ข้อพึงระวังในการล้างอัดฉีด

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ

ในช่วงนี้ประเทศของเรา ยังคงมีข่าวคราวการระบาดของโควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าการนำรถเข้ารับบริการล้างอัดฉีด จะช่วยจัดคราบความสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ตามตัวถังรถได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีข้อพึงระวังดังนี้

1. ไม่ควรล้างรถในขณะที่เครื่องยนต์ยังมีอุณหภูมิสูง เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังคงมีความร้อนสะสมอยู่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกระทันหัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้

2. น้ำที่แรงดันสูง อาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับสีรถ โดยเฉพาะรถเก่าซึ่งสีตามบริเวณขอบมุมต่างๆ อาจจะหลุดล่อนได้ง่าย

3. ไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจจะทำให้วัสดุประเภทพลาสติก เสียรูปทรงได้

4. ในขณะฉีดน้ำล้างรถ หัวฉีดควรอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันความแรงของสายน้ำ

5. ไม่ควรล้างรถในเวลากลางคืน เพราะความชื้นที่เกิดจากการล้างรถ บริเวณซอกมุมต่างๆ จะแห้งช้า ซึ่งความชื้นดังกล่าวนี้จะป็นสเหตุให้เกิดสนิมได้ง่าย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

แม้ว่าในช่วงนี้ การระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่เป็นจำนวนมากถึงหลักหมื่นคนต่อวัน จึงส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มมีการปรับเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถี New Normal อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้วิถีชีวิตสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น และมีความปลอดภัยในสุขภาพมากขึ้นไปด้วย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

ด้วยเหตุนี้ CARRO (คาร์โร) ผู้นำด้านการซื้อ-ขายรถมือสองบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และเป็น Unicorn (ยูนิคอร์น) รายแรก ด้านตลาดยานยนต์แห่ง ASEAN จึงเล็งเห็นถึงระบบออนไลน์เป็นสำคัญ พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหารถมือสองคุณภาพดี ซึ่งเป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

หากคุณกำลังสนใจมองหารถยนต์คันที่ชอบ ซื้อรถคันที่ใช่ ในเว็บไซต์ CARRO คุณสามารถเลือกรถยนต์ที่ผ่านการคัดสรรจากทาง CARRO Automall ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายนิดเดียว! อีกทั้งสามารถเลือกชมภาพรถทั้งภายนอกรถและภายในรถได้อย่างละเอียด รวมถึงสภาพเครื่องยนต์ ที่ลูกค้าสามารถกดเลือกฟังเสียงเครื่องยนต์ของรถคันที่ต้องการได้ด้วย!

โดยวิธีการฟังเสียงเครื่องยนต์สดๆ และดูรูปรถแบบ 360 องศา ทั้งภายนอกและภายใน ทำได้ตามวิธีนี้ครับ

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

1. เลือกชมรถยนต์ในส่วนของ “CARRO ตลาดรถมือสอง” และเลือก “รถ CARRO Automall”

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

2. คลิกเลือกรถยนต์คันที่คุณต้องการ

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

3. กดเลือก “ฟังเสียง” หรือดูภาพตัวรถ “360 องศา” ได้ทั้งภายนอกและภายใน

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

4. ดูและฟังเสียงเครื่องยนต์กันได้ตามความต้องการ กี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัด และสามารถซูมดูภาพในมุมต่างๆ ได้

นอกจากนั้น คุณยังมั่นใจได้อีกว่า รถยนต์ที่ผ่านการนำเสนอโดย CARRO Automall ได้ผ่านตรวจสอบสภาพรถมากกว่า 200 จุด เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย!

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

เพราะนอกจากจะทำให้ช่วยให้การซื้อรถผ่านช่องทางออนไลน์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แบบว่าอยู่บ้านก็สามารถซื้อรถผ่านระบบออนไลน์ได้ รวดเร็ว โปร่งใส ตอบโจทย์วิถีชีวิต New Normal อย่างแท้จริง ซึ่งทาง CARRO ตั้งเป้าหมายว่าระบบจะครอบคลุมสำหรับรถทุกคันของ CARRO Automall ได้บนเว็บไซต์ภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

สำหรับรถยนต์ทุกคันบนแพลตฟอร์มของคาร์โรที่ดำเนินการซื้อ-ขายผ่านในนามของ CARRO Automall ทั้ง 2 สาขา ไม่ว่าจะเป็นสาขาเกษตรนวมินทร์ หรือสาขาดอนเมืองนั้น ลูกค้าที่มีความสนใจในการทดลองขับ สามารถแจ้งความประสงค์ที่จะใช้บริการในส่วนของ Test Drive@Home ส่งรถให้ทดลองขับถึงหน้าบ้านคุณ ก่อนตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย

CARRO เปิดตัวเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis ประสบการณ์ใหม่ในการเลือกชมรถยนต์ออนไลน์รายแรกในไทย

สัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำจากเทคโนโลยี 360 View & Sound Engine Analysis พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ในการซื้อ-ขายรถมือสองผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวก เชื่อถือได้ และปลอดภัยยิ่งกว่า โดยสามารถเลือกชมรุ่นรถยนต์มากมาย ที่ผ่านการคัดสรรและตรวจสภาพจากผู้เชียวชาญได้แล้วที่ th.carro.co หรือผ่านช่องทาง Facebook : CARRO Automall Thailand

อีกทั้งเรายังมีบริการ Test Drive @Home ที่พร้อมส่งรถให้ทดลองขับถึงหน้าบ้านคุณ เพื่อความสะดวกในการชมรถถึงบ้าน

หรือสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ CARRO Automall ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขาดอนเมือง, สาขาเกษตรนวมินทร์ และ CARRO Auction ศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น. จ้า

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์

CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาสวนหลวง

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (หมู่บ้านเสรีวิลล่า) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าการขับรถฝ่าสายฝนคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราจะมีวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เกิดอุบัติเหตุ และไม่เกิดเหตุการณ์รถเหินน้ำ เวลาที่ต้องขับลุยพื้นถนนที่เปียกลื่นหรือมีแอ่งน้ำขังกันได้บ้าง วันนี้ masii ก็มีคำตอบและวิธีขับรถในช่วงหน้าฝนมาฝากเพื่อนๆ ชาว CARRO กันแล้วค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

อาการรถเหินน้ำ หรือ Hydroplane สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อขับรถบนถนนเปียก หรือมีแอ่งน้ำขัง โดยมักเกิดขึ้นเมื่อรถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว ทำให้ยางรถยนต์ไม่สามารถรีดน้ำบนหน้ายางออกได้ทันท่วงที กลายเป็นยางรถยนต์หมุนอยู่บนผิวน้ำ ไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน จึงทำให้ควบคุมรถได้ยาก รถลื่น และหากผู้ขับขี่เหยียบเบรกกะทันหัน หรือจับพวงมาลัยไม่แน่น ก็มีโอกาสที่รถจะเสียหลักหมุนได้อย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ

พื้นถนนที่เปียกมีโอกาสที่จะเกิดการเหินน้ำได้สูง ยิ่งหากเป็นพื้นถนนคอนกรีตด้วย ยิ่งมีโอกาสเหินน้ำมากกว่าถนนยางมะตอย เนื่องจากพื้นถนนอาจมีร่องน้ำตามรูของพื้นถนนมากกว่านั่นเอง ซึ่งเรามีวิธีป้องกันรถเหินน้ำ พร้อมกับวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน ดังต่อไปนี้

1. ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป

ควรลดความเร็วหรือใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถในช่วงฝนตก หรือใช้ความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. จะทำให้ยางรถยนต์เกาะยึดพื้นถนน และดอกยางสามารถรีดน้ำออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ ไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพราะจะทำให้รถเหินน้ำ ลื่นไถลออกนอกเส้นทาง หรือเสียหลักพลิกคว่ำได้

2. หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ

แต่ถ้าจะให้ดีควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านแอ่งน้ำ จะลดความเสี่ยงในการเหินน้ำได้ดีที่สุด หรือขับรถในเลนกลางเสมอ เพราะแอ่งน้ำขังมักอยู่เลนนอกสุด ริมข้างทาง ข้างแบริเออร์ หรือข้างเกาะกลางถนน

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

3. ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน

ไม่ว่าจะขับรถอยู่บนแอ่งน้ำหรือไม่ก็ตาม แต่การขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่นก็ไม่ควรเหยียบเบรกทันที เพราะจะทำให้ล้อหยุดหมุนทันที ส่งผลให้รถเสียหลักได้ ยิ่งถนนเปียกก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญไม่ควรเหยียบเบรกแรงขณะขับทางโค้ง เพราะมีโอกาสที่รถจะหลุดโค้งได้ง่ายๆ ทางที่ดีควรค่อยๆ ชะลอความเร็วและแตะเบรกทีละนิดจะดีที่สุด

4. จับพวงมาลัยแน่นๆ

ขณะขับรถในช่วงที่ฝนตก ถนนจะลื่นกว่าปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล เสียหลักได้ง่าย ยังไงแล้วผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยไว้ให้แน่นๆ เพื่อการควบคุมรถที่ดี และยิ่งหากต้องขับรถลุยแอ่งน้ำ หรือ รถเกิดอาการเหินน้ำแล้ว ให้จับพวงมาลัยแน่นๆ ประคองรถให้ดีๆ ชะลอความเร็ว และแตะเบรกเบาๆ ห้ามเบรกกะทันหัน หรือหันพวงมาลัยหนีเด็ดขาด

วิธีป้องกันรถเหินน้ำ และขับรถให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน

5. เติมลมยางให้พอดี

การเติมลมยางที่เหมาะสมก็ช่วยป้องกันรถยนต์เหินน้ำได้ หากลมยางอ่อนเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง และมีโอกาสเหินน้ำได้ง่ายกว่ายางรถยนต์ที่เติมลมยางปกติ นอกจากนี้ควรหมั่นเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ หากดอกยางเริ่มตื้นหรือโล้นแล้ว ควรรีบเปลี่ยนยางทันที

และนี่ก็คือวิธีป้องกันรถเหินน้ำ รวมถึงวิธีขับรถให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนที่ masii นำมาฝากกัน ยังไงแล้วก็ขอให้เพื่อนๆ ขับขี่รถยนต์กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อประกันรถยนต์ หรือต่อประกันรถยนต์กับมาสิได้ง่ายๆ

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก www.masii.co.th

CARRO ยูนิคอร์น! รายแรกของตลาดยานยนต์ ASEAN ระดมทุน Series C ได้ 360 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก SoftBank Vision Fund 2
  • CARRO กลายเป็น Uniorn (ยูนิคอร์น) ในด้านกิจการตลาดซื้อขายยานยนต์แห่งแรกใน ASEAN ภายในระยะเวลา 5 ปี
  • กลุ่มผู้เข้าลงทุน ประกอบด้วย SoftBank Vision Fund 2, EV Growth และอื่นๆ
  • ความสำเร็จนี้จะทำให้ CARRO สามารถขยายกิจการในประเทศไทย และอินโดนีเซียเพิ่มเป็นเท่าตัว พร้อมกับการพัฒนาบริการทางการเงิน และลงทุนเพิ่มเติมในศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)

Carro-Singapore-Team

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ประเทศสิงคโปร์, CARRO ผู้ดำเนินกิจการตลาดซื้อขายยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดใน ASEAN ประกาศว่า บริษัทฯ ได้รับเงินจำนวน 360 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 10,800 ล้านบาท) จากการระดมทุนรอบ Series C จากอภิมหากองทุน SoftBank Vision Fund 2 ของ Masayoshi Son (มาซาโยชิ ซน) ที่ถือเป็นกองทุนสายเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังมากมาย

ทำให้บริษัทฯ กลายเป็น Unicorn (ยูนิคอร์น) รายแรกในตลาดซื้อขายยานยนต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการระดมทุนรอบใหม่นี้ยังมีกองทุนที่โดดเด่นของอินโดนีเซียอีกหลายกองทุน รวมไปถึง EV Growth

Aaron Tan Carro Singapore

Aaron Tan CEO และผู้ก่อตั้ง CARRO เผยว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ และเราขอขอบคุณการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากผู้ลงทุน ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อของเราที่ AI จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลนั้น จะเป็นตัวกำหนดมุมมองของโลกอันเกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคและการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ออนไลน์อย่าง CARRO”

Carro Remote Showroom

CARRO จะใช้เงินทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการครองส่วนแบ่งการตลาดและขยายการขายปลีกทั้งในประเทศอินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งตลาดทั้งหมดที่กล่าวมาบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมา โดยในแต่ละเดือนมียอดขายรวมกันมากกว่า 13,000 คัน และร่วมมือกันกับตัวแทนจำหน่ายอีกหลายหมื่นรายในภูมิภาค

นอกจากนี้ CARRO ยังตั้งใจที่จะขยายงานบริการทางการเงินโดยให้บริการมากกว่าการให้เงินกู้สำหรับหน่วยงานภายในบริษัทฯเท่านั้น ตลอดจนการเร่งพัฒนาความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย

Greg Moon SoftBank

Greg Moon ผู้บริหารร่วมของ SoftBank Vision Fund กล่าวว่า “CARRO กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านประสบการณ์การซื้อและขายรถยนต์ที่สะดวกสบาย ราบรื่น ให้แก่ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โดยใช้นวัตกรรม AI เข้ามาขับเคลื่อน ซึ่งเทคโนโลยีที่ CARRO นำมาใช้ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับบริการแบบครบวงจรที่มาพร้อมความโปร่งใสตลอดกระบวนการซื้อรถยนต์ที่ CARRO

โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา CARRO มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Aaron และทีม CARRO เพื่อส่งเสริมให้ CARRO สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ บนพื้นฐานของ AI ออกสู่ตลาด และทำให้ขั้นตอนการซื้อรถยนต์ดียิ่งขึ้น ง่ายยิ่งขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น”

Masayoshi Son SoftBank Group

SoftBank Group ที่มี CEO คนดังที่เป็นที่รู้จักกันไปทั้งโลก อย่าง Masayoshi Son (มาซาโยชิ ซน) ได้ลงทุนกับ CARRO ในครั้งแรกผ่าน SoftBank Ventures Asia ซึ่งเป็นธุรกิจการร่วมลงทุนของเครือในปี 2016 และได้สนับสนุนแผนงานและการเติบโตของ CARRO อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน

CARRO พร้อมให้บริการแบบครบวงจรในการช่วยให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพดี และใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อและขายรถยนต์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งทางบริษัทฯ ได้บุกเบิกนวัตกรรมสำหรับการบริการแบบใหม่ เช่น บริการจัดซื้อรถยนต์แบบไร้สัมผัสแห่งแรกของสิงคโปร์ บริการระบบซื้อรถยนต์รูปแบบการสมัครสมาชิกเป็นแห่งแรก และการประกันภัยรถยนต์ตามลักษณะและพฤติกรรมการใช้งานจริงเป็นแห่งแรกในภูมิภาค

Carro Singapore Headquarter

จากที่กล่าวมานี้ทาง CARRO ได้ปิดงบการเงินประจำปีในเดือนมีนาคม 2021 ด้วยรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2.5 เท่า และมีตัวเลขกำไรก่อนหักภาษีรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ CARRO ยังได้รับการจัดอันดับโดย The Financial Times และ Statista ให้เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2564 อีกด้วย

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ!  มาขายรถกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ ในช่วงนี้ประเทศของเรายังคงมีข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 กันอยู่นะคะ และช่วงนี้แอดมินนำสาระดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี แอดมินเลย มีวิธีสังเกตอาการแบตเตอรี่รถยนต์หมดง่าย ๆ มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกเราได้บ้าง ไปหาคำตอบกันเลย

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี ? พร้อมวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมง่ายๆ

แบตเตอรี่ คืออุปกรณ์ที่มีความสำคัญสำหรับรถยนต์ ทำหน้าที่ตั้งแต่ในการสตาร์ตเครื่องยนต์ และคอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ ซึ่งผู้ใช้รถต้องคอยดูแลและบำรุงรักษาเป็นประจำ เพราะแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีอายุการใช้งาน และจะใช้ได้ยาวนานเท่าไหร่ยังแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับลักษณะะการใช้งาน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย

ดังนั้นการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของแบตเตอรี่ ย่อมช่วยให้เจ้าของรถและผู้ขับขี่ทุกคน สามารถใช้งานรถยนต์ รวมถึงดูแลรักษาในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง โดยไม่กลายเป็นปัญหาสร้างความเสียหายโดยที่ไม่จำเป็น

แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี

หากจะถามว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะใช้งานได้นานแค่ไหนนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกคำตอบที่ชัดเจนออกไป เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นมีมากมายหลายส่วนด้วยกันแม้เราจะบำรุงดูแลรักษาเป็นประจำ เนื่องจากมีบางกรณีที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสภาพอากาศและอุณหภูมิ ทว่าโดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป จนมากที่สุดได้ถึง 5 ปี

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

สิ่งที่มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

สภาพอากาศ และอุณหภูมิ

แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีโอกาสเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติในสภาพอากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัด และยิ่งถ้าต้องจอดรถในสภาพแวดล้อมดังกล่าวเป็นเวลานานก็ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมสภาพเร็วได้ เพราะที่แผ่นตะกั่วอาจจะเกิดตะกอนทำให้มีการกักเก็บไฟได้ไม่ดีนั่นเอง

ความผิดปกติของระบบชาร์จไฟ หรือการดัดแปลงไดชาร์จ

หากไดชาร์จเกิดการเสื่อมสภาพ มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไปยังแบตเตอรี่ ทำให้มีโอกาสที่ไฟในแบตเตอรี่จะรั่วไหลและไม่สามารถเก็บไฟได้แม้ในขณะที่สตารตเครื่องยนต์ นอกจากนี้หากมีการดัดแปลงไดชาร์จให้ชาร์จกระแสไฟได้เร็วยิ่งขึ้นจะทำให้มีกระแสไฟไหลเข้าสู่แบตเตอรี่มากกว่าปกติ ส่วนใหญ่พบได้ในรถที่ดัดแปลงเครื่องเสียง
การต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี

ในส่วนของการติดตั้งแบตเตอรี่นั้นหากมีการต่อขั้วแบตฯ ไม่ดี หลวม หรือบริเวณขั้วต่อมีสนิม ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การไหลของกระแสไฟและระบบการชาร์จไฟกลับเข้ายังแบตเตอรี่นั้นทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้แบตฯ เสื่อมเร็วนั่นเอง

การใช้งาน เปิดไฟหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถทิ้งไว้

หลักปฏิบัติโดยทั่วไปก็คือผู้ใช้รถควรตรวจสอบไฟภายในห้องโดยสารหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในรถทุกครั้งก่อนลงจากรถ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ต้องจ่ายไฟจนหมด ส่งผลให้รถสตาร์ตไม่ติด และเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ดูยังไง

1. เครื่องยนต์สตาร์ตติดยากหรือสตาร์ตไม่ติด – การสตาร์ตรถยนต์นั้นจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่มากที่สุด และหากเครื่องยนต์มีการหมุนช้าลงและสตาร์ตติดได้ยาก สาเหตุหนึ่งก็มาจากการที่แบตเตอรี่เริ่มเก็บประจุไฟไม่อยู่ และจ่ายไฟได้น้อยลง กับอีกกรณีหากทำการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วมีเสียงการหมุนของเครื่องยนต์แต่รถก็ยังสตาร์ตไม่ติด ปัญหานี้มักเกิดจากกำลังไฟในแบตเตอรี่ไม่พอแล้วนั่นเอง

2. ไฟหน้าสว่างน้อยลง – ทุกครั้งที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนแล้วต้องเปิดไฟหน้า ให้ลองสังเกตดูว่าแสงไฟมีความสว่างลดลงไม่สว่างเหมือนก่อน ก็สันนิษฐานได้ว่าแบตเตอรี่กำลังมีปัญหา

3. ได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ – หากแบตเตอรี่มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่านั่นเป็นสัญญาณบอกอย่างหนึ่งว่าแบตเตอรี่กำลังรั่วและเกิดการชำรุด หากยังฝืนใช้งานต่ออาจเป็นอันตรายและสร้างความเสียหายหรือกัดกร่อนส่วนประกอบอื่น ๆ ในรถของคุณได้ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ในทันที

แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้งานได้กี่ปี วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์

4. ต้องพ่วงแบตเตอรี่อยู่เป็นประจำ – สาเหตุนี้ไม่ได้แยกว่าจะต้องเป็นรถใหม่หรือรถเก่าเพราะสามารถพบเจอได้ทั้งหมด เนื่องจากการลืมปิดไฟหน้ารถหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างทำให้แบตฯ หมด จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการพ่วงแบตฯ เป็นประจำ แต่การพ่วงแบตฯ บ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างใด อาจทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

5. ความผิดปกติของแบตเตอรี่ – ปัญหาของแบตเตอรี่หมดไวหรือเสื่อมนอกจากเกิดจากการใช้งานของเราแล้ว ยังเกิดได้จากคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของแบตเตอรี่นั้น ๆ ได้ เช่น แบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่สูง, แบตเตอรี่มีการสะสมความเป็นกรด และแบตเตอรี่บวม

6. สัญลักษณ์บนแบตเตอรี่เปลี่ยนไป – ปัจจุบันผู้ผลิตแบตเตอรี่จะทำช่องไว้สำหรับสังเกตแบตเตอรี่ว่ายังอยู่ในระดับการใช้งานปกติหรือไม่ โดยจะมีแถบให้เปรียบเทียบสัญลักษณ์อยู่บนแบตฯ ซึ่งเราสามารถสังเกตและตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ คงต้องย้ำอีกครั้งว่า ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบสังเกตการทำงานของแบตเตอรี่อยู่เสมอ รวมถึงต้องตรวจเช็กอุปกรณ์อื่น ๆ ว่ายังทำงานได้ดี เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

สวัสดีค่ะ ชาว CARRO กลับมาพบกันกับบทความดีๆ ของทาง Siamcardeal กันนะคะ ในช่วงนี้ประเทศของเรายังคงมีข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 กันอยู่นะคะและช่วงนี้ได้เข้าสู่ช่วงหน้าฝนของบ้านเรา ฉะนั้นแอดมินจึงนำบทความเกี่ยวกับ วิธีดูแลรักษาสีรถ ในช่วงฤดูฝนมาฝากกันค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

1. ล้างรถสม่ำเสมอ

เกิดจากฝนในเมืองมักจะเป็นฝนกรด และมันทำลายสีรถยนต์ของเราโดยตรง และแม้ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ตามคราบฝุ่นต่างๆ ก็จะติดอยู่ที่ตัวรถอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราจึงต้องฉีดน้ำแรงๆ เพื่อล้างคราบสกปรก ดินโคลน และฝุ่นออกไปซะหน่อยนะคะ ยิ่งล้างได้ทุกครั้งหลังตากฝนจะยิ่งดีมากเลยค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

2. ไม่ใช้ผ้าแห้งเช็ครถหลังฝนตก

ลองดูภาพดูนะคะ เราเพิ่งขับรถตากฝน ฝุ่น โคลนมาอย่างมากมาย แล้วถ้าเราดันไปใช้ผ้าแห้งเช็ดสีรถยนต์ของเราก็เป็นรอยนะคะ รอยขนแมวจะตามมาอีกเพียบ ควรใช้น้ำฉีดแรงๆ ดีที่สุดค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

3. เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว เลี่ยงการจอดรถตากแดด

เพื่อป้องกันคราบน้ำฝนฝังตัวแน่นเนื่องจากความร้อนของแสงแดดทำให้สีรถยนต์ของเราเป็นด่างเป็นดวงได้โดยเฉพาะรถสีเข้มๆ งานนี้ต้องเรารถยนต์เอาไปล้างเคลือบสีโดยด่วนเลยค่ะ

วิธีการดูแลรักษาสีรถในช่วงหน้าฝน

4. เคลือบสีรถหากมีเวลา

ข้อนี้ดี และสะดวก ง่าย แต่เปลืองเงินซักหน่อย แต่รับรองเมื่อเคลือบแล้วรถก็จะกลับมาสวยอย่างเหมือนใหม่อย่างแน่นอน

ช่วงนี้ต้องดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ หากคุณต้องการขายรถด่วนให้ CARRO ช่วยได้ขายให้ภายใน 24 ชั่วโมง และได้ราคาดี และหากต้องการรถยนต์ใหม่ ป้ายแดง โปรแรงๆ สามารถดูโปรโมชั่นได้ที่ https://www.siamcardeal.com/ หรือสามารถ Inbox สอบถามโปรโมชั่นรถใหม่และข่าวสารได้ที่ Facebook Siamcardeal

หรือ Add Line เพื่อรับโปรโมชั่นต่างๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม @siamcardeal
Line : https://line.me/R/ti/p/@siamcardeal
Inbox : http://m.me/siamcardeal

CARRO Automall มาตรการป้องกันโควิด-19

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทยเป็นเวลานี้ จะยังคงทวีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกภาคส่วนต่างร่วมใจกันในการยับยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 กันอย่างเต็มที่ โดยทาง CARRO Thailand ก็ได้เตรียมพร้อมในการเพิ่มความมั่นใจ ให้กับผู้ที่เข้าเยี่ยมชมรถยนต์ภายใน CARRO Automall อย่างสูงสุด

ซึ่ง CARRO Automall เราพร้อมมอบบริการซื้อรถยนต์มือสองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ ตามคอนเซ็ปต์ #ClickBuyDrive ด้วยบริการ Test Drive at Home นำรถที่ลูกค้าสนใจ ไปให้ทดลองขับถึงที่บ้าน ซึ่งรถยนต์ของเราผ่านการทำความสะอาดทุกจุด พร้อมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในห้องโดยสาร ซึ่งพนักงานขายจะนั่งบริเวณเบาะหลังเพื่อเว้นระยะห่าง ให้คุณได้ทดลองขับได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจ ซึ่งถ้าถูกใจก็สามารถทำการซื้อได้ทันที!

Carro-Automall-Highlight-Cars

Test Drive at Home ให้บริการสำหรับทดลองขับรถเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต้องไม่ใช่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงของการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่สำหรับลูกค้าที่มีความสนใจอยากดูตัวรถของจริง สามารถนัดวันทดลองขับรถได้ที่ CARRO Automall ซึ่งในช่วงนี้เรายังเปิดให้บริการตามปกติทุกวัน

แต่ถ้าคุณยังมีความกังวลในสถานการณ์ปัจจุบัน CARRO Automall อีกบริการเสริมอย่างการทดลองขับเสมือนจริงผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวโดยการ Video Call กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชมรถตัวจริง พร้อมอธิบายข้อมูล รายละเอียด รถรุ่นที่คุณกำลังสนใจอยู่ อีกทั้งเปิดให้คุณดูจุดต่างๆ ของรถยนต์ รวมไปถึงสตาร์ทรถให้ฟังเสียงเครื่องยนต์ได้ เสมือนว่าคุณกำลังมาดูที่โชว์รูมจริงๆ ก่อนตัดสินใจนัดทดลองขับ เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสเลือกรถที่คุณถูกใจที่สุดด้วยเช่นกัน

หากคุณสนใจสามารถคลิก “สนใจนัดดูรถ” พร้อมกรอกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เวลานัดหมายที่คุณสะดวกภายในเว็บไซต์ของ CARRO หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับหาคุณภายใน 1 ชั่วโมง (เฉพาะในเวลาทำการ) ซึ่งคุณสามารถแจ้งความต้องการว่าสนใจบริการ Test Drive At Home หรือนัดดูรถที่โชว์รูมสาขาใกล้บ้าน กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้เลย

สำหรับในส่วนของผู้ที่มาเยี่ยมชม หรือใช้บริการทางศูนย์ CARRO Automall เรามีมาตรการในการดูแลสถานที่ รวมทั้งการต้อนรับผู้มาเยี่ยมชม หรือมาซื้อรถที่โชว์รูมดังนี้

  1. ตั้งจุดคัดกรองตรวจคนเข้า-ออก พร้อมคัดกรองสุขภาพที่ปรึกษาการขาย และพนักงานทุกเช้า
  2. มี QR Code ไทยชนะ ให้สแกนทุกครั้งก่อนเข้าเยี่ยมชม
  3. มีบริการจุดวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงาน และผู้มาใช้บริการ
  4. จัดให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร
  5. บริการเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ ภายในโชว์รูม
  6. ทำความสะอาดโชว์รูมทุกจุด ตั้งแต่ก่อนเปิดให้บริการทุกวัน

และนี่คือบริการของเรา เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่สะดวก อุ่นใจ และปลอดภัย โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ก็สามารถซื้อรถได้เลยจ้า

หรือสามารถเลือกชมรถด้วยตนเองได้ที่ CARRO Automall ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขาดอนเมือง, สาขาเกษตรนวมินทร์ และ CARRO Auction ศรีนครินทร์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 18.30 น. จ้า

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์

CARRO Automall สาขาเกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาดอนเมือง

CARRO Automall สาขาดอนเมือง ตั้งอยู่ ณ 292 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-508-8690

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall สาขาสวนหลวง

CARRO Automall สาขาสวนหลวง ตั้งอยู่ ณ 37/91 ซ.ศรีนครินทร์ 55 (หมู่บ้านเสรีวิลล่า) (ติดฝั่งสวนหลวง ร.9) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-508-8690

ส่วนใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Carro-Roojai-How-Far-To-Go-Without-Gas

ในปัจจุบัน หลายคนยังไม่รู้ว่าเมื่อเกิดปัญหารถน้ำมันหมดก่อนไปถึงที่หมายควรทำอย่างไร ก่อนที่รถน้ำมันหมดทุกครั้งจะมีสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ขึ้นเป็นสีเหลืองรูปถังน้ำมัน บ่งบอกว่าน้ำมันรถจะหมดแล้ว หากฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ อาจทำให้เครื่องดับและเกิดปัญหาภายหลังตามมาได้ Roojai.com จึงมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถขับรถได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เพื่อยืดเวลารถดับออกไปให้คุณสามารถหาปั๊มเพื่อเติมน้ำมันรถได้ทันเวลานั่นเอง

How-Far-To-Go-Without-Gas

เพราะปัญหารถน้ํามันหมดเร็ว เป็นอีกปัญหาหลักที่หนีกันไม่พ้นสำหรับนักขับขี่ส่วนใหญ่ หลายคนเมื่อเจอปัญหานี้ ต่างก็รีบปักหมุดหาปั๊มน้ำมันกัน โชคดีหน่อยก็อาจเจอเร็ว แต่ถ้าไม่.. ปั๊มน้ำมันอยู่ไกลก็อาจเจอปัญหารถดับ ต้องเหนื่อยตามเข็นหาปั๊มให้วุ่นวาย คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นการรู้เคล็ดลับในการช่วยยืดระยะทางการขับรถออกไปให้ได้ไกลขึ้น ก่อนรถดับต้องเข็น คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ใช่น้อย

เมื่อมีไฟเตือน รถน้ำมันหมด ยังวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร

หลายคนอาจสงสัยเหมือนกันใช่ไหมว่า รถยนต์ในท้องตลาดแต่ละรุ่นเมื่อเจอปัญหา รถน้ำมันหมด หากยังวิ่งต่อไปได้สามารถวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร จากข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาทั้งหมด บอกได้เลยว่า โดยปกติแล้วรถในท้องตลาดส่วนใหญ่ เมื่อเจอปัญหาน้ำมันหมด รถยนต์ในสมัยนี้จะมีสัญญาณเตือนให้เติมน้ำมันขึ้นเป็นสีเหลืองรูปถังน้ำมัน

สัญญาณเตือนน้ํามันหมดนี้ จะเตือนก็ต่อเมื่อน้ำมันในถังเหลือน้อยกว่า 10 ลิตร หากดูตรงเข็มหน้าปัดรถยนต์จะมีการคำนวณบอกด้วยว่าสามารถขับต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร และจะลดลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือ 0 กิโลเมตร ซึ่งรถยนต์แต่ละคันมีระยะทางการขับขี่ไม่เท่ากัน แต่สำหรับรถรุ่นเก่าจะไม่มีการคำนวณบอกว่าสามารถขับต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร เมื่อขึ้นสัญญาณเตือนน้ำมันหมด ต้องหาปั๊มให้ได้ภายในรัศมี 30 กิโลเมตร

How-Far-To-Go-Without-Gas

ฟีเจอร์คำนวณระยะทางหลังไฟเตือนรถน้ำมันหมด ช่วยได้มากน้อยแค่ไหน

จริงอยู่ที่รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบันมีตัวช่วยในการคำนวณระยะทางให้ผู้ขับขี่รู้ว่ารถสามารถวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถน้ำมันหมด หากหน้าปัดรถยนต์ระบุว่ายังวิ่งได้อีก 20-30 กิโลเมตร แต่จะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน การคำนวณจะตรงตามระยะทางที่รถวิ่งได้จริงหรือไม่ ทางเราเองก็ยังระบุให้รู้แบบชัดเจนไม่ได้

ทางสื่อยานยนต์ของอังกฤษ ‘The Sun’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ตัวเลขนบนหน้าปัดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันที่ช่วยบอกระยะทางที่เหลือหลังจากไฟเตือนน้ำมันหมดขึ้นนั้น มาจากการคำนวนอัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยที่เจ้าของรถขับก่อนหน้านี้ ทำให้บางครั้งตัวเลขที่ระบุระยะทางการวิ่งนั้นอาจไม่ถูกต้องกับสภาพการขับขี่จริง ๆ ณ เวลานั้น”

How-Far-To-Go-Without-Gas

8 รุ่นรถยอดนิยมในประเทศอังกฤษกับระยะทางที่ยังขับต่อได้

ผลสำรวจจากบริษัทประกันภัยชั้นนำของอังกฤษซึ่งได้นำรถยนต์รุ่นที่ชาวอังกฤษนิยมซื้อใช้ มาจัดอันดับระยะทางที่รถยนต์วิ่งไปได้เมื่อรถน้ำมันหมด โดยเริ่มวัดระยะเมื่อไฟแจ้งเตือนน้ำมันติดขึ้น ผลที่ออกมาบอกว่าอันดับที่ 1 ที่สามารถวิ่งได้ไกลที่สุด สามารถวิ่งได้ไกลถึง 74 กม. รถรุ่นนั้นคือ Mercedes-Benz C-Class ส่วนลำดับถัดไปมีดังนี้

  • Mercedes-Benz C-Class: 74 กม.
  • Mini Cooper: 72 กม.
  • Nissan Qashqai: 69 กม.
  • Volkswagen Golf: 67 กม.
  • Audi A3: 67 กม.
  • Ford Focus: 64 ไมล์
  • Volkswagen Polo: 62 กม.
  • Ford Fiesta: 59 กม.

สำหรับรถรุ่นอื่น ๆ ทั่วไปในท้องตลาด จากผลสำรวจแห่งเดียวกันระบุว่า เมื่อไฟแจ้งเตือนรถน้ำมันหมดติดขึ้น รถยนต์ทั่วไปก็ยังคงสามารถขับไปได้อยู่จนกว่าน้ำมันที่มีจะเกลี้ยงถัง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะสามารถขับไปได้อีก 40 – 50 กม. อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ก็ไม่ควรรอจนน้ำมันเกลี้ยงถัง เมื่อมีไฟแจ้งเตือน หรือ หากให้ดีคือก่อนขึ้นไฟแจ้งเตือน ควรรีบหาปั๊มที่ใกล้ที่สุดทันที ควรคำนวณระยะทางให้พอดีที่จะถึงปั๊มน้ำมันต่อไป

ไฟเตือนรถน้ำมันหมดขึ้นบ่อยๆ ต้องคอยเช็คดีๆ

การปล่อยให้เกิดไฟเตือนรถน้ำมันหมดขึ้นบ่อยๆ ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคอยระมัดระวัง ผู้ขับขี่ต้องคอยเช็คดี ๆ เพราะน้ำมันที่เหลือน้อยจนไฟสัญญานเตือนนั้นหมายถึง ‘ปั๊มติ๊ก’ หรือตัวปั๊มที่ทำหน้าที่ในการดูดน้ำมันจากถังส่งไปเลี้ยงเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการจุดระเบิดจะต้องทำงานหนักกว่าปกติ หากปั๊มติ๊กทำงานหนัก ปั๊มติ๊กจะร้อนเกินไปอาจส่งผลให้ปั๊มติ๊กพัง ใช้งานไม่ได้ เติมน้ำมันไปแต่รถก็สตาร์ทไม่ติด ไปจนถึงอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ในระยะยาวอีกด้วย หากคุณไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นกับรถของคุณ ควรหมั่นตรวจเช็คปั๊มติ๊กและอย่าให้เกิดไฟเตือนรถน้ำมันหมดบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง

How-Far-To-Go-Without-Gas

วิธีปฎิบัติเมื่อไฟเตือนรถน้ำมันหมดโชว์ขึ้นมา

นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยยืดระยะเวลารถดับออกไปได้ เมื่อไฟเตือนรถน้ำมันหมด สิ่งแรกที่ต้องทำคือ พยายามทำให้รถใช้พลังงานน้ำมันน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่น ปิดแอร์ หรือขับขี่ในอัตราเร่งคงที่เพื่อลดพลังงานที่ใช้น้ำมันน้อยลง ประมาณว่าใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่า เป็นการเซฟให้ได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น เซฟน้ำมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่น้ำมันมีเหลืออยู่ในถังจะทำได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดถ้าไม่อยากเจอปัญหารถน้ำมันหมด ควรเติมน้ำมันไว้ให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลาจะดีกว่า เมื่อเห็นว่าน้ำมันรถเหลือน้อยก็แวะปั๊มเติมให้เต็มไว้ทันที ปลอดภัยสุด ไม่ต้องคอยกังวลว่าเครื่องยนต์จะดับแล้วต้องวนหาปั๊มก่อนที่เครื่องยนต์จะดับเพื่อทำเวลา และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อไฟเตือนน้ำมันหมด คือ ควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ พยายามควบคุมความเร็วให้คงที่ เพื่อเป็นการลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยข้อควรปฏิบัติเมื่อน้ำมันใกล้หมด มีดังนี้

  1. หาปั๊มที่ใกล้ที่สุดเพื่อเติมน้ำมัน พยายามหาปั๊มที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 30-40 กม.
  2. อย่าเบรกบ่อย หรือ ลดความเร็วโดยไม่จำเป็น เพราะการเบรก ลด หรือเร่งความเร็วบ่อย ๆ จะทำให้ใช้พลังงานจากน้ำมันมากขึ้น
  3. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าภายในรถทั้งหมด เพื่อลดพลังงานแบตเตอรี่ เช่น ปิดแอร์ ปิดวิทยุ เนื่องจากมีส่วนทำให้น้ำมันหมดเร็วเช่นกัน
  4. ปิดกระจก เพื่อไม่ให้ลมจากภายนอกเข้ามาภายในรถยนต์ เพราะลมที่เข้ามาจะทำให้มีอากาศในรถมากขึ้น ส่งผลให้รถต้องใช้แรงวิ่งมากขึ้นเพราะมีมวลอากาศอยู่ด้านใน
  5. หลีกเลี่ยงถนนที่มีการจราจรติดขัด หรือ เส้นทางที่มีหลุม บ่อ เพื่อลดการใช้พลังงานของเครื่องยนต์

หากน้ำมันหมดขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไรดี?

ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับจากสาเหตุ น้ำมันรถหมด จะมีอาการให้สังเกตุดังนี้ รถยนต์จะเกิดการกระตุกเหมือนเครื่องจะดับ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ให้รีบขับรถไปยังพื้นที่ปลอดทันที หากขับอยู่เลนกลางให้ตบซ้ายชิดขอบฟุตบาททันที หรือหากอยู่บนทางด่วนแล้วเครื่องดับ ให้รีบโทรแจ้ง 1543 สายด่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ 1586 สายด่วนกรมทางหลวงได้เลยทันที หรืออีกช่องทางจาก Roadside Assistance ของรถที่คุณขับขี่ได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ํามันรถหมด ควรเติมน้ำมันให้เต็มถังไว้เสมอ หากเกิดปัญหาน้ำมันรถหมดจริง ๆ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการขับขี่ได้ ปลอดภัย มีประโยชน์แน่นอน

ถ้าหากคุณกังวลในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าประกันรูปแบบอื่น ซึ่งที่ Roojai เราการันตีเบี้ยประกันราคาดีที่สุด ผ่อนชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเดดิตได้ 10 งวด

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ ๆ และเรื่องราวดี ๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai.com หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เลย

Carro-Automall-Highlight-Cars-Hot-Deal

“CARRO Automall” (คาร์โร ออโต้มอลล์) คือ ทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสองคุณภาพเยี่ยม ที่ผ่านการคัดสรรแล้วจาก CARRO  หลังจากที่ประสบความสำเร็จในประเทศสิงคโปร์ และอินโดนีเซียมาแล้ว ซึ่งอัดแน่นด้วยรถหลากหลายแบรนด์ ทุกคันผ่านการตรวจสภาพจาก Goo Inspection Trust Center มาตรฐานเดียวกันกับที่ญี่ปุ่น ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง พร้อมให้บริการหลังการขายที่คุณประทับใจ

สำหรับข้อดีของ CARRO Automall คือคุณสามารถซื้อรถยนต์ที่ซื้อไปแล้ว พร้อมใช้งานได้ทันที! ไม่ต้องกังวลในเรื่องสภาพรถ เพราะเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสภาพรถถึง 344 จุด ใน 20 นาที! รวมถึงเอกสารสำหรับโอนรถ เล่มทะเบียน ถูกต้องครบถ้วนทุกคัน พร้อมรับการการันตี 2 ปี ไปเลย!

สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถผ่านทาง CARRO Automall อยากซื้อรถกับเรา เรามีบริการให้เลือก 2 แบบด้วยกัน นั่นคือ

  • ให้เราหารถให้คุณ ง่ายๆ เพียงแค่ระบุรุ่นรถ และงบประมาณที่ต้องการ พร้อมกับข้อมูลในการติดต่อกลับ และเลือกบริการการชำระ (ซื้อด้วยเงินสด หรือ จัดไฟแนนซ์) ที่ https://th.carro.co/buy-car เมื่อเราหารถตามที่คุณต้องการได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะติดต่อกลับไปหาคุณ
  • เลือกชม หรือซื้อรถของ CARRO Automall ผ่านหน้าตลาดรถ (คลิกที่นี่) หรือติดต่อผ่าน Inbox ใน Fanpage CARRO Automall – รถบ้านมือสอง

สถานที่ตั้งของ CARRO Automall

CARRO Automall ตั้งอยู่ ณ ตลาดรถยนต์มอเตอร์ สแควร์ 289/5 บล็อก H2 ถ.ประเสริฐมนูกิจ (แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า) เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02-508-8690

สำหรับรถเด่นๆ ราคาพิเศษ Hot Deal! ของทาง CARRO Automall ประจำเดือนเมษายน 2564 จะมีรุ่นไหนบ้าง ติดตามชมกันได้เลย …

Image

1. Isuzu MU-X 3.0 DVD Navi ปี 2017 ลดราคา! เหลือ 769,000 บาท

Isuzu MU-X 3.0 DVD NAVI AT สีขาว 2017 🎉 🎉ราคาปกติ : 849,000 บาท 🎉 🎉เชื้อเพลิง : ดีเซล 🎉 💲 ผ่อนเพียง : 18,xxx /72 งวด ไมล์ 13x,xxx กิโลเมตร

$ เครดิตดีฟรีดาวน์ 0 บาท ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 2.79% รายได้รวม 36,000 บาท ซื้อคนเดียวจบ ไม่ถึงกู้ร่วมได้ *****************กรณีซื้อสดบวกภาษีเพิ่ม 7% นะครับ 🖍 จัดได้ทุกอาชีพ ติดเครดิต ฯลฯ ออกได้ ปรึกษาฟรี ดูรถที่ CARRO Automall แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า รับประกันความพอใจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/isuzu-mu-x-2017-DR6ZKP.html

Image

2. HONDA CIVIC 1.8 E ปี 2013 ราคา 369,000 บาท

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/honda-civic-2013-EN6JKJ.html

Image

3. Mercedes-Benz CLA 250 ปี 2017 ราคา 1,529,000 บาท

New Arrival !!! (6กท 5983) Mercedes Benz CLA250 AMG 2017 เกียร์อัตโนมัติ เชื้อเพลิง : เบนซิน 2,000 Turbo 💲 ผ่อนเพียง : 30,xxx /72งวด ไมล์ 56,xxx กิโลเมตร $ เครดิตดีฟรีดาวน์ 0 บาท ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 2.79 % รายได้รวม 60,000 บาทซื้อคนเดียวจบ ไม่ถึงกู้ร่วมได้ ********กรณีซื้อสดบวกภาษีเพิ่ม 7% นะครับ

จัดได้ทุกอาชีพ ติดเครดิตฯลฯ ออกได้ ปรึกษาฟรี ดูรถที่ แยกไฟแดงนวลจันทร์ตัดใหม่ ตลาดรถไฟนวลจันทร์เก่า ตลาดรถยนต์มอเตอร์สแควร์ H2 – CARRO Automall รับประกันความพอใจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/benz-cla-class-2017-GM64OR.html

Image

4. Honda HR-V 1.8 RS ปี 2019 ราคา 809,000 บาท

จองวันนี้ ซื้อรถ ดาวน์ 0 บาท ฟรี! ค่าจัดโอน ตรวจสภาพรถแบบ Double Check จาก คาร์โร และผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น รับประกัน 2 ปี หรือ 20,000 กม. | 179 รายการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.79% เครดิตดีฟรีดาวน์ ออกรถง่าย Option ครบ ดูแลง่าย ขับสบาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2019-EKVVXP.html

Image

5. Toyota Hilux Revo 2.4 E Double Cab Prerunner ปี 2018 ราคา 509,000 บาท

จองวันนี้ ซื้อรถ ดาวน์ 0 บาท ฟรี! ค่าจัดโอน ตรวจสภาพรถแบบ Double Check จาก คาร์โร และผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น รับประกัน 2 ปีหรือ 20,000 กม. | 179 รายการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.79% เครดิตดีฟรีดาวน์ ออกรถง่าย Option ครบ ดูแลง่าย ขับสบาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/toyota-hilux-revo-2018-D52M05.html

Image

6. Toyota Hilux Revo 2.8 G Double Cab Prerunner Navi ปี 2017 ราคา 659,000 บาท

จองวันนี้ ซื้อรถ ดาวน์ 0 บาท ฟรี! ค่าจัดโอน ตรวจสภาพรถแบบ Double Check จาก คาร์โร และผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น รับประกัน 2 ปีหรือ 20,000 กม. | 179 รายการ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.79% เครดิตดีฟรีดาวน์ ออกรถง่าย Option ครบ ดูแลง่าย ขับสบาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ – https://th.carro.co/cardetail/toyota-hilux-revo-2017-EN613V.html

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

Carro-Roojai-Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ปัญหาแอร์รถไม่เย็นที่ผู้ขับขี่หลาย ๆ คนมักพบเจอ จริงอยู่ที่ในช่วงออกรถใหม่ ๆ เปิดแอร์รถได้เย็นฉ่ำ แต่พอใช้งานไปได้สักปี 2 ปี แอร์รถไม่เย็นเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เร่งแอร์รถให้เย็นที่สุดแต่กลับรู้สึกไม่ค่อยเย็นแบบที่ควร หรือบางครั้งก็อาจจะเย็นเกินไป มันเป็นเพราะอะไร ? มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

วันนี้ Roojai.com ได้รวบรวมสาระดี ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการรับมือกับปัญหาแอร์รถไม่เย็นด้วยตัวเองได้ แน่นอนว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้แอร์รถไม่เย็น แต่หากรู้สักนิดว่า ปัจจัยไหนที่ทำแล้วเสี่ยงต่อการทำให้แอร์รถเสีย ก็ควรเลี่ยง และโอกาสที่ต้องนั่งร้อนภายในรถก็คงมีน้อยลงเช่นกัน

ปัญหา แอร์รถไม่เย็น หากเกิดขึ้นบ่อย จะเป็นอย่างไร ?

อย่าปล่อยให้ปัญหาแอร์รถไม่เย็นเกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะไม่ส่งผลดีต่อคุณและรถยนต์ของคุณแน่ ๆ ควรรู้ไว้เลยว่าแอร์รถไม่เย็น แปลว่ารถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหาและทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงด้วย เป็นคำตอบว่า แอร์รถไม่เย็นเกิดจากอะไร สามารถเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกคัน ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ ซึ่งมีหลายสาเหตุ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้และไม่ค่อยให้ความสนใจ มองว่าอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เชื่อไหมว่าแค่แอร์รถไม่เย็นสามารถส่งผลให้อายุการใช้งานของรถคุณสั้นลงกว่าปกติได้ ยังไม่รวมถึงปัญหาที่จะส่งผลให้รถเสียในภายหลังได้อีกมากมาย

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ปัจจัยหลักที่ทำให้ แอร์รถไม่เย็น เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

แน่นอนว่าปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลให้ แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาแอร์หมด สายท่อแอร์รั่ว ระบบระบายความร้อนไม่ดี ลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม คลัทช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท และอื่นๆ อีกหลายปัจจัย แต่เพื่อให้คุณแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณแอร์ไม่เย็นหรือผิดปกติไหม ? ลองเช็คดูว่าตอนนี้กำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่หรือไม่ ดังนี้

1.น้ำยาแอร์ขาดหรือหมด

น้ำยาแอร์ขาดหรือหมดก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้แอร์รถไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้แอร์เย็นน้อยหรือไม่เย็นเลย จะมีแต่ลมร้อนๆ ออกมาจากช่องแอร์ วิธีแก้ไขให้ลองสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดระบบเครื่องปรับอากาศปุ่ม A/C เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน แล้วส่องดูในช่องตรวจสอบน้ำยาที่อยู่ระหว่างแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ หากเห็นเป็นฟองอากาศเล็ก ๆ สีขาว แสดงว่าน้ำยาแอร์กำลังจะหมดให้รีบเติมน้ำยาทันที

2. ตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่วซึม

หากตู้แอร์ สายท่อแอร์ หรือข้อต่อต่าง ๆ เกิดรอยรั่ว ก็ส่งผลให้แอร์รถไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้ค่าแรงดันของน้ำยาแอร์ตก ลองตรวจสอบได้โดยการนำน้ำสบู่หรือน้ำแชมพูมาตีให้เป็นฟองแล้วนำไปทาตามข้อต่อต่าง ๆ ของระบบแอร์ เมื่อทาทั่วแล้วให้สังเกตว่าตรงจุดไหนเกิดเป็นฟองอากาศลอยขึ้นมา แสดงว่าจุดนั้นเกิดการรั่วซึมอยู่ ให้ทำการขันให้แน่น

3. ระบบระบายความร้อนบนแผงคอยล์ร้อนไม่ดี

เป็นอีกสาเหตุที่พบบ่อย ลองเช็คโดยการเปิดฝากระโปรงรถ ติดเครื่องยนต์ และเปิดแอร์ไว้ เมื่อคอมเพรสเซอร์รถยนต์ทำงาน ลองสังเกตดูพัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนว่าหมุนช้าหรือมีเสียงดังไหม? หากมีปัญหาต้องเปลี่ยนพัดลมใหม่ หรือถ้าแผงคอยล์ร้อนสกปรกก็ต้องทำความสะอาดเพื่อให้การระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ทำงานได้ดีขึ้น ระบบแอร์ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

4. ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวมไม่มีกำลังอัด

แอร์รถไม่เย็น สาเหตุ มาจากปัญหาลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม เพราะถ้าลูกลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวมจะทำให้ระดับความดันของน้ำยาแอร์มีน้อย เมื่อมีน้อยส่งผลให้มีปริมาณน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นได้ไม่เพียงพอ ทำให้แอร์รถไม่เย็นในที่สุดนั่นเอง ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ แล้วลองเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์เย็น แสดงว่าลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม โดยปกติจะต้องไม่เย็นขึ้นตอนเร่งเครื่องยนต์ ต้องแก้ไขโดยการเปลี่ยนลูกสูบใหม่ทันที

5. ชุดวาล์ว และดรายเออร์อุดตัน หรือเสื่อมคุณภาพ

เมื่อชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตันหรือเสื่อมคุณภาพลง ส่งผลให้แอร์รถไม่เย็นได้เท่าที่ควร อาจเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง เพราะเมื่อชุดวาล์วและดรายเออร์อุดตันจะทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าคอยล์เย็นได้ไม่ดี เมื่อมีน้อยส่งผลให้มีปริมาณน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นได้ไม่เพียงพอ ทำให้ระบบแอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ แอร์รถจึงไม่ค่อยเย็นนั่นเอง ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ หากแอร์ไม่ค่อยเย็นและมีเสียงดัง ลองเร่งเครื่องยนต์แล้วสังเกตุดูว่าแอร์มีความเย็นขึ้นไหม หากเร่งเครื่องแล้วเย็นขึ้น นั่นแปลว่าชุดวาล์วและดรายเออร์เกิดการอุดตัน ต้องถอดเปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่

6. คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท

ปัญหาคลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท หรือปัญหาคลัตช์ลื่น เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แอร์รถเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง หรือบางทีอาจจะไม่มีความเย็นเลย มีแต่ลมออกมาจากช่องแอร์ ซึ่งเกิดจากกระแสไฟที่ส่งเข้ามายังคลัตช์แม่เหล็กมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะทำให้คลัตช์คอมเพรสเซอร์ติดเข้ากับมูลเลย์ได้ หรือติดได้แต่อาจไม่แน่นพอ เกิดการฟรีในบางจังหวะ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้แอร์รถเย็นบ้าง ไม่เย็นบ้าง สามารถแก้ไขโดยการเช็ค 3 จุดนี้ คือ

  • ลองเช็คดูว่าระบบสายไฟที่ส่งมายังคลัตช์คอมเพรสเซอร์นั้นทำงานปกติไหม? บกพร่องหรือไม่
  • ลองเช็คชุดสวิตช์ระดับเซ็นเซอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมความเย็นว่าทำงานปกติไหม หรือมีการเสื่อมสภาพ
  • ทำการปรับแต่งหน้าคลัตช์ให้เรียบเสมอ และตั้งระยะคลัตช์ใหม่ (การติดตั้งคลัตช์ใหม่จะมีค่าใช้จ่ายสูง)

7. สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อนมากเกินไป

หากสายพานคอมเพรสเซอร์แอร์หย่อนมากเกินไป ก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ที่กำลังทำงานอยู่เกิดการฟรีได้ ส่งผลให้ไม่สามารถที่จะฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนได้ ลองเช็คโดยการติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ จากนั้นสังเกตุดูว่าหากมีอาการคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่แล้วเกิดเสียงดัง ส่งผลให้แอร์รถไม่ค่อยเย็นหรือไม่มีความเย็นเลย สามารถแก้ไขโดยการปรับระดับสายพานให้ตึงขึ้น แต่ต้องระวัง หากสายพานมีรอยแตกหรือฉีกขาดควรเปลี่ยนเส้นใหม่ ไม่ควรใช้เส้นเดิม

8. การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท

การเลือกใช้น้ำยาแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะส่งผลให้ แอร์รถไม่เย็น แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ได้อีกด้วย รวมถึงการเลือกใช้น้ำยาแอร์ผิดประเภทหรือใช้น้ำยาแอร์ที่ผสมน้ำยาปลอมมา จะส่งผลเสียต่อระบบแอร์รถยนต์ได้ ทำให้อุปกรณ์ในระบบแอร์รถยนต์เกิดความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถทนแรงดันสูงที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ออกแบบไว้ ยังทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ค่อยๆ เสียหายและหมดอายุการใช้งานก่อนกำหนด

Why-Air-Conditioner-In-Car-Not-Cold

ทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ แอร์รถไม่เย็น ซึ่งคุณสามารถเช็คอาการเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง และนำวิธีแก้ไขของแต่ละสาเหตุไปใช้กับรถยนต์ของคุณได้ เพราะหากพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่งที่เราได้บอกไป ให้รีบทำการแก้ไขและซ่อมแซมทันที เพื่ออายุการใช้งานของรถที่ยาวนานขึ้น และประสิทธิภาพในการขับขี่รถยนต์ที่ดีของคุณ หากรถยนต์มีประสิทธิภาพที่ดี ความปลอดภัยในการขับขี่ก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าอยากได้รับความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุที่คาดไม่ถึงจากการใช้รถใช้ถนน ก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ให้กับรถคู่ชีพของคุณด้วย เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อคุณมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมเอาไว้ด้วยแล้ว ก็จะช่วยให้คลายความกังวลใจไปได้ ที่ Roojai.com ประกันรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ออนไลน์ ซื้อง่าย ราคาดี และเชื่อถือได้ พร้อมชำระเบี้ยแบบผ่อนได้ด้วยสูงสุด 10 งวดผ่านบัตรเดบิต ซื้อประกันออนไลน์ที่ Roojai.com คุ้มครองทันที ราคาดีโดนใจ

และถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นใหม่ ๆ และเรื่องราวดี ๆ ก็สามารถติดตามเราได้ผ่านทาง Official Fanpage: Roojai.com หรือ add Official Line ของเราไว้ได้เลย