5 ประเภทรถยอดฮิต ของสะสมคนมีเงิน

พูดถึง “คนมีเงิน” แล้ว หลายคนสร้างเนื้อสร้างตัวเองขึ้นมาได้จนร่ำรวย อายุน้อยร้อยล้าน หรือเกิดมาเป็นลูกคนรวย หลายคนรู้จักต่อยอดเพิ่ม มี Passive Income จากการเทรดคริปโต เล่นบิตคอยน์ หรือเก็บค่าเช่าบ้าน ที่ดิน หรือมีกงสี นั่งบริหารอยู่ในบริษัทฯ ของครอบครัว สบายไปทั้งชีวิต มีความรวยจนสามารถซื้อหาสิ่งต่างๆ มาเป็นรางวัลชีวิตได้มากมาย อาทิ นาฬิกา, พระเครื่อง, เครื่องเพชร, บ้าน หรือที่ดิน เป็นต้น

แต่ทุกวันนี้ ต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่า “รถยนต์” คือสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นของเล่น ของสะสม ของคนรวย มหาเศรษฐี คนดัง หรือดารา ยิ่งประเด็นเรื่องรถหรู ซุปเปอร์คาร์ มีเป็นข่าวให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

ไม่ว่าจะเป็นคนรวย หรือลูกคนรวย รถยนต์ที่มีเป็นตัวเลือกให้เอาปากกามาวงก็มีเยอะอยู่ นับตั้งแต่รถซูเปอร์คาร์ รถโบราณ รถสปอร์ต รถหรู หรือรถ SUV คันโตๆ ก็มี ซึ่งหลายแบรนด์ก็รับสกุลเงินดิจิทัล ใช้คริปโต หรือบิตคอยน์ ซื้อรถหรูได้ด้วย

หากคุณยังนึกไม่ออกว่าถ้าเป็นคนรวย เป็นมหาเศรษฐี จะซื้อรถยนต์แบบไหน มาใช้หรือสะสมบ้าง? MR.CARRO จะมาเล่าให้ฟัง

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

1. รถสปอร์ต, รถ Supercar และ Hypercar

แน่นอนว่ารถสปอร์ต, รถ Supercar ย่อมมี Appeal ดึงดูดสายตาผู้คนอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยรูปทรงการออกแบบของรถหลายๆ แบรนด์ ที่มีโฉบเฉี่ยว ทรงพลัง ดูรวดเร็ว เครื่องยนต์ให้พลังแรง คนรวยหลายคนจึงนำเงินไปลงทุนกับรถประเภทนี้ อนาคตมีแต่ได้กับได้ กำไรใช้ ราคาไม่ตก …

และยิ่งในรถประเภท Hypercar จะยิ่งมีความพิเศษยิ่งกว่า ซึ่งนอกจากจะให้กำลังเครื่องยนต์มหาศาล (แบบไม่ต้องแคร์ราคาน้ำมันเบนซินเพียวๆ ลิตรละ 40 บาท) ยังต้องเป็นรถที่ผลิตจำนวนจำกัด หรือสามารถทำความเร็วได้สูงมากๆ อีกด้วย

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

เรียกได้ว่าหากคนรวยจะมีรถ Supercar สักคัน ฐานะทางการเงินของเขาต้องมีมากกว่าราคาตัวรถแน่นอน ซึ่งในบ้านเรา ราคารถ Supercar ส่วนมากก็มักจะมีหลักสิบล้านบาทขึ้นไป จนถึงเฉียดๆ คันละร้อยล้านก็มีมาแล้ว และแบนด์ของรถ Supercar หรือ Hypercar ที่เหล่าคนรวยนิยม ก็จะมีอาทิ Ferrari, Maserati, Lamborghini, Konigsegg, McLaren, Aston Martin, Pagani หรือ Bugatti เป็นต้น

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

2. รถหรูระดับ Ultra Luxury

อีกหนึ่งในรถยนต์ยอดนิยมของบรรดาคนรวย หรืออภิมหาเศรษฐี ที่นิยมในหรูหรา ความโมเดิร์นคลาสสิค หรือความอัครฐานของยานยนต์ที่ใช้ ที่เรียกได้ว่านั่งด้านหลังแล้ว ดุจประธานบริษัทผู้ยิ่งใหญ่ในปฐพี ก็คงต้องยกให้กับรถยนต์ประเภท Ultra-Luxury ที่บางแบรนด์บอกนั่งแล้ว นุ่มสบาย ประดุจนั่งบนพรมวิเศษเลยทีเดียว

ซึ่งคนเล่นรถประเภทนี้ แน่นอน ฐานะทางการเงินของเขาต้องมีมากกว่าราคาตัวรถเหมือนข้างบน

สำหรับในบ้านเรา รถหรูระดับ Ultra-Luxury บรรดาคนรวยนิยมกันก็มีอยู่หลากหลายยี่ห้อ อาทิ Mercedes-Maybach, Bentley หรือ Rolls-Royce เป็นต้น

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

3. รถ SUV หรู

ตลาดเอสยูวี (SUV) หรือรถยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ นี่ก็เรียกว่าเป็นรถยนต์ที่บรรดาคนรวยยอดนิยมเช่นกัน โดยในหลายๆ แบรนด์ ต่างเอาอกเอาใจลูกค้าอภิมหารวยกลุ่มนี้ ต่างต้องผลิตรถประเภท Super Luxury ในรูปแบบ SUV ออกมาเสิร์ฟคนรวยสายลุยกันเป็นแถวๆ

ด้วยคุณสมบัติของรถ SUV รุ่นใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนเมื่อยุค 80 หรือ 90 แล้ว ปัจจุบันเน้นขับง่าย หรูหรา เทคโนโลยีล้ำยุค กับขุมพลังที่มีความแรงมหาศาล บวกกับความเหนือชั้นในแง่ของประโยชน์ใช้สอย ของพื้นที่บรรทุกสัมภาระ และหลายค่ายที่ออกแบบตัวรถให้ดูผสมผสานกับรถแนว Supercar แล้ว หลายคนจึงปฏิเสธในการเป็นเจ้าของไม่ลง

สำหรับรถ SUV แบบ Super Luxury ก็มีให้เลือกด้วยกันหลายค่าย ได้แก่ Porsche, Aston Martin, Mercedes-Maybach, Maserati, Range Rover, Bentley, Lamborghini หรือ Rolls-Royce เป็นต้น

เกิดเป็นลูกคนรวย ต้องเลือกใช้รถอะไร ถึงทำให้คนหันมามองได้สำเร็จ!

4. รถโบราณ รถคลาสสิค

สำหรับ “รถโบราณ” นี่ก็จัดเป็นรถยอดนิยมของคนรวย หรืออภิมหาเศรษฐี และบรรดานักการเมือง ที่ชอบความคลาสสิค ความงดงามของยานยนต์ในอดีต

ซึ่งประเภทรถโบราณ และรถคลาสสิคใหม่ ตามแนวทางของสมาพันธ์รถโบราณสากล (FIVA – The Fédération Internationale des Véhicules Anciens) ได้ยึดเป็นมาตรฐาน และแบ่งออกได้เป็น 7 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  • รถรุ่นบรรพบุรุษ (Ancestor) ก่อนปี 1904
  • รถรุ่นผ่านศึก (Veteran) ปี 1904-1918
  • รถโบราณ (Vintage) ปี 1919-1930
  • รถก่อนสงคราม (Pre War) ปี 1931-1945
  • รถหลังสงคราม (Post War) ปี 1946-1960
  • รถคลาสสิค (Classic) ปี 1961-1970
  • รถคลาสสิคร่วมสมัย (Modern Classic) ปี 1971 – ปัจจุบัน -30 ปี

แต่เอาเท่าที่เห็น บรรดาคนรวยรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะนิยมรถประเภท รถคลาสสิค และรถคลาสสิคร่วมสมัยกันเยอะ เนื่องจากทันเห็นทันคุ้นเคยกับรถเหล่านี้ตั้งแต่สมัยวัยเด็ก (แน่นอนล่ะ ผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่ มีรถสมัยก่อนก็ต้องถือว่ามีฐานะ) หรือได้เห็นอิทธิพลมาจากหนังต่างประเทศ ที่นิยมรถอเมริกัน หรือรถยุโรปในยุค 70-80 มาก หลายคนจึงชื่นชอบรถประเภทนี้

และเราก็มีโอกาสได้เห็นลูกคนรวยหลายคน มีไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดังๆ กันด้วยกันหลายยี่ห้อ อาทิ ORA, Tesla, Mercedes-Benz, Audi, Volvo หรือ Porsche เป็นต้น

5. รถยนต์ไฟฟ้า

แน่นอนล่ะว่าเทรนด์ของโลกเราตอนนี้ “รถยนต์ไฟฟ้า” เรียกได้ว่ามาแรงที่สุดแล้ว และเป็นเทรนด์รักษ์โลก ขับรถไม่ต้องง้อน้ำมัน ในยุคที่ราคาน้ำมันขึ้นเอาๆ (แต่ต้องง้อสถานีชาร์จแทน) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราหลายยี่ห้อก็ยังจัดว่ามีราคาแพงอยู่ และบางคนก็อาจจะเลือกใช้รถยนต์แบบ PHEV (Plug-In Hybrid) แทนก็มี

อ่านเพิ่มเติม >> 10 อันดับ รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ราคาถูกสุดในไทย ปี 2022

และเราก็มีโอกาสได้เห็นคนรวยหลายคน มีไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดังๆ กันด้วยกันหลายยี่ห้อ อาทิ ORA, Tesla, Mercedes-Benz, Audi, Volvo หรือ Porsche เป็นต้น

Carro Express ขายรถกับคาร์โร อยากขายรถ ขายรถด่วน

สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิม ไปซื้อรถยนต์คันใหม่ มาขายรถกับทาง CARRO Express ได้ที่  https://th.carro.co/sell-car/express หรือถ้าหากต้องการซื้อรถคุณภาพเยี่ยม CARRO เราก็มีพร้อมให้คุณเลือกอย่างมากมายด้วยเช่นกัน พร้อมรับประกันสูงสุดถึง 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร กับ CARRO Automall ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://th.carro.co/taladrod/

Carro Automall / คาร์โร ออโต้มอลล์

หากใครอยากซื้อรถมือสองสภาพเยี่ยม ราคาสบายๆ และมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพทุกคัน CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยมผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ “click.buy.drive.” คุณสามารถจองรถออนไลน์ ได้ในเวลา 1 นาที!

ซึ่งรถของ CARRO Automall เรามีให้คุณเลือกมากมาย รถทุกคันผ่านการตรวจสภาพอย่างละเอียดแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด รวมไปถึงการการปรับสภาพ (Car Reconditioning) ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ที่ผ่านการผึกอบรมตามมาตรฐานคาร์โรกว่า 40 คน พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว กว่า 20 คัน/วัน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี “360 View & Sound Engine Analysis” เลือกชมรถยนต์เสมือนจริงออนไลน์รายแรกในไทย ทั้งภาพและเสียงในรูปแบบ 360 องศา รวมถึงมีเทคโนโลยีสนับสนุนฝ่ายขาย ทั้ง Digital Device ที่เชื่อมต่อกับ Digital Screen นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดการเรื่องเอกสารให้กับลูกค้าให้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับ Online Viewing Service ที่ลูกค้าสามารถวิดีโอคอล ตรวจสภาพรถยนต์คันที่สนใจได้แบบเรียลไทม์

เรารับประกันคุณภาพรถ 1 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร! (CARRO Quality Assurance) อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม กับ CARRO Automall สิ!

หรือถ้าหากสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall Thailand โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall ครับ

Ferrari เปิดตัว Ferrari Portofino M ม้าลำพองซูเปอร์คาร์เปิดประทุน GT

ที่สุดแห่งความเร้าใจกับผลงานชิ้นเอกส่งตรงจากมาราเนลโล มาพร้อมนวัตกรรมระบบขับเคลื่อน ซึ่ง คาวาลลิโน มอเตอร์ ผู้นำเข้าเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เผยโฉมวิวัฒนาการล่าสุดของม้าลำพองสายพันธุ์ใหม่ Ferrari Portofino M (เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน เอ็ม) ซูเปอร์คาร์เปิดประทุน GT แบบ 2+ ที่นั่ง ที่จะมอบอรรถรสและความเพลิดเพลินในการขับขี่แบบดื่มด่ำไปกับสายลมขึ้นไปอีกขั้น โดยแฟนม้าลำพองสามารถรับชมยนตกรรมรุ่นล่าสุดนี้ในรูปแบบ Live Streaming

Ferrari Portofino M

Ferrari Portofino M เป็นเฟอร์รารี่รุ่นแรกที่ได้ทำการเปิดตัวในรูปแบบออนไลน์ให้แฟนๆ ม้าลำพองได้ยลโฉมพร้อมกันทั่วโลกไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 นับเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์กว่า 70 ปี ของแบรนด์จากมาราเนลโล รถรุ่นนี้จึงเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งการเดินทางเพื่อการค้นพบครั้งใหม่ เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพครั้งใหม่ของรถเปิดประทุนรุ่นขายดี โดยอักษร “M” ต่อท้ายย่อมาจาก “Modificata” หมายถึง รถยนต์ที่ผ่านการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะขึ้นจากเดิม

Ferrari Portofino M

วิวัฒนาการล่าสุดของ Ferrari Portofino M ซูเปอร์คาร์สายพันธุ์สปอร์ตเปิดประทุนแนว GT แบบ 2+ ที่นั่งมาพร้อมพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ความจุ 3,855 ซีซี ซึ่งอยู่ในตระกูลของขุมพลัง V8 Turbo ที่ได้รับรางวัล “International Engine of the Year” ถึง 4 ปีซ้อน ได้รับการปรับแต่งให้ปลดปล่อยพละกำลังได้ถึง 620 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที รวมทั้งจัดองค์ประกอบทางเทคนิคใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ V8 Turbo, ปุ่ม Manettino แบบ 5 โหมด รวมถึงโหมด Race และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดรุ่นใหม่ล่าสุด

Ferrari Portofino M

ซึ่งผลลัพธ์จากฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Ferrari Portofino M มีสมรรถนะที่ครบเครื่องตามแบบฉบับของรถ GT ขนานแท้ทั้งในด้านของอัตราเร่ง, การทรงตัว, ความเร้าใจในการขับขี่, ความคล่องตัว สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกวันตามที่ต้องการ

Ferrari Portofino M

Ferrari Portofino M มาพร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.45 วินาที และอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ภายใน 9.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 320 กม./ชม. ขณะที่ชุดหลังคาแข็งควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (RHT – Retractable Hard Top) สัญลักษณ์สำคัญของรถเปิดประทุนจากม้าลำพอง และด้วยขนาดกะทัดรัดของ Ferrari Portofino M ทำให้สามารถใช้งานได้ในทุกโอกาส

Ferrari Portofino M

ราคาของ Ferrari Portofino M เริ่มต้นที่ 21,840,000 บาท โดยมี Warranty การรับประกันฟรี 3 ปี ไม่จำกัดระยะทางสามารถต่ออายุได้ถึง 15 ปี และการดูแลบำรุงรักษาฟรี 7 ปีโดยบริการจากทีมช่างผู้ชำนาญการด้วยเครื่องมือตามมาตรฐานจากโรงงานเฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล ประเทศอิตาลี

และสำหรับใครที่อยากได้ซูเปอร์คาร์ไว้ใช้สักคัน อยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อซูเปอร์คาร์มาขับเท่ๆ บ้าง มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

ถึงเมืองไทยแล้ว! Ferrari SF90 Spider (เฟอร์รารี่ เอสเอฟ 90 สไปเดอร์) ที่สุดแห่งซูเปอร์คาร์ทรงพลังส่งตรงจาก Maranello (มาราเนลโล) สุดยอดสปอร์ตคาร์เปิดประทุน Plug-In Hybrid (ปลั๊กอินไฮบริด) คันแรกของเฟอร์รารี่ ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อมอบความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ผ่านการเปิดตัวรูปแบบดิจิทัล ในราคา 44,900,000 บาท!!!

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

Ferrari SF90 Spider คือ ซูเปอร์คาร์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด แบบเปิดประทุนรุ่นแรกจากม้าลำพอง ที่สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในส่วนของสมรรถนะ นวัตกรรม และความเร้าใจในการขับขี่ให้กับแบรนด์เฟอร์รารี่ ตลอดจนบรรดารถสปอร์ตในกลุ่มเดียวกันอีกด้วย อีกทั้งยังมีสเปกและสมรรถนะระดับทำลายสถิติ เช่นเดียวกับที่สุดแห่งซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari SF90 Stradale (เฟอร์รารี่่ เอสเอฟ 90 สตราดาเล)

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

ทั้งยังเพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นไปอีกขั้น ด้วยหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเฟอร์รารี่ ซึ่งนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2011 กับ Berlinetta (เบอร์ลิเนตต้า) เครื่องวางกลางลำ SF90 Spider แสดงให้เห็นนิยามใหม่ของซูเปอร์คาร์ ที่เป็นรถในอุดมคติของผู้ที่ต้องการสุดยอดแห่งเทคโนโลยีจากเฟอร์รารี่ ทว่ายังคงหลงใหลความสุขแห่งการขับขี่รถยนต์แบบเปิดประทุน

นอกจากนี้ SF90 Spider ยังแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษ และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยเฉพาะพละกำลัง 780 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 Turbo เสริมทัพด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยใช้หนึ่งตัวที่ล้อคู่หลัง และอีกสองตัวสำหรับล้อหน้า นำมาซึ่งกำลังรวมสูงสุดมหาศาลถึง 1,000 แรงม้า

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

Ferrari SF90 Spider มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) เช่นเดียวกับ SF90 Stradale ช่วยยกระดับประสิทธิภาพขณะออกตัวขึ้นสู่ความเร็วอันน่าทึ่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.0 วินาทีเท่านั้น

ภาพลักษณ์และสัมผัสของห้องโดยสาร ได้รับอิทธิพลส่วนใหญ่มาจากระบบ HMI (Human Machine Interface) ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ SF90 Spider พวงมาลัยแบบใหม่สั่งงานด้วยการสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้เกือบทุกฟังก์ชั่นโดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย จอแสดงผลส่วนกลางระบบดิจิทัล ขนาด 16 นิ้ว เป็นแบบจอโค้งความคมชัดสูง สามารถตั้งค่าและควบคุมได้อย่างครบถ้วนผ่านพวงมาลัย

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

ข้อมูลหลักๆ จะแสดงผลบนกระจกหน้ารถผ่านระบบ Head-up Display นั่นหมายถึง การมีสมาธิขณะขับขี่มากขึ้น ตรงตามปรัชญา “ตาอยู่บนถนน มืออยู่บนพวงมาลัย” ที่ผลักดันให้มีการพัฒนาระบบ HMI ขึ้นเพื่อใช้กับรถแข่ง Formula 1 ของเฟอร์รารี่ทุกคัน ก่อนที่จะถ่ายทอดมาสู่รถถนนของเฟอร์รารี่

เช่นเดียวกับรถแบบสไปเดอร์รุ่นอื่นๆ ของม้าลำพอง หลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ของ SF90 Spider รับประกันได้ว่าจะมีเสียงรบกวนน้อยที่สุด ปกป้องผู้โดยสารจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้เป็นอย่างดีเมื่อปิดหลังคา ทั้งยังให้พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับทุกคน หลังคามีขนาดกะทัดรัด เรียบง่าย และน้ำหนักเบา สามารถเปิด-ปิด ในเวลาเพียง 14 วินาที และทำงานได้แม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่อีกด้วย

Ferrari SF90 Spider ม้าลำพองเปิดประทุน Plug-In Hybrid

สำหรับราคาของเฟอร์รารี่ SF90 Spider เริ่มต้นที่ 44,900,000 บาท โดย คาวาลลิโน มอเตอร์ มี Warranty การรับประกันฟรี 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สามารถต่ออายุได้ถึง 15 ปี และการดูแลบำรุงรักษาฟรี 7 ปี พร้อมบริการจากทีมช่างผู้ชำนาญการด้วยเครื่องมือตามมาตรฐานจากโรงงานเฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล ประเทศอิตาลี

และสำหรับใครที่อยากได้ซูเปอร์คาร์ไว้ใช้สักคัน อยากขายรถคันเดิม เอาเงินไปซื้อซูเปอร์คาร์มาขับเท่ๆ บ้าง มาขายรถคันเดิมกับ CARRO Express สิ! หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

อีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ!

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้ เรายินดีหาให้! เพียงแค่กรอกเบอร์โทรศัพท์ ชื่อยี่ห้อ / รุ่นรถ ที่คุณต้องการก็ได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังสามารถ Inbox เข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง โทร. 02-508-8690 หรือทาง Line @carroautomall

10-Most-Valuable-Auto-Companies-In-The-World-2021

ในโลกของเรานี้มีบริษัทรถอยู่มากมาย บางยี่ห้อสามารถพาตัวเองขึ้นมาเป็นมูลค่าอันดับต้นๆ ของโลกได้ ต้องสั่งสมคุณภาพและมาตรฐาน เป็นที่น่าเชื่อถือของผู้ใช้รถได้ยาวนานนับหลายสิบปี หรือร้อยปี จนสามารถผลิตรถได้หลายล้านคันต่อปี และมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก

การที่บริษัทรถหลายแห่งได้รับความเชื่อใจจากลูกค้ามากมายทั่วโลก ก็ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นตาม นักลงทุนเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายและกำไรได้มาก นั่นก็หมายถึงเงินปันผลที่เขาจะได้รับก็มากไปด้วยเช่นกัน และในขณะเดียวกัน บริษัทรถที่มีปัญหาเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ หรือลูกค้าเสียความเชื่อมั่น ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น และฐานะทางการเงินของบริษัทโดยเลี่ยงไม่ได้

MR.CARRO ขอนำรายละเอียด 10 อันดับ บริษัทรถยนต์ มูลค่ามากที่สุดในโลก ประจำปี 2021 มาฝากทุกท่านครับ

Tesla-One-Million-Cars-Production

1. Tesla

Tesla มูลค่าบริษัท 582.93 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ก็ว่าได้ สำหรับ Tesla (เทสล่า) ที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อ 1 กรกฎาคม 2003 โดย Martin Eberhard และเพื่อนของเขา Marc Tarpenning ที่ต้องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความสปอร์ตและหรูหรา แล้วก็นำชื่อของ Nikola Tesla (นิโคลา เทสลา) ผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สาย ผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแบบใช้ก๊าซให้แสงสว่าง เป็นต้น

ต่อมา Elon Musk (อีลอน มัสก์) เห็นว่าแนวคิดตรงกัน เลยเข้ามาลงทุนในบริษัทนี้ พร้อมกับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกจำหน่าย โดยใช้เวลาเพียง 17 ปี ก็สามารถเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกได้

ทุกวันนี้ Tesla เปรียบได้กับตัวแทนของเทคโนโลยีรถยนต์แห่งอนาคต และ Elon Musk ยังเปรียบได้ว่าเป็น “ราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้า” ก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครจะพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าในด้านไหนก็ตาม ผู้คนมักนึกถึงหน้าเขาเป็นอันดับต้นๆ อยู่ตลอดเวลา

Toyota-Century

2. Toyota

Toyota มูลค่าบริษัท 246.61 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

จากบริษัทโรงงานทอผ้า Toyoda Automatic Loom Works ที่ก่อตั้งโดย Sakichi Toyoda ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชานักประดิษฐ์” ของญี่ปุ่น ในปี 1929 ได้ขายสิทธิบัตรการผลิตเครื่องทอผ้าอัตโนมัติให้กับ Platt Brothers & Co ประเทศอังกฤษ พร้อมกับนำเงินทุนมาตั้งบริษัท Toyota Motor ลุยกับการผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัว

โดย Kiichiro Toyoda (คิอิชิโร โทโยดะ) ทำหน้าที่รับช่วงต่อ เริ่มผลิตรถ Toyoda AA (โตโยด้า เอเอ) ออกจำหน่ายในปี 1936 จน Toyota (โตโยต้า) ก้าวขึ้นมาสู่อันดับ 1 ของโลกของยานยนต์ ที่ครองใจคนใช้รถไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ Toyota ได้แก่ Toyota, Lexus, Daihatsu, Hino และยังถือหุ้นใน Mazda กับ Subaru อีกด้วย

Bye-Bye-Volkswagen-Beetle

3. Volkswagen

Volkswagen มูลค่าบริษัท 173.46 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

เป็นรถที่เกิดขึ้นในยุค Aldorf Hitler (อดอล์ฟ ฮิตเลอร์) หัวหน้าพรรคนาซี เป็นผู้นำประเทศ ในยุคเผด็จการฟาสซิสต์ขวาจัดตกขอบ ผู้สังหารหมู่ชาวยิวนับล้านคนและนำทัพเยอรมนีบุกไปหลายประเทศช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1937 ได้มีแนวคิดสร้างรถยนต์สำหรับประชาชนขึ้น โดยตั้งชื่อว่า Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) ตามภาษาเยอรมันที่คำว่า Volk แปลว่า ประชาชน ส่วน Wagen แปลว่า รถยนต์ รวมกันแล้วเป็น “รถยนต์ของประชาชน”

ปัจจุบัน แบรนด์รถในเครือ Volkswagen มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Volkswagen, Porsche, Audi, Bugatti, Bentley, Lamborghini, Skoda, Scania, MAN, Neoplan และ Ducati เป็นต้น

4. Daimler

Daimler มูลค่าบริษัท 102.65 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

ชื่อ “Daimler” มาจากบริษัท Daimler Motoren Gesellschaft ของ Gottlieb Daimler (กอตต์ลีบ เดมเลอร์) ผู้ประดิษฐ์รถยนต์ 4 ล้อคันแรกของโลก ที่ถูก Wilhelm Maybach (วิลเฮลม์ มายบัค) เข้ามาสืบทอดกิจการต่อ

ในปี 1926 ได้รวมเข้ากับบริษัท Benz Cie & Co. จึงจับชื่อมาชนกัน แล้วขายรถในชื่อ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตั้งแต่ปี 1926 แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทว่า Daimler-Benz ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Daimler-Chrysler เมื่อคราวรวมกิจการกับ Chrysler ในปี 1998 และกลับมาใช้ชื่อ Daimler AG อีกครั้งในปี 2007 หลังจากการแยกตัวของ Chrysler

แบรนด์รถในเครือ Mercedes-Benz ได้แก่ Mercedes-Benz, Smart, Maybach, AMG, Freightliner, Western Star, Bharat Benz, Setra, Fuso, Starliner

All-New-Chevrolet-Captiva-2019

5. GM

GM มูลค่าบริษัท 86.53 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

GM (จีเอ็ม) หรือ General Motors เคยได้ชื่อว่าบริษัทรถที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาก่อน จดทะเบียนครั้งแรกในวันที่ 16 กันยายน 1908 ในเมือง Flint รัฐ Michigan และบริหารงานโดย William C. Durant เจ้าของบริษัทผลิตรถม้า ดูแรนท์ ดอร์ท แคร์ริเอจ (Durant-Dort Carriage Company) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Buick (บูอิค) โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Charles Stewart Mott เป็นผู้ริเริ่มนำบริษัทควบรวมกับ Buick และภายหลังเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเพียงคนเดียว ก่อนจะขยายกิจการด้วยการซื้อแบรนด์อื่นมารวมใน GM มากมาย

แบรนด์รถในเครือ GM ได้แก่ Chevrolet, Cadillac, Buick, GMC และ Holden

BYD-T3

6. BYD

BYD มูลค่าบริษัท 79.57 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

BYD (บีวายดี) หรือ Build Your Dreams ก่อตั้งเมื่อปี 1995 โดย Wang Chuanfu เติบโตมาจากบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับมือถือ ต่อมาในปี 2002 BYD เข้าซื้อกิจการของบริษัท Tsinchuan Automobile หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน. ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น BYD Automobile Co.,Ltd.

ซึ่ง BYD นับตั้งแต่ปี 2008 เริ่มเน้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจำหน่ายมากเป็นพิเศษ จนถึงขนาด Warren Buffet เข้ามาซื้อหุ้นของ BYD บริษัทแม่ถึง 10% (คิดเป็นเงิน ณ ตอนนั้นราว 230 ล้านเหรียญ) จัดได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก (ในแง่ความหลายหลายของผลิตภัณฑ์ มีทั้งรถยนต์ รถบัส รถบรรทุกไฟฟ้า และโรงงานผลิต เป็นต้น) ที่ในไทยก็มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว

แบรนด์รถในเครือ BYD ได้แก่ BYD และ Denza เป็นต้น

BMW-Series-3-2019

7. BMW

BMW มูลค่าบริษัท 71.70 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1916 ที่เยอรมนี โดยวิศวกรเครื่องกลชาวบาวาเรีย 2 คน คือ Carl Rapp และ Max Friz ซึ่งเริ่มต้นผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน โดยใช้ชื่อว่า Bayerische Flugzkugwerke AG แต่ในปี 1918 ก็เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Bayerische Motoren Werke AG ซึ่งแปลว่า งานผลิตรถยนต์ ของคนบาวาเรีย ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ BMW ได้แก่ BMW, Mini และ Rolls-Royce

All-New-NIO-ET7

8. NIO

NIO มูลค่าบริษัท 67.44 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

NIO (นิโอ) นับเป็น Startup ด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของจีนในเวลานี้ มาในรูปแบบของรถหรูไฮเทคคันแรกของค่าย อย่าง NIO ET-7 มีจุดเด่นที่ด้านการออกแบบ นวัตกรรม เทคโนโลยี แถมยังได้ชื่อว่าเป็น Tesla (เทสล่า) แห่งประเทศจีนอีกด้วย!

สำหรับ NIO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย William Li (วิลเลียม หลี่) หรือ หลี่ปิน มหาเศรษฐีที่ได้ชื่อว่าเป็น Elon Musk (อีลอน มัสก์) แห่งประเทศจีน! ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของตัวเองขึ้นมาตอนอายุ 21 จนถึงในปัจจุบัน ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมไอที และรถยนต์ไปแล้วกว่า 40 บริษัท รวมทั้ง NIO รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2014

Peugeot-3008

9. Stellantis

Stellantis มูลค่าบริษัท 62.61 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

หลายคนอาจงงว่า Stellantis (สเตแลนทิส) คือกลุ่มของบริษัทอะไร? MR.CARRO จะเล่าย้อนไปในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกันของ 2 ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ คือ Groupe PSA (กรุ๊ป พีเอสเอ) และ FCA (เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิล) ควบรวมธุรกิจในสัดส่วน 50:50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2019 ภายใต้ชื่อใหม่ Stellantis (มาจากภาษาลาติน แปลว่า ดวงดาวอันเจิดจรัส สื่อถึงแรงบันดาลใจ) ส่งผลให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 400,000 ชีวิต ในกว่า 130 ประเทศ

แบรนด์รถในเครือ Stellantis ได้แก่ Abarth, Alfa Romeo, Lancia, Maserati, Fiat, Citroen, DS, Peugeot, Chrysler, Jeep, Dodge, RAM, Opel และ Vauxhall

Ford-Mustang-Mach-E-2021

10. Ford

Ford มูลค่าบริษัท 59.52 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

Ford (ฟอร์ด) บริษัท Ford Motor Company ถือกำเนิดขึ้นโดย Henry Ford ในปี 1903 ผู้ให้กำเนิดระบบสายพานการผลิต เข้ากับการผลิตยานยนต์ในจำนวนมากๆ และมีต้นทุนที่ถูกลงมา นับเป็นการปฏิวัติการผลิตเชิงอุตสาหกรรมของโลก ที่รถยนต์ทุกค่ายต้องหันมาทำตามหมด และยังมีอิทธิพลอย่างมากกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ โดยนักทฤษฎีสังคมหลายคน ถึงกับเรียกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมช่วงนี้ว่า “แบบฟอร์ด” (Fordism) ซึ่งมีส่วนก่อให้เกิด “ชนชั้นกลาง” ขึ้นมาในสังคมอเมริกัน

แบรนด์รถในเครือ Ford ได้แก่ Ford และ Lincoln

Honda-Civic-Hatchback

11. Honda

Honda มูลค่าบริษัท 55.07 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ

Honda (ฮอนด้า) ก่อตั้งเมื่อปี 1948 โดย Soichiro Honda (โซอิชิโร ฮอนดา) ลูกช่างตีเหล็กแห่งเมืองฮารามัตสุ ผู้หลงไหลในยานยนต์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ได้ฉายาว่าเป็น Henry Ford ของญี่ปุ่น เริ่มต้นจากการตั้งสถาบันเทคโนโลยีฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์ รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะก้าวมาสู่การผลิตรถยนต์ รวมไปถึงเครื่องตัดหญ้า เครื่องปั่นไฟ เครื่องยนต์เรือ เครื่องบินเจ็ท และขยายกิจการไปทั่วโลก

แบรนด์รถในเครือ Honda ได้แก่ Honda และ Acura

สำหรับใครที่กำลังอยากขายรถคันเดิมเวลานี้ สามารถขายรถคันเดิมของคุณกับทาง CARRO ดูได้ โดยได้ราคาที่ดีที่สุด รับประกันความพึงพอใจ พร้อมปิดการขายภายใน 24 ชั่วโมง! กับ CARRO Express แค่คลิก -> https://th.carro.co/sell-car/express หรือจะ Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai

และอีกหนึ่งบริการใหม่! CARRO Automall แหล่งรวมรถมือสองคุณภาพเยี่ยม ผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check รับประกันพร้อมโอนทุกคัน ฟรี! ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ ซื้อรถ คลิก -> https://th.carro.co/taladrod/allcar/carro 

หรือสนใจรถรุ่นไหนอยู่ แต่หาไม่ได้ สามารถสั่งตามออเดอร์ได้ที่นี้ > https://th.carro.co/buy-car หรือโทร. 02-508-8690 อีกทั้งยัง Inbox เข้ามาสอบถามก็ได้เช่นกันได้ที่ Facebook -> CARRO Automall – รถบ้านมือสอง หรือทาง Line เชิญเลยครับที่ @carroautomall

แหล่งที่มาจาก: