2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech

กลับมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของป้าย Silverado

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

กลับมาอีกครั้ง สำหรับรถกระบะค่าย Chevrolet ในปี 2019 มาพร้อมกับชุดเครื่องยนต์เพิ่มเทอร์โบ 2.7 ลิตร 4 สูบใหม่ ชุดเกียร์ 6 ชุด เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 310 แรงม้ารุ่นใหม่ แทนที่ V6 ขนาด 4.3 ลิตร ที่เป็นชุดขับเคลื่อนมาตรฐานสำหรับรุ่น LT และสเปกใหม่ของ RST มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 22% จึงประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมระบบจัดการเชื้อเพลิงที่ดียิ่งขึ้น

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

อัพเดตสำหรับระบบส่งกำลัง ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร และยังมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ขนาด 5.3 ลิตร และ 6.2 ลิตร ที่ติดตั้งระบบจัดการเชื้อเพลิงแบบไดนามิค หากใครที่ต้องการความพรีเมี่ยมมากขึ้น สามารถเจาะจงไปที่รุ่น LTZ (รุ่นท้อป)  และ High country trims (รถสไตล์คันทรี่ยกสูง) เพราะสามารถติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรที่กำลังจะมาถึง หรือ V8 6.2 ลิตร ที่เป็น V8 ขนาด 420 แรงม้า

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-2

ในขณะเดียวกัน รถรุ่น LT, RST และ LT Trail Boss คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 5.3 ลิตร (มาตรฐาน LT Trail Boss, อุปกรณ์เสริม LT / RST), เทอร์โบ 2.7 ลิตรใหม่ที่มีกำลัง 310 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 472 นิวตันเมตร (LT / RST มาตรฐาน) หรือแบบใหม่ทั้งหมดอย่าง Duramax 3.0 ลิตร ใน turbodiesel (มีอยู่บน LT / RST) ด้วยเทคโนโลยี Start/Stop และระบบปรับความเร็ว 10 ระดับโดยอัตโนมัติ (เทคโนโลยีที่เครื่องยนต์จะดับลงโดยอัตโนมัติ เมื่อรถถึงจุดหยุดนิ่งระหว่างรอสัญญาณไฟแดง ขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงพัดลมแอร์ยังคงทำงานอยู่ และจะติดเครื่องให้อัตโนมัติเมื่อปล่อยเท้าออกจากเบรก หรือขยับพวงมาลัย เป็นต้น) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ราว 8-15 เปอร์เซ็นต์จะออกวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2019

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

ด้วยน้ำหนักที่น้อยลง เนื่องจากรถรุ่นนี้ตัวรถปรับโครงสร้างใหม่ และทำจากเหล็กประเภท High Tensile Steel ทำให้ความต้านทานต่อลมต่ำ และไม่ทำให้การขับขี่เสียประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง Silverado รุ่นนี้ จึงเป็นรถกระบะที่บรรทุกได้มากกว่า แต่ตอบสนองดีและเร่งความเร็วได้มากขึ้น ซึ่งทางทีมงานวิศวกรที่สร้างรถรุ่นนี้ ขอยืนยันว่า นี่เป็นรถบรรทุกที่ดีที่สุดที่ Chevrolet เคยสร้างขึ้นมา

2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7 2019-chevrolet-silverado-new-engine-tech-7

สำหรับการผลิตรถกระบะแค็บรุ่น V8 จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่สามของปี 2018 ในขณะที่ในไตรมาสที่ 4 จะมีการผลิตรถรุ่นปกติ และรถสองล้อรวมถึงเครื่องยนต์เทอร์โบ V6 และ 2.7 ลิตร

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เปิดตัวโคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม ปี 2019 ด้วยสีภายนอกใหม่ กับตกแต่งรถกระบะ “Thunder” ใหม่ล่าสุด และเพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active

เชฟโรเลต ประเทศไทย เปิดตัวรถกระบะ Colorado High Country Storm รุ่นล่าสุด ซึ่งมาพร้อมสีภายนอกใหม่ล่าสุด “Orange Crush” บนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าฟอร์จูนทาวน์ กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ที่มีแสงสีส้มเรืองรองของพระอาทิตย์ตกดิน เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบ

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

Storm มีสีภายนอกทั้งหมด 8 สี ได้แก่ สีใหม่ Orange Crush, Blue Me Away, Pull Me Over Red, Black Meet Kettle Metallic, Summit White, Satin Steel Grey Metallic, Auburn Brown Metallic รวมถึงอีกหนึ่งสีใหม่ ที่จะเปิดตัวภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

เชฟโรเลต ยังตกแต่งโคโลราโด สี Orange Crush พระเอกของงานให้โดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมจากชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” ชุดใหม่ ประกอบด้วย

– ซุ้มล้อสีดำด้าน
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหน้า
– ตราสัญลักษณ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหลัง
– เบดไลเนอร์
– บันไดข้างสีดำแบบสปอร์ต
– กระจังหน้าสีดำ
– สติ๊กเกอร์สีดาด้าน พร้อมสัญลักษณ์โคโรลาโดสาหรับตกแต่งฝากระบะท้าย
– ฝาปิดถังน้ามัน พร้อมตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ
– ฮูด สกู๊ป

ท่านสามารถดูรายละเอียดชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” สำหรับรถกระบะโคโรลาโดทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ Chevrolet

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

นอกจากนี้ ยังมีชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารของโคโลราโด ที่ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนี้

– ชุดตกแต่งแผงคอนโซลหน้ากลางสีส้ม
– ชุดตกแต่งคันเกียร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งช่องแอร์สีบรอนซ์เงิน
– ชุดตกแต่งข้างประตูสีส้ม

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง “Thunder” มีจำหน่ายแยกไม่รวมอยู่ในชุดแต่งบนรถรุ่น High Country Storm ซึ่งประกอบไปด้วย สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สติกเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country กระจกมองข้าง มือจับที่เปิดประตู มือจับทีเปิดฝาท้าย ขอบหน้าต่าง กันชนท้ายสีดำพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง และสติกเกอร์สตอร์มตกแต่งข้างตัวรถ โดยชุดแต่งเป็นสีดำทั้งหมด

Chevrolet-Colorado-High-Country-Storm-2019

ทั้งนี้ อุปกรณ์ตกแต่งบนรถกระบะสีส้ม “Orange Crush” มีจัดจำหน่ายแบบแยกชิ้น ขณะที่ชุดแต่ง “Thunder” มอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการรวมชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับความนิยมเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาพิเศษ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

เชฟโรเลต ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า จึงนำระบบความปลอดภัยแบบ Active ล้ำสมัยไว้ใน Colorado รุ่น 2 ประตู (X-Cab) LT Z71 และรุ่น 4 ประตู (C-Cab) LT Z71 (ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSC) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA)

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะ Colorado High Country Storm และ High Country ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยแอคทีฟอื่นๆ ได้แก่ ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจรระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019 รถกระบะ Colorado High Country Storm เพียบพร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกสบาย ได้แก่ กล้องมองหลัง เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ท ดีไซน์ใหม่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ

Chevrolet-Colorado-Thunder-2019

รถกระบะรุ่นนี้ ยังมาพร้อมระบบ Infotainment เชฟโรเลต มายลิงค์ เจนเนอเรชั่นล่าสุด ระบบควบคุมสั่งการด้วยเสียง สิริ อายส์ ฟรี ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และกระจกหน้าต่างคู่หน้า ที่เลื่อนลงเล็กน้อยอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการปิดประตู

“และเมื่อสีสันที่โดดเด่น ผสานกับการตกแต่งที่สะดุดตา บนรถกระบะที่บึกบึนอย่างโคโลราโด แน่นอนว่าจะทำให้รถกระบะรุ่นนี้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่สะท้อนตัวตนและแสดงถึงบุคลิกที่แท้จริงของเราทุกครั้ง ที่ได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัย”

Chevrolet เปิดตัวสปอร์ตใหม่ Corvette Z06 ของปี 2016 -2017 

เพิ่งเปิดตัวไปมาดๆ สำหรับรถสายพันธ์ุสปอร์ต เชฟโรเลต คอร์เวตต์ รุ่น ซี06 ( All New Chevrolet Corvette Z06) ของปี 2016 – 2017

ในงาน Geneva Motorshow 2016 Chevrolet เปิดตัวสปอร์ตใหม่ Corvette Z06 ของปี 2016 -2017 | Trusteecarซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่เพิ่มสมรรถนะในระดับรถแข่ง เพื่อเป็นเกียรติแก่คอร์เวต์ต เรชชิ่ง เจ้าตัวนี้เป็นรุ่นล่าสุดที่ถูกตกแต่งภายนอกและภายใน ที่ล้ำสมัย ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ คือ The Grand Sport จะมีสีเฉพาะ สีเมทัลลิเกลน สีเทา คาดด้วยสีฟ้า…

รุ่นนี้มีสิ่งที่ใครๆ ที่ชอบรถสปอร์ตก็ต้องอยากสัมผัสมันอย่างแน่นอน เพราะด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของมันนั่นเอง และสมรรถนะที่ไม่เหมือนใครจาก ‘เชฟโรเลต คอร์เวตต์ Z06’ จนทำให้เป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกๆ ที่ใครหลายคนจะนึกถึงเป็นอันดับแรก…

ฮาร์แลน ชาร์ลส์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดรถสปอร์ตอย่าง คอร์เวตต์ ได้กล่าวว่า คอร์เวตต์ เป็นความสำเร็จและเทคโนโลยีของรถเรซซิ่ง เชฟโรเลตมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอ รถรุ่นพิเศษๆ ที่มาพร้อมเอกลักษณ์โดดเด่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าแนวนี้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ คอร์เวตต์เกิดความสำเร็จขึ้น !!

รายละเอียดและคุณสมบัติต่างๆ ของรถสปอร์ตรุ่น Corvette 2016 – 2017

มีชุดแต่ง Z07 Performance พร้อมเบรกคาร์บอนเซรามิกของเบรมโบ
ยางมิชลิน PS คัพ 2
ชุดแต่งกราฟฟิกรุ่น C7.R
แพ็คเกจชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่
ฝากระโรงหน้าตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มความโดดเด่นด้วยคาดสีฟ้าสะดุดตามากขึ้น
ประทับตรา C7.R Edition ภายในห้องโดยสารและหมายเลขแสดงตัวถัง แสดงลำดับการผลิตที่ผลิตออกมา

ผนวกกับเครื่องยนต์ V8 ซึ่งมีพละกำลัง 450 แรงม้า และในรุ่น ซูปเปอร์ชาร์ท มีพละกำลังถึง 650 แรงม้า แรงกดตามหลักพลศาสตร์ที่สุดยอดจากเทคโนโลยีและ มีการเสริมสมรรถนะอย่างระบบควบคุม (Magnetic Ride Control) ระบบจัดการเสถียรภาพ (Performance Traction Management) และเฟืองท้ายอิเลคทรอนิคส์

ทำให้ Corvette นำเสนอศักยภาพสปอร์ตที่ทัดเทียมกับซูปเปอร์คาร์ชั้นนำระดับโลกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนจดจำกันได้ และรุ่นนี้เป็นรถที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างแน่นอน ซึ่งราคาอยู่ที่ $80,395 หรืออยู่ที่ราวๆ ประมาณ 2,974,615 บาทไทย แต่เข้ามาในไทยจะราคาเท่าไหร่ก็ต้องรอดูกัน…

10-Family-Secondhand-Cars

สำหรับใครหลายๆ คน ที่ตอนนี้ อาจจะเพิ่งแต่งงาน หรือกำลังเริ่มสร้างครอบครัว หรือมีลูกอยู่แล้ว 1-2 คน และกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองซักคัน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือ ไปผ่อนบ้าน หรือใช้จ่ายในครอบครัว จ่ายค่าเทอมลูก เป็นต้น (แต่คนโสดจะซื้อไปใช้ ก็ได้เช่นกันนะครับ)

MPV-Family-Car

โดยรถยนต์ที่เหมาะสมหน่อย ก็คงหนีไม่พ้นรถยนต์แนวๆ MPV ที่นั่งได้หลายคน ขนของก็ได้ ไปได้กันทั้งครอบครัว ในราคาตัวรถที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

Toyota-Innova

MR.CARRO ขอแนะนำรถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ในราคาไม่เกิน 400,000 บาท ที่น่าซื้อมาใช้ ให้ทุกท่านได้พิจารณากันครับ.

Toyota-Avanza

1. Toyota Avanza F600 / F650

Toyota Avanza (โตโยต้า อแวนซ่า) ถือเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 5 ประตู 7 ที่นั่ง นำเข้าจากอินโดนีเซีย ชื่อรุ่นมาจากคำว่า “Avanzato” ในภาษาอิตาลี หรือ “Advance” ในภาษาอังกฤษ … ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา ในรูปแบบรถยนต์นั่งแนวใหม่ “Compact Multi – Purpose Vehicle” ที่มีความคุ้มค่า ขนาดห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ “Tall Boy” หลังคาทรงสูง รองรับผู้โดยสารในการเดินทางได้ถึง 7 คน วางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ Flex And Fold ปรับได้อิสระ สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระ พร้อมด้วยความคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทนทาน อัตราการดูแลรักษาต่ำ

Toyota-Avanza

Toyota Avanza เจเนอเรชั่นแรก มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร รหัส K3-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. (120 นิวตัน-เมตร) ที่ 3,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2551 อัพเกรดเครื่องยนต์เป็นขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. (141 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F600) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 145,000 – 360,000 บาท

Toyota-Avanza

ส่วน Toyota Avanza ในโมเดลที่ 2 เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2555 พลิกโฉมสู่ความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ออกแบบใหม่หมด ทั้งภายนอกและภายใน แถมรองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่่นั่งเหมือนเดิม

Toyota-Avanza

สำหรับ Toyota Avanza ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 3SZ-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.6 กก.-ม. (133 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,400 รอบ/นาที และสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด …

โดย Avanza (F650) ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 550,000 บาท

Toyota-Wish

2. Toyota Wish

จากรถที่เคยนำเข้ามาโชว์ก่อนเปิดตัว Toyota Wish (โตโยต้า วิช) ในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนเมษายน 2546 ก่อนจะเปิดจำหน่ายในบ้านเราเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546 สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์ในบ้านเรามาก เพราะผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยเป็นแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากประเทศญี่ปุ่น ช่วงแรกสร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจ รูปทรงดูทันสมัย แม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว

มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2548 แต่เนื่องจากกลุ่มตลาดที่ซ้ำซ้อนกับ Toyota Innova และยอดขายที่ตกมากช่วงปลายอายุตลาด ไม่คุ้มกับการผลิต Wish ก็เลยต้องหายจากตลาดไป …

Toyota-Wish

Toyota Wish ในประเทศไทย จะมีเบาะนั่ง 6-7 ที่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 19.6 กก.-ม. (192 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด Super ECT + Sport Sequential

โดย Wish ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 255,000 – 480,000 บาท

Toyota-Innova

3. Toyota Innova

Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า) ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโครงการ IMV (Innovative International Multi-Purpose Vehicle) มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทของ “โตโยต้า” โดยเป็นโมเดลที่ 2 ของโตโยต้า ภายใต้โครงการ IMV ที่เปิดตัวทำตลาดในไทยเดือนตุลาคม 2547 และเป็นรถแนว MPV รุ่นที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาก ทั้งในกลุ่มคนที่มีครอบครัว หรือในกิจการรถแท็กซี่ก็ตาม นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย มีทั้งแบบ 7 และ 8 ที่นั่ง …

Toyota-Innova

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก

ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก ในเดือนตุลาคม 2551 และครั้งที่สองในวันที่ 7 กันยายน 2554 พร้อมกับตัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกไป

Toyota-Innova

Toyota Innova โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สอง

มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส 1TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. (182 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

และเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว D4-D Turbo ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. (260 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Innova ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) ราคาอยู่ที่ประมาณ 230,000 – 500,000 บาท (เป็นราคาโดยประมาณ สำหรับรุ่นก่อนปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2)

Honda-Stream

4. Honda Stream

การมาของ “Honda Stream” (ฮอนด้า สตรีม) ทำให้ตลาดรถยนต์ในกลุ่ม MPV 7 ที่นั่ง ตื่นตัวขึ้นมากกว่าเดิม ด้วยรูปทรงที่ดูสวยงาม มุมด้านข้างดูโค้งมนพริ้วไหว ใช้พื้นฐานโครงสร้างเดียวกับ Civic โดยขยายช่วงล้อและยืดฐานล้อ ให้มีขนาดห้องโดยสารใหญ่เพียงพอสำหรับนั่งได้ 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในบ้านเราเมื่อกันยายน 2545 โดยนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางใน CR-V รหัส K20A แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC LEV ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. (191 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด S-Matic

ต่อมา … เพิ่มรุ่นพิเศษ “Stream Sports Version” ใส่ชุดสเกิร์ตรอบคัน ไฟตัดหมอก และกระจังหน้าแบบใหม่

Honda-Stream

พอในปี 2547 Honda ก็ได้ปรับโฉม Stream กันอีกครั้ง … แต่การมาของ Toyota Wish ก็ทำให้ Honda Stream ยอดขายตกวูบ และในที่สุดก็เลิกขายในไทยไป หลังจากมีการเปลี่ยนโฉมใหม่ …

โดย Stream ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 190,000 – 360,000 บาท

Mitsubishi-Space-Wagon

5. Mitsubishi Space Wagon

ช่วงที่ตลาดรถ MPV กำลังหอมหวาน มิตซูบิชิ ก็กระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2547 ด้วยการส่ง “Mitsubishi Space Wagon” (มิตซูบิชิ สเปซแวกอน) เป็น Mid-Size Minivan ที่ใหญ่กว่าคู่แข่ง ชิงส่วนแบ่งการตลาด ด้วยจุดขาย 2 ส่วน คือ ภาพลักษณ์หรูหรา ราคาไม่แตกต่างหรือใกล้เคียงมากกับคู่แข่ง และจุดขายส่วนที่ 2 คือ Multi Purpose ซึ่งทำให้รถยนต์สำหรับผู้บริหาร ไม่ใช่แค่การนั่งจากที่บ้านไปที่ทำงาน แต่หมายถึงใช้รถเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนในโฉมไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550

Mitsubishi-Space-Wagon

ทั้งนี้ ชื่อ “Space Wagon” เป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนไทยมานาน ตั้งแต่ Mitsubishi นำเข้า Space Wagon (หรือ Mitsubishi Chariot ในญี่ปุ่น) เข้ามาขาย ส่วนในต่างประเทศใช้ชื่อว่า “Grandis”

Mitsubishi-Space-Wagon

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4G69 แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.1 กก.-ม. (224 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด INVECS-II

โดย Space Wagon ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 299,000 – 600,000 บาท

Suzuki-APV

6. Suzuki APV

ซูซูกิ เริ่มกระโดดลงมาเล่นในตลาดรถ MPV ครั้งแรก โดยส่ง “Suzuki APV” (ซูซูกิ เอพีวี) ตัวโชว์มาก่อนในช่วงงาน Motor Expo ปี 2547 ก่อนจะวางจำหน่ายจริงในช่วงเดือนมีนาคม 2548 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก็ได้รับความนิยมมากจากครอบครัวคนไทย เพราะนั่งได้มากถึง 8 ที่นั่ง รวมไปถึงตลาดรถแท็กซี่เองก็มีซื้อไปใช้เช่นกัน อีกทั้ง ซูซูกิ ยังนำมาดัดแปลงเป็นรถกระบะบรรทุกขนาดเล็กอย่าง “Carry” อีกด้วย และปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2551

Suzuki-APV

ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส G16A แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. (127 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย APV ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 350,000 บาท

Suzuki-Ertiga

7. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติกา) รับช่วงสานต่อความสำเร็จต่อจากรุ่น APV พัฒนาให้ดีขึ้นในทุกมิติ เปิดตัวในบ้านเราเมื่อเดือนมีนาคม 2556 รถอเนกประสงค์แบบ MPV 7 ที่นั่ง ชูความสะดวกสบายสามารถปรับใช้งานได้หลากหลาย เจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย

Suzuki-Ertiga

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร รหัส K14B แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.3 กก.-ม. (130 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20

โดย Ertiga ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 340,000 – 550,000 บาท

Chevrolet-Zafira

8. Chevrolet Zafira

Chevrolet Zafira (เชฟโรเลต ซาฟิร่า) เป็นการเปิดศักราชของ GM ภายใต้บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยลงทุนตั้งโรงงานประกอบที่ จ.ระยอง และทำตลาด Zafira ด้วยแบรนด์ Chevrolet เป็นรุ่นแรก (ไม่ใช้แบรนด์ Opel ในไทยอีกต่อไป) เปิดตัวในช่วงปี 2542 เป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง รูปทรงกะทัดรัด ภายในห้องโดยสารออกแบบหรูหรา มีเบาะนั่งแบบ Flex7 สามารถพับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นจุดเด่นของ Zafira

มีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส Z18XE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Chevrolet-Zafira

และเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร รหัส Z22SE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ECOTEC ให้แรงม้าสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 22.3 กก.-ม. (203 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Zafira ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 89,000 – 180,000 บาท

Proton-Exora

9. Proton Exora

Proton Exora (โปรตอน เอ็กซ์โซร่า) เป็นการกลับมาของ บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ที่หันกลับมาขายแบรนด์ “Proton” (โปรตอน) รถยนต์จากประเทศมาเลเซีย กับรถแนว MPV 7 ที่นั่ง เปิดตัวไปในเดือนพฤศจิกายน 2552 มาพร้อมรูปทรงสง่างาม หรูหรา ตั้งแต่หัวจรดท้าย ดีไซน์ตัวถังตามหลัก Aerodynamics ภายในกว้างขวาง มีแอร์สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ด้วย
Proton-Exora

สำหรับ Exora และ Exora Prime มาพร้อมเครื่องยนต์ Campro ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CPS และท่อไอดีแปรผัน VIM ให้แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. (150 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 4 สปีด … มีรุ่นติดตั้งแก๊ส LPG ให้เลือกด้วยนะ

Proton-Exora-Turbo

ในปี 2555 จึงนำเข้า Exora Turbo มาเป็นตัวเลือกในตลาดเพิ่มอีกหนึ่งแบบ มีเฉพาะรุ่น High-Line มาพร้อมเครื่องยนต์ CFE ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.9 กก.-ม. (205 นิวตัน-เมตร) ที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที

โดย Exora ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 185,000 – 340,000 บาท

Kia-Carens

10. KIA Carens

KIA Carens (เกีย คาเรนส์) เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่ม Mini MPV ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ภายในห้องโดยสารกว้างและยาว สูงโปร่ง เพียงพอกับ 7 ที่นั่ง และประหยัดน้ำมัน เป็นรถที่นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ และเป็นรถมือสองที่หายากในบ้านเราอีกหนึ่งรุ่น

Kia-Carens

ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบเรียง CRDi Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

โดย Carens ในตลาดรถมือสอง (ปี 2561) อยู่ที่ประมาณ 180,000 – 260,000 บาท

Mr.CARRO หวังว่ารถครอบครัวมือสอง 10 รุ่น 10 คัน ในราคาคุ้มค่า ไม่เกิน 4 แสนบาท ที่นำมาเสนอนั้น น่าจะถูกใจหลายๆ คนกันนะครับ

ส่วนถ้าใครอยากขายรถ สามารถขายรถคันเก่ากับ CARRO Express ได้ เรายินดีรับซื้อรถของคุณ ได้เงินไว เร็ว พร้อมปิดการขายได้ทันที แค่คลิก https://th.carro.co/sell-car/express หรืออยากตีราคารถก่อน สามารถ Inbox สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook CARRO Thailand

หรือจะ Add Line สอบถามรายละเอียดได้ที่ @Carrothailand หรือคลิกที่นี่ —> เพิ่มเพื่อน