800 บาท ราคาออพชันแพค 415,200 บาท ราคารวม 2,849,000 บาท

New Hyundai Creta2022

Hyundai Creta

Hyundai Creta (ฮุนได เครต้า) ใหม่ รถอเนกประสงค์รุ่นแรกของฮุนได ในไทย นำเข้าจากโรงงาน Hyundai ในอินโดนีเซีย

ชื่อรุ่น เครต้า คือความเชื่อมโยง จากชื่อของหมู่เกาะครีต ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย ขณะเดียวกันเต็มไปด้วยพลังงาน และความคึกคักของกิจกรรมบนเกาะ

ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เส้นหลังคาและเสา C เน้นความมั่นคง ส่วนภายในออกแบบเน้นความพรีเมี่ยม และร่วมสมัย บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดแนวยาวเชื่อมต่อไปกับแผงด้านข้างประตู เสมือนปีกที่โค้งรับกัน ดูเข้ม และมีพลังเหมือนโอบอุ้มผู้โดยสาร ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลบนจอ LED ขนาด 10.25 นิ้ว ความละเอียดสูง บริเวณแผงด้านหน้าติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Android Auto และ Apple CarPlay

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว มอบพละกำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์ IVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ คือ อีโค (Eco), คอมฟอร์ท (Comfort), สปอร์ต (Sport) และสมาร์ท (Smart) พร้อมปุ่มปรับการขับขี่เฉพาะสภาพถนนหิมะ, ทรายหรือโคลน

Hyundai Creta มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ SE และ SEL มาในราคา 949,000 – 999,000 บาท

All-New Neta V 2022

NETA V

ปตท. จับมือ Hozon เตรียมขายรถยนต์ไฟฟ้า NETA (เนต้า) ในรุ่น NETA V (เนต้า วี) (哪吒V) สไตล์ Crossover พวงมาลัยขวา ภายใต้บริษัท NETA Auto Thailand ผ่านบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% ร่วมกับ บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกัน เปิดตัวรถในงาน Motor Show 2022 นี้

Neta V เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบ Crossover ขนาดเล็กแบบ 5 ประตู ตัวรถภายนอกได้แรงบันดาลในมาจาก “โลมา” ด้านหน้ารถยื่นแหลมเหมือนปากโลมา ด้านข้างมีสันนูน เน้นความลู่ลม ส่วนจุดชาร์จไฟติดตั้งที่ซุ้มล้อด้านหน้า ใช้ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 15 นิ้ว ด้านท้ายมีสปอยเลอร์หลังคาและไฟเบรกดวงที่ 3 มาให้

ภายในห้องโดยสารดูเรียบง่ายสไตล์มินิมอล แผงคอนโซลแบบเล่นระดับพร้อมตกแต่งลายไม้ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ฝั่งผู้ขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรง 2 ก้านขนาดใหญ่แบบหัวตัดและท้ายตัด หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็นแบบดิจิทัลทรงเหลี่ยมยาว มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 13 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบกรองอากาศ N95 มีกุญแจ Keyless แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย

ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่เพลาคู่ล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมแบตเตอรี่มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ รุ่น Standard ใช้แบตเตอรี่แบตลิเธียม LFP ขนาด 40 kW แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 301 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนในรุ่น Lone Range ใช้มีแบตเตอรี่ขนาด 55 kW มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ไกล 401 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)

อัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ในรุ่น Standard จะอยู่ที่ 5.9 วินาที ส่วนในรุ่น Lone Range จะอยู่ที่ 4.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงุสดจะถูกจำกัดไว้ที่ 100 กม./ชม.

รองรับการชาร์จไฟขนาด 3.3 kW ใช้เวลาประมาณ 10-12 ชม. และขนาด 6.6 kW จะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชม. มาพร้อมระบบ Fast Charging ที่ชาร์จไฟแบบ DC ตั้งแต่ 30-80% ในเวลาเพียง 30 นาที

NETA V ราคาคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 750,000 บาท

MG ZS EV 2022 โฉมใหม่! ชูแบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้นถึง 403 กิโลเมตร

MG ZS EV

New MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) รถยนต์ไฟฟ้า 100% โฉมใหม่ ที่มาพร้อมกับ Concept “Truly Easy” เรียบหรู ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ลงตัวสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งสมรรถนะ (Performance) การควบคุม (Handing) การออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทันสมัย ขับขี่ง่าย มั่นใจในทุกเส้นทาง

ภายในมาพร้อมการใช้งานที่ “ง่าย” และ สบาย ยิ่งขึ้น กว้างขวาง เรียบหรู แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยคอนโซลหน้าลายคาร์บอนไฟเบอร์ และเบาะหนังดำเดินด้ายแดง พร้อมวัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน บวกกับหน้าจอสีระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ ขนาด 10 นิ้ว มีระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เป็นต้น

ตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์ สมรรถนะสูง ด้วยมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 8.6 วินาที และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 50.3 kWh สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) พร้อมมีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า

New MG ZS EV มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D รุ่นเริ่มต้น ราคา 949,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 240,000 บาท) และรุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ในราคา 1,023,000 บาท (ได้ส่วนลดจากมาตรกาส่งเสริมจากภาครัฐ 246,000 บาท)

New MG HS และ MG HS PHEV 2022

MG HS / MG HS PHEV

New MG HS (เอ็มจี เอชเอส) และ New MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเฮชอีวี) โฉมใหม่ ภายใต้แนวคิด Refinement โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมรูปโฉมใหม่ที่ผสานความหรูหราทันสมัยและความสปอร์ตอย่างลงตัว มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเบนซินเทอร์โบ และ ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid)

โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR Navigation ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทาง ร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ Realtime ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากกว่าเดิม

และระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลสูงสุดถึง 26 ระบบ และระบบช่วยผู้ขับขี่หรือระบบ ADAS ที่เทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2

พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน Turbo ขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด

และเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบโมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 kWh ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

New MG HS และ New MG HS PHEV มี 5 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาปจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X และรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X ในราคาตั้งแต่ 939,000 – 1379,000 บาท

All-New ORA Good Cat GT 2022

ORA Good Cat GT

ORA Good Cat GT (โอร่า กู๊ด แคท จีที) เจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ ORA มาเผยโฉมครั้งแรกในงาน Motor Show 2022 ด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยว สปอร์ตดุดัน และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

เริ่มตั้งแต่กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยลายคาร์บอนและแถบสีแดง ซุ้มล้อลายคาร์บอน สปอยเลอร์หลังพร้อมสัญลักษณ์ GT ส่วนกันชนท้ายมีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ในตัว ล้ออัลลอยเป็นแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ซึ่ง ORA ระบุว่าได้แรงบันดาลใจการออกแบบจาก “กรงเล็บแมว” ตกแต่งด้วยแถบสีแดง ใส่ยาง Giti ขนาด 215/50R18

ห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตด้วยโทนสีดำ-แดง เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังกลับสีแดง พร้อมระบบนวด มีหน้าจอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว, ระบบแสดงสภาพอากาศออนไลน์ ระบบสั่งงานด้วยคำสั่งเสียง ฯลฯ รวมถึงมีระบบอัปเกรดซอฟท์แวร์แบบออนไลน์ (FOTA) และประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าพร้อมเซ็นเซอร์เท้า

ORA Good Cat GT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 171 แรงม้า มากกว่ารุ่นปกติ 28 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำความเร็วได้สูงสุด 160 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที

ส่วนชุดแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต ขนาด 59.1 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 480 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ขนาด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 8 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ในเวลา 45 นาที และ 30-80% ในเวลา 32 นาที

พร้อมเปิดรับจองผ่าน Application GWM ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 30 เมษายน 2565 ใครอยากเป็นเจ้าของเจ้าเหมียว GT คันนี้ เตรียมจองได้เลย

All-New Tank 300 HEV 2022

Tank 300 HEV

Tank 300 HEV (แทงก์ 300 เอชอีวี) รถยนต์ออฟโรดสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมรูปทรงสง่างามและเครื่องยนต์ทรงพลัง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ภายในเมืองครบครัน และการผจญภัยของผู้ขับขี่ขาลุยอย่างลงตัว ถ่ายทอดคุณสมบัติของแบรนด์ในการสร้าง “แบรนด์ออฟโรดที่โฉบเฉี่ยวทันสมัยระดับโลก” สำหรับ “Tank” เป็นแบรนด์หลักลำดับที่ 5 ที่เปิดตัวโดยเกรท วอลล์ มอเตอร์ในปี 2564 นำมาโชว์ในงาน Motor Show 2022 ครั้งนี้ด้วย

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จแบบฉีดตรง มีกำลังสูงแม้ขณะทำงานเต็มที่ การใช้เกียร์ 8AT ไม่เพียงช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังรับประกันการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย พร้อมความสามารถแบบออฟโรด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โหมดเกาะถนน” อันทรงพลัง โดยที่เพลาไขว้สามารถวิ่งได้อย่างราบรื่นและเบรกได้อย่างรวดเร็วเมื่อขับขึ้นทางลาดชัน

เทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันอันทรงพลังของ รถยนต์รุ่น GWM Tank 300 ด้วยระบบวิดีโอ 360 องศา ที่ปรับเปลี่ยนมุมมองได้หลากหลาย แม้ว่าจะขับรถในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ฟีเจอร์ตรวจจับทัศนียภาพรอบตัว (Surround View Monitor) จะแสดงภาพชัดเจนบนหน้าจอ LCD ได้ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถสั่งงานฟังก์ชันบางอย่างด้วยเสียงเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด

All-New Mercedes-Benz C-Class W206 2022

Mercedes-Benz C-Class (W206)

The New Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) เจเนอเรชั่นที่ 6 รหัส W206 คือเดอะนิว Baby Luxury ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ต และตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ

ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางแบบ LED จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว ที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยกระดับขึ้นอีกขั้น

มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ กับขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร พัฒนาใหม่พร้อมระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ แบบ 48V Technology ทำให้ได้กำลังรวมมากถึง 200 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และทำความเร็วได้สูงสุด 245 กม./ชม. พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC)

The New Mercedes-Benz C-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น C 220 d Avantgarde และ รุ่น C 220 d AMG Dynamic

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe Special EDITION 2022

Mercedes-AMG C43 4Matic Coupé Special Edition

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé Special EDITION (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ซี43 4แมติก คูเป้ สเปเชี่ยล เอดิชั่น) คือสัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ดีไซน์ภายนอกสะท้อนความเร้าใจตามแบบฉบับ AMG ได้อย่างลงตัว

ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 BITURBO มอบกำลังสูงสุด 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที เร็ว แรง และเร้าใจในชั่วพริบตาด้วยอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 4.7 วินาที

เร้าใจเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC ที่ออกตัวพุ่งทะยานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เข้าโค้งได้เฉียบคม ส่วนระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G Transmission แบบใหม่ยังมาพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ

All-New Ford Ranger 2022

Ford Ranger

Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ สุดยอดรถกระบะที่แกร่งที่สุด สมบุกสมบันที่สุด และชาญฉลาดที่สุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ โดดเด่นด้วยดีไซน์โฉมใหม่ที่ดุดัน โฉบเฉี่ยว ยกระดับความแข็งแกร่งภายนอกพร้อมความหรูหราสะดวกสบายภายใน โดยในระยะแรก สมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” อย่างแท้จริง มีให้เลือกเฉพาะรุ่น Sport และ Wildtrak เท่านั้น พร้อมเปิดให้จองแล้วผ่านเวบไซต์ของ Ford

ดีไซน์ภายนอกของ All-new Ford Ranger 2022 โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปตัว C และกระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมระบบไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก และบันไดเหยียบด้านข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ขึ้น-ลงกระบะท้ายได้ง่ายขึ้น เสริมด้วยฐานล้อที่มีความยาวและความกว้างเพิ่มขึ้น 50 มม.

ภายในห้องโดยสารเน้นความหรูหรายิ่งขึ้น แผงหน้าปัดใหม่ พร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 นิ้ว และ 12 นิ้ว ที่เชื่อมเข้ากับกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รุ่นใหม่ล่าสุด รองรับ Apple CarPlay/Android Auto พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง และแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถได้เต็มรูปแบบ

มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

Ford Ranger ใหม่ เคาะราคารุ่น Sport เริ่มต้นที่ 929,000 บาท และรุ่น Wildtrak เริ่มต้นที่ 999,000 บาท

All-New Ford Ranger Raptor 2022

Ford Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์) เจเนอเรชั่นใหม่ รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา มาพร้อมดีไซน์ที่ดุดันยิ่งกว่าเคย พร้อมลุยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทางเรียบในชีวิตประจำวัน หรือเส้นทางออฟโรดสุดหฤโหด

ตัวรถภายนอกมาพร้อมความดุดัน และจุดเด่นหลายๆ อย่าง เช่น ติดตั้งระบบไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้าครั้งแรกในรถกระบะ ช่วยให้ผู้ขับขี่ตั้งค่าเสียงท่อไอเสีย มีระดับความดังด้วยกันถีง 4 โหมด ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา เสริมด้วยระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา จะรักษาการหมุนของ Turbo ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที ช่วยให้เร่งได้ทันใจขณะออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร EcoBoost V6 Twin Turbo มอบกำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบ/นาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งทั้งหมดถูกปรับจูนตามมาตรฐานของ Ford Performance ถ่ายทอดกำลังได้เต็มพิกัดทั้งบนทางกรวด ดิน โคลน และทราย ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร Twin Turbo จะยังคงมีอยู่

Ford Ranger Raptor ใหม่ มาในราคา 1,869,000 บาท!

All-New Ford Everest 2022

Ford Everest

Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เจเนอเรชั่นใหม่ ออกแบบและพัฒนาเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักการผจญภัยตัวจริง ผสานสมรรถนะอันโดดเด่นพร้อมลุยเข้ากับความสะดวกสบายเหนือระดับได้อย่างลงตัว มาพร้อมโฉมใหม่ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำสมัยแข็งแกร่ง ภายในสะดวกสบายเป็นส่วนตัว ในระยะแรกจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Sport และ Titamium+

ขุมพลังของรุ่น Sport มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขณะที่รุ่น Titanium+ ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Bi-Turbo 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยการขับขี่และฟีเจอร์อำนวยความสะดวกยิ่งกว่าเคย เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ 12.4 นิ้ว, หน้าจอสี Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay/Android Auto พร้อมส่งมอบความสนุกในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในชีวิตประจำวัน การขับไปทำกิจกรรมงานอดิเรกยามว่าง ไปจนถึงการออกเดินทางผจญภัยเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่

Ford Everest ใหม่ มาในราคา 1,464,000 – 1,854,000 บาท

Audi Q7 Q8 60 TFSi e 2022

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (ออดี้ คิว7) และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition (ออดี้ คิว8) พรีเมียม SUV ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร

เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นรถยนต์พรีเมียม SUV ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยตอนนี้ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.

ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนแรงดันสูง มีความจุ 17.9 kW สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 kW/ชม. ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชม. แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่ง Audi ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง 650 ลิตร ในรุ่น Audi Q7 และ 505 ลิตร ในรุ่น Audi Q8 สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สอดรับจากการวิจัยของ Audi ที่พบว่าลูกค้าส่วนมากจะใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไม่เกินวันละ 30 กิโลเมตร

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ได้รับการออกแบบให้ลุคสปอร์ต ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง S line และอัพเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition เปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำ และฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงทั้งหน้า-หลัง

ส่วนภายใน Audi Q7 ได้เพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พวงมาลัยท้ายตัดพร้อมเบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line ส่วนในรุ่น Audi Q8 ตกแต่งให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วย เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ Super Sport ลาย Diamond Cut ในแบบฉบับ RS Full Bucket Seat วัสดุหุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูง นุ่มสบาย พวงมาลัย Multifunction แบบสปอร์ตท้ายตัด ระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม Multifunction แบบสัมผัส

พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชั่นเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning) ช่วงล่างระบบถุงลม (Adaptive air suspension) ในรุ่น Audi Q7 และช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sport ในรุ่น Audi Q8

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาในราคา 4,799,000 บาท และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาในราคา 4,899,000 บาท (จำนวนจำกัด)

New Audi RS7 Sportback 2022

Audi RS7 Sportback

The New Audi RS 7 Sportback (ออดี้ อาร์เอส7 สปอร์ตแบ็ค) สุดยอดนวัตกรรมสปอร์ต 4 ประตูตัวแรงสมรรถนะ Supercar 600 แรงม้า สมรรถนะ Supercar ออฟชั่นจัดเต็ม ผลงานอันยอดเยี่ยมจากทีม Audi Sport ที่สุดแห่งสมรรถนะจาก Racing Sport

โดดเด่นด้วยรูปทรง Sportback ท้ายลาด ดีไซน์สปอร์ตเต็มตัว ตัวรถกำยำมัดกล้ามสวยงาม ล้ำหน้าทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีการใช้งาน แต่ดุดันแข็งแกร่งตามแบบฉบับรถยนต์ในตระกูล RS

ภายในห้องโดยสารที่สปอร์ตสุดๆ ตกแต่งด้วย Carbon Twill Structure พร้อมไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Contour / Ambient Lighting) ปรับได้มากถึง 30 เฉดสี เบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports หุ้มหนัง Valcona ตกแต่งแบบ Honeycomb เดินด้ายสีแดงสไตล์ RS Sports พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้ม Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัดพร้อมสัญลักษณ์ RS และ Paddle shift คอนโซลกลางหุ้มหนัง Fine Nappa สีดำ ด้านข้างคอนโซลกลางตกแต่งด้วย Dinamica สีดำ ด้ายสีแดง

จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus แบบ RS Monitor ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลแบบ Runway เครื่องบิน รวมถึงการแสดงค่าแรง G ที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ ล้ำสมัยด้วยระบบ MMI Navigation plus พร้อมจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว และจอมัลติฟังก์ชั่นแบบสัมผัสตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อม Audi drive select ปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบอัตโนมัติ หรือจะซิ่งสนุกกับ “RS MODE” ก็ได้อย่างง่ายดาย กระหึ่มด้วยระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 16 ลำโพง 705 วัตต์ พร้อมระบบปรับอากาศแยกอิสระ 4 โซน

ทรงพลังและแรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Turbo 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.6 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 280 กม./ชม. จากออฟชั่นพิเศษ Dynamic Package ติดตั้งเป็นมาตรฐานสำหรับรถที่นำเข้ามาขายในไทยโดยเฉพาะ

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro with Sports Differential ในการขับขี่ปกติ ระบบจะกระจายกำลังไปยังล้อหน้า-หลังในอัตรา 40:60 และในลักษณะการขับขี่รูปแบบอื่น ระบบจะกระจายไปยังล้อหน้าได้สูงสุดถึง 70% หรือกระจายน้ำหนักไปยังล้อหลังได้สูงสุดถึง 85%

ในส่วนเฟืองท้ายพิเศษ Sport Differential อาวดี้ ประเทศไทย ได้สั่งอุปกรณ์พิเศษนี้มาเป็นมาตรฐานใน RS 7 Sportback ที่นำเข้ามาขายในไทย โดย Sport Differential จะสามารถถ่ายกำลังไปยังล้อซ้าย/ขวา ได้อย่างอิสระและฉับไว ช่วยให้การเข้าโค้งมีความสนุกสนาน เหมาะกับการขับขี่แบบสปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง

The New Audi RS 7 Sportback มาในราคา 10,700,000 บาท

New BMW M440i xDrive Coupe 2022

BMW M440i xDrive Coupe

BMW M440i xDrive Coupé (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม440ไอ เอ็กซ์ไดรฟ์ คูเป้) ใหม่ รถสปอร์ตรุ่นท็อปของตระกูลซีรีส์ 4 คูเป้ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ด้านวิศวกรรมจาก BMW M

หน้ารถเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้าเทคโนโลยี BMW Laserlight ที่ติดตั้งระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติมาด้วย ส่วนหน้าต่างทั้งสองข้าง เนี้ยบด้วยกรอบดำวาวจากชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line เข้ากับเส้นสายด้านข้าง เช่นเดียวกับอุปกรณ์เสริมสไตล์ M ที่จัดมาครบชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง M Aerodynamics สปอยเลอร์แบบ M ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วในแบบ Double-spoke และเบรก M Sport พร้อมคาลิเปอร์สีแดงแบบ High-Gloss

พร้อมมอบบรรยากาศความแรงในสไตล์ M ในทุกอณูด้วยพวงมาลัยหนังและเข็มขัดนิรภัยแบบ M พร้อมตกแต่งพื้นผิวภายในแบบ Aluminium Tetragon ตัดกับเพดานหลังคาภายในแบบ BMW Individual สีดำ Anthracite ส่วนแผงคอนโซลด้านหน้า เต็มตากับแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบ BMW Live Cockpit Professional และ BMW ConnectedDrive ได้ รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน และความบันเทิงจากระบบเสียงแบบเซอร์ราวด์ Harman Kardon

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเพ่งสมาธิไปที่ท้องถนนได้แบบไม่ต้องละสายตา ด้วยระบบ BMW Head-Up Display รุ่นใหม่ล่าสุด มีพื้นที่การแสดงข้อมูลใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 70%

มอบพลังเต็มพิกัดจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 387 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์ 8 สปีดแบบ Steptronic Sport เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 250 กม./ชม.

ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ก็ทำงานผสานกับช่วงล่างระบบ adaptive M เฟืองท้ายแบบ M Sport และระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันตามการหมุนของพวงมาลัย (Variable Sport Steering) ตอบสนองทุกการควบคุมรวดเร็วฉับไว คล่องตัวและแม่นยำสูงสุด

BMW M440i xDrive Coupé ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยอีกมากมาย ทั้งระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus), ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (Active Cruise Control with Stop & Go) รวมถึงระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)

บีเอ็มดับเบิลยู M440i xDrive Coupé ใหม่ จะเปิดจองภายในไตรมาสที่สองของปี 2565 ผ่านช่องทางออนไลน์ ในราคาประมาณ 5,300,000 – 5,500,000 บาท

New BMW X4 xDrive20d M-Sport 2022

BMW X4 xDrive20d M Sport

BMW X4 (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์4) รถยนต์ที่นิยามความเป็น Sport Activity Coupé กลับมาอีกครั้งกับความสดใหม่ในรุ่น BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ที่เสริมความเฉียบของรุ่นก่อนหน้าด้วยคุณสมบัติและการตกแต่งแบบรอบด้าน

BMW X4 xDrive20d M Sport มาพร้อมกับโฉมใหม่ นับจากกระจังหน้าไตคู่สไตล์ M ด้านหน้า จับคู่กับไฟหน้าแบบ Adaptive LED และชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line ด้วยกรอบและซี่กระจังหน้าสีดำ ส่วนท้ายรถใช้ไฟท้าย LED ทรง 3 มิติที่เข้าคู่กับกันชนดีไซน์ใหม่และปากท่อไอเสียทรงกว้าง

ส่วนล้อแม็กอัลลอยใหม่สไตล์ M ขนาด 20 นิ้วแบบ Double-spoke แมทช์กับความมั่นใจบนท้องถนนจากช่วงล่างแบบ adaptive พร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus)

ส่วนภายในห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายด้วยหลังคาซันรูฟ กับพื้นผิวที่ตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต และระบบ BMW Head-Up Display ขณะที่ระบบ BMW Live Cockpit Professional ก็พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานระบบต่าง ๆ ขณะเดินทาง

BMW X4 xDrive20d M Sport ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เช่นเคย ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ พร้อมส่งให้ตัวรถทะยานสู่ 100 กม./ชม. ใน 8.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 213 กม./ชม.

BMW X4 xDrive20d M Sportมาในราคา 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

New BMW X4 M Competition 2022

BMW X4 M Competition

BMW X4 M Competition (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 4 เอ็ม คอมเพทิชั่น) ใหม่ เติมพลังให้เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิมด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 3.0 ลิตร 510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0-100 กม./ชม ได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น ประสิทธิภาพเต็มพิกัดนี้ เป็นการผนึกรวมนวัตกรรมรถแข่งของ BMW M3 และ M4 เช่น เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบาที่ช่วยส่งแรงบิดและพละกำลังรอบเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น และระบบทำความเย็นเครื่องยนต์ที่ผ่านการทดสอบบนสนามแข่ง

ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ช่วยให้คล่องตัวสูง โดย M xDrive จะทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control) ส่งแรงบิดไปยังเพลาหน้าเฉพาะในกรณีที่ได้ส่งกำลังเต็มพิกัดไปที่ล้อหลังผ่านระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ขณะที่ระบบเบรกประสิทธิภาพสูง BMW M Compound Brake พร้อมเติมมาดเข้มด้วยคาลิเปอร์สีดำขลับ

รูปลักษณ์ของ BMW X4 M Competition ใหม่ ได้แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ตคูเป้ กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่เสริมด้วยชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line with Extended Contents ส่วนไฟหน้า LED มาในทรงที่แบนราบกว่ารุ่เดิม ตกแต่งสีดำแบบ BMW M Light Shadow Line พร้อมด้วยท่อไอเสีย 4 ท่อ 2 คู่ ในสีดำโครเมียม ติดตั้งประกบอยู่ทั้งสองข้างของดิฟฟิวเซอร์ รับกับล้อแม็ก 21 นิ้วแบบ M light alloy ในดีไซน์ Double-spoke แบบสลับสี

ภายในห้องโดยสารใช้เบาะหนังสปอร์ตแบบ M เข็มขัดนิรภัยแบบ M และพื้นผิวภายในที่ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมหลังคากระจก Panorama นอกจากฟังก์ชันมากมายในระบบ BMW Live Cockpit Professional แล้ว X4 M Competition รุ่นนี้ยังมีระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant รุ่น Professional ติดตั้งมาให้ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go) นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเข้าถึงฟังก์ชันบางอย่างของตัวรถได้จากระยะไกล ผ่านกุญแจ BMW Display Key

BMW X4 M Competition มาในราคา 8,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

BMW X5 xDrive30d M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport (บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดรฟ์30ดี เอ็ม สปอร์ต) ใหม่ รถยนต์ตระกูล Sports Activity Vehicle รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมด้วยเทคโนโลยี mild hybrid ด้วยการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าแรงดัน 48 โวลต์ เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 11 แรงม้า ในขณะสตาร์ทรถและเร่งความเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ AdBlue สารพิเศษที่ช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย โดยทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อแตกสารดังกล่าวให้กลายเป็นไนโตรเจนและน้ำ ซึ่งไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo แรงกว่าเดิมด้วยพลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที เร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.1 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.

มาในมาดขรึมสง่างามยิ่งกว่าเดิม ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics พร้อมด้วย M High-Gloss Shadow Line และ M Roof Rails High-Gloss Shadow Line ส่วนห้องโดยสารสปอร์ตด้วยพื้นผิวที่แต่งสไตล์ M ด้วยลาย Aluminium Tetragon เพดานภายในสีดำ anthracite แบบ M และพวงมาลัยหนัง M Sport

BMW X5 xDrive30d M Sport มาในราคา 4,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)

Mini Electric Collection Edition 2022

Mini Electric Collection Edition

Mini Electric Collection Edition (มินิ อิเลคทริค คอลเลคชั่น เอดิชั่น) ใหม่ ออกมาโลดแล่นให้แฟนมินิได้ยลโฉมและตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของในงาน Motor Show 2022 โดยในไทย มีรุ่นพิเศษนี้จำหน่ายแค่ 40 คันเท่านั้น

Mini Electric Collection Edition แต่ละคันล้วนมีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยโทนสีหลากเฉดของ Multitone Roof ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากเทคนิคการพ่นสีแบบใหม่ของมินิที่โรงงานในอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

กระบวนการนี้ จะเริ่มลงสีหลังคาด้วยสีฟ้าอ่อน Pearly Blue เป็นสีแรก ต่อด้วยสีน้ำเงินเข้ม San Marino Blue ด้านหน้า และสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง ทำให้เกิดการไล่สีที่สวยสะดุดตา นอกจากนี้ การไล่โทนสีในแต่ละคันอาจแตกต่างกันเล็กน้อยจากขั้นตอนการลงสี จึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครในแต่ละคันของมินิรุ่นพิเศษนี้นั่นเอง

Mini Electric Collection Edition ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับสนุก ส่งกำลังสูงสุด 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 7.3 วินาที ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และความปลอดภัยก็จัดมาอย่างรอบด้าน เดินทางอย่างมีสไตล์ด้วยลูกเล่นพิเศษอย่างวิทยุ มินิ Visual Boost ผิวภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งแบบ มินิ Yours ชุดลำโพง 12 ตัวจาก Harman Kardon และอื่นๆ

โดยมีให้เลือกในสีน้ำเงิน Island Blue และสีเทา Rooftop Grey มาในราคา 2,459,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard)

New Bentley Flying Spur Hybrid 2022

Bentley Flying Spur Hybrid

Bentley Flying Spur Hybrid (เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด) อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน 4 ประตู แบบ 4 ที่นั่ง ที่ได้รับการขนานนามจากสื่อชั้นนำทั่วโลกว่าเป็น “ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดในโลก” ตัวรถเพิ่มความยาวขึ้น 130 มม. ส่งผลให้มีห้องโดยสารกว้างขึ้น เพิ่มความหรูหราและพื้นที่ให้กับภายในห้องโดยสาร

ตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าในแบบ Executive พร้อมสัมผัสเทคโนโลยี City Specification ประกอบด้วย ระบบช่วยจอดรถ ระบบภาพจากกล้องมุมมองด้านบน ระบบเตือนคนข้ามถนน ระบบเตือนด้านหลังตัวรถ ระบบไฟหน้าแบบ Full Matrix LED ปรับลำแสงอัตโนมัติ และโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 4 โหมด

อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลความคมชัดสูงแบบสัมผัส (HD Digital) บริเวณคอลโซลกลางขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียงเบนท์ลีย์ จำนวน 10 ลำโพง ขนาด 650 วัตต์

ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่น V6 ขนาด 2.9 ลิตร Twin Turbo แบบไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 536 แรงม้า พร้อมแรงบิดกว่า 750 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดถึง 285 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.3 วินาที

Bentley Flying Spur Hybrid ราคาเริ่มต้นที่ 14,200,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

New Bentley Bentayga Hybrid 2022

Bentley Bentayga Hybrid

New Bentley Bentayga Hybrid (เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด) อัครยนตรกรรมเอสยูวีอเนกประสงค์แบบ 5 ที่นั่ง มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานรุ่น V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร แบบไฮบริดวิวัฒนาการล่าสุด

ผลิตพละกำลังสูงสุด 443 แรงม้า พร้อมแรงบิดกว่า 700 นิวตันเมตร ทำความเร็วสูงสุดถึง 247 กม./ชม. ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 5.9 วินาที

Bentley Bentayga Hybrid ราคาเริ่มต้นที่ 13,200,000 บาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

New Porsche Taycan GTS 2022

Porsche Taycan GTS

Porshce Taycan GTS (ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส) คือเวอร์ชั่นที่สปอร์ตที่สุด เร้าใจที่สุด มาพร้อมพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 504 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) นี่คือ Taycan รุ่นแรกที่ทำลายขีดจำกัดระยะทาง 500 กิโลเมตรได้สำเร็จ

รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุด มีงานออกแบบดีไซน์ที่สร้างความแตกต่างจากพี่น้องร่วมตระกูล ด้วยชุดแต่งตัวถัง Sports Design Package เสริมภาพลักษณ์ดุดันจากชิ้นงานกันชนหน้า กันชนท้าย และสเกิร์ตข้าง รวมไปถึงโคมหน้าไฟ รมดำ 3D Track Graphics ที่ได้รับการติดตั้ง Daytime Running Light แบบ LED

ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุ Race-Tex สีดำ ชิ้นงานอลูมิเนียมปัดเงา เสริมความหรูหราสง่างาม และความสปอร์ตดุดันได้อย่างลงตัว และนับเป็นครั้งแรกกับการติดตั้งหลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมเทคโนโลยี “Sunshine Control” อุปกรณ์พิเศษ แบ่งพื้นที่กระจกออกเป็น 9 ส่วน โดยแต่ละส่วนสามารถควบคุมการทำงานได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชั่นกรองแสงภายนอกด้วยระดับการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย

พกพาพละกำลังมหาศาลติดตัวมากว่า 598 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Launch Control ขณะที่ใช้งานในโหมด Normal จะให้กำลังที่ 517 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.

New-Volvo C40 Recharge Pure Electric 2022

Volvo C40 Recharge Pure Electric

Volvo C40 Recharge Pure Electric (วอลโว้ ซี40 รีาร์จ เพียว อิเล็กทริค) เป็นรถยนต์แบบ Crossover SUV รุ่นที่ 2 ต่อจาก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ใช้แพล็ตฟอร์ม CMA (Compact Modular Architecture) สำหรับรถ Compact แบบเดียวกับ XC40 แต่รูปลักษณ์ตัวรถแบบ Coupe

ด้านหน้ารถดูเรียบหรู มินิมอลแบบสวีเดน ด้วยตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง มีแผง Aero Optimised Spoiler ช่วยในเรื่องของการทรงตัวและการยึดเกาะถนน และไฟท้ายแบบเส้นปะ ที่เดินเส้นไปสู่แผงไฟหลักด้านหลัง สะท้อนการผสมผสานความโมเดิร์นและความคลาสสิกได้อย่างลงตัว

แผงคอนโซลหน้าในสไตล์ Topography Translucent Decor ที่ได้แรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ของเทือกเขาในประเทศสวีเดน ใส่ลูกเล่นซ้อนวัสดุที่แตกต่างกันถึง 3 เลเยอร์ ให้มุมมอง 3 มิติบนผิวสัมผัสที่เรืองแสง และยังมีหลังคา Panoramic Glass Roof

พร้อมเพลิดเพลินกับระบบ Infotainment ของ Volvo with Google Built in ที่ให้คุณใช้แอปจากกูเกิ้ลอย่าง Google Maps, Google Assistant รวมทั้ง Google Play หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้ ฝากระโปรงหลังยังเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมจัดเก็บสัมภาระได้มากถึง 413 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลง จัดเก็บได้มากถึง 1,205 ลิตร

ขุมกำลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ติดตั้งด้านหน้า-หลัง ให้กำลังรวม 408 แรงม้า ที่ 4,350 – 13,900 รอบ/นาที* แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Dual Motor AWD ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาทีเท่านั้น* จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม.

แบตเตอรี่มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ ขนาด 58 kWh และ 72.6 kWh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบ Ultra-Fast รองรับแรงดันไฟสูงสุด 400 โวลต์ และ 800 โวลต์

ให้ระยะทางวิ่งมากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% ในเวลาเพียง 37 นาที (หากชาร์จไฟบ้าน 0-100% ที่กำลังไฟ AC 11kW Fast Charging (Type2) 3-phase 16A ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง)

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่ทนราคาน้ำมันแพงไม่ไหว อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมันมาใช้แทน มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express วิธีการขายรถในแบบยุคใหม่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ได้ราคา อีกทั้งยังลงขายได้ “ฟรี!” พร้อมรับเงินสดกลับบ้านทันที ภายใน 24 ชั่วโมง!

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

แต่ถ้าหากช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนรถคันใหม่ มาใช้แทนที่รถคันเดิม CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ