Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

ช่วงนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า กระแส “พับเบาะรถ” ถือว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว ซึ่งในตลาดรถที่พับเบาะได้ ก็มีให้เลือกกันอยู่หลายรุ่นหลายแบบเลยทีเดียว แต่รถที่พับเบาะได้ และสามารถใช้งานได้จริง (ที่ไม่ใช่แค่เพียงวางของอย่างเดียว) ก็คงเป็นรถในแนวๆ Hatchback (รถแฮทช์แบค), รถ SUV (รถเอสยูวี) หรือรถ MPV (รถเอ็มพีวี) ซึ่งแต่ละรุ่น ก็ออกแบบพื้นที่ในการใช้งาน และอรรถประโยชน์มาได้คล้ายๆ กัน

แต่ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ รถใหม่ป้ายแดงสำหรับบางคนอาจจะเป็นภาระเกินกำลังไปบ้าง การเลือกรถมือสองสภาพเยี่ยมๆ มาใช้สักคัน ก็จะช่วยเซฟเงินไปได้ไม่น้อย และยังเก็บเงินไว้ทำกิจกรรมสนุกๆ ขับรถไปเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดได้บ่อยๆ ด้วย

Carro ขอคัดสรรรถมือสอง 10 รุ่น ที่พับเบาะด้านหลังได้ราบเรียบ (หรือเกือบราบเรียบ) สามารถขับรถไปจอดนอนดูวิวริมเขื่อน หรือดูดาวบนดอย ทำกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวก และราคาสบายกระเป๋า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลยครับผม

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

1. Toyota C-HR

Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) เป็นรถ Sub-Compact Crossover SUV รูปทรงสวยสไตล์รถ Coupe มาพร้อมความสารพัดประโยชน์ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ แถมยังเป็นแบรนด์ซื้อง่ายขายคล่อง ขับไปไหนก็มีศูนย์บริการ และหาอะไหล่ได้ง่าย เปิดตัวในไทยเมื่อช่วงปลายปี 2560

ขุมพลังเป็นแบบเบนซินขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

และในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

สำหรับชุดเบาะหลังของ Toyota C-HR ในรุ่นเบนซินสามารถพับได้แบบ 60:40 และพับได้ราบเรียบ เมื่อพับเบาะลงหมดให้ความจุมากถึง 1,112 ลิตร ขนจักรยานเสือหมอบ 54 มาวางได้สบายๆ แต่ในรุ่น Hybrid อาจจะมีเนินบ้างเล็กน้อย เนื่องจากมีชุดแบตเตอรี่อยู่บริเวณใต้เบาะนั่นเอง

คลิกเลือกรถ Toyota C-HR คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

2. Toyota Innova

Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด และความอเนกประสงค์สุดๆ

ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift

ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20

ด้วยแนวคิดการออกแบบภายในห้องโดยสาร ภายใต้ Concept “Living Room Like” ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถพับเบาะจังหวะเดียว 1-Touch Tumble ได้ และปรับเบาะแบบ Privy Relaxed ปรับเอนได้อิสระในเบาะนั่งแถวที่ 2 (สำหรับในรุ่นที่ไม่ใช่เบาะ Captain Seat นะครับ)

ส่วนเบาะนั่งแถว 3 สามารถปรับพับได้แบบ 50:50 โดยห้อยที่บริเวณด้านข้าง ซึ่งก็ทำให้เสียพื้นที่แนวขวางไปเล็กน้อย ในกรณีที่ตั้งวางของเรียงซ้อนกันหลายชั้น

คลิกเลือกรถ Toyota Innova Crysta คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

3. Nissan Note

Nissan Note (นิสสัน โน๊ต) จัดเป็นรถ Eco-Car แบบ Hatchback 5 ประตูที่ภายในกว้างขวางมากอีกหนึ่งรุ่น เวอร์ชั่นไทยเปิดตัวในวันที่ 17 มกราคม 2560 มาด้วยความกว้างขวางของภายใน กับหลังคาสูงแบบ Airy Cabin

มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ตัวเดียวกับใน Nissan March รหัส HR12DE แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว CVTC ให้แรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Xtronic CVT พร้อม D-STEP Logic

เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ปรับให้แบนราบเรียบได้ ในรุ่น VL และปรับชิ้นเดียวในรุ่น V หากพับเบาะหลังลง จะให้เนื้อที่มากถึง 1,495 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA) สามารถวางจอ TV ขนาด 50 นิ้วได้สบายๆ

คลิกเลือกรถ Nissan Note คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

4. Nissan X-Trail

Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล) จัดเป็นรถ SUV มีให้เลือกในตลาดทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และแบบไฮบริดรายแรกในกลุ่ม SUV ระดับเดียวกันในไทย ที่ถึงแม้ว่า Nissan บ้านเราจะเลิกขายไปแล้วก็ตาม แต่ในตลาดรถมือสอง รุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่

ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ติดกับตัวรถมามากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี ง่ายทั้งการบรรทุกของ หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยว ที่ต้องพกอุปกรณ์ และกระเป๋าเดินทางหลายๆ ใบ

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิด 233 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมโรเตอร์สวิตช์ (4x4i with Roter Switch) ช่วยการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ 2WD, 4WD Auto และ 4WD Full-Time

อีกทั้งเบาะนั่งในแถวที่ 2 และแถวที่ 3 (ในรุ่น 7 ที่นั่ง) สามารถปรับพับเบาะได้หลายรูปแบบ และแบนราบเกือบที่สุด ในบรรดารถ SUV ด้วยกันในท้องตลาด เมื่อพับเบาะแถวที่ 3 จะให้พื้นที่ 445 ลิตร และหากพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เพิ่มอีก 565 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Nissan X-Trail คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

5. Honda Jazz

Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ยังคงขายในไทยกันอย่างยืนยงเข้าสู่ปีที่ 8 นับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ด้วยจุดเด่นของห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย จากแนวคิดการออกแบบ “Futuristic Cockpit” จัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารนี้ยังคงใช้แนวคิด Man Maximum Machine Minimum ในการออกแบบ

มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15Z1 แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

ซึ่งรุ่นนี้ยังใช้ชุดเบาะนั่งอัลตร้า ซีท ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และเพิ่มโหมดใหม่ล่าสุด Refresh Mode ที่พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลังได้ ปรับเบาะได้ราบเรียบที่สุดในบรรดารถ Sub-Compact Car แบบ Hatchback ที่ขายในตลาด (เนื่องจากนำถังน้ำมัน ไปไว้บริเวณใต้เบาะนั่งคู่หน้า) ให้เนื้อที่กว้างสะใจถึง 1,354 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Honda Jazz คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

6. Honda HR-V

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) นับเป็นรถ SUV ขนาด B-Segment ยอดฮิตมากในตลาดรถมือสองอีกรุ่น ด้วยความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ กับสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ แบบ “Dynamic Cross Solid” แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

วางเครื่องขนาด 1.8 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC แบบเดียวกับในรุ่น Civic FB ให้แรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dream และขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 565 ลิตร และเบาะที่พับเก็บได้ราบเรียบ วางจักรยาน MTB ไซส์ 26 ได้สบายๆ ถึง 2 คัน!

คลิกเลือกรถ Honda HR-V คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

7. Mazda CX-5

Mazda CX-5 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-5) เป็นรถ SUV ขนาด C-Segment รุ่นที่มีชื่อเสียงมากอีกหนึ่งรุ่น มาพร้อมรูปทรงการออกแบบอันสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ที่ได้แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์ของงานศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตามแนวทางการออกแบบ “Less is more” เรียบง่าย สุขุม และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 17.5 กม./ลิตร

และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual S-VT พัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีขึ้น ให้แรงม้าสูงสุด 165 แรงม้า (ภายหลังปรับแรงม้าเป็น 190 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ประหยัดสูงสุด 13.9 กม./ลิตร

และรุ่นเครื่องยนต์ Turbo ขนาด 2.5 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้แรงม้าสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ เมื่อพับเบาะนั่งลงหมด ให้ความจุมากถึง 1,620 ลิตร (ตามมาตรฐาน VDA)

คลิกเลือกรถ Mazda CX-5 คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

8. Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เป็นรถ MPV ที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าทั้งในแบบรถป้ายแดงและรถมือสอง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ภายในเพียบพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก กว้างขวาง สะดวกสบาย มีเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนที่ต่ำ (NVH) ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพตามปรัชญาแบบ “โอโมเตะนาชิ” ของญี่ปุ่น

ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC ให้แรงม้าสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมปุ่ม Overdrive รองรับแก๊สโซฮอล์ E85

ให้พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดกว่ารถในระดับเดียวกัน ผู้โดยสารแถวที่ 3 สามารถเดินภายในได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองพับเบาะกลางลง เพื่อใช้เป็นที่วางแขนได้ มีช่องวางแก้วน้ำมากถึง 16 จุดรอบคัน พร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารหลัง และเมื่อพับเบาะลงทั้งหมด จะให้พื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1,630 ลิตร! เพื่อความสนุกในทุกกิจกรรมของคุณ ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน

คลิกเลือกรถ Mitsubishi Xpander คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

9. Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ติก้า) เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและความปลอดภัย ห้องโดยสารภายในดูเรียบหรู ใช้วัสดุคุณภาพสูง พื้นที่ภายในขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง กว้างขวาง โปร่งสบาย และยังมี NVH ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนตลอดเส้นทาง

ใช้เครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว DUALJET ให้แรงม้าสูงสุดถึง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรองรับได้ 209 ลิตร เบาะนั่งแถวที่สอง พับแบบ 60:40 และแถวที่ 3 พับแบบ 50:50 โดยหากพับเบาะสองแถวหลังลงหมด ให้ความจุได้สูงสุดถึง 803 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Suzuki Ertiga คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro แนะนำ 10 รถพับเบาะได้ สะด๊วก สะดวก

10. Subaru XV

Subaru XV (ซูบารุ เอ็กซ์วี) จัดเป็นรถนอกกระแสสไตล์ Crossover ที่ขายดีอีกหนึ่งรุ่น รุ่นปัจจุบันเปิดตัวในไทยเมื่อเดือนมกราคม 2561 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ “Subaru Global Platform” พร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) และระบบ X-Mode ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย

มาพร้อมเครื่องยนต์ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร ปรับปรุงใหม่ น้ำหนักเบาลงประมาณ 12 กิโลกรัม แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กับระบบ Direct Injection ให้กำลัง 156 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Lineartronic 7 สปีด ที่เบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 7.8 กิโลกรัม

พื้นที่ด้านหลังขนของได้เพียบ และพับเบาะนั่งแถวสองได้ราบเรียบที่สุดอีกหนึ่งรุ่น ให้ความจุมากถึง 1,240 ลิตร!

คลิกเลือกรถ Subaru XV คันที่ใช่สำหรับคุณ ได้ที่นี่ครับ!

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์ที่พับเบาะได้มาใช้ในช่วงนี้ มาขายรถกับทาง Carro Express สิ! คลิกเลยที่ https://th.carro.co/sell-car/express รับรองได้เงินเร็ว ไว ทันใจแน่นอน!

CARRO Automall

ส่วนใครสนใจจะซื้อรถมือสอง Carro แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่ง Carro เรามีรถให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพโดย Carro Certified อย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 160 จุด, การันตีคืนเงินภายใน 5 วัน, รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี, รับประกันไม่กรอไมล์ และไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม พร้อมรับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์ ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Carro สิ!

หรือถ้าหากคุณสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงกรอกชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ และรถที่คุณสนใจ ไว้ที่ “รับการแจ้งเตือน” เมื่อมีรถที่คุณต้องการ Carro จะรีบติดต่อไปยังคุณทันที สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> Carro Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carrothai

Toyota เปิด All-New Toyota Veloz เริ่มต้น 795,000 บาท

Toyota (โตโยต้า) เผยโฉม All-New Toyota Veloz 2022 (โตโยต้า เวลอซ) “Better Together ใช้ชีวิตไปด้วยกัน” รถ MPV 7 ที่นั่งสไตล์ Premium Crossover ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-Segment เบาะนั่งสามารถปรับได้หลากหลายถึง 7 แบบ ในราคา 795,000 – 875,000 บาท

มีระบบเครื่องเสียง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถระดับเดียวกัน ด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS

พร้อมขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 106 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ มอบอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดถึง 17.9 กม./ ลิตร มีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Premium และ รุ่น Smart

เจาะกลุ่มครอบครัว ที่มีขนาด 4 คนขึ้นไป เป็นกลุ่มหลัก ใช้รถในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน รับส่งลูก และออกไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก หรือคนทำธุรกิจส่วนตัวที่ต้องการที่ต้องการไลฟ์สไตล์ ไปพร้อมกับธุรกิจ เช่น Youtuber

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Veloz ราคา 795,000 - 875,000 บาท

All-New Toyota Veloz 2022 มาพร้อม 4 จุดขายหลัก ได้แก่

  • ดีไซน์ล้ำสมัย แบบฉบับ Premium Crossover ด้วยภายในห้องโดยสารที่ออกแบบลงตัว ในการใช้งานอเนกประสงค์ ตามแนวคิดการออกแบบ “Proud Active”
  • มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มเติม อาทิ ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist) ในรุ่น Premium
  • พื้นที่ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย กับรูปแบบปรับเบาะที่นั่งโดยสารถึง 7 แบบ
  • การขับขี่ที่มั่นคง อัตราเร่งดีเยี่ยม จาก Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ตอบสนองอัตราเร่งได้ดี และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

Mr.Eiji Fujibayashi (มร.เออิจิ ฟูจิบายาชิ) หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “Concept หลักในการพัฒนารถรุ่นนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่หารถยนต์ที่โดดเด่น ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ซึ่งมาพร้อมการขับขี่ดีเยียม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์ Premium Crossover และน่าดึงดูดกว่ารถยนต์ MPV ที่เคยมีมา

All-New Toyota Veloz 2022

– การออกแบบสไตล์พรีเมียมที่เหนือระดับสำหรับชีวิตยุคใหม่

ด้านหน้าของ All-New Toyota Veloz 2022 โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าแบบ LED ให้เอกลักษณ์ ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง พร้อมแผ่นกันใต้ท้องรถสไตล์ Crossover มีแนวเส้นขอบโครเมียมตั้งแต่หน้าตัวรถ ยาวถึงด้านหลัง ล้อและซุ้มล้อขนาดใหญ่ ให้อารมณ์แบบ SUV ด้านหลัง ตกแต่งด้วยดีไซน์แบบเส้นยาวแนวนอน ยาวถึงชุดไฟท้ายทั้งสองฝั่งของตัวรถ ให้ความรู้สึกเฉียบคม พรีเมียมยิ่งขึ้น

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Veloz ราคา 795,000 - 875,000 บาท

– การตกแต่งภายในที่มีความอเนกประสงค์ และกว้างขวางเป็นพิเศษ

การออกแบบสไตล์พรีเมียมสำหรับชีวิตยุคใหม่ ภายในกว้างขวาง ให้ความสบายทุกที่นั่ง ระยะห่างระหว่างที่นั่งผู้โดยสารในแถวที่หนึ่ง และแถวสองมีขนาดเทียบเท่ากับรถใน C-Segment ในขณะที่เบาะแถวที่สองมีระยะเลื่อนได้ถึง 240 มม. แถวที่ 3 กว้างถึง 700 มม. และสามารถปรับพับเบาะได้ 7 รูปแบบ ได้แก่ …

1. Big Room พับแถว 2 และแถว 3
2. Small Room พับแถว 3
3. Relax Mode พับแถว 1 เอนราบ
4. Day Bed พับแถว 2 เอนราบ
5. Long Stuff พับแถว 3 และเบาะกลางแถว 2
6. Free Form พับแถว 3 และแถว 2 ด้านซ้ายหรือขวา
7. Cabinet พับแถว 3 ด้านซ้ายหรือขวา

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้จัดที่นั่งได้อย่างยืดหยุ่น มีที่เปิดประตูขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีดีไซน์คอนโซลแบบสูง และบุด้วยวัสดุนิ่ม สำหรับเบาะนั่ง มีการตกแต่งที่บริเวณด้านข้างด้วย

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Veloz ราคา 795,000 - 875,000 บาท

หน้าปัดมาตรวัดความเร็วปรับได้ 4 รูปแบบ เพลิดเพลินกับเครื่องเสียงหน้าจอแบบสัมผัส 9 นิ้ว ทั้งยังมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless charger) และจุดเสียบ USB 4 จุด พร้อมช่องใส่ Tablet แถมมีที่วางแก้วมากมายทุกที่นั่งรวม 15 จุด เพิ่มความหรูหราอีกระดับด้วยไฟ Ambient Light ในห้องโดยสาร พร้อมระบบแอร์อัตโนมัติ

– Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ ให้สัมผัสการขับขี่ที่มั่นใจและทรงพลัง

Platform และช่วงล่างใหม่ ช่วยให้การขับขี่สบายแม้จะต้องเดินทางไกล ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง CVT ใหม่ ทรงพลัง ประหยัดน้ำมัน รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Toyota Safety Sense หรือ TSS ให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจ

ด้านสมรรถนะการขับขี่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตร (14,1 กก.-ม.) ที่ 4,200 รอบ/นาที

พร้อมเกียร์ CVT ใหม่ พร้อม Sequential Shift ประหยัดน้ำมัน ตอบสนองทันใจ แต่เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล เงียบกว่าในทุกช่วงความเร็ว พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่ตอบสนองได้ดังใจ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า ทันสมัย และสะดวกสบายกว่า

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Veloz ราคา 795,000 - 875,000 บาท

ที่สำคัญ ยังมาพร้อมระบบมาตรฐานความปลอดภัย Toyota Safety Sense หรือ TSS มอบความมั่นใจตลอดการเดินทาง เช่น

  • กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor)
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert (LDA) With Steering Assist)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert)
  • ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control)* (ในรุ่น Premium)

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Veloz ราคา 795,000 - 875,000 บาท

ทั้งยังปกป้องสูงสุดกับระบบมาตรฐานความปลอดภัยโตโยต้าในทุกรุ่น เช่น

  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) และ
  • ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง

โตโยต้า เวลอซ 2022 มีให้ลูกค้าเลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Premium และ รุ่น Smart มีสีภายนอกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก, สีดำ, สีแดง และ ใหม่ สีเงิน “Purplish Silver Mica Metallic”

พร้อมกันนี้ เรายังมีข้อเสนอสุดพิเศษ ดาวน์ 15% พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 60 เดือน พร้อมแพ็กเกจขยายการรับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และพิเศษยิ่งกว่าด้วยฟรีค่าแรงเช็กระยะถึง 100,000 กม.

โดยความพร้อมในการส่งมอบรถรุ่น Smart ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ส่วนรุ่น Premium จะเริ่มส่งมอบได้ในเดือนมีนาคมเป็นต้นไป

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครกำลังเงินซื้อป้ายแดงไม่พอ ลองมองมองหารถ MPV มือสองมาใช้ดูสิ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันของ CARRO Automall คุณไม่ต้องกังวลเลยในเรื่องของรถจมน้ำ รถน้ำท่วม หรือรถจมบาดาล เพราะเราไม่นำรถที่ถูกน้ำท่วมมาขายโดยเด็ดขาด และรถทุกคันยังผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด อีกด้วย

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR

ในประเทศไทย รถ SUV และรถ Crossover หลากหลายรุ่น นับว่าเป็นรถขายดีประจำทุกฤดูเลยก็ว่าได้ เพราะได้ทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน การบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์คนมีครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ใช้รถเดินทางไปเที่ยว หรือไปเยี่ยมญาติลุยร้อน ลุยฝน ลุยหนาวได้ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ล้วนออกแบบมาใช้ขับง่าย ใช้งานง่าย และหรูหรา ดูดีมากขึ้นกว่าในอดีตเป็นเท่าตัว

ทาง CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) เรามีรถแบบ Crossover ที่หลายคนกำลังมองหามาไว้ใช้งาน กับความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ รูปทรงสวยสไตล์รถ Coupe เครื่องยนต์พลังแรง แถมราคาขายต่อดี แถมยัง เป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

ไปรู้จักกับ Toyota C-HR (โตโยต้า ซีเอชอาร์) ที่ทาง CARRO Automall ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR

สำหรับ Toyota C-HR Toyota C-HR จัดเป็นรถแบบ Sub-Compact Crossover SUV ซึ่งที่มาของชื่อ C-HR นั้น ย่อมาจากคำว่า Compact High Rider, Cross Hatch Runabout หรือ Coupé High–Rider (ซึ่งในไทย จะใช้นิยามในความหมายนี้มากที่สุด)

เปิดตัวครั้งแรกในตลาดญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2016 ก่อนจะเปิดตัวตามมาในยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ ในปี 2017 และเปิดตัวในไทยในงาน Motor Expo 2017 ก่อนจะเผยราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มกราคม 2561

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR

ตัวรถออกแบบมาให้แสดงถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์นั่งภายใต้แนวคิด “LIVE ALIVE…ออกไปใช้ชีวิต” ด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร ซึ่งเต็มไปด้วยความโดดเด่นสะดุดตา อีกทั้งการออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำ สะท้อนถึงรูปแบบพื้นผิวของอัญมณีที่มีความประณีตในการเจียระไน นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมไปด้วย 4 เทคโนโลยีใหม่ อันได้แก่

  • New Generation of Hybrid – ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 พัฒนาให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง แต่เก็บประจุไฟฟ้าได้มากขึ้น ทนทานและประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กม./ลิตร และการย้ายตำแหน่งของแบตเตอรี่ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น

สำหรับขุมพลังที่ใช้ แบบเบนซินเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร (17.8 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

และในแบบไฮบริด เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 96 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร (14.5 กก.-ม.) ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 กิโลวัตต์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR

  • โครงสร้าง TNGA (Toyota Global New Architecture) – นวัตกรรมโครงสร้างใหม่ TNGA ถูกพัฒนาขึ้นโดยการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ให้แข็งแกร่ง (Body Rigidity) และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง (Low Center of Gravity) ลดการโคลงตัวของตัวถัง เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ โดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพการเกาะถนน (STABILITY) คล่องตัวทุกจังหวะการขับขี่ (AGILITY) รวมถึงการออกแบบห้องโดยสาร เพิ่มทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้กว้างขึ้นโดยลดจุดอับสายตา (VISIBILITY) นอกจากนี้ Toyota C-HR มาพร้อมกับช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนแล้วยังเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่
  • Toyota Safety Sense ระบบความปลอดภัยใหม่ของรถโตโยต้ามาตรฐานระดับโลก ซึ่งรวมเอาระบบความปลอดภัยขั้นสูงไว้ด้วยกัน อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR

  • Toyota T-Connect Telematics ระบบที่เชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถยนต์ ผ่าน Smartphone และ Apple Watch พร้อมทั้งเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อรับข้อมูลและความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง T-Connect Telematics บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม สัญญาณ Wi-Fi ในรถยนต์ และการลดเบี้ยประกันด้วยโปรแกรม Pay As You Drive insurance เป็นต้น

โดย โตโยต้า ซีเอชอาร์ ในโฉมแรกมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย นั่นคือ 1.8 Entry, 1.8 Mid และโฉมไฮบริด HV Mid กับรุ่น Top สุด HV Hi

มี 6 สีให้เลือก สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด อาทิ Premium Red/Black Roof, Blue Metallic/Black Roof, Radiant Green Metallic/Black Roof, White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic และ Attitude Black Mica

กับ 3 สี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน อาทิ White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic และ Attitude Black Mica

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR ADIDAS

ล่วงมาจนถึงในเดือนตุลาคม 2561 Toyota ร่วมกับ ADIDAS (อาดิอาส) ประเทศญี่ปุ่น ออกรุ่นพิเศษ Toyota C-HR l ADIDAS ที่ได้รับการตกแต่งพิเศษ (ADIDAS Inspired Design) นำชุดอุปกรณ์ตกแต่งแท้ของโตโยต้า มาแต่งเเละออกแบบลวดลายลงบนรถ

พร้อมของที่ระลึกสุดพิเศษ C-HR I ADIDAS Set Japan Limited Edition จัดทำพิเศษเพื่อ C-HR โดยเฉพาะ จำนวนจำกัด 1,200 ชุด ประกอบไปด้วยรองเท้ารุ่น ADIZERO JAPAN 1 คู่, เสื้อแจ็คเกต Climalite 1 ตัว และกระเป๋าเป้ ขนาด 30 ลิตร 1 ใบ

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR 2019

4 กุมภาพันธ์ 2562 Toyota เปิดตัว Toyota C-HR เพิ่มสีขาวมุกหลังคาดำ (White Pearl Crystal/ Black Roof) และดีไซน์ล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 17 นิ้ว และปรับวัสดุ หุ้มเบาะมาตรฐานเป็นเบาะหนังในทุกรุ่น

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR By Karl Lagerfeld 2020

2 เมษายน 2563 Toyota เปิดตัวรุ่นพิเศษ Toyota C-HR By Karl Lagerfeld (เฉพาะรุ่น HV Hi) ผสมผสานอย่างลงตัวของสีขาวและสีดำ กับการออกแบบสไตล์ปารีส (Parisian Rock Chic) ด้วยวัสดุเกรดพรีเมี่ยม

กับการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ได้แก่ หลังคาสีขาวมุกพร้อมชุดตกแต่งหลังคาสีดำ, กระจกมองข้างสีขาวมุก, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ชุดสเกิร์ตข้างสีขาวมุก, ชุดสปอยเลอร์กันชนหน้า-หลัง สีขาวมุกพร้อมชุดตกแต่งกันชนหน้าสีดำ, ล้ออัลลอย 17 นิ้วสีดำเงา ภายในตกแต่งสีทูโทน พร้อมสัญลักษณ์ Karl Lagerfeld, เบาะหนังสีทูโทนเกรดพรีเมียมพร้อมสัญลักษณ์ Karl Lagerfeld และสคัฟเพลท C-HR by Karl Lagerfeld

CARRO Automall แนะนำ Toyota C-HR 2021

ล่าสุดมาจนถึงในวันที่ 23 มิถุนายน 2564 Toyota ปรับโฉม Minorchange เจ้า Toyota C-HR อีกรอบ ตัดรุ่นเบนซินออกไป เหลือเฉพาะไฮบริดเท่านั้น เพิ่มสีภายนอกใหม่ สี Platinum White Pearl และ สี Nebula Blue โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับ 2 ทางเลือกสีหลังคาใหม่ Black Roof หรือ Silver Roof

เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย Toyota Safety Sense ด้วยระบบ All-speed Dynamic Radar Cruise Control ระบบควบคุมและปรับลดระดับความเร็วได้ถึง 0 กม./ชม. และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบ Lane Tracing Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน รองรับเทคโนโลยีสุดล้ำ Apple Play และ T-Connect by TOYOTA สำหรับรถทุกคัน

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนธันวาคม 2564 เรามี Toyota C-HR รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 2 คันครับ ได้แก่ …..

TOYOTA CHR 1.8 HV MID 2018 เทา

TOYOTA CHR 1.8 HV MID 2018 เทา

1. Toyota C-HR 1.8 HV Mid ปี 2018 เลขไมล์ 101,279 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 679,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-chr-2018-E7M81N.html

TOYOTA CHR 1.8 HV Hi 2018 น้ำเงิน-ดำ

TOYOTA CHR 1.8 HV Hi 2018 น้ำเงิน-ดำ

2. Toyota C-HR 1.8 HV Hi ปี 2018 เลขไมล์ 24,766 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 689,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/toyota-chr-2018-D2X1L0.html

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ถ้าใครที่กำลังมองหา Toyota C-HR มือสอง (โตโยต้า ซีเอชอาร์ มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Suzuki Swift ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยกระดับมาตรฐานใหม่รถ SUV ไทยอีกครั้ง เปิดตัว ฮอนด้า เอชอาร์วี เจเนอเรชันที่ 2 ภายใต้ชื่อ “All-New Honda HR-V e:HEV 2022 (ฮอนด้า เอชอาร์วี อี:เอชอีวี) ใหม่” เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย

ราคาประมาณการเริ่มต้นต่ำกว่า 990,000 บาท พร้อมเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 – 18 พฤศจิกายน 2564** ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Utility Package โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

โดยตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา Honda HR-V เป็นหนึ่งในผู้นำตลาด SUV ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ Segment นี้ ด้วยยอดขายสะสมรวมกว่า 100,000 คัน”

“จากความสำเร็จดังกล่าว ไทยจึงเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียที่จะได้เปิดตัว Honda HR-V 2022 เจเนอเรชั่นที่ 2 ภายใต้ชื่อ Honda HR-V e:HEV ใหม่ และยังเป็นประเทศแรกในโลกที่เปิดตัวรุ่น RS ที่มาพร้อมดีไซน์สุด Executive นับเป็นก้าวสำคัญที่ Honda HR-V 2022 ใหม่ จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นอีกครั้ง ด้วยการผสานทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย พร้อมเป็นยนตรกรรมเอสยูวีสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง”

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

พลังจากดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมอันโดดเด่น สร้างตัวตนที่แตกต่าง

Honda HR-V e:HEV ใหม่ มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนสไตล์ SUV ได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดทุกสายตาด้วย

  • กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีเดียวกับตัวรถ (รุ่น e:HEV EL) และกระจังหน้าสีดำเงา (รุ่น e:HEV E) ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)
  • กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
  • สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
  • เสาอากาศครีบฉลาม
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL)

สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

ครั้งแรกในโลกกับการเปิดตัวรุ่น RS ที่ประเทศไทย ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยดีไซน์สปอร์ตเอกซ์คลูซีฟ ตกแต่งพิเศษรอบคัน โดดเด่นด้วย

  • กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS
  • สัญลักษณ์ AMP UP บนกันชนหน้าด้านล่าง
  • กันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
  • ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke
  • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
  • หลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof)

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

พิเศษยิ่งขึ้นกับสีภายนอกสีแดงอิกไนต์ ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน สะท้อนความสปอร์ตไปอีกขั้น

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่งและทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม* คงอรรถประโยชน์สไตล์เอสยูวีไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

โดดเด่นด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System โดยช่องปรับอากาศดีไซน์ใหม่ กระจายลมได้ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS) โดยทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่สีดำ และเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่

  • Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับลงแนวราบได้เรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย
  • Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
  • Tall Mode: เอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นของ ฮอนด้า ที่สามารถพับเบาะด้านหลังขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง ซึ่งมีเพียง ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่นเดียวในเซกเมนต์ที่สามารถพับเบาะในโหมดนี้ได้

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

ตอบโจทย์สมาร์ตไลฟ์สไตล์ ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน* อาทิ

  • ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) ใหม่
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ลำโพงสูงสุดจำนวน 8 ตำแหน่ง
  • ไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด-ปิดแบบสัมผัส
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • ปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

พลังความท้าทายที่ไร้ขีดจำกัด ที่ขับเคลื่อนชีวิตของคุณไปข้างหน้า

อีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญ Honda HR-V e:HEV ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC

พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟและช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว มอบกำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 131 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร (25.8 กก-.ม.) ที่ 0-3,500 รอบ/นาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร

โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ โดยมีทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

นอกจากนี้ ทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่

  • ECON Mode: โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่
  • Normal Mode: โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
  • Sport Mode: โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

พลังที่พร้อมพาคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัย

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีด้านการขับขี่ที่ครบครัน* อาทิ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยกับระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front and Rear Passenger Seat Belt Reminder) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

Honda HR-V e:HEV (ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี) ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น e:HEV E ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
  • รุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท

สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) พร้อมด้วย สีใหม่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) รวมทั้งสีขาวแพลทินัม (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) ในทุกรุ่นย่อย

เสริมความมั่นใจในการขับขี่ยนตรกรรมระดับพรีเมียม โดย Honda HR-V e:HEVใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานจากโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า 229 แห่งทั่วประเทศ

มาแล้ว! All-New Honda HR-V 2022 มิติใหม่ SUV กับขุมพลัง Full Hybrid e:HEV

พิเศษ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ Honda HR-V e:HEV ใหม่ ระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 19.00 น. จากนั้นทำการจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 – 31 ธันวาคม 2564** รับฟรีชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Utility Package ประกอบด้วยกระบะใส่ของท้ายรถ มูลค่า 1,100 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง มูลค่า 1,700 บาท รวมมูลค่า 2,800 บาท

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Honda HR-V e:HEV ใหม่ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้ ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทาง Facebook Fanpage และ YouTube Channel: Honda Thailand ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

พร้อมทั้งเตรียมสัมผัสกับ Honda HR-V e:HEV ใหม่ ได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงาน Motor Expo 2021 ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2564 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

หมายเหตุ

*อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

สำหรับใครที่อยากซื้อรถ Honda HR-V ใหม่ แต่ถ้าหากว่างบไม่พอ มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสอง และ Honda HR-V มือสอง คุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถ Honda HR-V ของเราทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถ Honda HR-V คุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

CARRO Automall แนะนำ Honda HR-V รถ Crossover SUV

ในบ้านเราทุกวันนี้ รถ SUV และรถ Crossover หลากหลายรุ่น จัดว่าเป็นรถขายดีทุกฤดูเลยก็ว่าได้ เพราะได้ทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน การบรรทุกสัมภาระ ตอบโจทย์คนมีครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ใช้รถเดินทางไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติ ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ล้วนออกแบบมาใช้ขับง่าย ใช้งานง่าย และดูหรูหรามากขึ้นกว่าในอดีตเป็นเท่าตัว

ทาง CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) เอง ก็มีรถแบบ Crossover ที่หลายคนกำลังมองหามาไว้ใช้งาน กับความสารพัดประโยชน์ที่ได้รับจากรถแนวนี้ มีที่เก็บของจุกจิกเพียบ เบาะพับได้หลายรูปแบบ เครื่องยนต์พลังแรง แถมราคาขายต่อดี ไม่ตก แถมยังเป็นแบรนด์เจ้าตลาด ขับไปไหนก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องของศูนย์บริการ และการหาอะไหล่

ไปรู้จักกับ Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์วี) ที่ทาง CARRO Automall ภูมิใจเสนอ และอยากให้คุณได้เป็นเจ้าของกันครับ มาดูกันว่า รุ่นนี้มีความน่าสนใจตรงจุดไหนกันบ้าง …

Honda-HR-V-2014-Thai

Honda ได้เปิดตัวรถ Crossover ที่วางตลาดให้เล็กกว่ารุ่น CR-V ในวันที่ 19 ธันวาคม 2013 ในญี่ปุ่นด้วยชื่อ Honda Vezel (ฮอนด้า วีเซล) ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Honda Fit (หรือ Jazz ในตลาดโลก) ซึ่งเป็นรถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ก่อนจะมีแผนส่งขายในตลาดภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ในชื่อ “Honda HR-V” (ซึ่งชื่อนี้ ในญี่ปุ่นเคยใช้มาก่อนในช่วงปี 1998 – 2006)

ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี จากลูกค้าในญี่ปุ่น (มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ Hybrid) ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 1 แสนคัน ในระยะเวลาเพียง 1 ปี ตามมาด้วยประเทศจีน และประเทศไทย เป็นประเทศที่ 3 ของโลก และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่ผลิตและขายรถรุ่นนี้

เปิดตัวเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 มาพร้อม Concept การสื่อสารการตลาด Premium x Sport Crossover ผสานสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อกำเนิดใหม่แห่งยนตรกรรมสปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียม ซึ่งคู่แข่งของรถในกลุ่มนี้ ในบ้านเราก็มีอย่าง Nissan Juke (นิสสัน จู๊ค) หรือ Ford Ecosport (ฟอร์ด อีโคสปอร์ต) เป็นต้น

Honda-HR-V-2014-Thai

ตัวรถออกแบบโดย Yoshiharu Itai ฝ่ายพัฒนาอาวุโสของ Honda R&D ด้วยแนวคิดการออกแบบรถ Sport Crossover รุ่นนี้ เน้นเพิ่มความสปอร์ตปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ แบบ “Dynamic Cross Solid” ผสานกับฟังก์ชั่นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ในสไตล์รถมินิแวน ซึ่งดูคล้ายกับใน Honda HR-V รุ่นแรก

ภายนอกมาพร้อมรูปลักษณ์ปราดเปรียว เสริมความรู้สึกแข็งแกร่ง ทรงพลัง ด้วยตัวถังด้านล่าง มาพร้อมเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวรอบคัน ลงตัวกับมือจับเปิดประตูด้านหลังแบบรถสปอร์ตคูเป้ และกระจังหน้า ออกแบบด้วยแนวคิด Solid Wing Face เสริมด้วยโทนสีดำ

มิติตัวรถกว้าง 4,294 มม. ยาว 1,772 มม. สูง 1,605 มม. ระยะฐานล้อ 2,610 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 185 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,255 – 1,292 กิโลกรัม

เหนือระดับด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบ Panoramic Sunroof พร้อมระบบเปิด-ปิด แบบ One-Touch ไฟหน้าพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED และไฟท้าย LED แบบ Tube สไตล์สปอร์ตล้ำสมัย

Honda-HR-V-2014-Thai

การออกแบบภายใน เน้นความกว้างขวาง กับ Expansible Cockpit เน้นความโปร่งโล่งของพื้นที่เหนือแผงคอนโซล ผสานกับคอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น ออกแบบสไตล์สปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำสมัย ทั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri (สำหรับ iPhone 4s ขึ้นไป) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส มาตรวัดเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สี พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

ทั้งยังยกระดับการใช้งานให้ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุ 565 ลิตร ที่มาพร้อมกับเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode เพื่อตอบรับทุกการใช้งาน

Honda-HR-V-2014-Thai

ขุมพลังที่ใช้ เวอร์ชั่นไทยวางเครื่องขนาด 1.8 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC แบบเดียวกับในรุ่น Civic FB ให้แรงม้าสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที

มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม และการประหยัดน้ำมันได้ถึงถึง 15 กม./ลิตร ขับขี่ที่สนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยได้ แบบ 7 สปีด

ระบบช่วงล่างหน้า แบบแมคเฟอร์สันสตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง ทอร์ชั่นบีมแบบ H-Shape ติดตั้งโช๊คอัพแบบ Amplitude Reactive Dampers ใช้ลูกสูบโช๊คอัพแยกกัน 2 ตัว ดูดซับแรงกระแทกแบบที่หนึ่ง ซึ่งเป็นตัวหลัก จะทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกสำหรับการขับขี่ในความเร็วต่ำ ส่วนอีกจุดหนึ่ง สำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง อีกทั้งยังรองรับแก๊สโซฮอล์ E85

Honda-HR-V-2014-Thai

ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับพรีเมียมในทุกรุ่น อาทิ

  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ที่ใช้งานง่ายเพียงดึงสวิตช์ที่คอนโซลกลางขึ้นเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ที่จะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
  • ด้วยกล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera)
  • ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมด้านคนขับอัจฉริยะ (i-SRS) ถุงลมด้านผู้โดยสารด้านหน้า (SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น S, รุ่น E และรุ่น EL

มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ คือ สีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก) สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก)

Honda-HR-V-E-Limited-2015

ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2558 Honda มียอดจองสะสมของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี กว่า 25,000 คัน ภายในระยะเวลา 8 เดือน จึงได้เปิดตัว Honda HR-V รุ่น E Limited เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า

ส่วนในรุ่นปกติ ในเดือนธันวาคม 2558 ก็อัดออพชั่นเพิ่มเติม อาทิ เพิ่มสีใหม่ คือ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น E, E Limited และ EL), ระบบเครื่องเสียง หน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ เป็นต้น

และก็ปรับราคารถทุกรุ่นเพิ่มตามไปด้วย ได้แก่ รุ่น S ราคา 933,000 บาท รุ่น E, รุ่น E Limited และรุ่น EL ราคา 1,099,000 บาท (สำหรับ สีน้ำเงินมอร์ฟโฟ (มุก) มีจำหน่ายเฉพาะรุ่น E, E Limited และ EL)

Honda-HR-V-2018-Thai

เดือนมิถุนายน 2561 ปรับโฉม Minorchange หลังจากที่ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในตลาดเอสยูวี 3 ปีซ้อน และมียอดขายสะสมกว่า 66,000 คัน โดยสื่อสารทางการตลาดด้วย Concept – What’s Calling You? ทุกเสียงเรียกจากข้างใน…ตามไปให้สุด

โดยแนะนำรุ่น RS ใหม่ และสีใหม่ สีแดงแพสชั่น (มุก) กันชนหน้า-หลัง และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ Full LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วแบบสปอร์ต

Honda-HR-V-2018-Thai

ส่วนภายในรถ เพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) และระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System)

มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น E ราคา 949,000 บาท รุ่น EL ราคา 1,059,000 บาท และรุ่น RS ราคา 1,119,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี โดยมีสีใหม่ คือ สีแดงแพสชั่น (มุก) และอีก 4 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)

และสำหรับ CARRO Automall ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ปลายฝนต้นหนาว เรามี Honda HR-V รีวิวรถคุณภาพเยี่ยม มาแนะนำให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน 9 คันครับ ได้แก่ …..

HONDA HRV 1.8 E 2015 เทา

HONDA HRV 1.8 E 2015 เทา

1. Honda HR-V 1.8 E ปี 2015 เลขไมล์ 116,170 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 499,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2015-G9O5K8.html

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

2. Honda HR-V 1.8 E ปี 2015 เลขไมล์ 189,741 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 549,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2016-GP23OJ.html

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

3. Honda HR-V 1.8 E ปี 2016 เลขไมล์ 74,382 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 579,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2016-D80687.html

HONDA HRV 1.8 EL 2016 เทา

HONDA HRV 1.8 EL 2016 เทา

4. Honda HR-V 1.8 EL ปี 2016 เลขไมล์ 120,842 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 629,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2016-G90846.html

HONDA HRV 1.8 EL 2017 ดำ

HONDA HRV 1.8 EL 2017 ดำ

5. Honda HR-V 1.8 EL ปี 2017 เลขไมล์ 167,081 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 579,000 บาท!

(สามารถดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2017-EK1NQ3.html

HONDA HRV 1.8 E LIMITED 2017 เทาดำ

HONDA HRV 1.8 E LIMITED 2017 เทาดำ

6. Honda HR-V 1.8 E Limited ปี 2017 เลขไมล์ 74,523 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 609,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2017-GP2ZV6.html

HONDA HRV 1.8 EL 2019 ขาว

HONDA HRV 1.8 EL 2019 ขาว

7. Honda HR-V 1.8 EL ปี 2019 เลขไมล์ 70,016 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 799,000 บาท!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2019-GYP4O8.html

HONDA HRV 1.8 RS 2018 ดำ

HONDA HRV 1.8 RS 2018 ดำ

8. Honda HR-V 1.8 RS ปี 2018 เลขไมล์ 31,257 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 839,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2018-DX24LQ.html

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

HONDA HRV 1.8 E 2016 ขาว

9. Honda HR-V 1.8 E ปี 2019 เลขไมล์ 74,382 กิโลเมตร สภาพเยี่ยม ราคา 579,000 บาท!

(สามารถฟังเสียงเครื่องยนต์ รวมถึงดูภาพภายนอกรถ-ภายในรถแบบ 360 องศา ได้)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม – https://th.carro.co/cardetail/honda-hrv-2016-D80687.html

ถ้าใครที่กำลังมองหา Honda HR-V มือสอง (ฮอนด้า เอชอาร์วี มือสอง) แล้วรู้สึกสนใจอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Honda HR-V ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

หมายเหตุ: ข้อมูลรถแนะนำจาก CARRO Automall เป็นข้อมูลรถยนต์ที่มีจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2564 / เลขกิโลเมตร ณ วันตรวจสภาพรถ

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

หลายคนที่ใช้รถยนต์, รถ Crossover, รถ SUV หรือรถกระบะในการทำมาหากิน ไปทำธุระ ส่งของ ขนของ หาลูกค้า หรือมีไลฟ์สไตล์เริ่มอยากท่องเที่ยว หลังจากที่ต้อง Work From Home อยู่บ้านทำงานกันมานาน ก็เริ่มใช้รถยนต์ในการเดินทางกันในช่วงนี้ ที่ค่อนข้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่เนื่องด้วยการบรรทุกของหนักนั้น ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะรถ การควบคุมรถ และความปลอดภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในช่วงหน้าฝน การขับขี่รถยนต์ย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ดังนั้น MR.CARRO จะมาแนะนำเคล็ดลับในการขนของขึ้นรถ บรรทุกหนักได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย กันตามนี้เลยครับ …

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

1. คำนวณน้ำหนักบรรทุกก่อน

ตามปกติ ในรถยนต์ประเภท SUV และรถกระบะ จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระค่อนข้างกว้างขวาง แต่ผู้ใช้ก็ไม่ควรขนทุกอย่างใส่จนเต็มรถตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ ควรคำนึงถึงน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งก็คือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักสูงสุดของรถ ซึ่งรถแต่ละคันออกแบบมาให้รับน้ำหนักสูงสุดได้ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นรถ SUV โดยเฉลี่ยเริ่มตั้งแต่ 400 กิโลกรัมเป็นต้นไป

แต่ถ้าเป็นรถกระบะตอนเดียว บรรทุกได้สูงถึง 1,000 กิโลกรัม (1 ตัน) ตามมาตรฐานของผู้ผลิตรถกระบะแต่ละยี่ห้อ ถ้าจะเอาบรรทุกให้มากกว่านั้น ก็คงต้องทำคอกสูง เสริมแหนบ ใส่ล้อกระทะบรรทุก ใส่เพลาลอย แล้วแหละ

การคำนวณน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์นั้น คำนวณได้จากน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด (Gross Vehicle Weight) ลบด้วยน้ำหนักของรถยนต์ในขณะว่างเปล่า ตามด้วยน้ำหนักรวมของผู้โดยสาร และเชื้อเพลิง

ตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่หนัก 60 กิโลกรัม 2 คน และเด็กน้ำหนัก 40 กิโลกรัม 2 คน คุณจะต้องลดน้ำหนักการบรรทุกสัมภาระลงไปอีก 200 กิโลกรัม และอย่าลืมคำนวณน้ำหนักของน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยนะครับ

2. รักษาจุดศูนย์ถ่วงให้เหมาะสม

ตามปกติ ไม่ว่าคุณจะใช้รถประเภทไหนก็ตาม ควรวางสัมภาระที่หนักที่สุดไว้บริเวณด้านล่างสุดของพื้นที่เก็บสัมภาระโดยวางสัมภาระให้กระจายน้ำหนักทั่วทั้งพื้นที่บรรทุก เพื่อช่วยให้ศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง ลดโอกาสในการพลิกคว่ำ

นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการควบคุมรถซึ่งเกิดจากน้ำหนักของรถนั่นเอง การนำสัมภาระที่มีน้ำหนักมากไว้ท้ายรถจะทำให้ล้อหน้าลอย ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะการบังคับเลี้ยวและการเบรก

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

3. รัดแน่นไว้ปลอดภัยดี

เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระกลายเป็นสิ่งอันตรายเมื่อต้องเบรกกระทันหัน ควรเก็บสัมภาระขนาดเล็กใส่กล่องให้เรียบร้อย ส่วนสัมภาระขนาดใหญ่หน่อย ควรทำการรัดไว้ในช่องเก็บของ

ทำแบบนี้แล้ว สัมภาระในรถจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารเมื่อรถต้องเบรคอย่างกระทันหัน

4. ปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน

พยายามหลีกเลี่ยงการบรรทุกตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานรถ และปรับกระจกให้มองเห็นชัดเจน จำไว้ว่าถ้ากระจกมองหลังไม่ชัด จะทำให้การขับขี่เป็นเรื่องยากและก่อให้เกิดความเสี่ยงขณะถอยหลัง (เนื่องจากของวางจนสูง บังจนมองไม่ค่อยเห็น กรณีมองผ่านกระจกมองหลัง) ถ้ามองเห็นข้างหลังไม่ชัดก็มีโอกาสสูงที่จะถอยชนคน หรือสิ่งของได้

เว้นเสียแต่ว่ารถคุณจะติดตั้งกล้องมองภาพด้านหลัง หรือสัญญาณกะระยะถอยหลัง ซึ่งจะช่วยให้การถอยหลังง่ายขึ้น

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

5. การเก็บสัมภาระไว้บนหลังคา

ควรหลีกเลี่ยงการบรรทุกสัมภาระบนหลังคารถยนต์ เพราะมีผลเสียตามหลักอากาศพลศาสตร์และศูนย์ถ่วง ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการควบคุมรถแม้ในขณะขับด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้ หากมีสัมภาระหลุดลอยไปขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแร็คหลังคาอย่างถูกต้องพร้อมราง จะช่วยเก็บสัมภาระให้ปลอดภัย ซึ่งควรเลือกกล่องเก็บของบนหลังคาที่ได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ มีความปลอดภัย กันน้ำได้ และหลีกเลี่ยงการบรรทุกของหนักพร้อมทำการรัดสัมภาระให้แน่นไม่โยกเคลื่อน

6. เก็บสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ให้หยิบง่ายเสมอ

ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าเก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน อันได้แก่สายเคเบิลสำหรับจั๊มสตาร์ท โทรศัพท์มือถือ และน้ำดื่ม ไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเมื่อต้องการใช้ ในรถ SUV บางรุ่น ยางอะไหล่ หรือชุดปะยางฉุกเฉิน อาจถูกเก็บไว้ในพื้นที่เก็บสัมภาระในรถ ดังนั้นรถบางรุ่นอาจไม่สามารถเก็บสัมภาระอื่นเพิ่มเติมได้

บรรทุกของหนักในรถอย่างไร ถึงปลอดภัยในการขับรถช่วงหน้าฝน

7. ตรวจสอบลมและสภาพยาง

ก่อนขับขี่ คุณควรตรวจสอบยางของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ายางอยู่ในสภาพดี ไม่สึกหรอ ดอกยางสภาพพร้อมใช้งาน มีการเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสมตามคำแนะนำที่ติดไว้บริเวณประตูด้านข้างของคนขับ ด้านในฝาน้ำมัน หรือในคู่มือผู้ใช้งาน

ผู้ขับควรเติมลมตามตัวเลขที่แนะนำไว้ ไม่ใช่ตามตัวเลขความดันสูงสุดที่เห็นบนขอบยาง เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นอาจต้องเติมลมยางแตกต่างกันเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง หรือขณะบรรทุกสัมภาระหนัก

8. อย่าบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็น

อย่าบรรทุกสัมภาระเกินน้ำหนักที่รถยนต์สามารถรับไหว ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะ หรือรถรุ่นใดๆ ก็ตาม ถ้ารู้สึกว่ากำลังบรรทุกเกินพิกัด ควรหาวิธีลดสัมภาระ จำไว้ว่า “ความปลอดภัย” คือสิ่งสำคัญที่สุด

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

ส่วนช่วงนี้ ใครอยากซื้อรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง สภาพเยี่ยม ราคาเบาๆ CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ พร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น!

รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ให้คุณเลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา พร้อมรับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร!

อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! เรามีรถให้คุณเลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถ SUV, รถ Crossover หรือรถกระบะมือสอง รุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Official โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

  • Chevrolet

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ที่ผมจั่วหัวมาแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะว่าคำถามนี้ ก็จัดเป็นหนึ่งในคำถามของผู้ที่สงสัยกันมานาน และมักถามกันบ่อยๆ ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ว่าทำไม “รถเก๋ง ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง เหมือนแบบรถยนต์แบบ 3 ประตู / 5 ประตู Hatchback หรือรถยนต์แบบรถ Crossover SUV หรือรถ SUV บ้าง?”

ตามจริงแล้ว จะบอกว่ารถเก๋งที่ขายในไทย ไม่เคยติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้เลย ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว …

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ในอดีต รถเก๋งที่ขายในไทย ที่มีติดตั้งปัดน้ำฝนหลังมาให้ ก็จะมีแค่ Mazda 323 (มาสด้า 323) (BF), Mitsubishi Galant (มิตซูบิชิ กาแลนท์), Mitsubishi Galant Ultima (มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติม่า) และ Peugeot 406 (เปอโยต์ 406) รุ่นที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ประมาณนี้

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ว่ากันด้วยตามหลักการของหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่ออากาศที่ไหลผ่านรถยนต์เวลาเคลื่อนที่จนไปถึงท้ายรถแล้ว ลักษณะอากาศจะเกิดหมุนแบบปั่นป่วน เกิดกระแสลมหมุน เนื่องจากด้านหลังมีการเคลื่อนที่ของอากาศที่มาจากรอบคันรถ ไม่ว่าจะด้านบน ด้านข้าง หรือด้านล่าง

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

ซึ่งในตัวรถเก๋ง อากาศจะไหลผ่านไปยังกระจกที่ลาดและท้ายที่ยื่นยาวออกมา อากาศจะไปปั่นป่วนบริเวณด้านท้ายรถ พร้อมกับพัดพาสิ่งสกปรก (ส่วนหนึ่ง) ออกไปหมุนอยู่แถวท้ายรถ ซึ่งต่างจากในรถประเภทท้ายตัด หรือท้ายสั้นอย่าง Hatchback (แฮทช์แบค), Liftback (ลิฟท์แบค), Coupe (คูเป้) หรือแบบ Van / Wagon (แวน / แวกอน) อากาศจะไปหมุนอยู่ที่บริเวณกระจกบานท้าย ทำให้มีสิ่งสกปรกติดกระจกมากกว่า จึงต้องมีที่ปัดน้ำฝนหลังไว้ใช้งาน

เพราะเหตุใด รถเก๋งที่ขายในไทย ถึงไม่มีปัดน้ำฝนหลัง

และอีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในเมืองหนาว (บางประเทศ) ผู้ผลิตรถอาจติดตั้งที่ปัดน้ำฝนหลังให้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเวลาหิมะตก สามารถใช้ปัดหิมะที่บริเวณกระจกบานหลัง และไฟเบรกดวงที่ 3 (เฉพารุ่นที่ติดตั้งด้านในรถ) ให้เห็นชัดขึ้น (บางรุ่นมีให้เลือกเป็น Option คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ)

เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ ถ้ารถคุณมีปัน้ำฝนหลัง ก็อย่าลืมหาโอกาสใช้งาน จะช่วงฝนตก หรือปัดคราบสกปรกบนกระจกหลังออกบ้างนะครับ

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที!

ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย!

เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ!

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

Honda-HR-V-Minorchange-2018

เพิ่มรุ่น RS และสีใหม่ สีแดงแพสชั่น (มุก) พร้อมระบบ Honda LaneWatch

Honda-HR-V-2018

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉม Honda HR-V (ฮอนด้า เอชอาร์-วี) ใหม่ สปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียม ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เพิ่มรุ่น RS และสีใหม่ สีแดงแพสชั่น (มุก) ยกระดับความพรีเมียมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่อันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) และระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System)

Honda-HR-V-2018

ฮอนด้า เอชอาร์-วี เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2557 เป็นรุ่นที่เข้ามาเปิดตลาดและเติมเต็มความต้องการของตลาดรถยนต์ SUV ในระดับ Compact Segment โดยเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทย ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในตลาดเอสยูวี 3 ปีซ้อน และมียอดขายสะสมกว่า 66,000 คัน โดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ ตั้งเป้าการจำหน่ายไว้ 18,000 คันภายใน 1 ปี

Honda-HR-V-2018

ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยกันชนหน้า-หลัง และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED เพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ยกระดับไปอีกขั้น อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น

Honda-HR-V-2018

สปอร์ตเร้าใจในทุกมุมมองด้วย ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ รุ่น RS ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตรอบคัน

กันชนหน้า-หลัง แบบสปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่โครเมียมรมดำแบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ต มือจับเปิดประตูด้านหน้าแบบโครเมียมรมดำ กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต พร้อมแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วแบบสปอร์ต และสัญลักษณ์ RS บนฝากระโปรงท้าย

Honda-HR-V-2018

ตอบโจทย์การใช้งานในทุกรูปแบบด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวางสะดวกสบายในสไตล์รถอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาพร้อมเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่สามารถปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode รองรับการขนย้ายสัมภาระที่หลากหลายในทุกรูปแบบ

Honda-HR-V-2018

ขับสนุกเร้าใจทุกเส้นทาง ด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันและตอบสนองทุกการขับขี่อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

Honda-HR-V-2018

นอกจากนี้ ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในทุกรุ่น อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS และ EL)

Honda-HR-V-2018

ด้วยภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียม ความกว้างขวาง และประโยชน์ใช้สอยภายในห้องโดยสาร ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกรูปแบบ Honda HR-V ใหม่ จึงถูกนำเสนอผ่านการสื่อสารทางการตลาดด้วย Concept “What’s Calling You? ทุกเสียงเรียกจากข้างใน…ตามไปให้สุด” ซึ่งสะท้อนชีวิตอินไซต์ของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการออกไปใช้ชีวิตตามที่หัวใจเรียกร้อง

Honda-HR-V-2018

Honda HR-V ใหม่ มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น E ราคา 949,000 บาท
  • รุ่น EL ราคา 1,059,000 บาท
  • รุ่น RS ราคา 1,119,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี โดยมีสีใหม่ คือ สีแดงแพสชั่น (มุก) และอีก 4 สี

ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)

พบกับ Honda HR-V ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม เป็นต้นไป และจองรถได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

แต่ถ้าติดเรื่องงบประมาณ แนะนำให้ลองดู Honda HR-V มือสองสภาพดีๆ สักคัน ในราคาที่ถูกกว่ารถป้ายแดง ก็ลองเข้าไปเลือกค้นหาได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/honda-hrv ครับผม!

หมายเหตุ:

– อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
– สีแดงแพสชั่น (มุก) มีเฉพาะรุ่น RS
– สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
– สำหรับสีแดงแพสชั่น (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท